"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 570828 ครั้ง)

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
.
.
.
.

“เหมือนอะไรครับ?” ผมแกล้งถามทั้งที่รู้

“เหมือน...” ฟันซี่สวยกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้แน่น ตากลมโตหลุบต่ำเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิด ลังเลที่จะพูดหรือไม่ก็กลัวที่จะพูดออกมา แปลว่าคนตรงหน้าผมกำลังแคร์ความรู้สึกของผมอยู่ ถึงไม่ยอมพูดอะไรที่อาจจะทำร้ายจิตใจผม

“เหมือนอะไรครับ?” ผมถามซ้ำ กดจูบที่แก้มซ้าย แก้มขวา ประคองใบหน้าน่ารักให้เงยขึ้นมาสบตา

“คุณหมอ...แกล้งผมใช่ไหม” คนน่ารักของผมตัดพ้อเบาๆ ก่อนจะสอดแขนเข้ามากอดผมไว้เสียแน่น ซบหน้าลงบนอกผมอย่างที่ทำเป็นประจำ

“ไม่ได้แกล้งครับ แค่อยากรู้ว่าเหมือนอะไร?...กลัวผมทิ้งคุณฟ้าเหมือนที่คุณนนท์ทิ้งงั้นเหรอครับ” ผมถามเอากับกลุ่มผมนุ่ม

“....” คุณฟ้าไม่ตอบแต่อาการนิ่งก็ช่วยยืนยันคำตอบได้เป็นอย่างดี

“ผมกลัวคุณหมอทิ้งผม” สุดท้ายคุณฟ้าก็พูดออกมา หลังจากที่เงียบไปนาน แล้วผมก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากกอดคุณฟ้าอยู่อย่างนั้น

“ไม่หรอกครับ ไม่ทิ้ง”

“.......แน่นนะครับ”

“แน่ครับ ผมจะทิ้งได้ไง คบกันได้แค่ห้าวันเอง จะทิ้งได้ไง” สงสัยคำตอบของผมจะไม่ถูกใจคนถาม ไอ้อาการดิ้นรนหนีออกจากอ้อมกอดผมก็ตามมาทันที คุณฟ้าทั้งผลักทั้งดันตัวผมออก แต่สู้แรงของผมไม่ได้ สุดท้ายถึงได้สงบลง ผมงงว่าผมพูดผิดไปตรงไหน แล้วผมก็เข้าใจในทันที เมื่อคนน่ารักของผมบอกเสียงอู้อี้เอากับอกผม อกผมสัมผัสเข้ากับน้ำอุ่นๆ อีกครั้ง

“นนท์ยังทิ้งผมไปได้เลย คบกันมาตั้งหลายปี” คุณฟ้าร้องไห้อีกแล้ว

“ผมไม่ทิ้งคุณฟ้าหรอกครับ สัญญา”

“นนท์ก็เคยสัญญาว่าจะไม่ทิ้งผม”

“.....” ผมถอนหายใจหนัก ไม่ว่าจะพูดอะไร คุณฟ้าเอาผมไปเปรียบกับคุณนนท์ตลอด ผมเข้าใจนะว่ามันเป็นช่วงที่ยังลืมคนเก่าไม่ได้ แต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บที่อกอยู่ดี

“คุณหมอ....รำคาญผมใช่ไหมครับ” คุณฟ้าดันตัวเองออกจากอ้อมแขนผม มองผมตาละห้อย ทำหน้าเหมือนเด็กถูกผู้ปกครองทิ้งไว้ที่โรงเรียนอนุบาล เช็ดน้ำตาตัวเองปอยๆ

“เปล่าครับ”

“รำคาญผมจริงๆ ด้วย” บางครั้งคุณฟ้าก็ทำตัวเหมือนเด็กที่คิดเองเออเองได้ตลอด ผมลูบใบหน้าชื้นน้ำตา มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลมโตคลอน้ำตา

“ผมบอกสักคำไหมว่าโกรธคุณฟ้า รำคาญคุณฟ้า ที่ผ่านมาไม่เห็นหรือครับว่าผมจริงจังกับคุณฟ้ามากแค่ไหน เวลาระหว่างผมกับคุณฟ้ามันอาจจะยังไม่มาก แต่ผมก็มั่นใจนะครับว่าจะไม่ทำให้คุณฟ้าเสียใจเด็ดขาด” ผมพูดด้วยความจริงจัง หน้าตาของผมคงจะจริงจังตามสิ่งที่ผมพูดด้วย คุณฟ้าถึงอ่อนลง

“ผมขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ผมกลัว ผมไม่อยากถูกทิ้ง” น้ำตายังไหลตอนที่คุณฟ้าพูด ผมต้องเช็ดน้ำตาให้อีกครั้ง ดูแล้วคุณฟ้าเป็นคนที่ถ้าได้ร้องไห้แล้วน่าจะร้องไม่หยุด

“ไม่ร้องนะครับ คนดีของผม” คุณฟ้าพยักหน้าช้าๆ ดึงมือผมไปกุม น้ำตาไม่ไหลแล้วเพราะเจ้าตัวกั้นมันเอไว้เต็มที่ เห็นแล้วสงสาร เหมือนเด็กที่ถูกพ่อแม่สั่งไม่ให้ร้องไห้ทั้งที่ตัวเองอยากร้องไห้ใจแทบขาด

“อย่าทิ้งผมไปนะครับ” คุณฟ้าบอกเอากับมือผมที่ชิดอยู่กับปากบาง จูบซับลงไปที่หลังมือผม ก่อนจะช้อนตากลมๆ ขึ้นมามองหน้าผม ตาสวยดูเศร้าปนไปกับความรู้สึกคาดหวังในคำขอ

“ไม่ทิ้งหรอกครับ น่ารักขนาดนี้” ผมว่าแล้วจูบหน้าผากมน ไล่มาที่ปลายจมูกเล็ก และกลีบปากบาง แต่ต้องมาสะดุดกับหลังมือนิ่มที่ยกขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ของคุณฟ้า มืออีกข้างก็ดันแผ่นอกผมเอาไว้ ขณะที่เจ้าตัวขยับถอยห่าง ผ้าห่มร่นจนเกือบจะอวดโฉมคุณฟ้าน้อย ดีที่เอื้อมมาดึงเอาไว้ทัน

“ยังไม่ได้แปรงฟันเลย” พูดกันไปตั้งเยอะ เพิ่งมาห่วงเรื่องกลิ่นปาก

“ไม่มีกลิ่นหรอกครับ” ไม่เหม็นจริงๆ นะครับ

“ไม่เอา ขอผมไปแปรงฟันก่อน” ว่าแล้วคุณฟ้าก็ก้าวลงจากเตียง แต่พอเท้าแตะพื้นเท่านั้นแหละ ก็กลับมานั่งแหมะอยู่ที่เตียงเหมือนเดิม หันมามองค้อนผมทันทีอย่างคาดโทษ ผมได้แต่ส่งยิ้มจืดๆ ไปให้

โดยไม่ต้องมีคำสั่งหลุดออกมาจากปากคนน่ารัก อย่างรู้หน้าที่ผมเดินอ้อมเตียงมาช้อนร่างบางขึ้นสู่วงแขน เดินไปยังห้องน้ำ  ปล่อยให้ทำธุระส่วนตัวไป ส่วนผมก็เดินกลับมาเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปเก็บข้าวของที่รกๆ อยู่ด้านนอก สักพักก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นคุณฟ้านอนอยู่บนเตียงทั้งที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดร่างกายส่วนล่าง

“ง่วงหรือครับ” ผมคุกเข่าถามอยู่ข้างเตียง อดใจที่จะจูบแก้มหอมๆ ไม่ได้

“....ครับ” คุณฟ้าลืมตาขึ้นมาตอบ ตากลมโตแดงช้ำจนน่าใจหาย เห็นแล้วสงสาร ถ้าผมเดาไม่ผิดนี่คงแอบร้องไห้ในห้องน้ำแน่ๆ เพราะก่อนเข้าไป ตาไม่ช้ำแดงขนาดนี้

“ไปทำงานไหวไหมครับ” ผมถาม คุณฟ้าส่ายหน้า ลองเอามือแตะหน้าผากดู ไม่ร้อน หมดห่วงเรื่องเป็นไข้ไม่สบายไปได้เปราะหนึ่ง แต่ดูจากสภาพแล้ว ไม่อยากให้คุณฟ้าลุกไปทำงานเลย ยอมรับว่าเมื่อคืนผมรังแกคุณฟ้าไปมาก คุณฟ้าได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง แถมตอนนี้ตายังบวม หน้าก็ช้ำแดงเพราะการร้องไห้หนัก ให้ไปทำงานสภาพนี้ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตกใจ

“ไม่ไหวครับ อยากนอน...........กอดคุณหมอ” คุณฟ้าบอกเสียงหวาน ตากลมโตหลุบต่ำเพราะเขินอายกับคำพูดของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ขยับตัวเข้าไปข้างในเตียงมากขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่ให้ผมขยับขึ้นไปนอนด้วยกัน

“ให้กอดอย่างเดียวหรือครับ” ผมกระซิบถามข้างแก้มขึ้นสี ตอนนี้ทั้งตัวคุณฟ้าอยู่ในอ้อมกอดผมหมดแล้ว ผมมองใบหน้าน่ารัก คุณฟ้าเปลี่ยนไปเร็วมาก จากวันแรกที่เอาแต่ขับไสผมตลอด ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็เอาแต่ยืนยันว่าไม่ต้องมายุ่งกับตัวเอง พอมาวันนี้กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าผมเป็นคนสำคัญ ผมเป็นที่คุณฟ้ารักมากจนไม่อยากให้จากไปไหน

“หื่น...จะไม่ให้พักเลยรึไง”

“ก็คุณฟ้าน่ารัก” ผมว่า จุ๊บปากบางไปที อยากทำมากกว่านี้แต่ต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ เพราะขืนใช้ลิ้นอะไรๆ มันคงไม่หยุดอยู่แค่ในปากหวาน

“น่ารักแล้วต้องรักไปนานๆ นะครับ” คุณฟ้าว่า กอดผมแน่นขึ้น

“ครับ...ผมสัญญา” ผมตอบ ยืนยันคำพูดด้วยจูบที่ประทับหนักแน่นบนหน้าผากมน

“ผมเป็นเด็กกำพร้า” จู่ๆ คุณฟ้าก็พูดขึ้นมา รู้สึกว่าตัวคุณฟ้าสั่น ขณะที่น้ำเสียงเริ่มเบาลง แต่ยังคงเล่าเรื่องของตนเองให้ผมฟัง เรื่องที่ผมยังไม่รู้และคุณฟ้าคงอยากให้ผมรู้

“ผมกับพี่สาวถูกแม่ทิ้งไว้ในโรงพยาบาลตั้งแต่เกิด เราสองคนไม่รู้ว่าพ่อเป็นใครแม่เป็นใคร เกือบจะต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กแรกเกิด ถ้าคุณหมอที่ทำคลอดพวกเราไม่สงสารแล้วติดต่อเพื่อนสนิทให้มารับพวกเราไปดูแล” คุณฟ้าเล่า น้ำตาคลออยู่ที่เบ้าแต่ยังไม่ไหล ดูเหมือนเจ้าตัวก็พยายามจะกั้นเอาไว้

“คุณปู่กับคุณย่าที่เลี้ยงพวกเราสองคน ท่านทั้งสองไม่มีลูกครับ เลยรับเราสองคนเป็นบุตรบุญธรรม แต่ท่านไม่อยากให้เราสองคนเรียกว่าพ่อกับแม่ เพราะไม่อยากให้เราสองคนลืมคนที่ให้กำเนิดเรามา แม้พวกเขาจะไม่ต้องการเราสองคนก็ตาม ผมกับพี่สาวเลยเรียกท่านทั้งสองว่า ปู่กับย่าครับ”

ผมกอดคุณฟ้าแน่นขึ้น เข้าใจแล้วครับว่าทำไมคุณฟ้าถึงกลัวผมจะทิ้งไป

“คุณปู่กับคุณย่าผมเสียไปแล้วครับ พี่สาวผมก็เพิ่งแต่งงานไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนนนท์ก็ทิ้งผมไปเมื่ออาทิตย์ก่อน  ผมไม่อยากถูกทิ้งอีกแล้ว คุณหมออย่าทิ้งผมไปนะครับ” คุณฟ้าช้อนตาขึ้นมามองผมราวกับอ้อนวอนขอคำสัญญาจากผมอีกครั้ง ดวงตาที่ไหวระริกนั้นทำให้ผมสงสาร

“สัญญาครับ” ผมให้คำมั่นไม่ใช่เพราะความสงสาร แต่มาจากความรู้สึกรักที่ผมมีให้คนในอ้อมกอด

“ขอบคุณครับ” คุณฟ้ายิ้มเต็มหน้า ปากบางยื่นเข้ามาจูบที่ปากผม ก่อนลิ้นเล็กจะเป็นฝ่ายรุกเข้ามาในปากผมอย่างนิ่มนวล ผมปล่อยให้คุณฟ้าเป็นฝ่ายกระทำโดยที่ผมเป็นเพียงฝ่ายที่ตอบรับ คุณฟ้าไม่ได้จูบเก่งมากมายแต่ก็อ่อนหวานเหมือนที่ตัวคุณฟ้าเป็น

“อื้อออ....ไม่เอาครับ ยังเจ็บอยู่เลย” คุณฟ้ารีบดันตัวผมออก เมื่อผมลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ต่ำลงไปด้านล่างด้วยความเคยชิน

“เจ็บมากไหมครับ” ผมถาม มือลูบสะโพกเล็กเบาๆ

“มากครับ...เมื่อคืนก็ตั้งกี่ครั้ง คุณหมอก็น่าจะรู้” ประโยคหลังว่าไม่เต็มเสียงหนัก ใบหน้าเขินอายน่ารักมาก ผมเปลี่ยนจากมือที่ลูบไล่มากอดร่างบางดังเดิม

“ก็คุณฟ้าน่ารัก” ผมพูดคำเดิมๆ ที่มันเป็นความจริงที่สุด ไม่ว่ามองตรงไหนคุณฟ้าของผมก็น่ารัก น่ารักเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ผมสบตาด้วย

“รักผมไปนานๆ นะครับ”

“ครับ...จะรักให้นานเท่าชีวิตแล้วก็จะรักให้ดีที่สุดครับ” แล้วแก้มขาวก็ถูกผมกดจูบลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะนอนกอดกันอยู่อย่างนั้น ฟังเสียงลมหายใจของกันละกัน

“คุณหมอ”

“ครับ”

“ผมรักคุณหมอนะครับ”

“รู้แล้วครับ” ผมหอมแก้มขาวอีกจนได้

“แล้วคุณหมอรักผมไหม?” ตากลมรอเอาคำตอบ

“รักสิครับ” พูดได้เต็มปากครับว่ารัก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาเลยแม้แต่น้อย

“แล้ว....”

“ครับ” 

“แล้ววันนี้คุณหมอไม่ไปทำงานหรือครับ” ผมนึกว่าจะถามอะไร

“ไม่ครับ วันนี้ไม่เวร” วันนี้เป็นวันหยุดของผม อาทิตย์หนึ่งหยุดสองวัน

“หรือครับ” พูดแล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ก่อนจะส่งสายตาปริบๆ มาให้ผม

“ ผมไม่ได้ไปทำงาน กลัวเด็กๆ ไม่มีข้าวเช้ากิน คุณหมอซื้อข้าวให้พวกเด็กๆ ได้ไหมครับ คือเมื่อวานผมก็บอกว่าจะซื้อข้าวมันไก่ร้านที่อยู่ซอยถัดไปซะด้วย”

ให้มันได้อย่างนี่สิครับคนน่ารักของผม ไม่ไปทำงานแต่ก็ไม่ลืมหน้าที่ประจำของตัวเอง เมื่อครู่ยังเศร้าอยู่กับเรื่องในอดีตของตัวเอง ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาห่วงเรื่องปากท้องของลูกน้องในร้าน ผมพอรู้ครับว่าทุกเช้าคุณฟ้าจะซื้อข้าวเช้าไปให้เด็กในร้านก็ยีนกับแดน เดี๋ยวนี้เพิ่มมาอีกสองคนคือดาวกับตาม ส่วนมื้อกลางวันเห็นว่าผูกปิ่นโตกับร้าน ‘คนกันเอง’ ร้านเล็กๆ ของพ่อแม่แดน
 
“ครับ” แล้วผมมีหรือจะกล้าปฏิเสธ เด็กในร้านที่คุณฟ้าดูแล ก็น่าจะเป็นเด็กที่ผมต้องดูแลเหมือนกัน

“เกรงใจจังครับ” คุณฟ้าว่า ทำน่าเกรงใจผมสุดๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”

“ขอบคุณครับ” คำขอบคุณมาพร้อมกับปากเล็กที่ยกขึ้นแตะปากหนาของผม ก่อนจะถอนออก แล้วยิ้มหวานเอาใจผมสุดๆ

ผมลุกจากเตียงมาแต่งตัว ทั้งที่อยากจะกอดร่างบางไม่อยากปล่อยไปไหน แต่อดใจไว้ครับ ทำหน้าที่สำคัญแทนคุณฟ้าไปก่อน เดี๋ยวกลับมาค่อยขอรางวัลชุดใหญ่ ยังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดของผมอีกวันหนึ่ง ส่วนคุณฟ้าเป็นเจ้าของร้านจะหยุดพักอีกสักวันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก คิดแล้วก็มีความสุข พรุ่งนี้วันเกิดผมด้วย อยากจะชวนคุณฟ้าไปทำบุญด้วยกัน
 
“รีบกลับมานะครับ” คำที่บอกดังขึ้นตอนผมจับลูกบิดประตู เรียกให้ต้องหันหลังกลับมามองหน้าคนพูดที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ส่งยิ้มหวานมาให้ แทบอยากเดินกลับไปจูบปากเล็กๆ ที่พูดคำพูดนี้ออกมาเหลือเกิน

“ครับ” สุดท้าย ผมก็พูดแค่นี้แล้วออกจากห้องไป กลัวห้ามใจตัวเองไม่ให้จูบปากอย่างเดียวน่ะครับ ขอไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จเสียก่อนก็แล้วกัน กลับมาจะกอดให้หนำใจ

.

.

.

.

.

.

‘รีบกลับมานะครับ’

ประโยคแสนหวานของผมที่ออกมาจากปากคุณฟ้า ยังดังก้องอยู่ในหูของผมเหมือนว่าคุณฟ้ายืนกระซิบอยู่ข้างหูในตอนนี้ ผมซื้อข้าวเช้าไปให้ทุกคนในร้านเรียบร้อยแล้ว แถมยังบอกกับยีนอีกว่าคุณฟ้าขอหยุดพักสองวัน รายนั่นดี้ด้าใหญ่ เข้าใจครับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในลิฟท์ และประตูลิฟกำลังจะปิดเข้าหากัน ก็มีเสียงเรียกให้ผมต้องหยุดลิฟท์รอ

“รอด้วยค่ะ” เจ้าของเสียงคือหญิงสาวน่าตาน่ารักในชุดหมีที่วิ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาในลิฟท์ที่ผมกดรอ ในมือถือถุงพะรุงพะรัง มองมือตัวเองมีแค่ถุงข้าวมันไก่สี่ห่อ อาหารเช้าของผมกับคุณฟ้า

“ชั้นไหนครับ” ผมถามทันทีที่ประตูลิฟปิดเข้าหากันอีกครั้ง ในลิฟมีผมกับเธอสองคน

“14 ค่ะ” ชั้นเดียวกัน

“ช่วยถือไหมครับ ผมก็ชั้น 14 เหมือนกัน” ผมอาสาช่วย หญิงสาวที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของห้องชุดในคอนโดแห่งนี้ห้องไหนสักห้องบนชั้น 14 ชั้นเดียวกับห้องของคุณฟ้า เผลอๆ อาจจะเป็นห้องตรงข้ามหรือไม่ก็ห้องตรงกันข้าม จะได้ผูกมิตรกันเอาไว้

“เกรงใจค่ะ” เธอว่า

“ไม่เป็นไรครับ”

“งั้นก็....ขอบคุณค่ะ” เธอยืนถุงบางส่วนมาให้ผม

“ฝนชื่อฝนนะคะ แล้วคุณชื่อ...”

“ผมหมอนุครับ”

“ยินดีที่รู้จักนะคะ” เธอยิ้มได้น่ารักมาก ยิ้มที่ผมรู้สึกว่ามันคุ้นมาก

“ยินดีที่รู้จักเหมือนกันครับ”

...ติ้ง...

ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อถึงชั้น 14

“ขอบคุณนะคะ” เธอบอกขอบคุณผม ยื่นมือมารับถุงในมือผมคืน แต่ผมคิดว่าควรจะเดินไปส่งเธอจนถึงห้องดีกว่า

“เดี๋ยวผมเดินไปส่งครับ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอว่า ยิ้มที่ส่งมาให้ผม รู้สึกมันคุ้นๆ ยังไงชอบกล หน้าตาแบบนี้ก็เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หน้ากลมๆ ตาโตๆ จมูกเล็กๆ ปากบางๆ

“ห้องของฝนอยู่ทางนี่ค่ะ”

ผมเดินตามน้องฝน (ดูจากใบหน้าแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าผมหลายปีอยู่) มันเป็นทางเดียวกับทางเดินไปห้องของคุณฟ้า หรือว่าน้องฝนจะอยู่ห้องข้างๆ คุณฟ้าหรือไม่ก็ห้องตรงข้ามตามที่ผมคิดเอาไว้

แต่ทำไม....

ทำไม...

น้องฝนถึงหยุดอยู่ที่หน้าห้อง...

‘1411’

ผมกลืนน้ำลายลงคอก้อนใหญ่ ทำหน้าไม่ถูกเมื่อน้องฝนยิ้มขอบคุณ แล้วไม่รู้จะทำตัวยังไงดีเมื่อน้องฝนหันหลังกลับมาบอกผมว่า...

“ห้องน้องชายของฝนเองค่ะ ขอบคุณหมอมากนะคะที่ช่วยถือของให้”




>>>>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<<<<

กว่าจะเข็นตอนนี้ออกมาได้ ยากแท้จริงๆ ปาดเหงื่อ อ่านแล้วสะดุดตรงไหน ขออภัยมา ณ ที่นี่นะคะ
อาจเขียนบรรยายงงๆ ไปบ้าง โปรดอภัย อิอิ งงตรงไหน ถามได้นะคะ เดี๋ยวคนเขียนมาตอบให้ค่ะ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
รู้สึกเหมือนคุณฟ้าเป็นเด็กขี้แยจังเลย
คราวนี้จะมีงานเข้าคุณหมอหรือเปล่า

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
อ่าวๆ เจอพี่สาวเขาไม่ทันตั้งตัว
55555 แล้วหมอจะทำยังไงละเนี่ยะ
ถ้าพี่ฝนเปิดไปเจอคุณฟ้านอนหมดแรง
โอ้ววว ไม่อยากจะคิด >/////////<
ฮะๆ  รออ่านตอนต่อไปนะคะ

+1 ให้เหมือนเคย จุ๊บๆๆ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
คุณฟ้าน่ารักที่สุด น่ารักมากกกกกกกกก ถ้าคุณหมอกล้าทิ้งนะ โดนผู้อ่านรุมแน่ 555

พี่ฝนได้เจอน้องเขยแล้ว เลือกวันดีซะด้วยสิ แหะๆ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คุณหมอคงชอบโหมดเด็กขี้อ้อนของฟ้า
แต่งานจะเข้าคุณหมอหรือเปล่าอยู่ๆ พี่ของฟ้าก็มา

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อ๊ะ ..เจอพี่สะใภ้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว 55555

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
คุณหมองานเข้า :z2:
+1จ๊า

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

atommic

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งจะรักกันแบบหวานๆ  อย่าเพิ่งเอามาม่ามาให้เค้ากินเลยนะ

ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
คุณหมอกับคุณฟ้าหายไปชะหลายวันเลย :man1:คิดถึงแล้วรีบกลับมานะคะรออยู่ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
อย่าลืมฝากเนื้อฝากตัวกับคุณพี่สาวด้วยละคุณหมอ

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาอ่านตอนนี้ใหม่ เอ้อ...เราลืมคอมเม้นท์นี่หว่า  :laugh:

ได้เจอพี่สาวฟ้าแบบไม่รู้ตัวเลยนะคุณหมอ แถมยังทำหน้าทีสุภาพบุรุษ สุดยอดเนอะ

เราว่าเรื่องนี้คุณหมอกำไร (หื่น) ที่สุด ได้กอดคุณฟ้าทุกวัน  :z1:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
พี่สาวนี่เอง รออ่านจ้า

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
หุ ๆ  เข้ามาเป็นกำลังใจให้คนเขียน + คนโพสต์ ค่า   

แล้วก็มาขออนุญาตเซฟไปอ่านนะคะ   (อ่านไม่ทัน  หึ ๆ โลภมากไปนิดอยากอ่านหลายเรื่อง ไป ๆ มา ๆ เลยเซฟ ๆ ดองไว้เพียบ -*- )

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
ฝากจากคนเขียนนะคะว่า....

ของดอัพก่อนนะคะ เพราะขอปั่นงานประจำก่อน

หลังวันที่ 6 (ซึ่งไม่ใช่วันที่ 6 แต่เป็นวันอื่นๆ หลังจากวันที่ 6) จะปั่นตอนที่ 21 มาให้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ ^___^

ปล. แอบเข้ามา + 1 กับกดเป็ดให้ทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ อิอิ

Aeaw Na Ka
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2012 19:28:10 โดย i_ang »

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
อ่านเรื่องของตินกับลมจบไปนานแล้ว
เพิ่งจะได้มาตามอ่านเรื่องของคุณฟ้ากับพี่หมอ

ฟ้ารักพี่หมอเต็มๆเลยนี่นะ ไม่เกี่ยวกับวันเวลาหรอก
แต่ล่าสุดนี่ พี่สาวเค้ามาแล้วนะพี่หมอจ๋า จะทำยังไงล่ะเนี่ย

แล้วบอกว่าจะไม่ทำให้ฟ้าเสียใจ
คู่หมั้นตัวเองอ่ะต้องกลับไปจัดการกับคุณหญิงแม่ด้วยนะ !

ออฟไลน์ zakimi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
พึ่งอ่านไป 20หน้าไม่ไหวแล้ว  ดราม่าจนเหนื่อย ส่วนตัวนะ อ่านแล้วรู้สึกว่าเหตุและผลมันไม่สอดคล้องกันอ่ะ  อารมณ์เดียวกับ ถามว่ากินอะไร แล้วตอบว่า พึ่งไปทะเลมาอะไรแบบนั้นอ่ะ ทำให้การพัฒาการของตัวละครดูสับสนมากๆ


 หรืออาจเป็นเพราะต้องการให้เนื้อเรื่องเข้มข้นมากๆ  จึงผูกปมมากๆ เวลาแก้ปมแต่ล่ะเรื่องจึงทำให้ดูมันยุ่งเหยิงไปหมด


 เราว่ามันทำให้ดราม่าจนเกินความจำเป็นอ่ะ(หรือว่าต้องการแต่งนิยายที่เป็นดราม่าเวอร์ๆอยู่แล้ว)ยังไงก็ดูความคาดหวังของคนอ่านนิดนึง  บางครั้งเนื่้อเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่หวังมากๆมันก็ทำให้รู้สึกเหมือนโดนหักหลังเหมือนกันนะ


ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ  ข้อผิดพลาดคือประสบการณ์  คนที่มีประสบการณ์มากคือคนที่เคยทำพลาดมามากค่ะ

the_pupae

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ลุ้นซะเหนื่อยเลย พอจะหวานก็หวานสุดๆ  :m1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
คิดถึงจริง คิดถึงจัง :catrun:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
ย่องเข้ามากด เข้ามาดัน
 :call: :call: :call:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 21ขอบคุณ

ผมย้ายตัวเองออกมาจากห้องนอนมากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา เปิดโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปมาอยู่นานมากเพราะไม่รู้จะดูอะไร ฟุตบอลผมก็ไม่ชอบดู การ์ตูนมันก็พ้นวัยมานานมากแล้ว ละครผมก็ไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว ส่วนหนังก็เหมือนกันครับ ผมไม่ชอบดูทั้งละครและหนัง นนท์บ่นเรื่องนี้กับผมเยอะมาก เรื่องที่ชวนผมไปดูหนังด้วยกันแต่ผมก็ปฏิเสธ รวมถึงเรื่องไปโน่นไปนี่อีก ผมไม่ค่อยชอบไปไหนครับ ผมชอบอยู่บ้านอยู่กับคุณตาคุณยายและพี่สาวมากกว่าไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกัน มันเป็นอีกสาเหตุหนึ่งครับที่ทำให้ผมมีเพื่อนน้อยมาก จะมีแค่ช่วงที่โตเป็นวัยรุ่นพอที่จะกิน ดื่ม เที่ยว โดยที่คุณตากับคุณยายไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก บวกกับที่นนท์มักชวนแกมบังคับให้ผมออกไปเที่ยวด้วยผมถึงได้ทำตัวเป็นปกติเหมือนวัยรุ่นทั่วไป

ช่วงที่ทำงานบริษัทก็เหมือนกัน ผมแทบไม่ได้ไปไหนเลย ทำงานเสร็จกลับบ้าน วันเสาร์ก็ไปเรียนทำขนม เค้ก กาแฟ วันอาทิตย์ก็อยู่ดูแลคุณตา (คุณยายเสียตอนผมอยู่มอปลาย)ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับนนท์หรอกครับ นนท์จะมาหาผมที่บ้านเสียมากกว่า

จอสีเหลี่ยมยังคงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อไม่รู้จะดูอะไรเลยตัดสินใจไม่ดู ลุกไปปิดมัน แล้วกลับมานั่งที่เดิมนั่งอยู่ในห้องเงียบๆ รอคุณหมอกลับมาดีกว่า

คุณหมอ...

คิดถึงคุณหมอแล้วผมก็เขิน ผมบอกรักคุณหมอไปแล้ว ตอนที่บอกออกไป ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากความรู้สึกที่อยากบอก เพราะอยากบอก ผมถึงต้องบอกมันคำพูดที่เป็นกุญแจดอกที่ไขประตูแล้วพาคุณหมอเข้ามาในชีวิตผมอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์

โอยยย...ผมเขินมากเลยครับตอนนี้ ทั้งที่ตอนบอกรักออกไปตอนนั้นยังไม่รู้สึกเขินอะไรเลยมากขนาดนี้ พอมาตอนนี้ ทั้งเขินทั้งอายตัวเองเลยครับ มือไม้มันเกร็งไปหมดต้องคว้าเอาหมอนมากอด ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาโซฟา ทำยังกับว่าคุณหมออยู่ตรงนี้ก็ไม่ปาน

หน้าคุณหมอ คำพูดของคุณหมอ การกระทำของคุณหมอ ลอยเข้ามาอยู่ในสมองของผมเต็มไปหมดแล้ว ผมเอาหน้าซุกซอกโซฟา หูก็เงี่ยฟังเสียงลูกบิดว่าจะดังขึ้นเมื่อไหร่ ใจมันเต้นรอการกลับมาของคุณหมอ

นับนิ้วดูแล้วมันแค่ห้าวันเอง ไม่สิ ต้องบอกว่า “ตั้งห้าวัน” ห้าวันที่คุณหมอเข้ามาอยู่ในชีวิตของผม ห้าวันที่ทำให้คนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของผมมากกว่าลูกค้าของร้านกลายมาเป็นคนที่ผมรู้สึกไม่อยากให้หายไปจากชีวิต ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าผมกับคุณหมอจะมาลงเอยกันแบบนี้ ผมจำไม่ได้แล้วว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่เรามีอะไรกันครั้งแรก แล้วคุณหมอพยายามจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ผมนึกรำคาญความรับผิดชอบที่ผมไม่ต้องการมากแค่ไหน ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันเป็นยังไงนะ ผมจำไม่ได้ จำไม่ได้แล้วจริงๆ คำพูดที่ทำร้ายคุณหมอนั่นอีก ผมก็จำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้ ผมตอบได้ทันทีเลยว่า ผมมีความสุขมาก มากจนสัญญากับตัวเองไว้ตอนนี้เลยว่า จะไม่มีทางลืมความรู้สึกนี้เด็ดขาด

แค่คิดถึงคุณหมอ ผมก็มีความสุข จนหุบยิ้มไม่ได้ ยิ่งเขินตัวเองหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อนึกถึงเรื่องบนเตียงระหว่างเรา อย่างที่ผมบอกคุณหมอไปนั่นแหละว่า คุณหมอ ‘หื่นมาก’ ภาพที่เห็นเมื่อหกเดือนก่อนหน้านี้ ถูกลบไปแทบจะหมด เพียงเวลาห้าวันที่ผมได้ใช้ชีวิตบางส่วนร่วมกับคุณหมอ จะโทษคุณหมอหมดก็ไม่ได้ เป็นความผิดของผมครึ่งหนึ่งด้วยที่ยอมคุณหมอทุกอย่าง ยอมเสียจนคุณหมอได้ใจ บอกให้ผมทำอะไร ผมก็ทำให้หมด ขออะไรที่แผลงๆ ผมก็ให้อีกตามเคย โทษนิสัยของตัวเองอย่างหนึ่งด้วยครับ ที่ผมเป็นคนชอบตามใจคน อยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข อยากให้เขารักเรามากๆ ถึงได้ยอมทุกอย่าง เพราะความสุขของคนที่เรารักก็คือความสุขของเราดีๆ นี่เองครับ

แล้วคุณหมอจะเบื่อผมไหมน่ะ ที่ผมเป็นคนเจ้าน้ำตา อะไรนิดอะไรหน่อยผมก็ร้องไห้ได้เป็นเต่าเผา ไม่ใช่ว่าผมอยากร้องไห้เรียกคะแนนความสงสารนะครับ น้ำตามันมาเอง มันไหลมาจากข้างในหัวใจของผม ออกมาทางตา ผมร้องไห้เหมือนตอนที่ถูกนนท์ทิ้งแต่ความรู้สึกมันต่างกันครับ บรรยายไม่ถูก รู้แต่ว่าน้ำตาที่ผมเสียให้นนท์ไปเพราะอยากให้นนท์สงสาร กลัวนนท์หายออกไปจากชีวิตของผม แต่น้ำตาที่ไหลเพราะคุณหมอ เป็นเพราะผมไม่อยากให้คุณหมอเห็นว่าผมงี่เง่า น่ารำคาญ ไม่อยากให้คุณหมอทิ้งผมไป อยากให้คุณหมอรักผม อยากทำทุกอย่างให้คุณหมออยู่กับผมไปนานๆ ตลอดไปก็ยิ่งดี

แล้วคำว่า ‘ตลอดไป’ มันจะมีอยู่จริงไหม?

คุณหมอจะรักผมตลอดไปไหม?

นนท์ก็เคยบอกผมว่าจะรักผมตลอดไป แต่สุดท้ายนนท์ก็หมดรักผม แล้วคุณหมอล่ะจะเหมือนนนท์ไหม ความรู้สึกที่คุณหมอมีให้ผมจะลดลงตามวันเวลาหรือเปล่า วันนี้คุณหมอบอกรักผม แต่เดือนหน้า ปีหน้า หรือหลายปีต่อจากนี้ คุณหมอจะยังรักผมอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า

ผมรู้สึกถึงหน่วยตาที่มันร้อนรื้นขึ้นมาลมหายใจมันติดขัด เมื่อคิดถึงวันที่คุณหมอจะหมดรักผม ผมขยับตัวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่า น้ำตามันไหลอย่ากั้นไม่อยู่ สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทเรียนจากนนท์ทำให้ผมห้ามความคิดของตัวเองไม่ได้

ผมร้องไห้ ภาพวันที่นนท์บอกเลิกผม พุ่งเข้ามาสู่กลางใจ ก่อนจะถูกแทงซ้ำด้วยภาพวันที่คุณหมอเดินมาบอกเลิกผม แม้มันจะยังไม่เกิดขึ้นแต่ภาพที่ผมเห็นอยู่ในหัวมันชัดเสียจนเหมือนว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ผมเจ็บที่อก รู้สึกว่าตัวเองเริ่มสั่น สั่นแรงขึ้น แรงสะอื้นกับน้ำตาผลักให้ผมล้มตัวลงนอน กอดตัวเองเอาไว้แน่น นอนคุดคู้อยู่บนโซฟา น้ำตากับเสียงสะอื้นคือสิ่งที่ผมห้ามมันไม่ได้

...แกร็ก....

เสียงลูกบิดและประตูที่เปิดเข้ามาทำให้น้ำตาผมยิ่งไหลหนักเข้าไปอีก เรี่ยวแรงเหมือนหายไปหมด แต่ก็พยายามจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปกอดคุณหมอ แล้วบอกกับคุณหมอว่าผมรักคุณหมอ อย่าทิ้งผมไป

“พี่ฝน”

คนที่เปิดประตูเข้ามาไม่ใช่คุณหมอ แต่เป็นพี่สาวฝาแฝดของผม พี่ฝนทิ้งถุงที่หอบหิ้วเต็มสองมือลงอย่างรวดเร็ว ตรงเข้ามาสวมกอดผมไว้แน่น ผมยิ่งปล่อยโฮกหนักมันดีใจที่ได้เห็นพี่สาวของตัวเองด้วยแหละ ไม่ได้เจอตั้งอาทิตย์กว่า เหลือบเห็นคุณหมอเดินตามเข้ามาด้วยกัน ในสมองไม่ได้คิดอะไรแล้วครับ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าคนที่ผมรักทั้งสองคนเจอกันได้ยังไง รู้จักกันหรือยัง หรือผมควรจะแนะนำให้คนสองคนรู้จักกัน สมองผมมันคิดแต่ว่า ผมต้องเจ็บปวดแค่ไหนกันนะ หากวันนั้นมาถึง วันที่คุณหมอหมดรักผม แล้วทิ้งผมไป

“เป็นอะไรไป ใครทำอะไร?” ไอ้คำถามสุดท้าย พี่ฝนลงเสียงหนักมาก แล้วพยายามดันตัวผมออกแต่ผมไม่ยอม กอดพี่ฝนไว้แน่น พลางมองคุณหมอที่ย่อตัวลงเก็บถุงข้าวของหลายสิบถุงที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะทานข้าวสีหน้าของคุณหมอที่ผมเห็นบอกกับผมว่าคุณหมอเป็นห่วงผมอยู่มากๆ แต่ที่ทำได้คือแค่ยืนมองดูผมกอดกับพี่สาว ไม่กล้าทำอะไรมากกว่านี้

“เปล่า ไม่มีใครทำอะไร” ผมตอบคำถามของพี่ฝนก่อนถอดกอดออก

“ไม่มีใครทำอะไรแล้วทำไมถึงร้องไห้ขนาดนี้” พี่ฝนถามอีก ใช้มือเช็ดน้ำตาบนแก้มผมไปด้วย ผมส่ายหน้าไปมาแทนคำปฏิเสธ น้ำตามันไหลเพราะดีใจด้วยแหละที่พี่สาวกลับมา แต่เหตุผลหลักที่ทำให้มันไม่ยอมหยุดไหลสักทีเพราะคนที่ผมกำลังเดินเข้าไปสวมกอดเขาอยู่ตอนนี้แหละ

“คุณหมอ” ผมเดินเข้าไปกอดคุณหมอ แล้วผมก็ถูกกอดตอบ ผมกล้ากอดคุณหมอต่อหน้าพี่ฝน ไม่ต้องกลัวว่าพี่ฝนช็อคตาค้างหรือเป็นลมสลบไปเนื่องจากเห็นน้องชายตัวเองกอดผู้ชายด้วยกันเองพี่ฝนรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นยังไง ตอนที่ผมคบกับนนท์ ครอบครัวของผมกับครอบครัวของนนท์ต่างรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราสองคนครับ ทุกฝ่ายรับได้ เราสองคนถึงได้คบกันอย่างเปิดเผยมาตลอด

“ร้องไห้ทำไมครับ” เสียงอบอุ่นของคุณหมอดังอยู่ข้างหู ยิ่งทำให้ผมกอดคุณหมอแน่นขึ้น กลัวคุณหมอหายตัวไปยังไงอย่างนั้นเลยครับ ผมคงบ้าไปแล้ว ความรู้สึกมันรุนแรง พอๆ กับที่น้ำตามันไหลทะลัก สมองผมกำลังคิดอยู่เรื่องเดียว เรื่องที่กลัวจะคุณหมอจะทิ้งไป

“......” จะให้บอกได้ไงว่าผมกำลังคิดถึงวันที่คุณหมอทิ้งผมไป ผมกำลังเสียน้ำตาให้กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ผมก็กลัว ราวกับว่ามันจะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ด้วยซ้ำไป ผมไม่อยากให้โลกมีวันพรุ่งนี้เลย ผมจะได้อยู่กับวันนี้ไปตลอดชีวิต


ผมกลัวการเปลี่ยนแปลง...

ผมกลัวคุณหมอจะเปลี่ยนไป...

ผมกลัวจะเหลือผมคนเดียวกับ....น้ำตา

“ไม่ร้องนะครับ” เสียงของคุณหมออบอุ่นอีกแล้ว น้ำตาผมยิ่งไหล ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากกลัวคุณหมอทิ้งผมไป

“......”ผมยังร้องไห้ต่อไป ไม่คิดจะหยุด พี่ฝนเดินเข้ามาใกล้ มืออุ่นที่คุ้นเคยของพี่ฝนลบหัวผมไปมา ไม่มีใครพูดอะไรออกมากันสักคน ทั้งพี่ฝน ทั้งคุณหมอ ผมคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากถามเอาคำตอบจากผมแล้วว่าผมเป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้

ผมร้องไห้นานมาก รู้สึกทรมานมากกว่าวันที่นนท์ทิ้งผมไป ทั้งที่คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งผมไปเหมือนนนท์เลย แต่ความกลัวมันทำให้ผมเจ็บ ภาพในอนาคตวันที่คุณหมอทิ้งผมไป มันกระหน่ำอัดเข้าในหัว

มันเป็นความคิดที่งี่เง่า แต่ผมก็งี่เง่าไปกับความคิดนั้น

เวลาคงผ่านไปอีกหลายนาทีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าผมร้องไห้เป็นเต่าเผาไปกี่นาที ผมไม่ได้จับเวลาไว้  รู้แต่ว่ามันนานมาก นานจนคุณหมอต้องถามผมว่า
   
“ไหวไหมครับ”

“.....” ผมพยักหน้าช้าๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวมันเอนซบร่างหนาของคุณหมอไปหมดแล้ว เรียกว่าตอนนี้ผมร้องไห้จนหมดแรง ตามันแสบแทบจะลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำ มือที่เคยกอดคุณหมอตกอยู่ข้างตัวไปนานแล้ว ที่ยืนอยู่ได้น่าจะเป็นเพราะคุณหมอที่ช่วยพยุงเอาไว้

“พาไปนอนก่อนดีกว่าค่ะ” พี่ฝนบอกคุณหมอ มือยังลูบหัวผมอยู่

“ครับ” คุณหมอว่า แล้วผมก็ถูกแขนแข็งแรงของคุณหมอช้อนตัวขึ้นมาแนบอก ผมไม่ใช่คนตัวเล็ก ถึงจะผอมแต่ก็ไม่ได้ตัวเบาอย่างพี่ฝน แล้วก็อายพี่ฝนอยู่เหมือนกัน ตอนร้องไห้ไม่ได้อาย มาอายตอนโดนอุ้มนี่ล่ะครับ ต้องเอาหน้ามุดอกคุณหมอไว้ ไม่อยากเห็นสายตาล้อๆ ของพี่ฝน

“หนักไหมครับ” ผมถาม ตอนที่ถูกอุ้มมาวางไว้ที่เตียง คุณหมอทิ้งตัวลงนั่งข้างผม ส่วนพี่ฝนเดินอ้อมมายืนอีกฝั่งของเตียง

“ไม่ครับ” คุณหมอยิ้ม ยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มของผม ผมชอบสายตาของคุณหมอที่มาที่ผม มันอบอุ่นด้วยคำพูดนับร้อยพัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงเปล่งมันออกมา แค่มองตาผมก็รู้ว่าคุณหมอห่วงผมมาก

“จะหนักอะไรล่ะ ตัวก็แค่นี้” พี่ฝนว่า

“ตัวแค่นี้ที่ไหนกัน ตัวแค่นี้มันพี่ฝนต่างหาก” ผมเถียงไม่จริงจังนัก  ถึงจะเป็นแฝดกัน ผมกับพี่ฝนก็เป็นแฝดเทียมครับ หน้าตาคล้ายกันแต่ไม่ได้เหมือนกันเป๊ะอย่างแฝดแท้ที่มาจากไข่ใบเดียวกัน แล้วที่ต่างกันมากคือเรื่องของรูปร่าง พี่ฝนตัวจะเล็กกว่าผมมาก เล็กแบบน่าทะนุถนอมมากเลยครับ ส่วนผมเรียกว่าสูงยาวเข่าดีแบบที่พี่ฝนบ่นว่าอยากสูงอย่างผมบ้างตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่เลิกบ่น

“ย่ะ พ่อตัวสูง พ่อหุ่นดี” ปมด้อยของพี่ฝนครับ เรื่องตัวเล็กเนี้ย ถึงได้พูดประชดผม แต่ไม่จริงจังมาก ก่อนพาตัวเองมานั่งอยู่บนเตียงข้างตัวผมเป็นที่เรียบร้อยเลย มือข้างที่สวมแหวนแต่งงานวางแหมะบนหัวผม ทำเอามือของคุณหมอต้องล่าถอยไป

แหวนบนนิ้วพี่ฝนสวยมากครับ เพชรเม็ดใหญ่ เห็นว่าเป็นแหวนประจำตระกูลของพี่เขยผม ผมเคยถามพี่ฝนว่าใส่ติดตัวตลอดไม่กลัวหายเหรอ พี่ฝนตอบผมว่า ไม่หรอก ไม่กลัวหายเพราะพี่สาวผมจะรักษามันด้วยชีวิต ไม่ทำหายอย่างเด็ดขาด

ที่ผมมองว่ามันสวยมาก ไม่ใช่เพราะความใหญ่หรือคุณค่าที่ยาวนานของมัน หากเป็นเพราะผมอยากมีอย่างพี่ฝนบ้าง...

“เป็นอะไรอีกหื้อออ” สงสัยผมเงียบไปนาน พี่ฝนถึงถาม มือก็ขยี้หัวผมแรงขึ้น หันไปมองคุณหมอ คุณหมอก็ยิ้มให้ผมเหมือนเดิม รอยยิ้มอบอุ่นที่ผมกลัวว่าสักวันมันจะหายไป ผมเป็นคนคิดมากจริงๆ แต่จะให้คิดน้อยกว่านี้ ผมคิดไม่เป็นหรอกครับ

“เปล่า”.....จะให้บอกได้ไงว่า ที่นิ่งไปเพราะอยากได้แหวน

“หิวไหมครับ ผมซื้อข้าวมาแล้วอยู่ข้างนอก” คุณหมอว่า ผมส่ายหน้า ร้องไห้จนหมดแรงกินข้าวครับ แสบตาปวดตาด้วย เลยทำให้อยากนอนหลับ ผมเลยขยับตัวซุกลงไปในผ้าห่มที่คุณหมอดึงขึ้นมาห่มให้

“อยากนอน” ผมบอกเสียงเบา กลัวพี่สาวดุ เพราะพี่ฝนน่ะห่วงผมเรื่องนี้ที่สุด เรื่องที่กินข้าวไม่เป็นเวลา

“กินก่อนค่อยนอนก็ได้” นั่นไง พี่ฝนเริ่มออกอาการแล้ว

“ขอสองชั่วโมงนะพี่ฝน ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว” ผมต่อรอง

“ตลอดเลยนะเราน่ะ” พี่ฝนส่ายหน้าแบบเอือมๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไรต่อ ลุกออกจากเตียง แล้วเดินออกไปนอนห้อง ดูผิดปรกติไปนิด เพราะทุกที่คงได้ลากผมลงจากเตียง ถ้าผมดื้อไม่ยอมทานข้าว

“ไม่กินแน่นะครับ” คุณหมอถามย้ำ เมื่อประตูห้องถูกปิดลง ผมอดที่จะคว้ามือที่เอื้อมมาปัดปอยผมที่ปกหน้าของผม เอามาแนบไว้ข้างแก้มของตัวเองไม่ได้ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ขณะที่มืออีกข้างของคุณหมอลูบแผ่วเบาที่แก้มอีกข้างหนึ่งของผม

“ผมรักคุณหมอนะครับ” ผมบอกอีกครั้ง คำพูดที่ออกมาง่ายเหลือเกิน คุณหมอไม่ได้พูดว่าอะไร มีเพียงสัมผัสของปากหนาที่หน้าผาก

ผมรู้...คุณหมอก็รักผม ผมถึงได้หลับไปอย่างมีความสุข ทั้งที่ยังกุมมือคุณหมอแนบกับแก้มของตัวเองอยู่

.

.

.

.

.

ตื่นมาอีกที ผมก็ไม่เห็นคุณหมออยู่ในห้องแล้ว มองดูนาฬิกาแขวนบอกเวลาเกือบบ่ายโมงแล้วครับ ผมนอนหลับไปนานเหมือนกัน ตื่นขึ้นมาเลยรู้สึกสดชื่น

อย่างกับมีตาเห็นแน่ะ พอผมลุกขึ้นนั่งเตรียมตัวจะลุกออกไปข้างนอก คุณหมอก็เปิดประตูเข้ามาทันที

“ตื่นแล้วหรือครับ”

“ครับ” ผมเดินเข้าไปกอดคุณหมอตามที่ใจอยากกอดครับ ช่วงนี้ผมหวั่นไหวง่ายเกินไปหรือเปล่า ทำไมผมถึงอยากอยู่ใกล้ๆ คุณหมอตลอดเวลา

“เป็นอะไรไปครับ” คุณหมอดึงตัวผมออก ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“เปล่าครับ....แค่อยากกอด ผมอยากกอดคุณหมอตลอดไปได้ใช่ไหมครับ” ผมถาม คุณหมอยิ้ม ยิ้มที่ทำให้ผมอบอุ่นใจทุกครั้งสิน่า

“ครับ”

แล้วเราก็ยืนกอดกันอยู่สักพัก จนท้องผมร้องประท้วงขึ้นมา ผมเขินเลยครับ ท้องมันร้องดังมาก คุณหมอถึงกับหลุนขำทั้งที่ยังยืนกอดผมอยู่

“ขำมากไหมครับ”ผมดันตัวออก ถอยมายืนกอดอกมองหน้าคนที่กลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้หลุดออกมา มันน่าขำตรงไหน คนมันหิวท้องก็ต้องร้องสิครับ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลยด้วยซ้ำ

“ไม่มากครับ”

“ไม่ต้องตอบทุกคำถามก็ได้ครับ” ผมว่าอย่างงอนๆ คุณหมอพูดน้อยแต่ชอบตอบทุกคำถามที่ผมถาม

“ครับ ว่าแต่เราออกไปกันเถอะครับ พี่สาวกับพี่เขยของคุณฟ้ารออยู่ข้างนอก”

หือ...พี่เขยของผมมาด้วยเหรอ หรือว่าพี่ฝนโทรตามให้พี่เอกให้มารับรู้เรื่องของผมกับคุณหมอ พี่ฝนผมชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กที่ต้องมีผู้ปกครองคอยดูแล ตอนเรื่องของผมกับนนท์ที่เริ่มคบกันใหม่ๆ พี่ฝนนี่แหละครับที่บอกให้ผมกับทุกคน

“คุณหมอ” ผมดึงแขนคุณหมอเอาไว้ตอนที่คุณหมอกำลังจะเปิดประตูออกไป

“ครับ”

“ตอนที่ผมหลับอยู่ คุณหมอได้คุยอะไรกับพี่ฝนพี่เอกบ้าง” ผมถาม เพราะเชื่อว่าระหว่างที่ผมหลับอยู่ คุณหมอคงถูกพี่ฝนซักจนสะอาดไปแล้วมั้ง

“เยอะแยะครับ ตั้งแต่ผมเป็นใครมาจากไหน ลูกเต้าเหล่าใคร ทำงานอะไร รู้จักคุณฟ้าได้ไง รักคุณฟ้าจริงไหม จะทำให้เสียใจไหม เยอะครับเล่าทั้งวันก็ไม่หมด”คุณหมอว่ายิ้มๆ

“เวอร์ไปครับ ผมหลับไปไม่กี่ชั่วโมงเองเถอะ”แต่ผมว่าคงจะเยอะจริงอย่างที่คุณหมอว่า ระดับพี่ฝนแล้วแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ทำเหมือนเป็นทั้งวันได้ครับ เพราะเธอพูดได้ไม่หยุดจริงๆ

“ไปครับ ออกไปข้างนอกก่อนดีกว่า” ว่าแล้วคุณหมอก็เปิดประตูเบี่ยงตัวให้ผมเดินออกไปก่อน



“หวัดดีครับพี่เอก” ผมยกมือไหว้พี่เขยที่กำลังพับผ้ากันเปื้อนลายหมี ก่อนเก็บมันใส่ไว้ในลิ้นชักตู้ใต้เคาน์เตอร์ในห้องครัว

“ไม่สบายหรือไงเรา” พี่เอกถาม เดินถือโถข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร มีพี่ฝนนั่งนั่งถือจานรอตักข้าวอยู่

“ครับ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” ผมว่า พลางเดินเข้าไปยืนดูอาหารห้าอย่างบนโต๊ะ มันส่งกลิ่นหอมยั่วความหิวได้ดีจริงๆ โดยเฉพาะไข่เจียวสีเหลืองน่าทานนั่น

“หิวใช่ไหมล่ะ” พี่ฝนถาม ผมพยักหน้าตอบ ทรุดตัวลงนั่งข้างพี่ฝน รับจานข้าวที่พี่ฝนยืนมาให้ แต่ผมส่งต่อให้คุณหมอที่นั่งข้างผมก่อน (โต๊ะทานข้าวเป็นโต๊ะทรงกลมครับ)

“ขอบคุณครับ” คุณหมอว่า

เมื่อจานข้าววางอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้ว ผมซึ่งหิวมาก หิวจนไส้กิ่ว กำลังจะหยิบช้อนกลางขึ้นตักไข่เจียวในจาน แต่โดนขัดจังหวะด้วยเสียงเล็กๆ ของพี่สาวเสียก่อน

“ไม่คิดจะแนะนำคุณหมอให้พี่กับพี่เอกรู้จักอย่างเป็นทางการก่อนหรือไงหะ” พี่ฝนบอก ช่วยเตือนสติผมขึ้นมาทันทีว่ายังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางที่ดีเลย ก่อนหน้านั้นก็ร้องไห้จนลืมเรื่องแนะนำตัว ตอนนี้ก็หิวจนลืมไปเหมือนกัน

ผมวางช้อนลง เริ่มต้นแนะนำสองฝ่ายให้รู้จักกันตามที่พี่ฝนต้องการ

“คุณหมอครับ นี่พี่ฝน พี่สาวฝาแฝดของผม แล้วนี่ก็พี่เอก พี่เขยของผมเอง  พี่ฝนพี่เอกครับ นี่คุณหมอนะครับ เจ้าของคลินิกข้างๆ ร้านของผม”

ผมไม่คุ้นกับการแนะนำใครให้รู้จักกันหรอกนะครับ อย่างที่ว่า ผมเป็นคนมีเพื่อนน้อย ญาติที่เหลืออยู่ก็มีแค่พี่ฝน ถ้าให้รวมพี่เขยด้วยก็มีอยู่แค่สองคน ไอ้เรื่องที่จะพาคนโน่นมารู้จักคนนี่ หรือแนะนำกันไปมาแบบนี้ ไม่ค่อยได้ทำบ่อยครับ มันเลยรู้สึกไม่คล่องปากเท่าไหร่

“เป็นแค่เจ้าของคลินิกข้างๆ เท่านั้นเหรอ” พี่ฝนแกล้งถาม ผมรู้แหละว่าพี่ฝนรู้

“เป็นคนรักด้วย” บอกแล้วก็เขินครับ เขินพี่สาวตัวเอง เขินพี่เขยตัวเองด้วย แต่ที่เขินที่สุดคือคนที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างผมนี่แหละ ไม่รู้จะยิ้มกว้างทำไม ทำเอาผมทำตัวไม่ถูก เลยเขินหนักเข้าไปใหญ่

“ยินดีที่รู้จักอย่างเป็นทางการนะคะคุณหมอ ฝนฝากน้องชายขี้แยให้คุณหมอดูแลด้วย หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยน้องของฝนนะคะ รายนี้เขาชอบเอาใจคน แต่ที่เขาชอบที่สุดคือชอบให้คนที่เขารัก รักเขาให้มากๆๆๆๆๆๆๆ” พี่ฝนย้ำคำว่ามากได้น่าเอามือปิดปากจริงๆ ครับ 

“ครับ จะดูแลให้ดีที่สุดครับ” ปากคุณหมอตอบรับคำของพี่ฝน ส่วนมือก็ยื่นมากุมมือผมที่วางอยู่บนตัก อุ่นดีครับมือของคุณหมอ อุ่นไปถึงหัวใจ

“มาที่เรื่องข่าวดีของเราหน่อยดีไหม” พี่เอกหันไปพูดกับพี่ฝน พร้อมกับดึงตัวพี่ฝนเข้ามากอดหลวม ก่อนจะปล่อย

“ข่าวดี?....อย่าบอกนะครับว่าพี่ฝนกำลังจะมีน้อง” ผมน่าจะเอ๊ะใจนะว่า พี่เขยงานยุ่งจะตาย วันนี้ก็วันทำงาน แค่เรื่องผมเรื่องเดียวคงไม่จำเป็นมากนักที่พี่เอกจะมาร่วมรับรู้ด้วย แม้ตลอดเวลาพี่เอกจะพูดเสมอว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน ผมชอบคำว่าครอบครัวเดียวกันที่พี่เอกพูดมากๆ เพราะพี่เอกทำให้ผมรู้สึกเหมือนสิ่งที่พี่เอกพูดจริงๆ

“ใช่แล้ว พี่กำลังจะมีน้อง พี่กำลังจะเป็นคุณแม่ แล้วฟ้าก็กำลังจะได้เป็นคุณน้า ดีใจไหม” พี่ฝนยิ้ม มันเป็นยิ้มที่สวยมากที่สุดในโลก   

“พี่ฝน” ผมเรียกชื่อพี่สาวเบาๆ ลุกขึ้นเดินไปกอดพี่ฝนที่ลุกขึ้นยืนเพื่อรอรับกอดของผมอยู่ก่อนแล้ว

“ดีใจด้วยนะ พี่ฝนจะเป็นแม่คนแล้ว พี่ฝนกำลังจะมีลูก ” เสียงผมสั่น ผมบรรยายไม่ถูกถึงความรู้สึกของผมในตอนนี้ มันตื้นตัน ทุกอย่างมันตีขึ้นมาที่อก ผมอยากจะร้องไห้ แล้วผมก็ร้องไห้ออกมา พี่ฝนก็ร้องไห้เช่นเดียวกับผม

ผมดีใจที่ในร่างกายของพี่ฝนกำลังมีหนึ่งชีวิตอยู่ แล้วอีกเก้าเดือนชีวิตนั้นก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก ไม่ว่าระหว่างเก้าเดือนต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อไหร่ที่เขาเกิด เขาจะมีแม่และมีน้าของเขาอยู่แน่นอน

เราสองคนจะไม่ทิ้งเลือดเนื้อที่เป็นของพวกเราส่วนหนึ่งไปไหน...

เราจะรักเขา...

เราจะดูแลเขา...

เราจะไม่ทอดทิ้งเขาไปไหน....

ครั้งหนึ่งหรืออาจหลายๆครั้ง ในห้องนอนผม หรือบางครั้งก็ในห้องนอนพี่ฝน เรานอนคุยกันถึงเรื่องราวในอดีตที่ถูกทอดทิ้งจากคนที่ให้กำเนิด เราต่างหาเหตุผลมากมายว่าทำไม พวกเขาถึงทิ้งชีวิตน้อยๆ ถึงสองชีวิตตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก สองชีวิตที่ทำได้แค่ส่งเสียร้องไห้ ไม่แม้แต่จะช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยซ้ำ มีเหตุผลมากมายที่เราสองคนหาได้ เพื่อเอามาเป็นคำตอบให้กับการกระทำของพวกเขาที่ทิ้งเราไป

เหตุผลที่มากมายที่ได้มา ผมกับพี่ฝนไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เหตุผลอันไหนแน่ที่เป็นความจริง ความจริงที่เป็นเหตุผลให้พวกเขาทิ้งเด็กแฝดสองคนให้ต้องเผชิญโลกเพียงลำพังตั้งแต่วันแรกที่เกิดมา

แต่เราไม่เคยโกรธพวกเขา ผมกับพี่ฝนแค่ไม่เข้าใจและพยายามหาเหตุผลว่าทำไม แต่สุดท้ายแล้ว เหตุผลที่แท้จริงไม่มีใครรู้ดีไปกว่า คนที่ทิ้งเราไป ซึ่งเราสองคนคงไม่มีโอกาสที่จะรู้ความจริงข้อนั้นได้ เพราะผมกับพี่ฝนไม่เคยคิดที่จะตามหาพวกเขา ไม่คิดจะตามหาใครที่เป็นเจ้าของเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเรา คนที่ให้ชีวิตและให้ร่างกายที่ครบสามสิบสอง เราสองคนทำได้แค่เพียงขอบคุณพวกเขาอยู่เงียบๆ ในห้องนอนของผมบ้างของพี่ฝนบ้าง ขอบคุณที่ให้ชีวิต ขอบคุณที่ให้ร่างกาย และขอบคุณที่เลือกเส้นทางนี้ให้กับเด็กแฝดทั้งสองคน เพราะไม่อย่างนั้น เราสองคนก็ไม่รู้ว่าจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบเหมือนในวันนี้หรือเปล่า และเราคงไม่รับความรักมากมายจากคุณตาคุณยาย

ทุกครั้งที่พยายามคิดหาเหตุผลต่างๆมากมาก สุดท้ายแล้วผมกับพี่ฝนก็จบเรื่องราวต่างๆนั้น ด้วยตั้งใจที่ว่า เมื่อไหร่ที่มีชีวิตน้อยๆ เกิดขึ้น โดยมีพวกเราสองคนเป็นคนสร้างชีวิตมีค่านั้นขึ้นมา เราจะดูแลชีวิตมีค่านั้นให้ดีที่สุด เราจะไม่เป็นเพียงใครคนหนึ่งที่ให้เพียงชีวิต ร่างกาย แต่ไม่เคยให้ความรัก ความอบอุ่นหรือแม้กระทั้งการเลี้ยงดู เราจะไม่เลือกเส้นทางเดิมที่เราเคยผ่านมาให้กับชีวิตที่ได้ชื่อว่าเป็นลูก

ทั้งผมและพี่ฝน เราต่างให้คำสัญญาซึ่งกันและกันว่า เราจะไม่มีทางทอดทิ้งชีวิตที่เราสองคนมีส่วนร่วมทำให้เขาเกิดขึ้นมา

ในตอนนี้ที่ผมร้องไห้ ผมร้องไห้เพราะดีใจแทนชีวิตน้อยๆ ที่จะลืมตาดูโลกในอีกเก้าเดือนข้างหน้า เขาจะมีพ่อ มีแม่ มีน้าและมีครอบครัวที่พร้อมจะดูแลเขาตลอดไป

“ถ้าคุณตาคุณยาอยู่ ท่านคงดีใจมากเนอะ ว่าไหมฟ้า” เสียงพี่ฝนสั่น น้ำตายังเต็มหน้าตอนที่เงยหน้าขึ้นมาถาม

“ดีใจยิ่งกว่าเราสองคนด้วยมั้ง” ผมอยากให้ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ อยากให้ท่านร่วมเลี้ยงดูเด็กคนนี้ไปด้วยกัน อยากให้ท่านดูแลเด็กคนนี้เหมือนที่ดูแลผมกับพี่ฝน

แล้วอาหารมื้อนี้ก็ผ่านไปด้วยน้ำตา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แล้วที่ขาดไม่ได้คือการที่พวกเราทั้งสี่คน ช่วยกันตั้งชื่อให้ชีวิตน้อยๆ ในท้องพี่ฝน ซึ่งพวกเราช่วยกันตั้งเผื่อไว้เยอะมาก ถึงขั้นที่นึกไปถึงชีวิตที่อาจไม่ได้มีแค่ชีวิตเดียว เพราะฝั่งพี่เขยผมก็เป็นแฝดเหมือนกัน แถมยังเป็นแฝดแท้ ไม่ใช่แฝดเทียมอย่างผมกับพี่สาวด้วย ไม่แน่ว่าผมอาจจะได้หลานทีเดียวถึงสองคนเลยก็ได้

>>>>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<<<

ขอโทษนะคะที่หายไปนานมากก เกือบเดือนเลย
พอดีต้องรีบทำงานส่ง พอส่งงานเสร็จมาต่อนิยาย
ไปไม่เป็นเลย แบบว่าร้างมือมานาน ต่อไม่ติดซะงั้น
เขียนตอนนี้ ใช้เวลาตั้งแต่วัน อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ รวมแล้ว 4 วัน ได้มาแค่นี้เอง
แถมยังน้อยนิด สั้นๆ งงๆ เบลอๆ ขาดๆ ไม่ลื่นไหลอีกต่างหาก
กราบขอโทษงามๆ นะคะ
แล้วมีเรื่องผิดพลาดนิดหน่อย อยากสารภาพ คือว่า
คนเขียนสับสนไปนิด จากเมื่อหลายๆ ตอนก่อน เอาที่ชัดไปเลยคือ คนที่เลี้ยงน้ำฟ้ามา ฟ้าเรียกว่าตากะยายนะคะ มีหลายตอนที่หลุดไปว่าเป็นปู่กะย่า T^T
แล้วก็หลุดเรื่องวันเกิดคุณหมอในตอนที่แล้วอีก เด๋วจะให้พี่เอ๋ไปแก้ให้นะคะ บอกไว้ว่าที่ตอนที่แล้วบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดคุณหมอ ความจริงไม่ใช่ คำนวณเวลาผิด T___T’
พลาดเยอะ โปรดให้อภัยกันนะคะ

ปล.เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกก เฮ้อออ ท้อนิดหน่อย อิอิ

บับบายนะคะ

สีเหลืองอ่อน // aeaw








ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
จิ้มก่อนอ่าน

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ฟ้าเป็นคนเจ้าน้ำตามาก
คุณหมอต้องใจเย็นมากๆ ดูแลคุณฟ้าดีๆนะ

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านนะคะ

คุณฟ้าน่ารัก

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
ไม่เป็นไรคะ ใจเย็นๆนะ เรารอได้จ้า
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกคุณฟ้าหวั่นไหวง่ายมากเลย
แต่ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่ารักคุณหมอมากละสิ
เฮ้อออ ดีใจแทนคุณหมอ
แล้วก็ดีใจกับพี่ฝนด้วย
ขอให้มีความสุขอย่างนี้ไปนานนานนะคะ
อย่าให้มันดราม่าเลย เหอะๆ

+1 จ้าาาาาาา

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่น้องคู่นี้รักกันมาก

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
เข้าใจในความอ่อนไหวของคุณฟ้าอะ
คุณหมอต้องถนอมคุณฟ้าดีๆ นะ
บวกให้ค่ะ คิดถึงมากมาย

paradoxxx

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งอ่านเรื่องนี้ๆ
คู่นี้น่ารักมากเลย ><

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด