ตอนที่ 12
เกือบกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วครับที่ผมดึงเอาตัวคุณฟ้าเข้ามากอด ลูบกลุ่มผมนุ่มหนาไปมา เพื่อปลุกปลอบให้คนๆ นี้อาการดีขึ้น เหมือนไม่ได้ผล คุณฟ้ายังร้องไห้เงียบๆ กับอกผม น้ำตาที่ไหลซึมผ่านเนื้อผ้าตรงหน้าอก มันฟ้องว่าคนๆ นี้ยังไม่หยุดร้องไห้ แม้ไม่มีเสียงที่ส่งผ่านมาให้ได้ยิน แต่รอยสะอึกและอาการสั่นของเนื้อตัวบอบบางทำให้ผมรู้
“ขอบคุณ....ครับคุณ...หมอ ผม...อึก.. ผมไม่เป็นไร ....อึก...แล้ว”
แล้วร่างบางนั้นก็ฝืนตัวออกจากอ้อมกอด ผมปล่อยคุณฟ้าให้เป็นอิสระ หลังจากฟังประโยคกระท่อนกระแท่นนั้นจบ หน้าของคุณฟ้าแดงช้ำด้วยรอยน้ำตา ตาบวมเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างนัก ปากบางเม้มเข้าหากันเหมือนพยายามกลั้นก้อนสะอื้น นั่งมองผมด้วยสายตาเรียบเฉย เมื่อผมเช็ดคราบน้ำตาที่เลอะแก้มออกให้ ไม่มีแล้วครับน้ำตา คงมีแค่แรงสะอื้นน้อยๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากปากที่เม้มแน่น
ผมไม่รู้จะพูดอะไร ไม่มีคำปลอบโยนใดๆ อีกแล้ว เพราะคุณฟ้าคงไม่ต้องการ ผมรู้ เพราะก่อนหน้านี้ถ้อยคำที่ผมพยายามเฝ้าบอก ไม่ได้ทำให้น้ำตาจากดวงตาคู่ที่ผมมองสบอยู่นี้หยุดไหลได้เลย บางครั้งคุณฟ้าก็ต่อต้านคำปลอบของผม ด้วยการฝืนตัวจะออกจากอ้อมแขน แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้ เมื่อผมไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังรัดให้แน่นกว่าที่เคย
ทำไมคุณฟ้าถึงต่อต้านผม คงเพราะผมบอกให้คุณฟ้าลืมผู้ชายคนนั้นไปเสียที ลืมคุณนนท์ไปซะ หรือคำพูดอะไรทำนองนี้แหละ ผมพูดเยอะมาก จนจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง แต่นั่นแหละ คุณฟ้าไม่ชอบคำพูดพวกนั้นของผม ถึงต่อต้านด้วยการฝืนตัวออกจากอ้อมกอดผมทุกครั้งที่ผมบอก
ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลืม คุณฟ้ากับคุณนนท์คบกันมานานเท่าไหร่ ผมไม่รู้ระยะเวลาที่แน่นอน แต่คาดว่าน่าจะนานมากพอสมควร ตามคำบอกเล่าของยีน ตอนนั้นผมไม่ได้ใส่ใจมากนัก ถึงจำไม่ได้ว่ามันยาวนานถึงกี่ปี
แต่สิ่งที่ผมอยากรู้มากในตอนนี้คือ เกิดอะไรขึ้นกับคุณฟ้า สาวยีนลูกน้องในร้านเชิญครับโทรมาพูดเรื่องอะไรบ้าง ถึงทำให้เจ้านายของเธอร้องไห้กว่าครึ่งชั่วโมง
เรื่องราวที่ผมประติดประต่อจากการฟังที่คุณฟ้าพูด เรื่องที่ทำให้คุณฟ้านิ่งไปในทันทีคือเรื่องของคุณนนท์กับเด็กแดน ที่ผมไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร พอรู้บ้างจากที่ได้ยินแค่ว่า คุณฟ้าดีใจมากเมื่อถามน้องยีนว่า ‘นนท์มาหาพี่เหรอ? น้ำเสียงนั้นตื่นเต้นและดีใจมาก จนผมรู้สึกแปลบที่อกด้านซ้าย ถึงจะเจ็บแต่ทำไงได้ ผมรู้ตัวว่ามาทีหลัง มาช้าไปและมาช้ามาก ยังไงคุณนนท์ก็คือคนที่คุณฟ้ารัก ผมว่าถึงตอนนี้คุณฟ้าก็ยังคงรักอยู่ เขาสองคนเพิ่งเลิกรากันไปแค่สามวันเอง คุณฟ้าคงยังไม่เข้มแข็งพอที่จะเลิกรักคุณนนท์ได้ในเวลาแค่สามวัน อันนี้ผมเข้าใจ เข้าใจจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ ความเข้าใจมันก็มาพร้อมกับเจ็บแปลบๆ อยู่ดี
หากถามผมว่า ผมรักคุณฟ้าเหรอ? ผมคงโกหกไม่ได้ว่า
‘ผมรักคุณฟ้า’
ความรู้สึกตอนนี้มันอาจยังไม่ใช่ความรัก มันเป็นแค่ความถูกตาต้องใจ มันเป็นจังหวะที่คุณฟ้าไม่มีใคร แล้วเป็นโอกาสที่ผมได้ใกล้ชิดและทำความรู้จัก
เราทั้งคู่เป็นอิสระ...
ถ้ากรณีน้องลมนั้น ยอมรับเลยครับว่าผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ แต่กับคุณฟ้า ผมไม่ได้มีอาการตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอเลย มันอาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นผมเฝ้ารอความรักจากน้องลม และคุณฟ้าเองก็มีคุณนนท์อยู่ข้างกายเสมอ มันจึงเป็นจังหวะที่ไม่พอดีกัน ไม่มีทางไหนที่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกรักคุณฟ้าขึ้นมาได้ ความรู้สึกตอนนั้นก็คงแค่ว่า....
‘ผู้ชายคนนี้น่ารัก มีรอยยิ้มที่สดใส ดวงตากลมๆ ชวนมอง’
......เท่านั้นเอง
แต่ว่าตอนนี้ ผมไม่ได้รักน้องลมแล้ว ผมเก็บเอาความรักที่เคยให้น้องลมกลับมาหมด ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว แค่ยังมีความรู้สึกดีๆ จากคนที่เคยรักให้ไป แล้วเมื่อผมมาเจอคุณฟ้าอีกครั้ง ในจังหวะที่พอดีแบบนี้ มันจึงทำให้ผมอยากเรียนรู้และไม่อยากปล่อยคุณฟ้าให้หลุดมือไป
ถ้าผมทำได้นะ....
และถ้าคุณฟ้าจะยอม...
มันอาจเป็นความรู้สึกเริ่มต้นของ ‘ความรัก’ ก็ได้ ผมว่าอย่างนั้นนะครับ
“ออกไปสูดอากาศข้างนอกดีไหมครับ” ผมถาม เพราะเราสองคนนั่งอยู่ในรถนานมาก อาการตอนสายๆ ใต้ร่มไม้ข้างทาง ลมเย็นๆ พัดผ่าน น่าจะทำให้คุณฟ้าอาการดีขึ้นบ้างก็ได้
“ผมอยากกลับกรุงเทพ” คุณฟ้าบอก
“ครับ”
“ขอโทษนะครับ ที่ผมรบกวนคุณหมอ” ตาช้ำบวมมองมาที่หน้าอกของผม ผมใส่เสื้อยืดสีขาว เห็นรอยน้ำตาชัดเลยครับ มันซึมเลอะไปทั้งหน้าอกผมแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ” ผมพูดยิ้มๆ
“..............”
“อย่าคิดมาครับ”
พอผมพูดจบก็เหมือนคุณฟ้าจะนึกอะไรออก รีบหยิบโทรศัพท์ที่หล่นบนเบาะข้างตัวขึ้นมา กดปุ่มแล้วยกขึ้นแนบชิดกับใบหูเล็กๆ รอนานมาก แต่คนปลายสายไม่รับ ผมรู้เพราะคุณฟ้าลดโทรศัพท์ลง แล้วกดโทรออกไปอีกครั้ง เดาว่าน่าจะเป็นเบอร์เดิม และเป็นแบบนี้อีกห้าถึงหกครั้ง ปากบางสีซีดกัดเม้มอย่างรอคอย คนตรงหน้าผมคงทั้งเสียใจทั้งหงุดหงิด ใบหน้าแดงช้ำบอกอย่างนั้น นานมากครับที่คุณฟ้าเฝ้าโทรหาคนปลายสาย ผมว่าเกือบยี่สิบครั้งแล้วครับที่คุณฟ้ายกโทรศัพท์ขึ้นแนบใบหู ทว่าก็ไร้ความหมายเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับโทรศัพท์
ผมเดาว่าคนๆ นั้นคือคุณนนท์ เพราะคงไม่มีใครที่ทำให้คุณฟ้าทั้งร้อนรนและเป็นทุกข์ได้มากอย่างนี้
คุณฟ้าไม่ละความพยายาม ส่วนผมก็เอาใจช่วย ไม่อยากให้คุณฟ้าทรมานเพราะการที่ใครอีกคนไม่ยอมรับโทรศัพท์
ในที่สุดความพยายามของคุณฟ้าก็สำเร็จในครั้งนี้
ใช่คุณนนท์จริงๆ ด้วยครับ เมื่อคุณฟ้าเรียกชื่อนั้นออกมา
“นนท์” เสียงของคุณฟ้าแหบมาก จนผมเกรงว่าอีกคนหนึ่งจะไม่ได้ยิน
“ทำอะไรอยู่” คุณฟ้าดูกล้าๆ กลัวๆ ที่จะถาม
“........................”
“นนท์....” เหมือนจะพูด แต่ก็หยุด
“นนท์....” อีกครั้งที่คุณฟ้าทำชั่งใจในคำพูดของตนเอง
“นนท์....”
คุณฟ้าเรียกชื่อคนปลายสายถึงสามครั้ง แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา แต่แล้วก็พูดในสิ่งที่ผมรู้ดีอยู่แล้วและทำให้ผมเจ็บแปลบอีกครั้ง
“ฟ้ารักนนท์นะ” เจ็บแต่ไม่มาก เพราะเข้าใจว่ายังไงคุณฟ้าก็ยังเลิกรักคุณนนท์ไม่ได้
“........................”
“แต่ฟ้ารักนนท์” ไม่รู้อีกฝ่ายพูดว่าอะไร คุณฟ้าถึงพูดคำเดิมอีกครั้ง แต่ด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิมมาก ชนิดที่ว่าน่าจะพูดออกมาจากความรู้สึกร้าวรานข้างใน
“.....................”
“ทำไมถึงพูดอย่างนั้น”
“.......................”
“นนท์....”
“.......................”
“ดะ...เดี๋ยวนนท์ เดี๋ยวนนท์ อย่าเพิ่งวาง อย่าเพิ่ง...” ฝ่ายนั้นคงไม่อยากคุยกับคุณฟ้า
ผมสงสารคุณฟ้าจับใจแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากระบายความอัดอั้นผ่านมือที่กำพวงมาลัยรถไว้แน่น ถ้าผู้ชายคนนั้นอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ แล้วทำให้คุณฟ้าเสียใจจนร้องไห้ ผมจะชกเขาให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำกับคุณฟ้า แล้วตอนนี้คนๆ นั้นจะรู้ไหมว่าคุณฟ้าต้องบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ไม่ให้หลุดเสียงสะอื้นให้ได้ยิน ต้องฝืนบังคับตัวเองแค่ไหน เพื่อให้คุยกับคนๆ นั้น ด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด
“แดน.....” คุณฟ้ายังพูดต่อ แปลว่าอีกคนยังไม่วางสาย
“...แดน แดนอยู่กับ...นนท์ หรือเปล่า?”
“................” ผมไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นตอบว่าอะไร คุณฟ้าถึงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ กัดปากกั้นก้อนสะอื้น จนตัวสั่นเทา ผมอยากดึงร่างนั้นเข้ามากอดปลอบ แต่ต้องฝืนตัวเองเอาไว้
“ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน”
“.......................”
“นนท์...อย่าทำอะไรแดนนะ”
“....................”
“นนท์รัก...ระ...รัก...อึก...อึก...รักแดน....เหรอ” น้ำตาคุณฟ้าไหล ผมมองด้วยใจที่เจ็บปวดแทน
“...................”
“ทำไมนนท์ ทำไมต้องเป็นแดน”
“.....................”
“นนท์...อื่อออออ” แล้วคุณฟ้าก็ปล่อยโฮออกมา ไม่ใช่การร้องไห้ที่ไม่มีเสียงอีกต่อไป มือที่กำโทรศัพท์สั่นระริก แล้วมันก็ร่วงลงพื้น เมื่อมือทั้งสองถูกยกขึ้นมารองรับน้ำตาที่ไหลอย่างรุนแรงราวกับเขื่อนแตก
ไม่แล้วครับ ผมไม่ได้ดึงคุณฟ้าเข้ามากอด ผมรู้ว่าไม่ได้ผล ผมเพียงแต่ปล่อยให้คุณฟ้าร้องไห้ ปล่อยโฮให้ดังก้องอยู่ในรถที่แล่นไปข้างหน้า ผมไม่ได้เหลียวมองคุณฟ้าเลย ไม่กล้ามอง ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปหา ได้แต่ปล่อยให้คุณฟ้าจมอยู่กับความเสียใจเพียงลำพัง
ผมว่า...
คุณฟ้าคงต้องการอย่างนั้น
.
.
.
.
.
เที่ยงนิดๆ ครับที่ผมจอดไว้ข้างซอยที่กั้นระหว่างร้านเชิญครับกับคลินิกของผม คุณฟ้ายังไม่รู้สึกตัว เพราะหลังจากที่ร้องไห้มานานกว่าชั่วโมง ด้วยความเหนื่อยและจิตใจที่อ่อนแอเกินกว่าจะต้านไหว คุณฟ้าก็เผลอหลับไป จนถึงตอนนี้เสียงลมหายใจที่ได้ยินแผ่วเบายังดังเป็นจังหวะ เบาะที่ผมปรับให้คุณฟ้าก่อนหน้านี้ทำให้คุณฟ้านอนได้สบายขึ้น
ใบหน้าแดงช้ำแต่ความน่ารักยังคงอยู่ ชวนให้ผมต้องก้มหน้าเข้าไปใกล้ แตะปากของตัวเข้ากับแก้มนุ่มที่มีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อน
คุณฟ้าน่ารักขนาดนี้ ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงทิ้งไป ผมไม่เข้าใจ...
เด็กแดน...คือสาเหตุ หากผมฟังไม่ผิด
ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าไม่ใช่เด็กแดน คุณฟ้าจะเสียใจมากมายขนาดนี้ไหม
ช่างมันเถอะครับ เรื่องบางอย่างผมก็ไม่ควรรู้ ผมควรสนใจเรื่องอื่นมากกว่า เรื่องที่ว่าผมควรจะทำยังไงให้รอยยิ้มของคุณฟ้ากลับมา ทำยังไงให้คุณฟ้าลืมผู้ชายที่ไม่ได้รักคุณฟ้าไปเสีย แล้วทำยังไงให้ผมเข้าไปอยู่ในหัวใจคุณฟ้าแทนคนๆ นั้น
.....แทนคุณนนท์
ผมค่อยๆ ปิดประตูรถ ไม่อยากให้มันรบกวนหรือทำคุณฟ้าสะดุ้ง เดินตามทางเส้นเล็กๆ ที่เชื่อมระหว่างถนนในซอยกับร้านเชิญครับ ไม่กี่ก้าวผมก็ผลักประตูกระจกเข้าไปในร้าน ยีนเงยหน้าขึ้นมามองผม เธอยิ้มแก้มแถบจะฉีก คงไม่รู้ตัวว่าทำให้เจ้านายร้องไห้หนักมาแล้ว ด้วยเรื่องที่เธอบอกเมื่อตอนเช้า
“สวัสดีตอนเที่ยงค่ะคุณหมอ พี่ฟ้าล่ะค่ะ” เธอชะโงกหน้ามองไปที่ประตูร้าน
“นอนอยู่ในรถ” ยีนทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ผมต้องบอกอธิบายต่อ “คุณฟ้าของยีนไม่สบายนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวหมอจะพากลับไปนอนที่คอนโด”
“ไปเที่ยวทะเลกลับมาป่วยเลยรึคะเนี้ย” ยีนทำหน้าเป็นห่วง
“แล้วเรื่องเด็กสองคนนั่นล่ะ” ผมหมายถึงเด็กผู้ชายคนที่กำลังยืนเก็บแก้วกาแฟและจานเค้กที่ลูกค้าเพิ่งเดินออกไป และเด็กผู้หญิงที่กำลังเดินยืนรับออเดอร์จากลูกค้าอยู่อีกมุมหนึ่ง
“นั่นสิค่ะ เนี่ยยีนก็รอพี่ฟ้ามาคุยเรื่องนี้อยู่ แต่ถ้าพี่ฟ้าไม่สบาย ยีนคงต้องให้น้องเค้ามาอีกทีพรุ่งนี้”
“แล้วมีเรื่องอะไรอีกไหมที่ต้องให้คุณฟ้าทำ” ผมถาม เผื่อว่ามันมีเรื่องสำคัญต้องรอการตัดสินใจจากคุณฟ้า ถ้ามีและสำคัญจริงๆ ก็จะเดินไปปลุกคุณฟ้า
“ไม่มีแล้วค่ะ เอ่อ...จะมีก็แต่เรื่องแดน” ยีนบอก หน้าซึมลงทันที
“คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง หมอเห็นคุณฟ้าโทรคุยกับคุณนนท์” ความจริงผมไม่อยากให้คุณฟ้าตื่นมารับรู้เรื่องนี้ซ้ำเป็นครั้งที่สามของวัน
“รึคะพี่หมอ แล้วว่ายังไงบ้างคะ แดนปลอดภัยไหมอ่ะ”
“หมอว่าคงไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก” ผมบอกให้ยีนสบายใจ เพราะมันไม่มีอะไรให้น่าคิดมาก นนท์คงไม่ทำร้ายอะไรแดน
“แต่ยีนกลัวว่าพี่นนท์จะ....เดี๋ยวก่อนนะคะ ...แดนโทรมา แดนโทรมาแล้ว.....แดนนนนนน เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงบอกว่าเธอดีใจมากที่อีกฝ่ายโทรมา
“ไม่เป็นห่วงได้ไง ก็โดนพี่นนท์ลากไปแบบนั้น แล้วปลอดภัยแน่นะแดน ฉันเป็นห่วง” ผมยืนฟังยีนคุยโทรศัพท์กับแดนครับ จะได้เก็บข้อมูลไปด้วยว่าเด็กแดนเป็นยังไงบ้าง
“พี่ยีน คิดเงินโต๊ะห้าครับ” เด็กตัวขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม อายุน่าจะสักสิบสี่สิบห้าเดินเข้ามาบอกยีน คงที่ผมเห็นว่าเช็ดโต๊ะอยู่เมื่อครู่
“เดี๋ยวนะแดน ขอคิดเงินลูกค้าก่อน เฮ้ย..อะไรอ่ะ ถือสายรอไม่ได้เลยรึไง....ก็ได้ๆๆๆ แล้วถ้าพี่ป้องถามหาล่ะ....ได้ๆๆ แต่ฉันบอกคุณแดนไว้ก่อนนะคะว่า ถ้าคุณแดนไม่มาทำงานพรุ่งนี้ ขาเก้าอี้ของคุณแดนต้องโดนเลื่อยแน่ๆ เพราะฉันจะให้พี่ฟ้ารับเด็กใหม่สองคนนั้นเข้ามาทำงานแทนคุณแดนเลย อะไรยะ...วางก็ได้”
ยีนวางโทรศัพท์ไว้ที่เคาท์เตอร์ แล้วหันกลับไปคิดเงินตามคำบอกของพนักงานคนใหม่
“สองร้อยสี่สิบจ๊ะตาม” ยีนบอก พร้อมกับยื่นถามไม้สีเหลือง มีบิลวางอยู่ให้กับเด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มชื่อตาม ผมนึกสภาพออกเลยครับ ถ้าน้องตามคนนี้ทำงานอยู่ที่ร้านเชิญครับจะเป็นยังไง คงกลายเป็นดาวพอๆ กับเด็กแดนและคุณฟ้า ความน่ารักสูสีกัน แต่ถ้าที่สุดเนี่ย ผมให้คุณฟ้านะ ด้วยวัยและคุณภาพ คุณภาพที่ผมสัมผัสมาแล้วเมื่อคืน
“สบายใจแล้วนะที่แดนโทรมา งั้นหมอไปก่อนนะ ทิ้งคุณฟ้าไว้ในรถนานแล้ว” ผมบอก ยีนพยักหน้ารับทราบ แล้วยิ้มปากแทบจะฉีก ก่อนพูดแกมฝากกับผมว่า
“ดูแลพี่ฟ้าให้ดีๆ นะคะคุณหมอ เพราะยีนยกพี่ฟ้าให้คุณหมอแล้ว ห้ามทำพี่ฟ้าเสียใจเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอย่าหวังจะได้กินกาแฟอร่อยๆ ฝีมือสุดยอดนักชงอย่างยีนอีก”
ผมไม่ตอบว่าอะไร ยิ้มให้แล้วเดินออกมา จะให้ผมตอบรับอะไรได้ล่ะ ในเมื่อการตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่คุณฟ้าคนเดียว ถึงผมจะพยายามมากแค่ไหน มันก็อาจเป็นแค่ความพยายาม หากคุณฟ้ายังปฏิเสธผมต่อไป
.
.
.
.
.
“คุณฟ้าครับ ไหวไหมครับ” ผมปลุกคุณฟ้าเมื่อจอดรถไว้ใต้คอนโดเจ้าตัว โชคดีที่ยามเคยเห็นหน้าผมและคงเห็นคุณฟ้านอนอยู่เบาะข้างๆ ด้วย ถึงยอมให้ผมขับรถเข้ามาข้างใน
“อื้อออ....” คุณฟ้าตอบรับผมด้วยเสียงครางในลำคอ เหมือนคนไม่อยากตื่น ผมเลยไม่คิดจะปลุกคุณฟ้าอีก
ดูจากสภาพแล้วผมว่าคุณฟ้าน่าจะปวดหัวเอามากๆ เนื่องจากร้องไห้หนักมากและอาจจะป่วยได้ ก่อนแวะร้านของคุณฟ้า ผมก็แวะซื้อยาจากร้านเพื่อนของผมเองที่อยู่ตรงทางผ่านพอดี
ผมค้นเอากุญแจห้องของคุณฟ้าจากกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่ด้านหลังรถ แล้วจัดการอุ้มคุณฟ้าแทนที่จะปลุกให้ตื่น คุณฟ้าเป็นผู้ชายตัวสูงเกือบๆ จะเท่าผม แต่รูปร่างแล้วต่างกันมาก ผมหุ่นผู้ชายปกติ มีกล้ามเนื้อ มีซิกแพ็ค แข็งแรงอยู่ไม่น้อย ต่างกับคุณฟ้าที่ติดจะผอมนิดๆ แต่ไม่ได้ผอมมากมายอะไร น่าจะเรียกได้ว่าสูงโปร่งมากกว่า ทำให้ผมอุ้มคุณฟ้าได้ไม่ลำบากเท่าไหร่
โชคดีที่ตอนนี้เป็นตอนกลางวัน คนในคอนโดส่วนมากน่าจะไปทำงานหมดแล้ว ผมกดลิฟท์ชั้น 14 จำได้เพราะเมื่อวานเพิ่งมากับคุณฟ้า แล้วก็จำเลขห้องของคุณฟ้าได้เช่นกัน กว่าจะเปิดห้องคุณฟ้าได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร เพราะต้องอุ้มคุณฟ้าไปด้วยเปิดประตูไปด้วย พอเปิดประตูห้องได้ผมก็ตรงดิ่งอุ้มคุณฟ้าไปวางไว้ที่เตียง
แตะหน้าผากดู อืม...ตัวร้อน แต่ไม่มาก เลยเดินหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้า คอ และแขนคุณฟ้า แล้วใช้เจลลดไข้ที่ซื้อมาพร้อมกับยาลดไว้แปะไว้ที่หน้าผากเกลี้ยงๆ นั้น หวังว่าตื่นมาไข้น่าจะลดจนเป็นปกติ จากนั้นจึงลงไปที่รถเอากระเป๋าของคุณฟ้าขึ้นมา เก็บเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าแล้วเอาไปใส่ในตะกล้าข้างห้องน้ำ
ผมเดินกลับมาที่เตียง ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นข้างเตียง หลังจากเดินสำรวจนอนคุณฟ้าแทบจะทุกซอกทุกมุมแล้ว รูปถ่ายคู่ของคุณฟ้ากับคุณนนท์วางตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียงข้างโคมไฟกระดาษสา ทั้งคู่กอดกันแล้วยิ้มให้กล้อง น่าจะเป็นรูปตอนงานปีใหม่ของปีนี้เพราะมีตัวเลขด้านหลังบอก รูปบนโต๊ะเขียนหนังสือที่ผมเห็นก่อนหน้านี้ เป็นรูปเมื่อตอนเป็นเด็กมัธยม ไม่ได้ยืนกอดกันแต่ก็เป็นรูปที่คุณนนท์นั่งมองหน้าคุณฟ้า ส่วนคุณฟ้านั้นยืนยิ้มกว้างให้กล้อง ดูน่ารักครับ ส่วนอีกสามรูปที่แขวนอยู่ข้างพนังห้องเป็นรูปสมัยอนุบาล ตอนมหาลัยและรูปวันเปิดร้านเชิญครับ วันนั้นผมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ยังไม่รู้สึกอะไรเลย มาตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าอยากเอาไปโยนทิ้งให้หมด รวมทั้งอีกหลายรูปด้านนอกนั้นด้วย
ไม่อยากเห็น...
ไม่อยากให้คุณฟ้าเห็นมันอีก...
ผมดึงสายตาจากรูปบนโต๊ะหัวเตียงมาที่คนหลับสนิทบนเตียงอีกครั้ง เท้าคางมองใบที่หลับใหลด้วยพิษไข้จากการร้องไห้อย่างนักอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมืออุ่นๆ มาแตะที่ต้นแขน
“คุณหมอ คุณหมอครับ คุณหมอ”
“ครับ” ผมยืดตัวตรงขึ้นมา บิดตัวเล็กน้อยเพราะเมื่อยจากการนั่งฟุบอยู่ข้างเตียง
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วผมเป็นอะไร” ในมือคุณฟ้าถือแผ่นเจล สงสัยคงตื่นขึ้นมาแล้วดึงเอาออก
“คุณฟ้ามีไข้นิดหน่อยครับ ผมเลยเช็ดตัวให้ แล้วก็ใช้แผ่นเจลแปะลดไข้ รู้สึกดีขึ้นมาหรือยังครับ”
“ไม่เห็นรู้ตัวเลย แล้วจะมาเช็ดตัวให้ทำไมเนี้ย” เหมือนจะบ่นกับตัวเองมากกว่า แต่ผมได้ยินเต็มสองหู
“เช็ดแค่หน้า คอ แล้วก็แขนครับ ส่วนอื่นไม่ได้แตะต้อง ไม่ต้องห่วง” รู้สึกน้อยใจมาก บอกไม่ถูก
“ไม่ได้ว่านี่ครับ แค่บอกว่าไม่รู้ตัวเลย ยังไงก็ขอบคุณคุณหมอนะครับ” คงรู้ว่าผมรู้สึกยังไง ถึงรีบแก้ตัว แต่ผมรู้หรอก คุณฟ้ายังหวงตัวกับผมมาก ทั้งที่เราก็ผ่านขั้นตอนนั้นมาแล้วแท้ๆ เห็นยิ่งกว่าเห็น สัมผัสยิ่งกว่าสัมผัส ได้ครอบครองเป็นเจ้าของคนแรกด้วยซ้ำ
มันน่าน้อยใจ
“แล้วคุณหมอจะไปไหนครับ” คุณฟ้ารีบถาม เมื่อผมลุกขึ้นยืนเตรียมท่าว่าจะเดินออกไปจากห้อง
“กลับบ้าน” ผมบอก พูดสั้นๆ แค่สองคำ แต่น้ำเสียงคงบอกอารมณ์น้อยใจออกมายาวเป็นห่างว่าวมั้ง คนหวงตัวถึงรีบลุกจากเตียง เดินมาคว้ามือผมเอาไว้ขณะที่ผมกำลังจะจับลูกบิดประตู
“โกรธหรือครับ”
“เปล่า”
จริงๆ ครับ ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจและน้อยใจมาก ผมไม่ได้หวังให้คุณฟ้ามารักผมในตอนนี้ รู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก ผมแค่หวังให้คุณฟ้าอย่าตัดรอนผมมากจนเกินไปเท่านั้นเอง แต่ที่คุณฟ้าทำ มันยิ่งกว่าตัดรอนด้วยซ้ำ
“ถ้าผมทำให้คุณหมอไม่สบายใจ ผมก็ขอโทษ”
คนตรงหน้าผมยืนนิ่ง มือเล็กปล่อยข้อมือของผมลง เรามองสบตากันอยู่นาน ผมรู้ว่าคุณฟ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ตากลมสวยฉายชัดให้เห็นความยุ่งยากใจ ปนเปไปกับความสับสนที่ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับผม คนที่คุณฟ้าพยายามสลัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุดไปไหน
คงนึกเสียใจอยู่มั้งครับ ที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ผมในคืนนั้น ถ้าไม่เกิดเรื่องคืนนั้นขึ้นมา ผมอาจจะไม่ถือสิทธิ์แสดงตัวก่อกวนคุณฟ้าได้มากขนาดนี้
แสดงว่าผมมีสิทธิ์...
ผมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ในเมื่อคุณฟ้าเป็นของผมแล้ว ในเมื่อคนรักของคุณฟ้าทิ้งคุณฟ้าไปแล้ว คุณฟ้าเป็นอิสระพอที่ผมจะแสดงตนเป็นเจ้าของอย่างชอบธรรมที่สุด ไม่ได้ถือสิทธิ์ แต่ผมมีสิทธิ์
“เอ๊ะ..คุณหมอ” คุณฟ้าคงตกใจ เมื่อจู่ๆ ผมรวบตัวเข้ามากอด
“ปะ...ปล่อยนะคุณหมอ จะ...จะทำอะไรผม” ตอนนี้คงทั้งตกใจทั้งกลัวครับ เมื่อผมช้อนตัวคุณฟ้าขึ้นแนบอก ก้าวเท้าพาไปวางบนเตียงก่อนจะขึ้นคล่อมร่างนั้นไว้ กักขังไว้ในกรงแขนที่ปิดทางหนีทั้งสองด้าน
“จะทำอะไร”
“ทำเหมือนเมื่อคืน” ผมบอก พยายามยิ้มเหี้ยมให้คุณฟ้ากลัว แต่คงไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะคุณฟ้าตะโกนลั่นห้อง คงทั้งอาย ทั้งเขิน แล้วก็โกรธจัด หน้าถึงได้แดงจัดมาก
“คุณหมอ!!”
“ครับ”
“ออกไปเลยนะ” คงหมายถึงให้ผมลุกออกจากตัวคุณฟ้า ยากหน่อย ผมไม่ใช่คนดื้อแต่ตอนนี้ขอหน่อยเถอะ ไม่ได้คิดทำอะไรมากครับ ขอชื่นใจสักนิดสักหน่อย
“ออกไป”
“ไม่”
“คุณหมอ”
“ครับ”
“ไม่เอานะ” ไม่เอาอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย
“ไม่รับปาก”
“คุณหมอ!!” คุณฟ้าโกรธใหญ่เลย แต่ผมคิดว่าไม่โกรธจริงจังเท่าไหร่ เพราะไม่งั้นคงทั้งผลักทั้งดันผมออกไปจากตัวแล้ว นี่ทำอะไร นอกจากนอนหน้าดำหน้าแดงล่อหูล่อตาผมให้อดใจไม่ไหว เลยก้มไปงับปากเล็กๆ ไปเบาๆ หนึ่งที่
“คุณหมอ!!!” ยังพยายามโกรธ ไม่กลัวหรอก มากกว่านี้ยังยอมให้ผมทำมาแล้ว
“มากกว่านี้ก็เคย” ว่าแล้วก็แกล้งสอดมือเข้าไปใต้เสื้อตัวบาง ยังไม่ทันสัมผัสผิวเนื้อเนียนเลย มือก็ถูกดึงออกมาเสียก่อน
“คุณหมอ!” ระดับเสียงลดลงมาหน่อย คงกลัวผมจะเอาจริง
“ครับ”
“ไม่เอานะครับคุณหมอ ผมต้องกลับไปที่ร้าน นัดยีนเอาไว้ นะครับ ปล่อยผมเถอะนะครับ” นั่นไง พูดเสียงอ้อนได้อีก
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ ผมคุยกับยีนเรียบร้อยแล้ว นัดเด็กสองคนที่มาสมัครงานให้มาใหม่พรุ่งนี้”
“.....................” เงียบไปเลยครับ คิดว่าน่าจะคิดหาทางเอาตัวรอดจากการรุกรานของผมอยู่
“คุณหมอ.....” คุณฟ้าเหมือนลังเลที่จะพูดอะไรออกมา หลังจากที่หันหน้าหนีสายตาแกล้งเอาจริงของผม
“ครับ”
“แค่ครั้งเดียว....” คุณฟ้าหยุดไป หลังจากหันหน้ามาพูดกับผม
ปล
มีต่อนะค่ะ แต่โพสไม่ได้ มีข้อความขึ้นว่า โพสของคุณจาก IP เดียวกันน้อยกว่า 90วินาที งง อ่า ปกติก้โพสทีสองรีได้นี่นาเวลา
รอแป๊ปนะค่ะแล้วจะรีบมาต่อทันทีที่โพสได้