ตอนที่ 9 ความสัมพันธ์ไร้ซึ่งความรัก
ผมได้ยินเสียงน้ำกระทบพื้นห้องน้ำชัดเจน ขณะที่ผมสวมเสื้อเสร็จและกำลังจะสวมกางเกง อดนึกถึงสภาพคุณหมอตอนอาบน้ำไม่ได้ ผมไม่ได้ทะลึ่งนะครับ แค่คิดว่าถ้าผมเดินเข้าไปในห้องน้ำตอนนี้ คุณหมอจะตกใจจนช็อกแล้วสลบคาห้องน้ำหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง สาเหตุจากที่ผมจู่โจมไปตอนที่คุณหมอยังไม่ทันตั้งตัว
บอกแล้วไงครับว่าแค่ ‘คิด’ ไม่ได้อยาก ‘เห็น’ สาบานได้ครับ
ผมล้มตัวลงนอน หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน (ตอนบ่ายนอนแล้วแต่มันก็ยังไม่เต็มอิ่ม) แถมยังเจอเรื่องหนักๆ อีก ทั้งเรื่องที่คุณหมอขอร้องให้ผมช่วยแกล้งทำเป็นแฟนด้วย แล้วยังมีเรื่องชวนเครียดของอีกสองคู่ คุณตินกับคุณลม คุณอิงกับคุณหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนที่คุณหมอก็คงไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน บอกตามตรง ผมไม่ชินกับสถานการณ์แตกหักแบบนี้ครับ ถึงจะไม่รุนแรงมากผมก็ไม่ชอบ มันชวนให้ปวดหัว ต้องคิดหาคำตอบว่าอะไรเป็นสาเหตุ เหมือนๆ ที่นนท์กับแดนเป็นกันบ่อย ทะเลาะกันจนเรียกว่า ‘เกลียดขี้หน้ากันสุดๆ’
นอกจาเหนื่อยแล้ว ผมยังรู้สึกมึนๆ นิดๆ เนื่องจากดื่มไปหลายแก้ว ว่าแล้วก็นอนหลับให้เต็มอิ่มดีกว่าครับ เผื่อตอนเช้าจะได้ลุกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น คุณลมชวนผมตอนที่เราปิ้งอาหารทะเลด้วยกัน คุณลมนิสัยดีน่ารักครับ แต่คงจะเจ้าโมโหอยู่ไม่น้อย
กลิ่นผ้านวมผืนใหญ่ผืนเดียวบนเตียงที่ผมกับคุณหมอต้องใช้ร่วมกันหอมมากครับ เมื่อผมดึงมาขึ้นมาห่มตัวจนถึงปลายจมูก
เอ๊ะ! นั่นมัน?
ผมเห็นอะไรบางอย่างแปลกปลอมอยู่ในห้อง บนโต๊ะข้างเตียง ฝั่งที่ผมเว้นว่างไว้ให้กับคุณหมอ
มันใช่สิ่งที่ผมคิดหรือเปล่า เพื่อความมั่นใจผมขยับเข้าไปใกล้สิ่งๆ นั้น ชัดเจนจนไม่ต้องหยิบขึ้นมาดู แค่มองก็รู้ว่ามันคืออะไร...
กล่องถุงยางกับเจลหล่อลื่น...
ไม่เคยใช้เองแต่เคยเจอบ่อยในกระเป๋าของนนท์ รวมถึงในคอนโดของนนท์ด้วย
มันมาอยู่นี่ได้ไง? ลืมไปครับ ไม่ควรถามว่ามันมาอยู่นี่ได้ยังไง ผมควรจะถามว่า ‘มันมาอยู่ด้วยเหตุผลอะไร’ มากกว่า
คุณหมอกำลังคิดอะไร?...กับผมหรือเปล่า?
เหลือบมองไปที่กรอบประตูห้องน้ำ เสียงน้ำยังไหลกระทบพื้น บอกว่าคนในนั้นยังไม่เสร็จภารกิจ ผมกลับมานอนที่เดิม นอนตะแคงมองของบนโต๊ะนั้นอีกครั้ง
กล่องถุงยางกับเจลหล่อลื่น
คุณหมอเอามันมาทำไม?
คุณหมอเอามันมาใช้กับใคร?
คุณหมอเอามันมาใช้กับผมใช่ไหม?
โอ๊ยยยยยยย...
คำถามพวกนี้มันดังวนเวียนอยู่ในหัว ปวดจนต้องลุกขึ้นนั่งสะบัดหัวไปมา มองไปยังห้องน้ำ เสียงน้ำกระทบพื้นเงียบไปแล้ว ผมทนไม่ไหวครับ เดินเข่าไปหยิบไอ้ของสองสิ่งขึ้นมา พอหันหลังกลับเจอกับคุณหมอเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันท่อนล่าง
“คุณหมอครับ นี่มัน”
“..........................” คุณหมอนิ่งไปทันที ก่อนจะค่อยๆ ลดผ้าขนหนูผืนเล็กในมือที่ขยี้ผมเปียกชื้นให้แห้งลงช้าๆ สีหน้าบอกอาการว่าตกใจ แต่ไม่ถึงกับช็อก
“.........อะไรครับ” ผมนั่งบนเตียงชูของสองสิ่งให้คุณหมอดูชัดๆ จะได้รู้ว่าผมเห็นมันแล้ว และต้องการคำตอบ ทั้งที่ผมพอจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็เถอะ
ถุงยากับเจลหล่อลื่น เค้ามีไว้เพื่ออะไรกันล่ะ
ถ้าไม่ใช่...
ถ้าไม่ใช่...เอาไว้ป้องกันกับช่วยเหลือให้ไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด
“เอ่อ.....มัน....มัน...ถุง... ” คุณหมออึกฮัก ทำหน้าเหมือนมันตอบยากเต็มประดา
“ถ้าคุณหมอจะตอบว่ามันคือถุงยางกับเจล อันนี้ผมรู้”
“......................” หน้าคุณหมอดูจ๋อยไปเลย แทบไม่มีสี
“แต่ที่ผมอยากถามคือคุณหมอเอามาไว้ใช้กับผมหรือครับ” ถามตรงไปไหมครับ ไม่รู้ล่ะ ผมไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้ มันเลยต้องถามไปตรงๆ เอาให้ได้คำตอบที่พอใจ ดูจากสถานการณ์ในห้องที่มีกันแค่สองคน ของพวกนี้ไม่เอามาไว้ใช้กับผมแล้วจะไว้ใช้กับใคร ผมไม่ได้คิดมากนะครับ แต่มันต้องคิด แล้วคุณหมอก็สวนกลับมาอย่างไวและยาวเยียดว่า
“เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นกับคุณฟ้าเลยนะครับ สาบานได้ คือหนึ่งเอามาให้ผมตอนที่คุณฟ้าอาบน้ำอยู่ เขาเห็นว่ามันจำเป็นต้องใช้ ในฐานะที่เรา....เราเป็นแฟนกัน” ประโยคหลังคุณหมอพูดเสียงเบามาก แต่ผมก็ได้ยินครับ
คุณหมอบอกมางี้ ผมควรจะเชื่อใช่ไหมครับ
“คุณฟ้าไม่เชื่อหรือครับ” คุณหมอถามกลับมาเหมือนเดาความคิดผมออก เป็นใครก็เดาออกเถอะ
“ไม่ใช่ไม่เชื่อครับ แต่มันแค่ชวนให้คิด” ชวนให้คิดไปไกลด้วยแหละ
“ผมขอโทษครับ ผมไม่น่ารับของจากหนึ่งมาเลย แต่มันจำเป็นนะครับ”
“ห๊ะ...จำเป็น?”
“เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างที่คุณฟ้าคิด คือหนึ่งเขาเมามาก ผมเลยจำเป็นต้องรับเอาไว้ ไม่เอาเดี๋ยวก็จะโวยวายอีก เข้าใจใช่ไหมครับ” สีหน้าจริงจังเข้ากับน้ำเสียงดีครับ คุณหมอคงไม่ได้โกหก
“ครับ ผมเข้าใจ” เห็นภาพเลยครับ ว่าคุณหนึ่งโวยวายเป็นยังไง ก็เพิ่งเห็นฤทธิ์เดชไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง ใครห้ามฟังที่ไหน กรอกเหล้าเข้าปากยังกับน้ำ แถมยังทำท่าจะโดดลงทะเลอีก ผมละเสียวแทน โชคดีที่คุณอิงคว้าตัวไว้ทัน แบกกลับห้องทั้งที่อีกฝ่ายโวยวายลั่น ดีนะครับที่คุณหนึ่งตัวไม่ใหญ่มาก (แต่ตัวโตกว่าคุณลมนะครับ ส่วนผมแทบจะไล่เลี่ยกับคุณหมอ คุณอิงและก็คุณติน ติดที่ผอมกว่า แต่ความสูงสูเสียด พอเดินด้วยกันแล้วไม่เกิดหลุมอากาศครับ)
“ขอบคุณครับที่เชื่อผม” เสียงนุ่มๆ ของคุณหมอบอกมาอีกครั้ง ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นมาประหลาด ผมชอบคำพูดนี้ของคุณหมอจัง
‘ขอบคุณครับที่เชื่อผม’ คำแบบนี้ ผมไม่เคยได้ยินจากปากของนนท์เลยสักครั้ง เปล่านะครับ ผมไม่ได้คิดเปรียบเทียบคุณหมอกับนนท์ มันแค่เป็นความคิดที่เผลอหลุดลอยไปถึงคนที่ผมรัก...เท่านั้นเอง
ส่งยิ้มให้คุณหมอไป ยืนยันว่าผมไม่ติดใจอะไร เมื่อคุณหมอยืนยันอย่างนั้นผมก็ต้องเชื่อสิครับ เอาของของคุณหนึ่งที่หยิบยื่นมาให้ด้วยความหวังดี โดยรู้เท่าไม่ถึงความจริงว่าผมกับคุณหมอเป็นแค่คนรู้จักกัน ไม่ใช่แฟนกันอย่างที่บอกทุกคนไปหรอก
‘มันก็แค่เรื่องหลอกๆ กลับกรุงเทพไปก็น่าจะจบ’
ไม่มีเหตุผลไหนที่จะทำให้ผมไม่เชื่อคำพูดของคุณหมอ คุณหมอเป็นคนดีนะผมว่า สาวยีนก็ยืนยัน คงไม่คิดทำอะไรตื้นๆ กับผมแน่ๆ ที่สำคัญผมมันก็ไม่ได้น่าพิศวาสขนาดนั้น นนท์เองยังไม่คิดจะทำอะไรผมเลยด้วยซ้ำ ที่ผมถามคุณหมอไปแบบนั้นก็ถามตามความอยากรู้ครับ ได้คำตอบแล้วก็แล้วกันไป ไม่คิดมาก ที่สำคัญผมลืมไปได้ยังไงว่าเมื่อตอนค่ำคุณหมอยังตกใจจนช็อกที่เห็นผมยืนตัวเปลือยอยู่ในห้องอาบน้ำ แปลว่าคุณหมอไม่ได้คิดอะไรกับผมเลยจริงๆ
กล่องถุงยางกับเจลหล่อลื่น มันก็แค่ของที่คุณหนึ่งผู้หวังดี นำมาฝาก หวังให้คุณหมอเอาไว้ใช้กับผม...
หายปวดหัวแล้วครับ หลังจากได้คำตอบจากคุณหมอ ผมวางไอ้ของสองอันไว้บนโต๊ะข้างเตียงแต่ไม่ใช่ตัวเดิม ผมวางมันไว้ข้างเตียงผมครับ ก่อนจะลืมตัวลงนอน ส่วนคุณหมอเองก็น่ากำลังเปลี่ยนชุด ผมเห็นแวบๆ ก่อนที่จะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตั้งแต่ปลายเท้าถึงปลายผม เพราะมันรู้สึกหนาวๆ ปัจจุบันทันด่วน
มือกำลังควานหาหมอนข้างตามความเคยชิน พอไม่เจอเลยนึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่ห้องตัวเองมันจะมีหมอนได้ยังไง ผมเลยต้องเอาตัวออกจากโป่งผ้า ลุกขึ้นยืนหยิบเอาตุ๊กตาหมีบนชั้นลอยเหนือเตียงออกมาตัวหนึ่ง ก็ตัวที่ผมเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อบ่ายไงครับ ความจริงผมไม่ชอบนอนกอดตุ๊กตานะครับ ผมไม่ชอบขนของมัน มันน่ารำคาญเวลานอนกอด แต่ในเมื่อไม่มีหมอนข้าง ตุ๊กตามันก็พอจะแทนกันได้ในยามจำเป็น
ผมดึงผ้าห่มคลุมตัวคลุมหัวอีกครั้ง อุ่นดีครับ แต่ติดที่หมอนข้างกลายเป็นตุ๊กตานี่แหละ มันทำให้ไม่ปกติเท่าไหร่ ผมได้ยินเสียง ‘ปี๊ด’ สงสัยคุณหมอทำอะไรกับแอร์สักอย่าง ไม่น่าจะลด น่าจะเพิ่มมากกว่า ก่อนที่ความมืดที่มากกว่าเดิมจะปกคลุมทั้งห้อง (ตามความรู้สึกผมเอง) อึดใจเดียวพื้นเตียงอีกฝั่งก็ยวบเพราะคุณหมอล้มตัวลงนอน แทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกันกับผม
เตียงไม่ได้กว้างเท่าไหร่ ผมที่นอนขดตัวกอดน้องหมีอยู่ รู้สึกถึงไอร้อนจากร่างกายของอีกฝ่ายชัดเจนเลยครับ มันอุ่นๆ ไม่ต่างจากที่ผมเคยนนท์ร่วมเตียงเดียวกับนนท์
“ติดหมอนข้างหรือครับ” คุณหมอถาม ผมเลยต้องโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม
“ครับ แต่กอดตุ๊กตามันไม่ค่อยจะชิน ผมไม่ชอบขนของมัน กอดแล้วมันไม่สบายเหมือนกอดหมอนข้าง” ผมหันหน้าไปทางคุณหมอ แต่ผมมองไม่เห็นหน้าคุณหมอเลยครับ ห้องมืดมาก แสงจากโคมไฟตามทางเดินไม่ส่องเข้ามาแทบไม่ถึงไหนห้องครับ เนื่องจากม่านหนามาก
“กอดตุ๊กตาไม่สบายตัวก็กอดหมอได้นะครับ”
“หือ....” คุณหมอต้องการจะสื่ออะไร
“ผมล้อเล่นครับ”
คุณหมอว่า แล้วหัวเราะเบาๆ จากนั้นคุณหมอก็ขยับตัว แต่ไม่มาก แต่นั้นก็ทำให้แขนกับขาของเราสองคนสัมผัสกันครับ แต่ละจุดที่สัมผัสกันมันทำให้ส่วนนั้นอุ่นวาบไปเลย เหมือนคุณหมอก็ไม่ได้ขยับถอยเมื่อเนื้อตัวเราแตะกัน ส่วนผมเองก็เช่นกัน จะให้ถอยกันไปจนสุดขอบเตียงของตัวเองที่อยู่กันคนละฝั่ง มันก็คงได้แค่นี้ล่ะครับ
แล้วผมเห็นหน้าคุณหมอชัดขึ้น เพราะสายตาปรับเข้ากับความมืดได้แล้ว โครงหน้าของคุณหมออยู่ใกล้มาก เพราะหมอนสองใบวางชิดกัน
ทั้งห้องเงียบมาก มากจนได้ยินเสียงคลื่นที่ดังแว่วมาจากท้องทะเลด้านนอก มากกว่านั้นคือเสียงลมหายใจที่เหมือนจะติดขัดทั้งของตัวคุณหมอและตัวของผมเอง
ยิ่งกว่านั้นคือเสียงหัวใจของผมที่มันดันเต้นแรง ไม่เป็นจังหวะ มันตึ๊กตั๊กๆๆๆ
ผมตื่นเต้นงั้นเหรอ?
น่าจะใช่...
ครั้งแรกที่ผมนอนร่วมเตียงกับผู้ชายที่ไม่ใช่นนท์
ผมอยากให้ห้องมืดเหมือนเดิม แต่มันคงยากไปแล้ว เมื่อสายตาของผมปรับให้ชินกับมันไปเสียแล้ว ผมถึงต้องมานอนมองตากับคุณหมอในระยะประชิด ชิดเสียจนสัมผัสได้ถูกลมหายใจอุ่นๆ ของคุณหมอ
“คุณหมอ” น้ำเสียงของผมคงเบามา ไม่อย่างนั้นคุณหมอคงไม่ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม หรือเพราะคุณหมอกลัวผมไม่ได้ยินเสียงของคุณหมอกันแน่
เราเลยใกล้กันเข้ามาอีกนิด ...
เรียกว่าหน้าแทบจะชนกันอยู่แล้ว
“ครับคุณฟ้า”
ตาคมในความมืดที่ผมเห็น จับจ้องอยู่ที่ผม มันยังไงไม่รู้ผมบอกไม่ถูก ใจหนึ่งผมอยากหันหนี ปิดตาหนีสายตาของคุณหมอ แต่อีกใจหนึ่งมันกลับคิดต่าง ผมอยากมองสบตากับคุณหมอ ไม่รู้เพราะอะไร
“ผมจะหลับแล้วนะครับ” ถ้าผมจะเรียกชื่อคุณหมอด้วยเรื่องแค่นี้ และถ้าผมจะหันหลังให้คุณหมอในทันทีที่พูดจบ ไม่สนใจจะหยิบตุ๊กตาหมีติดมือมาด้วยแล้วถ้าผมยังคงใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แบบนี้ละก็..........
ผมจะทำไงดี?
“ลืมตุ๊กตาครับ” แล้วตุ๊กตานั้นก็กลับมาสู่อ้อมแขนผมอีกครั้ง ผมกอดมันแน่นครับ สะกดใจตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่านไปไกล บอกกับตัวเองว่า หลับเถอะๆๆๆๆ ทว่ามันก็ยังทำไม่ได้สักที คนตัวโตกว่าผมที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวกลับไปที่เดิมของตัวเองเสียที
จะอยู่กดดันผมเพื่อ?
“ฝันดีครับ” เสียงนุ่มกระซิบบอกผมใกล้ใบหู ลมหายใจอุ่นไต่รดแก้มของผม ผมแทบหยุดหายใจ แต่ยังคงหายใจได้อยู่ แค่มันไม่ปกติ
ฝันดีงั้นเหรอ?
แค่หลับตาผมยังทำไม่ได้เลย จะให้ฝันดีได้ยังไง
แล้วความกดดันของผมก็หายไป คุณหมอยอมกลับไปนอนที่ตัวเองแล้ว แต่ไอร้อนใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่เราใช่ร่วมกัน มันยังคงทรมานความรู้สึกของผมไม่เปลี่ยนแปลง อยากอวดเก่งนอนท้าอากาศเย็นๆ จากแอร์ มันก็เหมือนจะงี่เง่าเกินไปหน่อย
คืนนี้ผมจะข่มตาให้หลับได้ไหม?
ไอ้ของสองสิ่งในเงามือก็อยู่ในระยะสายตาที่ผมมองเห็นอีก อยากจับมันเขวี้ยงไปให้ไกลสายตา จะมาขวางหูขวางตาให้ผมนึกถึงสรรพคุณและวิธีใช้ของมันทำไม
ผมเป็นคนหยุดคิดอะไรได้ง่ายๆ ซะทีไหน ความคิดมันดันต่อเติมโน่นนี่นั่น ปนกันมั่วไปหมด หยุดคิดก็ไม่ได้ จะข่มตาให้หลับก็ทำได้ยากยิ่งกว่า
เหนืออื่นใด ผมคิดถึงนนท์ ทุกคืนที่เรายังรักกัน ทุกครั้งเราจะนอนกอดกัน ผมกอดนนท์ นนท์กอดผม อ้อมกอดอุ่นๆ ที่ทำให้ผมหลับตาลงได้สนิท
มันเป็นความเคยชินที่เมื่อห่างหายไปแล้ว ผมถึงกับนอนไม่เคยหลับสนิทสักคืน
.
.
.
.
.
“คุณหมอครับ”
ในที่สุดผมก็ไม่อยากทนกับอะไรที่มันว้าวุ่นอยู่ในหัวสมองไม่ไหว ลองพยายามสลัดให้หลุดออกไป แต่ยังไงมันก็ไม่ยอมหลุดออกไปจากสมองของผมสักที
“ครับ”
คุณหมอยังไม่หลับ แต่ผมก็ยังถามคำถามโง่ๆ ออกไป
“หลับหรือยังครับ”
ผมพลิกตัวกลับมามองเสี้ยวหน้าของคุณหมอ ก่อนที่จะเห็นโครงหน้าเต็มๆ ในระยะใกล้แบบที่ว่าแค่นิ้วเดียวปลายจมูกก็จะชนกันอยู่แล้ว เมื่อคุณหมอเปลี่ยนจากนอนหงายมาเป็นนอนตะแคงมาทางผม
เราสบตากัน ลมหายใจคงปะทะกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ยังครับ” เสียงคุณหมอฟังแล้วอบอุ่นจังครับ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนั้น หรือเพราะผมกำลังฟุ้งซ่าน มันสับสน ความคิดหลายอย่างวนเวียนอยู่ในสมองในหัวกลมๆ ของผม ผมคิดไม่ตก มันเหมือนมีบางอย่างริดรอนสิ่งที่ผมควรจะทำไปซะหมด
ผมควรจะหันหลังกลับ
ผมควรจะปิดตาหลับ
ผมควรจะข่มตาให้นอนหลับ
แต่ความคิดมากมาย มันไม่ยอมให้ผมนอนหลับอย่างมีความสุข มันกำลังสั่งให้ผมทำอะไรที่ไม่สมควรทำ กับใครคนหนึ่งที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อถึงขนาดนั้น
มันบังคับให้ผมต้องพูดออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
“ไม่อยากกอดตุ๊กตา” คำพูดของผม มันฟังเข้าใจยากไปไหมสำหรับคุณหมอ มันจะสื่อถึงความต้องการงี่เง่าของผมที่อยากบอกกับคุณหมอหรือเปล่า?
“........................” คุณหมอยังเงียบ
“.......................” ส่วนผมก็ยังรอสิ่งที่จะทำลายความเงียบจากปากคุณหมอ
ตาเราสบกันในความมืด ความมืดไม่เป็นอุปสรรคสักเท่าไหร่ เพราะผมยังเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของคุณหมอได้ชัด คงเพราะเราใกล้กันมาก
“ผมไม่อยากกอดตุ๊กตา” ผมพูดคำพูดแบบเดิมออกไปอีกครั้ง ตุ๊กตาดูไร้ค่า ไม่มีความหมาย เมื่อมันถูกผมโยนทิ้งลงข้างเตียง ไม่คิดใยดี
หรือผมจะหน้าด้านเกินไป?
ในเมื่อคุณหมอไม่พูดอะไร แต่ยังคงมองหน้าผมนิ่ง ผมถือว่าคุณหมอไม่ปฏิเสธ เพียงแต่ไม่กล้าเริ่มต้น เพราะคุณหมอเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติผม แต่สำหรับผม ผมคงหน้าหนาไป และอดทนกับความรู้สึกว่างเปล่าในหัวใจตอนนี้ไม่ได้ ทั้งที่สมองผมกำลังฟุ้งซ่านแทบจะระเบิดออกมาด้วยความคิดที่กัดกร่อน ผมถึงได้ขยับเข้าใกล้ร่างกายของอีกคน วาดแขนโอบกอดราวกับจะไม่ให้เหลือช่องว่างใดๆ
อยากถูกเติมให้เต็ม...
หรือว่าผมกลัวคุณหมอจะผลักผมออกกันแน่
... ผมถึงกอดคุณหมอเอาไว้แน่น ร่างกายเหมือนเกร็งไปทุกส่วน ไม่เว้นแม้แต่หัวใจ หัวใจที่ว่างเปล่าแต่ก็หนักหน่วง ดึงผมให้จมดิ่ง ยากถอนตัว
“คุณฟ้า” เสียงคุณหมอแผ่วเบาอยู่ด้านบน ตัวคุณหมออุ่นมาก ผมซบอยู่อย่างนั้น
“กอดผมได้ไหมคุณหมอ?” ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างกายที่ผมกอดไว้แน่น รอคอยคำตอบ
หรือเพราะความอดทนของผมน้อยจนเกินไป ผมไม่รอคำตอบจากคุณหมอ ผมปล่อยแขนที่กอดตัวคุณหมอ แล้วปีนขึ้นไปบนร่างกายแข็งแกร่ง ลงน้ำหนักทั้งหมดบนเอวหนา ก่อนจะขยับให้บั้นทอยถอยต่ำลงมาสัมผัสกับความแข็งขืนที่สัมผัสได้ในทันที
ผมคิดไม่ผิด ไม่ต้องรอคำตอบจากปากก็ได้คำตอบจากร่างกายเบื้องล่างของคุณหมอไปแล้ว ผมยิ้ม ขณะที่คุณหมอทำหน้าไม่ถูก แต่ยังฝืนถามคำถามงี่เง่ากว่าผมกลับมาว่า...
“กอดแบบไหนครับ คุณฟ้า”
ต้องให้ตอบด้วยคำพูด ผมคงไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบแต่ไม่กล้าตอบกลัวเสียงมันสั่น ผมถึงเลือกที่จะใช้ร่างกายแทนคำตอบ ด้วยการกดย้ำลงบนตัวตนที่แข็งขื่นนั้น
แล้วที่สำคัญ ผมรู้ว่าคุณหมอรู้ว่าต้องกอดผมแบบไหน...
ผมไม่ใช่เด็กตัวเล็ก อายุน้อย ด้อยประสบการณ์ เรื่องพวกนี้ ผมกับนนท์เคยทำร่วมกันมาแล้ว เพียงแต่มันไม่ถึงขั้นสุดท้ายที่หลอมเราเข้าไว้ด้วยกัน...เท่านั้นเอง
“คุณฟ้า” เสียงแหบพร่าด้วยความรู้สึกฟุ้งแตกเรียกชื่อของผม เสียงหายใจไม่สม่ำเสมอของคุณหมอ ผมได้ยินชัดเจนในความเงียบของห้อง
“ครับ” ผมขานรับ ขยับให้ความต้องการของคุณหมอได้เสียดสี มันตื่นตัวจนเจ้าของมันต้องกัดปากหนาตัวเองเอาไว้ คงข่มอารมณ์ไม่ให้เตลิดไปกับผม ทั้งที่รู้ว่ามันห้ามกันได้ที่ไหน
“คุณฟ้า”
มือใหญ่รั้งมือผมที่กำลังจะจับชายเสื้อยืดเพื่อจะเลิกขึ้นสูง เตรียมเอามันออกไปจากตัวเจ้าของ
“ไม่ได้หรือครับ” ผมแค่ถาม หากไม่หยุดมือ คุณหมอก็แค่รั้งมือผมเอาไว้ ไม่ได้ห้ามหรือยึดยื้อจนผมถอดมันออกจากตัวคุณหมดได้โดยง่าย
“คุณฟ้าเมาหรือเปล่า” คำถามนี้ค่อยน่าฟังหน่อย คงคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันเป็นเพราะความเมา ขอบอกว่าผมเป็นคนคอแข็งคนหนึ่งครับ เหล้าชงเข้มๆ ไม่กี่แก้ว ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ ไอ้อาการคอแข็งเนี้ย นนท์เป็นคนฝึกผมเอง
“สงสัยจะใช่....”
ตอนนี้มือผมเลื่อนต่ำผ่านแผ่นอกกว้าง หน้าท้องที่มีมัดกล้ามแข็งแรง แล้วหยุดที่ขอบกางเกงนอนตัวยาวของคุณหมอ เช่นเคยครับ มือใหญ่รั้งมือที่เตรียมดึงกางเกงนั้นให้หลุดออกจากเนื้อตัวส่วนล่าง
“คุณฟ้า” แค่เรียก แต่ไม่ห้าม ผมจึงไม่หยุด มันยากไปสักหน่อย เมื่อต้องดึงกางเกงออก ผมยกตัวเองขึ้นให้ขอบกางเลื่อนไปอยู่บนต้นขาหนา ก่อนจะนั่งทับลงมาอีกครั้ง แล้วเอี้ยวตัวไปด้านหลังดึงกางเกงออกได้สำเร็จ คุณหมอให้ความร่วมมือด้วย
เหลือปราการด่านสุดท้ายบนตัวคุณหมอ ผมยังค้างมือไว้อย่างนั้น ค้างบนความตัวตนแข็งขื่น ไม่แตะต้อง หรือเพราะผมยังไม่กล้าพอ ทว่าเพียงวางมือไว้อย่างนั้น มันก็เรียกเสียงครางทุ่มต่ำจากปากหนาได้
“อาาา.....”
คุณหมอไปเร็วกว่าผมมาก ความรู้สึกของผมมันยังคงนิ่งสงบ
“อยากกอดฟ้าหรือยังครับ?” ผมถาม หลังจากทอดตัวลงชิดกับแผ่นอกเปลือยเต็มไปด้วยมัดกล้ามของคุณหมอ ไม่มีคำตอบจากปากของคนด้านล่าง เพราะมือหนารั้งคอผมเข้าใกล้ บดเบียดปากหน้าเข้ากับปากของผม
ความร้อนคือสิ่งเดียวที่ผมรู้สึก
ลิ้นที่พันกันยิ่งเพิ่มสิ่งที่ถาโถมอยู่ในใจของผม
เสียงครางแตกซ่านกับมือใหญ่ที่บีบเค้นไปตามเนื้อตัวของผม
เสื้อผ้าทุกชิ้นถูกดึงออกอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ใช้เวลาเพียงอึดใจ
จากที่เคยอยู่ด้านบน เมื่อเนื้อตัวมันเร่าร้อนเหมือนโดนแผดเผ่า จึงพลิกอยู่เบื้องล่าง
จากที่เคยเร่งเร้ากลับถูกปลุกเร้าจนไม่มีทางหลีกหนี....
.
.
.
.
.
เช้าแล้ว...
ผมรู้สึกตัวในอ้อมกอดแกร่ง
เมื่อคืนหลังจากจูบสุดท้ายที่ยาวนาน ผมหลับไปในอ้อมแขนแกร่งหลังจากที่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคุณหมอขับกล่อมนานเกือบสองชั่วโมง
ผมนอนไม่ค่อยหลับ ฟุ้งซ่านตลอดทั้งคืน
สำนึกผิดชอบ มันทำงานราวกับเครื่องจักร ไม่มีเหน็ดเหนื่อย ความใจกล้าบ้าบิ่นถูกสังหารด้วยความเจ็บของสะโพกด้านหลัง อ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดทำให้ผมทำตัวไม่ถูก ขยับหนีไปไหนก็ไม่ได้
ผมรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป...
ผมรู้ตัวว่าทำไมผมถึงทำลงไป...
ความหน้าด้านที่ถูกปรุงแต่งด้วยความมึนเมาของฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มยามค่ำคืน ผสมกับบาดแผลที่ยังไม่หายดีจากน้ำมือนนท์ ไม่คิดว่ามันจะมีฤทธิ์รุนแรงถึงขนาดนี้
แต่สิ่งที่ผมรู้ดีกว่าทุกอย่างคือ ผมกำลังทำประชดนนท์ นนท์ที่ไม่เคยอยากเป็นเจ้าของตัวผมเลยสักครั้ง
หึหึ...
น่าหัวเราะไหมครับ
ผมประชดนนท์ โดยที่นนท์ไม่ได้รับรู้อะไรเลย แล้วใครที่เจ็บ แล้วใครที่ต้องทุกข์ แล้วใครที่ต้องรับชะตากรรมไร้ยางอาย...
จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่ผม...
แต่ช่างเถอะ จะเสียอะไรได้ ยังไงผมก็ผู้ชาย ไม่ท้อง ไม่ต้องถูกจับใส่ตะกล้าล้างน้ำ เรื่องอย่างว่า มันก็เป็นแค่เรื่องอย่างว่า ผ่านไปแล้วก็ผ่านเลย
ที่สำคัญ...
นนท์ยังมีอะไรกับคนอื่น โดยที่ไม่รักได้เลย....
ผมอยากทำได้อย่างนนท์ไงครับ...
...ผมถึงทำมันลงไป
>>>>>>>>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
คนเขียนอยากและขอคุย อิอิ
:: สวัสดีคนอ่านทุกคนนะคะ ไม่ได้เข้ามาทักทายบ่อยเท่าไหร่ แต่ก็อยากทักทายทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านเรื่อง รัก...เชิญครับ รวมถึงเรื่องรัก...เธอ ด้วยนะคะ
อยากบอกว่า เรากดเป็ด กดโหวตให้ทุกคนเลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ เรื่องนี้คงไม่ยาวเท่าไหร่ (เพราะมันอยากแต่งเรื่องต่อไปแล้ว หุหุ) คงจะไม่น่าถึง 20 ตอน หรือถ้าเกินก็คงไม่เท่าไหร่
ติดตามกันนะคะ อย่าทิ้งกันน้า // ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ทุกคน ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ พี่เอ๋ ขอบคุณมากนะคะ รู้น้าว่าแก้ให้แอ๋วเยอะมากกก
บับบายทุกคนคร้า เจอกันตอนที่ 10 คุณหมอขอพูดนะคะ ^___^