-13-...รางวัลออกแบบเครื่องประดับ รางวัลที่หนึ่ง... มันควรจะอยู่ในจดหมายของเขาไม่ใช่เหรอ?
หรือไม่อย่างนั้น...มันก็ควรจะอยู่ในจดหมายของใครก็ไม่รู้ที่เขาแค้นแสนแค้น ใครก็ไม่รู้ที่พ่อเป็นคนส่งเข้าแข่งขัน คนที่ทำให้เขากับเสมอภาคต้องแยกจากกัน คนที่ทำลายความมั่นใจของเขาเสียย่อยยับไม่มีชิ้นดี
ไม่ใช่อยู่ในจดหมายของเสมอภาค...คนที่เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำ ว่าจะเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
น้ำลายเหนียวๆคาอยู่ในลำคอแห้งผาก เป็นหนึ่งกำมือเสียจนรู้สึกชา
...
...
เขาได้ที่หนึ่ง!
เสมอภาค เด็กชายที่ใครๆต่างก็มองว่า ‘ไม่ได้เรื่อง’ แต่เมื่อไม่ละทิ้งความพยายาม ความฝันก็ประสบความสำเร็จ
ทั้งๆที่น่าจะรู้สึกดีใจ แต่ทำไมในหัวใจมันรู้สึกหนักตื้อๆกันนะ?
อาจจะเป็นเพราะสายตาที่ปิดบังความรู้สึกผิดหวังไม่มิดของเป็นหนึ่ง...สายตาที่บรรจุคำถามร้อยพันอยู่ภายใน...สายตาแห่งความไม่เข้าใจ
เขาพร้อมจะอธิบายเรื่องราวทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้น เขามั่นใจว่าเป็นหนึ่งจะต้องเข้าใจ เขาเชื่ออย่างนั้นเพราะเขามั่นใจในตัวเป็นหนึ่งเหลือเกิน...ปัญหาคือเป็นหนึ่งจะยอมฟังคำอธิบายหรือเปล่าเล่า?
...
...
สันติมองเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างงงงวย...เขาพูดอะไรผิดไป? ทั้งๆที่เดาไว้ว่าเสมอภาคจะต้องดีใจจนพูดไม่ออกแท้ๆนี่นา
“...ภาค” เอื้อมมือกำลังจะแตะบ่าบาง ก็ต้องชะงักงันกับเสียง ‘แกร๊ก’ ที่หน้าประตูบ้าน
สายตาสามคู่พร้อมใจกันมองต้อนรับแขกผู้มาใหม่...แขกที่ถือดีเสียมรรยาท เข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้กดกริ่งหรือแม้แต่จะเคาะประตู...แขกที่ทำราวกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านก็ไม่ปานบรรจงถอดรองเท้าหนังชั้นดีไว้ที่ชั้นวางรองเท้าหน้าบ้าน
แขกคนนั้นคือ อำนาจ
“คุณพ่อของเป็นหนึ่ง” เสมอภาคอุทานออกมาเบาๆ แต่สองคนที่เหลือก็ยังคงได้ยินอยู่ดี
ภาครู้จักผู้ชายคนนี้! ที่สำคัญ ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของเป็นหนึ่ง!? ...สันติตกใจ
ต่างกับเป็นหนึ่งที่เย็นวาบไปทั้งตัว เพราะเริ่มจะเดาอะไรๆได้รางๆ เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมจากไรผม ได้แต่ภาวนาว่า อย่าให้เป็นอย่างที่คาดเดาเลย
โดยที่ร่างเล็กยังไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงของอำนาจก็เดินเข้าประชิดติดตัว อุ้งมือใหญ่ประคองใบหน้าหวานใสไว้ เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยเฉลยให้ได้ยินทั่วกัน
“ยินดีด้วยนะ ที่ได้รางวัลที่หนึ่ง...สมกับเป็นคนที่อาแนะนำจริงๆ”
...เสมอภาคเป็นคนที่พ่อส่งเข้าแข่งขัน!!!...
สีหน้าตื่นตระหนกของใบหน้าในอุ้งมือ ดวงตาสีนิลที่หลบเลี่ยงสายตาของเขา กลับชำเลืองมองไปทางเจ้าลูกชายอย่างกังวลใจ ทำให้อำนาจเกิดความเอ็นดูขึ้นชะงัด เขาก้มหน้าลงใกล้ หวังจะประกบริมฝีปากเข้ากับแก้มนุ่ม พลันก็ต้องตั้งหลักใหม่ เพราะคนสองคนที่คอยเฝ้าระวังอยู่ข้างกายเด็กหนุ่ม
เป็นหนึ่งคว้าร่างเล็กไว้ในอ้อมกอด ดึงตัวออกห่าง ในขณะที่สันติเอาตัวเข้าขวางระหว่างลูกชายสุดหวงกับอำนาจ ดวงตาคู่สวยส่อแววหาเรื่องราวกับเขาเป็นศัตรูก็ไม่ปาน ทำให้อำนาจยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รู้สึกสนุกกับความตื่นเต้นท้าทายที่ตัวเองเป็นคนสร้าง
บุหรี่ถูกคาบไว้ในปาก กำลังจะจ่อเปลวไฟเข้ากับส่วนปลาย ก็ต้องแปลกใจเพราะกลับถูกริบไปอยู่ในมือสันติเสียแล้ว อำนาจแค่นยิ้มกับท่าทางทำเป็นกล้าหาญของสันติ ทั้งๆที่แววตาไหวระริกอย่างนั้นแท้ๆ
“ขอโทษ...ภาคแพ้บุหรี่” กว่าจะทำเสียงไม่ให้สั่นได้ ใช้เวลาพอสมควร แต่ในที่สุดสันติก็แค้นความกล้าออกมาได้สำเร็จ
...สันติของเขา สันติที่น่ารัก จะทำใจกล้าได้ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะน่า!...
แววตาเปี่ยมล้นไปด้วยอำนาจจ้องมองเสียจนสันติต้องหลบตา ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเป็นกระต่ายที่กำลังถูกหมาป่าล่าอยู่ก็ไม่ปาน หวนคิดถึงคืนที่ถูก ‘ล่า’ ก็พลันหน้าแดงฉ่า ตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้
จู่ๆบรรยากาศกดดันที่ฟุ้งกระจายก็พลันสลายไป เมื่ออำนาจหัวเราะเบาๆอย่างผ่อนคลาย “คุณพ่อของเสมอภาค ในฐานะที่ผมเป็นคนแนะนำภาคเข้าประกวด อยากจะคุยอะไรกันเป็นการส่วนตัวสักหน่อย หวังว่าคงไม่รังเกียจ”
ว่าจบก็ยักคิ้วหนึ่งข้างเป็นเชิงถามแกมบังคับ ซึ่งสันติจะทำอย่างไรได้ นอกจากพยักหน้าเบาๆแล้วพาเดินนำขึ้นบ้านชั้นบนไป
...ทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่มสองคน...กับบรรยากาศเกินบรรยาย...
++++++++++++++++++++++++++++++
เสมอภาคกลืนน้ำลาย เรียกความกล้าเงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาดำมืดที่ยากจะอ่านความในใจ
“เรา...”
“ภาคคือคนที่พ่อส่งประกวด?” เสียงเรียบเย็นขัดขึ้นก่อนที่เสมอภาคจะได้พูดอะไร เด็กหนุ่มทำได้แค่พยักหน้าตามความเป็นจริง
...ทำไม?...
“นี่คือความฝันของภาค ที่ภาคอยากจะบอกเราใช่มั้ย?” เสมอภาคพยักหน้า
...ทำไม?...
“ภาค...รู้อยู่แล้วว่าเราก็เข้าประกวดด้วย?” อยากจะบอกเหลือเกินว่า กว่าจะรู้ก็ส่งงานไปแล้ว แต่ตอนนี้ลำคอมันตีบตันไปหมด
เป็นหนึ่งกำมือแน่นจนเจ็บ แต่ตอนนี้เจ็บที่ใจมากกว่า เด็กหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ ซบหน้าลงกับสองมือ “ภาครู้ว่าถ้าชนะจะได้ไปเรียนเมืองนอก...หึ...แต่ก็ต้องรู้อยู่แล้วสินะ...ก็รางวัลสำหรับผู้ชนะนี่นา” คราวนี้เป็นหนึ่งไม่แม้จะมองหาคำตอบ เพราะเขารู้คำตอบอยู่แล้ว
“ภาครู้ว่า ถ้าชนะ ก็ต้องไปเรียน ต้องจากกับเรา แต่ภาคก็ยังส่งงานเข้าประกวด” ความคิดของเสมอภาคตื้อตัน ปล่อยให้ถ้อยคำทำร้ายจิตใจยังคงออกจากปากของเป็นหนึ่งต่อไป
“แล้วภาครู้รึเปล่าว่า...เราส่งงานเข้าประกวด ไม่ใช่เพราะอยากไปเรียนต่อ แต่เพราะอยากอยู่กับภาคน่ะ?” คราวนี้เป็นหนึ่งเงยหน้ามองเสมอภาคที่เบิ่งตามองอย่างตกใจ
“ภาครู้รึเปล่าว่า ความฝันของเราคือการได้อยู่กับภาค...ภาครู้รึเปล่าว่า ภาคทำลายความฝันของเรา?”
...
....
.......
พลั่ก!!!
โดยไม่ทันตั้งตัว กำปั้นเล็กพุ่งเข้ากระทบแก้มร่างสูงเข้าอย่างจัง แรงจนหน้าหัน แต่ความเจ็บก็ไม่เท่าความตกใจ
“...เรารักหนึ่ง” นาน...กว่าเสมอภาคจะกลืนสะอื้น พูดออกมาได้
“เรารักหนึ่งที่ใจดี รักหนึ่งที่ใจเย็น รักที่คอยเป็นห่วงคนอื่น เข้าใจคนอื่น...เราพูดเรื่องอย่างนี้ไม่ค่อยเป็น เราถึงไม่เคยพูด”
น้ำตาหนึ่งหยดไหลระพวงแก้ม แต่เสมอภาคก็ปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี “เรามีความฝัน เราอยากทำให้ความฝันเป็นจริง เราอยากทำให้ตัวเองมีคุณค่า แล้วก็อยากทำให้หนึ่งเห็นคุณค่าของเราบ้าง อยากทำตัวให้คู่ควรกับหนึ่งบ้าง ซักนิดก็ยังดี...นั่นน่ะ....ความฝันของเรา...ความฝันของคนที่ไม่เคยทำอะไรได้สำเร็จซักอย่าง ความฝันของคนไม่ได้ความ...เรายังจำคำพูดของหนึ่งได้...ถ้าอยากได้อะไร แต่ไม่คว้ามา แทนที่จะมีโอกาสได้ ก็จะไม่มีวันได้ตลอดไป...ถ้าไม่มีหนึ่ง จนป่านนี้เราคงยังไม่คิดจะเริ่มสู้ด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ!” จนถึงตอนนี้สายน้ำตาไหลพราก เกินกว่าจะเช็ดออกได้หมด และเสมอภาคก็ไม่สนใจจะเช็ดแล้วด้วย
“เราอยากทำให้ความฝันของเราเป็นจริง อยากให้คนสำคัญดีใจพร้อมๆกับเรา...อยากให้หนึ่งดีใจพร้อมๆกับเรา...แต่...ถ้าความฝันของเราทำให้หนึ่งเปลี่ยนไปอย่างนี้ ทำให้หนึ่งกลายเป็นคนอื่นที่เราไม่รู้จักอย่างนี้...ทำให้หนึ่งไม่มีความสุข...เรายอมทิ้งความฝันของเราก็ได้!!!”
...ตลอดชีวิตนี้ เป็นหนึ่งเป็นที่หนึ่งตลอดมา ...เป็นหนึ่งไม่เคยแพ้ใคร...
...เป็นหนึ่งอยากได้อะไร เป็นหนึ่งก็ต้องได้มา...ไม่เคยต้องไขว่คว้า...
...ทุกสิ่งล้วนเป็นดังที่คาดหวังไว้...ไม่เคยผิดหวัง...
...เป็นหนึ่งจึงไม่เคยรู้ว่า ความฝันที่ต้องลงแรงไขว่คว้ามา มันสำคัญขนาดไหน...
...การพ่ายแพ้ในครั้งแรก ทำให้โกรธ...
...การรู้สึกผิดหวังในครั้งแรก ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย...
...การที่คนที่รักไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ ทำให้น้อยใจ...จนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนคนนั้นไป...
...ลืมนึกไป ว่าคนคนนั้นก็มีความหวังของตัวเองเหมือนกัน...
...แก้มที่เจ็บแปลบ ทำให้ตาสว่าง...
...คำพูดจากใจของเสมอภาค ทำให้คิดได้...
เป็นหนึ่งคว้าไหล่บางที่สั่นตามแรงสะอื้นไว้ในอ้อมแขน ใช้เสื้อของตนเองซับน้ำตาที่นองหน้า กดคางลงกับหัวทุยๆที่ซุกอยู่กับอกตน
“...เราขอโทษ...” คำขอโทษ แทนที่จะทำให้เสมอภาคสงบลงได้ กลับยิ่งเพิ่มแรงสะอื้นเข้าไปใหญ่
...พบเจอกันมานาน รู้จักกันมานาน คบกันมาก็นาน...นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นหนึ่งเห็นเสมอภาคร้องไห้...
...และคนที่ทำให้เสมอภาคร้องไห้...ก็คือตัวเขาเอง...
“เราขอโทษ ภาคอย่าร้องไห้เลย...เรา...เรา...” ลนลานจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กอดเอาไว้อย่างนั้น กอดจนกว่าเสมอภาคจะหยุดร้องไห้...เหมือนกับที่เสมอภาคกอดเขาเมื่อตอนกลางวัน...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...แกร๊ก...
เสียงปิดประตูตามหลัง ปิดกั้นสันติและอำนาจออกจากโลกภายนอก...ห้องนี้มีเพียงพวกเขาสองคน
อำนาจกวาดตามองไปรอบห้อง...ห้องนี้คงจะเป็นห้องทำงานควบห้องนอนของชายหนุ่มเจ้าของบ้าน ห้องที่บ่งบอกนิสัยส่วนตัวได้ดี ห้องขาวสะอาด จัดข้าวของที่มีอยู่ไม่มากอย่างเรียบร้อย ครึ่งหนึ่งของของทั้งหมดคือหนังสือที่เรียงเป็นระเบียบอยู่บนชั้น
“คุณรู้จักภาคได้ยังไง?” คำถามเจือเสียงไม่ไว้ใจทำให้อำนาจละสายตาจากการสำรวจห้อง มามองที่คนถามแทน
“เพื่อนของลูกชาย ทำไมจะไม่รู้จัก” อำนาจตอบอย่างสบายๆ ดูไม่ยี่หระอะไร
“ผมขอบคุณที่แนะนำลูกชายผมเข้าประกวด แต่...” สันติชะงักทั้งๆที่ยังพูดไม่จบ เมื่อมือที่กำบุหรี่มวนเดิมไว้ ถูกจับยกขึ้นอย่างถือวิสาสะ
สายตาดุดันที่มองตรงมาทำให้สั่นน้อยๆ ใบหน้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้ลนลาน เสียงทุ้มกระซิบเบาๆข้างหูเรียกขนอ่อนทั่วร่างให้ลุกชัน “จะถามว่าผมได้อะไรจากการส่งภาคเข้าประกวดน่ะเหรอ...” อำนาจจับมือนุ่มไว้แน่น ไม่ให้โอกาสชักหนีได้ จรดริมฝีปากลงจุมพิตหลังมือขาว สูดกลิ่นหอมหวานเข้าเต็มปอด ก่อนจะอ้าปากคาบบุหรี่ที่มือสั่นๆถือเอาไว้
เมื่อแรงที่จับมือไว้อ่อนลง ร่างบางจึงชักมือหนีราวกับรอโอกาสอยู่แล้ว หารู้ไม่ว่าโอกาสนั้น อำนาจเป็นคนหยิบยื่นให้เอง ชายหนุ่มจ้องมองอีกฝ่ายที่กุมมือหน้าซีดยืนหวาดระแวงอยู่ต่อหน้าอย่างพอใจ รู้สึกสนุกกับเกมที่เขาเล่นเป็นผู้ล่า
สันติหลบสายตาร้อนแรง เสจ้องมองเปลวไฟจากไลท์เตอร์ที่อำนาจจุดเพื่อต่อบุหรี่ ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่งระหว่างสองคน
“ผมได้มาแล้วหนึ่งอย่าง” ...นั่นคือการสั่งสอนเป็นหนึ่ง
“และผมกำลังจะได้อีกอย่างในเร็วๆนี้”
“ขอโทษ! ผมไม่เข้าใจ” สันติกระแทกเสียงเล็กน้อย เท้าที่เดินถอยหนีคนตัวใหญ่เรื่อยๆเผลอสะดุดขอบเตียงจนล้มลง และไม่สามารถลุกขึ้นได้ เพราะถูกคนคนนั้นเข้าทาบทับเสียแล้ว
อำนาจดับบุหรี่ที่สูบไปได้เพียงนิดเดียวทิ้ง กดข้อมืออีกฝ่ายไว้กับพื้นเตียงอย่างแน่นหนา “มาพูดเรื่องของภาคดีกว่า...เนื่องจากผมเป็นคนแนะนำภาคเข้าประกวด แล้วภาคก็ได้ที่หนึ่งซะด้วย ผมจะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผม ผมจะดูแลภาคระหว่างที่ไปเรียนต่อเอง”
สันติเกร็งตัวต่อต้าน “ขอโทษ...แต่ในฐานะที่ผมเป็นพ่อ ผมยอมให้ภาคอยู่กับคนที่ไม่น่าไว้ใจอย่างคุณไม่ได้”
“ไม่น่าไว้ใจ?” อำนาจแสยะยิ้ม โน้มใบหน้าลงบดขยี้จูบกลิ่นบุหรี่เนิ่นนานเสียจนสันติสำลักไอ “แล้วจะทำยังไงล่ะ? อย่าบอกนะว่าจะให้ภาคสละสิทธิ์...คุณทำลายความฝันของลูกได้ลงคอเหรอ?”
สันติเบนหน้าหนีสายตาที่จ้องตรงมา แต่กลับเป็นโอกาสให้อำนาจซุกไซ้กับซอกขอขาวได้เต็มที่ สองมือถูกรวบไว้ในอุ้งมือใหญ่เพียงมือเดียว อีกข้างไม่ปล่อยว่าง ลงมือเอาเปรียบคนอยู่ข้างล่างทันที สัมผัสวาบหวิวทำให้คำพูดเริ่มไม่ประติดประต่อ “ผม...ฮึก...ผมจะไปอยู่กับภาคเอง ไม่...แฮ่ก...ไม่ต้องพึ่งคนอย่างคุณหรอกน่า!!”
พลันน้ำหนักที่กดทับ สัมผัสรุกรานก็หายวับไปในทีเดียว สันติลืมตาขึ้นมองคนที่นั่งยิ้มปลายเตียงอย่างไม่เข้าใจ
อำนาจยกสองมือขึ้นเสมอบ่า นัยว่าจบเรื่องลงแค่นี้ ปากบางยิ้มหล่อเจือหัวเราะสมใจตนเอง “ผมได้อีกอย่างมาแล้วน่ะ หึๆ”
สันติงงอย่างรุนแรง
+++++++++++++++++++++++++++++
เป็นหนึ่งเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดินลงบันได จ้องพ่อของเขาที่เดินนำลงมาอย่างไม่พอใจนัก
เมื่อสันติเห็นเสมอภาคที่พิงเบลออยู่ในอ้อมแขนของเป็นหนึ่งก็เกิดความเป็นห่วงขึ้น เขาวิ่งเข้าไปหาลูกชายอย่างเร็ว...เร็วเสียจนสะดุดกับคนที่เดินนำลงมาก่อน ยังไม่ทันหล่นโครมลงบนพื้น แขนแกร่งก็คว้ากอดเอาไว้ได้ก่อน
“ภาค! ภาคเป็นอะไรน่ะ!?” เสียงร้องลนลานของผู้เป็นพ่อทำให้เสมอภาคเงยหน้าที่ซุกอยู่ขึ้นมา เผยตาที่บวมแดงราวกับกระต่าย
“พ่อ...” เสมอภาคสูดน้ำมูกแรงๆทีหนึ่ง มองไปทางอำนาจ ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด “คุณพ่อของเป็นหนึ่ง...ผมขอโทษฮะ...ทั้งๆที่คุณอาแนะนำผมเข้าประกวดแท้ๆ...”
น้ำตาตอนนี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว เสมอภาคกำอุ้งมืออุ่นร้อนที่จับมือเขาอยู่แน่น ตัดสินใจเด็ดขาด “ผมจะขอสละสิ...”
ยังพูดไม่จบ ปากก็ถูกฝ่ามือใหญ่ก็ปิดเอาไว้เสียก่อน เสียงทุ้มที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้เสมอภาคเบิกตาอย่างคิดไม่ถึง
“ภาคได้ที่หนึ่ง...ให้ภาคไปเรียนต่ออย่างที่หวังนั่นแหละ ดีแล้ว...แล้วก็...” เป็นหนึ่งมองพ่อตัวเองอย่างแน่วแน่ “พ่อได้สั่งสอนผม ก็พอใจแล้วใช่มั้ย?”
“อืม” คนเป็นพ่อตอบสั้นๆ
“งั้นผมจะขอผิดสัญญา...ผมจะขอไม่ไปเรียนต่อในปีนี้...ผมจะไปเรียนก็ต่อเมื่อ ผมคว้าทุนเรียนต่อมาได้ด้วยตัวเอง” เสียงของเป็นหนึ่ง แน่วแน่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา บรรยากาศของความเป็นผู้ใหญ่แผ่ออกมาจางๆ ทำให้ผู้เป็นพ่อพอใจกับความเปลี่ยนแปลงของเด็กหนุ่มไม่น้อย
ครั้งนี้ เขาจะร่วมยินดีกับความสำเร็จของเสมอภาค เขาจะยอมจากกับเสมอภาค...ชั่วคราว..เพื่อเริ่มความฝันใหม่ของเขาเอง
...ความฝันที่จะได้อยู่เคียงข้างเสมอภาค...ด้วยความสามารถของตนเอง...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
... บทส่งท้าย...
...
...
ลมเย็นเฉียบบาดผิว ทำให้เสมอภาคกระชับผ้าพันคอแน่นขึ้นกว่าเดิม ซุกใบหน้าลงหาความอุ่น พร้อมกับเพิ่มความเร็วในการเดินเพื่อให้ถึงที่หมายเร็วขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี
บ้านหลังเล็กน่ารัก เช่าต่อจากเจ้าของเดิม แม้จะไม่ใหม่นักแต่ก็อบอุ่นดีเมื่อมีพ่ออยู่ด้วยในดินแดนที่ห่างไกลจากบ้านเกิด บ้านหลังนั้นอยู่ห่างไปอีกไม่ไกล มองเห็นได้จากถนนสายที่เด็กหนุ่มเดินอยู่
กลางวันวันนี้หนาวเป็นพิเศษ หนาวเสียจนพื้นอิฐที่เรียงรายเกาะแผ่นน้ำแข็งบางๆ...คืนนี้หิมะคงจะตก และพรุ่งนี้ทั้งเมืองคงจะถูกย้อมไปด้วยสีขาวของหิมะแรกของปี...
เสมอภาคเคยเห็นหิมะมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปีที่แล้ว...บรรยากาศของฤดูหนาววนมาอีกครั้งหนึ่ง เตือนเขาว่า...เวลาผ่านมาหนึ่งปีแล้ว...
ขาดการติดต่อจากเป็นหนึ่งไปครึ่งปี
เสมอภาคไม่ชอบโทรศัพท์ ยิ่งไม่ชอบเล่นอินเตอร์เน็ตเข้าไปใหญ่ สิ่งที่เด็กหนุ่มสองคนใช้ติดต่อกันจึงเป็น ข้อความผ่านจดหมาย การแสดงความรู้สึกผ่านทางลายมือที่คุ้นเคย...
ร้านรวงข้างทางเริ่มประดับไฟคริสต์มาส วันหยุดยาวกำลังจะมาถึง
นี่เป็นครั้งแรกที่เสมอภาครู้สึก...เหงา...
เป็นหนึ่งอยู่ไหน? เป็นหนึ่งกำลังทำอะไร? กำลังคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิดถึงรึเปล่า?
ผลประกวดออกแบบของปีนี้คงจะประกาศไปแล้วใช่มั้ย?
เขามั่นใจว่าเป็นหนึ่งจะต้องชนะ...เขามั่นใจว่าจะต้องได้เจอเป็นหนึ่งอีกครั้ง...
‘รอเรานะ อย่าไปมีใครอื่นล่ะ’
นี่...เรายังจำสัญญาได้นะ...เรารอนายอยู่นะ...
...แล้วเมื่อไหร่นายจะมาหาเรา...
RRRRR~
เสียงโทรศัพท์มือถือหวีดก้องในกระเป๋ากางเกง...นี่เป็นอีกอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เสมอภาคอยู่ประเทศไทย...เครื่องมือสื่อสารที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้มาก่อน ถูกยัดเยียดให้พกติดตัวด้วยความเป็นห่วงจากใจของคุณพ่อสันติ
“ฮัลโหล?” ใครจะเชื่อ ว่าเสมอภาคที่เคยก้มๆเงยๆจดศัพท์ภาษาอังกฤษยิกๆ ทันบ้างไม่ทันบ้าง วันนี้จะสามารถพูดภาษาต่างชาติได้คล่องปรื๋อ
“ภาค! หวา!!! ขอโทษๆๆๆ พ่ออบเค้กอยู่น่ะ! ภาคอยู่ไหน ใกล้ถึงบ้านรึยัง?”
“ใกล้แล้วล่ะ...” เสมอภาคหลับตาปี๋กับเสียงโช้งเช้งที่ดังลอดหูโทรศัพท์มา...สองพ่อลูกถึงจะเปลี่ยนที่อยู่ แต่ฝีมือการทำอาหารก็ยังไม่เปลี่ยนอยู่ดีนั่นแหละ “แล้วพ่ออบเค้กทำไม?”
“แหะๆ ก็นะ~ พ่อจะฉลองต้อนรับเป็นหนึ่งซะหน่อยน่ะ อ๊ะ! หวา! ขอโทษๆๆ เป็นหนึ่งให้เก็บเป็นความลับนี่นา!! เผลอพูดไปแล้วง่ะ! ขอโทษนะหนึ่ง! อ้าว! หนึ่งหายไปไหนแล้...” เสียงบ่นยืดยาวของคุณพ่อยังหนุ่มไม่เข้าหูเสมอภาคตั้งแต่คำแรกที่ได้ยินแล้ว
ตึกตัก! ตึกตัก!
หัวใจเต้นดังระรัว ลมหายใจถี่ขึ้นจนไอเย็นฟุ้งกระจาย เสมอภาคตื่นเต้นดีใจเสียจนกลั้นรอยยิ้มกว้างไว้ไม่อยู่
สองเท้าที่ชะลอคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ เร่งความเร็วเสียจนกลายเป็นออกวิ่ง...วิ่งเร็วจนลืมไปว่า พื้นอิฐที่มีน้ำแข็งเกาะอยู่นั้น ลื่นเพียงใด
“หวา!” รู้ตัวอีกที เท้าก็ไถลไปกับพื้น เสมอภาคหงายหลัง ร้องดังอย่างตกใจ
ก้นไม่ได้กระแทกพื้น แผ่นหลังกับชนเข้ากับอะไรสักอย่างที่อุ่นร้อนแทน แต่แรงส่งของร่างเล็ก ไม่ได้เบานัก ร่วมกับพื้นที่ลื่นอยู่แล้ว ทำให้ทั้งสองร่างล้มปุลงบนพื้นอยู่ดี
อ้อมแขนแข็งแกร่งที่ไม่ได้ซุกมาหนึ่งปีเต็ม กำลังกอดเขาอยู่...กอดเสียแน่น...
หิมะแรกของปีโปรยปรายลงมาตามแรงลม...เร็วกว่าที่คิดเล็กน้อย...
หลังจากได้จ้องสบกับดวงตาอีกคู่จนเต็มที่แล้ว เสมอภาคก็หลับตาลง กึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นเย็นเฉียบ เอนตัวลงกับอ้อมอกอุ่น รับจูบหอมหวานอย่างยินดี
...คืนหิมะแรก คงจะหนาวน่าดู...
...แต่ใครจะสนล่ะ?...
...ผ่านไปหนึ่งปี...จากวันที่เสมอภาคชนะเป็นครั้งแรก...
...วันนี้ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นหนึ่งชนะ...แต่ก็เป็นครั้งแรก...ที่เป็นหนึ่งดีใจที่สุดกับชัยชนะที่ได้มา... ++++++++++++++++++++++++++++++++
END
จบแล้วค่ะ เรื่องนี้สั้นๆนะคะ ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามเสมอ ไม่ค่อยมีเวลา ไม่ได้ตอบเม้น ไม่ได้มาลงอย่างต่อเนื่อง ขออภัยด้วยค่ะ
รอตอนพิเศษนะคะ
(ส่วนอีกเรื่องนึง กำลังพยายามอยู่ค่ะ สงกรานต์นี้น่าจะคลอดออกมาได้บ้างซักตอนสองตอน

)
รูปข้างล่างนี้เอามาให้ดูเล่นๆค่ะ เป็นปกรวมเล่มที่พิมพ์ไปสองปีที่แล้ว

edit : ตอนพิเศษ 1+2
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=22115.346