มานั่่งอ่านเม้นท์...แล้วก็เพิ่งเห็น...ว่าลืมลงตอนพิเศษ!!!
![o22](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/onion058.gif)
ขออภัยผู้อ่านทุกท่านนะคะ
เอาล่ะ...ลงรวดให้เลยค่ะ <3
ตอนพิเศษ 1 เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน...
...จริงเรอะ???...
หิมะแรกของปียังคงโปรยปรายอยู่ แม้จะบรรเทาความหนาแน่นไปแล้วก็เถอะ หากแต่เมื่อมองลอดหน้าต่างออกไปยังนอกบ้าน ก็ได้พบกับเมืองสีขาวบริสุทธิ์ราวกับจิตรกรสรรสร้าง
บ้านหลังเล็กจัดแต่งสไตล์ยุโรป ดวงไฟบนเพดานเลือกจะใช้สีส้มดูอบอุ่นมากกว่าจะใช้นีออนสีขาว ฮีทเตอร์ครางเสียงแผ่วเบา แผ่ความร้อนกำลังดี
สันติส่งกาแฟร้อนควันฉุยให้กับชายหนุ่มผู้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่ทางด้านตรงข้าม ก่อนจะกลับมานั่งอังแก้วน้ำชาของตนเอง
เสมอภาคตักข้าวต้มเข้าปากเป็นคำสุดท้าย พอดีกับที่ประตูบ้านเปิดผางออกอย่างแรง
ปัง!!
“พ่อ!!!” ท่าทางเป็นหนึ่งคงจะรีบวิ่งมาให้ถึงบ้านเป็นแน่แท้ สังเกตจากเกล็ดหิมะที่เปรอะอยู่บนตัว...เจ้าตัวคงจะไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกางร่มล่ะมั้ง
เสียงดังกัมปนาททำให้สันติผู้รักสงบตกใจเล็กน้อย น้ำชาที่อังอยู่กระฉอกรดมือเพราะเผลอกระตุก เป็นธุระให้อำนาจต้องจับข้อมือเรียวบาง บรรจงเลียรอยแดงๆออกให้
ปล่อยบรรยากาศหวานฉ่ำจากการมองตากันของคุณพ่อสองคนไปได้สักพัก เป็นหนึ่งที่ยืนหอบอยู่หน้าประตูค่อยได้รับความสนใจ
อำนาจหันกลับไป จ้องมองลูกชายด้วยสายตาตำหนิ “มีเรื่องอะไร ทำไมต้องตะโกนขนาดนี้?”
“นี่น่ะ!” เป็นหนึ่งคุ้ยกระดาษปึกบางๆในซองสีน้ำตาลออกโบกสะบัด...เป็นซองกำหนดการและระเบียบต่างๆในการเข้ามหาวิทยาลัยที่เขาเพิ่งไปรับมาเมื่อเช้านี้
ผู้เป็นพ่อเพียงเลิกคิ้วข้างเดียวเชิงให้พูดต่อ ทำหน้าข้าไม่รู้ข้าไม่เห็นซะจนน่าหมั่นไส้
เสมอภาคเดินต้อยๆเข้าครัวเพื่อล้างชามข้าวต้ม ล้างจนสะอาด เช็ดให้แห้ง บรรจงเก็บเรียงลงในตู้ เดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร คว้าน้ำแร่ดื่มเสียอึกหนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่า ควรจะสนใจเป็นหนึ่งซักหน่อย เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหา เขย่งเท้าเล็กน้อยเพื่อดูกระดาษในมือของร่างสูง
ข้อความที่เห็นก็แค่...วันเปิดเรียน ชั้นเรียนที่เรียนอยู่ ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา เบอร์ห้องหอพัก แล้วก็อะไรอีกมากมาย ลายตาจนขี้เกียจอ่าน
“ตกลงว่ามีเรื่องอะไร?” อำนาจเดินวนอ้อมไปยืนด้านหลังของสันติ จัดผ้าคลุมไหล่ให้เรียบร้อย
“ทำไมผมไม่ได้เรียนชั้นเดียวกับภาค!”
“ก็แกมาหลังภาคตั้งปี เรียนชั้นพื้นฐานไปก่อนก็ถูกแล้ว”
“นั่นมันพื้นฐานภาษาอังกฤษ! พ่อก็รู้ว่าผมไม่จำเป็นต้องเรียน!!” เนื่องจากเสมอภาคไม่ใช่อัจฉริยะจากที่ไหน มาเรียนต่างประเทศทั้งๆที่ภาษายังไม่กระดิก จึงจำเป็นต้องเข้าคอร์สปูพื้นฐานด้านภาษาก่อนหนึ่งปี ซึ่งเป็นหนึ่งก็เห็นด้วย เพราะคิดว่าเมื่อเขาตามมาทีหลัง ทั้งสองก็จะได้เรียนในชั้นเดียวกันพอดี
อำนาจแค่กำมือยื่นนิ้วก้อยออกมา ปั่นเข้าไปในหูพลางทำหน้าหล่อ แสนจะกวนประสาทในความคิดของลูกชาย “ไหนว่าได้บทเรียนแล้ว อย่าหยิ่งผยองกับความสามารถตัวเองนักเลยน่า! แกคงจะไม่รู้ว่าตอนนี้ ภาคเก่งภาษากว่าแกซะอีก”
เป็นหนึ่งเม้มมุมปากแน่นอย่างแสนเจ็บใจ เปิดหน้าเอกสารอีกหน้าพลางหาเรื่องใหม่เข้าเถียง “แล้วทำไมผมต้องอยู่หอ ทั้งๆที่ภาคได้อยู่บ้าน!!”
ผู้เป็นพ่อคงจะเมื่อยขา ถึงได้อุ้มสันติขึ้นยืน ลงนั่งแย่งที่นั่งซะงั้น ไม่พอยังฉุดเจ้าของที่นั่งตัวจริงลงนั่งตักตัวเองเสียอีก “ก็ภาคต้องอยู่กับพ่อเค้า จะให้อยู่หอได้ยังไง”
“ก็ให้ผมอยู่กับภาคเซ่!”
“บ้านนี้มันมีแค่สองห้องนอน”
“พ่อก็นอนห้องเดียวกับอาสันตินี่นา!”
“ห้องต่ายเป็นเตียงคิงไซส์” หมายเหตุว่า เตียงในห้องนอนชายหนุ่ม อำนาจเป็นคนเลือกเอง และต่าย คือชื่อเล่นของคุณพ่อสันติ
“ผมนอนห้องเดียวกับภาคได้!”
“แต่ห้องภาคเป็นเตียงเดี่ยว” หมายเหตุอีกว่า เตียงในห้องนอนเสมอภาค อำนาจเป็นคนเลือกเช่นกัน
เป็นหนึ่งกัดฟันกรอด อำนาจก็ไม่ยอมแพ้ สองพ่อลูกปล่อยรังสีอัมหิตใส่กันซะจนถ้าไม่ใช่สองพ่อลูกสุดเฉื่อยที่ภูมิคุ้มกันรังสีสูง คงจะวิ่งหนีป่าราบออกไปไกลจากตัวบ้านสักร้อยกิโลได้
ใคร่เรียนให้ผู้อ่านเข้าใจ...ในชีวิตนี้ เป็นหนึ่งเป็นที่หนึ่งมาตลอด แต่คนที่เป็นที่หนึ่งของที่หนึ่งมาตลอดกาลก่อนเป็นหนึ่งจะเกิด คืออำนาจ
เป็นหนึ่งหมดทางต่อสู้ ได้แต่หันหลังวิ่งหนีออกจากบ้านไปอย่างไม่ยอมรับความจริง
เสมอภาคดื่มชาร้อนหมดแก้วพอดี ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง คว้าเสื้อกันหนาวของตนเข้าสวม พลางพูดสั้นๆทิ้งไว้ก่อนจะออกจากบ้านไป “ภาคไปตามหนึ่งนะ”
เหลือไว้แค่ผู้ใหญ่สองคน สันติลุกขึ้นยืน บีบจมูกโด่งๆของอำนาจเสียหนึ่งที “แกล้งลูกตัวเอง สนุกนักหรือไง?”
อำนาจคว้ามือบางไว้ก่อนจะหอมฟอดหนึ่ง “การแกล้งเจ้านั่น เป็นงานอดิเรกของฉัน”
+++++++++++++++++++++++++++
เส้นทางในระแวกที่เสมอภาคอยู่อาศัย ไม่คดเคี้ยววุ่นวายนัก เป็นเพียงถนนสายเดียว ทอดยาวจากตัวบ้านไปยังที่ต่างๆโดยไม่มีทางแยก
เสมอภาคเดินไปตามถนนปูอิฐอย่างคุ้นเคย เมื่อถึงสวนสาธารณะที่บัดนี้ขาวโพลนไปด้วยหิมะ ก็หยุดเดิน นาฬิกาเรือนใหญ่กลางสวนตีบอกเวลาพอดี แสงแดดที่ไม่ได้เห็นมาสามวันเริ่มสาดส่องลงมาที่พื้นจนสะท้อนหิมะแสบตาไปหมด
เด็กหนุ่มเดินไปตามทางเดินเล็กๆของสวนสาธารณะ เนื่องจากยังเป็นเวลาค่อนข้างเช้า บวกกับหิมะที่เพิ่งหยุดตก ในสวนจึงยังไม่มีคนออกมาเดินเล่น
เดินผ่านเก้าอี้นั่งไร้ผู้คน ผ่านฐานของหอนาฬิกา ตรงดิ่งเข้าไปยังต้นไม้ใหญ่ริมบ่อน้ำ เมื่ออ้อมโคนต้นไม้ไป ก็เจอเป็นหนึ่งนั่งกอดเข่างอนอยู่เงียบๆคนเดียว
เสมอภาคลงนั่งข้างๆคนตัวใหญ่ ไม่มีคำพูดระหว่างสองคน มีเพียงเสียงเปาะแปะของหิมะที่ตกลงมาจากยอดไม้เท่านั้น
“ทำไมหาเราเจอ?” เป็นหนึ่งทำลายความเงียบในที่สุด
เสมอภาคตักหิมะข้างตัวขึ้นปั้นเล่น “หนึ่งชอบนั่งในสวนสาธารณะ ยิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่ๆยิ่งชอบ...”
ไร้คำตอบจากร่างสูง ซึ่งเสมอภาคก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เวลาผ่านไป นานเท่าไหร่ไม่รู้ จู่ๆหิมะปั้นก้อนเย็นเฉียบก็ถูกโปะเข้าที่หน้าอย่างจัง!
“หวา!!!” เป็นหนึ่งร้องอย่างตกใจ แผ่นหลังวืดหลุดจากโคนต้นไม้ที่พิงอยู่ ล้มหงายลงนอนแปะบนพื้นหิมะเย็นเจี๊ยบ
ลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าเสมอภาคคร่อมอยู่ข้างบนแล้ว
คนตัวเล็กโน้มใบหน้าลงแตะริมฝีปากเข้ากับแก้มเย็นๆของเป็นหนึ่ง ก่อนจะโดนอุ้งมือใหญ่กดต้นคอให้รับจุมพิตที่ริมฝีปากแทน
จวบจนแทบจะหมดลมหายใจ เป็นหนึ่งถึงยอมปล่อย
“โกรธอะไร?” เสมอภาคถามปนหอบน้อยๆ
เป็นหนึ่งพองแก้มราวกับเด็กๆอดกินขนม หันหน้าหนีเบนสายตามองบ่อน้ำจับน้ำแข็งแทน
“เพราะไม่ได้เรียนชั้นเดียวกันน่ะเหรอ?”
...เงียบ...
“หรือเพราะว่าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน?”
...เงียบ...
เสมอภาคถอนหายใจ “ถ้าหนึ่งอยากเรียนกับเรา เราเรียนพื้นฐานภาษาอีกปีก็ได้นะ...หรือถ้าอยากอยู่ด้วยกัน...เราไปอยู่ที่หอกับหนึ่งก็ได้...”
คำพูดตะโกนก้องเจือเสียงสะอื้นผ่านวาบเข้ามาในใจ...คำพูดที่ทำให้เจ็บแปลบทุกครั้งที่นึกถึง...คำพูดเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว...
‘ถ้าความฝันของเราทำให้หนึ่งเปลี่ยนไปอย่างนี้ ทำให้หนึ่งกลายเป็นคนอื่นที่เราไม่รู้จักอย่างนี้...ทำให้หนึ่งไม่มีความสุข...เรายอมทิ้งความฝันของเราก็ได้!!!’
...ผ่านไปหนึ่งปี ความเอาแต่ใจก็ยังแก้ไม่หายเสียที...
...เขาแทบจะไม่มีอะไรก้าวหน้าเลย ต่างกับเสมอภาค ที่ดูจะโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ...
เป็นหนึ่งลุกขึ้นยืน คว้าคนตัวเล็กกอดไว้แน่น กดคางลงกับศีรษะทุย ถอนหายใจเฮือก “ภาคอุตส่าห์อดทนเรียนภาษามาตั้งหนึ่งปี เรื่องอะไรจะให้ความเอาแต่ใจของเราถ่วงภาคไว้อย่างนี้ล่ะ”
นั่นทำให้เสมอภาคยิ้มออก เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนรัก “เรารักหนึ่งเพราะอย่างนี้ล่ะ”
เป็นหนึ่งชักรู้สึกทะแม่งๆ...คิ้วเรียวขมวดมุ่น “ภาค...ถ้าเมื่อกี้เราตกลง ภาคจะเรียนกับเราอีกปีมั้ย?”
เสมอภาคยันอกหนา ผละตัวออกจากอ้อมกอด แลบลิ้นน่าหยิก ก่อนจะออกวิ่ง “ไม่มีทาง”
...ให้ตาย! ถูกลองใจจนได้!!...
“เจ้าตัวแสบ!!!” เป็นหนึ่งออกวิ่งไล่ ซึ่งก็ทันเจ้าตัวเล็กที่วิ่งไปหัวเราะไปจนลื่นหงายหลังพอดี
ทั้งสองคนล้มปุลงบนพื้นแฉะๆอีกครั้ง คราวนี้เป็นหนึ่งกอดแน่นเสียจนเสมอภาคไม่มีโอกาสดิ้น ปล่อยให้เด็กหนุ่มหัวเราะร่วนจนหมดแรง สวนสาธารณะจึงค่อยเงียบลงอีกครั้ง
“ภาคเปลี่ยนไปนะ” เป็นหนึ่งไม่วายฉกชิงหอมแก้มนุ่มอย่างคิดถึง
“แล้วไม่ดีเหรอ?” เสมอภาคพลิกตัวกลับ นอนสบตาอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่
“เปล่าหรอก...รักที่สุดเลยต่างหาก” เป็นหนึ่งกระซิบ ก่อนจะกดต้นคอเสมอภาคให้โน้มหน้าเข้ามาใกล้
ระยะห่างระหว่างสองคน ลดลงเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...ก่อนที่จะ...
ฮัดเช้ย!!!
ไม่น่าเชื่อว่าคนแข็งแรงเป็นที่หนึ่งอย่างเป็นหนึ่งจะจามออกมาได้...แต่ก็น่าอยู่หรอกนะ คลุกอยู่กับหิมะ ทั้งเมื่อวาน ทั้งวันนี้
...สงสัยต้องกลับบ้านซะแล้วล่ะมั้ง...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
“หมายความว่าไง?” หลังจากอาบน้ำอุ่นๆจนสบายตัว เป็นหนึ่งก็นั่งอ่านเอกสารปึกใหม่ที่อำนาจยื่นให้
“ก็ทำเรื่องขอพาสชั้นไง”
“ไหนพ่อบอกว่า...” ทำท่าจะโวย ก็โดนผู้เป็นพ่อขัดคอก่อน
“เปลี่ยนใจแล้ว” อำนาจซดชาร้อนอีกอึกหนึ่ง
“แล้วเรื่องหอ”
“พ่อลืมแจ้งมหาลัยไปว่า บ้านเราอยู่ข้างๆนี่เอง” ว่าพลางกำมือ ชี้นิ้วโป้งข้ามไหล่...บ้านหลังเล็กติดกันนี่เอง
เป็นหนึ่งโกรธจนพูดไม่ออก... “นี่มันแกล้งกันชัดๆ!”
“เปล่า...อย่างนี้เรียกว่า พ่อสอนลูก”
เป็นหนึ่งหันไปทางเสมอภาคที่นั่งวาดรูปเล่นเพลินๆอยู่ไม่ไกล “ภาครู้อยู่แล้วใช่มั้ย?”
เสมอภาคเงยหน้า ใช้สายตาซื่อบริสุทธิ์มองแป๋วมาที่เป็นหนึ่ง...แต่อย่าลืม เสมอภาคโกหกไม่เป็น “...ก็นะ...”
อุ้งมือใหญ่ขยี้ผมตัวเองจนฟูไม่เป็นทรง...ให้ตาย!!! เสมอภาคของเขาเปลี่ยนไปมากเกินไป คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากไอ้พ่อบ้าของเขานี่ล่ะ!!!
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว! ผมจะพักหอ แล้วก็จะให้ภาคพักหอพักด้วย! อย่าให้เจอพ่อเลยดีที่สุด!”
อำนาจยกชาขึ้นดื่มอีกอึก ก่อนจะพูดเรียบๆ
“...ไม่อนุมัติ...”
...
...
ชีวิตนี้ เป็นหนึ่งเป็นที่หนึ่งมาตลอด
จะแพ้ก็แค่เสมอภาค
...และพ่อของเขาเอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++
END