-8-
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือ ‘เสมอภาค’
เสมอภาคเป็นคนที่เรียบง่าย จืดจาง ไร้ความโดดเด่น
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร กลับสบายใจเสียอีก
...ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่จะมีคนมากมายไม่รู้จักเสมอภาค... “ดูอะไรอยู่น่ะภาค” ระหว่างพักเที่ยง เมย์กับจูนมักจะมารับเสมอภาคไปทานข้าวด้วยกันเป็นประจำ เป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับสองสาว ที่แทนที่จะได้เห็นภาพเด็กหนุ่มบรรจงเก็บของเข้าลิ้นชักใต้โต๊ะเรียน กลับกลายเป็นภาพใบหน้าจริงจังกำลังก้มอ่านหนังสือไปซะได้
เสมอภาคเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารธุรกิจที่หยิบติดมือมาจากบ้าน ยังไม่ทันได้ตอบ หนังสือเล่มใหญ่ก็ถูกจูนคว้าแย่งไปอ่านเองเสียก่อน
“เห~ นักออกแบบเครื่องประดับผู้ครองรางวัลประจำปี 3 ปีซ้อน...คนไทยนี่นา” เสียงใสอ่านข้อความออกมา
“ว้าย หล่อนะเนี่ย ใส่แว่นซะด้วย!” เมย์ร้องตามประสาเด็กสาวช่างฝัน ซึ่งจูนก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
“ว่าแต่มานั่งอ่านคอลัมน์นี้ทำไมล่ะ?” ทั้งสองหันขวับมาถามเจ้าของหนังสือ
เสมอภาคมองซ้ายมองขวา เรียบเรียงคำพูดอยู่นานสองนาน อ้าปากเตรียมเปล่งเสียง ก็ต้องสะดุ้งกับเสียงเรียกชื่อตัวเองที่หน้าประตูห้องเรียน
“เสมอภาค! ใครชื่อเสมอภาค!!?? ผู้ปกครองโทรมาหา!”
เสมอภาคเอ๋ออยู่สิบวินาที ค่อยนึกได้ว่า พ่อของตนต่อสายตรงมาจากอเมริกา เด็กหนุ่มลุกจากเก้าอี้ ออกตัววิ่งด้วยความเร็วสูง(ที่สุดเท่าที่ร่างกายจะอำนวย) สะดุดที่หน้าประตูห้องสองก้าว ก่อนจะตั้งหลักวิ่งต่อไป
เมย์กับจูนมองตาม ได้ยินเสียงบ่นไกลๆประมาณว่า ห้องเรามีคนชื่อเสมอภาคด้วยเรอะ? ก็ต้องส่ายหน้าถอนหายใจออกมา
...มีคนมากมายไม่รู้จักเสมอภาค...
++++++++++++++++++++++++++++
มีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือ ‘เป็นหนึ่ง’
ชีวิตของเป็นหนึ่ง ราวกับละครเวทีที่น่าติดตาม
ความสามารถอันโดดเด่น หน้าตาหล่อเหลา แล้วยังรูปทรัพย์นั่นอีก
...ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่จะมีคนมากมายรู้จักเป็นหนึ่ง... “ทำเสร็จรึยัง หนึ่ง?” เป็นหนึ่งละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ รับแก้วน้ำหวานพร้อมกล่าวขอบคุณ
“อีกแค่นิดเดียวเอง” นั่งพักสายตา มองกวาดไปยังห้องกรรมการนักเรียนที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ถอนหายใจแก้เหนื่อยอีกเฮือกหนึ่ง
“ขอโทษทีนะ แต่ทำยังไงก็แก้ไม่หายซักที ต้องให้นายมาช่วยนี่ล่ะ” ผู้ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนออกปาก กำลังจะชวนคุยต่อ มือถือของเป็นหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าเบอร์โทรบนหน้าจอมันเบอร์พ่อบังเกิดเกล้าชัดๆ “ฮัลโหล”
“จะไม่มาเรียนต่อที่อเมริกาจริงๆใช่มั้ย?” เสียงคุ้นเคยของผู้เป็นบิดาทำให้หัวคิ้วขมวดแน่นเข้าไปอีก
“ผมจะเรียนอยู่ที่ไทยนี่ล่ะ พ่อ”
“ขึ้นรถมาสนามบินซะ พ่อรอเปลี่ยนเครื่องอยู่ อย่างน้อยก็มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
นั่นเป็นคำสั่งที่เป็นหนึ่งรู้ทัน ขืนเขาไปเจอพ่อตอนนี้ มีหวังถูกจับมัดขนขึ้นเครื่องส่งออกไปอีกทวีปแน่นอน นัยน์ตาคมปลาบตวัดมองหน้าประตูโรงเรียนก็พบกับรถสีดำคันใหญ่ประจำตัวจอดคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว
“ชิ! อย่างนี้ก็ต้อง...” เป็นหนึ่งบ่นพึมพำกับตัวเอง และโดยที่ผู้คนในห้องกรรมการนักเรียนยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงก็กระโจนเผ่นผลุงข้ามหน้าต่างหนีหายเข้าสวนไป
“เฮ้ย! ไอ้เป็นหนึ่ง! ยังแก้คอมพ์ไม่เสร็จเลย!!” การหายไปของหน่วยมันสมองหนึ่งเดียว ยังความโกรธามาให้ประธานนักเรียนเป็นยิ่งนัก เขาไม่รอช้า เปิดระบบลำโพงทั่วโรงเรียน ก่อนจะป่าวประกาศเสียงดังกลบบรรยากาศเงียบสงบยามบ่าย
“ประกาศพิเศษๆ! ใครจับตัวเป็นหนึ่งมาที่ห้องกรรมการนักเรียนได้ รับอาหารกลางวันฟรีหนึ่งเดือน!!!”
ของฟรีมีใครไม่ชอบบ้าง? หลังจากประกาศย้ำสิ้นสุด เสียงเฮโลของนักเรียนทุกหมู่เหล่าก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน พร้อมกับกองทัพบาทาที่สามัคคีร่วมใจวิ่งกระทืบตึกเรียนราวกับมีการรัฐประหารเกิดขึ้นก็ไม่ปาน
...มีคนมากมายรู้จักเป็นหนึ่ง...
+++++++++++++++++++++++++++
“โรงเรียนนี้สินะ?” เสมอภาคเงยหน้ามองตึกเรียนหรูหราที่บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงโวยวายน่าประหลาดใจ
...นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มมาหาเป็นหนึ่งที่โรงเรียน ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้อยู่ไกลจากโรงเรียนของเสมอภาคเท่าไหร่นัก เพียงแต่ทั้งสองมักจะไปนัดเจอกันที่หน้าสถาบันกวดวิชาเสียมากกว่า...และแน่นอนว่า เสมอภาคที่ปกติจะขีดเส้นทางการเดินทางระหว่างบ้าน โรงเรียน และที่กวดวิชา ยอมเดินออกนอกเส้นทางมาหาเป็นหนึ่งถึงโรงเรียนได้ ย่อมมีเหตุผล...
กริ่งเลิกเรียนดังผ่านไปแล้วห้านาที พร้อมๆกับที่นักเรียนบางส่วนเดินออกนอกโรงเรียน เป็นสัญญาณว่าคนภายนอกก็สามารถเดินเข้าโรงเรียนได้เช่นกัน
“ห้องธุรการ...ก่อนอื่นต้องหาห้องธุรการก่อน...” อย่างน้อยเสมอภาคก็พอจะรู้ว่า จะหาเป็นหนึ่งได้ยังไง...เขาควรจะไปห้องธุรการ จากนั้นก็ขอให้ประกาศเรียกเด็กหนุ่มมาพบ เรื่องก็จะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง
หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่มันยุคไหน ทำไมไม่ใช้มือถือติดต่อกัน? ต้องขออธิบาย ณ ที่นี้ว่า
1. เสมอภาคไม่มีมือถือ ...และ
2. เป็นหนึ่งกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติเกินจะรับโทรศัพท์มือถือได้
แต่อะไรๆในโลกนี้ล้วนไม่ใคร่จะง่ายดายสำหรับเสมอภาค เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวา...โรงเรียนเอกชนแห่งนี้ใหญ่กว่าโรงเรียนของเขามากนัก แค่ตึกหน้าตึกเดียวก็คงต้องใช้เวลาเดินเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะมั้ง จะเดินเข้าไปถามนักเรียนที่อยู่ที่นี่ กลับไม่มีใครสนใจจะตอบคำถามเขาสักคน เด็กหนุ่มคิดในใจอย่างงงงวยว่า ทำไมหนอ เด็กนักเรียนของที่นี่ถึงได้พร้อมใจกันวิ่งกระทืบตึกเรียน ค้นหาอะไรก็ไม่ทราบได้กันทุกซอกทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ในถังขยะ
เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดี เสมอภาคจึงจำต้องพึ่งสัญชาติญาณตัวเองล้วนๆ เขาเดินตรงเข้าไปยังสวนดอกไม้ด้านหน้าตึกเรียน พลางคิดสะระตะแล้วว่า เมื่อทะลุสวนไปก็จะเจอกับส่วนกลางของตึกที่ใหญ่ที่สุดพอดี
...เวลาผ่านไปสิบนาที...
“แล้วตึกที่เห็นเมื่อกี้มันอยู่ตรงไหนกันเนี่ย?” เสมอภาคโวยวายกับตัวเองเบาๆ ปาดเหงื่อตามไรผมออกพร้อมกับมองซ้ายมองขวา
...ซ้ายก็พุ่มไม้...ขวาก็พุ่มไม้...
สมองน้อยๆของร่างบางกำลังเตือนเจ้านายตัวเองว่า...นายกำลังหลงทาง...
เสมอภาคไม่รู้จะทำยังไงดี ระหว่างที่กำลังคิดหาทางออกอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงตุ้บเบาๆจากทางด้านหลัง
หันไปยังไม่ทันได้เห็นอะไร ก็ถูกคว้าคอหมับ ลากเข้าสุมทุมพุ่มไม้ ฝ่าป่าดงพงไพรอย่างไม่รู้ทิศทางไปเสียแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ภาคมาที่นี่ได้ยังไงน่ะ?” เมื่อรู้ตัวอีกทีเสมอภาคก็กำลังเดินอยู่บนถนนที่คาดว่าเป็นด้านหลังของโรงเรียน พร้อมกับเป็นหนึ่ง...ผู้ที่ใช้กำลังลากถูเขาฝ่าด่านวิกฤตมาจนได้...
“เรามาชวนนายไปที่ๆนึงกับเราน่ะ พอดีเมย์กับจูนไม่ว่าง ต้องไปเรียนพิเศษ” เสมอภาคที่หอบแฮ่กๆรับน้ำกระป๋องเย็นเจี๊ยบจากอีกฝ่ายขึ้นดื่ม
ถ้าเป็นคนอื่นชวน เป็นหนึ่งอาจจะต้องคิดเล็กน้อย คำนวณส่วนได้ส่วนเสียก่อนจะตอบตกลง แต่กับเสมอภาคผู้ชิงพื้นที่กลางใจเด็กหนุ่มจนหมดสิ้น เป็นหนึ่งแทบจะไม่ต้องใช้เวลาคิด “ได้สิ ที่ไหนล่ะ?”
ยังไม่ทันตอบเสมอภาคก็ลากเด็กหนุ่มวิ่งขึ้นรถเมล์ที่บังเอิญผ่านมาพอดี
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นี่เป็นความผิดพลาดครั้งแรกในชีวิตของเป็นหนึ่ง เขาควรจะถามเสมอภาคก่อนว่าจะไปที่ไหน อย่างน้อยถามว่าจะไปทำอะไรก่อนก็ยังดี
แต่มันสายไปเสียแล้วเมื่อร่างบางพาเขาเดินนำมาถึง...
“สนามบินเหรอ?” เป็นหนึ่งอ้าปากหวอ...ให้ตาย! อุตส่าห์วิ่งหนีแทบตาย สุดท้ายก็ต้องมาสนามบินอยู่ดี!
“อื้อ! พ่อเพิ่งโทรมาบอกตอนเที่ยงเอง ว่าอยู่ที่สนามบินแล้ว” เสมอภาคยิ้มแป้นจนตาหยี พร้อมทั้งลากร่างสูงเข้าอาคารไป
...เอาน่ะ หาคุณพ่อของเสมอภาคให้เจอ แล้วรีบพากลับ ก็ไม่ต้องเจอพ่อแล้ว... เป็นหนึ่งคิดในใจพลางมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง
ซ้าย...ปลอดโปร่ง
ขวา...ทางสะดวก
ไม่เห็นเงาทะมึนสายเลือดเดียวกับเขาเลย...เป็นหนึ่งยิ้มย่องในใจพลางมองหาคุณพ่อของเสมอภาค...
“อ๊ะ! นั่นไงๆ!!” แล้วก็เจอคุณพ่อยังหนุ่มยืนหอบสัมภาระรออยู่พอดี เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปหา กลัวเป้าหมายจะคลาดไปเสียก่อน แต่ผิดคาด เมื่อเข้าไปทัก คุณพ่อกลับทำตาใส เอียงคอพิมพ์เดียวกับลูกชายเด๊ะ พร้อมกับถามว่า “หนูเป็นใครเหรอ?”
เป็นหนึ่งอ้าปากหวอรอบที่สองของวัน...พ่อลูกคู่นี้นี่นะ!...
เด็กหนุ่มสงบอารมณ์พลางแนะนำตัวใหม่... “ผมเป็นเพื่อนภาคน่ะครับ ที่เคยไปบ้านไง”
คุณพ่อใช้เวลานึกนานพอสมควร สักพักจึงแบมือออก กำอีกมือทุบแปะลงไป พลางกล่าวอย่างสำนึกผิด “พ่อขอโทษ พ่อความจำไม่ดี จำเพื่อนของภาคไม่ได้ พ่อขอโทษนะ...ว่าแต่....ภาคไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
เป็นหนึ่งหันไปมองรอบตัว แล้วก็อ้าปากหวอเป็นรอบที่สาม
...เสมอภาคหายไปไหนล่ะ?...
+++++++++++++++++++++++++++++++
...เป็นหนึ่งหายไปไหนล่ะ?...
เสมอภาคเดินไร้ทิศทาง มองฝ่ากำแพงผู้คนมาหน้าหลายตา กับบรรยากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย
หันหน้าไปหาพ่อแป๊บเดียว หันมาอีกทีก็พบว่าอยู่คนเดียวเสียแล้ว ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ร่างบางก็ถูกคลื่นฝูงชนดันพามาเสียไกล
ถ้าจะพูดตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มมาที่สนามบินนี้ ตอนแรกที่รับโทรศัพท์ คุณพ่อก็บอกให้กลับบ้านไปรอ แต่เขากลับดื้อแพ่งอยากจะเจอพ่อเร็วๆเอง ก็เลยยืนยันจะมารับซะให้ได้ เสมอภาคชักรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด
...ป่านนี้เป็นหนึ่งคงจะห่วงเขาแย่แล้ว เขาจะต้องรีบหาเป็นหนึ่งให้เจอ อย่างน้องก็ต้องหาโทรศัพท์สาธารณะให้เจอเสียก่อน...
ด้วยความที่คิดหาเป้าหมายต่อไปได้ เสมอภาคจึงเงยหน้ามองหาป้ายโทรศัพท์สาธารณะอย่างเอาเป็นเอาตาย เดินไปเรื่อยๆตามป้าย ไม่ทันได้มองว่ามีใครบางคนยืนปักหลั่นขวางทางอยู่
“อุ๊บ!!” เด็กชายเดินชนเข้าอย่างจัง ล้มถอยหลังก้นจ้ำเบ้าดังโครม!
“เป็นอะไรรึเปล่า?” ชายร่างสูงในชุดสูทก้มลงมองพร้อมกับยื่นมือให้จับ
“ม...ไม่เป็นไรครับ ขอโทษครับ” พลันเงยหน้าขึ้นก็ต้องอ้าปากค้าง...คนๆนี้...!
ผู้สูงวัยกว่า หลังจากได้มองหน้าเด็กหนุ่มอย่างเต็มตา ดวงตาสีดำภายใต้กรอบแว่นก็เบิกกว้างขึ้นเช่นกัน “เธอ...เสมอภาค...”
“!!!” เสมอภาคตกใจอย่างมาก...ก็จะไม่ตกใจได้ยังไง...
...ชายหนุ่มในนิตยสารที่นั่งอ่านเมื่อเที่ยง กำลังเรียกชื่อเขาอยู่นี่นา!!!
ร่างสูงเห็นท่าทางตกใจของเด็กหนุ่ม ก็นึกขึ้นได้ กระแอมไอสองสามที ก่อนจะแนะนำตัว “ขอโทษที...อาชื่ออำนาจ...เป็นพ่อของเป็นหนึ่งน่ะ”
...
...
...มีคนมากมายรู้จักเป็นหนึ่ง...แต่พ่อของเสมอภาคกลับไม่รู้จักเป็นหนึ่ง...ทั้งๆที่เคยเจอกัน...
...มีคนมากมายไม่รู้จักเสมอภาค...แต่พ่อของเป็นหนึ่งกลับรู้จักเสมอภาค...ทั้งๆที่ไม่เคยเจอกัน!... ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC
ว่างๆจะมาตอบเม้นท์นะคะ