-10-
...นานมาแล้ว...
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือ อำนาจ
อำนาจไม่เคยอยู่ใต้อำนาจใคร
ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาโลก ที่อำนาจจะแสดงบทบาทผู้นำ...และคนรอบกายแสดงบทบาท ผู้ตาม
...
...
ห้องเรียนโรงเรียนเอกชนหรูหราแห่งหนึ่ง
“น้ำ” อำนาจที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ ขาทั้งสองข้างยกพาดโต๊ะนักเรียนอย่างไม่เกรงกลัว เปรยขึ้นหนึ่งคำ
น้ำเย็นเจี๊ยบในแก้วใสก็ถูกยื่นมาถึงมืออย่างรวดเร็ว
“ร้อน” เขาเปรยอีกหนึ่งคำ
พลันลมเย็นๆที่เกิดจากแรงงานคนก็พัดให้รู้สึกเย็นสบาย
ชีวิตนี้มันง่ายดายเกินไป เด็กหนุ่มคิดในใจ กวาดตาคมกริบทรงอำนาจมองไปรอบตัว...ยิ่งเห็นสภาพนอบน้อมของเหล่าเพื่อนในห้องที่เรียกว่าเพื่อนได้ไม่เต็มปาก ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจ
“เบื่อ” เขาเปรยออกมาอีกหนึ่งคำ
เหล่านักเรียนใต้บัญชามองหน้ากันเลิ่กลั่ก จะทำยังไงถึงจะทำให้คุณชายคนนี้พอใจได้กันล่ะ???
ไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง ยิ่งทำให้อำนาจรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่...ขายาวแข็งแรงปัดลงจากโต๊ะ ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป เหล่านักเรียน (เบ๊) มองหน้ากัน ตัดสินใจเดินตาม แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเรียบๆสั่งออกมา “จะเดินเล่นในสวน ไม่ต้องตามมา”
...อำนาจ มีความเป็นผู้นำอยู่เต็มเปี่ยม...
+++++++++++++++++++++++++++++
...นานมาแล้ว...
มีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือ สันติ
สันติเป็นคนรักสงบ
ความรักสงบของเขาทำให้เขาพอใจจะมีโลกส่วนตัวของตัวเอง
...
...
“จิ๊บๆ” เสียงร้องประสานของสัตว์ปีกตัวน้อยดังให้ได้ยินจากกิ่งไม้ร่มรื่นเหนือศีรษะ สันติที่นั่งคิดนั่นคิดนี่อยู่คนเดียวแหงนหน้าขึ้นมอง
“อ๊ะ!” จากการมองเหม่อได้สักห้านาที พล็อตเรื่องก็หลั่งไหลเข้าสมอง สันติคว้าปากกากระดาษข้างตัวขึ้นจดไอเดียยิกๆ รู้ตัวอีกทีเจ้านกก็บินหนีหายไปไหนแล้วไม่รู้
สันติตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นั่งเดิม ปัดเศษหญ้าออกจากกางเกงขาสั้นสีดำ เดินแหงนหน้ามองหานกน้อยบนยอดไม้ต่อไป
เดิน
เดิน
เดิน
โครม!!
เดินๆอยู่ก็สะดุดกับอะไรสักอย่าง ร่างบางหน้าคว่ำล้มแปะลงกับ ‘อะไรสักอย่าง’
ความตกใจทำให้อะดรีนาลินไหลหลั่ง เปิดสวิตซ์จินตนาการให้พลุ่งพล่าน พล็อตเรื่องไหลออกมาอีกแล้ว! เด็กหนุ่มรีบคว้าปากกากับสมุดขึ้นจดอีกครั้งหนึ่ง...ทั้งๆที่ยังนอนคว่ำ ทับ ‘อะไรสักอย่าง’ อยู่
จวบจนจดยิกๆจนพอใจแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาอย่างแสนสุข รู้ตัวอีกทีก็เมื่อเสียงทุ้มโหดจัดของร่างที่อยู่ข้างใต้ดังกระซิบอยู่ข้างหู “จะทับอีกนานไหม?”
สันติสะดุ้งเฮือก เบิกตากลมโตกว้าง ถึงได้เห็นสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง...ดวงตาดำมืดที่ไม่สามารถมองทะลุเข้าไปภายในได้เลย...
“ข...ขอโทษฮะ”
...สันติผู้รักสงบ หารู้ไม่ว่าคำขอโทษนี้ จะกลายเป็นคำติดปากไปอีกนาน...
++++++++++++++
อำนาจมองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่เบิกกว้างอย่างตกใจอยู่นาน โดยไม่รู้สึกตัว เด็กหนุ่มก็ถูกตรึงให้ต้องหลงใหลกับมันไปตลอดชีวิตเสียแล้ว
ริมฝีปากสีแดงสดของร่างอุ่นนุ่มที่นอนทับเขาอยู่เผยอออกช้าๆ เสียงหวานใสราวกับนกน้อยบนกิ่งไม้ดังขึ้นให้ได้ยิน
“ข...ขอโทษฮะ”
อำนาจไม่ได้ตอบอะไร แขนแกร่งยกขึ้นโอบกอดเอวบางอย่างไม่เบานัก กดให้ร่างที่นอนทับอยู่ด้านบน แนบผิวกายกับเขามากขึ้นไปอีก
สันติสติเริ่มแตกกระเจิง...คนคนนี้ต้องโกรธเขาอยู่แน่ๆ!
“พูดใหม่อีกครั้งสิ” เด็กหนุ่มผู้ทรงอำนาจเอ่ยปากสั่งเรียบๆ รับรู้ถึงแรงสั่นน้อยๆที่ส่งมาจากร่างบาง...เขาชอบฟังเสียงของคนคนนี้
สันติยิ่งกระวนกระวายเข้าไปใหญ่ ร่างบางลนลาน พูดออกมาด้วยเสียงสั่นพร่า “...ขอ...โทษ...”
หลังจากกล่าวคำขอโทษไปแล้ว แทนที่แขนแกร่งจะปล่อยเขาเป็นอิสระ อุ้งมือใหญ่ร้อนกลับโอบกระชับด้วยแรงที่มากกว่าเดิม เสียงทุ้มนุ่มที่ฟังแล้วโหดเหลือแสนในความคิดของสันติ ดังอยู่ริมหูอีกครั้ง พร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นประหลาดๆที่ใบหู “...พูดใหม่”
สันติกลัวจนทำอะไรไม่ถูก...การที่เขาแค่สะดุดล้มโดยไม่ได้ตั้งใจ มันทำให้อีกฝ่ายโกรธขนาดนี้เชียวหรือ??
“...ขอโทษ...”
อำนาจผู้ซึ่งเคยชินกับการสั่งคนอื่น ไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวาดกลัวขนาดไหน เขาหลับตาฟังเสียงกระเส่าพูดขอโทษอย่างชื่นใจ อุ้งมือใหญ่วางนาบลงกับสะโพกตึงแน่นแต่อุ่นนุ่มของอีกฝ่าย ปากเล็มใบหูเล็กเพลิดเพลิน “พูดอีกครั้ง”
สันติชักไม่เข้าใจ คนคนนี้จะเอาอะไรกับเขา?
ไร้เสียงตอบจากร่างบาง อำนาจจึงรู้สึกขัดใจไม่น้อย เขาออกแรงบีบหนั่นเนื้อของร่างข้างบน พลางกล่าวด้วยเสียงที่หนักกว่าเดิม “บอกให้พูด”
ยามเมื่อสุนัขจนตรอก มันจะสู้ไม่ยอมถอย ไม่ต่างอะไรกับสันติผู้รักสงบ ยามรบไม่ขลาดเขลา
สองมือน้อยออกแรงผลักร่างข้างใต้อย่างแรง พลางตะโกนเสียงดัง “ก็ขอโทษไปแล้วไงเล่า จะให้ขอโทษอีกกี่ครั้งกันฟะ!!!” ตะคอกจบตะกุยตะกายจนลุกขึ้นยืนได้ ด้วยความหมั่นใส้ จึงเหวี่ยงเท้าเตะป้าบลงไปอีกครั้งหนึ่ง
“ขอโทษ!!” กล่าวคำอำลาเสร็จก็วิ่งจากไป
...เหลือไว้เพียงความประทับใจไม่รู้ลืม...
++++++++++++++++++++++++
...ภาพในอดีตหวนกลับมายามที่สติกำลังล่องลอยอยู่พอสมควร อำนาจเอียงแก้วหรูให้น้ำสีอำพันที่บรรจุอยู่ล้อแสงไฟเล่น...
หลังจากเรื่องในวันนั้น ร่างสูงก็ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับอีกฝ่ายเพิ่มเลย เนื่องจากกำหนดเดินทางเรียนต่างประเทศของเขาเองนั่นแหละ
ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเบาๆ...ที่ต้องมานั่งนึกถึงเรื่องเก่าๆก็คงเพราะร่างบางในชุดสูทสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์อีกมุมนั่นล่ะมั้ง
ไม่น่าเชื่อเลย ว่าชะตาจะเล่นตลกให้เขาได้มาพบเจอรักแรกในที่ห่างไกลบ้านเกิดเมืองนอนอย่างนี้
“นี่ครับ คุณอำนาจ” นัยน์ตาดำสนิทละจากร่างบางที่นั่งจิบเครื่องดื่ม มาให้ความสนใจกับคู่สนทนาตรงข้ามตนเองแทน ฝ่ายนั้นวางซองกระดาษสีน้ำตาลลงบนโต๊ะกระจกเบาๆพลางรายงานตามหน้าที่
“ช่วงนี้คุณเป็นหนึ่งมีเพื่อนใหม่อยู่คนครับ สนิทขนาดคุณเป็นหนึ่งยอมลดตัวไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษคอร์สพื้นฐานด้วย”
“เจ้าหนึ่งเนี่ยนะ?” อำนาจเปรยอย่างแปลกใจ คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยยามที่พลิกหน้ากระดาษรายงานเพื่อดูรูป ‘เพื่อนใหม่ของลูกชาย’
“เสมอภาคงั้นเหรอ?”
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าลูกชายทวีความดื้อด้านขึ้นมากกว่าเดิมหรือไงนะ?
ในฐานะของพ่อ ย่อมอยากให้ลูกชายได้เรียนสูงๆ ได้มีความก้าวหน้าเป็นธรรมดา ซึ่งในความคิดของอำนาจ เป็นหนึ่งควรจะได้พัฒนาความสามารถของตนเองให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่มัวแต่เที่ยวเล่นอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้
นัยน์ตาคมกริบไล่อ่านประวัติ ‘เพื่อนสนิท’ ของลูกชายไปเรื่อยๆ แค่นเสียงหัวเราะในคอกับความไม่ได้เรื่องของเด็กหนุ่มหน้าหวาน แต่ในที่สุดก็สะดุดกึกเมื่อไล่มาถึงประวัติครอบครัว
ริมฝีปากบางยกยิ้มเยือกเย็น “บังเอิญจริงๆ”
ร่างสูงลุกขึ้นยืนพลางจัดสูทตนเองให้เรียบร้อย “ขอบคุณมาก เรื่องหลังจากนี้ฉันคงต้องจัดการเอง” อำนาจสั่งกับลูกน้องตนเองเรียบๆ มือใหญ่ยกขึ้นโบกเบาๆยามที่ผู้ใต้บัญชากำลังจะก้าวเท้าเดินตามมา “ไม่ต้องตามมาหรอก จะไปสูบบุหรี่ที่สวนหน่อย แล้วเดี๋ยวจะขึ้นห้องเลย”
++++++++++++++++++++++++++++++++
“เฮ้อ~” สันติถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
...อุตส่าห์หนีผู้ดูแลมานั่งเงียบๆคนเดียวก็แล้ว ก็ยังคิดพล็อตตอนต่อไปไม่ออกซะที...
มือบางยกแก้วไวน์ดีกรีต่ำในมือขึ้นส่องล้อแสงไฟ หมุนไปมาอย่างเหม่อลอย
...พอดีกว่า...
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น สันติก็วางแก้วลง ยื่นบัตรห้องพักให้พนักงานเพื่อลงบันทึกค่าใช้จ่าย ก่อนจะเดินออกจากบาร์ใต้โรงแรม
...หวังว่าบรรยากาศในสวน จะทำให้เกิดความคิดดีๆได้นะ...
...
...
ดวงดาวพร่างพรายประดับผืนฟ้าที่มืดดำราวผ้ากำมะหยี่ผืนใหญ่ล่อหลอกให้สันติต้องมองเหม่ออย่างลืมตัว ร่างบางเดินไปตามทิศทางที่จินตนาการไว้ว่า จุดศูนย์กลางของหมู่ดาวอยู่ตรงนั้น
เดิน
เดิน
เดิน
โครม!!
เดินๆอยู่ก็สะดุดกับอะไรสักอย่าง ร่างบางหน้าคว่ำล้มแปะลงกับ ‘อะไรสักอย่าง’
โดยไม่ได้เอะใจเลยว่า เหตุการณ์มันคุ้นอย่างกับเคยเจอมาก่อนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สันติพลันบังเกิดพล็อตเรื่องดีๆ ด้วยความดีใจ เขาคว้ากระดาษกับปากกาใต้เสื้อสูทขึ้นจดไอเดียยิกๆ
“จะนอนทับอีกนานมั้ย?” เสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบอยู่ข้างหูทำให้สันติสะดุ้งเฮือก เมื่อมองฝ่าความมืดดีๆก็พบกับดวงตาดำมืดฉายแววระริกล้อแสงดาวกำลังมองจ้องตนเองอยู่
ริมฝีปากแดงเผยอออกเบาๆ “ข...ขอโทษ”
พลันโลกก็หมุนกลับ รู้ตัวอีกที จากที่นอนทับ ‘ใครสักคน’ อยู่ ก็กลายเป็นถูก ‘ใครสักคน’ คนนั้นนอนทับแทน
“อ๊ะ!” สันติร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่ออุ้งมือแกร่งของใครคนนั้นสอดเข้าใต้เอวตน กอดกระชับเสียแน่นจนรู้สึกอึดอัด
ริมฝีปากบางเจือกลิ่นบุหรี่แนบลงกับปากแดงสดที่เผยอน้อยๆ ตักตวงรสวาบหวิวของไวน์หอมหวานอย่างสมใจ
สติของร่างบางล่องลอยห่างไปทุกที...ทุกที
รู้ตัวอีกที แผ่นหลังเปลือยเปล่าก็แนบราบอยู่บนที่นอนอุ่นนุ่ม
สัมผัสวาบหวิวปนจั๊กจี้ไล้วนทุกส่วนสัดของร่างกาย ปอยผมที่เคยถูกหวีปัดขึ้นจนเรียบกลับหล่นลงมาเคลียแก้มใส ดูดซับเม็ดเหงื่อที่ไหลซึมหน้าผากจนชุ่ม
“อื้อ!” ร่างบางแหงนหน้าขึ้นสูง เกลือกแก้มเข้ากับหมอนนุ่ม เม้มริมฝีปากแน่นอย่างอดกลั้น เมื่ออะไรบางอย่างกำลังกลั่นแกล้งอยู่แถวกึ่งกลางร่างกาย
ร่างกายถูกจัดให้อยู่ในท่าทางที่น่าอาย เผยทุกซอกทุกมุมให้อีกฝ่ายได้เชยชม
อำนาจค่อยๆละเลียดลิ้มชิมรสอย่างไม่รีบร้อน ตักตวงความนุ่มละมุนที่รอคอยมาสิบกว่าปีอย่างตั้งใจ เสียงครางกระเส่ากับฤทธิ์แอลกอฮอลล์ในร่างกายผสมผสานกันให้ภายในทวีความร้อนรุ่มมากขึ้นทุกขณะ มือใหญ่ไล้ไปตามเส้นโค้งเว้าของร่างกายอีกฝ่าย ลิ้นอุ่นร้อนไล้เลียผิวเนียนจนเปียกชื้น ฝากรอยประทับความเป็นเจ้าของไว้ทั่วตัว ไม่เว้นแม้แต่จุดน่าอายอย่างต้นขาด้านใน
เสียงครางรื่นหูราวกับยาเสพติด อยากได้ยินไปอีกเรื่อยๆ อยากได้ยินมากกว่านี้ ร่างสูงลงมือหยอกเย้าส่วนไวสัมผัส ยั่วยวนจนความเข็งแรงในอุ้งมือเปียกชุ่มไปด้วยหยาดแห่งอารมณ์
มือใหญ่สร้างความเคยชินให้กับช่องทางคับแคบ หมุนวนลูบไล้สัมผัสหยุ่นนุ่มภายในอย่างอ่อนโยน
ร่างบางถูกจับพลิกคว่ำ หน้าผากเปียกชื้นแนบลงกับหมอนใบใหญ่ ไรฟันขาวสะอาดกัดลงกับปลอกหมอนสีขาวสะอาด สะกดกลั้นเสียงกรีดร้องไว้เมื่อความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายค่อยๆบุกรุกเข้ามาภายใน
จวบจนเติมเต็มจนถึงที่สุดแล้ว อำนาจก็ประคองใบหน้าที่แดงจัดให้หันกลับมา ไล้เล็มริมฝีปากนุ่ม พวงแก้มฝาด ไล่มาถึงติ่งหู ก่อนจะขบกัดลงบนบ่าขาวนวล
“โอ๊ย!” ด้วยความตกใจกับความเจ็บจี๊ดที่บ่า พร้อมๆกับความรู้สึกแปลกๆที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงสะโพก ทำให้สันติร้องเสียงหลง
ความเคลื่อนไหวที่เหมือนตั้งใจจะทรมานเขา จากช้าเป็นเร็ว เมื่อใกล้จะถึงที่สุดก็กลับหน่วงให้ช้าลง ยั่วยุให้ร่างบางต้องขยับเอวตาม แทบจะทำให้สันติเป็นบ้า เขาสะอื้นฮักไม่เป็นภาษา
ร่างกายที่อยู่ในท่าคลานสี่ขา พลันถูกยกขึ้นนั่ง ทั้งๆที่สัมผัสด้านหลังยังไม่จางหายไป สันติกรีดร้องอย่างตกใจ ลิ้นร้อนเลียกระตุ้นที่ติ่งหูด้านหลัง ก่อนที่เสียงทรงอำนาจจะกระซิบสั่ง
“ขยับเอวสิ”
สันติลืมตารื้นน้ำขึ้น ขยับตามคำสั่งอย่างไม่มีทางเลือก ดวงตากวาดมองบรรยากาศเจือสีส้มของโคมไฟหัวเตียง พลันก็ต้องหลับตาลง เมื่อพบกับดวงตาร้อนแรงที่มองสะท้อนออกมาจากกระจกบานใหญ่ฝั่งตรงข้าม พวงแก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวด้วยความอาย...กับท่าทางของพวกเขาสองคนที่สะท้อนมาให้เห็น
อำนาจมองจ้องใบหน้าที่จมอยู่กับความทรมานผ่านกระจกเงาไม่วางตา ท่าทางน่าอายของฝ่ายนั้นทำให้หัวใจเย็นชาของชายหนุ่มรู้สึกวาบหวิวขึ้นมาอย่างประหลาด
...หัวใจที่ถูกแช่แข็งมาสิบกว่าปี...
++++++++++++++++++++++++++++++
...งานประกวดออกแบบเครื่องประดับ เพื่อชิงทุนเรียนต่างประเทศ...
อำนาจนั่งอ่านรายละเอียดที่ถูกพิมพ์ลงกระดาษเอสี่ในมือเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
กระดาษใบนี้ เขากะจะมอบให้กับเป็นหนึ่ง ลูกของเขา ด้วยมือของเขาเอง
เป็นเรื่องน่าเสียดายก็จริง กับการพนันที่ว่า หากเป็นหนึ่งชนะการประกวด ก็ไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศ มันเป็นการตัดโอกาส ทั้งกับเป็นหนึ่งเอง แล้วก็กับผู้เข้าแข่งขันรายอื่นด้วย ตอนนี้เขาหวังเพียงแต่ว่า จะมีใครสักคนสามารถชนะลูกชายเขาได้
ใช่...สิ่งที่เป็นหนึ่งลูกชายของเขาขาดไปก็คือ คู่แข่งที่แท้จริง ....การที่เป็นหนึ่งได้ที่หนึ่งมาตลอด ราวกับดาบสองคม สิ่งที่ทำร้ายเด็กคนนี้เองก็คือ ความเก่งกาจจนไร้ความกระตือรือร้นของเป็นหนึ่ง
มือใหญ่พลิกกระดาษอีกแผ่นขึ้นอ่าน...กระดาษที่บรรจุรูปภาพและข้อมูลของเด็กอีกคนอยู่ในนั้น
...เสมอภาค...
ถึงจะเป็นลูกของคนคนนั้น แต่เขาก็ต้องแยกให้ได้ ระหว่างความรักที่มีให้กับลูก กับความรักที่มีให้กับสันติ
หากเสมอภาคไม่มีคุณสมบัติจะคู่ควรกับเป็นหนึ่งจริง เขาก็จะทำทุกวิถีทางไม่ให้เด็กสองคนนี้ได้ลงเอยกัน
...ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม...
...
...
หากแต่ความคิดของอำนาจก็เปลี่ยนไป เมื่อได้เห็นภาพวาดของเด็กชาย คนที่ในรายงานเขียนสรุปไว้ว่า ‘ไม่มีอะไรโดดเด่น’
อำนาจพิจารณาภาพร่างคร่าวๆ สลับกับใบหน้าไม่มั่นใจของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“เพชรในตมสินะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆพลางยกยิ้มบาง
...ไม่แน่ ลูกชายของเขาอาจจะตาแหลมกว่าที่คิดก็ได้...
ร่างสูงเริ่มการพนันกับตนเอง...ถ้าเสมอภาคมีความสามารถพอจะเปลี่ยนแปลงเป็นหนึ่งผู้ไร้ความทะเยอทะยาน...เขาก็จะให้โอกาสเด็กทั้งสองคน
แต่ถ้าเสมอภาคไม่สามารถชนะเป็นหนึ่งได้...แน่นอนว่า เป็นหนึ่งไม่จำเป็นต้องไปเรียนต่อก็ได้
แต่เขาจะแสดงความหวังดีในฐานะ ‘คนรัก’ ของสันติ โดยการเสนอทุน ส่งเสมอภาคไปเรียนต่อเมืองนอกตามที่เด็กหนุ่มต้องการเอง
“ดินสอแท่งนั้น จะเป็นของรางวัล หรือว่าเป็นของปลอบใจกันนะ?” อำนาจตั้งคำถามกับตัวเอง ก่อนจะเดินแทรกตัวหายไปในฝูงชน
...นี่เป็นครั้งแรก ที่อำนาจให้โอกาสคนอื่น แทนที่จะใช้ความเหนือกว่าเข้าบังคับ...
...และเป็นครั้งแรก ที่ชีวิตสงบสุขของสันติ จะไม่สงบสุขอีกต่อไป...เม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวก็ตาม...
+++++++++++++++++++++++++++++++
TBC