Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.13 ขบวนรถของลาร์เฟียร์เคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ของตระกูลฟงอย่างเงียบเฉียบ เจ้าพ่อหนุ่มนั่งกอดอกเงียบๆอยู่ข้างกายของรัตติกรในรถลีมูซีนที่มีพื้นที่กว้างขวาง หากแต่มันก็ดูเวิ้งว้างเมื่อมีผู้โดยสารอยู่เพียงสองคนไม่นับรวมคนขับและบอดี้การ์ดซึ่งนั่งอยู่ส่วนหน้าและถูกม่านสีเงินกั้นปิดเอาไว้อีกที
หลังจากได้เห็นภาพถ่าย ลาร์เฟียร์ก็สั่งให้บอดี้การ์ดเก็บภาพพวกนั้นไว้แล้วลุกออกมาทันที ทิ้งให้รัตติกรต้องทำหน้าที่กล่าวลาสองพี่น้องตระกูลฟงที่ทำหน้าเหมือนยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องการจะพูด แต่ด้วยความที่เกรงบารมีจึงไม่กล้าเอ่ยคัดค้านอะไรและปล่อยให้ลาร์เฟียร์ขึ้นรถจากไปแบบเสียไม่ได้
และเพราะต้องเร่งก้าวตามเจ้านายออกไปทั้งที่ยังไม่ทันได้รู้เรื่องดี จึงทำให้รัตติกรรู้แค่เพียงว่ามีใครบางคนอาจจะกำลังทรยศ แต่ก็ใช่ว่าหลักฐานกับลมปากเพียงแค่นั้นจะนำมาตัดสินอะไรได้ แล้วอีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาด้วยเหมือนกัน
ก็ถูกจ้างมาเป็นล่าม ใครจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาทั้งนั้นแหละ
พอคิดตก รัตติกรก็เอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่พกติดตัวมาแต่ต้องวางทิ้งไว้ในรถตอนที่ออกไปทำงาน มือเรียวกางหนังสือในมุม60องศาแล้วไล่อ่านเรื่องราวภายในพร้อมกับตัดขาดโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ลาร์เฟียร์เหลือบมองคนข้างๆแล้วได้แต่ถอนใจ คนบ้าหนังสือเป็นยังไง เขาได้เห็นจริงก็วันนี้ ราชสีห์หนุ่มที่เคยเจอกลับกลายเป็นแมวหง่าวไปซะอย่างนั้น ร่างเพรียวค่อยๆยกขาขึ้นมาชันบนเบาะ และทั้งๆที่ดวงตายังไม่ได้ละออกจากหน้ากระดาษแต่ลำตัวกลับขยับหามุมเหมาะสำหรับนั่งพิงอ่านหนังสือในระยะยาว
จะไม่ว่าอะไรเลย ถ้ามุมเหมาะๆของเจ้าแมวนี่จะไม่ใช่ลำตัวของเขาเอง…
“ลูน่า…”
“….”
“ลูน่า!”
“อย่ากวนสิ…”ได้ยินแค่นั้นเจ้าพ่อหนุ่มก็คิ้วกระตุก
“ก็ถ้ายังมาพิงฉันอยู่แบบนี้ มันก็จะไม่จบแค่ฉันเรียกชื่อของเธอ อยากลองอะไรแรงๆกว่านี้มั้ยล่ะ?”รัตติกรไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เจ้าแมวหง่าวรอจนไล่อ่านจนจบหน้าในเวลาไม่กี่วินาทีแล้วถึงยอมเงยหน้าขึ้นมองเขา
“คุณว่าอะไรนะ?”
“ฉันถามเธอว่าเย็นนี้ระหว่างแส้ม้ากับน้ำตาเทียนจะเอาอะไรดี?”ได้ยินดังนั้นหนุ่มไทยก็ขมวดคิ้วมุ่น
“เรื่องอะไร!!”พริบตาเจ้าแมวก็กลายร่างกลับเป็นราชสีห์ ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ที่ฉายประกายแวววับนั้นระแวดระวังพร้อมกับที่ลำตัวเขยิบออกห่างจากเจ้าพ่อหนุ่มจนไปชิดกับประตูรถอีกฝาก
“นี่ยังอยู่ในเวลางานนะลูน่า ฉันจำไม่ได้ว่าอนุญาตให้เธออ่านหนังสือได้แล้ว”ลาร์เฟียร์กอดอกแล้วมองรัตติกรตาระยับ
“ก็แล้วไหนล่ะงานให้ทำ? คุณไม่เห็นให้ผมแปลอะไรสักอย่าง”
“ความสามารถเธอทำได้แค่นั้นรึไง?”เจ้าพ่อหนุ่มยักคิ้วถาม ในดวงตาคมกริบนั้นส่งสัญญาณท้าทายมาอย่างแจ่มชัดจนรัตติกรกัดฟันกรอด
“แล้วจะให้ทำอะไรอีก ให้บอกมั้ยล่ะว่าสถานที่ในรูปที่คุณได้มามันอยู่ที่ไหน เผื่อจะช่วยแก้ปัญหาที่คิดไม่ตกของนายท่านไงล่ะครับ?”เขาพูดเสียงนอบน้อม ทว่าน้ำคำนั้นไม่ต้องตั้งใจฟังก็รู้ว่าตั้งใจจะประชดประชันชัดเจน
“เธอรู้?”กลับเป็นฝ่ายลาร์เฟียร์ที่ประหลาดใจ เจ้าพ่อหนุ่มไม่คิดว่าคนอย่างรัตติกรจะมาล้อเล่นกับเขา
“นั่นน่ะภัตตาคารอาหารจอร์เจียที่ชื่อ Таганская улица อยู่ถนนหลวงสาย Taganskaya ulitsa แถวใจกลางเมืองมอสโก แล้วก็ อืม...ในร้านมีกล้องวงจรปิดด้วย แค่นี้ก็ช่วยคุณได้เยอะแล้วมั้ง ผมอ่านต่อได้ยัง?”ว่าจบ จากราชสีห์เมื่อกี้ก็ทำท่าจะกลับไปเป็นแมวอีกครั้ง ลาร์เฟียร์ส่ายหัวให้กับพฤติกรรมนั้นหากแต่ริมฝีปากหยักกลับเหยียดยิ้มออกเล็กน้อย เจ้าพ่อหนุ่มกอดอกแล้วเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองผู้ร่วมทางที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ
“หืม...รู้มาจากไหนล่ะพ่อคนเก่ง”ลาร์เฟียร์ถามพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก ดวงตาสีสนิทคมกริบยังคงจับจ้องไปที่อีกฝ่ายแน่นิ่ง
“ภัตตาคารในภาพของคุณเหมือนกับที่ผมเคยอ่านเจอในหนังสือРекомендуемые рестораны в России. หนังสือนำเที่ยวร้านอาหารในรัสเซียน่ะ ส่วนที่บอกว่ามีกล้องวงจรปิด เจ้าของร้านสัมภาษณ์ลงนิตยสารท้องถิ่นเมื่อสองปีก่อน”คนถูกมองที่ยังไม่รู้ตัวตอบเรื่อยๆ ความเงียบทิ้งตัวอยู่เพียงชั่วระยะเดียว แต่นานพอให้รัตติกรตัดขาดออกจากโลกภายนอกได้
เสียงรอสายจากในมือถือเงียบหายไปเป็นสัญญาณว่าปลายสายได้กดรับเรียบร้อย ลาร์เฟียร์สั่งการให้หัวหน้าสาขาที่รัสเซียไปตรวจสอบตามข้อมูลที่ได้รับ
ที่นี้ก็จะได้รู้กัน ว่าลูน่าของเขาจะเป็นของจริง หรือแค่พวกปากเก่งกันแน่..._________________________________
ครึ่งหลังตามมาเร็วๆนี้ครับ ไปนอนก่อนแม้ว~
(เพิ่งมองดูนาฬิกา...หกโมงครึ่ง...เพิ่งนอน...เอ่อ
)