Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.6 รัตติกร สันติสงคราม ไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตของตนเองจะได้พบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้….
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาหายไป!
ตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือออก ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่ได้อ่านหนังสือที่เขารัก จะเป็นไข้ไม่สบายขนาดไหนปางตายเพียงไร ขอแต่ได้อ่านฉลากยาข้างขวดเขายังมีความสุข แต่ตอนนี้เขาขาดมันไปเกือบอาทิตย์แล้ว!
จริงอยู่หลายวันที่ผ่านมาก็ควรจะทำให้เขาคลั่งได้ แต่สามวันแรกเค้าก็หมดสติไปจากการเสียเลือดมาก วันต่อๆมาก็มีทั้งฤทธิ์ยาที่ทำให้ง่วงเกือบตลอดเวลา หัวสมองที่ต้องคิดแต่การหาทางหนีออกไปจากที่นี่ รวมทั้งมีคนบางคนมาคอยดึงความสนใจ ทำลายอารมณ์อันแสนมั่นคงของเขาให้แหลกสลายเป็นฝุ่นได้ภายในพริบตา
แต่เพราะเมื่อวานที่คนๆนั้นพูดเอาไว้ เพียงแค่คำพูดและการกระทำ แต่ก็ทำให้เขาหยุดความคิดที่จะหนีออกไปจากที่นี่ ไม่ใช่ว่าเพราะเขาใจง่ายหรือหลงไปตามอารมณ์ของคนอื่น แต่มันทำให้เขาพอจะมั่นใจได้ ว่าคนๆนี้จะไม่ฆ่าเขา อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่....
พอตัดเรื่องที่ต้องคิดมากออกไป ประจวบเหมาะกับยาที่ต้องกินเหลือแค่เพียงยาบำรุงที่ไม่มีผลอะไรต่อสติสัมปะชัญญะ อีกทั้งคนที่คอยมาสร้างความรำคาญใจวันนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ถือเป็นวันแรกที่เขาได้อยู่กับตัวเองโดยมีสติสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดมารบกวน ซึ่งมันทำให้เขาสำนึกขึ้นมาได้ ว่าเขาห่างจากเพื่อนรักเพื่อนตายตั้งแต่เด็กของตนเองไปแล้วกี่วัน ยาวนานเกินไปจนเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา ความรู้สึกเดิมๆที่เคยกักเก็บเอาไว้ก็แผ่ขยายจนครอบคลุมความคิดทั้งหมดของเขา ปิดกั้นสติทั้งมวลและพามันหายกลับเข้าไปในความมืดมิดอันแสนน่ากลัวอีกครั้ง!
เพื่อนเพียงหนึ่งเดียว ที่ช่วยให้เขาหลบหนีจากความรุนแรงในอดีต ช่วยให้หลุดพ้นจากความทรมานอันแสนมืดมิดน่าขยะแขยง สร้างโลกใบใหม่ที่แสนสวยงาม และสอนให้เขารู้จักโลกทั้งใบโดยไม่จำเป็นต้องออกไปเผชิญสิ่งใดให้ต้องเจ็บปวดอีกครั้ง!
แต่ที่นี่ไม่มีเพื่อนของเขา!
เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของเขา!!
สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวในชีวิตของเขา!!!
“หนังสือ...ของฉัน...........” ”อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”@@@@@@@@@@@@@@@@@
เสียงร้องลั่นที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้องข้างๆของรัตติกร ซึ่งเป็นที่ที่ลาร์เฟียร์จับจองใช้มันเป็นห้องทำงานชั่วคราวเพื่อคอยสังเกตคนป่วยจากแดนไกลในระยะใกล้ชิด
มาเฟียหนุ่มสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงนั้นแล้วละมือออกจากเอกสารตรงหน้า รีบหันไปมองอีกฟากของกระจกที่มีเจ้าของเสียงร้องเมื่อครู่นอนแผ่หราอยู่บนเตียง มีการ์ดคนที่เฝ้าอยู่ในห้องยืนละล้าละลังอยู่ข้างเตียงอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี แผ่นอกขาวเนียนสะท้อนขึ้นลงน้อยๆภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวบางเบาจากอาการหอบเพราะใช้แรงทั้งหมดไปกับการตะโกน ก่อนที่ร่างนั้นจะเกร็งขึ้นอีกครั้งพร้อมกับส่งเสียงร้องดังสนั่นที่ฟังดูแสนทรมานนั่นอีกรอบ
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!” “เกิดอะไรขึ้น?”ลาร์เฟียร์พึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วรีบลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องข้างๆที่ยังมีเสียงดังโวยวายออกมาเป็นระยะ การ์ดสองคนหน้าห้องเมื่อหันมาเห็นเจ้านายหนุ่มเดินมาก็รีบเปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่
เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปเสียงร้องลั่นก็เป็นสิ่งแรกที่เขาได้รับจากโสตประสาท เรือนร่างเพรียวบางถูกล่ามไว้อยู่บนเตียงหลังใหญ่ มือเรียวสวยทั้งสองข้างจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ข้างเตียงมีการ์ดร่างยักษ์คนเดิมที่หันมามองทางเจ้าพ่อหนุ่มทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามา
“ดอนครับ คุณลูน่าเค้า...”
“ออกไปก่อน”
“ครับ”
การ์ดร่างยักษ์ก้มศีรษะรับคำ ก่อนจะรีบเดินออกไปโดยไม่ลืมปิดประตูล็อกกลอนให้เรียบร้อย ลาร์เฟียร์เดินไปยังร่างของคนที่ตอนนี้หยุดส่งเสียงเพื่อให้ตนเองได้พักหายใจ ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ที่เคยคมกล้าแวววาวบัดนี้ปิดสนิท หยาดน้ำแวววาวทิ้งร่องรอยจางๆไว้ตรงข้างขมับทั้งสองข้างตามทางไหลผ่านของสิ่งที่เรียกว่าน้ำตา....
ลูน่าของเขาเป็นอะไร...? คิ้วเรียวที่พาดผ่านเหนือดวงตาคู่สวยขมวดแน่นจนคนมองยังอดรู้สึกเครียดตามไม่ได้ ริมฝีปากสีแดงชาดเผยอขึ้นอีกครั้งบ่งบอกสัญญาณว่าเจ้าตัวจะร้องขึ้นมาอีกรอบ เจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มจึงตัดสินใจให้ริมฝีปากของตนเองปิดกั้นเสียงร้องที่ฟังดูทรมานนั้นเอาไว้
สัมผัสหวานล้ำยังคงซาบซ่านอยู่เช่นเคย ปลุกกระแสอารมณ์ที่ผุดขึ้นเพราะแรงตัญหาได้อย่างรวดเร็ว หากแต่ครั้งนี้มันมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะมันไร้ซึ่งการต่อต้านอย่างที่เคยเป็นมา!
“อื้ม~....อือ”
เสียงครางผะแผ่วเพราะแรงอารมณ์ลอดออกมาจากลำคออย่างที่ลาร์เฟียร์ไม่เคยได้ยินมาก่อน ลิ้นนุ่มที่เลิกต่อสู้ดิ้นรนอย่างทุกครั้งที่เขาสัมผัสกลับพัวพันตอบรับอย่างดูดดื่ม จุมพิตที่เคยถูกต่อต้านเสมอมากลับได้รับการตอบสนองอย่างเท่าเทียมกัน!
เกิดอะไรขึ้น!? มาเฟียหนุ่มผละออกจากริมฝีปากหอมหวานอย่างเสียดาย ก่อนจะเลื่อนดวงตาคมกริบสีสนิมของตนขึ้นมาหาใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือกั้น พวงแก้มที่เคยขาวซีดกลับแดงปลั่งแลดูนิ่มนวลแม้ไม่ได้จับต้อง แพขนตาหนาหรี่ปรือเปิดเผยประกายตาวาบหวามล่องลอยซึ่งทอดมองมาที่เขาอย่างยั่วยวน ก่อนที่เสียงกระซิบแหบพร่าทว่าอ่อนหวานจะดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ....
“....เอาอีก” สิ้นประโยคนั้น ลาร์เฟียร์ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องทนอีกต่อไป!ตอนหน้า เสียเลือดกันดีมั้ยนะ?

v
v
v
v
v
v
v
v
v