Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.11 รัตติกรหันขวับไปมองคนที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่กำยำในชุดสูทสีดำสนิทเรียบหรูกอดอกมองเขาด้วยความหงุดหงิด ข้างหลังมีชายอีกคนถือแฟ้มสีดำตั้งหนึ่งเข้ามาด้วย
รัตติกรตลบผ้าห่มเข้ามาคลุมตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วมองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสายตาต่อว่า
“จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน”
“ไม่รู้ตัวหรือไงว่าฉันรอเธออยู่ ถ้าไม่เข้ามาดูเธอจะอ่านต่อไปอีกนานเท่าไหร่ล่ะ”
รัตติกรรู้ตัวดีว่าเป็นฝ่ายผิด เลยทำได้แค่เม้มปากเพื่อปิดกั้นคำว่าร้ายต่างๆที่อยากตะโกนออกไปให้รู้แล้วรู้รอด
ลาร์เฟียร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะปราบเจ้าราชสีห์เมืองไทยนี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังดีที่เขายังมามารถใช้โอกาสที่ได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัวนั่นดึงให้รัตติกรมาทำงานกับเขาได้
อีกไม่นานหรอก เขาจะทำให้ทั้งตัวทั้งใจของหมอนั่นจะต้องมาสยบลงแทบเท้าของเขา!!
“ไม่ไปห้องฉันก็ไม่ต้องไป มาดูงานที่นี่เลยก็แล้วกัน”ว่าจบลาร์เฟียร์ก็ทรุดตัวลงบนเตียง ร่างแกร่งรวบตัวคนที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มมานั่งตัก ก่อนจะพยักหน้าเรียกผู้ช่วยให้เอาแฟ้มทั้งตั้งวางลงตรงหน้า
“เฮ้ย! คุณ! ปล่อยผมนะ จะมาจับไว้ทำไมเล่า!”ไม่มีทางเสียหรอกที่รัตติกรจะยอมนั่งตักเขาเฉยๆ ร่างเพรียวบางดิ้นไปมาจนผ้าห่มที่คลุมตัวเอาไว้แทบจะเลื่อนหลุด แต่ที่หนักไปกว่านั่นคือเนื้อนุ่มๆสองก้อนที่กำลังบดเบียดอยู่บนตัวเขาต่างหาก!
“ลูน่า ถ้าเธอไม่อยู่เฉยๆแล้วสงบปากสงบคำสักทีล่ะก็ ฉันว่าเรามาต่อเรื่องบนเตียงอีกรอบกันเอาไหม? ฉันไม่ใช่คนมีความอดทนอะไรนักหรอกนะ”ดูท่าว่าการใช้เรื่องเช่นนี้มาขู่จะให้ผลดีที่สุด เพราะร่างที่ดีดดิ้นอยู่เมื่อครู่หยุดกึกทันทีที่ได้ยิน
“ในหัวคุณก็มีแต่เรื่องแบบนั้นนั่นแหละ”เจ้าตัวบ่นพึมพำเสียงเบา แต่เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังแบบนี้มีหรือจะไม่ได้ยิน แต่ก็ทำได้แค่เพียงไม่ต่อความยาวสาวความยืด ไม่อยากนั้นก็คงได้เถียงกันไปทั้งวัน งานก็ไม่เดินหน้ากันพอดี และการทำสิ่งที่เสียเวลาก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้นำองค์กรอย่างเขาควรทำด้วย
“ถ้าอยากอ่านนักก็อ่านแฟ้มพวกนั้นไป ทั้งหมดนั่นเป็นข้อมูลคร่าวๆของคู่ค้าของเรา รวมทั้งบุคคลสำคัญในแฟมิลี่ที่นายควรจะจำเอาไว้ด้วย”ลาร์เฟียร์พูดไปก็หยิบแฟ้มหนึ่งเปิดให้รัตติกรที่นั่งซ้อนอยู่บนตักเขาดูไปด้วย
“ถ้าแค่อ่านทำไมคุณต้องมาหาผมเองด้วยล่ะ?”หนุ่มชาวไทยบ่นไป แต่ก็ยอมหยิบแฟ้มเหล่านั้นมาเปิดอ่าน
ข้อมูลส่วนใหญ่ที่อยู่ในแฟ้มเป็นรูปถ่ายของบุคคลหลากหลายสถานะ ข้างใต้ภาพมีคำอธิบายถึงชื่อ วันเดือนปีเกิด อาชีพทั้งในโลกเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งมีทั้งข้าราชการชั้นสูง เจ้าของธุรกิจพันล้านรอบโลก ซุปเปอร์สตาร์ กระทั่งนักฆ่ามือหนึ่งก็มี นอกจากนั้นยังระบุประวัติคร่าวๆของเจ้าของรูปถ่ายรวมถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ สุดท้ายยังมีจุดอ่อนของแต่ละคนอยู่อีกด้วย
“ยังมีเรื่องที่ฉันต้องอธิบายเอง และบางอย่างที่เธอน่าจะถามฉันด้วย อีกอย่างฉันไม่ได้เรียกเธอไปหาเพราะแค่จะมอบหมายงานอย่างเดียว ลืมไปแล้วรึไงว่าฉันสั่งอาหารมาให้เรากินด้วยกันอีกน่ะ?”ว่าจบลาร์เฟียร์ก็สั่งให้ผู้ช่วยไปเรียกแม่บ้านมาตั้งโต๊ะอาหาร จากนั้นก็ดึงคนที่นั่งอยู่บนตักมาจูบแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ไล่ฟัดแถวแก้มกับซอกคอหอมกรุ่นอีกหน่อยแล้วจึงค่อยลุกไปนั่งที่โต๊ะเพื่อรออาหารที่สั่งมา
“คุณ...คุณมัน...โธ่เว้ย!”รัตติกรนั่งอึ้งอยู่บนเตียง ทุกสิ่งเมื่อครู่มันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเขาไม่ทันจะหลบหลีกด้วยซ้ำ!
“จะบ่นอะไรอีกล่ะ ลูน่า นั่งอ่านงานของเธอไปเถอะ พออาหารมาก็ลุกมากินเสียด้วยกัน”มาเฟียหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปาก เขายกขาขึ้นไขว้กัน จ้องมองอากัปกิริยาของคนตรงน่าที่น่าดูไปเสียทุกอย่าง
คนน่าดูหยิบแฟ้มแบบกระแทกกระทั้นมาเปิดดูได้เกือบสิบนาทีก็ทนต่อการจ้องมองเงียบๆไม่ไหว
รัตติกรถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งก่อนจะรวบแฟ้มทั้งหมดเข้าหาตัวแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปงตัวเองเอาไว้ ปิดกั้นสายตาที่มองมาซึ่งรังแต่จะสร้างความหงุดหงิดให้เขามากขึ้นอีกก็เท่านั้น
...อย่างไรก็ตาม ตอนที่หมอนั่นดึงเขาไปนั่งบนตัก สัมผัสร้อนผ่าวที่แผ่มาจากคนข้างหลัง รวมทั้งอ้อมแขนแกร่งที่โอบทั้งตัวของเขาเอาไว้มันก็ชวนให้รู้สึกดีเหมือนกัน ทั้งอบอุ่น และรู้สึกมีที่ๆให้พึ่งพิงได้
เป็นอีกสัมผัสที่รัตติกรไม่เคยรู้จัก แต่ได้รับรู้จากการอยู่ข้างๆตัวคนกวนประสาทบางคน...
ที่ขนาดนั่งเงียบๆก็ยังไม่วาย กวนประสาทได้ตลอดเวลา!! “หึ....ฮ่าๆๆๆ”เห็นพฤติกรรมของรัตติกรเช่นนั้นลาร์เฟียร์ก็ถึงกับหัวเราะพรวดออกมา
แม่บ้านที่เข็นรถอาหารเข้ามาทางประตูได้แต่มองทั้งคู่ด้วยความสงสัย เจ้านายของเธอกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแบบที่นานๆทีถึงจะได้เห็น ส่วนชายหนุ่มคนให่มของเจ้านายก็นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง เล่นอะไรกันอยู่นะ?
“อาหารมาแล้ว ลูน่า ออกมากินด้วยกัน”ลาร์เฟียร์เอ่ยสั่งอย่างเคยชิน เขาหยิบผ้ากันเปื้อนมาวางบนตัก ลงมือรับประทานอาหารที่มาช้ากว่าเวลาที่ควรเล็กน้อยเพราะติดธุระกับคนบางคนที่ไม่ยอมมาร่วมโต๊ะกับเขาเสียที
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา มีเพียงผ้าห่มที่ขยับเล็กน้อยเท่านั้น ลาร์เฟียร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดประโยคที่น่าจะได้ผลทุกครั้งหากใช้กับรัตติกร
“...ถ้าเธอไม่มาฉันจะไปกินเธอแทน!”
“อีกสามหน้าจะจบ เดี๋ยวไป!”เสียงหวานห้วนตอบกลับมาทันควันอย่างที่เขาคาด ถ้าเป็นคนอื่นๆได้ยินประโยคนี้คงวิ่งรี่เข้ามาหาเขานานแล้ว แต่นี่คือรัตติกร ประโยคเมื่อครู่จึงเป็นได้แค่เพียงแค่คำขู่เท่านั้น
และนี่ก็อีกอย่าง แฟ้มทั้งตั้งนั้นมีสองร้อยกว่าหน้า เวลาที่รัตติกรเริ่มอ่านก็ประมาณยี่สิบนาทีที่แล้ว เรียกได้ว่าอ่านไวเหลือจะกล่าว สมกับเป็นพวกบ้าคลั่งหนังสือของแท้
ครู่เดียวแขนเรียวยาวโผล่พ้นจากผ้าห่มหนา ก่อนจะหยิบชุดเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียงกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกรอบ ยุกยิกๆอยู่ไม่นาน ร่างเพรียวบางก็ออกมาในชุดกางเกงผ้าสูทและเสื้อเชิ้ต หากแต่ไม่ยอมใส่เน็กไทด์และเสื้อสูททับให้เรียบร้อย ผมสีดำสนิทที่ยังชื้นน้อยๆก็ยุ่งฟูจนไม่เป็นทรง
ลาร์เฟียร์ยิ้มกว้างด้วยความขบขัน มองอีกฝ่ายที่เดินมานั่งตรงข้ามเขาและเริ่มกินอย่างเรียบร้อย
“ลาร์เฟียร์ ผมมีเรื่องอยากถาม”รัตติกรถามเสียงเรียบขึ้นมาเหมือนจะชวนคุย ลาร์เฟียร์เลิกคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะตอบรับไป
“ว่ามาสิ”
“ผมพอจะรู้ว่าคุณเป็นมาเฟีย แล้วยังเป็นหัวหน้าของเวสเปอร์แฟมิลี่ด้วย แต่จากข้อมูลที่คุณให้ผมอ่านมา ผมคิดว่าคุณเป็นมากกว่านั้นใช่ไหม?”ท่าทางคนถามยังคงเรื่อยๆ หากแต่น้ำเสียงเป็นการเป็นงาน ดูก็รู้ว่าไม่ได้ถามเล่นๆ
“...แล้วเธอคิดว่าฉันเป็นอะไรล่ะลูน่า”ลาร์เฟียร์ยิ้มรับอย่างเงียบขรึม เขาวางมือออกจากอาหารแล้วยกแก้วไวน์แดงขึ้นจิบ ดวงตาสีสนิมจับจ้องอีกฝ่ายที่วางมือตามเช่นกัน
“ผมเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับมาเฟีย ในนั้นมีชื่อตระกูลเวสเปอร์ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่18 ซึ่งเป็นแฟมิลี่ที่มีมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มก่อตั้งมาเฟียในซิซิลี
ในเมื่อแฟมิลี่ของคุณเป็นแฟมิลี่ที่เก่าแก่ ควบคุมพื้นที่ทั้งหมดในปาเลอร์โม่ที่ถือเป็นเมืองหลวงของมาเฟีย นอกจากนั้นยังมีประวัติในการเป็นเจ้าเหนือหัวของมาเฟียมาหลายรุ่น
และจากที่อ่านงานของคุณ ที่ส่วนใหญ่แล้วเหมือนคอยควบคุมความเป็นไปของมาเฟียหลายๆกลุ่ม ตำแหน่งของคุณดูเหมือนกับหัวหน้าของหัวหน้ามาเฟียอีกที คุณคือ
Don of Don ใช่หรือเปล่า?”อีกครั้งที่ลูน่าของเขาแสดงภูมิออกมาให้เห็น ถ้าไม่จำเป็นไม่มีใครไปหาเรื่องพวกนี้มาอ่านหรอก แต่ถ้าคนๆนั้นคือรัตติกรล่ะก็ จะเจอหนังสืออะไรเขาก็อ้าแขนรับทั้งนั้นแหละ
“เก่งนี่? เดาถูกแล้ว ฉันคือเวสเปอร์รุ่นที่ยี่สิบแปด เป็นดอนออฟดอนอย่างที่เธอว่ามานั่นแหละ”ลาร์เฟียร์ยอมรับ ทุกอย่างที่รัตติกรว่ามาเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตระกูลของเขา
“ถ้าอย่างนั้นงานส่วนใหญ่ของคุณคืออะไร ค้ายาเสพติดอย่างนั้นเหรอ?”คนรู้ดีทำท่าทางลำบากใจ รัตติกรยอมรับว่าเขาไม่ใช่คนดีเด่อะไร หากแต่ก็ไม่อยากทำเรื่องชั่วร้ายให้คนหมู่มากต้องเดือนร้อนตามไปด้วย
“ใช่ ยาเสพติด อาวุธเถื่อน ค้าประเวณี ฉันก็คุมหมดนั่นแหละ”เจ้าพ่อหนุ่มตอบรับเสียงเหยียด เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ช้าๆ แก้วไวน์ถูกวางกลับไว้ที่เดิม เขาปล่อยให้มือทั้งสองข้างได้ประสามกันเหนือเข่าด้วยท่าทีของผู้มีอำนาจ
“...ทำไมคุณต้องทำเรื่องเลวร้ายพวกนั้นด้วย”พอรู้ว่าไม่ใช่แค่ค้ายา รัตติกรก็ทำหน้าแย่ลงกว่าเดิม ถึงกับค้าประเวณีก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากเข้าไปยุ่งด้วยแล้ว
“โลกแห่งความจริงไม่ใช่สิ่งสวยงามหรอกนะลูน่า เรื่องพวกนี้ไม่มีวันหายไปจากโลกใบนี้ได้หรอก ถ้าไม่มีใครมาคอยควบคุมจนมันเกิดเป็นระบบระเบียบขึ้นมาล่ะก็ เธอคิดว่าโลกนี้จะเลวร้ายลงอีกแค่ไหนกันล่ะ จะรอให้รัฐบาลมาจัดการก็มีแต่พวกจอมปลอมที่เอาประโยชน์เข้าใส่ตัวก็เท่านั้น”ลาร์เฟียร์อธิบาย เขาอยู่กับโลกแห่งความจริงมานานพอและยอมรับสิ่งเลวร้ายต่างๆมาตั้งแต่รู้ความ คำพูดว่าต้องทำความดีอย่างนู้นอย่างนี้ก้เป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน
“แต่ยังไงแบบนั้นมันก็ไม่ดีนี่”หนุ่มชาวไทยแย้งกลับ หากแต่ในหัวเริ่มคิดตาม และเขาก็เห็นว่าเป็นเช่นจริง แต่ก็ยังไม่อยากยอมรับเท่าไหร่นัก
“แม้จะเป็นกลุ่มคนผิดกฎหมายแต่ก็คงอยู่เพื่อประโยชน์ของสังคม แม้ไม่ใช่สีขาวสะอาดแต่ก็เป็นสีเทาที่มีดีมีร้ายระคนกัน” “...?”ได้ฟังจบรัตติกรก็เพียงแค่ทำหน้าสงสัย เขาแปลกใจว่าทำไมอยู่ๆลาร์เฟียร์ถึงพูดประโยคนั้นออกมา
“นั่นคือคำสอนที่ดอนแห่งเวสเปอร์ทุกรุ่นยึดถือ เรื่องพวกนี้ไม่มีวันจะหายไปอย่างขาวสะอาดได้หรอก ต้องมีใครสักคนที่ยอมถูกย้อมด้วยสีดำ ปกครองระบบเหล่านั้นให้เกิดผลกระทบต่อสังคมทั่วไปให้น้อยที่สุด แต่หากถูกย้อมด้วยสีดำจนสีขาวเดิมที่มีอยู่ถูกกลืนกินไปหมดสิ้น เมื่อนั้นเขาก็จะกลายเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดสำหรับเรา”ลาร์เฟียร์อธิบายประโยคก่อนหน้าให้อีกฝ่ายฟัง ทำการฝังทัศนคติด้านบวกเกี่ยวกับตนเองให้เข้าหัวของรัตติกร
“ถ้าขนาดว่าคุมไว้แล้วทำไมทุกวันนี้ยังเกิดเรื่องพาดหัวข่าวเต็มไปหมดอยู่อย่างนั้นล่ะ?”แม้จะเห็นด้วยกับที่เจ้าพ่อหนุ่มบอกมา แต่รัตติกรก็ยังหาเหตุผลมาแย้งอีกฝ่ายตามความเคยชิน
“เราไม่สามารถควบคุมทั้งโลกได้หรอกนะลูน่า พวกมาเฟียยุคใหม่ที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่อเมริกานั่นไง พวกหัวยุคใหม่ที่เปลี่ยนอุดมการณ์ของมาเฟียยุคเก่าไปเป็นการชิงดีชิงเด่นกัน จากการปกครองอำนาจมืดก็เปลี่ยนเป็นการแสวงหาผลประโยชน์เข้ากลุ่มของตัวเอง ใช้อำนาจมืดเพื่อแสวงหาเม็ดเงินเข้าตัวก็เท่านั้น”ลาร์เฟียร์ยักไหล่ เขาเอ่ยถึงพวกนั้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
“งั้นคุณก็จะบอกว่าคุณเป็นมาเฟียฝ่ายดีงั้นสิ?”รัตติกรยิ้มล้อเลียน เขากำลังคิดถึงพวกซุปเปอร์ฮีโร่อยู่แล้วเอามาเทียบกับคนตรงหน้า
“เวสเปอร์ไม่เคยถือว่าตัวเองเป็นฝ่ายดีหรอก เราคือผู้ปกครอง ไม่ใช่ผู้แย่งชิงก็เท่านั้น”ลาร์เฟียร์ยิ้มรับขันๆ เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่ากำลังนึกอะไรพิเรนท์ๆอยู่
“ก็ยังดีนะ ได้ทำงานกับมาเฟียแบบคุณ ดีกว่าต้องคอยทำงานแบบพวกผู้ร้ายเต็มขั้นแล้วกัน”พอยอมรับแนวคิดของอีกฝ่าย รัตติกรก็ทำใจได้เร็วขึ้น ย้อมตัวเองให้เป็นแค่สีเทา ยังดีกว่ากลายเป็นสีดำที่น่าขยะแขยง
“หึ...พูดถึงเรื่องทำงาน วันหยุดพักของฉันจะหมดพรุ่งนี้แล้ว มะรืนเราจะไปจีนกัน ที่นั่นคงเป็นที่ๆเธอจะใช้ความสามารถของเธอโดยเต็มที่ล่ะนะ เพราะฉันพูดได้แต่จีนกลางอย่างเดียวเท่านั้น ฝากด้วยละกัน”ลาร์เฟียร์ให้งานแรกกับรัตติกร ประเทศจีนนั้นมีภาษาท้องถิ่นอีกเป็นสิบ การได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกนั้นพูดกันจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากทีเดียว
“ประเทศจีน...งั้นสินะ...” รัตติกรพึมพำรับ ที่ๆจะเป็นงานแรกของเขา และเป็นการเผชิญหน้ากับโลกมืดเป็นครั้งแรกอย่างเต็มตัว...
มาอัพแล้วครับ ไวรัสยังไม่หายไป แต่ผมดันทุรังจะเล่น 555
ตอนนี้ในคอมผมทำได้แค่พิมพ์งานกับเข้าเน็ต
แต่ฟังเสียงอะไรไม่ได้ โหลดอะไรก็ไม่ได้ เล่มเอ็มก็ไม่ได้ ประทับใจจริงๆครับท่าน
รู้สึกว่าตอนนี้เล่นซะยาวแถมมีสาระแบบแปลกๆ
ยังไงก็ตาม ขอขอบคุณเว็บ
http://firodendon.exteen.com/20091028/entry ที่ช่วยอธิบายประวัติมาเฟียต่างๆให้ผมดึงมาใช้ในเรื่องได้เรื่อยๆแบบนี้นะคร้าบ
ส่วนอีกเรื่องนึงที่ผลตอบรับดีเกินคาด(มากมาย) คงจะอัพวันพรุ่งนี้ในเวลาค่ำมืดดึกดื่นจนเกือบเช้าเหมือนเช่นวันนี้ล่ะครับ
ตอนนี้ก็ขอตัวไปนอนก่อน เพราะว่าทำบัตรประชาชนหาย ตอนเก้าโมงเลยต้องออกไปทำบัตรใหม่
สรุปเวลานอนโดยรวมได้3ชม....เอิ้ว

ราตรีสวัสดิ์นะครับ ฝันดีนะครับนักอ่านที่รักทุกทั่น!!
