Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.9 “...ก็เซ็กส์ไงล่ะ” กล่าวจบความอึดอัดคับแน่นก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า รัตติกรตัวเกร็งสั่นระริกไปทั้งร่าง ความเจ็บปวดแล่นปราดไปตามไขสันหลังจนแทบพยุงตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”รัตติกรตะโกนลั่น คล้ายกับมันจะช่วยปลดปล่อยอาการของตนเองออกไปได้
“อยากให้หยุดมั้ยล่ะ?”ลาร์เฟียร์ถาม ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มยียวนเล็กน้อย พร้อมๆกับที่บดคลึงนิ้วมือลงบนช่องทางสีหวานที่โอบกลืนนิ้วของเค้าเอาไว้
“…แกจะทำอะไร?”เสียงที่ถามออกไปนั้นฟังดูกระเส่าจนรัตติกรอยากตบปากตัวเอง ความเสียวซ่านแล่นริ้วผสานกับความเจ็บปวดอย่างลงตัวจนทำให้สมองของเขามึนเบลอ
“ฉันมีข้อเสนอ...ซึ่งเป็นที่น่าพอใจทั้งสำหรับฉันและเธอ...”นิ้วที่สามสอดแทรกเข้าไปอย่างนิ่มนวลแยบยล รัตติกรทั้งอึดอัดทั้งเสียวซ่านจนแทบบ้า สิ่งนั้นเข้ามาอย่างอ่อนโยนจนแทบไม่เหลือความรู้สึกเจ็บเช่นตอนที่ถูกบุกรุกเข้ามาคราวแรก ค่อยๆชักนำเขาช้าๆ ให้หลงระเริงไปกับรสสัมผัสที่ได้รับ
“อึก...จะเสนอก็หยุดทำก่อนสิวะ!”หนุ่มชาวไทยกำหมัดทุบหนักๆที่บ่ากว้างของร่างแกร่งแทนการข่มอารมณ์ จะทำตัวเองก็ใช่ที่ ลงกับต้นเหตุมันนี่แหละ
ลาร์เฟียร์หัวเราะในลำคอแล้วละมือออกจากช่องทางเบื้องหลัง อดไม่ได้ที่จะกระแทกนิ้วซ้ำแรงๆอีกทีเป็นการส่งท้าย ชายหนุ่มมองร่างเพรียวบางที่สะดุ้งเฮือกเพราะสัมผัสนั้นก่อนจะหันมาส่งสายตาวาววับใส่เขา ริมฝีปากแดงชาดที่บวมเจ่อน้อยๆเผยออ้าออกคล้ายจะส่งคำด่าผรุสวาสออกมา ทำให้เขารีบปิดมันลงด้วยปากของตนแทน
หลังจากหยอกล้อกับคนตรงหน้าอีกเล็กน้อย ลาร์เฟียร์จึงยอมปล่อยริมฝีปากสีสวยนั่นให้เป็นอิสระ จากนั้นจึงรั้งสะโพกบางเข้าหาตัวจนหน้าท้องแทบชิดกันแล้วมองสบดวงตาสีน้ำตาลไหม้ที่ตอนนี้ขุ่นมัวด้วยอารมณ์โมโห ลาร์เฟียร์ยิ้มแล้วมองกลับด้วยท่าทางที่เหนือกว่า
“ฉันต้องการให้เธอมาทำงานกับฉัน”
“งานบ้าอะไรของแก!?”
“เลิกหาเรื่องแล้วหยุดหยาบคายกับฉันสักสิบนาทีไม่ได้หรือไง ลูน่า” ลาร์เฟียร์ขมวดคิ้ว ใช้น้ำเสียงเย็นเยียบอย่างเวลาที่เขาใช้สั่งฆ่าคน ซึ่งมันทำให้คนตรงหน้าลดแรงอารมณ์ลงเล็กน้อยอย่างคนรู้สถานการณ์
“แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมต้องไปพูดดีกับคนที่ทำแบบนี้กับผมด้วยล่ะ”รัตติกรแม้จะยอมลงให้แต่ก็ยังไม่วายพูดโต้ตอบด้วยเสียงแข็งๆ เขาโอนอ่อนได้ แต่ไม่มีวันอ่อนแอ!
“คนเริ่มก่อนมันเธอไม่ใช่ฉัน ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ทะลวงประตูหลังเธอน่ะ รึว่าอยาก?”มาเฟียหนุ่มยิ้มยั่ว ก่อนที่มือหนาจะลูบไล้บริเวรแก้มก้นขาวเนียน ซึ่งทั้งนุ่มนิ่ม ทั้งลื่นมือจนเขาบีบมันเล่นเบาๆอย่างเพลิดเพลิน
“คุณ! หุบปากไปเลยนะ แล้วเอามือออกไปจากก้นผมด้วย มันไม่ใช่ลูกบอลบริหารนิ้วมือ! อยากบีบก็ไปหาซื้อเอาเองไป!” นิ้วเรียวตะปบฝ่ามือที่ลวนลามให้ออกห่างจากกาย เล็บที่เริ่มยาวจิกลงบนผิวเนื้ออย่างไม่ออมแรง หากแต่คนโดนทำร้ายกลับไม่ยี่หระอะไรกับความเจ็บปวดเท่าแมวข่วน
“ฉันอยากทำแบบนี้แล้วจะทำไม แล้วอย่าเถียงจนออกนอกเรื่อง ตอบคำถามฉันมาได้แล้ว”ลาร์เฟียร์ยักไหล่ ไม่สนใจกับอาการหงุดหงิดของอีกฝ่าย ก่อนจะดึงบทสนทนาให้กลับเข้าเรื่องตามที่ต้องการไว้แต่แรก มือทั้งสองข้างยังคงโอบเอวบางของคนที่นั่งคร่อมอยู่ไม่ให้ลุกหนีหรือขยับดิ้นไปไหน
“...ก็แล้วมันงานอะไรของคุณล่ะ”รัตติกรเม้มปากสะกดกลั้นอารมณ์ เขาไม่เขาใจว่าอยู่ๆทำไมคนที่จับตัวเขามาจะต้องการให้เขามาทำงานด้วย มันดูง่ายเกินไปจนเหมือนเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นเขาจึงรับฟังไปก่อนแล้วค่อยคิดอีกที
“ฉันพอจะรู้ประวัติของเธอคร่าวๆ เธอพูดได้ยี่สิบภาษาใช่ไหม?”
“ยี่สิบสี่!”รัตติกรค้านกลับทันควัน เขาไม่ได้ต้องการอวดอะไรหรอก
ก็แค่อยากกวนประสาท... “หึ...มีไม่กี่คนบนโลกหรอกนะที่ใช้ภาษาได้มากขนาดนั้น และฉันต้องการให้เธอมาทำงานกับฉันในฐานะผู้ช่วยประจำตัว”ลาร์เฟียร์หัวเราะในลำคอกับปฏิกิริยาที่ลูน่าของเขาแสดงออกมา ก่อนจะเอ่ยถึงประเด็นสำคัญที่เขาต้องการบอกในที่สุด
“ผู้ช่วยประจำตัว?”รัตติกรทวนคำด้วยความสงสัย
แค่ผู้ช่วยเนี่ยนะ? แล้วทำไมต้องเป็นเขาล่ะ? “ก็แค่งานง่ายๆ ตามฉันไปทุกที่ คอยแปลทุกภาษาให้กับฉัน แล้วก็ช่วยงานของเลขาบางอย่าง เท่านั้นแหละ ไม่ยากใช่ไหม มีเงินเดือนมากกว่าที่ทำงานเดิมของนาย สวัสดิการเยี่ยมทั้งเรื่องที่พักและการกินอยู่ ตกลงไหม?”มาเฟียหนุ่มอธิบายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลไหม้ฉายประกายสงสัยอย่างปิดไม่มิด
“แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมต้องทำงานให้คนที่จับผมมาล่ะ?”สุดท้ายรัตติกรก็ถามเรื่องที่ค้างคาใจออกไป นั่นแหละคือเหตุผลที่เขาลังเลกับท่าทีของคนตรงหน้า ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นที่ผ่านมามีแต่การถูกจับล่ามโซ่ ถูกขังไว้ในห้องแคบๆ จะหนีออกไปกี่ครั้งก็ถูกจับกลับมาด้วยวิธีการรุนแรง ไม่มีทีท่าด้วยซ้ำว่าทั้งหมดนั่นจะมาลงเอยด้วยรูปแบบนี้
“ฉันช่วยชีวิตเธอไว้ต่างหาก ทำงานตอบแทนบุญคุณสักหน่อยจะเป็นไร”ลาร์เฟียร์ย้อนตอบ รัตติกรแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้
“ช่วยชีวิตที่ไหนเขาทำกับแบบนี้? ทั้งกักขังหน่วงเหนี่ยว แถมยังลวนลามคนอื่นเขาไปทั่ว พูดได้ไม่อายปาก”ถ้าแบบนั้นเรียกว่าช่วยชีวิต งั้นก็ปล่อยเขาให้เลือดหมดตัวตายที่ตรอกแคบๆในเมืองไทยแบบนั้นยังจะดีกว่า
“ก็ฉันพอใจจะทำ” คำตอบของลาร์เฟียร์นั้นทั้งหนักแน่นมั่นคง แฝงด้วยความหยิ่งผยองเอาแต่ใจตัวจนรัตติกรหมดคำจะต่อว่า
“แล้วสรุปว่าไง เลือกเอาว่าจะทำงานกับฉันดีๆ หรือจะอยู่เป็นง่อยที่นี่ไม่ได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวัน”พอเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนานเข้ามาเฟียหนุ่มจึงเอ่ยเร่งเร้าเอาคำตอบ เพิ่มทางเลือกที่เหมือนเป็นการบังคับเข้าไปอีกหนให้คนคิดเยอะรีบๆตอบเขามาสักที
“เฮ้ย! คุณจะบ้าเหรอ แบบนั้นมันเลือกได้ที่ไหนกัน ผมจะกลับประเทศไทย!”ยังไงข้อเสนอที่ถูกยื่นมานั่นก็ไม่น่าไว้ใจแม้แต่น้อย รัตติกรคิดว่าให้เขากลับประเทศไปอยู่เฉยๆอย่างเดิมยังดีเสียกว่า
“จะกลับก็ได้ แต่ต้องกลับไปแบบไม่มีลมหายใจ!”ลาร์เฟียร์ตวาดกรรโชกแรงด้วยความกราดเกรี้ยว สำหรับมาเฟียอย่างลาร์เฟียร์ เวสเปอร์คนนี้ ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วไม่ได้!
“ทำแบบนั้นมันก็เหมือนคุณบังคับให้ผมทำงานให้ไม่ใช่รึไงวะ!”รัตติกรผลักไหล่หนาแรงๆด้วยต้องการจะหนีออกห่างจากคนตรงหน้า ความโกรธพุ่งริ้วขึ้นมาจนเขาอยากทำร้ายอีกฝ่ายให้เละเสียคามือ!
“แล้วไงล่ะ ทำงานกับฉันมันไม่ดีตรงไหนกัน ผลตอบแทนดีกว่าเธอกลับไปทำงานที่ไทยตั้งเยอะ อีกอย่าง อยู่นั่นมีใครรอเธออยู่ด้วยหรือไง?”
อยู่นั่นมีใครรอเธออยู่ด้วยหรือไง.... รัตติกรถึงกับสะอึก ใช่ ที่นั่นเขาไม่มีใคร
ไม่มีใครที่ต้องกลับไปหา และไม่มีใครต้องการให้เขากลับไป... “...ฉันต้องการคำตอบแล้ว รัตติกร”ลาร์เฟียร์เอ่ยเร่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่โวยวายแล้วอยู่ๆก็เงียบลงไป ใบหน้าคมสวยหม่นลงพร้อมกับคิ้วเรียวบางขมวดมุ่น
“...หนังสือ” ในเมื่ออยู่ที่ไหนก็ไม่แตกต่าง ชีวิตของเขาก็มีสิ่งที่ต้องการเพียงอย่างเดียว...
“อะไรนะ?”ลาร์เฟียร์เอ่ยถามเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพึมพำไม่ได้ศัพท์เบาๆกับตนเอง
“ผมต้องการหนังสือยี่สิบเล่มต่อวัน ความหนารวมกันต้องไม่น้อยแปดพันหน้า ห้ามมีเล่มที่เคยอ่านแล้ว และเวลาพักสิบชั่วโมงสำหรับการอ่านมันทั้งหมด นอกเหนือจากนั้นจะสั่งงานอะไรก็เรื่องของคุณ”เมื่อตัดสินใจแล้วรัตติกรก็เอ่ยสิ่งที่เขาต้องการออกไปให้ชัดเจน ต่อจากนี้จะมีอะไรเข้ามาอีกบ้าง เขาก็จะไม่สนใจอะไรมันแล้ว
“....หึ หึ...ฮ่าๆๆๆๆ”ลาร์เฟียร์ได้ยินข้อเสนอก็หัวเราะลั่น นั่นสินะ เขาลืมไปว่ารัตติกรบ้าคลั่งหนังสือยิ่งกว่าอะไรดี คิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าสิ่งนั้นจะมีความสำคัญมากขนาดนั้น
“มีปัญหาอะไรรึไง?”พอหมดเรื่องแล้วรัตติกรก็กลับไปต่อล้อต่อเถียงเช่นเก่า
“นั่นหมายถึงเธอตกลงสินะ ดี งั้นก็ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เสร็จแล้วไปเจอฉันที่ห้องทำงานแล้วกัน”มาเฟียหนุ่มเอ่ยสั่งงานแรกพร้อมกับผละตัวออกจากผู้ช่วยหมาดๆ เขาลงมายืนข้างเตียงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยไปพลางๆ
“...อืม”รัตติกรรับคำแบบไม่ยินดียินร้าย พร้อมกับจัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตนให้เข้าที่เช่นกัน
“เควิน”ลาร์เฟียร์เดินไปกดอินเตอร์โฟนเรียกชื่อการ์ดคนหนึ่งที่ยืนเฝ้าอยู่นอกห้อง
“ครับดอน”ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิทเปิดประตูเข้ามาเพื่อรับคำสั่งของคนเป็นนาย ดวงตาเบื้องหลังแว่นดำสอดส่องไปรอบห้องเพื่อหาหลักฐานว่านายเขาทำอะไรกับของเล่นชิ้นใหม่ไปแล้วบ้างอย่างแนบเนียน
“พาลูน่าไปที่ห้องพัก สั่งอลิเซียให้เตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พร้อม แล้วจัดโต๊ะอาหารที่ห้องทำงานให้ฉันสองที่ บอกฟรานด้วยว่าให้มาพบฉันที่ห้อง”สั่งจบลาร์เฟียร์ก็ออกจากห้องไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีอย่างที่นานๆทีจะได้เห็นสักครั้ง
“ครับดอน คุณลูน่า เชิญทางนี้ครับ”การ์ดหนุ่มรับคำสั่งก่อนจะเดินนำทางคนตรงหน้าไปสู่ห้องพักเพื่ออาบน้ำแต่งตัวดีๆซักที
ก็หลายวันที่ผ่านมาพวกเขาได้แต่เฝ้ามองเรียวขาขาววับๆแวมๆนั่นทั้งวัน เล่นเอาใจสั่นจนแทบอยากกระชากเสื้อเชิ้ตขวางหูขวางตานั่นออกไปให้พ้นๆ แต่ก็ต้องเตือนใจตัวเองเอาไว้
ของเล่นชิ้นนี้ของนาย นายสั่งไว้ ว่าใครก็ห้ามแตะ! ห่างหายไปนาน แหะๆ กลับมาแล้วครับ
ช่วงนี้รู้สึกเป็นแต่งยากๆ สงสัยว่าคงต้องวางพล็อตแล้วล่ะครับ จับทางตัวเองไม่ถูกจริงๆ ตอนนี้ก็เขียนเป็นงงๆด้วย
ทุกคนว่ามันแปลกรึเปล่าครับ หรอว่าผมคิดไปเองนะ...
