[คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50  (อ่าน 232478 ครั้ง)

namwaan1992

  • บุคคลทั่วไป
คุณชายคับ~

สับสนซะจิง!!~?       รู้ใจตัวเองแล้วก้ลุยเล้ย>.<

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
ชอบเรื่องนี้มากๆ ถึงมากที่สุด

ออฟไลน์ VICTORY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 787
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
หนูชอบคุนชายจังเลยยย  อิอิ

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
คุณชายรู้ใจตัวเองเร็วๆนะ

Namtarn

  • บุคคลทั่วไป
คุณชายขา อาการหนักแล้วค่า จะทำอะไรก็ทำเถอะ  :oni3:

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นแทบตายว่าคุณชายจะจูบนทีไหม
จบสไตล์คุณชายดีแท้  :-[

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
กะลังได้ฟีลเลยเจ้าค่ะ มาเร็วๆน้อ :กอด1:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ตามมาจากปางบรรพ์ ว่าจะค่อยอ่านแล้วนะ กลัวค้าง

...แต่ก็หลวมตัวมาอ่านก่อนจนได้   :serius2:  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
27

     น้ำตกสาริกาอยู่ห่างจากรีสอร์ตไปไม่ไกล ขับรถออกไปได้ยังไม่รู้สึกว่านานก็ถึงแล้ว ระหว่างทางคนขับรถแวะตลาดเล็กๆที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับน้ำตกนักให้สาวๆลงไปซื้อขนม ผลไม้ รวมไปถึงอาหารกลางวันและน้ำดื่มติดมือไปด้วยเพราะเพื่อนหนุ่มของเขาบอกไว้ว่าแถวน้ำตกไม่ค่อยมีของขาย ต่อให้มีก็ราคาแพงซื้อเอาเข้าไปเองจะถูกกว่า
    ภาสกรก็เลยนั่งอยู่กับนทีสองคนในรถรอสาวๆ แม้จะอยากลงไปด้วยแค่ไหนแต่ปุยฝ้ายกับดาริกาก็ปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมให้สองหนุ่มตามไปซื้อของ อ้างว่าสาวๆจะได้เดินกันได้สบายใจไม่ต้องคอยเกรงใจหนุ่มๆ เพราะธรรมชาติของผู้หญิงเมื่อได้มีเวลาเลือกซื้อของกันแล้วก็จะลืมทุกอย่างรอบตัวตกอยู่ในโลกของพวกหล่อนเองได้ทั้งวัน
    ชายหนุ่มพยายามผลักความคิดที่สับสนอยู่ในใจออกไปให้พ้นเสียก่อนรู้ตัวดีว่าเวลาจะได้อยู่กับนทีมากขนาดนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ต่อให้พอกลับไปพัทยาจะยังคงไปมาหาสู่กันได้ก็ตาม แต่คงไม่ได้ใกล้ชิดนอนห้องเดียวกัน ตื่นมาพร้อมกัน กินข้าวด้วยกัน อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาอย่างนี้หรอก ภาสกรจึงชวนนทีคุยเล่นไปเรื่อยเปื่อยมากกว่าจะนั่งเงียบปล่อยให้บรรยากาศพาไปให้ใจไหวหวั่นอีก นทีเองก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ ยังพูดคุยกับภาสกรเหมือนทุกๆวัน
    นทีต่างจากภาสกรตรงที่ หนุ่มน้อยมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อภาสกร เพราะรู้ดีว่าตนเป็นใคร รู้สึกอย่างไร ในขณะที่ภาสกรอยู่ในกรอบมานาน มีชีวิตอยู่ตามใจคนอื่นมาตลอดจึงไม่เข้าใจตัวเองนัก ความรู้สึกนี้จึงแปลกใหม่ไม่รู้ว่าการมีความรักมันเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยรักใครแต่ไหนแต่ไรมาก็รู้เพียงว่าถึงเวลาก็ต้องแต่งงานกับคนที่เหมาะสมเท่านั้น
    นทีจึงสุขุมกว่าภาสกรมาก เมื่อรู้ใจตัวเองแล้ว ย่อมรู้จักควบคุมดุแลไม่ให้มันเตลิดได้ ในขณะที่ภาสกรเมื่อไม่รู้อะไรเลยพอมีอะไรเกิดขึ้นก็ถลำลึกตามความรู้สึกและแรงปราถนาภายในมากเกินไปไม่รู้จักคุมให้อยู่ เวลานทีอยู่ใกล้ภาสกรต่อให้รู้สึกดีแค่ไหน อยากใกล้ชิดกว่านั้นเพียงใดก็จะรู้จักยับยั้งชั่งใจ เมื่อรู้สึกหวั่นไหวก็จะรู้จักวางตัวเฉยๆไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดปกติ
    ในขณะที่ภาสกร รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น จะปกปิดก็ได้แต่เฉไฉ แสร้งทำ ไม่ได้แนบเนียนอะไรเลย อดไม่ได้ต้องใช้น้ำเสียงอ่อนโยนพูดกับนทีอย่างหวานซึ้งทุกที แม้เรื่องที่พูดอยู่จะเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพียงใด
    คุยกันไปได้พักใหญ่ปุยฝ้ายและดาริกาก็กลับมา มีผลไม้ที่ขายตามรถเข็น ขนมขบเคี้ยวหลายอย่าง รวมถึงข้าวเหนียวไก่ย่างติดมือมาด้วย
    “กางเสื่อปิกนิกกันค่ะ ใครหิวก็มากินใครอยากว่ายน้ำถ่ายรูปอะไรก็ไป ดีไหมคะ” ดาริกาออกความเห็นไว้ล่วงหน้า “ได้ไม่ต้องเสียเวลาหาข้าวเที่ยง”
    “เห็นด้วยครับ จากสาริกาถ้ามีเวลาเราคงได้ไปเที่ยวนางรองกันต่อ”
    “ดีค่ะ แต่ชื่อน้ำตกก็เหลือเกินนะคะชื่อ นางรอง แหมถ้าทริปนี้เป็นหนังสักเรื่อง ใครจะเป็นนางรองดีล่ะคะ... สงสัยต้องเป็นฝ้ายแน่เลย” ปุยฝ้ายเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “คุณชายว่าใครเป็นนางเอกดีคะ”
    คนถูกถามเลือดฝาดขึ้นหน้าจนแดงซ่านไปหมด ชำเลืองมองคนข้างๆได้แวบหนึ่งก็สังเกตได้จากหางตาว่าหน้าแดงไม่แพ้กัน กระนั้นก็ไม่ยอมตอบอะไรหัวเราะเบาๆ แล้วก็เปิดวิทยุแก้เขินแทน โชคดีที่เพลงที่เปิดอยู่ตอนนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เพิ่งพูดกันเลย ก็เลยรอดตัวไป นั่งฟังเพลงกันไปจนถึงน้ำตก
    
    จริงๆแล้ว น้ำตกสาริกามีทั้งหมด 7 ชั้นไล่ลดหลั่นกันไปตามแนวเขา มีทางเดินเล็กๆเชื่อมระหว่างชั้น แต่ละชั้นมีแอ่งน้ำรองรับให้ลงเล่นน้ำได้อย่างสบาย โชคดีที่ตอนนั้นไม่ใช่ช่วงเทศกาลคนก็เลยไม่เยอะเท่าไหร่ อีกอย่างหนึ่งตอนนั้นก็ไม่ใช่ฤดูน้ำหลากน้ำในน้ำตกจึงไม่เชี่ยวมาก เหมาะที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจที่สุด นับว่าดีแล้วที่ภาสกรตัดสินใจมาเที่ยวช่วงนี้ ทุกอย่างดูจะลงตัวไปหมด
    ดาริกาและปุยฝ้ายยึดต้นไม้ได้ต้นหนึ่ง กิ่งก้านสาขาแผ่กว้างไปพอประมาณกันแดดเปรี้ยงในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี จึงเอาเสื่อที่เตรียมมาด้วยคลี่ปูไว้อย่างเหมาะเหม็ง วางอาหารเรียงไว้ตรงกลางเสื่อ ปุยฝ้ายนั่งพิงต้นไม้อ่านหนังสือที่เอามาด้วยอย่างสบายอกสบายใจ ในขณะที่ดาริกานั่งฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์ไปนั่งมองบรรยากาศไปด้วยความอิ่มเอมใจ
    ภาสกรกับนทีเดินคู่กันไปตลอดความยาวของทางเดินเล็กๆที่นำทั้งคู่ไปสู่อีกชั้นหนึ่งของน้ำตก ทางไม่ลำบากมากนักแต่ก็ไม่ใช่ทางลาดยางที่เดินได้สะดวกสบาย ภาสกรจึงเดินช้าๆคอยระวังไม่ให้นทีลื่นล้มหรือสะดุดไปตอนไหน เลยกลายเป็นว่าทั้งคู่เดินเรื่อยเฉื่อยชมนกชมไม้ไป คุยกันไปหนุงหนิงคล้ายคู่รัก ผิดวิสัยชายหนุ่มที่มักจะเดินเร่งรีบก้าวยาวๆคุยกันเสียงดังและหยาบโลน
    คุยกันเรื่องปกติธรรมดาก็ดีอยู่แล้ว จู่ๆภาสกรก็นึกชวนนทีว่า
    “เราขึ้นไปจุดสูงสุดกันไหม” เขามองนทีอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายคล้ายเด็กอ้อนผู้ปกครองให้ซื้อของเล่นให้ “ผมอยากเห็นตาน้ำ นทีว่าไง”
    “โห ถ้าขึ้นไปขนาดนั้นผมไม่ไหวหรอกนะครับ” หนุ่มน้อยมองคุณชายขวางๆ คล้ายจะส่งค้อนให้ราวกับหญิงสาว “ขาผมเพิ่งหายเดินไปถึงโน่นขาหักใหม่อีกรอบพอดี”
    ภาสกรหัวเราะลงลูกคอ
    “ตามใจ แต่ขอไปอีกชั้นนะ ยังไม่อยากหยุดเดิน”
    หนุ่มน้อยจะว่าอย่างไรได้นอกจากเดินตามคุณชายหนุ่มไปเรื่อยๆ พอเริ่มเหนื่อยก็เริ่มเดินช้าลง ภาสกรก็เลยตัดสินใจให้หนุ่มน้อยนั่งพักที่โขดหินข้างทาง ได้ยินเสียงน้ำตกดังซ่ามาจากที่ไม่ไกลนัก นทีนั่งหอบสักพักก็มองไปรอบๆตัวราวจะซึมซับเอาความสงบบริสุทธิ์ของบรรยากาศเข้าไปฟอกความเจ็บปวดในใจ
    เรื่องของอดิสรณ์ไม่หายไปจากใจของหนุ่มน้อยง่ายๆหรอก เพียงแต่ไม่มีเวลาคิดบ่อยนัก เพราะเดี๋ยวนี้มีเรื่องอื่นให้คิดเพิ่มขึ้นมา... จะเรื่องอะไรล่ะก็เรื่องชายหนุ่มที่ยืนมองต้นไม้รอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจอยู่ข้างหน้านี่น่ะสิ คิดไม่คิดเปล่าจู่ๆ หนุ่มน้อยก็พูดขึ้นมาว่า
    “ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ว่าน้ำตกที่ไหลซู่ลงมาจนเสียงดังขนาดนี้ แท้จริงแล้วมาจากตาน้ำเล็กนิดเดียวเท่านั้น” นทีหยุดนิ่งรู้ตัวว่าพูดสิ่งที่คิดออกมาด้วยอย่างนี้แล้วก็สายไปที่จะทำไม่รู้ไม่ชี้เพราะภาสกรเดินเข้ามานั่งข้างๆ มองเขาอย่างตั้งใจฟัง ก็เลยต้องพูดต่อไปเท่านั้น “เหมือนความสัมพันธ์ของคนเราทุกคนเกิดจากสิ่งเดียวกันหมดคือ ไม่รู้จักกันเลย แต่ก็มักจะมีอะไรบางอย่างมาช่วยให้ความไม่รู้จักนั้นกลายเป็นรู้จัก สนิทสนม บางครั้งก็ถึงกับผูกพันไปเลย รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าความรู้สึกของเรานั้นแม้เริ่มจากจุดเล็กๆอย่างตาน้ำ พอมาถึงตอนนี้ก็กว้างใหญ่เป็นแอ่งน้ำข้างล่างนี่แล้ว”
    ภาสกรยิ้ม
    “เหมือนผมกับคุณเลยนะ”
    นทีหันไปยิ้มให้ภาสกรเช่นกัน ยังไม่ทันได้เขินอายหรอกเพราะคิดไม่ทันว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปนั้นฟังดูแปลกเพียงใดสำหรับจะเอามาพูดกับผู้ชายด้วยกันอย่างนี้ จนเมื่อตาประสานกันนั่นแหละจึงรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
    “คุณจำได้ไหมว่าคุณพูดอะไรกับผมเป็นประโยคแรกที่ทำให้คนไม่รู้จักกันสองคนกลายเป็นสนิทกันได้ขนาดนี้” ภาสกรถามเสียงอ่อนลงเหมือนทุกครั้งที่อยู่กับนทีแค่สองคน รอบตัวมีเพียงต้นไม้ใบหญ้า นกตัวเล็กตัวน้อยบินผ่านไปสองสามตัว พร้อมกับเสียงน้ำตกซ่าอยู่เป็นเสียงพื้นหลัง
    “จำได้ซีตอนอยู่โรงพยาบาลผมถามคุณชายว่า คุณเป็นใคร ผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ตอนนั้นผมเพิ่งฟื้นขึ้นมาทำไมจะจำไม่ได้” เขาว่า ภาสกรยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยขึ้น
   “สำหรับผม ผมจะบอกว่าคำว่า ฮัลโหล คำแรกที่คุณพูดตอนโทรมาหาผมหลังจากที่คุณหนีออกจากโรงพยาบาลนั้นแหละ เป็นคำที่ทำให้ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มขึ้นแล้วจริงๆ เพราะนั่นคือเราเริ่มรู้จักกันภายใต้ความพึงพอใจของเราทั้งคู่ ไม่ใช่เหตุผลของความรับผิดชอบหรืออะไรทั้งสิ้น คำคำนั้นแหละที่ทำให้ความสัมพันธ์ที่เหมือนตาน้ำเล็กๆ เอ่อล้นมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นแอ่งใหญ่อย่างที่นทีบอก”
    เงียบไปนานเหลือเกิน นานจนได้ยินเสียงใจของกันและกันเท่านั้นที่เต้นระรัว แม้เสียงน้ำตกดังซ่าจนแสบหูก็ไม่ได้มีความหมาย
    “น่าแปลกจริงๆ ที่คนที่อยู่กันแทบจะคนละโลกอย่างผม กับคุณชายได้มาเจอกัน ทั้งที่ไม่ควร ทั้งที่ยากเหลือเกินที่จะเป็นจริงได้” นทีพูดเสียงเบาไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรอยู่กันแน่
    “ความสัมพันธ์ของเราอาจจะไม่ควรเกิดขึ้นจริงๆตั้งแต่แรก แต่ในเมื่อมันดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว นทียังจะคิดว่าเราไม่ควรมาเจอกันอีกหรือเปล่า ”
    หนุ่มน้อยยิ้มมุมปาก ไม่มีเสียงตอบ แต่รอยยิ้มนั้นแหละตอบภาสกรได้มากยิ่งกว่าคำพูดใดๆ ภาสกรมีแต่ความสุขมาตลอดชีวิตแทบไม่เคยได้พบความทุกข์ร้อนก็จริง แต่เขาก็จำไม่ได้เลยว่า เขาเคยมีความสุขมากเท่าตอนนี้หรือไม่... 
    ฉากหลังที่เขามองอยู่นั้นทำให้ใจกระหวัดนึกไปถึงสถานที่หนึ่งในนิยายที่ตนเคยอ่าน และแน่นอนว่านทีก็ต้องเคยอ่าน “น้ำตกมิตาเกะ ในเรื่องข้างหลังภาพ” นั่นเอง... เอ ตอนนั้นคุณหญิงกีรติกับนพพรก็อยู่ใกล้กันเท่านี้เองไม่ใช่หรือ ตอนนั้นคุณหญิงยืนพิงต้นไม้ใหญ่ นพพรอยู่ตรงหน้าหล่อนยื่นหน้าเข้าไปจูบหล่อนอย่างที่ใจอยากทำมานานแสนนาน ถึงเขาจะอ่านนิยายเรื่องนี้เข้าใจดีทุกตัวอักษร เพราะมันเขียนด้วยภาษาไทยก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ดีเท่านี้    เขาไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของคุณหญิงกีรติเลย มาเข้าใจก็ตอนนี้เอง
    ความสุขแทบล้นออกมานอกอกมันเป็นอย่างนี้เองหรือ
   ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปนานกว่านั้นภาสกรก็ชวนนทีเดินขึ้นไปจนถึงน้ำตกชั้นที่สาม ปีนขึ้นไปบนหินแต่ละก้อน มีนทีตามมาด้วยอย่างกล้าๆกลัวๆ ภาสกรเดินไปทางไหน หนุ่มน้อยก็ก้าวตาม กลัวพลาดตกน้ำไปก่อน หนุ่มน้อยยังไม่อยากเปียก อย่างน้อยให้กินข้าวเที่ยงก่อนค่อยเปียกก็ยังได้เลยต้องระวังตัวหน่อย
    “นทีตรงนี้ลื่น ยื่นมือมาผมจะช่วยประคอง” ภาสกรร้องบอก
    หนุ่มน้อยทำตามอย่างว่าง่าย ก้าวขึ้นไปบนหินที่มีตะไคร่เกาะ มั่นใจว่าคงลื่นล้มไปแล้วหากไม่ได้ยึดภาสกรเอาไว้ก่อน คุณชายหนุ่มเดินจูงมือนทีไปอีกไกล แม้จะบอกว่า “ตรงนี้ลื่น” ก็เถอะแต่ตรงนี้ของคุณชายแลดูจะกินอาณาเขตกว้างไป แต่ในเมื่อไม่มีคนนัก และใครดูก็ไม่น่าจะผิดสังเกตเพราะเหมือนจะช่วยประคองกันไปตามทางจริงๆ ก็เลยไม่ว่าอะไรปล่อยให้ภาสกรจูงมือไปเรื่อยๆ
    คนจูงใจเต้นแรงกลัวว่าคนถูกจูงจะรู้ทันความคิด แต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เดินจูงมือกันไปเรื่อยจนถึงโขดหินก้อนหนึ่ง ใหญ่พอประมาณจะให้นั่งกันสองคนได้ ก็เลยชวนนทีนั่งลง คุณชายเอนหลังเท้าศอกไว้กับหินสภาพเหมือนกึ่งนั่งกึ่งนอน ส่วนนทีนั่งหย่อนขาลงน้ำอย่างสบายใจ
    “สวยจังเลยครับคุณชาย” เขาว่าหันมายิ้มให้คนข้างๆอย่างมีความสุข
    “นทีมีความสุขผมก็ดีใจ” ตอบเพียงเท่านั้นแล้วก็นั่งอยู่เงียบๆ ข้างๆกันความรู้สึกประหลาดแล่นเข้ามาในร่างยิ่งทำให้ภาสกรสับสนในใจเข้าไปใหญ่ อยากโอบหนุ่มน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ชี้ดูโน่นดูนี่เหมือนคู่รักที่อยู่ใกล้กันนั้นกำลังทำอยู่ แต่ก็รู้ตัวดีว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ รู้แต่ว่าไม่ได้เท่านั้น
    อกเขาจะแตกตายอยู่แล้ว ทำไมจะทำอะไรตามใจก็ทำไม่ได้สักอย่างนะ
    แต่ถึงโอบมาไว้ในอ้อมแขนไม่ได้ ภาสกรก็ยกมือขึ้นโอบรอบคอของนทีไม่ต่างจากพี่ชายกอดคอน้องชายนั่งเล่นอยู่หลังบ้าน รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากความใกล้ชิดของอีกฝ่ายแม้ไม่ได้โอบกอดพลอดรักกัน แต่ได้อยู่ใกล้กันแทบจะใช้ลมหายใจร่วมกันอย่างนั้นก็มีความสุขแล้วเหลือเกินสำหรับภาสกร
    “พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว เสียดายผมมีงานสำคัญต้องทำ ไม่งั้นน่าจะอยู่กันต่อได้นานๆ” ภาสกรเอ่ยขึ้น
    “ครับ” หนุ่มน้อยรับคำ “ไม่รู้จะขอบคุณคุณชายยังไง ที่ทำให้ผมได้มาเห็นอะไรสวยๆอย่างนี้ ได้มีเวลาดีๆ ได้มีเรื่องให้จดจำ แทนที่จะนั่งจมอยู่ในความทุกข์เรื่องพ่อกับแม่”
    คุณชายหนุ่มบีบไหล่ของหนุ่มน้อยเบาๆ ปล่อยมือออกแล้วก็เอ่ยว่า
    “อยากรู้ไหมว่าจะขอบคุณผมยังไง”
    นทีหันไปมองหน้าไม่รู้คุณชายจะมาไม้ไหน แต่เขินไปก่อนล่วงหน้าแล้ว กลัวอีกฝ่ายจะเห็นว่าหน้าแดงซ่านด้วยความอายก็เลยก้มลงถามเบาๆเสียงแทบไม่หลุดจากลำคอ
    “ยังไงก็ว่ามาเถอะครับ”
     ปลาหลายๆตัวที่ว่ายวนอยู่ใกล้สองหนุ่ม ว่ายหนีห่างออกไปราวกับรู้ตัวดีว่ากำลังเป็นส่วนเกิน ภาสกรก้มหน้าเช่นกันไม่รู้ตัวว่าพูดประโยคต่อมาออกไปตอนไหนรู้อีกทีก็นั่งอมยิ้มอยู่ในความเงียบเหมือนกับหนุ่มน้อย ราวกับว่าทั้งโลกมีกันอยู่สองคนเท่านั้นแล้ว
    “อย่าทิ้งผมไม่ไหน อยู่ข้างๆผมอย่างนี้ตลอดไปก็พอแล้ว”
    ภาสกรก้มหน้าอมยิ้มอยู่คนเดียวเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ต่อว่า หรือพูดอะไรให้ยิ่งกระดากอาย กลับนั่งอยู่เงียบๆเหมือนกับเขา เหลือบไปก็เห็นว่าอีกคนก็นั่งกอดเข่ายิ้มให้สายน้ำเหมือนกับเขานั่นแหละ ภาสกรเงยหน้าขึ้น มองตรงไปเบื้องหน้าเห็นต้นไม้เขียวขจีดูสดใสไปหมด นกหลายต่อหลายตัวที่บินผ่านไปมาส่งเสียงร้องคู่ไปกับเสียงดังซ่าของน้ำตก หลายคู่บินอยู่เคียงกันไปราวกับว่าไม่อยากจากกันแม้นาทีเดียว ต่ำลงไปคือแอ่งน้ำที่มีปลาตัวเล็กตัวน้อยดูหลากหลายแตกต่างกันว่ายเคล้าเคลียกันมาลึกลงไปบ้าง ใกล้กับผิวน้ำบ้าง ลมพัดเอื่อยๆ นำความเย็นสบายมาให้เป็นพักๆทำให้แดดที่แม้ส่องจ้าอยู่ก็ไม่ร้อนอะไรนัก
    เขาสงสัย ว่าธรรมชาติมันสวยงามเหลือเกิน แทบจะหลุดออกมาจากภาพเขียนของจิตรกรเอกด้วยตัวของมันเอง หรือว่ามันงามจนหาที่เปรียบไม่ได้เพียงเพราะมีคนที่อยู่ข้างๆเขาเป็นส่วนหนึ่งของมันด้วยก็ไม่รู้
    แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยรู้สึกว่าอะไรรอบกายมันงดงามน่าประทับใจขนาดนี้ มีครั้งนี้แหละที่อยากจะอยู่ตรงนั้นตลอดไป ไม่ต้องกลับไปทำงาน ไม่ต้องทำตัวให้ดูดีตลอดเวลาเป็นคุณชายของใครหลายๆคน ไม่ต้องปวดหัวกับทิฆัมพร ไม่ต้องคอยวางตัวเป็นโอรสที่ดีของท่านพ่อ และหม่อมแม่ อยากจะอยู่เฉยๆตรงนั้น ซึมซับความสุขที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจเหลือเกินไปตลอด
    นึกถึงวันแรกที่รู้สึกคล้ายๆอย่างนี้ก็ตอนที่นทีไปที่บ้าน นึกขึ้นมาได้ก็ฮัมเพลงที่เคยร้องให้นทีฟังในวันนั้นออกมา แม้จะไม่มีเสียงกีตาร์ดังคู่ไปด้วยแต่ก็มีเสียงนกร้อง และเสียงน้ำตกขับคลอกันไปราวกับมีวงดนตรีใหญ่อยู่ตรงนั้น
        
       I'm on the top of the world lookin' down on creation
    And the only explanation I can find
    Is the love that I've found ever since you've been around
    Your love's put me at the top of the world    
    
    ภาสกรรู้สึกเหมือนได้อยู่บนจุดสูงสุดของโลกจริงๆอย่างในเนื้อเพลง เมื่อเขาขึ้นมามองโลกจากที่สูงอย่างนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีนทีอยู่ใกล้ๆ เขารู้สึกเหมือนเขาอยู่เหนือทุกสิ่ง เขามีความสุขมากแทบจะเรียกได้ว่าไม่ต้องการอะไรอีกแล้วเหมือนได้ทุกอย่างที่เขาต้องการมาไว้ในครอบครองเสียคนเดียว อะไรๆก็ดูสวยงามไปหมดในเมื่อเขาเห็นภาพเหล่านั้นได้ผ่านม่านแห่งความสุขที่ปกคลุมอยู่รอบเขาและนที
    เขาหันไปมองหนุ่มน้อย เพียงมองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็คงคิดไม่ต่างกัน

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
^
^
จิ้ม
ลงจบตอนแล้วรึเปล่าคะ (กลัวปาด >.<)
อยากอ่านต่อ แต่เหมือนได้กลิ่นมาม่าโชยมา

ออฟไลน์ BaII

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
บรรยากาศเป็นใจ  ชวนให้น่าทำอะไรมากกว่าการชมวิว  คิดอยากให้คุณชายจูบน้ำสักที

แต่ก็รู้  ว่าคุณชายยังไม่มั่นใจถึงความรู้สึกมากนัก  และคงยังกลัว  ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน   แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยของคนรอบข้างด้วย

หวังว่าฟ้าสดใสจะอยู่คู่กับทั้งสองไปนานๆ  พายุร้ายอย่าพึ่งเข้ามาเลยนะ  เพราะขืนท่านพ่อ หม่อมแม่รู้ล่ะก็ หึๆ ดราม่าแน่ๆ

  

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สองสาวเป็นใจให้คุณชายกับนทีมาก ๆ กลับไปนี่สองคนนี้คงต้องเผชิญกับอุปสรรคนานับประการแล้วมั๊ง
ว่าแต่ฟ้าม่วงไม่อัพเรื่องทางสามสายแล้วเหรอคะ

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยย เขินแทนนที
รูปหล่อพ่อรวย เจนเทิ้ลแมนสุดยอด เพอร์เฟ็ค (ถ้าตัดทิฆัมพรได้จะเจ๋งมาก)

BF-e

  • บุคคลทั่วไป

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
บรรยากาศดี ความรักเบ่งบาน แต่...เหมือนอยู่ในฝันพอตื่นกลับเข้าสู่โลกของความจริง ต่างก็ต้องเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ เฮ่อ  :monkeysad:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

หวานมากกก ก็ลองทำตามใจตัวเองดูบ้างสิ่คะคุณชาย
จะได้ไม่ต้องทนอึดอัดอยู่อย่างนี้
เห็นแต่ทางข้างหน้าอุปสรรคมันเยอะมากๆเลย  :เฮ้อ:
ยังไงก็ขอให้นทีแล้วก็คุณชายผ่านมันไปได้ก็แล้วกัน

babyfaibossy

  • บุคคลทั่วไป
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกอบอุ่นจังเลย

 o13

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
มาให้กำลังใจทั้งสองคน
หวานเกิน..อิจฉา.. :laugh:
ไม่เสิร์ฟมาม่านะ ขอร้อง

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

ออฟไลน์ คนริมคลอง

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-1
บรรยากาศเป็นใจ มีแค่เรา 2 คน  :กอด1:

namwaan1992

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่อ แต่เหมือนได้กลิ่นมาม่าโชยมา
^
^
^
มาม่าคงไม่ต้องชงใช่ป่ะค๊าบ  T[   ]T


อ๊า~    ละลายหมดเลย  ^_____^

ออฟไลน์ jojobuffy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-4

เด็กกะโปโล

  • บุคคลทั่วไป
   “อย่าทิ้งผมไม่ไหน อยู่ข้างๆผมอย่างนี้ตลอดไปก็พอแล้ว”
คุณชายพูดชวนจิ้นไปไกล :z1:
บรรยากาศก็เป็นใจ ไม่มีคนรบกวน อยากให้คุณชายเผลอตัวจูบนทีจริงๆ ♥

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
เมื่อไหร่จะบอกรักกันงะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด