[คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50  (อ่าน 240220 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 2 - 2/21/11 - 23.05
«ตอบ #60 เมื่อ23-02-2011 22:19:50 »

อ๊าพี่คนแต่งค้าบบบ,, มาต่อๆนะค้าบบบบ สู้ๆคับ

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 2 - 2/21/11 - 23.05
«ตอบ #61 เมื่อ23-02-2011 22:36:32 »

3
     
      ทิฆัมพร เป็นลูกเป็นหลาน เจ้าพระยาเก่า ที่มีเชื้อสายจีนผสมมาด้วย คือทวดเป็นพระยา แต่ปู่ และ ตาแต่งงานกับคนจีน ฉะนั้นทั้งพ่อและแม่ของทิฆัมพร ต่างก็เป็นลูกหลานจีน ที่มีจริตกิริยาเรียบร้อยไม่เหมือนชาวจีนทั่วไป มีนิสัยเรียบร้อยนุ่มนวลรักสงบแบบชาวไทย ในขณะเดียวกันก็ขยันทำมาค้าขายจนร่ำรวยเหมือนคนจีน แม่ของทิฆัมพรเป็นเพื่อนสนิทกับ วิไลวรรณมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเรียนโรงเรียนฝรั่งมาเหมือนกัน ทางวิไลวรรณเรียนโปรแกรมฝรั่งเศส ส่วน สุชาดา แม่ของทิฆัมพร เรียนภาคอังกฤษ  ทั้งฐานะ และชาติตระกูลก็สมกันดีกับคุณชายภาส ลูกของหล่อนเสียเหลือเกิน
    แม้ว่าทิฆัมพรจะไม่มีเชื้อเจ้าเชื้อหม่อม แต่ก็นับได้ว่าชาติตระกูลดีไม่ได้ขี้ริ้ว ขี้เหร่แบบหญิงสาวสมัยนี้ อีกความประพฤติก็เรียบร้อย หน้าตาสะสวยเป็นดารามีผลงานละครอยู่เสมอๆ แม้จะได้รับแต่บทนางร้ายก็ตาม แต่
    “หนูฟ้าเธอเล่นละครเก่ง เล่นได้ร้ายเสียขนาดนั้น ทั้งที่ตัวจริงเธอออกจะเรียบร้อย” ชาวบ้านในตลาดที่เกลียด ทิฆัมพรถึงขนาดขายของให้แพงๆ เคยได้ยินวิไลวรรณพูดแก้ตัวอย่างนี้เสมอ ก็ทิฆัมพรออกจะใจบุญ ถือศีล กินเจ ชอบเข้าวัดเข้าวา หรือไม่ก็เดินเลือกต้นไม้สวยๆมาช่วยกันปลูกที่วังผกากรองเสมอๆ แต่ในละครทั้งร้าย ทั้งปากจัด ชอบยั่วยวนให้ท่าผู้ชายเสียขนาดนั้น แล้วอย่างนี้ไม่ให้พูดว่าเล่นละครเก่งจะได้อย่างไร
    ที่หม่อมวิไลวรรณไม่รู้ แต่ภาสกรรู้ดีก็คือ... ที่ว่าเล่นละครน่ะคือตอนอยู่ต่อหน้าหม่อมวิไลวรรณ และสื่อมวลชนต่างหาก ส่วนตัวตนที่แท้จริงของหล่อนละก็ ในละครทุกเรื่องที่หล่อนเล่นนั้นแหละ รวมไปถึงเวลาอยู่กับภาสกรกันสองคนด้วย
   “พี่ชายจะต้องอธิบายมาค่ะ ว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดนี้มันคืออะไร” ทิฆัมพร ตวาดแหวขึ้นทันทีที่ทั้งคู่ขึ้นบนรถเบนซ์สีขาวเงินคันงามของคุณชาย ภาพที่หล่อนเป็นสาวสวย กิริยามารยาทดีนั้น ไม่เคยอยู่ในความคิดของภาสกรเลยแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว ตั้งแต่ได้รู้จักกับหล่อนมาเขารู้ทันทีว่า ใบหน้าที่แสนสวยภายใต้เครื่องสำอางที่ฉาบไว้หนานั้นเป็นใบหน้าของหญิงสาวผู้เอาแต่ใจ และตั้งตนเป็นใหญ่เหนือใคร... เป็นใบหน้าที่แท้จริงของทิฆัมพร
    จริงๆแล้ว ทิฆัมพรเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา  จริงอยู่ที่ตระกูลของหล่อนเป็น ตระกูลขุนนางซึ่งทำให้มองจากภายนอก หล่อนเป็นสาวสวยที่ไร้ที่ติจริงๆ แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่า ฐานันดรศักดิ์ของคุณชาย ภาสกร ทำให้ทิฆัมพรต้องทำเป็นนอบน้อมต่อเขาเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ หรือบางครั้งหากหล่อนอารมณ์ดี หล่อนก็จะยอมทำเป็นสาวหวานผู้เรียบร้อยต่อหน้าเขาเพียงสองคนบ้าง แต่แทบจะไม่มีใครรู้เลยว่า ยามทิฆัมพรไม่พอใจกับอะไรขึ้นมาละก็ หล่อนจะเปลี่ยนจากลูกแมวเปอร์เซียขนปุยน่ารัก เป็นเสือดำที่ดุร้ายและอัปลักษณ์ทันที
   “ไม่ต้องเงียบเลยค่ะ บอกฟ้ามาเดี๋ยวนี้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
    “ที่มันเกิดขึ้นก็เป็นอย่างในข่าวนั่นแหละ ทิฆัมพร” นี่ก็อีกเรื่อง หลังจากครั้งแรกที่คุณชายได้พบกับหญิงสาว และรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหล่อนในขณะที่คนอื่นไม่รู้ เขาก็ไม่เคยแสดงความสนิทสนมกับหล่อน หรือแม้แต่เรียกหล่อนด้วยชื่อเล่นให้หล่อนคิดไปเองว่าเขาอยากสนิทสนมด้วยเลย
    “ไม่รู้ซี ฟ้าแค่รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น”
    ภาสกรยังคงเงียบ และนิ่งอยู่ไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาถือว่าหากไม่ใช่ประโยคคำถามแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากตอบ เขายังคงหน้าตรงมองถนนและขับรถออกไปด้วยความเร็วปกติที่ควบคุมได้ พอๆกับสติของเขาไม่ให้หันไปโวยใส่ทิฆัมพรให้เงียบเสียที
    “ฟ้าอยากรู้ค่ะ ว่าจริงๆแล้วพี่ชายมีอะไรกับนายคนนั้น ถึงทำให้พี่ชายต้องสนใจเขามากมายถึงขนาดต้องพาเขาไปโรงพยาบาล แล้วยังบริจาคเลือดให้ และถ้าฟ้าเดาไม่ผิด ออกเงินค่ารักษาให้ด้วยอีก ถ้าพี่ชายแค่ขับรถผ่านมา แล้วต้องรีบไปงานคุณป้าเพ็ญแขจริงๆละก็ พี่ชายคงไม่แม้แต่จะจอดรถลงไปดูด้วยซ้ำค่ะ ฟ้าว่ามันจะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ”
    ภาสกร ยังคงนิ่ง แต่คราวนี้ นิ่งเพราะพูดอะไรไม่ถูกมากกว่า เขาไม่รู้ว่าทิฆัมพร รู้เห็นความจริงที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ส่วนหนึ่งในหัวใจของเขาบอกว่า ไม่มีทางที่ทิฆัมพรจะรู้เรื่องนี้แน่ๆ เพราะ เวลานั้น ทิฆัมพรคงจะอยู่ในกรุงเทพ อยู่ที่งานกับหม่อมวิไลวรรณแน่นอน ไม่มีทางใดที่ทิฆัมพรจะอยู่ที่พัทยาได้เพื่อจะเห็นว่า เขาเป็นคนขับรถชน นาย นที แน่ๆ
    แต่คิดอีกทาง
    เป็นไปได้มากทีเดียวที่ทิฆัมพรจะบังเอิญมีเพื่อนที่พัทยา ซึ่งอาจจะเห็น หรือไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ดันรู้ความจริงแล้วไปบอกหล่อนก็ได้ แต่คนอย่างภาสกร หากไม่ถูกไล่ จนหมดทางสู้แล้ว ยังไงเสียเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้
    “แล้ว คุณคิดว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เล่า ทิฆัมพร”
    “ฟ้าคิดว่า พี่ชายจะต้องรู้จักกับพ่อหนุ่มคนนี้แน่ๆค่ะ” ทิฆัมพร พูดแบบคนมีชัยชนะทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วภาสกร อดโล่งอกไม่ได้... หญิงสาวไม่รู้อะไรเลย
    “เหลวไหลน่า พี่จะไปรู้จักเด็กพัทยาได้อย่างไรกัน”
    “ไม่รู้แหละค่ะ แต่อย่าให้ฟ้ารู้ก็แล้วกันว่าพี่ชายไปเกี่ยวข้องอะไรยังไงกับเด็กคนนี้ ... แล้วนี่พี่ชายจะไปไหนคะ”
    “ไปวัดอรุณไง คุณจะทำบุญไม่ใช่หรือ”
    “ทำบง ทำบุญอะไรคะ มันเป็นแค่ข้ออ้างออกมาจากวังพร้อมกับพี่ชายต่างหาก ไปค่ะ ไปพารากอนกัน เดี๋ยวไปทานข้าวที่ Greyhound แล้วก็ดูหนังสักเรื่องดีกว่าค่ะ” บทจะเปลี่ยนท่าที หญิงสาวก็เข้ามากอดแขนพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนม ทำอ้อน ฉอเลาะไปอย่างที่คิดว่าภาสกรจะไม่รู้ทัน... แต่เปล่า เขารู้ว่าที่หล่อนทำแบบนี้ ก็เพื่อทำให้เขายอมซื้อโน่นซื้อนี่ จ่ายนั่นให้หล่อนโดยไม่ปริปากบ่นไม่ใช่เพราะเกรงใจหญิงสาว แต่เกรงใจคุณสุชาดาและ หม่อมวิไลวรรณต่างหาก
    วันนั้นทั้งวัน ไม่ว่าจะทำอะไร ภาสกรก็อดนึกถึงใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กชายที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉินไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วก็ตาม ภาสกรบอกตัวเองว่า มันเป็นเพียงความรู้สึกผิด และรู้สึกรับผิดชอบต่างหาก
    ไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลังอย่างที่ทิฆัมพรว่าเลย

    ห้องพักผู้ป่วยในแบบ เดอลุกซ์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นอยู่บนชั้น 8 ภายในห้องตกแต่งแบบสบายๆ ดูไม่ใหญ่มากแต่ก็หรูหราพอสมควรสำหรับคนที่รักษาตัวกับโรงพยาบาลของรัฐมาตลอดชีวิต ที่ผนังด้านหนึ่งเป็นบาร์เครื่องดื่ม ถัดมาเป็นชุดรับแขก โดยมีโซฟาที่สามารถปรับให้นอนได้ บนนั้นมีกระเป๋าหนังใบใหญ่สีดำของหญิงสาวผู้อยู่ในห้องนั้นวางไว้ โต๊ะรับประทานอาหารสำหรับแขกมีข้าวต้มสำหรับญาติผู้ป่วย วางคู่กันกับแก้วน้ำส้มที่มีพลาสติกซีล ยังไม่ได้แกะออก ฝั่งตรงข้ามเป็นโทรทัศน์ติดผนัง ขนาด 32 นิ้ว เปิดค้างไว้ที่ช่องเพลง โดยที่ปิดเสียงไว้สนิท เพราะหญิงสาวที่อยู่ในห้องนั้น กำลังคุยธุระทางโทรศัพท์อยู่อย่างตึงเครียด
    ปุยฝ้ายยืนอยู่ที่กระจกขนาดใหญ่ของห้อง แหวกม่านไว้เล็กน้อย สายตาจ้องมองออกไปยังภาพบรรยากาศของเมืองพัทยา ที่เงียบเหงาในตอนเช้า แปลกตาไปจากภาพของความคับคั่งของที่นี่ในตอนกลางคืน หญิงสาวกลอกตาหลังจากฟังเสียงบ่นของคนในสายที่พูดต่อกันไม่หยุด พอมีช่องว่างที่จะสวนได้ หล่อนก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
    “ค่ะ ทราบค่ะว่าเป็นห่วง แต่ฝ้ายยืนยันเลยค่ะว่า นทีไม่ได้มาหาฝ้ายที่แฟลตอย่างแน่นอน” หญิงสาวว่า หล่อนไม่ได้โกหกอะไรนี่ เพราะฝ่ายนั้นไม่ได้มาหาหล่อนที่แฟลตตามที่หล่อนว่าทุกประการ ตอนนี้ชายหนุ่มนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงในห้อง 809 นี้ต่างหาก หญิงสาวผละออกจากม่าน เดินมานั่งลงที่โซฟารับแขก กลอกตาเป็นครั้งที่ 4 เมื่ออีกฝ่ายยิงคำถามสวนกลับมา “ไม่ค่ะ ไม่เห็นเลยตั้งแต่วันที่เขาออกจากบ้านนั่นแหละค่ะ” หญิงสาวหันหน้าหนีจากชายหนุ่มบนเตียง ราวกับจะสร้างความบริสุทธิ์ให้กับตัวเอง ว่าหล่อนไม่เห็นชายหนุ่มอย่างที่หล่อนพูดจริงๆ “คุณอดิสรณ์ก็ลองโทรเข้ามือถือเขาซีคะ ... ไม่ติดหรือคะ ...ไม่อีกนั่นแหละค่ะ ไม่ได้โทรมาเลย ฝ้ายยังไม่ได้คุยกับนทีตั้งแต่วัน อาทิตย์นั่นแหละค่ะ ถ้าคุณอดิสรณ์ติดต่อเขาไม่ได้ ทำไมนทีถึงจะติดต่อฝ้ายได้ล่ะคะ” หญิงสาวมองโทรศัพท์มือถือของเพื่อนหนุ่ม หล่อนจัดแจงถอดแบต ถอดซิมการ์ด ออกจากเครื่องตั้งแต่ได้คืนมาจากภาสกรแล้ว ป้องกันปัญหาเรื่องนายอดิสรณ์ พ่อเลี้ยงของเพื่อนหนุ่มจะโทรมาติดที่หล่อนเข้า
   ปุยฝ้าย แกะพลาสติกที่ซีลแก้วน้ำส้มไว้ออก ก่อนที่จะยกขึ้นจิบ คุยกับตาพ่อเลี้ยงนี่แล้ว น้ำตาลในเลือดต่ำ เวียนหัวจะแย่ หล่อนบ่นในใจก่อนจะหัวเราะเบาๆให้กับชายหนุ่มที่อยู่ในสาย “แล้วคุณอดิสรณ์กับนทีมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าล่ะคะ ถ้าไม่มีเนี่ยก็เป็นไปได้ว่า นทีไปเที่ยว ขออนุญาตแล้วคุณอดิสรณ์จำไม่ได้ หรือไม่ ถ้ามีปัญหาอะไรกันจริงๆ นทีมันก็คงงอนหนีไปแล้วล่ะค่ะ”
    ข้อนี้เป็นสิ่งที่ปุยฝ้ายมั่นใจมาก นทีจะต้องมีปัญหากับนายอดิสรณ์พ่อเลี้ยงเป็นแน่ ตั้งแต่พ่อของนทีตาย เพื่อนหนุ่มก็ซึมเศร้าไม่สรวลเส เฮฮากับเพื่อนเหมือนเก่าพอตัวอยู่แล้ว พอแม่มาตายไปอีกคน นทีก็เริ่มไม่พูดไม่จากับใคร ไม่ไปกินข้าวด้วยกันตอนเที่ยง ไม่ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆต่อหลังเลิกเรียน สีหน้า อมทุกข์และไม่มีความสุขตลอดเวลา ปุยฝ้ายยังจำได้ดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นที และตัวหล่อนเองไม่มีเรียนตอนบ่าย หล่อนชวนไปดูหนังกับเพื่อนๆในกลุ่ม ซึ่งเป็นหนังแนวที่ นทีชอบเป็นชีวิตจิตใจ แต่ คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นเพียงแค่การส่ายหัวเท่านั้น
    “เฮ้ย ไอ้น้ำ แกเป็นอะไรวะ ระยะนี้แกทำหน้าเซ็งเหมือนได้เรียนกับอาจารย์ วรรยา ตลอดเวลา พวกฉันเป็นห่วงนะเว่ย”
    “ไม่มีอะไรหรอก” ฝ้ายยังจำภาพของ ชายหนุ่มนั่งกอดเข่าตอบหล่อนเบาๆ ไม่ได้หันมามองหน้า แต่มองผิวน้ำในสระบัว ไหลเอื่อยๆ ราวกับว่ามันน่าสนใจเสียเหลือเกินได้ หมดอาลัยตายอยากในชีวิตเหมือนจะกระโดดน้ำตายไปเสียให้ได้
    “แกเป็นอะไรวะ แกรู้ไหม ว่าเพื่อนน่ะมันมีไว้ร่วมทุกข์ร่วมสุข แกแปลออกไหมวะ ... มันแปลว่าเวลาแกมีความสุข แล้วพวกฉันก็จะหัวเราะไปด้วย ยิ้มไปด้วย แล้วเวลาแกมีทุกข์น่ะ พวกฉันก็ควรจะได้รับรู้ไม่ใช่หรือวะว่าแกเป็นอะไร เพื่อนน่ะมีไว้ระบาย มีไว้ปรึกษา มีไว้ให้รับฟังปรับทุกข์เวลามีอะไรในใจ ไม่อย่างนั้น แกก็คบกับสระบัวเป็นเพื่อนไปเลยซียะ ไม่ต้องพูดไม่ต้องคุยอะไรกับมันทั้งนั้นแล้ว” หญิงสาวจำเสียงของตัวเองที่พูดออกไปอย่างนั้นได้ดีพอๆกับคำตอบของชายหนุ่ม
    “ฉันไม่อยากมาเรียนแล้วว่ะ ไม่อยากอยู่บ้านแล้วด้วย อยากไปไหนก็ได้ ไกลๆ ที่ไหนก็ได้ที่จะมีความสุข”
    “เฮ้ย” หญิงสาวสะดุ้ง “ไอ้น้ำ แกพูดเหมือนแกไม่มีความสุขที่มหาลัยแล้วก็ที่บ้าน ทำไมวะพวกฉันไปทำอะไรให้แก”
    “เปล่า”
    “แล้วไง หรือแกแค่คิดถึงพ่อกับแม่ แกคิดว่าพวกท่านจะหลับสบายไหม ถ้าต้องมองลงมาจากสวรรค์แล้วเห็นลูกตัวเองเป็นแบบนี้ ท่านฝากแกไว้กับคุณอดิสรณ์ พ่อเลี้ยงของแกแกก็น่าจะสบาย...เอ๊ะ หรือ เขาร้ายกับแกนักหรือยังไงวะ”
    สายตาของนทีที่เปลี่ยนจากกลางสระมามองหน้าหล่อนนั้น มันแฝงไว้ระหว่างความทุกข์ ความเศร้า และ ความโกรธ เกลียดชัง แบบที่ปุยฝ้ายไม่สามารถตีความออกมาเป็นลักษณะเพื่อบรรยายได้
    “แกอย่าพูดถึงเขาอีกนะ”
    ประโยคเดิม ประโยคเดียวกับที่เขาเพิ่งพูดกับหล่อน เมื่อ สองวันที่แล้ว ปุยฝ้ายขมวดคิ้ว ในขณะที่ฟังเสียงบ่นยาวเป็นนาทีๆ ของผู้ที่อยู่ในสายที่ไม่มีทีท่าเลยว่าจะจบตรงไหน จนหญิงสาวทนไม่ไหวต้องวางมือถือลงบนโซฟา กลอกตาด้วยความหงุดหงิดเป็นครั้งที่ 5 ยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างเสียนิสัย หล่อนตัดสินใจหยิบโทรศัพท์กลับขึ้นมาคุยต่อ พอฝ่ายนั้นบ่นจบ เรียกหาหล่อน ปุยฝ้ายก็แก้ตัวว่า “สัญญาณไม่ดีเลยค่ะ คุณอดิสรณ์ ขอโทษทีค่ะ ฝ้ายไม่ค่อยได้ยิน”
    ปลายสายกระแทกเสียงบอกว่า หากเจอกับนที หรือ ถ้าชายหนุ่มโทรมาให้โทรรายงานเขาทันที และเขาจะรีบไปหาลูกเลี้ยงให้เจอโดยเร็วที่สุด
    “ค่ะ ถ้าฝ้ายเจอ...” หญิงสาวมองใบหน้าที่นิ่งสนิทไร้อารมณ์ใดๆของเพื่อนหนุ่มบนเตียง อย่างลังเลใจ “...เอ่อ หรือได้คุยกับนที ฝ้ายจะบอกให้ค่ะ ว่าคุณอดิสรณ์เป็นห่วง ให้โทรหาค่ะ”
    ปุยฝ้ายกำลัง จะวางสาย พอดีอีกฝ่ายหนึ่งเรียกชื่อหล่อนไว้ก่อน หญิงสาวขมวดคิ้ว พลางขยับปากบ่นเป็นคำว่า อะไรกันนักกันหนาเนี่ย ก่อนจะกดโทรศัพท์เข้ากับหูของตัวเองอีกครั้ง
    “อะไรนะคะ คุณอดิสรณ์จะไปฮ่องกงเดือนนึงหรือคะ... เอ่อ เปล่าค่ะฝ้ายแค่ตกใจว่านทีหายไปแบบนี้ คุณอดิสรณ์ก็จะไปต่างประเทศด้วย ถ้านทีเอ่อ...” หญิงสาวเหลือบมองเพื่อนหนุ่มอีกครั้ง “ถ้าเกิด นทีเป็นอะไรขึ้นมา ฝ้ายจะบอกคุณอดิสรณ์ยังไงเท่านั้นละค่ะ.. อ๋อค่ะ ถ้าอย่างนั้นฝ้ายจะรีบแจ้งทันทีที่เจอหรือ ได้คุยกับ นทีก็แล้วกันนะคะ ... ค่ะ ค่ะ สวัสดีค่ะคุณอดิสรณ์”
    ปุยฝ้ายวางโทรศัพท์ แล้ว โยนมันลงในกระเป๋าถือสีดำของหล่อน แล้วกรี๊ดออกมาเบาๆ หล่อนหันไปหาชายหนุ่ม
    “ไอ้น้ำ คุณอดิสรณ์เค้าบอกว่าเป็นห่วงแกอ่ะ ฉันบอกให้ตามสัญญาแล้วนะคะคุณอดิสรณ์” หล่อนทำหน้าเซ็งอีกครั้งก่อนที่จะกรี๊ดออกมาเป็นครั้งที่สอง “อ๊าย ฉันจะทำยังไงดี จะทำยังไงดี”
    หล่อนลุกขึ้นจากโซฟาวางแก้ว น้ำส้มที่ดื่มจนหมดแล้ว ลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะเดินกลับไปกลับมาในห้องอย่างว้าวุ่นใจ
    “แกว่าฉันควรบอกคุณอดิสรณ์ไหมว่า ไฮ! คุณอดิสรณ์ ฝ้ายเจอนทีแล้วค่ะ มันโดน หม่อมราชวงศ์ ภาสกร รชตานันต์ ขับรถชนเข้าน่ะค่ะ ตอนนี้ กระดูกขาขวาหักเพราะโดนชน แขนซ้ายก็หักเพราะโดนกระแทกตอนกระเด็นไป แล้วหัวก็แตกเพราะเอาหัวลง แถมยังเสียเลือดมากเพราะส่งโรงพยาบาลช้า ตอนนี้อ่อนแอ บวกกับช็อคเลยยังไม่ฟื้นค่ะ โอ๊ย จะบ้าเหรอ ไม่ตลกเลยสักนิด ฉันจะทำยังไงกับแกดี๊
    “ฉันมั่นใจมากว่าแกต้องมีเรื่องกับคุณอดิสรณ์ แต่ฉันก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร แกดูเกลียดเขา ตั้งแต่ แม่แกตาย... หรือว่า” ปุยฝ้ายยกมือขึ้นปิดปาก ด้วยความตกใจในความคิดของตัวเอง
 
***********************************************************************
มาต่อตามที่น้อง มุกขอเลยยย 555+
พูดคุยครับ
@คุณ iforgive
พิเคราะห์ได้ตรงเป๊ะ นิยายเรื่องนี้ผมตั้งใจแต่งให้ตัวละครแบนที่สุดเท่าที่ทำได้ ตรงข้ามกับปางบรรพ์ที่พยายามปั้นให้กลมแทบทุกตัว จะเห็นว่าใครดีก็ดีเหลือเกิน ใครร้ายก็ร้ายจนอยากจะฆ่าทิ้ง ทั้งนี้เป็นการทดลองด้านงานเขียนด้วยครับว่า ทฤษฎีว่าตัวละครต้องกลมสมจริงถึงจะดีนั้น ดีจริงไหม ถ้าตัวละครแบนๆแบบนี้ ผู้อ่านจะเข้าถึงสารที่ผมต้องการสื่อได้ง่ายขึ้นหรือเปล่าน่ะครับอิอิ
@คุณ jeaby
ชมซะเขินเลยครับ 555+
@คุณ zombi
มาม่ามี “ผงชูรส” เยอะครับ ทำให้สำหรับผม มองว่ามันอร่อย แต่ผลเสียก็มีเช่นทำให้ผมร่วงบริโภคมากไปไม่ดีจริงๆ 555+ แต่เรื่องนี้ก็ ผงชูรสเยอะจริงๆใครว่าปางบรรพ์เยอะแล้ว เรื่องนี้เยอะกว่าครับ แต่จะพยายามหาน้ำ(หวาน) มาให้ดื่มหลังกินมาม่าเยอะๆ ให้ช่วยขับ MSG ออกจากร่างให้ครับผมม สัญญาครับ555
@คุณ เบาๆ
2 เรื่องนี้ต่างกันมากโดยสิ้นเชิงครับ ตัวละครในคุณชายจะประสบกับconflict ภายนอก หรือความขัดแย้งจากภาวะภายนอกรุมเร้า จะเครียดกว่าหน่อย ในขณะที่ทางสามสายจะเป็นความขัดแย้งในใจของตัวละครเอกเองครับ เรื่องฉาก และภาษาก็ค่อนข้างต่าง คือคุณชายจะออกไทยๆ ภาษาจะประณีตกว่า ส่วนทางสามสายจะสบายๆแล้วก็จะมีเรื่องราว และฉากที่ใช้เกี่ยวข้องกับประเทศ และวัฒนธรรมของอิตาลีด้วย ชอบแบบไหนก็ติดตามแบบนั้นเลยครับ แต่ทางที่ดี ช่วยให้กำลังใจ 2เรื่องเลยก็ดีครับ ผมลง คุณชาย จันทร์ กับ พุธ ทางสามสาย ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์คร้าบ
@คุณ Jobi
ไม่บอกครับว่าจบเศร้ามั๊ย ติดตามดูนะครับผมม อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2011 22:39:01 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #62 เมื่อ23-02-2011 23:05:03 »

ตัวละครคุณฟ้า  ทิฆัมพรอะไรนั่น  ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนางเอกช่องหลายสีคนหนึ่ง
แต่ก็อย่างที่เขาว่ากัน  เรื่องจริงอิงนิยาย  ส่วนนิยายก็อิงจากเรื่องจริง
บางครั้งเราก็เป็นเหมือนคุณฟ้าเหมือนกัน หุ หุ

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #63 เมื่อ23-02-2011 23:24:11 »

เรื่องนี้จะเศร้าอีกแล้วเรอะ :monkeysad:
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2011 23:31:00 โดย Little Devil »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #64 เมื่อ24-02-2011 00:34:37 »

ซะนีแรงมากอีกแล้ว

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #65 เมื่อ24-02-2011 00:41:14 »

น้ำมีเพื่อนดีจริงๆ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #66 เมื่อ24-02-2011 00:46:56 »

บคิโภคมาม่าจนท้องอืดอีกแน่เลย

ออฟไลน์ w1234

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #67 เมื่อ24-02-2011 00:53:26 »

+1 :3123:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #68 เมื่อ24-02-2011 01:29:29 »

มารอคร้าบบบบ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #69 เมื่อ24-02-2011 02:13:57 »


• เพราะชายภาสของหล่อน หน้าคมราวกับพระเอกในวรรณคดี
ใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ ผิวเข้ม ตาโตเป็นสีดำสนิทพอๆกับคิ้วเข้ม
และ ผมที่ตัดสั้น.....
ว้าย คุณชายไม่ได้ดื่มกลูต้า..อิอิ
๑๖๖ + ๑ = ๑๖๗
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
« ตอบ #69 เมื่อ: 24-02-2011 02:13:57 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






lovevva

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #70 เมื่อ24-02-2011 03:53:13 »

 :m16:อิตาพ่อเลี้ยงต้องทำอะไรน้ำแน่ๆเลย

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #71 เมื่อ24-02-2011 04:52:26 »

ปักหมุดไว้

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #72 เมื่อ24-02-2011 12:07:00 »

ปางบรรพ์ผมก็ติดตามจนจบ

แล้วเรื่องนี้ก็ไม่พลาดคับ  สนุกดีด้วยคับ

ผมชอบประโยคบางประโยคอ่ะคับ  มันเป็นคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนา

ผมเรียนปรัชญามาเลยรู้เรื่องมานิดหน่อย   

สู้ๆนะคับ


nuewanda

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #73 เมื่อ24-02-2011 19:34:14 »

ผ่านไป 3 ตอนพึ่งได้มีโอกาสเม้นท์ แหะๆๆ
ตามมาจากปางบรรพ์ เพราะชอบสำนวนการเขียนของคนแต่ง
เรื่องนี้...ดูแล้วก็คงสละสลวยไม่แพ้เรื่องก่อน
ขออ่านแบบติดตามไปเรื่อยๆ แล้วกันนะคะ เพราะจากที่ลองเดาจากปางบรรพ์ ไม่ไหวค่ะ ไม่เคยเดาถูกเลย ฮ่าๆๆๆ

ปล. เดี๋ยวตามไปเม้นท์ทางสามสายค่ะ


ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #74 เมื่อ24-02-2011 20:25:44 »

จิ้มทะลวงเม้นท์

^

^

^

^
มาต่อเพื่อมุกจิงๆด้วย
O O//โดนพี่ถีบ
หุๆ แบบว่านทีเมื่อไหร่ฟื้นอ่าฮับ นอนเปนผักมาสามตอนแล้ว  สู้ๆค้าาาพี่เปนกะลังจาย,,

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #75 เมื่อ27-02-2011 17:41:07 »

รอครับบบ

ออฟไลน์ i-love-you

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #76 เมื่อ28-02-2011 12:56:04 »

อยากอ่านต่อๆๆ อ่า.......อยากรู้เรื่อง คุณอดิศรณ์จัง ว่า ทำรัย นที เรา บ้าง....... :angry2:

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #77 เมื่อ28-02-2011 20:14:32 »

แอบคิดว่าอีตาอดิสรณ์ขืนใจนทีอ่ะ :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 3 - 23/02/11 - 22.30
«ตอบ #78 เมื่อ28-02-2011 21:06:12 »

4
[/B]

    หล่อนคิดมาตลอด ตั้งแต่งานศพของ แม่ของนทีแล้วว่าเพื่อนของหล่อนคงจะมีเรื่องอะไรไม่พอใจพ่อเลี้ยงของตัวเองเป็นแน่
     ตลอดงานสวด และงานเผา นทีจะนั่งตาแดงและไม่พูดจากับใคร ถ้าไม่จำเป็น จะมีแอบไปร้องไห้บ้างไหม หล่อนก็ไม่รู้ แต่เดาว่าก็คงต้องมีบ้าง เพื่อนหนุ่มของหล่อนรักแม่อย่างกับอะไรดี แต่เขากลับไม่ยอมแสดงออกซึ่งความเสียใจหรืออาลัยอาวรณ์ออกมาเลยแม้แต่นิด เมื่อมีพ่อเลี้ยงอยู่ด้วย เวลามางานหรือกลับจากงาน เพื่อนหนุ่มจะนั่งหน้างอ มองออกนอก หน้าต่างรถ ไม่สนใจคำพูดใดของพ่อเลี้ยง ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเขา นอกจากพยักหน้าตอบว่าใช่ หรือ ส่ายหน้าว่าไม่เท่านั้น
    ตอนแรก ปุยฝ้ายคิดว่า คงเป็นเรื่องธรรมดาที่ นทีจะรักพ่อมากถึงขนาดไม่ยอมให้ใครมาแทนที่พ่อของเขา แต่ตอนที่พ่อของนทีเสีย แล้วมีคุณอดิสรณ์มาเป็นพ่อเลี้ยงนั้น ชายหนุ่มยังพูดจาดีกับฝ่ายนั้นอยู่เลยไม่ทำท่าทางปั้นปึ่งใส่คุณอดิสรณ์แบบนี้ อาจเพราะตอนนั้น แม่ของนทียังอยู่ก็ได้ แต่พอเสียแม่ไปเท่านั้น จะเป็นเพราะคิดถึงพ่อและแม่ มากหรืออย่างไร นทีก็ไม่เคยพูดจาด้วยดีกับพ่อเลี้ยงของเขาอีกเลย เขากลายมาเป็นชายหนุ่มที่ พูดเท่าที่จำเป็น ทั้งๆที่เคยเป็นคนพูดมากที่สุดของกลุ่มด้วยซ้ำ
    พอมานึกถึงเรื่องนี้ดีๆ ในตอนนี้ มันทำให้ปุยฝ้ายเริ่มคิดว่า
    “หรือว่าอดิสรณ์จะมีส่วนในการตายของคุณ นัยนา แม่ของแก”
    หญิงสาว กัดริมฝีปากอย่างกลุ้มใจ อย่างนี้หรือเปล่าชายหนุ่มถึงหนีออกจากบ้าน ที่ทนอยู่กับพ่อเลี้ยงมา อาจเพราะสงสัย และยังไม่แน่ใจ หรือว่าเขาจะพบความจริงเข้าเมื่อไม่นานมานี้ จนทำให้อยู่บ้านเดียวกันไม่ได้แล้วหนีมาแบบนี้ แล้วชายหนุ่มจะย้ำทำไมว่า
     “แกอย่า พูดถึงเขาอีกนะ”
    
    ปุยฝ้ายจะบอกอดิสรณ์ก็ได้ว่า นทีถูกรถชน เพื่อที่ว่ารายนั้นจะได้มารับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล จะได้ไม่ต้องพึ่งคุณชายแบบนี้ ยิ่งคุณชาย ภาสกร หายไป สองวันแล้วแบบนี้ ปุยฝ้ายยิ่งกังวล หรือเพราะข่าวที่หล่อนให้สัมภาษณ์กับทางหนังสือพิมพ์จะทำให้ คุณชายภาสกรเดือดร้อน จนไม่ย้อนกลับมาช่วยหล่อนและเพื่อนอีก
    หล่อนคงบอกอดิสรณ์ไปตั้งแต่ก่อนวางสายแล้วว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่นึกถึงคำพูดของเพื่อนหนุ่มที่โทรมาหาในคืนที่เขาถูกรถชนเข้าว่า     
     “... มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงฉันโทรมาอีก อย่าบอกเขานะว่าฉันอยู่ไหน แต่ตอนนี้แกบอกฉันมาซิว่าจะไปแฟลตแกยังไง”
    “แล้วแกจะมาทำไมแฟลตฉัน กลับบ้านไปหาพ่อเลี้ยงโน่น”
    “ฝ้าย! ขอร้องอย่าพูดถึงเขา”

    
    เรื่องนิดหน่อยนี้ คือเรื่องอะไร หากมันเป็นเรื่องนิดหน่อยแค่ทะเลาะกันตามประสา พ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยงละก็ ปุยฝ้ายจะไม่ลังเลเลย แต่ยิ่งหล่อนมีความคิดที่ว่าคุณอดิสรณ์มีส่วนในการตายของคุณน้านัยนา แม่ของนทีแล้ว หล่อนก็ยิ่งมั่นใจว่าจะไม่บอกอดิสรณ์ว่านทีอยู่ที่ไหนและเกิดอะไรขึ้นกับเขาเป็นอันขาด
     ถ้าพ่อเลี้ยงฉันโทรมาอีก อย่าบอกเขานะว่าฉันอยู่ไหน
    หากไม่ใช่เรื่อง คอขาดบาดตาย เพื่อนหนุ่มของหล่อนคงไม่พูดประโยคนี้ออกมาแน่ๆ ถ้าหล่อนโทรบอกพ่อเลี้ยงของนที ก็เท่ากับว่า หล่อนส่งนทีกลับไปหาคนที่เขาไม่อยากอยู่ด้วย
    ถึงหล่อนจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ตอนนี้ เอาแบบนี้ไปก่อนดีกว่า
    “ไอ้น้ำเอ๊ย ไม่น่าเป็นแกเลยจริงๆนะ”
    หญิงสาว เพิ่มเสียงในโทรทัศน์ให้กลับมาเป็นปกติ หลังจากต้องเบาเสียงไปตอนที่อดิสรณ์โทรเข้ามา หล่อนฝืนกินข้าวต้มจืดๆนั้นลงคอแม้มันจะไม่ ได้อร่อยอะไร ก็ดีกว่าที่หล่อนจะลงไปซื้อเอง ปุยฝ้ายไม่อาจละสายตาจากเพื่อนหนุ่มไปได้สักนาที หากว่านทีเกิดมีอาการแทรกซ้อนอะไรขึ้นมา หล่อนจะได้สังเกตไว้ได้ตลอด เวลามีอะไรเกิดขึ้นจะได้แจ้งแพทย์ได้ทัน
    ด้วยเหตุนี้ ปุยฝ้ายจึงยังไม่ได้ไปไหนเลยตั้งแต่วันที่นทีเข้าโรงพยาบาลวันแรก เสื้อผ้าที่หล่อนใส่เป็นเสื้อของโรงพยาบาล เพราะไม่มีโอกาสได้ออกไปเอาเสื้อผ้ามาจากบ้าน หล่อนหวังเพียงอย่างเดียวว่า หม่อมราชวงศ์ ภาสกร จะแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนเพื่อนของหล่อนบ้าง เพราะที่เพื่อนของหล่อนเป็นอย่างนี้ ...หล่อนไม่อยากจะย้ำ... แต่ก็เป็นเพราะภาสกรเอง
    จากวันแรกนั้น ภาสกรก็ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมนทีอีกเลย จนวันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ปุยฝ้ายก้มมองนาฬิกา ที่บอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 10 โมงกว่าๆแล้ว หล่อนสงสัยว่าป่านนี้พวกคนรวยจะต้องตื่นกันหรือยังนะ ในเมื่อนอนกันบนกองเงินกองทองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขยัน รีบตื่นเช้ามาทำมาหากินเพื่อให้ได้เงินมาอีก
    ปุยฝ้าย รับโทรศัพท์ครั้งที่สองจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย หล่อนไม่โผล่ไปเรียนพร้อมๆกับนทีมา 3 วันแล้ว ทั้งๆที่ช่วงนี้ก็ใกล้ช่วงสอบเต็มที ปุยฝ้ายบอกอาจารย์ว่านทีเข้าโรงพยาบาลแต่ก็ไม่อยากทำให้อะไรๆมันใหญ่โตมากนัก หล่อนไม่อยากให้มีใครมาเยี่ยมถ้าเผื่อ คุณชายอยู่ในห้องด้วย เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่มากกว่าที่มันเป็นอยู่

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตอนใกล้ๆเที่ยง
    ปุยฝ้ายคิดว่าจะต้องเป็นนางพยาบาลที่นำอาหารของญาติมาเสิร์ฟตามเวลา เป็นแน่ จึงเปิดประตูให้เข้ามาโดยไม่ได้มองลอดช่องตาแมวก่อน พอเห็นว่าเป็นคนที่หล่อนอยากให้มาก็ตกใจ เผลอร้องออกมา
    “คุณชาย”
    ภาสกร ยิ้มให้กับหญิงสาวอย่างเป็นมิตร
    ปุยฝ้ายไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นคุณชายอยู่ในสภาพแบบนี้เท่าไรนัก กางเกงขาสั้นเผยให้เห็นน่องเรียวขาวสะอาด หากปกคลุมไปด้วยขนเส้นหนาดูสมชาย เสื้อยืดคอวีสีขาวบางแต่ดูสะอาดตา รับกันกับหุ่นที่แข็งแรงบ่งบอกว่าชายหนุ่มคนนี้ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีมาตลอด รองเท้าผ้าใบสีขาว และหมวกยี่ห้อแพง ทำให้คุณชายดูเป็น “ผู้ชาย” ธรรมดา ไม่ใช่ “คุณชาย”ที่หยาดฟ้ามาดินอย่างที่หล่อนคิดว่าเขาเป็น
    คุณชายที่มักจะอยู่ในชุดสูท หรือ อย่างแย่หน่อยก็เสื้อเชิ้ตสีสุภาพราคาหลายพัน กางเกงแสลค และ รองเท้าหนัง ว่าดูดีแล้ว พอมาอยู่ในชุดลำลองแบบสบายๆอย่างนี้บ้างก็ดูดีไปอีกแบบ
    ภาสกรถือกระเช้าผลไม้ และของบำรุงในมือขวามาวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ เตียงคนไข้ พลางพิศมองเด็กหนุ่มที่นอนหลับตาพริ้มอย่างไร้ความรู้สึกบนเตียงด้วยความเอ็นดู
    ใบหน้าที่ไม่โชกเลือดของนที ดูดีกว่าที่เขาคิดไว้ เด็กหนุ่มดูใสสะอาดราวกับเด็กน้อย หากพิจารณาเพียงดวงหน้าอย่างเดียวแล้ว ภาสกร คงเผลอเชื่อไปแน่ๆว่าคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเป็นเด็กสาว ไม่ใช่ชายหนุ่มอย่างที่ร่างกายของเขาเป็น หน้ารูปไข่เป็นสีขาวนวลราวกับงาช้าง คิ้วเข้มที่ไม่เป็นรูปร่างนักช่วยทำให้ใบหน้าของนทีดูเป็นผู้ชายขึ้นมาได้บ้าง ดวงตากลมเล็กหลับพริ้มอยู่ใต้คิ้วเข้มนั้น เห็นขนตายาวงอนเป็นแผงจมูกโด่งยาวแม้ไม่เป็นสันแบบฝรั่งแต่ก็ดูสวยรับกันกับริมฝีปากบางได้รูปเหนือคางเรียวเล็ก
    ภาสกรอดนึกไม่ได้ว่า หากเด็กหนุ่มคนนี้ยิ้มให้กับเขาแทนที่จะนอนนิ่งราวกับรูปสลักแบบนี้ นายนที คงดูมีเสน่ห์กว่านี้มากนัก คุณชายวางถุงกับข้าวในมือซ้ายลงบนโต๊ะรับแขกแล้วหันมาพูดกับปุยฝ้ายที่เผลอมองเพื่อนหนุ่มด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา
    “ผมคิดว่าคุณฝ้ายคงยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน พอดีผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งก่อนถึงโรงพยาบาล จำได้ว่ามีคนบอกว่าอร่อย ก็เลยซื้อมาฝากครับ” คุณชายหนุ่มดึงถ้วยพลาสติกที่แวะซื้อมาด้วยลงบนโต๊ะก่อนจะลงมือแกะก๋วยเตี๋ยวไก่ให้หญิงสาว
    “ว้าย คุณชาย มาค่ะฝ้ายทำเอง ฝ้ายเกรงใจ”
    “ไม่ได้ซีครับ ผมเป็นผู้ชาย แล้วก็ซื้อมาฝากคุณฝ้ายด้วย ถ้าคุณฝ้ายไม่ให้ผมแกะให้ ผมไม่ให้ทานจริงๆนะ” ภาสกรหยอกแบบทีเล่นทีจริง ทำให้หญิงสาวไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้เพียงนั่งมองชายหนุ่มเทก๋วยเตี๋ยวลงชาม แล้วยื่นให้หล่อนพร้อมกับตะเกียบ และช้อนให้อย่างเป็นกันเอง
    “อาการคุณนทีเป็นอย่างไรบ้างครับ”
    “ก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่วันแรกจนย้ายจากไอซียูมาอยู่ห้องนี้ตามคำสั่งของคุณชายนั่นแหละค่ะ ยังนิ่งยังเงียบ ไม่ขยับ แล้วก็ยังไม่ฟื้นเลยด้วย”
    ชายหนุ่มฝากนายแพทย์มิ่งเมืองสหายของท่านชายเรืองเดชไว้ว่า ถ้าย้ายนทีออกจากไอซียูแล้วให้มาพักที่ห้องเดอลุกซ์เท่านั้น เมื่อรับรู้ว่าได้รับการปฏิบัติไปตามที่เขาขอไว้ทั้งหมด ก็พยักหน้าอย่างพอใจ
    “ต้องขอโทษคุณฝ้ายด้วยนะครับที่ไม่ได้มาเยี่ยมคุณนทีเลย คุณฝ้ายต้องอยู่คนเดียว เหงาแย่”
    “อุ๊ย ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะคุณชาย แค่นี้ ก็กรุณาฝ้าย และไอ้น้ำมามากแล้วล่ะค่ะ”
    “พอดีสองวันมานี้ที่ตำหนักมีแขกของหม่อมแม่น่ะครับ ก็เลยต้องดูแลเสียหน่อยไม่ให้น่าเกลียด” แขกที่ว่าคือทิฆัมพร ที่นอกจากจะหลอกให้เขาพาไปทานกลางวันแพงๆ ดูหนัง และ ซื้อของจนเบื่อไปวันหนึ่งแล้ว ก็หาเรื่องชวนหม่อมแม่ และลากภาสกร ไปดูเพชรในงานที่เมืองทองธานีอีกวันหนึ่งด้วย หากวันนี้ภาสกรไม่รีบหนีออกมาจากวังเสียแต่เช้าแบบนี้ มีหวังต้องถูกทิฆัมพร ลากไปโน่นไปนี่อีกจนได้  
    “อ้อ ฝ้ายต้องขอโทษคุณชายเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์ด้วยนะคะ”
    ภาสกร พยายามรักษาสีหน้าไว้ไม่ให้เปลี่ยน เพราะเขาก็นึกเคืองหญิงสาวอยู่ไม่น้อยที่ให้ข่าวไปอย่างนั้น
    “ฝ้ายต้องทำอย่างนั้น เพราะมีนักข่าวเข้ามาที่ โรงพยาบาล หลังจากที่คุณชายออกไปได้นิดเดียว ฝ้ายว่าคนในโรงพยาบาลนี่แหละค่ะโทรไปบอก เพราะนักข่าวรู้ว่า ไอ้น้ำ อยู่ที่ห้องฉุกเฉิน แล้วยังรู้เรื่องที่คุณชายบริจาคเลือดให้ไอ้น้ำด้วย  ฝ้ายเห็นนางพยาบาลคนหนึ่ง กำลังจะเดินไปให้ข่าวแล้วก็กลัวว่าเขาจะพูดอะไรให้เข้าใจผิดกันก็เลยต้องรีบแย่งซีนพูดเสียก่อน กลัวคุณชายจะเสีย ถ้าคุณชายต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ฝ้ายต้องขอโทษด้วยนะคะ”
    ภาสกรยิ้มเบาๆ
    “ผมว่าคุณฝ้ายไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษผมหรอกครับ เพราะแทนที่ผมจะถูกตำหนิกลับมีแต่คนโทรศัพท์มาชมให้หม่อมแม่ฟัง ท่านก็เลยไม่ได้ว่าอะไรนัก”
    “ไม่มีใครตำหนิคุณชายหรอกค่ะ ที่คุณชายทำเนี่ย มันเป็นสิ่งที่คนควรจะชื่นชมอยู่แล้วละค่ะ คุณชายอย่าลืมนะคะว่า คนเราทำผิดกันได้ทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ยอมรับความผิด แล้วพยายามแก้ไขให้มันถูกอย่างคุณชายนี่คะ จริงไหมคะ” หญิงสาวอยากเอื้อมมือไปแต่มือคุณชายเบาๆ เพื่อปลอบให้สบายใจ แต่ก็ไม่สามารถบังอาจได้ขนาดนั้น

    ภาสกร ยังคงเงียบไปพักใหญ่ๆ สายตายังจับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงข้างๆ
    “คุณหมอบอกไว้บ้างไหมครับว่า คุณนทีจะฟื้นเมื่อไหร่”
    ปุยฝ้ายกลืนก๋วยเตี๋ยวในปากลงคอ ก่อนจะตอบอย่างเศร้าๆ    
    “คุณหมอประเมินไว้ว่าอีกสองสามวันค่ะ แต่นี่เดี๋ยวบ่ายๆ คุณหมอก็จะเข้ามาตรวจอาการของวันนี้แล้วล่ะค่ะ”
    “เรื่องนี้ผมทราบแล้วครับ จริงๆ ก็กะว่าจะมาเพราะเรื่องนี้ด้วย ถ้าหากรักษาที่พัทยาไม่ไหว ผมก็จะขอให้ย้ายไปรักษาต่อในกรุงเทพ เพราะคุณหมอมิ่งเมืองที่ผมขอร้องให้ช่วยรักษาคุณนที ก็เป็นสหายของท่านพ่อ ต้องไปมาหาสู่เป็นที่ปรึกษา โรงพยาบาลโน้น โรงพยาบาลนี้ที่กรุงเทพอยู่แล้วไปรักษากันต่อที่อื่นก็ได้ อย่างวันนี้ก็ต้องไปวินิจฉัยอาการของท่านพ่อ หลังจากตรวจอาการคุณนทีเสร็จ ถ้าย้ายไปรักษาที่กรุงเทพบางทีอาจจะเป็นผลดีต่อคุณนทีมากกว่านะครับ”
    หลังจากที่ปุยฝ้ายกินก๋วยเตี๋ยวที่คุณชายซื้อมาฝากเสร็จเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็ยกชามก๋วยเตี๋ยวไปไว้ในอ่างล้างจานที่บาร์ก่อนจะจะย้ายมานั่งที่โซฟารับแขกชุดเดิม
    ภาสกรพยายามสร้างบรรยากาศให้อบอุ่นเป็นกันเองโดยขอให้ปุยฝ้ายเล่าเรื่องของหล่อนเพื่อให้ได้รู้จักหญิงสาวมากขึ้นกว่านี้ ปุยฝ้ายซึ่งเป็นคนอัธยาศัยดีและช่างพูดอยู่แล้วก็ทำให้บรรยากาศของห้องพักผู้ป่วยในห้องนี้ มีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของหล่อน และเสียงหัวเราะของภาสกรเป็นระยะๆ
    จากการพูดคุยกันนั้นได้ความว่า นางสาวปุยฝ้ายเป็นคนพัทยาโดยกำเนิด เรียนโรงเรียนในตัวพัทยามาตลอดกระทั่งสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยบูรพา จึงทำให้ต้องไปๆมาๆ ระหว่างมหาวิทยาลัยที่อยู่แถวบางแสน และเมืองพัทยาที่เป็นบ้านเกิดของหล่อนตลอด ไม่นานหล่อนก็ตัดสินใจออกจากบ้านมาอยู่แฟลตเล็กๆ ใกล้กับทางไปมหาวิทยาลัย ปุยฝ้ายเรียนสายภาษามาแต่เด็กเพราะไม่ชำนาญด้านการคำนวณ หล่อนเป็นคนพูดเก่ง และมักจะหาเรื่องมาพูดได้ตลอดเวลา จึงตัดสินใจเรียน ภาควิชานิเทศศาสตร์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ หล่อนพบกับนทีที่นั่นเป็นครั้งแรก
    หล่อนกับเขานั่งเลกเชอร์ติดกันในวิชาภาษาอังกฤษ ที่เป็นวิชาบังคับของคณะในปีที่หนึ่ง ด้วยความที่หล่อนเป็นคนเก่งภาษาอังกฤษ เพราะสนใจและพยายามฝึกพูดกับชาวต่างชาติในพัทยาบ่อยๆ จึงกลายเป็นคนที่ช่วยติวให้กับนที และทั้งคู่ก็บังเอิญพบกันบนรถระหว่างการเดินทางจากพัทยามามหาวิทยาลัยบ่อยครั้ง จึงยิ่งทำให้ทั้งคู่สนิทกันเร็วมากขึ้น
    มาถึงตอนนี้ ปุยฝ้ายก็เริ่มพูดเรื่องนที
    
    นาย นที เป็นที่รู้จักของใครหลายๆคนด้วยความที่น่าตาดี และ มนุษยสัมพันธ์ดีสามารถคุยได้กับทุกคน ทั้งอาจารย์ เพื่อนร่วมคณะ เพื่อนต่างคณะ หรือแม้แต่ป้าแม่บ้าน มีผู้หญิงมาจีบนทีอยู่มากมาย แต่เขาก็ไม่มีทีท่าสนใจใครมากเป็นพิเศษ ปุยฝ้ายเกือบจะพูดอะไรออกมา แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น แล้วเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องที่นที เรียนสาขาวารสารศาตร์ ส่วนหล่อนเรียนสาขาการประชาสัมพันธ์ ทั้งคู่จึงพบกันเฉพาะเวลาเรียนวิชาบังคับและจะเจอกันอีกทีก็ช่วงที่ว่างตรงกันไม่ก็หลังเลิกเรียนเวลากลับพัทยาด้วยกันเท่านั้น
    นทีไม่อยู่หอใกล้ๆมหาวิทยาลัยเพราะติดแม่ แม่ของนทีไม่ทำงาน เพราะเป็นคนขี้โรคสามวันดีสี่วันไข้ ป่วยกระเสาะกระแสะตลอด ส่วนพ่อของนที ก็ทำงานเป็นไกด์พาชาวต่างชาติเที่ยวพัทยาไม่ค่อยได้อยู่บ้านดูแลภรรยานัก นทีจึงไม่สามารถแยกตัวออกจากแม่มาอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับครอบครัวของนทีที่หล่อนรู้เพราะชายหนุ่มไม่เคยเปิดปากบอกอะไรมากกว่านั้น ปุยฝ้ายเองด้วยความที่อยู่พัทยามาจนชิน จึงไม่อยากย้ายไปไหน แม้ต้องเดินทางไปกลับนานๆ หล่อนก็ไม่ใส่ใจ ตราบใดที่มีนทีนั่งไปข้างๆ

**********************************************************************

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ สำหรับใครที่รอว่าเมื่อไหร่นทีจะฟื้น แหะๆ ต้องแจ้งว่าคงเป็นอาทิตย์หน้าครับผม มีเรื่องเกี่ยวกับ ภาสกร และปุยฝ้ายที่ต้องเปิดเผยอีก ในฐานะที่ทั้งสองคนนี้ก็เป็นตัวละครสำคัญฉะนั้นผมจึงต้องเสียเวลาปูเรื่องเกี่ยวกับสองคนนี้ก่อน
อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคร้าบบบ

ปล. ผมฝากทางสามสายด้วยนะคับ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2011 21:09:05 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #79 เมื่อ28-02-2011 21:24:54 »

รออ่านนะคะ ขอบคุณมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
« ตอบ #79 เมื่อ: 28-02-2011 21:24:54 »





Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #80 เมื่อ28-02-2011 21:25:27 »

ลุ้นกันต่อไป

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #81 เมื่อ28-02-2011 21:44:00 »

บวกให้ค่า
อยากให้นทีฟื้นมาเจอคุณชายไวๆ ^^

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #82 เมื่อ28-02-2011 21:47:37 »

รอนทีฟื้น ค่ะ

ออฟไลน์ i-love-you

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #83 เมื่อ28-02-2011 22:19:04 »

ฟื้นเร็วๆๆนะจร๊ นที  :monkeysad:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #84 เมื่อ01-03-2011 02:25:24 »

รอได้จ้า

ออฟไลน์ naja-kitase

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #85 เมื่อ01-03-2011 02:34:04 »

แวะมาเป็นกำลังให้จ้า
ทั้งนที แล้วก็คุณฟ้าม่วงเลยนะคะ


นทีฟื้นเร็วๆนะ

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #86 เมื่อ01-03-2011 03:29:10 »

 :monkeysad:รอนทีฟื้นค่ะ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #87 เมื่อ01-03-2011 07:33:20 »

แล้ว จะเป็นอย่างไรต่ออะ

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #88 เมื่อ01-03-2011 09:49:45 »

รอๆ
ระหว่างรอขอหิ้วคุณชายกับบ้านละกัน~

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 4 - 28/02/11 - 21.00
«ตอบ #89 เมื่อ01-03-2011 11:02:15 »

มารอคะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด