บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 34 (25/04/11) [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 34 (25/04/11) [END]  (อ่าน 245747 ครั้ง)

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 32 (10/04/11)
«ตอบ #420 เมื่อ11-04-2011 10:25:30 »

โอ๊ยยยยยยยยย  อยากรู้ตัวตนของอีตาฉู่  จะร้าย หรือ ดีกันแน่นะ
เป็นคนของใครกัน จูเชว่คนก่อน หรือ คุณอาแม่เลี้ยงที่กลับญี่ปุ่นไป

ปล.เฟยเฟย ลูกแมวน้อย :o8:

ออฟไลน์ TON1974

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 32 (10/04/11)
«ตอบ #421 เมื่อ11-04-2011 12:58:38 »

ฉู่เหวินจือ กับ จูเชว่ คนก่อนเป็นอะไรกัน หรือจะเป็นคนๆเดียวกัน

เซินหมิงเฟิ่ง จึงระบุให้ เซินเฟย รับตำแหน่ง จูเชว่ แทน ก่อนที่

เฉียนลู่ตาย เหมือนรู้ว่า ฉู่เหวินจือ เป็นใคร แต่ก็บอกใครไม่ได้แล้ว

กำลังมันเลยครับลุ้นๆๆๆ....(+1)เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ wikichan

  • ชื่อ:Wi! วิ! วิกิ! วิเวียน//วันๆ ไม่ทำอะไรชอบอ่านมังงะและนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ชอบผลงานของพี่แพร์ Nigiri_Sushiที่สุดอ่านทุกเรื่องแต่ไม่ได้ซื้อทุกเรื่อง อยากเจอตัวจริงสักครั้งนึงแบบว่านักเขียนในดวงใจ #เพ้อ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 32 (10/04/11)
«ตอบ #422 เมื่อ11-04-2011 13:24:03 »

ว้ากกกกกกกกกกกกกกกก
อยากจะบอกว่า สุดสุด แต่ละตอนยาวดีฮะ อ่านเต็มที่เลย ชอบ ๆ^^

ทีแรก ว่าจะไม่อ่านแล้วนะ แต่ในระหว่างคิดก้เปลี่ยนใจมานั่งอ่านนอนอ่านกันเลยทีเดียว
แบบว่า ฉู่ ชอบแกล้งแหย่ เฟยอ่ะ มันก้เข้าท่าอยู่นะ แล้วยังเลขา กะ ตำรวจ ก้นั่งจิ้นไปเหอะ 55555

เอาเป็นว่าไปอ่านต่อล่ะนะคร๊าบบบบ อยากอ่านไปเรื่อย ๆ เลย^^

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 32 (10/04/11)
«ตอบ #423 เมื่อ11-04-2011 14:16:34 »

ตกลงว่า ฉู่เหวินจือ เป็นใครอ้ะ
คงไม่ได้คิดร้ายกับ เฟยๆ หรอก
แต่ว่า ,, จะมีอะไรเกี่ยวกับ จูเชว่ คนก่อนมั้ยนะ????
งื้ออออ 
ตอนนี้เฟยเฟย น่ารักมาก
ถึงคุณฉู่จะใช้ยาก็เหอะ  กรี๊ดๆๆๆ  เขิน !!!

ออฟไลน์ yakusa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 32 (10/04/11)
«ตอบ #424 เมื่อ11-04-2011 18:57:23 »

เอาน้ำเย็นๆมาสาด เอาแป้งเย็นมาทา หาไอติมให้กิน หายร้อนเถอะเนอะ

ออฟไลน์ wikichan

  • ชื่อ:Wi! วิ! วิกิ! วิเวียน//วันๆ ไม่ทำอะไรชอบอ่านมังงะและนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ชอบผลงานของพี่แพร์ Nigiri_Sushiที่สุดอ่านทุกเรื่องแต่ไม่ได้ซื้อทุกเรื่อง อยากเจอตัวจริงสักครั้งนึงแบบว่านักเขียนในดวงใจ #เพ้อ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 32 (10/04/11)
«ตอบ #425 เมื่อ11-04-2011 20:29:23 »

ว้ากกกกกกกกกกกก (ไอ้นี่มันว้ากตลอด=..=') ฮ่าฮ่า

ยังอ่านตามไม่ทัน แต่ดีใจจริง ๆ ที่ได้มาเจอเรื่องนี้ล่ะนะครับ
จากที่ถอดใจ กลายเป็นว่า...รู้สึกเป็นปลื้มมากมาก เลยล่ะครับผ้ม!!!
จะอ่านให้ทันแน่นอน จัดไำป !! ^^

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #426 เมื่อ11-04-2011 21:57:07 »

-33-


เขาไม่รู้ว่าตนเองหมดสติไปตอนไหน แต่ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขาก็พบว่าตนเองกำลังนอนราบอยู่บนเตียงโดยมีผ้าห่มผืนสะอาดห่มคลุมอยู่ บนร่างกายถูกสวมไว้ด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งอีกตัวหนึ่ง ผ้าปูเตียงอยู่ในสภาพดีไม่มีร่องรอยการกระทำใด ๆ ที่เป็นหลักฐานบ่งบอกถึงคืนที่ผ่านมา เสียงเครื่องปรับอากาศดังประสานอยู่กับเสียงฝักบัวจากในห้องน้ำ แสงไฟสลัวรางสีนวลทำให้เขามองเห็นสภาพในห้องได้ไม่ยากนัก แต่เพราะหน้าต่างถูกบังปิดไว้ด้วยผ้าม่านเขาจึงไม่อาจคาดเดาเวลาได้ชัดเจน รู้เพียงว่าเป็นเวลากลางวันจากแสงที่ส่องผ่านเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เซินเฟยกลอกตาไปรอบตัวก็พบเข้ากับเนคไทเจ้าปัญหาที่ทำให้เขามั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วปัดเนคไทเส้นนั้นตกลงไปบนพื้นอย่างคับแค้นใจ

เขาแพ้ทางผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว!

ในขณะที่คิดร่ำ ๆ จะไปบีบคอฉู่เหวินจือถึงในห้องน้ำ เขาก็พบว่าร่างกายตนเองมีอาการล้าเกิดขึ้นจนไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวอย่างสะดวกได้ เซินเฟยพลิกตัวขึ้นจากเตียงแล้วชะเง้อมองสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ เผื่อว่าจะมีอะไรที่ทำให้เขาติดต่อกับโลกภายนอกได้บ้าง อย่างเช่น.....

โทรศัพท์มือถือ?

ในตอนแรกเขาคิดว่าตนเองอาจต้องใช้บริการโทรศัพท์ของโรงแรม แต่ก็คิดผิดคาดไปไกลเมื่อเขาพบว่านอกจากโทรศัพท์เครื่องสีขาวที่โรงแรมมักจะจัดไว้ในห้องเพื่อให้ผู้มาพักสามารถโทรติดต่อพนักงานได้แล้ว ยังมีโทรศัพท์มือถือวางสงบนิ่งอยู่เครื่องหนึ่ง เซินเฟยมุ่นคิ้ว คนอย่างฉู่เหวินจือไม่น่าเลินเล่อขนาดทิ้งของแบบนี้ไว้ใกล้มือเขา หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะคิดว่าเขาไม่น่าตื่นขึ้นมาในตอนนี้กันนะ?

หรือว่าจะเป็นกับดักอะไรอีก?

กับผู้ชายเจ้าแผนการอย่างฉู่เหวินจือ หากไม่คิดให้มากเข้าไว้ก็อาจตกหลุมพรางโดยง่ายเหมือนที่เขากำลังเผชิญขณะนี้

เซินเฟยหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดและลองกดตัวเลขดูทีละตัว เขาไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ

ในตอนนี้เขาควรจะโทรหาหวางซิงเป็นอันดับแรกสินะ....

“กำลังเล่นอะไรอยู่หรือครับ?” เสียงที่กระซิบผ่าวข้างหูพร้อมกลิ่นสบู่หอมโชยทำให้เซินเฟยสะดุ้งตัวโยนจนเกือบทำโทรศัพท์มือถือหลุดมือ เขารีบขยับหนีพร้อมกับใช้มือพยุงตัวเองไว้กับโต๊ะ ตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นฉู่เหวินจือในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวกำลังยืนฉีกยิ้มให้เขาอย่างอารมณ์ดี ไม่มีท่าทางอนาทรร้อนใจที่เห็นว่าเครื่องสื่อสารส่วนตัวของตนตกอยู่ในมือของคนอื่นซ้ำยังผายมือในเชิงอนุญาตให้เสียอีก “คุณจะโทรหาใครก็เชิญเถอะ ถ้าหากว่าคุณจำเบอร์โทรของใครได้ล่ะก็นะ”

เซินเฟยกัดริมฝีปาก นึกอย่างตอบอย่างเผ็ดร้อนสักยกทว่ามันก็เป็นความจริง....

เขาไม่เคยจดจำเบอร์โทรศัพท์ของใครเลยสักคน แม้แต่ของหวางซิง นั่นเพราะไม่ว่าครั้งไหนที่เขาต้องการติดต่อกับใคร เขาก็จะให้หวางซิงเป็นคนจัดการทุกครั้ง

“อ้อ อีกอย่างหนึ่ง ผมไม่เคยเมมเบอร์ชื่อของใครไว้ในมือถือ ถ้าคุณอยากจะโทรก็ค้นสุ่มเอาในรายการโทรออกย้อนหลังก็แล้วกัน” ว่าจบ ฉู่เหวินจือก็นั่งลงบนเตียงด้วยท่าทีสบาย ๆ พลางจับจ้องเด็กหนุ่มที่ละล้าละลังไร้ทางไปอยู่ตรงหน้า

“รู้มากเกินไปแล้ว” เซินเฟยกัดฟันพูด เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้รู้จักทุกซอกมุมของเขาจริง ๆ ถึงขนาดว่าบางเรื่องเขาเองยังไม่เคยสังเกตด้วยซ้ำไป

ฉู่เหวินจือยิ้มบาง ไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา

“มานั่งตรงนี้ก่อนเถอะครับ ถ้าคุณไม่อยากนั่งเสมอผม ผมจะลงไปนั่งบนพื้นก็ได้” ชายหนุ่มกล่าวโน้มน้าวเพราะถึงเขาจะไม่ต้องสังเกตเขาก็รู้ว่าขาของเซินเฟยไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงมากนักเนื่องจากกิจกรรมหนักหน่วงในคืนที่ผ่านมา ถึงเขาจะไม่อยากกลั่นแกล้งเด็กมากจนเกินไป แต่เขาเองก็จำต้องระบายความต้องการหลังจากอดทนอดกลั้นมานานบ้างเหมือนกัน

เซินเฟยไม่ได้อยากจะทำตัวเสมือนจำยอม แต่เขาเองก็ใช่จะมีทางเลือกจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ แต่โดยดีและไม่ได้สั่งให้ฉู่เหวินจือลงไปนั่งบนพื้นแต่อย่างใด

ฉู่เหวินจือดึงโทรศัพท์มือถือคืนไปก่อนจะวางกลับที่เดิมที่มันเคยอยู่

“นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่?” เซินเฟยเกลียดสถานการณ์ที่คลุมเครือ จึงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงบังคับตอบ

“ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ ผมแค่อยากให้คุณอยู่เฉย ๆ พอทุกอย่างเรียบร้อยผมจะส่งคุณกลับไปให้หวางซิง”

“นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันอยากจะถาม” เซินเฟยพ่นลมหายใจออกมาโดยแรง “นายเป็นคนของใครกันแน่? นายถูกส่งตัวมาเพื่ออะไร? นายคิดจะทำอะไรกับฉันต่อไป?”

“คุณแน่ใจหรือว่าอยากจะถามมากมายขนาดนั้น” ฉู่เหวินจือหัวเราะพลางไล้หลังมือไปตามแนวสันกรามของเซินเฟย การกระทำเพียงเท่านั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหวามในอกอย่างบอกไม่ถูก และโดยไม่ทันรู้ตัว ปลายคางของเขาก็ถูกรั้งให้เชิดขึ้นตามด้วยใบหน้าของชายหนุ่มที่โน้มลงมาหา ไม่ทันที่เขาจะได้เปิดปากพูดอะไรต่อ ริมฝีปากที่ยังมีกลิ่นของยาสีฟันก็เลื่อนเข้าหาจนแนบสนิท ทั้งที่ฉู่เหวินจือยังไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าจูบ แต่เซินเฟยกลับรู้สึกคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว เขาขัดขืนอยู่สักพักก่อนจะถูกรวบเข้าไปในอ้อมกอดแข็งแรงจนกระทั่งประชิดแผงอกกว้าง ฉู่เหวินจือรุกไล่ด้วยลิ้นและริมฝีปากอยู่นานจนกระทั่งรู้สึกอิ่มจึงผละออกมาแล้วคลอเคลียอยู่กับปลายจมูกรั้นเชิด

ในตอนแรก ฉู่เหวินจือเตรียมใจที่จะโดนทำร้ายร่างกายสักผัวะสองผัวะ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เขากลับพบร่องรอยของความสะเทิ้นอายในดวงตาสีดำสนิท ริ้วแดงบนแก้วยังระบายอยู่จาง ๆ เมื่อเซินเฟยเบือนหน้าหนีด้วยท่าทางฉุนเฉียว

“ดูเหมือนคุณจะหายกลัวสัมผัสของคนอื่นแล้วนะครับ?”

เซินเฟยมุ่นคิ้วกับประโยคนั้น แต่ยังไม่ได้ถามอะไรออกไปเขาก็ถูกกดตัวลงบนเตียง ตามด้วยการคร่อมทับของร่างสูงใหญ่

“นั่นไม่เกี่ยวกับนายไม่ใช่หรือ?” เขาตอบโต้ก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาที่จ้องตรงลงมาอย่างไม่คิดปิดบัง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ฉู่เหวินจือมองเขาอย่างไม่กลัวตายอย่างนี้ หรืออาจจะเป็นตั้งแต่แรกที่พบกันแล้วแต่เขาไม่ทันสังเกตเองก็เป็นได้

“คุณเซิน เรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้คุณจะรู้ได้เองเมื่อถึงเวลา” ฉู่เหวินจือพูดพลางไซ้ริมฝีปากกับใบหู ขบกัดติ่งหูนิ่มเบา ๆ ให้เจ้าของร่างรู้สึกซ่านสะท้าน “คุณรู้เพียงแค่ว่าทุกอย่างที่ผมทำก็เพื่อคุณทั้งสิ้นก็พอแล้ว”

“รวมถึงเรื่องแบบนั้นด้วยหรือไง?”

“ก็ไม่เชิง” ฉู่เหวินจือตอบพร้อมหัวเราะ ไม่รู้ว่าเซินเฟยคิดไปเองหรือไม่ แต่ดูเหมือนฉู่เหวินจือจะหัวเราะเปิดเผยอย่างนี้ไม่บ่อยนัก กระนั้น ดูเหมือนฉู่เหวินจือจะไม่อยากคุยกับเขาด้วยคำพูดสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากสนทนาตอบโต้กันไม่นาน ฉู่เหวินจือก็แนบจูบลงมาอีก ครั้งนี้เซินเฟยไม่ได้ขัดขืน อาจเป็นอย่างที่ฉู่เหวินจือว่า เขาไม่ได้นึกรังเกียจหรือหวาดกลัวสัมผัสของคนอื่นแล้ว แต่ว่า นั่นอาจจะเป็นเพราะคนที่กำลังสัมผัสเขาคือฉู่เหวินจือที่ได้โอบกอดเขามานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ได้

--------------->

มู่อี้จิงไม่ค่อยประทับใจการตัดสินของเบื้องบนสักเท่าไหร่ ทั้งที่เขาส่งหลักฐานทั้งหมดไปให้แล้วและเฝ้ารอเวลานานถึงสามวัน สิ่งที่เขาได้กลับมากลับเป็นหมายจับฐานเป็นผู้ต้องสงสัยการจ้างวานฆ่าไม่ใช่หมายค้นบ้านอย่างที่คิดเอาไว้ ทางผู้ออกหมายได้ให้เหตุผลกับเขาว่า หลักฐานไม่เพียงพอที่จะเชื่อมโยงไปถึงการซุกซ่อนศพไว้ในบ้าน อีกทั้งผู้ต้องสงสัยก็อยู่ลำพังคนเดียวไม่ได้หนีไปกบดานที่ไหนจึงไม่จำเป็นต้องใช้หมายค้น

แต่ก็เอาเถอะ....ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

มู่อี้จิงได้รับหมายค้นก็พาคนในหน่วยเดินทางไปที่บ้านของเซินหยู่ในทันที เพราะหวางซิงเองก็รอจนแทบเต้นได้อยู่แล้ว
หลังจากเสียงออดเงียบไปนาน เซินหยู่ก็เดินออกมารับแขกด้วยท่าทางฉุนเฉียวเห็นได้ชัด

“ผมมู่อี้จิงเป็นนักสืบจากกรมตำรวจครับ” มู่อี้จิงแนะนำตัวและสังเกตเห็นถึงอาการสะดุ้งเหมือนคนที่มีชนักปักหลังของอีกฝ่าย

“ไม่ทราบว่าคนของกรมตำรวจมีอะไรกับผม?” เซินหยู่พูดตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบจงใจไล่แขก แต่คนแบบมู่อี้จิงเจอแบบนี้มาเยอะแล้ว ถือหมายค้นหรือหมายจับไปบ้านใครก็จะถูกมองกลับเหมือนแมลงสาบไม่ต่างกับสายตาของเจ้าของบ้านเวลามองเซลล์แมนที่มาเคาะประตู หากนอกเหนือไปจากปฏิกิริยาเหล่านี้ก็จะเหลือแต่การวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตของผู้ต้องสงสัย ซึ่งหากเป็นกรณีหลังก็ง่าย ตามจับตัวให้ได้ก็พอ การเค้นคอไม่ใช่เรื่องยากอะไรแล้ว ทว่าเซินหยู่กลับไม่ได้วิ่งร้องแรกแหกกระเชอ เจ้าตัวเพียงแค่จ้องมองพวกเขาอย่างหวาดระแวงและไม่ยอมเปิดประตูรั้วให้พวกเขาเข้าไปในบริเวณบ้าน

“ผมได้รับหมายให้มาจับตัวคุณในคดีจ้างวานฆ่านักธุรกิจแซ่เซินครับ”

ดูเหมือนเซินหยู่จะรู้ความผิดตนเองอยู่แก่ใจ ใบหน้าจึงซีดเผือดไปชั่ววินาทีก่อนจะปรับกลับมาเป็นปกติ เจ้าตัวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง

“นักธุรกิจแซ่เซินไหนกัน? ผมเองก็แซ่เซินเหมือนกัน คงไม่ใช่คนในครอบครัวผมใช่ไหมครับ?” เซินหยู่เอ่ยถามเสมือนตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับคดีที่ตำรวจยัดเยียดให้ตนกลายเป็นผู้ร้าย

“เซินเฟยครับ”

“เอ๋!? เซินเฟย น....นั่นลูกชายของผมนี่ครับ เกิดอะไรขึ้นกับเขา!?” เซินหยู่ออกท่าทางตื่นตระหนกในทันทีพร้อมกับบีบแขนมู่อี้จิงโดยแรงจนเขาต้องนิ่วหน้า การแสดงออกทางอารมณ์ของเซินหยู่ดูสับสนอยู่พอสมควร แม้ภายนอกจะดูเหมือนตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่ามู่อี้จิงก็สัมผัสได้ถึงความต้องการจะรู้ความจริงบางประการภายในประโยคคำถามนั้น ซึ่งเขาไม่ได้รู้สึกถึงเจตนาดีที่แอบแฝงอยู่แม้แต่น้อย ดังนั้นหากจะให้เขาเดา สิ่งที่เซินหยู่อยากจะรู้ก็คงเป็นเรื่องที่ว่า เซินเฟยตายหรือยัง?

ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเจ้าตัวจะถามถึงประเด็นนี้ ในเมื่อเซินเฟยหายตัวไประหว่างการปะทะ ซ้ำการ์ดทั้งหมดก็ไม่รู้ว่าเจ้านายหายไปไหน หวางซิงที่รอดกลับมาก็ปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถามใคร นับว่าเป็นครั้งที่สองที่เซินเฟยหายตัวไปอย่างมีปริศนา ซึ่งครั้งแรกที่ทุกคนคิดว่าเซินเฟยตายไปแล้ว ในวินาทีสุดท้ายเจ้าตัวก็กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนราวกับร่างวิญญาณที่กลับมาจากอีกมิติหนึ่ง หากว่าครั้งนี้เป็นอย่างเดิมอีกคงจะไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคนที่มีชนักปักหลังเช่นคน ๆ นี้

“ตอนนี้ยังไม่มีใครได้ข่าวเกี่ยวกับคุณเซินครับ” มู่อี้จิงปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างมีมารยาท “ขอเชิญคุณไปกับเราด้วยนะครับ”

“เอ๋ ทำไมผมต้องไปล่ะครับ?” เซินหยู่เกร็งรอยยิ้ม “นี่คุณตำรวจ ผมเป็นพ่อเขานะ! ผมจะฆ่าลูกตัวเองทำไมกัน”

“เรื่องนั้นคงต้องรอหลังการสอบสวนน่ะครับถึงจะตอบได้” มู่อี้จิงพยายามปั้นหน้าให้นิ่งที่สุดแล้วส่งสัญญาณให้ลูกน้องจัดการควบคุมตัวเซินหยู่ไป

“อย่ามากล่าวหากันมั่ว ๆ นะเว้ยไอ้ตำรวจซังกะบ๊วย! แกมีหลักฐานอะไรวะ หา!” เมื่อเห็นว่าฝ่ายตำรวจไม่รับฟังคำแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น เซินหยู่จึงเริ่มอาละวาดขัดขืนการจับกุม ทั้งยังลงไม้ลงมือกับคนที่เข้าไปใกล้ด้วย แต่เพราะไม่ได้รับคำสั่ง ทางตำรวจจึงไม่กล้าใช้กำลังกับทางเซินหยู่ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายอาละวาดไปเรื่อย ๆ แล้วหันมองมู่อี้จิงที่ยืนมองอย่างเหนื่อยใจ “ฉันจะฟ้องศาล! จะให้ผบ.ตร.ไล่พวกแกออกให้หมด!”

“ถ้าหลักฐานล่ะก็ ผมมีนะครับ” มู่อี้จิงกล่าวแล้วยกเครื่องบันทึกภาพขึ้นมา ก่อนจะรันให้เจ้าตัวดู เครื่องเล่นภาพไปได้ไม่กี่วินาที เซินหยู่ก็เบิกตากว้าง ใบหน้าซีดสลับแดง ก่อนจะร้องโวยวายเสียงลั่นแล้ววิ่งเข้ามาปัดเครื่องบันทึกตกจากมือมู่อี้จิง แต่โชคดีที่เขาไหวตัวทันจึงเปลี่ยนมือถือแล้วเอี้ยวตัวหลบ

เมื่อเซินหยู่เห็นว่าการต่อต้านของตนไม่เป็นผลสำเร็จจึงวิ่งฝ่าเข้าไปในบ้านแล้วตรงไปยังพุ่มไม้กอหนึ่งซึ่งออกดอกสวยงามใบเขียวเหมือนกับได้รับการดูแลอย่างดี เขาคุกเข่าแล้วแล้วเริ่มต้นพุ้ยดินตรงนั้นราวกับคนบ้า ปากก็พึมพำประโยคซ้ำ ๆ

“เสี่ยวเหม่ย เสี่ยวเหม่ย ออกมาช่วยฉันทีสิ เธอช่วยฉันอยู่เสมอไม่ใช่หรือ? ตอนอาเฟยรังแกฉันเธอยังถ่อไปหาถึงบริษัทเลย อย่านอนนิ่งสิ! ลุกขึ้นมาช่วยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

ทุกคนทั้งเพื่อนบ้านที่แตกตื่นออกมาเพราะเสียงของเซินหยู่และตำรวจที่มาทำหน้าที่ต่างตระหนกกับพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของผู้ต้องสงสัย เจ้าตัวใช้มือพุ้ยดินจนถลอกปอกเปิก ปากก็พูดบ่นเหมือนกับกำลังฟ้องร้องใครบางคน แต่ว่าที่ตรงนั้นมีเพียงพุ่มไม้และกองดินเท่านั้น

มู่อี้จิงรู้สึกเหมือนในสมองมีประกายแสงสว่างวาบเข้ามา

“จับตัวเซินหยู่ไว้!” เขาหันไปสั่งลูกน้องที่เอาแต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอก มู่อี้จิงมองหาบ้านที่มีสวนกว้างสักหลังหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าของ “ผมขอยืมจอบสักครู่ได้ไหมครับ?”

“ด...ได้สิ” แม้จะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เจ้าของบ้านผู้ชราก็ออกปากอนุญาต

มู่อี้จิงวิ่งเข้าไปคว้าจอบก่อนจะกลับมายังพุ่มไม้ที่ตอนนี้โดนพุ้ยดินไปหลายส่วน เซินหยู่ถูกควบคุมตัวไว้ทางหนึ่งแม้จะออกอาการดิ้นรนคล้ายคนบ้าแต่ก็ใช้ตำรวจหลายคนช่วยกันจับจึงเอาอยู่

มู่อี้จิงลงมือขุดดินตรงนั้นทันที แต่เพียงแค่เขาปักจอบแซะดินออกมาส่วนหนึ่งเท่านั้น เสียงร้องที่บ้าคลั่งของเซินหยู่ก็ดังก้องขึ้นจนทุกคนสะดุ้งตกใจ และชั่ววินาทีที่นายตำรวจที่ควบคุมเผลอคลายมือนั้น เซินหยู่ก็สลัดตัวออกพร้อมหันมาแย่งปืนจากนายตำรวจคนหนึ่งก่อนจะปลดสลักแล้วจ่อไปรอบข้างเหมือนกับสุนัขจนตรอก มู่อี้จิงรีบผละจากจอบและพุ่มไม้ทันที

“เดี๋ยวก่อนคุณเซิน! อย่าทำบ้า ๆ นะ!” เขาร้องห้าม

“ใครกันแน่ที่บ้า! แกต่างหากล่ะ! ฉ....ฉันไม่ผิด ไอ้ลูกบ้านั่นมันบังคับฉันเอง! นังนั่นก็เหมือนกัน!”

“คุณเซิน มีอะไรค่อยพูดค่อยจาก่อนเถอะ วางปืนลงซะ” มู่อี้จิงขยับเข้าไปใกล้ช้า ๆ แล้วส่งสัญญาณให้ตำรวจคนอื่นเข้าหาทางด้านหลัง เซินหยู่ส่ายปืนไปมา นิ้วชี้เกี่ยวอยู่กับไกปืนพร้อมยิงได้ทุกเมื่อ บรรดาเพื่อนบ้านจึงถูกกันออกไปจากบริเวณเพื่อความปลอดภัย

“พวกแกจะมาเข้าใจอะไร! ในเมื่อไอ้ลูกบ้านั่นเป็นได้ทำไมฉันถึงเป็นไม่ได้ล่ะวะ! ฉันเป็นพ่อมันนะ! ไอ้ลูกทรพีที่ฮุบทุกอย่างไว้กับตัวเองน่ะ จะตายมันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือไง!” เซินหยู่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรโต้ตอบเพราะรู้ดีว่าไม่ว่าคำพูดนั้นจะดีแค่ไหนก็ล้วนเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายทำอะไรโง่ ๆ ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มู่อี้จิงก็ต้องการให้จับเป็นและดำเนินคดีความตามกฎหมาย เพราะอย่างมากก็แค่ติดคุกตลอดชีวิต มีโอกาสอีกมากที่จะแก้ไขความผิดที่ทำลงไป

ชีวิตมนุษย์ เมื่อตายไปมันก็จบลงแค่นั้น

มู่อี้จิงไม่เคยเห็นด้วยเลยกับการตัดสินด้วยชีวิตอย่างนั้น ใครจะว่าเขาโง่เง่าก็ช่างปะไร เขาก็แค่ดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงกับทัศนคติของเขาเอง เพราะอย่างนั้นไม่ใช่หรือเขาถึงเลือกเป็นตำรวจ หากทุกอย่างต้องตัดสินด้วยความตายแล้ว ตำรวจกับกฎหมายจะมีไปเพื่ออะไรกัน

มู่อี้จิงขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นพร้อมกับตำรวจนายอื่นโดยไม่ให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน ถึงอย่างนั้นเมื่อเข้าถึงระยะหนึ่ง เซินหยู่ก็ไกวปืนไปรอบตัวเหมือนกับกำลังวัดระยะ

“อ....อย่าเข้ามานะ!”

มู่อี้จิงชะงักพลางสูดหายใจ เซินหยู่ไม่อาจทนความกดดันมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เขาส่งสัญญาณให้คนอื่น ๆ หยุดนิ่งกับที่

“ส่งปืนคืนมาเถอะ ผมสัญญาว่าจะให้ความยุติธรรมกับคุณให้ถึงที่สุด” เมื่อมู่อี้จิงพูดจบ เซินหยู่ก็หัวเราะเสียงลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวผสมผสานไปด้วยความหวาดกลัวและความบ้าบิ่นอย่างที่มู่อี้จิงไม่ได้เห็นบ่อยนักจากคนอื่น ๆ ที่เขาจับกุม และนั่น....ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย แน่นอน....เขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร

“อย่านะ!” มู่อี้จิงร้องห้ามพร้อมวิ่งเข้าไป ทว่า....เซินหยู่กลับหันปืนเข้าปากตนเองก่อนจะลั่นไก เสียงปืนดังเพียงสั้น ๆ แต่เป็นหลายวินาทีสำหรับมู่อี้จิงที่ถูกเสียงปืนนัดนั้นสั่นคลอนความมุ่งมั่นที่ตั้งไว้ในคราวแรก มือของเขายื่นค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อร่างของเซินหยู่ล้มฟุบลง หลายช่วงลมหายใจที่มู่อี้จิงพรั่งพรูอย่างเปลืองเปล่าก่อนจะกำมือแน่นพร้อมกัดฟันจนกรามของเขาแทบจะแหลก

บ้าเอ๊ย!

มู่อี้จิงต้องใช้เวลารวบรวมสติครู่หนึ่งก่อนจะเสยผมที่เปียกชื้นเหงื่อขึ้น แล้วสั่งให้ลูกน้องจัดการกับศพ ส่วนเขากลับเดินไปยังพุ่มไม้เดิมและเริ่มขุดดินต่อไป ไม่นานนักเขาก็ได้เห็นชิ้นส่วนร่างกายของมนุษย์โผล่พ้นดินออกมา แต่เป็นชิ้นส่วนที่แทบจะไม่สามารถเรียกว่ามนุษย์ได้อีกแล้ว กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาพร้อมกับน้ำเหลืองและตัวอ่อนของหนอนที่ดิ้นอยู่ตามเศษเนื้อสีคล้ำ

มู่อี้จิงเบือนสายตาหนีภาพตรงหน้า ก่อนจะปล่อยให้คนอื่น ๆ จัดการติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นฟ้า เกล็ดบุหรี่ออกมาจุดสูบ ไม่ใช่เรื่องบ่อยนักที่เขาจะสูบบุหรี่ แต่ในเวลาอย่างนี้หากไม่สูบคงไม่ไหวเหมือนกัน สมองของเขาต้องระเบิดแน่ ๆ

ไม่มีจุดจบอื่นที่ดีกว่านี้แล้วจริง ๆ หรือ?

เขาได้แต่ถามตนเองอย่างนั้นในใจขณะปล่อยให้ควันบุหรี่สีเทาลอยขึ้นไปบนฟ้า....

--------------->


ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #427 เมื่อ11-04-2011 21:57:46 »

“เรียบร้อยแล้วสินะครับ”

“ครับ ทีนี้คุณได้เวลาบอกผมได้แล้วนะคุณฉู่ คุณเซินอยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า?” หวางซิงถามเสียงเข้ม “ถ้าคุณเซินมีตำหนิแม้แต่ปลายเล็บล่ะก็ ผมเอาคุณตายแน่!”

“อย่าเพิ่งพูดแบบนั้นสิหวางซิง เอาล่ะ ผมเองก็มีเวลาไม่มาก ผมจะบอกสถานที่ที่ผมกับคุณเซินอยู่ให้ก็แล้วกัน แล้วคุณจะมารับเมื่อไหร่ก็ตามสบาย” ฉู่เหวินจือพูดก่อนจะบอกชื่อโรงแรมและเลขห้องที่พวกเขาอาศัยด้วยกันมาเป็นเวลาสี่วันถ้วน และหลังจากฉู่เหวินจือได้รับการติดต่อจากคนของตนเองว่าเซินหยู่เสียชีวิตแล้ว รวมทั้งพบศพของหลี่จวี๋เหม่ยแล้ว เขาก็โทรไปหาหวางซิงทันทีตามที่สัญญา

ทั้งสองต่างตัดสายไปเมื่อนัดแนะสถานที่กันเรียบร้อย

“อาซิงงั้นหรือ?” เซินเฟยเอ่ยถามเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ “หรือว่านี่จะเกี่ยวกับเรื่องแปลก ๆ ที่นายทำเมื่อคืน”

ฉู่เหวินจือยิ้มแทนคำตอบ

ตลอดสี่วันที่อยู่ด้วยกัน ฉู่เหวินจือไม่เคยปล่อยเวลาให้เซินเฟยอยู่ห่างจากอ้อนแขนของตนเลย และมักหาโอกาสมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยอยู่เสมอจนเซินเฟยแทบไม่เหลือเวลาส่วนตัวนอกจากเวลากินและเข้าห้องน้ำ ทว่าเมื่อคืนนี้ฉู่เหวินจือกลับไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น แต่กอดนอนเฉย ๆ เหมือนกับที่เคยทำเมื่อตอนที่เขายังปฏิเสธสัมผัสจากอีกฝ่ายเพราะรอยแผลที่ฝังใจ

“อีกเดี๋ยวหวางซิงจะมารับคุณกลับไป ถ้ามีอะไรก็ถามจากเลขาคุณก็แล้วกัน” ฉู่เหวินจือว่าแล้วจึงลุกขึ้น ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของเซินเฟยที่ส่งไปซักรีดมาวางบนเตียง “สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเถอะ ถ้าหวางซิงมาเห็นคุณในสภาพนี้ผมคงโดนฆ่าแน่ ๆ” ประโยคหลังเจ้าตัวกลั้วหัวเราะกึ่งเล่นกึ่งจริง

“ทุกอย่างเรียบร้อยตามแผนนายแล้วสินะ” เซินเฟยกล่าวพลางก้มลงมองเสื้อผ้าตนเอง ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่สวมใส่มาตอนไปพบไป๋หู่และถูกลอบยิง

“ก็ราว ๆ นั้น” ฉู่เหวินจือตอบแบ่งรับแบ่งสู้ “คุณมีอะไรไม่พอใจหรือครับ”

เซินเฟยทำเสียง หึ ขึ้นจมูกทันที

“อย่างนายมีหรือจะไม่รู้ว่าฉันไม่พอใจอะไร” เซินเฟยคร้านจะตอบ จึงประชดกลับไปแล้วแต่งตัวให้ตัวเอง ฉู่เหวินจือยื่นมือเข้ามาช่วยจัดระเบียบบ้างเมื่อเห็นจุดไหนยับหรือเบี้ยวไปจากปกติ พวกเขามักจะจบหัวข้อด้วยการตัดบทอย่างนี้บ่อยครั้งตลอดช่วงที่อยู่ด้วยกัน ไม่เคยมีครั้งไหนที่สามารถพูดคุยได้จบหัวข้อ เมื่อถึงหัวข้อที่เขาไม่อยากพูดเขาก็จะไม่พูด เมื่อถึงหัวข้อที่ฉู่เหวินจือไม่อยากตอบ เจ้าตัวก็จะเลี่ยงตอบ

ทั้งสองต่างเงียบไป ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนกระทั่งเซินเฟยเริ่มบทสนทนาใหม่

“นายจะทำอะไรต่อ? กลับไปหาเจ้านายเก่าหรือกลับมาอยู่กับฉัน?”

“ผมคิดว่าคุณจะเก็บผมเสียอีก” คำตอบที่ไม่ตรงคำถามของฉู่เหวินจือทำให้เซินเฟยมุ่นคิ้ว

“ฉันก็อยากจะทำ แต่ในเมื่อนายไม่ได้ทำเรื่องเสียหายให้องค์กรของฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะฆ่านายไปทำไม สู้เก็บไว้ใช้งานยังดีเสียกว่า” เซินเฟยว่าพลางหยิบเนคไทขึ้นมาผูก แต่เมื่อสัมผัสเนื้อเบาของเนคไทผ้าไหม เขาก็รู้สึกอายวูบขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงคืนก่อนหน้านี้ที่เขาโดนฉู่เหวินจือป้อนยาให้ ในขณะที่สมองหวนคิดแต่เรื่องบัดสีเช่นนั้น ฉู่เหวินจือกลับโอบเขาจากด้านหลังแล้วเกยคางบนไหล่พลางกระซิบผ่าวข้างใบหู

“ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากนั้นหรือครับ?”

“ไม่ ไม่มีแล้ว” เซินเฟยกัดริมฝีปากก่อนจะตอบเสียงตวัดแล้วดึงตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
ฉู่เหวินจือหัวเราะแล้วหมุนตัวเซินเฟยกลับมาเผชิญหน้า

“ถ้าอย่างนั้นผมก็มีเรื่องจะสารภาพ”

“อะไร?” เซินเฟยมุ่นคิ้วพลางถาม ผู้ชายคนนี้ยังมีเรื่องอื่นปิดบังเขาอยู่อีกหรือ? นี่เขาจะต้องใช้เวลาอีกกี่คืนถึงจะล้วงความลับออกมาจากปากคน ๆ นี้ได้หมดนะ?

“ผมได้รับคำสั่งมาให้ทำทุกอย่างเพื่อผลักดันคุณขึ้นไปให้สูงที่สุด แน่นอนว่าผมทำตามคำสั่งนั้นอย่างเคร่งครัด แต่ว่า....มีอยู่สองเรื่องเท่านั้นที่ผมทำตามอำเภอใจตัวเอง”

“อ้อ” เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบรับอย่างไร เซินเฟยจึงรับคำสั้น ๆ แล้วรอฟังต่อ

“สองเรื่องนั้น....”

ก่อนที่ฉู่เหวินจือจะพูดจบ เสียงอินเตอร์โฟนก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ชายหนุ่มแย้มยิ้มกว้างขณะมองไปยังประตูห้องและเสียงกดย้ำสัญญาณให้คนข้างในรู้ว่ามีคนมารอพบ

“ดูเหมือนหวางซิงจะมาแล้วล่ะครับ” ฉู่เหวินจือพูดจบก็เดินสวนกับเซินเฟยไปยังประตูห้อง ก่อนจะเปิดรับคนที่มารออยู่ด้านนอกโดยไม่ต้องตรวจสอบว่าเป็นใคร หวางซิงปรากฏตัวอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างที่ฉู่เหวินจือไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่ เลยไปด้านหลังตือมู่อี้จิงที่ไม่ต้องสงสัยว่าอาสาขับรถมาให้ด้วยเกรงว่าหวางซิงจะพาตัวเองไปเสยตอม้อก่อนมาถึงโรงแรม

“คุณเซินอยู่ที่ไหนครับ?”

ฉู่เหวินจือกระตุกยิ้มให้กับคำถาม ก่อนเปิดทางให้หวางซิงเข้ามาในห้อง และทันใดที่สายตาเลขาหนุ่มมองเห็นร่างของเจ้านาย หวางซิงถลาเข้าไปหาทันทีโดยลืมกระทั่งการถอดรองเท้าก่อนเหยียบพรมในห้อง มู่อี้จิงเดินตามเข้ามาพลางมองฉู่เหวินจือไม่วางตา พวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้เผชิญหน้ากันโดยตรงเท่าไหร่ ครั้งที่ได้สนทนากันนานที่สุดคือตอนที่เซินเฟยรอดจากเหตุระเบิดและกลับมาถึงฮ่องกง แต่ส่วนมากเขาจะสนทนากับเซินเฟยโดยมีฉู่เหวินจือนั่งฟังอยู่ห่าง ๆ และไม่ออกความเห็นอะไรเป็นพิเศษ แต่เซินเฟยบอกเขาในภายหลังว่าแผนการส่วนใหญ่ฉู่เหวินจือเป็นคนคิด นั่นแสดงว่าทั้งสองวางแผนด้วยกันตามลำพัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่เซินเฟยมีให้ผู้ชายที่ชื่อฉู่เหวินจือคนนี้ แล้วคนเช่นนั้นทำไมถึงต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างนี้ด้วย?

“ยินดีที่ได้พบอีกครั้ง นักสืบมู่” ฉู่เหวินจือเอ่ยทักทายเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนไม่วางตา

“ยินดีเช่นกัน” มู่อี้จิงตอบคำ “ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

“เชิญตามสบาย”

“ทั้งหมดนี้.....คุณทำไปเพื่ออะไรกัน ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด คุณทำเหมือนกับเป็นมือขวาที่ถูกส่งตัวมาช่วยแต่ในทางหนึ่งคุณก็ยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องกับหลาย ๆ เรื่องในองค์กรทั้งที่เกินหน้าที่ แต่ทั้งหมดที่คุณทำก็ส่งผลให้องค์กรเดินหน้าไปได้มากกว่าปกติ ทุกคนไว้ใจคุณและฐานะของคุณในองค์กรก็มั่นคง แต่แล้วคุณกลับทำเรื่องเหมือนจงใจฆ่าตัวตายแบบนี้อีก และพอทุกอย่างเรียบร้อยตามแผนคุณก็ส่งตัวจูเชว่คืน อ้อ อย่าถามนะว่าทำไมผมถึงรู้มากนัก พอดีคุณหวางเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังตลอดช่วงสี่วันนี้จนผมท่องเป็นอาขยานได้เลยน่ะ” มู่อี้จิงพ่นคำถามยาวยืดก่อนจะปิดท้ายด้วยการแก้ต่างให้ตนเองก่อนโดนถามกลับ

“นั่นสิ ผมทำไปทำไมกันนะ?” ฉู่เหวินจือตอบพลางหัวเราะ “ความจริงเหตุผลไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรจริงไหมคุณนักสืบ แค่ผลลัพธ์ออกมาดีก็พอแล้ว นั่นคือวิถีทางในโลกของเราที่คุณไม่สามารถทำความเข้าใจได้”

มู่อี้จิงอึกอัก รู้สึกเหมือนถูกยอกย้อนชอบกล แต่ครั้นจะถกเถียงอะไรออกไปก็เหมือนจะตกไปในเกมของอีกฝ่าย ทำไมเขาถึงรู้สึกเสียเปรียบเต็มประตูถึงขนาดนี้นะ?

หลังจากหวางซิงสำรวจร่างกายของเจ้านายจนพึงพอใจ เขาก็เดินนำเซินเฟยออกมาที่ประตูพลางจ้องมองฉู่เหวินจือเสมือนอยากจะเห็นเข้าไปถึงข้างในใจของอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าจะเพ่งมองอย่างไร สิ่งที่เขาเห็นผ่านดวงตาคู่สวยนั้นก็ยังเป็นความลึกลับที่ตีความไม่ออก

“คุณมู่ ช่วยพาคุณเซินลงไปที่รถก่อนนะครับ ผมอยากจะคุยกับคุณฉู่อีกเล็กน้อย” หวางซิงบอกฝากก่อนจะโค้งให้เซินเฟยเดินผ่านตัวเองออกไปนอกห้อง เด็กหนุ่มพยักหน้าให้มู่อี้จิงแทนการทักทายก่อนจะหันกลับมาหาฉู่เหวินจือ เขามองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรแล้วจึงหมุนตัวเดินนำหน้ามู่อี้จิงออกไปเงียบ ๆ

เมื่อทั้งสองจากไปไกลแล้ว หวางซิงจึงหันกลับมาหาฉู่เหวินจือ เขาสูดหายใจลึกหลายเฮือกพร้อมหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วง้างแขนจนสุด

พล่อก!

แรงเหวี่ยงจากหมัดลุ่น ๆ ทำให้ฉู่เหวินจือเซถลาไปพิงวงกบประตูพร้อมรอยช้ำบนโหนกแก้ม เจ้าตัวไม่ได้แสดงอาการถือโกรธหรือแสดงความสงสัยว่าทำไมตนเองจึงถูกทำร้าย ชายหนุ่มเพียงเหน็บรอยยิ้มที่มุมปากอย่างที่ชอบทำแล้วลูบแก้มตนเองเบา ๆ

“นี่สำหรับทุกอย่างที่คุณทำกับพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคุณเซิน” หวางซิงกล่าว “แต่ว่าผมปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างที่คุณทำนั้นก่อประโยชน์ให้มากกว่าความเสียหาย ดังนั้นผมเลยไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าคุณซะตรงนี้”

“ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชม”

“แต่ว่า.....ถ้าเกิดความเสียหายอะไรขึ้นล่ะก็ ถึงต้องพลิกแผ่นดินพวกเราก็จะลากตัวคุณมาสำเร็จโทษให้ได้” ถึงตรงนี้ หวางซิงกดเสียงต่ำลงเหมือนที่เซินเฟยชอบทำเวลาที่อารมณ์ไม่ดี ฉู่เหวินจือหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ได้พูดตอบโต้อะไร เพียงแต่โคลงศีรษะแทนการตอบรับกลาย ๆ หวางซิงเก็บความกรุ่นโกรธไว้ในใจ เขารู้ดีว่าถึงจะโกรธยังไง ผู้ชายคนนี้ก็ไม่นึกเดือดร้อนอะไรกับเขา นอกจากนี้เขายังได้ตัวเซินเฟยกลับมาครบ 32 ส่วน ไม่มีส่วนขาดส่วนเกิน เพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว

หวางซิงคร้านจะถือสาหาความกับฉู่เหวินจือต่อ ซ้ำเซินเฟยก็ไม่มีคำสั่งให้เขาจัดการอะไรกับเรื่องนี้ มันจึงไม่ใช่หน้าที่ของเขาอีกต่อไป หวางซิงผละจากไปทิ้งให้ฉู่เหวินจือหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องเพียงลำพัง

---------------->

“ไม่ตามมาหรือ?”

“อ...อะไรหรือครับ?” หวางซิงชะงักทันทีที่เซินเฟยเอ่ยถามขณะรถกำลังเคลื่อนตัวไปตามท้องถนน

“ช่างเถอะ” เซินเฟยถอนหายใจขณะเบือนสายตาออกไปมองนอกหน้าต่าง ตอนที่เขาอยู่ในห้องที่โรงแรม เขาไม่มีโอกาสมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกเลยจึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนั่นคือห้องในโรงแรมที่ไม่ห่างจากบ้านของเขามากนัก ซ้ำยังเป็นโรงแรมที่คนของเขาดูแลอยู่ด้วยซ้ำ

มู่อี้จิงขับรถมาส่งถึงหน้าบ้านก่อนจะขับเลยกลับไปกรมตำรวจเพื่อจัดการคดีความที่คั่งค้างให้จบ เซินเฟยเงยหน้ามองดูประตูบ้านของตนเองก่อนที่มันจะเปิดออกตามด้วยสีหน้าตื่นตกใจของทุกคนที่เขาผ่านหน้า ทั้งปลื้มปิติและโล่งใจ....

เซินเฟยโบกมือให้ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตนเองด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน หวางซือที่เหมือนจะอ่านสีหน้านายเก่งที่สุดจึงบอกให้ทุก ๆ คนกลับไปประจำที่ของตนเอง แล้วสั่งให้หวางซิงพาเซินเฟยไปพักผ่อน แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เซินเฟยต้องการที่สุดในเวลานี้ แต่ระหว่างที่จะเดินขึ้นไปห้องนอนนั้นต้องผ่านห้องโถงที่มีเก้าอี้ประจำตำแหน่งตั้งอยู่ เก้าอี้สีครั่งทำจากไม้เนื้อดีมีประวัติยาวนาน พนักหลังฉลุลายหงส์เหยียบเมฆด้วยเส้นสายที่อ่อนช้อยสวยงามสมกับเป็นฝีมือของช่างเอกในสมัยนั้น

“พ่อล่ะ” อยู่ ๆ เซินเฟยก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“.....เสียชีวิตแล้วครับ คุณเซินหยู่....ฆ่าตัวตาย ส่วนคุณนาย....”

“ผมรู้แล้ว” เซินเฟยขัดคำแล้วค่อย ๆ เดินตรงไปยังเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงพลางหลับตา นึกถึงบทสนทนาที่เขากับฉู่เหวินจือเคยคุยกันในวันหนึ่ง ตอนนั้นฉู่เหวินจือเคยถามเขาว่า เคยคิดอยากจะเลิกเป็นมาเฟียบ้างไหม?


“ทำไมฉันถึงต้องอยากเลิก?”

“ผมก็แค่ถามไปอย่างนั้น แต่ว่าถ้าคุณอยาก ผมสามารถทำให้คุณได้”

“.....หมายความว่าจะพาฉันหนีไปหรือไง?”

“ถ้าคุณต้องการล่ะก็”

“.....ฉันมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังแล้ว ถึงจะกลับไปเป็นคนธรรมดาตอนนี้มันก็ไม่ต่างกับการไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะกับตัวเอง อีกอย่าง ฉันไม่อยากจะเป็นเหมือนคุณอาที่ทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลังแล้วจากไป ฉันมีหน้าที่ของฉันเหมือนที่ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าสิ่งใดที่นำพาฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เป็นฉันในทุกวันนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็จะไม่หันหลังให้กับมัน”



เซินเฟยพรั่งพรูลมหายใจออกมาเหยียดยาวก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกสบายเลย ทุกครั้งที่นั่งบนเก้าอี้ตัวนี้เขารู้สึกไม่ต่างกับการนั่งบนบัลลังก์หนาม เขารู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เส้นทางของเขาได้พรากทุก ๆ คนไปหมดแล้วเริ่มจากอาสะใภ้ หมอจือหยิน แม่ พ่อ กระทั่งฉู่เหวินจือ ในอกของเขาว่างเปล่าและหนาวเหน็บจนอยากจะกอดตัวเองเอาไว้และร่ำไห้โดยไร้น้ำตา

หากว่าเขาไม่ใช่จูเชว่ ชีวิตของเขาคงง่ายกว่านี้ แต่ทำไมกันนะ....เขาจึงไม่สามารถจินตนาการถึงชีวิตเช่นนั้นได้เลยไม่ว่าจะพยายามเท่าไร

หวางซิงรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นความอ้างว้างบนใบหน้าของผู้เป็นนาย เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าและแนบหน้าผากลงกับหัวเข่าของเซินเฟย

“คุณเซิน....ผมยังอยู่ตรงนี้นะครับ”

“นั่นสินะ” เซินเฟยตอบคำอย่างเลื่อนลอย

“ผมจะไม่จากคุณเซินไปไหนอย่างแน่นอน จะอยู่ข้างคุณเซินตลอดไป ผมสัญญา”

เซินเฟยวางมือลงบนไหล่ของเลขาคนสนิท หวางซิงเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายพลางส่งสายตาแสดงความห่วงใยให้อย่างเปิดเผยไม่คิดปิดบังแม้สักส่วนเสี้ยว ตามปกติแล้วเซินเฟยไม่เคยชอบสายตาเช่นนี้เพราะมันสะท้อนความอ่อนแอของเขาออกมา ทว่า....ในเวลานี้เขากลับเต็มใจที่จะยอมรับเอาไว้ และได้แต่ภาวนาให้ความอ่อนแอในวันนี้นำพาเขาให้เดินไปสู่วันข้างหน้าที่เจิดจรัสยิ่งกว่า.....

End
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ล้อเล่นค่า~ /ยกกระทะขึ้นบังหม้อ ไห ตะหลิว รองเท้า
เรื่องนี้ยัง TBC อยู่เน้อ~
แต่ตอนหน้า(น่าจะ)จบจริงล่ะค่ะ XD
ขอเชิญนักอ่านทุกท่านช่วยกันหายใจต่อไปอีกเฮือกนะคะ~

(จะพยายามไม่ดองแม้อากาศจะร้อนจนตับคนเขียนแทบจะหลุดออกมาเต้นสามช่าก็ตามค่ะ T T)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2011 22:02:26 โดย ZIar »

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #428 เมื่อ11-04-2011 22:03:30 »

กรี๊ดดดดด!!!
มาแล้ววว

ตกใจมากนะ ตรง end น่ะ
งื้ออออออ

ตกลงว่า คุณฉู่ ???
ยังงงนะว่ามาจากไหน ฮ่าๆๆๆ
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอ??
อยากให้มีแบบหวานๆกันด้วยอ้ะ
ฮึกกก ถ้าเฟยเฟย เป็น จูเชว่ แบบจริงจัง (ก็เป็นอยู่) คงลำบากมาก
 :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2011 23:23:21 โดย A-J.seiya* »

ออฟไลน์ wikichan

  • ชื่อ:Wi! วิ! วิกิ! วิเวียน//วันๆ ไม่ทำอะไรชอบอ่านมังงะและนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ชอบผลงานของพี่แพร์ Nigiri_Sushiที่สุดอ่านทุกเรื่องแต่ไม่ได้ซื้อทุกเรื่อง อยากเจอตัวจริงสักครั้งนึงแบบว่านักเขียนในดวงใจ #เพ้อ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #429 เมื่อ11-04-2011 22:30:06 »

คือแบบว่านะฮะไรเตอร์ มัน..มันส์...แล้วก้มันส์ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า
คือ เราอ่านไปอย่างละเลียด ๆ ช้า ๆ  ได้พร้าหลาย ๆ เล่ม เว้ยยย (หลุด==)
อาซิง สุโค่ยดีฮะ เฟยก้..นะ ส่วนคุณฉู่(ยกระดับ) ถูกใจว่ะค่ะ 555 แบบว่าชอบพี่แกมากเลยอ่ะ มันทำตัวให้ความรู้สึกว่า เหนือกว่า่ แน่ว่ะ อะไรทำนองนั้นล่ะนะฮะ ^^ ชอบเมะแข็งแกร่ง แรงดี กร๊ากกกก

ไปอ่านต่อล่ะคร๊าบบบ ดีใจจริง ๆ นะ ที่่ได้มาอ่าน ~_+

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
« ตอบ #429 เมื่อ: 11-04-2011 22:30:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #430 เมื่อ11-04-2011 22:34:09 »

แล้วจากนี้...อาฉู่จะจากไป? งั้นหรือเปล่าน้า
ทำไมการกระทำมันเหมือนจะจากลายังงั้นล่ะ :confuse:

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #431 เมื่อ11-04-2011 22:35:08 »

สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....มันลึกลับซอนเงื่อนจนวินาทีสุดท้าย

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #432 เมื่อ11-04-2011 22:41:44 »

เกือบจะช๊อค เพราะคำว่า"end" ...อยากเห็นจูเช่วในโหมดหวานบ้างจัง :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #433 เมื่อ11-04-2011 22:51:41 »

อยากจะบอกว่าตอนที่เห็นคำว่า "END" น่ะ ร้องกรี๊ด (อย่างเสียจริต ) เลยค่ะ  o9
แต่เลื่อนลงมาก็โล่งอก เพราะยัง "TBC" อยู่
แต่ตอนหน้าจบแล้วเหรอเนี้ย? จะรออ่านอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ
หวังว่าจะได้รู้ความจริงเบื้องหลังของ "ลึกลับตัวพ่อ" อย่าง ฉู่เหวินจือ นะค่ะ... :impress:

อากาศร้อนมากจริง ๆ ด้วยค่ะ แต่คงต้องทำใจสถานเดียว ( เนี่ยแหละ อากาศตัวจริง เสียงจริง ของเมืองไทย  :try2: )

ออฟไลน์ Ayame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #434 เมื่อ11-04-2011 22:57:34 »

ตอนแรกตกใจแทบตายว่า เฮ้ย! จบอย่างนี้เนี่ยนะ!! แต่พอรู้ว่าล้อเล่นก็ค่อยโล่งหน่อย  o18

ตอนหน้าจะได้รู้ความจริงของตาฉู่แล้วชิมิ กำลังจะได้รู้แล้วเชียว หวางซิงไม่น่ามาถึงเร็วเล้ยยยย   :m31:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #435 เมื่อ11-04-2011 23:07:37 »

เห็นตัว "End" แล้วใจหายวูบ จะตัดจบกันอย่างนี้เลยเหรอ

เลื่อนลงมาแล้วค่อยยังชั่วแค่ล้อเล่น เซินหยู่ทำตัวเองแท้ๆ ไม่รู้จักพอจนตัวตาย เมียตาย น่าสงสารนิดหน่อย

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #436 เมื่อ11-04-2011 23:39:46 »

 :z3:  แหม่  หลอกกันได้นะคะ  เห็น เอ็นด์ แล้วใจหายวาบเลย
กรี้ดดดด  ไม่อยากให้จบเลยอ่าาาา  อยากเห็นมุมหวานๆของตาฉู่กะนู๋เฟยเฟยอีกอะค่า :z1: :o8:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #437 เมื่อ12-04-2011 00:07:10 »

ใจหายวาบเลยตอนเจอคำว่า END  ว่าแต่ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอ  ยังไม่ทันได้หวานกันซักเท่าไหร่เลยเนาะ

theblink

  • บุคคลทั่วไป
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #438 เมื่อ12-04-2011 00:24:02 »

end  ??????

//โยน หม้อ ไห ตะหลิว รองเท้า ใส่

ชิ  เอากระทะมาบังหรอ !   /กิ๊ก   ถือน้อยหน่าแอบไว้ข้างหลัง

แง่  ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าอาฉู่คือใครกันแน่ๆ   แต่ก็มีเริ่้มเดาๆบ้างอ่ะนะ 55 5
ตอนหน้าทุกอย่างคงสรุปเรียบร้อยแล้วล่ะ  แต่ใจหายชะมัด   รักนิยายเรื่องนี้มาก   ไม่อยากให้จบเลย
จะจบตอนหน้าแล้วจริงๆหรอคะ ?
แบบว่าทุกอย่างเคลียร์หมดในตอนหน้า  เรื่องจูเช่วคนก่อน  เรื่องอาฉู่  แล้วที่บอกว่าหน้าที่คือมาทำให้อยู่ในจุดสูงสุด  นี่....  เราก็เห็นเสาหลักคนอื่นๆก็ัยังมองว่าจูเช่วเป็นเด็กๆเหมือนเดิม
ยืดเถ้อออ   อยากอ่านไปอีกเรื่อยๆ   อยากอ่านซีนของอาฉู่กับเฟยเฟย อีกเยอะๆๆๆๆๆ  

สองคนนี้นี่ไม่ค่อยมีบทรักเหมือนชาวบ้านทั่วไป  ไม่จำเป็นต้องหวานเลี่ยนนะ  (แหม  คงไม่เหมาะล่ะมั้ง 55 5  มาเฟียนะ ) ก็แบบเห็นฉากหวานทีไรก็เป็นบทอัศจรรย์ (เขียนถูกรึเปล่า?) แอบๆซ่อนๆ อะไรแบบนี้อยู่เรื่อย 55 5 5  (แต่คนอ่านก็ชอบนะเออ)

ปู่เสือ  นั่งรอดูบทสุดท้ายของเรื่องด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก    

ออฟไลน์ Isuru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #439 เมื่อ12-04-2011 00:37:08 »

ใจหายใจคว่ำ นึกว่าจบแล้ว
เพราะยังไม่รู้ว่าที่จริงแล้วอาฉู่เป็นใคร
ขอให้สมหวังเถอะค่ะ ไม่ใช่ตอนจบอาฉู่หายไปเฉยๆนะ

รอตอนจบค่ะ  :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
« ตอบ #439 เมื่อ: 12-04-2011 00:37:08 »





ออฟไลน์ Tageszeit

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #440 เมื่อ12-04-2011 01:51:21 »

end  แบบว่าเฮ้ยไงงั้นอ่ะอะไรๆยังไม่ชัดเจน  :a5:
อ่านลงมาหน่อยนี่ค่อยยังชั่วอ่ะเล่นเอาใจหายเลย  :เฮ้อ:

butterfly_bee

  • บุคคลทั่วไป
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #441 เมื่อ12-04-2011 01:58:59 »

อืมมม อาฉู่เท่จริงๆ  :m1:
จัดการทุกอย่าง ทำงานในองค์กรมาเฟียได้ดีมากๆ
จนบางทีเค้าแอบอยากให้อาฉู่มาเป็นจูเชว่แทนเฟยเฟยซะงั้น
คือเฟยเฟยของเราก็ทำหน้าที่ได้ดีมากอยู่นะ ทั้งๆที่อายุเพียงแค่นี้ด้วย
แต่เค้ารู้สึกเหมือนเฟยเฟยยังต้องการใครสักคนไว้ให้พักพิงเป็นผู้นำในบางเรื่องเป็นหลักไว้ให้ยึดเหนี่ยว
เวลาเห็นเฟยเฟยของเราต้องโดดเดี่ยวต้องเครียด
เจอกับความกดดันร้อยแปดพันประการเจออันตรายรอบด้านแล้วเค้าสงสารจัง T T
ไม่ได้จะดูถูกความสามารถของเฟยเฟยหรอกหนา แต่อย่างให้เฟยเฟยได้มีชีวิตธรรมดาอย่างคนอื่นบ้าง
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย อาฉู่จะจากไปเลยหรออ
อยู่กับเฟยเฟยต่อไปไม่ได้หรออ เฟยเฟยต้องการนายนะอาฉู่  :o12:

ปล.อาฉู่แรงดีจริงๆ คิคิคิ  :o8:

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #442 เมื่อ12-04-2011 02:51:45 »

แปลกนะ จำได้ว่าอ่านอยู่ตอนหนึ่งที่อิตาฉุ่เนี่ย จ้องหน้ากับลุกน้องเก่าของจูเช่ว"เฉียนหยุน"หรือเปล่าจำไม่ได้  ที่มันเหมือนจะจำได้ถ้ารุ่นเดอะขนาดนั้นจำได้ก็ไม่แน่ว่าอิตาฉุ่อาจจะมีเลือดเนื้อหรือไม่ก็พันธุกรรมเกี่ยวข้องกับตระกูลนี้หอรืเปล่าหว่า....

หรือไม่ก็แอบปิ้งจูเช่ว มานมนานO_O''

คิดแล้วปวดหัว :m31:  นั่งรอท่านไรเตอร์อย่างใจจดใจจ่อ

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #443 เมื่อ12-04-2011 11:13:46 »

จะจบแล้ว...

แต่ความรู้สึกมันยังไม่จบ

สุดท้ายแล้ว ความรัก มันจะช่วยอะไรไหม

เดาไม่ถูกแฮะ

ระหว่าง ไม่รู้ ไม่มี หรือ ไม่ใช่ อะไรมันจะเจ็บกว่ากัน

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #444 เมื่อ12-04-2011 11:26:08 »

อื้อหือ หลอกกันได้นะคุณเซีย
มีตกใจ ประมาณว่าเฮ่ย จริงดิ 55
แต่อีกตอนก็จบแล้วเหรอ อ่า
เป็นอีกเรื่องที่สะท้อนให้เห็นความจริงของมนุษย์จริงๆ

kei_kakura

  • บุคคลทั่วไป
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #445 เมื่อ12-04-2011 11:26:45 »

พัดๆๆๆ  เย็นไหมค่า  พัดๆๆๆๆ
เย็นแล้ว...ก็รีบมาต่อนะค่ะ....ค้างมากมาย
ชอบเรื่องนี้มาก  เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ แต่บีบใจเป็นที่สุด

ตอนนี้คิดว่าถ้าตาฉู่มิใช่คนที่จู่เช่วส่งมเพื่อให้เซินแข็งแกร่งขึ้น
ก็น่าจะเป็นอีกฝ่ายที่ต้องการคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ...
เลยมาช่วย...ซะงั้นอ่ะ  ดูโรคจิตไปม่ะ  เอิ๊กๆๆๆ  คิดเอง...เออเอง...จิ้นเอง (อันนี้ไม่ยอม)
เพราะงั้นรีบๆ มาต่อไวไวเน้อ  ไรท์เตอร์.... :กอด1:

เป็นกำลังจายให้นิ  สู้ๆๆๆๆๆๆๆ    :3123:

ออฟไลน์ £.Ma|e¥

  • ชั้นคือผู้หญิงโรคจิต!! โฮะๆๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #446 เมื่อ12-04-2011 16:43:11 »

ตอนหน้าแล้ว ตอนหน้าๆๆๆ อ๊ากกกกกกก ใจหายนะเนี่ย ที่รู้ว่าเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว T_T
อาฉู่ อ่านมาถึงตอนนี้ ก็คิดว่าจะมีความรู้สึกอะไรกับอาเฟยบ้างเหมือนกัน
ส่วนอาเฟย ถึงจะเป็นบัลลังก์หนามแต่ก็เป็นบังลังก์ที่สง่างามซึ่งเหมาะกับตัวอาเฟยนะ
อาฉู่กลับมาเดี๋ยวนี้นะยะ อย่าให้อาเฟยต้องอ้างว้างแบบเน้!! กลับมาาาาา
ตอนหน้าขอให้จบแบบซึ้งๆมีความสุขด้วยเถอะค่ะ
ไม่ใช่ว่าจะจบแบบมาเฟียเลือดสาดอะไรพวกนี้นะคะ -_-''
ยังไงก็อยากบอกว่า รักนิยายเรื่องนี้ของคุณเซียร์มากเลยนะคะ  :L1:
ให้ความรู้สึกหลากหลายจริงๆ รักอาเฟยรักอาฉู่ขอให้ได้อยู่ด้วยกัน เพี้ยง!!
คุณเซียร์คะ คุณเซียร์แต่งได้ดีมากเลย เป็นนิยายแนวsmที่เรายกให้เป็นนิยายในดวงใจเลยค่ะ
55555++ รอตอนหน้าค่าาาา  :pig4:

ออฟไลน์ wikichan

  • ชื่อ:Wi! วิ! วิกิ! วิเวียน//วันๆ ไม่ทำอะไรชอบอ่านมังงะและนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ชอบผลงานของพี่แพร์ Nigiri_Sushiที่สุดอ่านทุกเรื่องแต่ไม่ได้ซื้อทุกเรื่อง อยากเจอตัวจริงสักครั้งนึงแบบว่านักเขียนในดวงใจ #เพ้อ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #447 เมื่อ12-04-2011 19:14:00 »

ว้ากกกกกกกกกกก
อยากบอกว่ารู้สึกดี มากเลยล่ะฮะ ดีใจ ปลื้มไรเตอร์สุดสุด^^
แบบว่า มันจินตนาการตามได้ ไม่ซับซ้อนมากนัก อือ...แบบว่ามันลงตัวดีจัง บรรยายได้ดี ถูกใจมากเลยจะว่ายังไงดี....สนองจินตนาการ+อารมณ์ได้ดีทีเดียว  ชัดเจนด้วยกับคาแรกเตอร์ของแต่ละคน
...เหมือนโดนไรเตอร์วางยาอ่ะ เลิฟซีน-NC เนี่ยมันก้..พอใจอยู่(อยากให้มีคู่ของ อี้จิง-ซิง)อยากให้ลงหนัก ๆ กับนายเอกมาก ๆ (สะใจ 555) แต่ว่านะ..ที่บอกว่าเหมือนโดนวางยา ก้ตรงที่มันต้องไปจิ้นต่อเองน่ะสิฮะ(หื่นนน!!!) มันยังไม่หนำใจนัก..
แต่ในที่สุดก้ตามทันแล้ว จะจบตอนหน้าจริง ๆ ริฮะ?? ดูแล้วมันยังไปต่อได้เรื่อย ๆ อยู่นะฮะ อย่าเพิ่งเลยนะครับ^^
รอตอนต่อไปนะฮะ

ออฟไลน์ nomo9

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #448 เมื่อ12-04-2011 20:07:15 »

หึหึ อ่านลงมาเห็น end แถมอยากจะเอา RPG ไปถล่มเลย
โทษฐานทำให้อารมณ์ค้างอ่ะ ^_^
แต่มารอตอนต่อไปน้า เดาว่าอาฉู่มาจากจูเชว่คนก่อนไม่งั้นก็จากชิงหลงอ่ะ ^_^

ออฟไลน์ £.Ma|e¥

  • ชั้นคือผู้หญิงโรคจิต!! โฮะๆๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 33 (11/04/11)
«ตอบ #449 เมื่อ13-04-2011 00:50:55 »

ยังไม่มาต่ออีหรอคะ แงงงงงงงง :o12:
สงสารอาเฟย!! งึ้ดๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด