บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 34 (25/04/11) [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 34 (25/04/11) [END]  (อ่าน 245748 ครั้ง)

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 27 (23/03/11)
«ตอบ #330 เมื่อ23-03-2011 22:26:01 »

รักไม่ได้ ฆ่าด้วยมือตัวเองก็เก๋ค่ะ เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำ เฟยเฟยเด็ดขาดได้ใจจริงๆ

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 27 (23/03/11)
«ตอบ #331 เมื่อ23-03-2011 22:26:42 »

เรื่องกำลังคุกรุ่นได้ที่เลย  = ='   รอชมตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ :กอด1:

ออฟไลน์ £.Ma|e¥

  • ชั้นคือผู้หญิงโรคจิต!! โฮะๆๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 27 (23/03/11)
«ตอบ #332 เมื่อ23-03-2011 23:53:19 »

สงสารอาเฟย ทั้งที่รักแต่จำเป็นต้องทำ
อ่านแล้วน้ำตาแทบไหล ผู้แต่งสื่ออารมณ์ได้ดีมากจริงๆค่ะ
หมอจือโง่เองที่เห็นคนรักดีกว่าทุกอย่าง เพราะฉะนั้นช่วยไม่ได้ที่มันจะต้องตาย!!
ส่วนอินังหลิงๆ ตายง่ายไปรึป่าวยะ?? อย่างแกมันต้องโดนเยอะกว่านี้ย่ะ!!
ทำไมชีวิตอาเฟยมันรันทดขนาดนี้เนี่ย T_T รู้สึกแย่ตามไปด้วยจริงๆ
แล้วก็นะ ไอ้นักสืบมู่ โง่อีกคนแล้วนะยะ แกเป็นนักสืบได้ไงเนี่ย
ไม่เชียร์ให้คู่กับอาซิงแล้ว โง่ๆแบบแกไม่เหมาะกับอาซิง  :m16:
หวังว่าอาเฟยจะผ่านเรื่องเลยร้ายแบบนี้ไปได้เร็วๆ
ยิ่งในอนาคต ต้องมารับมือกับอาฉู่อีก คงไม่มีฉากที่ต้องให้อาเฟยฆ่าคนที่รักอีกแล้วนะคะ
อ่านแล้วมันเจ็บกระดองใจมาก โฮฮฮฮฮฮฮ  :o12:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 27 (23/03/11)
«ตอบ #333 เมื่อ24-03-2011 00:12:26 »

ไม่น่าเลยหมอจือ


ในที่สุดเซินเฟยก็มาทวงบัลลังก์คืนแล้ว

ออฟไลน์ beautyless

  • PP Kintai Love
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 27 (23/03/11)
«ตอบ #334 เมื่อ24-03-2011 09:08:58 »

***
ยิ่งในอนาคต ต้องมารับมือกับอาฉู่อีก คงไม่มีฉากที่ต้องให้อาเฟยฆ่าคนที่รักอีกแล้วนะคะ
อ่านแล้วมันเจ็บกระดองใจมาก โฮฮฮฮฮฮฮ  :o12:


คิดแล้วเศร้าเกินไป แอบหวังให้เหลือนายฉู่ฉี่ไว้คนนึง
หรือถ้าหากต้องทำจริงๆ ขอให้ตายทั้งคู่ไปเลย จะได้โรแมนติก (แค่อินเฉยๆ ครับเลยเพ้อ ไม่ต้องใส่ใจ)

คนอ่านอย่างผมคงต้องปรับความคิดให้อยู่เหนืออารมณ์อ่อนไหวเหมือนอย่างอาเฟยเสียแล้ว
นายหมอจือนั้น ผมยังคิดไม่ตกอยู่เลยว่าไปชอบหลิงหลิงยังไง ตอนไหน
หลิงๆ เข้ามาหว่านเสน่ห์เพื่อหวังควบคุมให้ทำภารกิจตั้งแต่แรกแล้วรึเปล่า

เฮ้อ อารมณ์เรื่องนี้เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองจริงๆ อธิบายความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้น
ได้หลายอย่างเลยทีเดียว

เรื่องนี้รายละเอียดเยอะมากๆ แต่อ่านแล้วปะติดปะต่อเรื่องได้เข้าใจดี
ไม่งงเท่าไหร่แม้ผมจะตีความเรื่องซับซ้อนไม่เก่งก็ตาม
และชอบที่มีการนำเรื่องการทำงานหนักของอาเฟยและทุกๆ คนเข้ามาเน้นให้เห็นเป็นรูปธรรม
ให้เห็นว่าคนเราก็ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ในสังคมปัจจุบัน
แม้เป็นคนรวยก็ไม่ได้นั่งกินนอนกินอยู่ตลอดเวลา กลับยิ่งต้องทำงานหนักเสียยิ่งกว่าโดยเฉพาะด้านสมอง
ฉากไปยึดกิจการขาดทุนเพื่อเป็นไปทำโรงแรมก็ให้ความคิดอีกแบบหนึ่งว่าถึงแม้จะเป็นบริษัทที่รักและลงแรง
สร้างมาทั้งชีวิต ก็มีสิทธิ์ล้มหายไปต่อหน้าต่อตาในช่วงเวลาหนึ่งๆ

เรื่องนี้อาจมีคำถามว่าทำไมคนถึงหิวเงิน/อำนาจ จำนวนมากมายขนาดนั้น ผมได้ข้อสรุปว่า
คนเราถึงแม้จะเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้เมื่อตายไป แต่อย่างน้อยเราก็ได้อยู่บนทรัพย์ที่มีอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง
ก่อนที่มันจะหมุนเวียนไปจากมือเราตามวัฎจักร ชีวิตมนุษย์เราก็คงได้แค่นี้จริงๆ แค่ช่วงเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น

แนวคิดการเขียนเรื่องแหลมคมและได้เข้าใจจิตใจคนมากขึ้นเยอะ
สงสัยจริงๆ ว่าผู้เขียนทำงานอะไรถึงได้มีความคิดที่หลายด้านขนาดนี้ ขอชื่นชมจริงๆ ครับ
และขอชื่นชมคุณในความพยายามที่สม่ำเสมอ มีเรื่องยาวๆ มาลงอย่างไม่เคยทิ้งช่วง
จนเกิดประทับใจมากที่สุด จึงอยากคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันจะได้มีกำลังใจกันยาวๆ ที่จะทำผลงานดีๆ ต่อไป
ขอบคุณจริงๆ ครับ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 27 (23/03/11)
«ตอบ #335 เมื่อ24-03-2011 10:42:07 »

หึหึ
นี่แหละมาเฟีย

ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 27 (23/03/11)
«ตอบ #336 เมื่อ24-03-2011 10:44:17 »

นายน้อย... ผิดเพื่อถูกสินะคะ o18

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #337 เมื่อ24-03-2011 17:18:34 »

-28-


มู่อี้จิงกระแทกประตูบ้านเปิดเสียงดังก่อนจะกระแทกปิดกลับไปด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่นเช่นเดิม เขาหงุดหงิดงุ่นง่านมาตั้งแต่ที่โต้เถียงกับเซินเฟยซ้ำยังเกือบจะได้ชกกับโชเฟอร์แท็กซี่ โชคดีที่ควบคุมอารมณ์ได้แล้วกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย

หมัดขวากระแทกครั้งหนึ่งลงไปยังกำแพงที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย กระนั้นเจ้าตัวก็อดที่จะระบายความหงุดหงิดใส่ไม่ได้

ชายหนุ่มเสยผมตัวเองพลางพ่นลมหายใจหนักหน่วง

การทำงานกับมาเฟียเป็นเรื่องยากอย่างนี้เองน่ะหรือ!?

ตอนที่สารวัตรหรงเรียกเขาไปคุยเรื่องนี้ เขาคิดว่ามันจะเป็นงานง่าย ๆ แค่เก็บกวาดสิ่งที่พวกมาเฟียทิ้งเอาไว้เพราะไม่อาจเก็บกวาดด้วยตัวเองได้ หรือไม่ก็แค่เป็นสายสืบให้ในบางโอกาส ซึ่งทั้งหมดนั่นเขาไม่ได้มองว่าเป็นงานยุ่งยากเลย ซ้ำยังได้ค่าตอบแทนสูงด้วยซ้ำไป ทว่า ในวันนี้เขากลับได้รู้ซึ้งถึงคำว่ามาเฟีย สิ่งมีชีวิตที่อยู่คนละโลกกับเขา มีวิธีคิดที่แตกต่างจากมนุษย์ปุถุชนโดยสิ้นเชิง

บ้านเมืองมีกฎหมาย....องค์กรใต้ดินก็มีกฎของตัวเอง.....

คนที่เคยเหยียบย่างเข้าไปในโลกนั้นแล้วครั้งหนึ่งจะไม่มีโอกาสให้ถอย.....

เซินเฟยไม่ใช่คนที่ตัดสินด้วยอารมณ์ เขารู้ดี ในมือฝ่ายนั้นคงมีหลักฐานหรือข้อสันนิษฐานที่เชื่อมโยงปริศนาที่เขาแก้ไม่ตกได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยากจะทำใจให้ยอมรับว่าการตัดสินด้วยความตายคือสิ่งที่ถูกต้อง สองคนนั้นควรมีโอกาสได้แก้ต่างให้ตนเองไม่ใช่หรือ?

เวลาป่านนี้แล้ว....เซินเฟยคงจะจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อยเหมือนเดิม เด็กหนุ่มที่ดูเฉียบขาดเจ้าระเบียบในสายตาเขา ได้แฝงความเลือดเย็นอำมหิตไว้แค่ไหนกันนะ จะถึงกับหั่นร่างทั้งสองออกเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้สุนัขกินหรือเปล่า? หรือเอาศพไปถ่วงน้ำ บางทีอาจจะทรมานทั้งเป็นจนกว่าจะสารภาพก็ได้

เป็นเพราะมู่อี้จิงไม่เคยมองเซินเฟยได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขาจึงไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเมื่อเซินเฟยลงมือด้วยตัวเอง ผลจะออกมาเป็นเช่นไร

มู่อิ้จิงทิ้งตัวลงบนโซฟา พยายามระงับความโกรธเกรี้ยวของตนเอง เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นคนค่อนข้างดื้อรั้นและอารมณ์รุนแรง แต่ว่าเมื่อคิดจะทำงานกับคนอันตรายอย่างนั้นแล้ว การระงับสติอารมณ์ตัวเองเพื่อให้มีสติอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ กระนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อเขาคิดถึงใบหน้าที่แสดงความหวาดกลัวถึงขีดสุดในวินาทีก่อนจะถูกปลิดชีพของจือหยินและเฉียนหลิงหลิง หากว่าสองคนนั้นไม่ใช่คนผิดล่ะ? หากว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย ถ้าหากสิ่งที่เซินเฟยรู้มาเป็นเพียงข้อมูลที่ผิดพลาด นั่นจะไม่กลายเป็นว่าผู้บริสุทธิ์สองคนถูกฆ่าอย่างอยุติธรรมหรอกหรือ? ซ้ำตำรวจอย่างเขาทั้งที่อยู่ตรงนั้นกลับไม่อาจทำอะไรได้

พอคิดถึงตรงนี้มู่อี้จิงก็เริ่มอยู่ไม่สุข เขาลุกพรวดวิ่งไปที่ประตู วินาทีหนึ่งคิดว่าต้องไปห้ามเซินเฟยให้ได้ แต่แล้วเมื่อมือแตะลงบนลูกบิด ร่างกายของมู่อี้จิงก็พลันไร้เรี่ยวแรง

คงไม่ทันแล้ว.....

ระยะทางจากบ้านของตระกูลจือมาจนถึงอพาร์ทเมนท์ของเขาค่อนข้างไกลกันอยู่ ระหว่างที่เขานั่งรถกลับมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเซินเฟยคงจัดการเสร็จสิ้นแล้ว

“บ้าเอ๊ย......บ้าเอ๊ย!” มู่อี้จิงสบถก่อนชกเปรี้ยงไปที่ประตู เขาหันหลังพิงกับประตูบานนั้นแล้วไถลตัวเองลงนั่งบนพื้น ในชีวิตตำรวจจะมีอะไรน่าสมเพชไปกว่านี้อีกนะ คดีนี้ทำให้เขารู้สึกว่าอาชีพของตนเริ่มหมดความหมายไปทุกที เริ่มตั้งแต่การเกิดเหตุที่ไม่ได้คาดคำนวนไว้ ถูกกดดันให้เลิกสืบสวนกลางครัน ไม่สามารถสืบสาวหาเบาะแสคนร้ายได้ แล้วในเวลานี้เขายังไม่อาจต่อกรกับกฎขององค์กรใต้ดินได้อีก

นี่เขามาถึงจุดตกต่ำของชีวิตตำรวจตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 เลยหรือนี่....

ทำไมถึงต้องมีตำรวจนะ....เขาอดที่จะสงสัยขึ้นมาไม่ได้ เพราะในเมื่อองค์กรมืดนั้นปกครองตนเองได้อยู่แล้ว ซ้ำกฎหมายยังเคร่งครัดยิ่งกว่าที่ใช้กับคนเดินดินทั่วไปเสียอีก แล้วทำไมจึงต้องการตำรวจเข้ามาทำงานให้อีก แค่เฉพาะอิทธิพลของมาเฟียใหญ่อย่างจูเชว่ จะกดตำรวจต๊อกต๋อยอย่างเขาให้จมดินไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรอยู่แล้ว ขนาดผู้บัญชาการยังยอมให้เซินหยู่ข่มหัวอยู่นั่นไม่ใช่หรือ?

มู่อี้จิงกัดฟันด้วยความเจ็บใจ เขาลุกขึ้นอีกครั้ง เดินไปกระชากลิ้นชักโต๊ะตัวเองออกมาแล้วเหวี่ยงไปบนพื้น ในลิ้นชักโต๊ะตัวนั้นมีกระดาษอัดแน่นอยู่มากมาย ทั้งรูปถ่าย ใบประวัติ และกระดาษที่เขียนด้วยลายมือเป็นแผนผังรูปแบบการก่ออาชญากรรมที่อาจเป็นไปได้ซึ่งเขาและหวางซิงช่วยกันคิดมาหลายวัน มู่อี้จิงหยิบกระดาษขึ้นมาปึกหนึ่งแล้วฉีกกระชากจนกลายเป็นสองส่วน กระนั้นก็ยังไม่พอใจ เขายังทบมันเข้าด้วยกันแล้วฉีกอีกครั้งก่อนจะกลายเป็นการทึ้งกระดาษให้เป็นแค่เศษริ้ว

แต่แล้วสายตาของเขาก็พลันเหลือบไปเห็นข้อความเล็ก ๆ ตรงมุมกระดาษแผ่นหนึ่งที่ปลิวตกไปบนพื้น

มู่อี้จิงก้มลงไปหยิบขึ้นมาอ่าน

‘อย่ายอมแพ้นะครับ’

ความอุ่นซ่านรื้นอยู่ในอก ลายมือนี้เป็นของหวางซิงไม่ผิดแน่นอน

ในตอนที่ทำงานร่วมกันนั้น มีบางครั้งที่พวกเขาค้างคืนด้วยกันและหวางซิงมักต้องตื่นเช้าและออกไปทำงานที่บริษัทก่อนเสมอ มีอยู่วันหนึ่งที่เขารู้สึกทดท้ออย่างมาก และเช้าขึ้นมาเขาก็พบข้อความนี้บนแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะ

แล้วมันจะยังไงล่ะ.....

ยังไงหวางซิงก็เป็นมาเฟียเหมือนกัน กับแค่การฆ่าคนอีกฝ่ายคงมองว่าไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรสักเท่าไหร่....

ขอแค่เป็นคำสั่งหรือความปรารถนาของเซินเฟย เจ้าตัวก็พร้อมจะทำให้ทุกอย่างอยู่แล้วนี่! ที่มาทำดีกับเขาก็แค่เพื่อให้ได้ตัวเซินเฟยกลับมาเท่านั้นเอง

มู่อี้จิงขยำกระดาษชิ้นเล็ก ๆ เข้าด้วยกันจนแทบจะกลายเป็นก้อนก่อนโยนลงไปในถังขยะที่มีก้อนกระดาษอัดแน่นแทบล้นออกมา

เวลาเขาโมโหทีไรก็ต้องเป็นพาลพาโลฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกเรื่องที่ผ่านหูผ่านตาเสียทุกครั้งไป กระนั้นมันก็อดที่จะโกรธขึ้งระคนน้อยใจไม่ได้

หลังจากอาละวาดจนพอใจแล้ว มู่อี้จิงจึงกลับไปนั่งที่โซฟาอีกครั้งแล้วพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด หัวของเขาเย็นลงนิดหน่อย กระนั้นก็ยังคิดไม่ออกว่าหลังจากนี้จะทำอะไรต่อไป จะให้เขากลับไปคืนดีกับเซินเฟยน่ะหรือ? ทั้งที่เป็นฝ่ายต่อต้านและเดินหนีออกมาเองแท้ ๆ เซินเฟยคงไม่ยินดีนักหรอกที่เขาจะกลับไป หรือว่าจะไปบอกขอเลิกงานนี้กับสารวัตรหรงดีนะ? บางทีสารวัตรหรงที่ผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วคงจะเข้าใจเขาบ้าง ก็แค่ต้องกลับไปทำงานนักสืบน่าเบื่ออย่างเต็มตัวเหมือนแต่ก่อนนี้เท่านั้นเอง

เสียงออดหน้าประตูแทรกเข้ามาในโสตประสาท มู่อี้จิงไม่ได้นึกสงสัยว่าใครมา เขาแค่เดินออกไปเปิดประตูเพราะคิดว่าควรจะเปิดโดยไม่ได้คิดหรือคาดหวังอะไรไปมากกว่านั้น

หวางซิงยืนอยู่ข้างหน้าประตู สร้างความแปลกใจให้กับเจ้าของห้องอย่างมาก ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชอบมาหาเขาในเวลาที่ไม่คาดคิดเสมอนะ?

“ผมเข้าไปได้ไหมครับ?” หวางซิงเอ่ยถามเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้มู่อี้จิงกำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน กระนั้นมู่อี้จิงกลับไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาเพียงแค่เดินกลับเข้าไปในห้องโดยเปิดประตูทิ้งเอาไว้ หวางซิงตีความหมายนั้นว่าสามารถเข้าได้ จึงเดินตามเข้าไปแล้วปิดประตูตามหลัง แต่เมื่อหันมาเห็นสภาพห้องเข้า หวางซิงก็เกือบจะหัวใจวายเพราะลิ้นชักโต๊ะที่ตกลงมาอยู่ข้างล่างมีกระดาษไหลกระจายไปทั่ว ซ้ำยังมีเศษกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่หลายชิ้น หวางซิงคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย

“.....คุณมู่.....”

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ผมเข้าใจดี” มู่อี้จิงเป็นฝ่ายขัดขึ้นก่อนแล้วนั่งลงบนโซฟา “ในสายตาของคุณ ผมคงเป็นตำรวจที่อ่อนหัดมากเลยสินะ กับแค่.....การฆ่าคนของมาเฟีย ผมยังทนรับไม่ได้”

“คุณมู่.....” หวางซิงทอดเสียงอย่างอารี “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงมองผมด้วยสายตาสมเพชแบบนั้นล่ะ!” มู่อี้จิงขึ้นเสียงทำให้หวางซิงสะดุ้งเฮือกด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังโกรธอยู่ “ผมมันน่าสมเพชก็บอกมาตามตรงเลยจะดีกว่า! ผมมันไม่ได้ความเลยสักกอย่าง ทำคดีก็เหลว! หลักฐานก็ไม่มี! กำลังก็ไม่มี! ยังจะไปงัดข้อกับจูเชว่ ผมนี่มันโง่ชะมัด!” เสียงตะคอกก้องสะท้อนอยู่ในห้องแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างชัดเจน

หวางซิงเงียบไป เขาไม่รู้ว่าในสถานการ์นี้ตนเองควรจะพูดอย่างไรเพราะไม่เคยเผชิญหน้ากับมู่อี้จิงในสภาพอารมณ์อย่างนี้มาก่อน

มู่อี้จิงเองเมื่อได้ระบายออกไปแล้วก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก จึงก้มตัวลงเหมือนรู้สึกเหนื่อยแล้วค่อย ๆ พูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบา

“ผมขอโทษ.....ผมแค่......กำลังหงุดหงิด”

“ผมเข้าใจ” หวางซิงตอบกลับ

“คุณกลับไปบอกเจ้านายคุณเถอะ ผมไม่คิดจะหักหลังเขาหรอก ผมอาจจะไม่สามารถทำความเข้าใจกับวิถีของมาเฟียได้และอาจไม่เข้าใจตลอดชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เข้าใจฐานะตัวเองดี” มู่อี้จิงถอนหายใจออกมา “ผมก็แค่....อยากจะเป็นตำรวจที่ดีเท่านั้น แต่ยังไงผมก็ยังเป็นแค่คนธรรมดา การจะให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการฆ่าใครสักคนด้วยกฎของมาเฟียน่ะ....ผมไม่สามารถเข้าใจได้หรอก”

หวางซิงฟังคำพูดวกไปวนมาของมู่อี้จิงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกสับสนจึงเดินเข้าไปหาแล้ววางมือลงบนบ่า

“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“คุณว่าแบบนั้นแต่จูเชว่คงไม่ว่าแบบคุณหรอก”

“คุณมู่ ความจริงแล้วการต่อต้านของคุณไม่ได้เสียเปล่าหรอกนะครับ” หวางซิงเดินอ้อมโซฟามานั่งข้าง ๆ พลางยิ้มให้ “เพราะการที่คุณยังยืนยันความคิดของตัวเอง ยืนยันว่าหลักปฏิบัติที่คุณทำและกฎหมายที่คุณยึดมั่นนั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง นั่นไม่ได้หมายความว่าจากนี้ต่อไป ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นคุณก็จะไม่หวั่นไหวและถลำลึกลงไปในอำนาจมืดขององค์กรไม่ใช่หรือครับ? สารวัตรหรงไม่ได้บอกคุณหรอกหรือครับ ว่าคนแบบนั้นคือคนที่พวกเราต้องการให้มาทำงานด้วยมากที่สุด”

มู่อี้จิงมองหน้าผู้พูดเสมือนกำลังตกตะลึงอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เขาอับจนคำพูดไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งผ่านบททดสอบอันยากลำบากและได้รับคำชื่นชมจากคุณครูผู้ใจดีก็ไม่ปาน

หวางซิงจับมือมู่อี้จิงกางออกและยัดของสิ่งหนึ่งให้กุมไว้

“คุณเซินสั่งว่าให้นำสิ่งนี้มาให้คุณ แล้วถ้าคุณตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไปให้กลับไปพบที่โรงแรม” หวางซิงกล่าวจบก็ยืดตัวขึ้นยืน “ผมจะไปรอข้างนอกนะครับ”

หวางซิงทำอย่างที่ว่าจริง ๆ เจ้าตัวเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้คิดจะโน้มน้าวให้มู่อี้จิงรีบตามออกไปสักนิด

ชายหนุ่มก้มลงมองสิ่งที่อยู่ในมือ มันคือเมโมรี่การ์ดที่หาซื้อได้ทั่วไป

มู่อี้จิงเงยศีรษะขึ้นมองเพดานห้อง

การที่จูเชว่ส่งสิ่งนี้มา เขารับรู้ได้ถึงความนัยหลายอย่าง แต่โดยรวมแล้วนั่นคือ จูเชว่เชื่อใจเขาและยังต้องการให้เขากลับไปทำงานให้ เขาไม่รู้ว่าข้างในนี้มีอะไร แต่หากเป็นสิ่งที่จูเชว่ส่งมาอาจเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถไขข้อขัดแย้งในใจของเขาได้ เด็กหนุ่มคนนั้นทั้งที่อายุน้อยกว่าเขาหลายปีแต่กลับสามารถมองเขาได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าที่เขามองอีกฝ่ายเสียอีก

มู่อี้จิงนำเมโมรี่การ์ดไปเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งบนโต๊ะก่อนจะพบว่ามันเป็นไฟล์เสียง เขารีบเสียบเฮดโฟนเข้ากับลำโพงเพื่อป้องกันการดักฟัง

เสียงที่ออกมาจากเฮดโฟนคือเสียงของเฉียนหลิงหลิงและเซินเฟยไม่ผิดอย่างแน่นอน เสียงทั้งสองสนทนาโต้เถียงกันอยู่นานทำให้มู่อี้จิงสามารถเรียบเรียงเหตุการณ์ตามได้ไม่ยากด้วยประสบการณ์

เฉียนหลิงหลิง.....ใช้เช็คเงินสดที่มีลายเซ็นของจูเชว่ จ้างคนในกระทำการ.....คนในซึ่งกำลังเดือดร้อนเกินกว่าจะมีสติพิจารณาความผิดความชอบในคำสั่ง ซ้ำยังเป็นคนที่มีหน้าที่ทำงานใกล้ชิดจุดอันตรายมากพอที่จะถูกปิดปากได้โดยไม่ต้องลงมือเอง และเพราะคนกระทำเสียชีวิตในเหตุระเบิดด้วย เขาจึงไม่สามารถจับมือใครดมได้เพราะไม่มีสิ่งใดจะเชื่อมโยงไปถึงเฉียนหลิงหลิงได้เลย

เขาไม่รู้ว่าเซินเฟยเคลื่อนไหวเพราะมีหลักฐานยืนยันหรือเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน เพราะอย่างไรผู้กระทำก็ได้สารภาพออกมาด้วยตัวเองในตอนท้ายของการสอบสวน

สิ่งที่มู่อี้จิงอยากยืนยันมีเพียงแค่นั้น ขั้นต่อไปแม้เขาจะไม่ต้องังต่อก็สามารถคาดเดาได้ไม่ยาก

ชายหนุ่มลดเฮดโฟนลงวางบนโต๊ะ ดึงเมโมรี่การ์ดออกมา

สิ่งนี้คือหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกความผิดของเฉียนหลิงหลิงและจือหยิน และแน่นอน....เป็นหลักฐานที่ผูกมัดตัวเซินเฟยเองด้วย หากเขานำสิ่งนี้ไปเปิดเผย ฐานะของเครือตระกูลเซินจะต้องสั่นคลอนเมื่อสาธารณชนได้รับรู้ว่าเครือธุรกิจใหญ่เป็นศูนย์กลางขององค์กรใต้ดินอันดับหนึ่งในสี่ของฮ่องกง

เซินเฟยทำสีหน้าอย่างไรนะเมื่อหยิบยื่นสิ่งนี้ให้หวางซิงและบอกให้เอามาให้เขา

ความเชื่อใจของเซินเฟยถูกนำมาให้พร้อมกับภาระอันหนักหน่วงที่ต้องแบกรับไปพร้อมกับจูเชว่ผู้ยังอ่อนเยาว์คนนั้น

มู่อี้จิงคลี่ยิ้ม

ช่างเป็นคนที่ดูถูกไม่ได้จริง ๆ เป็นจูเชว่ที่รู้วิธีทำให้เขายอมสยบให้ทั้งยังแบ่งเอาภาระบนไหล่ตัวเองส่วนหนึ่งมาให้เขาแบกรับด้วยเสียอีก

ชายหนุ่มจ้องมองเมโมรี่การ์ดในมือ ก่อนจะจับปีกสองฝั่งแล้วออกแรงนิ้วเพียงนิด

ป๊อก!

เมโมรี่การ์ดถูกหักออกเป็นสองส่วนทันที มู่อี้จิงจัดการโยนทิ้งลงไปในถังขยะอย่างไม่ใยดี อย่างน้อยเวลานี้สมองของเขาก็ปรอดโปร่งแจ่มใส รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฟ้าหลังฝนไม่มีผิด มู่อี้จิงรีบแต่งตัวใหม่อย่างรวดเร็ว ทั้งยังหวีผมอย่างดีเหมือนกับกำลังมีนัดสำคัญกับสาวสวยอย่างไรอย่างนั้น เมื่อมองกระจกและพบว่าตนเองกูเรียบร้อยดีแล้วจึงเดินออกมาจากห้อง และได้พบหวางซิงที่กำลังยืนรอด้วยท่าทีนิ่งสงบ

“ขอโทษที่ให้รอนานครับ” เขากล่าวขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะครับ” หวางซิงยิ้มกว้างให้แก่ชายหนุ่มแล้วหันตัวไปยังทางเดิน ทว่ากลับถูกรั้งให้ถอยหลังและตกอยู่ในวงแขนแข็งแรงของนายตำรวจหนุ่ม มู่อี้จิงสวมกอดอีกฝ่ายจนแนบแน่นก่อนจะฝังใบหน้าลงบนหัวไหล่

“ขอบคุณ”

หวางซิงหน้าแดงด้วยความเขิน เขาไม่ค่อยจะมีโอกาสถูกกอดอย่างแนบสนิทสักเท่าไหร่จึงอดกระดากไม่ได้ แต่ก็ยอมโอนอ่อนให้ด้วยการแตะมือลงบนท่อนแขนอีกฝ่าย

“ผมยินดีครับ”

--------------------->

“คุณคิดว่าเขาจะกลับมาหรือครับ?” ฉู่เหวินจือเอ่ยถามพลางเขียนเฝือกตัวเองเล่นไปเรื่อย ทั้งวาดการ์ตูนและเขียนข้อความ โดยปกติแล้วจะเป็นคนเยี่ยมไข้เขียน แต่เขาไม่มีคนมาเยี่ยมซ้ำยังไม่มีอะไรทำ จึงขีดเขียนของตัวเองแก้เบื่อฆ่าเวลาไปอย่างนั้น

“นายพูดถึงใครกัน?” เซินเฟยเลิกคิ้วพลางมองการกระทำแบบเด็ก ๆ นั้นด้วยความรำคาญสายตา

“ก็นักสืบมู่น่ะสิครับ เขาดูเป็นตำรวจที่ซื่อตรงถึงขนาดนั้น ถึงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็อาจไม่กล้าโผล่กลับมาก็ได้ หรือผมพูดผิดไป?” ฉู่เหวินจือว่าไปก็เขียนชื่อของตัวเองข้าง ๆ ชื่อเซินเฟยที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น แล้วจึงเขียนรูปหัวใจไว้ตรงกลางก่อนจะชูให้เซินเฟยดูด้วยใบหน้าทะเล้นทะลึ่ง เด็กหนุ่มมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน นึกอยากหักแขนอีกข้างเสียจะได้เลิกทำอะไรไร้สาระเสียที ส่วนการ์ดสองคนในห้อง แม้จะเห็นข้อความอุกอาจโจ่งแจ้งของฉู่เหวินจือแต่ก็ทำเป็นไม่เห็นด้วยไม่อยากจะเดือดร้อนภายหลัง

“นายคิดว่าฉันส่งหวางซิงไปเพื่ออะไรกัน” เซินเฟยสะบัดหน้าไปทางอื่น ระยะนี้เขาเริ่มคร้านจะโมโหไปกับฉู่เหวินจือทุกเรื่องแล้ว ขืนเอาแต่โมโหหงุดหงิดคนอย่างฉู่เหวินจือไปทุกอย่างทุกการกระทำ เขาอาจจะลมจุกอกตายเอาก่อนอายุถึงเลข 3

ฉู่เหวินจือเลิกคิ้วกับชื่อของหวางซิงก่อนแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“คุณนี่ร้ายจริง ๆ”

“นายมีสิทธิว่าฉันด้วยหรือยังไง?” นัยน์ตาเรียวรีหรี่ลงเล็กน้อย เขาอยู่กับหวางซิงมานานจนบางครั้งมักจะลืมสังเกตสังกาอะไรเกี่ยกวับอีกฝ่ายไปเพราะความเคยชิน กระนั้นเมื่อห่างกันไปเดือนหนึ่ง เขากลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามู่อี้จิงและหวางซิงมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกันมากกว่าคนที่ต้องติดต่อประสานงานธรรมดา จริงอยู่ว่าเขาไม่เห็นด้วยที่จะส่งหวางซิงไปล่อลวงคนอื่นราวกับใช้กลหญิงงามสมัยโบราณ แต่เมื่อศึกษาแล้ว เขาพบว่ามู่อี้จิงก็เป็นคนดีคนหนึ่ง เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ทำอันตรายกับหวางซิงอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนั้นถึงได้ส่งหวางซิงไปดึงมู่อี้จิงกลับมา อีกข้อหนึ่งคือ หวางซิงเป็นคนฉลาดพูดมาไหนแต่ไรและเป็นปากเสียงแทนเขาเสมอ ดังนั้นหากเป็นคำพูดของหวางซิง มู่อี้จิงอาจจะยอมฟังมากกว่าคำพูดของเขา

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #338 เมื่อ24-03-2011 17:22:49 »

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คิดจะรอจนกว่านักสืบมู่จะมาหรือครับ?” ฉู่เหวินจือเอ่ยถามต่อพลางวางปากกามาร์กเกอร์ลงบนโต๊ะใกล้ ๆ หลังจากเขียนเฝือกไปหลายที่จนแทบหาพื้นที่ว่างไม่ได้

“หรือนายไม่เห็นด้วย?”

“ผมไม่ได้พูดแบบนั้น” ชายหนุ่มรีบปัดคำพลางลอบยิ้มลุ่มลึกตามลำพัง

มู่อี้จิงเป็นนายตำรวจที่มีความสามารถและซื่อตรงอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่เพียงเซินเฟยอยากได้ไว้ใช้งาน เขาเองก็คิดว่านายตำรวจคนนี้จะต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าในสายตาของเขา มู่อี้จิงยังอ่อนหัดเกินไปสักหน่อย แต่ว่าเขาเองก็หาวิธีใช้งานได้ไม่ยากนัก ในไม่ช้า เขาเองก็อาจจะต้องใช้บริการบ้างเหมือนกัน และในเมื่อหวางซิงมีอิทธิพลต่อมู่อี้จิง หวางซิงก็จะเป็นกุญแจให้เขาสามารถใช้งานมู่อี้จิงได้ง่ายขึ้น

คนที่ใช้งานได้ปรากฏตัวออกมาแล้วอย่างนี้ ซ้ำตัวปัญหาก็ค่อย ๆ ถูกกำจัดไปทีละรายจนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว แสดงว่าใกล้จะถึงเวลาจบงานของเขาแล้วกระมัง....

ตอนนี้ตัวปัญหาหลักก็เหลือแค่คนเดียว....

ฉู่เหวินจือเหน็บรอยยิ้มที่มุมปากพลางปรายตามองเซินเฟยที่กำลังนั่งรอเวลาอย่างเงียบ ๆ

อีกไม่นานจะต้องจากกันเสียแล้วสิ

ในขณะที่เขาคิดอย่างนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น การ์ดคนหนึ่งเดินไปมองผ่านตาแมวก่อนเปิดประตูออกเมื่อพบว่าคนที่อยู่หน้าห้องคือคนที่เจ้านายของเขากำลังรออยู่ หวางซิงก้าวเข้ามาก่อนตามด้วยการ์ดสองคนที่ตามไปด้วย และจากนั้นจึงเป็น....มู่อี้จิง

“แน่ใจแล้วหรือที่กลับมา” เซินเฟยเอ่ยถามโดยไม่ได้เลื่อนสายตาไปมอง แต่ทุกคนก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังถามใคร

“ถ้าผมไม่กลับมา คุณก็ดำเนินแผนต่อไม่ได้น่ะสิ” มู่อี้จิงไหวไหล่แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ว่างอยู่ “ผมไม่ชอบทิ้งงานไปกลางครัน”

“ถ้าอย่างนั้นอย่าให้ผมเห็นสภาพน่าสมเพชแบบนั้นอีก” เซินเฟยกล่าวแล้วหันไปมองหวางซิง “นั่งลงเถอะ คุณทำงานได้ดีแล้ว”

หวางซิงยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนรีบเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เซินเฟยแล้วเบียดฉู่เหวินจือให้ขยับห่างออกไปอีกด้านหนึ่งของเก้าตัวยาว กระนั้นฉู่เหวินจือก็ไม่ได้แสดงท่าทีขัดใจอะไรออกมา เขาเพียงยอมขยับให้โดยดีแล้วนั่งเอนตัวเล็กน้อยพิงกับที่พักแขนด้านข้าง

“ในเมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้วผมจะแจกแจงงานให้ฟัง” เซินเฟยประสานมือไว้ด้านหน้าก่อนจะเอ่นตัวพิงพนักเก้าอี้ “อย่างที่ทุกคนรู้ ตอนนี้ที่บริษัทกำลังวุ่นวายเพราะพ่อของผมเข้าบริหาร แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วพ่อของผมไม่มีพรสวรรค์ด้านการบริหารเลย ดังนั้นแม้พวกบอร์ดบริหารจะหนุนหลังในตอนแรก แต่ตอนนี้คงจะถอยกันเกือบหมดแล้วเพียงแต่ไม่ได้แสดงการต่อต้านอย่างเปิดเผยเท่านั้น เรียกได้ว่า พ่อของผมกำลังจะถูกตัดหางปล่อยวัด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ตัวดีจึงได้ส่งคนของตัวเข้าไปควบคุมที่แผนกต่าง ๆ ดันคนของตัวเองให้เป็นคนควบคุมแต่ละแผนกโดยเฉพาะแผนกที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรและบัญชีบริษัท”

“นั่นทำให้คุณเซินหยู่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกยึดอำนาจบริหารคืนไป....” หวางซิงเสริมต่อ เขาเองก็รู้มาว่าเซินหยู่เอาคนของตัวเองแฝงเข้าไปในบริษัทและคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นคนทำงานแทบทั้งหมดส่วนเซินหยู่เอาแต่ผลาญอำนาจไปวัน ๆ อย่างไร้ค่า ช่วงที่เขาค่อย ๆ ปล่อยบริษัทให้เซินหยู่จัดการ ผลกระทบคงชัดเจนมากพอที่พวกผู้บริหารจะรู้ตัวได้แล้ว

“พ่อของผมเรียนรู้เรื่องฐานอำนาจได้เร็วก็จริง แต่เขาก็ยังอ่อนหัดเรื่องบริหารอยู่ดี ดังนั้นผมคงปล่อยบริษัทให้เขาดูแลต่อไปไม่ได้”

“แปลว่าคุณจะเข้ายึดอำนาจ?” มู่อี้จิงเอ่ยถามแล้วทำสีหน้ายุ่งยากใจ การปะทะด้วยอิทธิพลมีแต่จะทำให้คนตายมากขึ้น มือปืน นักลอบสังหาร ทุกอาชีพที่เกี่ยวข้องกับโลกมืดจะถูกลากออกมาเพื่อทำสงครามแย่งชิงบัลลังก์มาเฟียและอาจมีผู้บริสุทธิ์เคราะห์ร้ายโดนลูกหลงเข้าได้ นอกจากนี้ ความวุ่นวายขององค์กรใต้ดินจะส่งผลถึงภาพรวมของฮ่องกง ตำรวจจะกลายเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าทันทีหากเกิดความรุนแรงขึ้น

“เปล่า” เซินเฟยปฏิเสธทำให้มู่อี้จิงโล่งใจและแปลกใจไปพร้อมกัน

“แล้วคุณจะทำยังไง?”

เซินเฟยเหลือบสายตาขึ้นมองนายตำรวจหนุ่ม

“นั่นคือหน้าที่ของคุณ”

“หา!?” มู่อี้จิงเผลอร้องออกมาแล้วผงะถอย “ตำรวจไม่ได้มีไว้ให้คุณเอาไปไล่ยิงใครต่อใครนะจูเชว่!”

“คุณย้ายไปอยู่หน่วยคอมมานโดตั้งแต่เมื่อไหร่?” เซินเฟยมุ่นคิ้ว “ที่ผมจะบอกก็คือ คุณต้องสืบสาวว่าคนที่เข้าไปทำงานให้พ่อของผมมีใครบ้าง และแต่ละคนเข้ามาด้วยจุดประสงค์อะไร”

“แค่นั้น.....หรือครับ?” มู่อี้จิงอ้าปากค้าง

“ในเมื่อคนเหล่านั้นคือฐานอำนาจของพ่อ สิ่งที่ผมต้องทำก็คือทลายฐานนั่นเสีย” เด็กหนุ่มหลุบสายตาลงต่ำอีกครั้ง “พ่อของผมบริหารคนให้ซื่อสัตย์จงรักภักดีไม่เป็น สิ่งที่ใช้ชักจูงคนหล่านั้นจึงเป็นเรื่องผิวเผินอย่างเงินทองหรืออำนาจเท่านั้น หรือบางทีอาจจะเป็นความกลัวเกรง หากคุณรู้ว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร เราก็โน้มน้าวให้เปลี่ยนฝ่ายได้ไม่ยาก”

มู่อี้จิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง บางทีนี่อาจเป็นวิธีที่ละมุนละม่อมที่สุด

“ผลลัพธ์จะเป็นยังไง ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณแล้ว นักสืบมู่”

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด” มู่อี้จิงรับคำแข็งขันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “คุณมีเวลาให้ผมได้เท่าไหร่”

เซินเฟยนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

“หนึ่งเดือน”

มู่อี้จิงฟังแล้วจึงพยักหน้ารับ เวลาหนึ่งเดือนไม่ได้มากหรือน้อยเกินไปนักสำหรับเขาที่เหลืออยู่ตัวคนเดียว งานนี้เขาขอความช่วยเหลือจากทางกรมหรือแผนกของตัวเองไม่ได้ นับว่าเซินเฟยกรุณากับเขามากทีเดียวที่ยืดเวลาให้ถึงขนาดนี้ทั้งที่เวลาของตนเองก็กระชั้นขึ้นทุกที เส้นตายการประกาศแต่งตั้งจูเชว่คนใหม่จะมีในอีก 2 เดือนข้างหน้า หลังจากเขาสืบความไปแล้วหนึ่งเดือนยังต้องใช้เวลาค่อย ๆ จัดการตามแผนทีละขั้นอย่างใจเย็น หากช้าไปกว่านี้เพียงนิด เซินเฟยอาจต้องสูญเสียเก้าอี้จูเชว่ของตนเองไปก็เป็นได้

“หวางซิง หน้าที่ของคุณคือการทำงานเลขาไปอย่างเดิม” เซินเฟยหันกลับมาแจงงานต่อ “ตอนนี้งานที่บริษัทเริ่มวุ่นวาย หากเสียหายไปมากกว่านี้ถึงจะกู้สถานการณ์ได้ก็ใช่จะซ่อมแซมได้ในเร็ววัน ระบบที่จูเชว่สองรุ่นก่อนได้วางไว้กำลังถูกทำลายไปทีละน้อย การวางระบบใหม่ต้องใช้เวลาและคนที่ไว้ใจได้ ดังนั้นเราจะปล่อยให้เสียหายไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

“ครับ” หวางซิงตอบรับสั้น ๆ เพราะเขาเข้าใจจุดประสงค์ของเซินเฟยอย่างแจ่มแจ้ง

“ฉู่เหวินจือ นายไปกับฉัน”

“ผมหรือครับ?” ฉู่เหวินจือเลิกคิ้ว

“เรามีเรื่องต้องจัดการ” เซินเฟยว่าเสียงเยียบเย็น “พวกหัวหน้าแก๊งค์ถึงเวลาจะต้องรู้ได้แล้วว่า อำนาจจูเชว่ของผมทำอะไรได้บ้าง ในเมื่อพวกเขาเริ่มแข็งข้อกับการบริหารของพ่อ ผมก็จะใช้โอกาสนี้สยบพวกเขาให้อยู่ใต้อำนาจอย่างที่ควรจะเป็น”

ฉู่เหวินจือยิ้มออกมา

“ผมเข้าใจแล้วครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว นักสืบมู่ คุณกลับไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ของคุณและเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด อย่าให้ใครไหวตัวได้ ส่วนอาซิง ช่วงนี้คุณต้องอยู่ที่บ้านใหญ่ พยายามติดต่อกับนักสืบมู่แค่เท่าที่จำเป็น และติดต่อกับผมผ่านการ์ดเท่านั้น อย่ามาที่นี่เป็นอันขาดและอย่าใช้เครื่องมือสื่อสารด้วย”

หลังจากแจกจ่ายงานเรียบร้อย เซินเฟยก็สั่งให้มู่อี้จิงและหวางซิงกลับไปเนื่องจากเขาเริ่มเหนื่อยแล้วและอยากพักผ่อนก่อนเริ่มงานในวันรุ่งขึ้น กระนั้นเมื่อเขาขึ้นเตียงได้ไม่นาน ฉู่เหวินจือก็เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงที่ขอบเตียงพลางมองใบหน้าของเขาเหมือนกับมีเรื่องจะพูด

“มีอะไรก็ว่ามา”

“คุณเซินไม่คิดจะให้รางวัลผมหรือครับ?” ฉู่เหวินจือว่าพลางยิ้ม “หรือว่างานนี้ผมยังทำได้ไม่ดีพอ?”

“อ้อ.....” เซินเฟยรับคำในคอ จะว่าไปแล้ว งานนี้หากขาดฉู่เหวินจือไปเขาคงจะตายไปแล้ว และถึงจะรอดมาได้เขาก็คงไม่มีทางดำเนินการมาถึงขั้นนี้ได้ ดังนั้นงานนี้นับว่าฉู่เหวินจือมีส่วนช่วยมากทีเดียว ควรจะได้รับการตอบแทนอย่างเหมาะสมหลังจากต้องลำบากมานาน ถึงแม้เขาจะยังแคลงในใจวิธีการของฉู่เหวินจืออยู่มากก็ตามที “ฉันมีข้อแม้ หลังจากจบงานนี้นายต้องเล่าความจริงให้ฉันฟัง”

“ได้ครับ ผมจะบอกความจริงทุกอย่าง” ฉู่เหวินจือรับคำโดยไม่อิดเอื้อน

“แล้วนายอยากได้อะไร?”

“คุณไม่ทราบหรือครับ?” แทนที่จะตอบตามตรง ฉู่เหวินจือกลับค่อย ๆ โน้มตัวลงไปจนใบหน้าทั้งสองเกือบประชิดกัน ทั้งยังใช้แขนข้างที่ไม่หักกุมมือของเซินเฟยอย่างมีความหมาย เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกด้วยความตกใจก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่งเพราสายตากรุ้มกริ่มที่ฉู่เหวินจือใช้มองเขานั้นแฝงความนัยไว้หลากหลาย แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะแปลความนัยที่ชัดแจ้งที่สุด

จะว่าไปแล้ว เขาก็หลีกเลี่ยงปฏิเสธฉู่เหวินจือมานานแล้ว การที่อีกฝ่ายจะเรียกร้องสิทธิพิเศษอย่างเดิมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เพราะเขายืนยันว่าอย่างไรก็ต้องมีผลงานที่เหมาะสมกับรางวัล หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาจึงทำได้เพียงการจูบและกอดในบางโอกาสเมื่อเขายินยอมเท่านั้น

“ก็ได้” เซินเฟยยอมตกลงในที่สุด ด้วยมองไปแล้วฉู่เหวินจือก็ได้กระทำทุกอย่างเพื่อความพึงพอใจของเขามาโดยตลอด และไม่เคยแสดงท่าทีแข็งข้อเมื่อถูกเขากดให้อยู่ใต้อำนาจ ซ้ำยังทำงานของตัวเองอย่างเดิมไม่ได้ลดคุณภาพงานลงเลย เพียงแต่ออกไปทำงานข้างนอกมากขึ้นจนไม่ค่อยอยู่ข้างกายเขาแล้วเท่านั้น

ฉู่เหวินจือยิ้มกว้างแล้วเริ่มซุกไซ้คลอเคลียผิวบาง ใช้มือที่เหลือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมทีละเม็ด ๆ ก่อนลูบไล้สัมผัสผิวเนื้อภายใต้อาภรณ์ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน

เซินเฟยสูดหายใจลึก ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขารู้สึกกลัวขึ้นมาเมื่อถูกสัมผัสด้วยความปรารถนา

อาการเกร็งสั่นและขบริมฝีปากจนซีดขาวนั้นสังเกตได้ไม่ยากนัก ฉู่เหวินจือมองดูเซินเฟยพลางคิดคำนวนบางอย่างในใจและออกมาจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากก่อนผละออก ทำให้เซินเฟยลืมตาขึ้นมองด้วยความสงสัยว่าเหตุใดคนดื้อดึงอย่างฉู่เหวินจือจึงไม่รุกเข้ามาอย่างที่เคยทำอยู่ประจำ

“ผมเจ็บอยู่อย่างนี้คงทำไม่ไหว คืนนี้ขอแค่ไม่โดนไล่ลงไปนอนบนพื้นก็แล้วกัน” ฉู่เหวินจือตอบแล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ก่อนรั้งเซินเฟยเข้ามากอด เจ้าตัวไม่ได้ต่อว่าอะไร เขาถอนหายใจออกมาเหมือนรอดพ้นจากความน่ากลัวบางอย่างมาได้หวุดหวิดและผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของฉู่เหวินจือ แต่ปฏิกิริยาของเซินเฟยในวันนี้ก็ทำให้ฉู่เหวินจือสามารถสรุปความบางอย่างได้ เหตุผลที่เซินเฟยหลบเลี่ยงการมีสัมพันธ์ทางกายอยู่ตลอดนับแต่เฉยชากับหวางซิงในคราวนั้น ฉู่เหวินจือสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นได้ไม่ยากนักจากการตอบสนองของเซินเฟยในวันนี้

ชายหนุ่มยิ้มออกมาในความมืด หวางซิงยังคงเป็นเลขายอดเยี่ยมอย่างเคย ใช้วิธีรุนแรงอย่างนั้นเพื่อปกป้องเซินเฟยจากเขาอย่างนั้นหรือ? เกินความคาดหมายไปไกลจริง ๆ แม้แต่เขายังต้องใช้เวลานานถึงขนาดนี้กว่าจะรู้ได้

หวางซิง....ผู้ชายคนนั้นดูจะใช้งานได้มากกว่าที่คิดเอาไว้....

TBC

-------------------------------

ดีใจ มีคนออกมาให้กำลังใจเยอะแยะมากมาย XD

แอบตอบคำถามว่าเซียร์ทำงานอะไร เซียร์ยังไม่ได้ทำงานค่ะ ยังเรียนมหาลัยอยู่เลย 555+

แล้วก็มีเรื่องมาแจ้งนักอ่านทุกท่าน ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเซียร์ขอเว้นระยะการอัพนะคะ เพราะต้องไปทำงานที่งานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์ค่ะ พอทำงานเสร็จแล้วก็น่าจะว่างอัพได้เหมือนเดิม ต้องขออภัยถ้าใครรู้สึกค้างกับตอนที่อัพล่าสุดนี้นะคะ 555+ (แต่เหมือนมีคนบอกว่ามันก็ค้างทุกตอน=[]=!)

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #339 เมื่อ24-03-2011 17:33:53 »

อ๊ากกก ค้างอย่างที่ว่าจริงๆ
ทำงานเสร็จแล้วก็รีบมาต่อนะคะ
รออย่างใจจดจ่อ  :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2011 18:27:01 โดย Rafael »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
« ตอบ #339 เมื่อ: 24-03-2011 17:33:53 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mahbongz

  • บุคคลทั่วไป
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #340 เมื่อ24-03-2011 18:24:49 »

 :เฮ้อ: บางทีก็อดคิดไม่ได้นะ ว่าจริงๆแล้ว ฉู่เหวินจือก็คือไป๋หู่หรือเปล่า? :man1:

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #341 เมื่อ24-03-2011 19:22:21 »

 :laugh:

มันส์อ่ะ

ช๊อบๆๆๆๆๆ

แต่ขอร้องนะฉู่เหวินจืออย่าหักหลังตอนนี้อาเฟยกำลังรู้สึกดีด้วยน่ะ
ไม่งั้นจะ กรี๊ดดดดดดดดดมากเลย

สู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #342 เมื่อ24-03-2011 19:25:01 »

จบตอนนี้ไม่ค้างเท่าไร แต่ถ้าเรื่องสงสัยยังเยอะโคตร ๆ
ก็ "ลึกลับตัวพ่อ" อย่างฉู่เหวินจือยังทำตัวน่าสงสัย และ ตีเจตนาไม่ออก
มองคนนั้น คนนี้ว่าใช้งานได้ เหมือนเป็นหมาก แต่ตาฉู่กำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ล่ะ???
กว่าจะได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของฉู่เหวินจือ ถ้าจะอีกนานโข ( อาจจะใกล้ ๆ จบเรื่อง )
ส่วนน้องมู่ จะสับสนก็ไม่แปลก เพราะ นั่นเป็นจรรยาบรรณของการเป็นตำรวจ
ถ้าแกไม่คิด ไม่รู้สึกอะไรสักนิดสิ คงต้องเติมคำว่า " เลว" ต่อจากคำว่า "ตำรวจ"

จะรอวันที่ คุณ ZIar กลับมาอัพตอนต่อไป แล้วก็ Enjoy working นะค่ะ ~ :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2011 22:33:26 โดย Cherry Red »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #343 เมื่อ24-03-2011 20:26:33 »

อดคิดไม่ได้ว่าอาฉู่มาเพราะคำสั่งของคนใกล้ตัวอาเซิน  จูเชว่คนก่อนหน้าที่หายตัวไปอย่างลึกลับ
ตอนนี้อ่านแล้วเหมือนอาฉู่เศร้าลึก ๆ ยังงัยก็ไม่รู้แฮะ ... อยากเห็นจุดจบพ่อของอาเซินเร็ว ๆ จัดมาแรง ๆ ให้สาสมเลยก็ดี

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #344 เมื่อ24-03-2011 20:33:28 »

คุณฉุ่หมายความว่างยังไงอ่ะ
ที่ว่าใช้งานได้ดีจริงๆเนี่ย
โฮๆๆ ทำไมดูมีลับลมคมใน ดูไม่ซื่อกับน้องเฟยเฟย อ้ะ
ยังไม่ต่อล่ะเนี่ย ลุ้นมาก !!!

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #345 เมื่อ24-03-2011 22:38:54 »

ฉู่เหวินจือเป็นใครกันแน่เดาไม่ออกเลยจริงๆ คนอื่นยังพอเดาได้บ้าง แต่ฉู่เหวินจือคนนี้ดูลึกลับจริงๆ เฟยเฟยจะต้องเจออะไรบ้างเนี่ย

ชอบคู่นักสืบมู่กับอาซิงมากๆเลยอ่ะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #346 เมื่อ24-03-2011 23:55:37 »

มาบทนี้ นายฉู่คิดแต่คำว่า "ใช้งาน" บ่อย จนเริ่มกลับมาไม่น่าไว้วางใจอีกแล้ว

เซ็งความลึกลับซับซ้อน (แต่คิดอีกทีก็เป็นเสน่ของเรื่องนี้)

แต่อยากรู้ความนัยต่างๆนี่นา เมื่อไหร่จะเฉลยว่านายฉู่เป็นไงกันแน่เนี่ยยยยยยยย

ออฟไลน์ beautyless

  • PP Kintai Love
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #347 เมื่อ25-03-2011 05:50:24 »

หลงเสน่ห์นิยายเรื่องนี้ซะแล้ว ถึงแม้มู่ดูท่าทางจะออกร้ายๆ
แต่ผมกลับมองเห็นถึงความพิเศษในความสัมพันธ์ที่มู่หยิบยื่นให้เฟย
แม้จะเพื่อภารกิจบางอย่าง แต่กลับเต็มไปด้วยความกล้าหาญ อบอุ่น
อ่อนโยน สนุกสนาน เสี่ยงตายแทน ปกป้อง เอาใจใส่มากมายเหลือเกิน
เกินกว่าที่คู่รักกันจริงๆ หลายคู่จะกระทำต่อกันด้วยซ้ำ
ความรู้สึกของผมตอนนี้ ถ้าผมเป็นเฟยผมคงละลายในอ้อมกอดเขา
ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็คงยอมแล้วล่ะ

ไม่ว่าเรื่องจะดำเนินไปแบบใด แต่แค่ตอนนี้บอกก่อนล่วงหน้าเลยว่าทึ่ง
ในการเขียนเรื่องจริงๆ นะ


ปล. เป็นนักศึกษาแต่คิดเรื่องอะไรต่างๆ เก่งจัง จะติดตามตอนต่อไปนะ สนุกมากมาย

ออฟไลน์ yakusa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #348 เมื่อ25-03-2011 12:53:24 »

เฮ้อ ไม่อยากบอกว่าค้างทุกตอนจริงๆ มันลุ้นจนตัวจะหงิกและ :serius2:



ปล. จะไปงานหนังสือเหมือนกัน อยุ่ตรงไหน จะไปเอาตอนต่อไป :L2: :L2:


ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #349 เมื่อ25-03-2011 17:24:47 »

เอาให้จบคดีนี้ก่อนแล้วค่อยหายไปไม่ได้เหรอ?

จะค้างรอไปจนจบงานหนังสือค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
« ตอบ #349 เมื่อ: 25-03-2011 17:24:47 »





ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #350 เมื่อ25-03-2011 22:24:27 »

โอ้ยยังไงเนี่ยฉู่เหวินจือจะทิ้งเซินเฟยไปเหรอเนี่ย


รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบบ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #351 เมื่อ26-03-2011 20:27:14 »

อ่านตอนแรกจำชื่อไม่ค่อยได้เลย เรียกยากเนอะ

ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #352 เมื่อ26-03-2011 21:23:44 »

ที่บอกว่าเหลือแค่คนเดียวนั่นหมายความว่าไงกันคะ!!? หือ คุณมู่...แต่นะ หวางซิงนะหวางซิง จะว่าแก้ปัญหาได้ดีก็ดีอยู่หรอก แต่ขัดใจพิกลแฮะ

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #353 เมื่อ26-03-2011 22:13:07 »

เซียร์อยู่บูท w08 ค่ะ
ใครว่างๆก็แวะไปทักได้นะคะ คนหน้ากลมๆ ผมยาวๆ(อาจจะปักปิ่นถ้าวันนั้นไม่ได้สระผม) นั่งขายอยู่หน้าบูทที่เต็มไปด้วยพวงกุญแจ นั่นแหละค่ะใช่เลย XD อนุญาตให้ทักทายค่ะ 555+
(ใครซื้อสัตยาธิษฐานไปจะมาขอลายเซ็นก็ได้นะคะ 555+<<<จะมีคนเอาเรอะ=[]=!)

ออฟไลน์ £.Ma|e¥

  • ชั้นคือผู้หญิงโรคจิต!! โฮะๆๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงŪ
«ตอบ #354 เมื่อ27-03-2011 21:29:39 »

อ๊ากกกกก อีตาฉู่ ทำไมคิดแบบนี้ล่ะ ไม่หวั่นไหวกับอาเฟยมั่งหรอ(ต้องมีมั่งเซ่ -o-)
ยังเดาไม่ออกจริงๆว่าอาฉู่คิดจะทำอะไร ลึกลับมากกกก
หวังว่าอาฉู่คงไม่คิดจะทำอะไรที่ไม่ดีนะยะ(ไม่งั้นมีโดดตบปากแน่ อาฉู่ 55+)
แอบคิดคนเดียวว่า การที่อาฉู่เข้ามาอยู่ใกล้อาเฟยก็เพื่อที่จะช่วยเหลืออาเฟยจริงๆ แบบว่าอ่านตอนนี้แล้วมัน..

 คนที่ใช้งานได้ปรากฏตัวออกมาแล้วอย่างนี้ ซ้ำตัวปัญหาก็ค่อย ๆ ถูกกำจัดไปทีละรายจนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
แสดงว่าใกล้จะถึงเวลาจบงานของเขาแล้วกระมัง....  :a5:
เหมือนกับว่ามาช่วยอาเฟยกำจัดตัวปัญหาเหล่านี้ เพื่อที่ตำแหน่งจูเช่วจะได้มั่นคง ตามคำสั่งของไป่หู
แต่ก็งง ไอ้คำว่า ใช้งาน ใช้งานๆๆๆๆ เหมือนจะเป็นคนไม่ดีง่ะ
อร๊ายยยยย งงค่า~ คุณเซียร์ช่วยมาไขข้อข้องใจให้เร็วๆทีเถ๊ออออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2011 21:31:15 โดย Ukira.zan »

ออฟไลน์ nomo9

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #355 เมื่อ28-03-2011 07:01:33 »

อืมม์ อาฉู่เก่งแล้วก็ฉลาดเกินไปสำหรับโพรไฟล์คนที่เป็นแค่ลูกน้องอ่ะ น่าจะมากกว่านั้นน้า ^_^ o13

theblink

  • บุคคลทั่วไป
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #356 เมื่อ01-04-2011 02:27:55 »

อ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบ !
สนุก ตื่นเต้นมากๆอ่ะ  ดูดิ ตอนนี้ก็ตี 2 ละ ฮ่าฮ่า
อยากบอกอะไรหน่อยอ่ะค่ะ 
คาใจอาฉู่จังเลยค่ะ  อะไรก็ดูมีเงื่อนงำไปซะหมดเลยนะแก ไม่รู้ว่าความลับที่มันปิดไว้จะทำให้เฟยเฟยเสียใจรึป่าวนะ? แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ จะขอตบให้หายแค้นซักร้อยร้อยรอบเลย  ฮึ่ม 
แต่ที่แน่ๆ ที่บอกว่าถึงเวลาจากลาอ่ะ   !!
สรุปว่าแกจะกลับไปหาไป่อู๋ใช่มั้ย!?  ไหนว่าจะเป็นสุนัขผู้ซื่อสัตย์ไง   
ไม่ใช่มาหรอกฟันนะเฮ้ย !

ปล. แต่ถ้าฉู่เหวินจือเป็นไป่อู๋จริงๆ ค่อยคุยกันได้  จะลดระดับความโกรธลงนิดนุง -^-
ปลล. รีบมาอัพนะคะ  กำลังสนุกเลย  ไม่อยากค้าง  อยากรู้ึความจริงเร็วๆด้วย (ฮา)
ปลล.อยากเห็นเฟยเฟยแสดงอภินิหารจัง  เห็นพวกดูถูกแล้วหมั่นไส้มากกกก  อยากตอกหน้าให้ชาไปเลย ชิ

ออฟไลน์ £.Ma|e¥

  • ชั้นคือผู้หญิงโรคจิต!! โฮะๆๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #357 เมื่อ02-04-2011 00:24:19 »

กรี๊ดดดดด ยังไม่มาอีกหรอคะ T_T
อยากอ่านนนนนน แงๆๆ อยากอ่านอ่า
คุณเซียร์ขา~ ตอนต่อไปขอหลายๆตอนเลยนะคะ ทดแทนวันที่หายไปง่ะ
งือออออ  :sad2: เค้าอยากอ่านนนน คิดถึงอาเฟยสุดที่รัก ถ้ามาแล้วจะกระโดดจูบซ้า~(>3<)

ออฟไลน์ Ayame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #358 เมื่อ02-04-2011 12:23:33 »

มาลงชื่อ คิดถึงเฟยเฟยด้วยคน  :กอด1:

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: บัลลังก์ปีกหงส์ ตอนที่ 28 (24/03/11)
«ตอบ #359 เมื่อ02-04-2011 22:07:37 »

เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน - -* นอกจากติดงานหนังสือแล้วการ์ดจอยังเจ๊ง(อีกแล้ว)!
ขอด่าช่างสักทีได้มะ ส่งเคลม 5 รอบทั้งที่ยังไม่ครบกำหนด 1 ปีนี่มันจะมากไปไหมพี่! การ์ดจอร้านไหนฟระห่วยบรม!!!! (สุดจะทนแล้ว - -***)

สรุป เข้ามาระบาย+บอกข่าวเท่านี้แหละค่ะ ว่าจะพิมพ์วันละนิดละหน่อยเลยไม่ได้พิมพ์เลยสักตัว ต้องมายืมคอมน้องใช้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด