สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>  (อ่าน 324115 ครั้ง)

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #240 เมื่อ09-02-2011 21:38:50 »

เริ่มหวานแล้วนะ !!
ให้สาวน้อยสาวใหญ่ได้ชื่นใจค่ะ ^__^

ปล. จะโอนเงินพรุ่งนี้แล้วนะ !!

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #241 เมื่อ09-02-2011 21:55:50 »

อร๊ายยยยย
จบตอนแอบหวานอ่ะ วี๊ดวิ้ว :-[ :-[

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #242 เมื่อ09-02-2011 22:12:33 »

อิอิ น่ารักอ่ะ แอบหวานเล็กๆ ชอบบบบบบบ :impress2:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #243 เมื่อ09-02-2011 22:16:15 »

รักครุฑอ่า 

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #244 เมื่อ09-02-2011 22:27:26 »

หวานนน :man1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #245 เมื่อ09-02-2011 22:32:30 »

กรี๊ดดดดดดดดดดด

หวานกันแล้ว


 :o8: :o8:

รีบรักษาตัวให้หายแล้วไปเอาคืนไอ้พวกคนเลว

 :z6: :z6:

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 736
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #246 เมื่อ09-02-2011 22:36:41 »

กำลังสนุกเลยคับ

มาต่อเร็วๆนะคับ

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #247 เมื่อ09-02-2011 22:44:43 »

สนุกๆ ชอบจัง

ลุ้นๆๆๆๆๆๆ

รักกันเร็วๆ

katook

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #248 เมื่อ09-02-2011 22:54:02 »

แรง...ชอบอย่างแรง

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #249 เมื่อ09-02-2011 23:04:01 »

แอบหวานลึกๆนะเนี่ย

พี่รักต์กับน้องยาเริ่มเข้าใจกันและ

พี่รักต์รีบพาคุณยากลับอาณาเขตด้วยน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
« ตอบ #249 เมื่อ: 09-02-2011 23:04:01 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #250 เมื่อ09-02-2011 23:09:15 »

สงสารสัตยา คงเจ็บแย่เลย  :L2:

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #251 เมื่อ09-02-2011 23:19:10 »

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กว่าจะอ่านทัน นานมากกกก

ตอนนี้เริ่มจะหวานๆแล้ว อ๋อย ย ย ย ย

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #252 เมื่อ09-02-2011 23:46:18 »

อยากจะบอกว่า พล็อตเรื่องโดนใจมากค่ะ !!!
เพราะ เราก็อยากรู้ว่า สองเผ่าพันธุ์ที่เป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ ( ? )
เค้าจะมารักกันได้อย่างไง? ยิ่งกว่า โรมิโอ กับ จูเลียต อีก เพราะ มันต่างสปีชีย์
แต่เหมือนกันอย่างเดียว คือ เป็นเพศผู้เหมือนกัน ( ไม่งั้นจะ Y เหรอ? )


Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #253 เมื่อ09-02-2011 23:48:13 »

อ่านถึงล่าสุดแล้วครับ

รอต่อไป

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #254 เมื่อ09-02-2011 23:51:14 »

สุดท้ายก็เข้าใจ
+1

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #255 เมื่อ10-02-2011 03:51:57 »

ขอให้ช่วยสัตยาให้ได้นะคะ

ออฟไลน์ ลูกลิงแสดงตัว

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #256 เมื่อ10-02-2011 07:31:39 »

หวาน~~~~ :o8:
รักกันแล้ว รักกันแล้ว :z2:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #257 เมื่อ10-02-2011 08:04:00 »

อิๆๆ ได้เวลาเปิดม่านความหวาน
รักกันแล้วๆ

hahn

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #258 เมื่อ10-02-2011 11:32:25 »

จะหวานปนโศกหรือเปล่า

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #259 เมื่อ10-02-2011 12:32:21 »

สัตยาไม่ได้ตอบโต้อะไร เขานิ่งเงียบอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานจนกระทั่งความมืดเข้าครอบคลุมผืนฟ้า อินทุกานต์จุดเทียนและเดินเข้ามาในห้องเพื่อให้แสงสว่าง สัตยาจึงพูดขึ้น

“ทะเลสาบอยู่กลางป่า...”

รักตปักษ์และอินทุกานต์มองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา

“โชคดีนะ เจ้ากรพินธุ์” อินทุกานต์กล่าวอวยพรแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากมนของน้องชาย “ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่เสมอ”

“แล้วข้าจะพามาหาแน่นอน” รัตกปักษ์ให้คำสัญญา เขาอุ้มร่างผอมบางสัตยาขึ้นในวงแขนก่อนจะก้าวออกไปด้านนอก สายลมนิ่งสงัด ไร้วี่แววของพายุ ท้องฟ้ากว้างห่มคลุมด้วยกำมะหยี่สีดำสนิท และแสงดาวพร่างพราย ดูงดงามยิ่งกว่าที่เคยเห็นที่ใดโดยเฉพาะท้องฟ้าของกรุงเทพ น่าเสียดายที่สัตยาไม่อาจมองเห็นได้ แต่สักวันเขาจะต้องให้สัตยาได้เห็นภาพนี้ด้วยกันอีกอย่างแน่นอน ได้เห็นจากสถานที่แห่งนี้ ภาพฟ้าผืนเดียวกัน บนพื้นดินผืนเดียวกัน

“เดินทางระวังด้วยล่ะ ครุฑ แผลเจ้ายังไม่หายดี หากออกแรงมากเกินไปอาจปริเอาได้ เจ้าจะต้องบินไปทางตะวันออกและขึ้นเหนือ เจ้าจะเจอทะเลสาปแห่งนั้นได้ไม่ยาก” อินทุกานต์บอกเส้นทางก่อนจะเอ่ยคำลา “แล้วพบกันใหม่”

“ขอบคุณมาก เจ้าอินทุกานต์ สำหรับทุกอย่าง” รักตปักษ์กล่าวขอบคุณจากใจจริง ในขณะที่สัตยาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เขากอดรักตปักษ์นิ่ง เกรงว่าจะไม่อาจทำใจจากไปได้อีกครั้ง

“ข้ายินดี” อินทุกานต์ตอบ เขายิ้มกว้างด้วยความสุขใจ

ปีกสีแดงสยายออกจากแผ่นหลังกว้างบดบังผืนฟ้ายามราตรี ก่อนจะโบกสะพัดหอบเอาเจ้าของร่างและคนในอ้อมแขนขึ้นจากพื้นดิน และมุ่งตรงไปในทางที่ถูกชี้นำอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเขาในตอนนี้จะทำได้ ในอ้อมแขนโอบกอดร่างผอมบางที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลในผ้าห่มผืนหนาแนบอกอุ่น เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะหนักแน่นพาให้สัตยาเคลิ้มหลับไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย


------------------------------>


ทางบ้านชลวรินทร์ กิ่งแก้วต้องอยู่ดูแลบ้านในขณะที่พงษ์ศักดิ์ไม่อยู่ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอถูกสั่งให้อยู่เฉยๆ แต่คนที่เคยทำงานมาตลอดอย่างเธอ การให้อยู่นิ่งๆนั้นเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน ในที่สุดกิ่งแก้วก็ดื้อแพ่งลุกขึ้นมาทำงานบ้านโดยที่ใครก็เอ่ยห้ามไม่ได้ แต่ว่าในตอนที่กำลังทำคามสะอาดห้องของสัตยานั้นเอง หญิงสาวก็สังเกตเห็นกล่องเล็กๆใบหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เตียง ตามปกติแล้วเธอคงไม่ถือวิสาสะเปิดของของเจ้านาย แต่ว่ากล่องนั้นแง้มออกจากกันอยู่เล็กน้อยเธอจึงหวังดีจะหยิบมาปิดให้ แต่แล้วสายตาของเธอก็เผอิญเหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

มันเป็นกล่องไม้ขนาดเล็กพอๆกับฝ่ามือแต่มีความยาวมากกว่าเล็กน้อย มีลายแกะสลักสวยงามอย่างปราณีตบรรจง เธอจดจำได้ว่าเป็นกล่องที่วางขายอยู่ในตลาดพัทยา และพงษ์ศักดิ์นึกถูกใจจึงซื้อมาให้สัตยาใช้เก็บของชิ้นเล็กๆ

ทว่า สิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในนั้นกลับไม่ใช่ของประดับหรือของมีค่าอะไร แต่เป็นขนนกสีแดงหลายเส้น

เท่าที่กิ่งแก้วจำได้ สมัยเด็กสัตยาเคยเกลียดขนนกสีนี้เข้าไส้ ทำไมของที่เกลียดนักหนาถึงได้ถูกนำมาเก็บไว้ใต้เตียงอย่างนี้กันนะ?


-------------------------->


การบินด้วยระยะทางไกลที่สุดและใช้พลังงานมากที่สุดของรักตปักษ์ ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมายเมื่อเกือบรุ่งสาง ใจกลางป่าและแมกไม้สีเขียว คือที่ตั้งของทะเลสาปลึกลับไร้ชื่อเรียกขาน หรือหากจะพูดให้ถูก ที่ตรงนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลสาป....ทว่าบัดนี้กลับแห้งขอดจนไม่เหลือน้ำแม้สักหยด รักตปักษ์ยืนมองพื้นดินที่ยุบตัวลงไปเป็นแอ่งแต่กลับแห้งแตกระแหงนั้นอย่างอับจนหนทาง สัตยายังหลับอยู่ในอ้อมแขนทว่าสีหน้าที่แสดงถึงความทรมานนั้นบาดหัวใจของชายหนุ่มจนเจ็บแปลบ อีกทั้งบาดแผลของเขาเองก็เริ่มเจ็บขึ้นมาเพราะโหมแรงมากเกินไป

“ข้าจะทำยังไงดี...สัตยา....” เขาครวญออกมาพลางเงยหน้ามองฟ้า เวลานี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงกลางฤดูร้อน อย่าว่าแต่เม็ดฝนเลย เมฆสักก้อนก็ยังไม่เห็น แล้วเขาจะหาน้ำในทะเลสาปมาจากไหน....

ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้น รักตปักษ์จึงตลบผ้าให้คลุมร่างเปลือยเปล่านั้นมิดชิดก่อนจะกระโดดลงไปในแอ่งที่แห้งผาก รองเท้าหนังสัมผัสพื้นดินแตกอย่างนุ่มนวลด้วยแรงพยุงกายจากปีกบนแผ่นหลัง ก่อนที่ปีกนั้นจะกระจายออกกลายเป็นขนนกสีแดงปลิวไปกับสายลม

รักตปักษ์มองไปรอบกายอย่างจนตรอก ไม่มีน้ำ ไม่มีแอ่ง ไม่มีแม้แต่ปากทางเข้าถ้ำของสัตยา

“เจ้ามองหาตลอดชาตินี้ก็ไม่เจอหรอก...” สัตยากล่าวเสียงแหบแห้งก่อนจะเลิกผ้าที่คลุมศีรษะขึ้น

“ตื่นแล้วหรือ?” ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยถาม

“เช่นที่เจ้าเห็น” สัตยาตอบก่อนจะมองไปรอบๆ “ข้าหายไปนานเกินไปทะเลสาปจึงเหือดแห้ง ครุฑ เจ้าจงมองไปทางตะวันออก จะเห็นหินก้อนหนึ่งซึ่งมีรอยเกร็ดครูดเล็กๆ เจ้าต้องผลักหินนั้นออกจึงจะเจอถ้ำ”

“อา....ข้าเห็นแล้ว” รักตปักษ์มองตามแล้วเดินไปยังจุดที่สัตยาบอก เขามองสำรวจหินก้อนใหญ่ที่วางแถวนั้นก่อนจะพบก้อนหนึ่งซึ่งมีรอยเกล็ดฝากไว้เป็นทาง เขาวางสัตยาลงบนพื้นอย่างเบามือ และไม่ลืมที่จะคลุมผ้าเอาไว้ป้องกันอีกฝ่ายจากแสงแดดที่กำลังไล่มาอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินไปยังหินใหญ่ สูดหายใจเข้าลึก และออกแรงผลักหินนั้นเต็มกำลัง ไม่นานนัก เขาก็เห็นปากทางขนาดใหญ่พอที่นาคตนหนึ่งจะเลื้อยผ่านเข้าไปได้ รอบปากถ้ำมีรอยเกล็ดเป็นบางจุด

รักตปักษ์เดินกลับไปอุ้มสัตยาขึ้นมา แล้วพาเดินเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด

“เดินเข้าไปข้างในสุด เจ้าจะพบแอ่งน้ำเล็กๆ จงวางข้าลงที่นั่น” สัตยาสั่งขณะที่อีกฝ่ายก้าวเดินตามอย่างเร่งรีบ กลิ่นชื้นของน้ำโชยเข้าจมูก รักตปักษ์จึงได้รู้ว่า แอ่งน้ำที่สัตยาว่านั้นอยู่ใกล้ๆนี้เอง ทว่าเป็นเพราะความมืด จึงยากที่จะระบุตำแหน่งแน่นอน

เขาอุ้มสัตยาพาดบ่าแล้วพยุงด้วยมือหนึ่ง ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง แล้วใช้มืออีกข้างคลานสำรวจพื้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมือของเขาสัมผัสได้ถึงความชื้นของดิน และเมื่อขยับไปอีกเล็กน้อย มือของรักตปักษ์ก็จุ่มลงไปในแอ่งที่มีน้ำอยู่เต็ม

“ข้าเจอแล้ว” เขาว่าแล้วพยุงสัตยาลงมา ดึงห่อผ้าออก แล้ววางชายหนุ่มร่างเล็กซึ่งมีหางเป็นนาคลงในแอ่งน้ำนั้น

สัตยาผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อร่างกายของเขาได้สัมผัสกับน้ำอีกครั้ง เขาเอนศีรษะลงปล่อยให้ร่างกายส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ รวบขนดหางลงมาขดอยู่ในแอ่ง และหลับตาลงซึมซับกลิ่นอายอันคุ้นเคยของสถานที่ซึ่งเป็นบ้านแต่กาลก่อน และแล้วในเวลานั้นเอง ถ้ำก็กลับสว่างขึ้นด้วยแสงซึ่งไร้ที่มา สะท้อนกับเพชรนิลจินดาที่ฝังตัวอยู่ในผนังเป็นแสงแวววับจับตา รักตปักษ์จึงเพิ่งเห็นว่า แอ่งที่ตนพาสัตยามานั้นมีขนาดใหญ่พอๆกับอ่างน้ำเขื่องๆใบหนึ่ง อยู่บนดินที่ยกสูงขึ้นมาจากพื้นถ้ำ ล้อมกรอบด้วยหินซึ่งรักตปักษ์ไม่ทราบชนิด คาดเดาแล้วน่าจะเป็นแท่นนอนของสัตยาก่อนที่จะมาเป็นมนุษย์

ชายหนุ่มครึ่งครุฑขยับเข้าไปใกล้แอ่งมากขึ้น มองดูสัตยาซึ่งนอนหลับตานิ่งไม่ไหวติงอยู่ใต้ผิวน้ำ สายน้ำใสอาบไล้ผิวกายและครอบคลุมร่างนั้นอย่างอ่อนโยน

บาดแผลบนร่างกายของสัตยาที่รักษามานานยังไม่ยอมหายกลับค่อยๆเชื่อมผสานกันจนเป็นเนื้อเดียวอย่างช้าๆ เรือนกายซึ่งไม่ต่างกับเคยโดนทารุณกรรมกลับค่อยๆกลับมามีสีขาวนวลเนียนน่าสัมผัส รักตปักษ์เอื้อมมือลงไปในน้ำ แกะผ้าผูกตาอย่างเบามือและมองดูใบหน้าที่สงบนิ่งนั้นด้วยความรู้สึกสุขลึกๆในใจที่ไม่มีวี่แววของความทรมานฉาบบนใบหน้าดวงนั้นอีกแล้ว

บาดแผลบนร่างกายเลือนหายไปจนสิ้นอย่างน่าอัศจรรย์ สัตยาลืมตาขึ้น ดวงตาสีนิลเป็นประกายราวไข่มุกดำจับจ้องบนใบหน้าคร้ามคมของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

“เจ้ามองเห็นข้าไหม สัตยา?” รักตปักษ์เอ่ยถามแล้วพยุงศีรษะอีกฝ่ายขึ้นมา

“เห็น....” สัตยาตอบสั้นๆพร้อมกับยกมือขึ้นไล้ใบหน้าของชายหนุ่ม “ข้าเห็นเจ้า”

รักตปักษ์ไม่รอช้า เขาดึงสัตยาขึ้นมากอดรัดแนบแน่นทั้งที่กายท่อนล่างของอีกฝ่ายยังอยู่ในร่างของนาค ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเพื่อสำรวจบาดแผลที่อาจหลงเหลือโดยไม่ขออนุญาต กระนั้นก็น่าแปลกใจ ที่สัตยาไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนหรือเอ่ยห้ามปรามการกระทำ เขาเพียงแต่โอบแขนรอบบ่ากว้างแล้วซุกซบอยู่อย่างนั้น พวงแก้มของสัตยามีสีแดงทาบอยู่จางๆ

แต่แล้ว ขณะที่รักตปักษ์ยังไม่ทันสำรวจได้ทั่วนั้น เขาก็รู้สึกถึงความชื้นที่ไหลผ่านขา จึงก้มลงมอง และพบว่าน้ำในแอ่งของสัตยากำลังรื้นล้นขึ้นมาจนไหลอาบไปตามทางของชั้นดินชื้นฉ่ำ ซ้ำยังค่อยๆล้มทะลักออกไปถึงภายนอก

“ทะเลสาปกำลังฟื้นคืน หากเจ้าไม่รีบกลับขึ้นไป เจ้าจะจมน้ำตาย” สัตยากล่าวเตือน

“ข้าไม่ไปถ้าไม่มีเจ้า” รักตปักษ์กุมมือสัตยาไว้แน่นขณะที่น้ำกำลังเอ่อขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเขาขณะทอดมองใบหน้าของสัตยา แฝงความนัยบางอย่างเอาไว้อย่างลึกซึ้ง

“ทำไมเจ้าถึงดื้อด้านได้ถึงขนาดนี้กันนะ” เจ้าของร่างกึ่งนาคหลุบตาลง ในตอนแรก เขาคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะบอกลาชีวิตมนุษย์ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปในเมื่อเป้าหมายที่จะแก้แค้นของเขาได้จบสิ้นลงไปแล้ว ทว่าดูเหมือนรักตปักษ์จะไม่ยอมง่ายๆ เพราะตัวรักตปักษ์เองนั้นเป็นครุฑจุติลงมาเกิด จึงต้องเฝ้ารอจนครบอายุขัยจึงจะสามารถกลับไปเป็นครุฑดังเดิมได้ และช่วงเวลาต่อจากนี้ หากไม่มีสัตยา ชีวิตของชายหนุ่มก็จะว่างเปล่าไร้จุดหมาย

“ข้ามาเพื่อเจ้า และจะอยู่ต่อไปก็ต่อเมื่อมีเจ้าอยู่เท่านั้น” รักตปักษ์กล่าว ทว่าการจะเอาตัวเขาคนเดียวมาดึงรั้งให้สัตยากลับไปด้วยกันก็กระไรอยู่ เขาจึงเอ่ยอ้างถึงคนอื่นร่วมด้วย “แล้วคุณตา แม่และพ่อของเจ้า ก็เฝ้ารอเจ้าอยู่เช่นกัน”

“คนเจ้าเล่ห์” สัตยาทำหน้างอ ขณะนี้น้ำได้ท่วมถึงเอวรักตปักษ์แล้ว หากว่าทอดเวลาออกมานานขึ้น เขาไม่คิดว่าคนอย่างรักตปักษ์จะยอมถอยง่ายๆด้วยเหตุผลว่ากลัวตาย และหากคิดดีๆแล้ว สิ่งที่รักตปักษ์พูดก็ใช่ว่าผิด เพราะเขานั้นหายตัวไปกะทันหัน ป่านนี้ไม่รู้ว่าพงษ์ศักดิ์ จันทร์วนา ยศ รวมทั้งคนอื่นๆจะเป็นห่วงมากแค่ไหน อีกทั้งเรื่องที่บริษัทเขาก็ยังต้องดูแล นอกจากนี้....ดูเหมือนเขาจะยังมีเรื่องต้องสะสางกับกฤตนันท์

การเป็นมนุษย์....ช่างมีห่วงเยอะเสียเหลือเกิน....

สัตยาคิดพลางถอนหายใจ

“ไปกันเถอะ” รักตปักษ์ยื่นมือให้ด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างที่เคยเห็นเมื่อแรกพบกัน ภาพนั้นทำให้สัตยานึกสงสัยว่า หากพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและเพิ่งเคยได้พบกันเพียงครั้งแรกในตอนนั้น เวลานี้ เขากับรักตปักษ์จะเป็นยังไง จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หรือว่าเป็นแค่คนรู้จักเพียงผิวเผินต่อไป เรื่องนั้น....คงมีแต่พระพรหมเท่านั้นที่รู้ได้....

สัตยาตอบรับมือของอีกฝ่าย คลานขึ้นมาจากแอ่งทั้งร่างที่ยังเป็นนาคเช่นนั้น เพราะเป็นร่างที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหวในน้ำมากกว่า

ตอนนี้น้ำเอ่อขึ้นมาจนจะถึงคอของรักตปักษ์แล้ว แต่เจ้าตัวกลับไม่นึกร้อนใจ เขากลั้นลมหายใจปล่อยให้น้ำท่วมมิดศีรษะ และดึงสัตยาให้แหวกว่ายไปด้วยกัน ในวินาทีที่สัตยาเคลื่อนยพ้นปากถ้ำ หินเกล็ดนาคก็เคลื่อนตัวกลับไปยังที่เดิมของมัน เฝ้าพิทักษ์ที่อยู่ของเจ้านายจนกว่าจะกลับมาเยือนบ้านหลังนี้อีกครั้ง

รักตปักษ์และสัตยาพากันแหวกว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ และในระหว่างทางนั้น ชายหนุ่มผมแดงได้มองย้อนกลับมายังเสี้ยวหน้าของอีกคนหนึ่ง เสี้ยวหน้าที่ดูไม่ต่างจากครั้งแรกที่เจอกัน ทั้งความดื้อรั้น ความหยิ่งทะนงหลอมรวมอย่างครบถ้วนไม่ขาดหาย ทว่าในวันนี้กลับมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป เพราะหัวใจของเขากำลังเต้นแรงจนน่าแปลกเมื่อสบเข้ากับดวงหน้าน่าเอ็นดูนั้น ชายหนุ่มครึ่งครุฑไม่คิดหาคำตอบ เพราะเขารู้อยู่แก่ใจดี เขาเอื้อมมือไปยังเรียวแขนที่เล็กกว่าเขามาก และดึงเข้าหาตัว ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปเมื่อสัตยาอ้าปากหมายจะถามว่ามีอะไร

ร่างเล็กกว่าในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลักด้วยความตกใจในการกระทำที่กะทันหันซ้ำยังอุกอาจจนไม่ทันตั้งตัว เรียวหางปัดป่ายกระพือน้ำจนไหวกระเพื่อม ปลาน้อยใหญ่ที่ไม่รู้ว่าไปหลบลี้อยู่ที่ใดก่อนหน้านี้ว่ายวนรอบทั้งคู่ราวกับเห็นสิ่งแปลกใหม่น่าสนใจ ก่อนจะแตกฮือไปเมื่อหางของสัตยาฟาดไปใกล้ฝูง

รักตปักษ์ยอมปล่อยสัตยาก็เมื่อพวกเขาลอยตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ ชายหนุ่มกึ่งนาคผลักไสอีกฝ่ายแล้วเช็ดปากอย่างโกรธเคือง

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ สัตยา?” รักตปักษ์เอ่ยถามเสียงรื่นเริงพลางปัดปอยผมเปียกน้ำออกจากใบหน้าอีกฝ่าย

“เจ้าเล่นอะไรของเจ้า! อยากจมน้ำตายนักหรือไง!” สัตยาตะคอกเสียงขุ่นแล้วว่ายหนีไปหาฝั่ง ทว่ากลับถูกรั้งกลับมาในอ้อมแขนแกร่ง ริมฝีปากซุกซนซุกไซ้ข้างใบหูนิ่มพร้อมขบกัดให้พอสะดุ้ง ไม่อนาทรต่อคำด่าว่าที่ตามมาพร้อมการทุบตีไม่เบาแรง

“ข้าไม่ได้อยากจมน้ำตาย แต่ข้ากลัวจมน้ำตายต่างหาก” ชายหนุ่มผมแดงแก้ตัวแล้วจับมือทั้งสองของสัตยาที่ประทุษร้ายเขาไม่หยุดไว้ “ข้าดำน้ำไม่เก่ง กลั้นหายใจในน้ำได้ไม่นาน จึงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเจ้า ทำไมต้องโกรธข้าด้วย?”

“แล้วทำไมเจ้าไม่บอกดีๆ!”

“ข้าไม่ใช่นาคนี่จะได้พูดในน้ำได้ แค่อ้าปากน้ำก็ท่วมปอดข้าได้แล้ว” รักตปักษ์อธิบายไปก็หัวเราะขำขันกับใบหน้าง้ำงอของชายหนุ่มอีกคน “ขึ้นฝั่งกันเถอะ ก่อนที่ข้าจะจมน้ำจริงๆ”

สัตยาไม่ใคร่เชื่อคำของรักตปักษ์นัก กระนั้นเขาก็ไม่ได้ต่อความและว่ายเข้าหาฝั่งอย่างชำนาญแม้จะไม่ได้ว่ายน้ำในร่างนี้มานาน ขณะที่ปีนขึ้นฝั่ง ร่างกายท่อนล่างก็ค่อยๆกลายจากสภาพที่เป็นหาง เกล็ดจางลงเรื่อยๆพร้อมกับหางที่หดสั้นลงและแยกออกจากกันกลายเป็นขาสองข้างให้ปีนขึ้นฝั่ง ถึงอย่างนั้น ร่างเปลือยเปล่าขาวนวลก็ทำให้รักตปักษ์นึกอยากเข้าไปขย้ำให้หายหมั่นเขี้ยว

ดวงตาสีนิลทอดมองไปยังท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ยามเช้าที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันดูสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ สัตยาไม่เคยคิดจะมองดวงอาทิตย์อย่างนี้มาก่อนเลย

ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกสะบัดหลายครั้งก่อนจะถูกนำมาห่อหุ้มร่างของสัตยา เขาจึงกลับหลังหันไปมองรักตปักษ์ที่กำลังพันตัวเขาด้วยผ้าห่มอย่างตั้งอกตั้งใจ

“พวกเราจะกลับกันยังไง?” เขาเอ่ยถาม “หากเจ้าบินไปตอนนี้ คนทั้งกรุงเทพจะได้อ่านพาดหัวข่าว “คนบินได้” ในเช้าวันรุ่งขึ้นแน่”

“เราจะยังไม่กลับตอนนี้หรอก” รักตปักษ์ตอบแล้วจัดผ้าให้สัตยาเดินได้สะดวก

“ทำไม? ข้ายังมีงานต้องทำอีกนะ แ ล้วยังเจ้ากฤตนันท์ตัวแสบที่ข้าต้องสะสางด้วย”

“เพราะอย่างนั้นพวกเราจึงควรจะยังหายตัวไปแบบนี้อีกสักพัก” ชายหนุ่มผมแดงว่า “เชื่อข้าเถอะว่า ตาของเจ้าไม่ใช่คนโง่งม เจ้าจะได้จัดการกับกฤตนันท์สมใจแน่ แต่ต้องรอเวลา เพราะข้าเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นมีคนอยู่เบื้องหลังอีกทีหนึ่ง”

“....อาจจะเป็นคนใน....” สัตยาต่อคำ

“ใช่” รักตปักษ์พยักหน้ารับ “เห็นได้จากที่รู้เรื่องรอบตัวเจ้าเป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่พวกเราหายไปอย่างนี้ พวกมันจะต้องลงมือทำอะไรบางอย่างแน่นอน”

“เช่นนั้นพวกเราก็ต้องรอเฉยๆน่ะหรือ?” สัตยามุ่นคิ้ว เมื่อรักตปักษ์พยักหน้าแทบคำตอบ เขาก็ถอนหายใจออกมา “ตามข้ามา ข้ารู้จักกระท่อมหลังหนึ่งใกล้ๆนี้” ว่าแล้ว สัตยาก็เดินนำเข้าไปในป่าให้รักตปักษ์เดินตามมาข้างหลังอย่างไม่รีบร้อน


----------------------------->


หลังจากสัตยาหายตัวไปได้อาทิตย์กว่า เหล่าผู้บริหารของเครือชลวรินทร์ก็ทนอยู่เฉยกันไม่ไหว เพราะนอกจากจะไม่มีวี่แววของประธานแล้ว หุ้นที่พงษ์ศักดิ์ถืออยู่ก็ทำให้คนอื่นๆตัดสินใจเรื่องในบริษัทแทนไม่ได้เพราะสัตยาและพงษ์ศักดิ์ไม่ได้มอบหมายอำนาจให้กับใครเพื่อดำเนินการแทน ซึ่งเป็นเหตุให้งานภายในไม่สามารถเดินได้สะดวกนัก แม้ว่างานส่วนใหญ่นั้นสัตยาจะจัดการให้สามารถดำเนินงานได้แล้วก่อนจะหายไป แต่ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากสัตยาก่อนอยู่ดี โชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีโปรเจคอะไรมากนัก จึงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในบริษัทและการส่งออก

บอร์ดบริหารเคยยื่นเรื่องให้พงษ์ศักดิ์หาตัวแทนแล้วครั้งหนึ่ง ทว่ากลับไม่มีข่าวคราวใดตอบรับกลับมาทำให้ผู้บริหารส่วนใหญ่เริ่มไม่พอใจ เพราะไม่มีหลักประกันใดจะบอกได้ว่า สัตยาจะกลับมาเมื่อใด พวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางมาพบพงษ์ศักดิ์ที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่อง

“ฉันบอกแล้วว่าฉันจะไม่ขายหุ้นอย่างเด็ดขาด และจะยังไม่แต่งตั้งตัวแทนในตอนนี้” พงษ์ศักดิ์ยืนยันเสียงหนักแน่นทั้งที่ยังนอนซมอยู่บนเตียง เชิดชัยผู้เป็นอดีตเลขาได้แต่ยืนฟังอย่างหวาดๆเพราะรู้กิตติศัพท์ความดุของเจ้านายเก่าตัวเองดี

“ต.....แต่ว่า ตอนนี้งานภายในไม่กระเตื้องเลยนะครับ” เลขาวัยกลางคนว่า

“ตอนนี้ราคาหุ้นบริษัทเราในตลาดหุ้นตกหรือยัง?” พงษ์ศักดิ์ถามพลางกราดสายตามองแต่ละคนในห้อง ซึ่งต่างคนก็มองหน้ากันไม่ตอบคำถาม ซึ่งก็หมายความได้ว่ายังไม่ตก มันจะตกได้อย่างไรในเมื่อสัตยาเพิ่งหายตัวไปอาทิตย์เดียวและในช่วงที่งานไม่ชุกชุม ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเปิดตัวโปรเจคใหม่ที่ทำให้ส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศกระเตื้องขึ้นมา จึงยังคงได้รับความเชื่อถือจากต่างชาติและบริษัทคู่ค้าอยู่

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มิสเตอร์พงษ์ศักดิ์ คุณจะมีอะไรมาคอมเฟิร์มได้ว่ามิสเตอร์สัตยายังไม่ตาย” ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยสำเนียงแบบยุโรป “ผมเข้าใจว่ามิสเตอร์สัตยาเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของคุณ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่คุณต้องเสียใจและทำใจไม่ได้ แต่คุณควรยอมรับความจริงนะ มิสเตอร์พงษ์ศักดิ์”

“เรื่องคนในครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ก็จริง แต่เรื่องในเครือบริษัทก็สำคัญนะคุณพงษ์ศักดิ์ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหา แต่อีกไม่นานจะหมดฤดูร้อนแล้ว แล้วโครงการที่คุณสัตยาทำไว้ก็ต้องมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆทุกฤดูกาล ตอนนี้พวกเราต้องเริ่มวางแผนแล้วนะครับ” ผู้บริหารชาวจีนว่าโล้งเล้งและดูหัวเสียมากกว่าคนอื่นๆ เพราะโครงการนี้เขาช่วยผลักดันให้เป็นโครงการของบริษัท คิดว่าจะช่วยกระเตื้องยอดขายและราคาหุ้นของบริษัทได้ แต่แล้วกลับต้องมาชะงักเพราะคนสำคัญในโครงการหายตัวไปเสียเฉยๆ

“ฉันถามจริงๆเถอะ พวกคุณโดนใครเป่าหูยุแยงมา?” พงษ์ศักดิ์เอ่ยถาม เขาแน่ใจว่าต้องมีใครบางคนมากระตุ้นผู้บริหารของเขาอย่างแน่นอน หากผ่านไปสักเดือนแล้วถูกกดดันเช่นนี้เขาจะไม่แปลกใจ แต่นี่ยังไม่ทันถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำไป ผู้บริหารแต่ละคนกลับร่ำๆทนรอไม่ไหว ต้องการให้เขาหาตัวแทนอย่างเร่งด่วน และจากที่เขาพิจารณาแล้ว เรื่องที่ผู้บริหารหยิบยกมามักจะเป็นโครงการในความดูแลของสัตยาซึ่งสามารถให้หัวหน้างานอนุมัติแทนได้ในกรณีจำเป็น

บางที....หัวหน้างานเองก็อาจจะโดนล็อบบี้ว่าหากเกิดผลเสียหายจากการอนุมัตินั้น หัวหน้างานต้องรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมดก็เป็นได้

ใครบางคนในบริษัทของเขากำลังคิดจะฮุบปลาชิ้นโต....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
« ตอบ #259 เมื่อ: 10-02-2011 12:32:21 »





ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #260 เมื่อ10-02-2011 12:32:56 »

“ใครพูดมันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกนะคุณพงษ์ศักดิ์ ที่สำคัญคือคุณจะทำยังไงกับสถานการณ์อย่างนี้ คุณบอกลาวงการแล้วจึงไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้อีก แต่คุณก็ไม่มีทายาทคนอื่น คุณจะยื้อเวลาต่อไปเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมา?” ผู้บริหารซึ่งเป็นชาวไทยหนึ่งในไม่กี่คนกล่าว

“ตอนนี้คุณพงษ์ศักดิ์กำลังป่วยอยู่นะครับ อย่าไปกดดันท่านอย่างนั้นเลย” เชิดชัยรีบเข้ามาห้ามทัพเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ชักเริ่มไม่ดี

“ไม่ต้องพูดแล้วคุณเชิดชัย พวกเราตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็ต้องขอคำตอบที่แน่ชัด ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตัดสินใจอะไรต่อไม่ได้” ผู้บริหารคนหนึ่งเอ่ยห้าม “โลกธุรกิจหมุนไปเร็วกว่าโลกไหนๆ ถ้ามัวแต่หยุดนิ่งเพราะคนๆเดียวมันก็ล่มกันทั้งหมด คุณต้องตัดสินใจนะคุณพงษ์ศักด์”

ชายชราฟังคำแล้วก็ถอดถอนหายใจ ดูเหมือนว่าพวกผู้บริหารจะไม่คิดรอฟังอะไรอีกแล้ว ครั้นจะยื้อเวลาต่อไปก็ไม่รู้จะทำเช่นไร พงษ์ศักดิ์มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิดขณะที่บอร์ดบริหารเริ่มถกเถียงกันเองว่าจะเอายังไงต่อไป

นักสืบที่พงษ์ศักดิ์จ้างไปนั้นไม่มีข่าวคราวตอบกลับมาเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะพบเบาะแสอะไรเพิ่มเติมบ้าง และมีโอกาสมากแค่ไหนที่สัตยาจะยังรอดชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง

หรือว่าเขาควรจะยกหุ้นให้คนอื่นไปจริงๆ....

ยากเหลือเกินที่พงษ์ศักดิ์จะทำใจให้ทำเช่นนั้นได้ เพราะมันเป็นการยอมรับกลายๆว่าสัตยาได้จากไปตลอดกาลแล้ว ทว่า....หากจะยื้อต่อไปจะมีเหตุผลอะไรให้ทำเช่นนั้น ในเมื่อแม้แต่ตัวพงษ์ศักดิ์เองก็ยากจะทำใจให้เชื่ออยู่เสมอว่าสัตยาจะกลับมาในสักวันหนึ่ง แม้ว่าเขาจะมีหลานที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้อีกมากที่สืบสายจากพี่น้องของเขา แต่สัตยาก็เป็นหลานชายสายตรงคนเดียวที่เขารักและทนุถนอมเพื่อให้เติบโตมาเป็นผู้นำของเครือชลวรินทร์ซึ่งเขาตรากตรำก่อร่างสร้างตัวหลายปี หวังจะให้ลูกหลานได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจหรือต้องอดอยาก

“ฉันตัดสินใจแล้ว” พงษ์ศักดิ์กล่าว ทุกคนในห้องนั้นที่เถียงกันอย่างออกรสจึงพากันเงียบและตั้งใจฟัง หวังให้การตัดสินใจครั้งนี้มีเหตุผลมากพอที่บอร์ดบริหารจะยอมรับได้ ทว่า....ในวินาทีที่พงษ์ศักดิ์กำลังจะละสายตาจากกรอบหน้าต่างนั้นเอง กลับมีนกน้อยตัวหนึ่งโผลงมาเกาะที่วงกบ เอียงศีรษะไปมาและใช้อุ้งเท้าข้างหนึ่งเคาะกระจกเบาๆพร้อมกระพือปีกเรียกร้องความสนใจ จงอยปากของมันคาบของสิ่งหนึ่งเอาไว้ นั่นคือ....ขนนกสีแดงเส้นหนึ่ง....

พงษ์ศักดิ์มองดูนกตัวนั้นอยู่นานอย่างมีความหมาย ก่อนจะได้ยินเสียงเร่งเร้าจากอีกฝั่งของเตียง เขาจึงหันกลับมา ครั้งนี้ สายตาของเขาไม่ใช่สายตาของคนที่ดื้อดึงอย่างคนแก่เช่นก่อนหน้า ทว่าเป็นสายตาของคนที่ค้นพบสิ่งที่ตนเองหวังในที่สุด

“ฉันจะรอสัตยา อีกไม่นานเขาจะกลับมาแน่นอน”

หลังจากนั้น ความเงียบก็เข้าครอบคลุมห้องผู้ป่วย ก่อนจะมีเสียงโวยวายตามมาจนฟังไม่ได้ศัพท์

“อะไรนะ!”

“นี่คุณพูดจริงหรือ! จะดื้อด้านไปถึงเมื่อไหร่!”

“ให้ตายสิ! ล่มกันหมดล่ะคราวนี้!”

“Shit! Are you stupid!?”

และเสียงโวยวายเหล่านั้นคงจะยังดังอยู่เช่นนั้นหากไม่ใช่เพราะพงษ์ศักดิ์กระแอมออกมาดังๆแล้วกวาดสายตามองแต่ละคนที่เกือบจะหมดมาดผู้บริหารที่น่านับถือ ชายชราประสานมือบนอกเมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบและพร้อมจะรับฟัง

“ความจริงฉันตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ต่อไปอีกหน่อย เพราะมันอันตรายที่จะเปิดเผยออกไป แต่ฉันคิดว่าพวกคุณคงรู้จักที่จะปิดปาก ใช่ไหม?” พงษ์ศักดิ์กล่าวด้วยสุ้มเสียงมีอำนาจผนวกกับสายตาดุดันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผู้ฟังต้องลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง “เมื่อวันก่อน สัตยาติดต่อมาหาฉันอย่างลับๆว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ถูกปองร้ายโดยคนใน ทำให้ไม่สามารถกลับมาได้ในตอนนี้ สัตยาต้องการเวลาที่จะหาตัวคนๆนั้นก่อนที่จะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง”

“คุณสัตยายังมีชีวิตอยู่จริงๆหรือครับ!” เชิดชัยร้องออกมา แต่แล้วกลับมีผู้บริหารคนหนึ่งดันเขาออกไปห่างๆ สีหน้าของทุกคนดูเครียดขึ้งขึ้นมา

“คุณกำลังจะบอกว่า....มีคนของเราหรืออาจเป็นพวกเราบางคนคิดจะหักหลังบริษัทใช่ไหม มิสเตอร์พงษ์ศักดิ์” ผู้บริหารชาวอเมริกันกล่าวถามเสียงเครียด และเมื่อพงษ์ศักดิ์พยักหน้า ทุกๆคนก็มองหน้ากันอย่างระแวงในตัวของอีกฝ่าย

“นี่มันไร้สาระ!” มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา “คุณจะหลอกให้พวกเราระแวงกันเองเพื่อถ่วงเวลาหรือยังไง! คุณไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำว่าคุณสัตยาติดต่อกลับมาหาคุณจริง!”

“พอได้แล้วน่า” ผู้บริหารที่อาวุโสที่สุดในที่นั้นว่าพลางจับบ่าคนที่โวยวายให้สงบลง “ในเมื่อคุณพงษ์ศักดิ์ว่ามาอย่างนั้น เราก็ต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ อีกอย่าง เรายังพอมีเวลาที่จะรอได้ แต่ว่าไม่นานนักนะคุณพงษ์ศักดิ์ พวกเราให้ได้แค่สองอาทิตย์ คุณจะว่ายังไง?”

“ผมเข้าใจคุณ อีกไม่เกินสองอาทิตย์ สัตยาจะกลับมา” พงษ์ศักดิ์ตอบอย่างมั่นใจ ทำให้บอร์ดบริหารทุกคนไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านั้น จึงพากันลากลับเมื่อเห็นว่าป่วยการที่จะโต้แย้งกันต่อไป อีกทั้งยังสิ่งที่พงษ์ศักดิ์พูดไว้ ว่ามีคนในกำลังลอบวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้บอร์ดบริหารแต่ละคนไม่อาจมองหน้ากันและกันได้ติดนัก แต่ในระหว่างทางที่จะเดินออกมาจากโรงพยาบาลนั้นเอง กลับมีคนหนึ่งในกลุ่มบเร้นออกไปอย่างแนบเนียน และเดินหายไปในมุมหนึ่งของอาคารที่ไม่มีใครเข้ามามากนัก ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาและกดโทรออกอย่างรีบเร่ง

“ฮัลโหล” เสียงปลายสายรับอย่างเนือยๆเหมือนกำลังเซ็งในอารมณ์

“กฤตนันท์ แกทำพลาดขนาดใหญ่” เขากระซิบใส่โทรศัพท์เสียงเครียด “ไอ้แก่นั่นบอกว่าสัตยาติดต่อกลับมาหามัน บอกว่ายังไม่ตาย แล้วยังรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังแก แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นฉัน”

“อะไรจะหนังเหนียวขนาดนั้นวะ!” กฤตนันท์ตะคอก “ข้าเห็นกับตาว่ามันตกลงไป มันน่าจะกระแทกหินตายไปแล้วด้วยซ้ำ ไอ้แก่นั่นมันหลอกหรือเปล่าวะ?”

“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ อีกสองอาทิตย์ก็จะรู้กัน เพราะบอร์ดบริหารกำหนดเส้นตายไว้แล้ว” ชายปริศนาว่า “แต่ยังไงก็ประมาทไม่ได้ กฤตนันท์ แกให้คนของแกไปวนเวียนแถวบ้านชลวรินทร์ โรงพยาบาล แล้วก็บริษัทเอาไว้ ถ้ามันโผล่มาเมื่อไหร่ก็เก็บมันซะ หรือแกจะทำยังไงกับมันก็ได้ แต่ต้องให้แน่ใจว่ามันจะไม่โผล่มารบกวนแผนการของเราอีก”

“แล้วไอ้รักตปักษ์มันยังอยู่ด้วยหรือเปล่า คนของฉันยิงมันกับมือเลยนะเว้ย”

“ฉันไม่แน่ใจ แต่ถ้าแกกังวล ก็ส่งคนไปดูที่สำนักงานกับบ้านมันด้วย อ้อใช่ คอยตามเด็กสองคนนั่นไว้ด้วย เผื่อว่ามันจะเป็นสายติดต่อให้” เสียงของชายคนนั้นฟังดูเครียดขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขารู้สึกระแวงไปเสียทุกทาง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดของพงษ์ศักดิ์จะมีอิทธิพลได้ถึงขนาดนี้ ไม่เฉพาะเขาเท่านั้น แต่ผู้บริหารแต่ละคนก็เริ่มที่จะจับตาดูกันและกันอย่างไม่ไว้วางใจ ต่อไปนี้การที่เขาจะเคลื่อนไหวหรือพูดแสดงความคิดเห็นอะไรออกไปก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะอาจจะมีคนเห็นพิรุธเข้าก็เป็นได้ สถานการณ์ในตอนนี้ ขอเพียงมีข้อให้สงสัย ทกๆคนก็พร้อมจะหันมาจับตาดูคนๆนั้นได้แล้ว

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ชายคนนั้นก็เก็บโทรศัพท์แล้วเดินออกไปจากมุมอาคารโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต ทว่า....หลังจากเขาลับสายตาไปแล้ว กลับมีงูตัวหนึ่งค่อยๆเลื้อยออกมาจากกองเศษกระดาษที่อยู่แถวนั้น มันชูคอขึ้นแลบลิ้นไปมาในอากาศ ดวงตาโปนโตสีเขียวทองจับจ้องไปยังแผ่นหลังของคนที่เพิ่งจากไป ก่อนที่มันจะค่อยๆเลื้อยไปอีกทางอย่างเงียบเชียบ....


------------------------------->


ทางด้านพงษ์ศักดิ์นั้น เมื่อผู้บริหารจากไปหมดแล้ว เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่เหลือคราบของความป่วยอย่างเมื่อครู่ ชายชราเดินตรงไปยังหน้าต่างที่นกน้อยตัวนั้นยังเกาะอยู่ไม่ยอมบินหนีไปไหน เขาขยับเปิดกระจกออกและวางมือลงไป นกตัวนั้นก็กระโดดขึ้นเกาะบนนิ้วอย่างว่าง่าย มันเอียงศีรษะซ้ายทีขวาที ใช้ดวงตาดลมโตจ้องมองชายชราแทนคำพูดที่มันไม่อาจเอื้อนเอ่ยให้อีกฝ่ายเข้าใจ ก่อนจะวางขนนกนั้นบนมือของชายชราและร้องออกมาเบาๆ

มือกร้านของพงษ์ศักดิ์ลูบไปบนศีรษะทุยๆของนกน้อย มันจึงหลับตาแล้วคลอเคลียอย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะโผบินจากไป

พงษ์ศักดิ์ยิ้มบาง ถือขนนกสีแดงนั้นไปวางทับในหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาอ่านยามว่าง ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง และเอนตัวลงนอนเพื่อพักผ่อน หัวใจของเขากำลังพองโตอย่างมีความสุขราวกับรู้ในสิ่งที่นกตัวนั้นต้องการจะสื่อ


---------------------------------->


สัตยาลืมตาขึ้นพลางมองเพดานที่ทรุดโทรมตามกาลเวลาผ่านตามุ้ง แผ่นหลังของเขาไม่สบายนักเพราะสิ่งที่ใช้รองนอนเป็นเสื่อผืนเดียว กระนั้นอย่างน้อยก็มีหมอนหนุน ศีรษะจึงไม่ต้องอิงกับพื้นแข็ง อากาศร้อนของประเทศไทยทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าห่ม แต่เพื่อกันยุง อย่างไรก็ต้องมีมุ้งครอบเหนือเสื่อ

หลังขึ้นจากทะเลสาป พวกเขาทั้งสองก็เดินผ่านป่ามาจนถึงกระท่อมทรุดโทรมหลังนี้ ซึ่งเป็นหลังเดียวกับที่พ่อแม่ของเขาเคยอยู่ เสียแต่ว่าเพราะเป็นกระท่อมที่ปลูกขึ้นอย่างง่ายๆ แค่ใบจากกับไม้นำมาขัดๆต่อๆกันแบบกระท่อมในบ้านนอกทั่วไป และไม่มีคนดูแลรักษา กระท่อมจึงทรุดโทรมจนแทบเป็นที่อยู่อาศัยไม่ได้ ซ้ำของใช้จำเป็นก็ถูกขนไปจนหมด เหลือแต่เสื่อขาดๆและมุ้งที่ถูกแมลงเจาะจนใช้งานไม่ได้ ไร่มันสำปะหลังเล็กๆหลังบ้านก็กลายเป็นพื้นที่รกร้างมีหญ้าขึ้นสูงและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่อยู่ใต้ดินกับพวกแมลง เรียกได้ว่า พวกเขาไม่สามารถใช้กระท่อมหลังนี้เป็นแม้แต่ที่ซุกหัวนอนได้เลย

สิ่งที่รักตปักษ์ทำ คือการหาใบจากมาซ่อมหลังคาเสียใหม่ ส่วนตัวบ้านนั้นยังพอจะมั่นใจได้ว่ายังไม่โค่นในเร็วๆนี้

สัตยาจำต้องรออยู่ที่กระท่อมเมื่อรักตปักษ์เข้าไปในตัวเมืองเพื่อหาซื้อของใช้จำเป็นทีละอย่างสองอย่าง เพราะสัตยาไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ โชคดีที่ตอนออกมาจากบังกะโลนั้น รักตปักษ์ลืมหยิบกระเป๋าสตางค์กับมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง ในตัวของชายหนุ่มจึงมีบัตรATM และเงินสดที่เหี่ยวๆเปื่อยๆจากการโดนน้ำจำนวนเล็กน้อย ส่วนมือถือนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะตอนแกะฝาออกมา ขี้เกลือก็เกาะเต็มแผงจนหาแทบไม่เจอว่าซิมการ์ดอยู่ตรงไหน

สิ่งแรกที่รักตปักษ์ซื้อมาคือเสื้อผ้าสำหรับสัตยาและของตนเองเพื่อผลัดเปลี่ยนในแต่ละวัน อาหารกล่องจากร้านสะดวกซื้อ เสื่อสำหรับปูนอน หมอน และเข็มกับด้ายสำหรับซ่อมแซมมุ้ง หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ปะชุนซ่อมแซมจนมุ้งขาดๆนั้นสามาถนำมาใช้งานได้แม้จะไม่สวยงามอย่างเดิมก็ตามที

หลังจากนั้นรักตปักษ์ก็เข้าไปในเมืองอีก ครั้งนี้ชายหนุ่มซื้อเตาถ่าน ถ่าน หม้อ ข้าวสวย และเครื่องปรุงต่างๆอย่างละเล็กละน้อย ซึ่งรวมๆแล้วก็ทำให้สัตยาทึ่งในเรี่ยวแรงมหาศาล แม้ว่ากว่าจะกลับมาถึง รักตปักษ์ก็เหงื่อไหลโทรม ทรุดลงนั่งทันทีที่จัดของเสร็จ

กระท่อมหลังนี้ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา เทียนไขและไม้ขีดไฟจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ใกล้กระท่อมนั้นมีบ่อน้ำอยู่แม้มันจะแห้งไปมากและเชือกก็เกือบจะขาดแล้ว รักตปักษ์จึงเพียงซื้อเชือกมาเปลี่ยนใหม่และใช้น้ำในบ่อเพื่อดื่มกินและปรุงอาหาร ส่วนหากจะอาบน้ำ ต้องเดินเข้าป่าไปอาบน้ำที่ทะลสาปของสัตยา ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำนี้ ทำให้รู้ซึ้งถึงความลำบากของยศและจันทร์วนาก่อนที่สัตยาจะเกิดได้เป็นอย่างดี

เมื่อจัดของเสร็จสิ้นในวันแรก รักตปักษ์ก็ปล่อยนกตัวหนึ่งออกไปพร้อมขนปีกของตัวเอง สัตยาไม่ได้ถามว่าทำไปเพื่ออะไร เพราะขณะนั้นชายหนุ่มชาวนาคกำลังสาละวนกับการจุดเตาถ่านเป็นครั้งแรกในชีวิต แม้ว่ามันจะไม่สำเร็จจนรักตปักษ์ต้องกลับมาจัดการก็ตาม

เพราะอาหารมื้อแรกเป็นข้าวในกล่องพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อที่เย็นแฉะไปแล้วเพราะระยะทางไกลกว่าจะมาถึง ทำให้สัตยาเริ่มคิดถึงอาหารอุ่นๆจากครัวฝีมือกิ่งแก้ว แต่น่าเสียดายที่ตอนอยู่บ้านอินทุกานต์นั้นเขาเจ็บหนักจนลิ้มรสอาหารไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าอินทุกานต์ทำอาหารอร่อยแค่ไหน ส่วนรักตปักษ์กลับกินอาหารจากกล่องพลาสติกได้อย่างสบาย เพราะเขาเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ซ่อมแซมบ้าน และซื้อของ อีกทั้งตอนเขาอยู่กรุงเทพ เขาก็ต้องฝากท้องกับเซเว่นอยู่บ่อยๆ นานๆครั้งจึงมีโอกาสได้ทำอาหารกินเอง

มื้อต่อๆมาเป็นการทำอาหารด้วยเตาถ่านและของที่รักตปักษ์ไปได้มาจากตลาดผสมกับของที่หาได้ในป่าแถวๆนั้น เช่นเนื้อกระรอก กระต่าย ปลา แต่อย่างน้อยรักตปักษ์ก็ไม่อุตริเอาแมลงมาปรุงอาหารให้สัตยากิน มิเช่นนั้นคงได้ทะเลาะกันยาว ถึงอย่างนั้น สิ่งที่สัตยาได้รู้ก็คือ รักตปักษ์มีฝีมือการทำอาหารที่ดีเยี่ยมทีเดียว นอกจากนี้ยังซักผ้า ถูบ้าน และทำงานอื่นๆได้โดยไม่ปริปากบ่น

จนถึงวันนี้ พวกเขาก็อยู่ด้วยกันมาห้าวันแล้ว รักตปักษ์จะนอนอยู่ข้างๆเขาในมุ้งเดียวกัน เสื่อผืนเดียวกัน บางครั้งก็ชอบหันมาเย้าแหย่บ้าง ลักกอด ลักหอม และบางครั้งก็ลักจูบ ซึ่งเมื่อทำก็มักจะไม่ได้นอนจนค่อนคืนเพราะสัตยาอาละวาดหนักจากความเขินอาย ถึงขั้นจะออกไปนอนข้างนอก ทำให้รักตปักษ์ต้องดึงมากอดเอาไว้แล้วค่อยๆง้อจนยอมสงบลง ซึ่งคืนที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น สัตยาจึงตื่นสายเพราะนอนไม่เต็มอิ่มและที่นี่ก็ไม่มีนาฬิกาปลุก แต่เมื่อดวงอาทิตย์เดินทางมาใกล้ถึงกลางฟ้า ความร้อนก็เป็นตัวปลุกกระตุ้นให้ตื่นได้อย่างดี สัตยาจึงลุกขึ้นเก็บมุ้งตลบไว้อย่างลวกๆ พับเสื่อไปทางหัว และเก็บหมอนซ้อนด้านบน ก่อนจะเดินออกมาทั้งที่ยังไม่ตื่นดี

ข้างนอกนั้น รักตปักษ์กำลังยืนรออะไรบางอย่างอยู่ และข้างๆก็มีหม้อข้าวที่หุงเสร็จแล้ว กับอาหารที่กำลังอยู่บนเตา กลิ่นหอมที่โชยเข้าจมูกทำให้ท้องของสัตยาส่งเสียงโครกครากอย่างรู้งาน

“ตื่นแล้วหรือ?” รักตปักษ์หันมาถามเมื่อได้ยินเสียงสัตยาก้าวออกมา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมมองหน้าเขาและหลบตาไปเฉยๆ บนพวงแก้วปรากฏรอยสีแดงจางๆ ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้กับความน่ารักนั้น

ตัวสัตยาเองก็นึกสงสัยอยู่ครามครัน ว่าทำไมระยะนี้จึงไม่สามารถจ้องมองตาของรักตปักษ์ตรงๆได้ เมื่อใดก็ตามที่เขารู้ว่าดวงตาสีอ่อนคู่นั้นกำลังจ้องมองอยู่ หัวใจก็มักจะเต้นไม่เป็นส่ำและรู้สึกร้อนวาบที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก สัตยาเดินเข้าไปในบ้าน หยิบอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำกับเสื้อผ้าและเดินไปที่ทะเลสาป จากนั้นจึงเดินกลับมาเมื่ออาบน้ำ ล้างหน้า และแปรงฟันเรียบร้อย แต่ตอนนั้นเองที่เขาเห็นนกตัวหนึ่งบินผ่านหน้าไป และโผเกาะมือของรักตปักษ์ที่ยืนรออยู่นั้น

“อะไรหรือ?” เขาถามก่อนจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ยังคงระดับสายตาไว้ที่บ่าของอีกฝ่าย ไม่กล้าที่จะมองสูงขึ้นไปกว่านั้น

“ข้าส่งข้อความไปหาตาของเจ้า เขาคงได้รับแล้ว” ชายหนุ่มผมแดงตอบแล้วเดินมาหาสัตยาจนชิด ทำให้อีกฝ่ายชะงักเท้าลงและยืนนิ่ง รักตปักษ์ทอดสายตามองคนตัวเล็กกว่าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเชยปลายคางมนขึ้นมาแล้วจูบหน้าผากเบาๆ เลือดริ้วแล่นปราดขึ้นสู่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว สัตยาทำตาโต อ้าปากเตรียมจะต่อว่า ก็กลับโดนแขนแกร่งช้อนเอวบางตวัดเข้าแนบชิด ตามด้วยริมฝีปากอุ่นที่ประทับลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว มืออีกข้างกดอยู่ที่หลังคอทำให้ไม่อาจหันหนีไปทางใดได้ มือสองข้างที่เป็นอิสระจึงทุบตีบ่ากว้างเป็นพัลวัน ขาที่เขย่งลอยจากพื้นก็แตะถีบหน้าแข้งของฝ่ายตรงข้ามไม่เบาแรง

รักตปักษ์จำต้องปล่อยมือในที่สุดเมื่ออาการประท้วงหนักขึ้น แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้สัตยาเป็นอิสระเสียทีเดียว เขากอดอีกฝ่ายแล้วซุกซบกับไหล่มนที่สวมเพียงเสื้อแขนกุดตัวบาง แกล้งขบกัดบนผิวขาวนั้นเบาๆจนโดนฝากรอยมือบนแผ่นหลังอีกรอย

“อีกไม่นาน ก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้อีกแล้วสินะ” ชายหนุ่มร่างสูงเปรยเบาๆ

“เจ้าพิศวาสอะไรนักหนา ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ?” สัตยาว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกร้อนบนใบหน้าไม่ยอมหาย รสจูบของรักตปักษ์ยังคลอเคล้าอยู่ตรงริมฝีปากและปลายลิ้นแม้ว่าเจ้าของจูบจะผละไปสัมผัสที่อื่นแล้วก็ตาม

“ก่อนหน้านี้กับตอนนี้ไม่เหมือนกัน” รักตปักษ์กล่าวก่อนจะดึงตัวสัตยาให้มองหน้า “หรือในความรู้สึกเจ้าจะยังเหมือนเดิม?”

สัตยานิ่งงันไปก่อนจะหลบตาไม่ยอมตอบคำถาม แพขนตาหนาปิดบังแววในดวงตาจากสายตาของผู้ที่จับจ้อง

“ข้าหิวแล้ว” ว่าจบ ชายหนุ่มร่างเล็กก็เดินไปหยิบชามข้าวที่วางคว่ำอยู่ใกล้ๆนั้นมาตระเตรียม โดยไม่ลืมหยิบทัพพีมาคดข้าวด้วย แต่ว่าหม้อยังร้อนอยู่ เมื่อจับลงไปโดยไม่ระวังก็โดนลวกเสียแดงซ้ำยังแสบร้อนจนชาหนึบ

“ระวังหน่อยสิ ผิวเจ้ายิ่งบางอยู่” รักตปักษ์เดินเข้ามาก่อนจะดึงมือของสัตยามาดู “อย่าให้โดนน้ำล่ะ ไม่อย่างนั้นมันจะพอง เดี๋ยวข้าไปหยิบยาให้” โชคดีที่เขารอบคอบพอจะซื้อยาสามัญประจำบ้านมาด้วยตอนที่เข้าไปในเมืองเมื่อเช้านี้เพื่อซื้อของสด แต่เขาไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้ ไม่นานนัก รักตปักษ์ก็กลับมาพร้อมยาทาบรรเทาอาการไฟลวกซึ่งเมื่อชะโลมบนปลายนิ้วพองแดง สัตยาก็สะดุ้งเพราะความเย็นของมัน

“ครุฑ....เจ้าดีกับข้าเพียงเพราะเจ้าอยากไถ่โทษเท่านั้นหรือ?” สัตยาเอ่ยถามขึ้นมาขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงกำลังพันผ้าบนปลายนิ้วช้ำนั้น

“ตอนแรกอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ตอนนี้.....” รักตปักษ์เว้นจังหวะไปก่อนจะมองสบดวงตาคู่สวย ทว่าเมื่อเห็นสัตยาหลบตาในทันทีเขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วยกมือขึ้นไล้แก้มใส “กินข้าวเถอะ เจ้าผอมลงขนาดนี้เดี๋ยวตาของเจ้าจะตกใจเสียเปล่าๆ” ว่าจบ รักตปักษ์ก็ลุกขึ้นไปจัดการกับสำรับอาหารแทนสัตยาที่เจ็บนิ้ว พร้อมทั้งนำมาวางตรงหน้าพร้อมกินได้ทันที

สัตยากินข้าวไปก็ใจไม่สงบ กลับเต้นแรงรัวจนเขาหายใจลำบาก ใบหน้าของสัตยาเต็มไปด้วยเลือดฝาด อยากจะหลบจากสายตาของอีกฝ่ายก็ไม่อาจทำได้ เขานึกถามตัวเองด้วยความสงสัย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ หรือว่าร่างกายเขาจะยังมีอะไรผิดปกติกันนะ?


---------------------------->
TBC

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #261 เมื่อ10-02-2011 12:41:45 »

อยากรู้ใครอยู่เบื้องหลัง  :serius2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2011 12:51:49 โดย Little Devil »

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #262 เมื่อ10-02-2011 12:53:23 »

หวานเหลือเกิน

แต่คนปริศนาคนนั้นเป็นใครนะ

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #263 เมื่อ10-02-2011 13:25:17 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด รักไรเตอร์สุดๆ มาอัพได้รวดเร็วทันใจมากๆ

ที่สำคัญตอนนี้หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #264 เมื่อ10-02-2011 14:01:37 »

สัตยาน่ารักขึ้นทุกวัน
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้เพราะนานๆจะได้อ่านเรื่องแนวนี้สักที
ขอบคุณไรเตอร์ :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #265 เมื่อ10-02-2011 14:20:08 »

ใครนะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องร้ายนี้

ทั้งนกทั้งงูเป็นสปายชั้นยอด :z2:

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #266 เมื่อ10-02-2011 15:02:44 »

มันเรียกว่าอาการเขินอาย และหวั่นไหวไงสัตยา 55555 รอการเปิดโปงคนชั่ว...

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #267 เมื่อ10-02-2011 15:03:13 »

มันเรียกว่าอาการเขินอาย และหวั่นไหวไงสัตยา 55555 รอการเปิดโปงคนชั่ว...

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #268 เมื่อ10-02-2011 15:13:40 »

หวานกันเหลือเกิ๊นนน  :-[ :-[
สภาพเหมือนหนีตามกันมาเลยเนาะ ข้าวใหม่ปลามัน แอบแต๊ะอั๋งน้องนาคด้วยเนี่ย
แต่อีกไม่นานเราก็จะได้รู้แล้วใช่มั้ยค่ะ ว่ามันเปนใคร น้องงูสายลับบริวารของนาคน้อยแน่ๆ เลย

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #269 เมื่อ10-02-2011 15:27:28 »

 :-[ โอ๊ย หวานจัง สัตยาเขินได้น่ารักมากค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด