สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>  (อ่าน 324113 ครั้ง)

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
ขอบคุณพี่ akazu ที่ช่วยตอบแทนค่ะ XD
ลืมบอกไปเลยว่าจะส่งหนังสือหลังปิดจองเรียบร้อย
ไม่เป็นไรจ้า มากด +1 เป็นกำลังใจให้น้องแมวสำหรับการรวมหนังสือเรื่องแรกในเล้าจ๊ะ  :กอด1:ถูกใจเจ้ที่สุด

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
มาลงชื่อจองด้วย 1 เล่มค่ะ o13 o13 o13

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เดี๋ยวจะสั่งจองแน่ๆค่ะ  ตอนนี้ขอเก็บตังค์ก่อน

อยากได้ๆๆๆ

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
เดี๋ยวสั่งแน่นอนค่ะ  :mc4: :mc4:
คาใจใครกันนะ ที่จ้องทำร้ายสัตยา พี่รักษ์ช่วยด้วย   :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
เงาปริศนาซึ่งหลบเข้าหลังกำแพงได้ทันท่วงทีถอนหายใจออกมาเบาๆ เขารอจนกระทั่งนายพจน์ลับสายตาไปแล้ว จึงปรากฏตัวออกมาและปีนรั้วเหล็กดัดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้ว เมื่อเขากำลังจะก้าวขาข้ามประตูมานั้นเอง สายตาของเขาก็ปะเข้ากับสิ่งหนึ่งที่เลื้อยพันอยู่กับด้านบนของประตูเหล็ก ตัวของมันมีประกายเลื่อมยาวตั้งแต่หัวจรดหาง หัวของมันชูคอหันมามองใครบางคนซึ่งขึ้นมาแย่งที่อยู่และอ้าปากขู่ฟ่อโชว์เขี้ยวคมยาวสองอันในปาก เงาปริศนาซึ่งกำลังจะขึ้นไปนั้นจำต้องหยุดปีนและชะงักนิ่ง เขารู้ว่างูชนิดนี้มีพิษและอาจจะถึงตายได้ถ้าป้องกันไม่ทัน แต่ใจของเชาก็บังเกิดความสงสัย เหตุใดจึงมีงูมาเลื้อยบนประตูรั้ว ทั้งที่ปกติแล้วงูที่อาศัยในบ้านคนมักจะหลบซ่อนเพื่อความปลอดภัย

ในขณะที่เขาคิดหาเหตุผลและรอให้งูเลื้อยจากไปนั้น ขาของเขาก็โดนบางสิ่งเลื้อยพันขึ้นมาอย่างช้าๆ เงาปริศนาก้มลงมองก่อนจะเบิกตากว้าง สะบัดขาเป็นการใหญ่จนงูที่เลื้อยอยู่นั้นถูกดีดตกลงไปอยู่บนพื้น มันนอนแผ่และค่อยๆขดตัวอย่างช้าๆ จ้องมองมายังคนที่ทำร้ายมันอย่างโกรธเคือง เสียงฟ่อดังขึ้นพร้อมกับการเลื้อยจากไปในความมืด

ตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ก็คิดผิด เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็พบงูจำนวนนับสิบกำลังเลื้อยตัวไปมากับลวดลายบนเหล็ดดัด ทำราวกับกำลังเล่นอยู่ในสวนสนุกขนาดย่อม บางตัวเลื้อยมาบนมือ บางตัวตวัดพันขา เสียงฟ่อและลิ้นยาวที่แลบออกมารับสัมผัสจากสิ่งแปลกปลอม รวมถึงเกล็ดเงาวาวของพวกมันทำให้เจ้าของเงาปริศนาขนลุกขนพอง เขาเริ่มสบัดขาและมือเพื่อไล่พวกมันออกไป แต่การกระทำนั้นทำให้เหล่างูผู้เป็นเจ้าของบ้านโมโหขึ้นมา พวกมันจ้องมองอย่างมาดร้ายพร้อมเสียงฟ่อขู่ผู้บุกรุก และก่อนที่ร่างเงานั้นจะได้ร้องหรือทำสิ่งใดต่อไป งูตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าฉกลำคอ ฝังเขี้ยวจนมิดฉีดพิษเข้าไปจนชุ่ม ทำให้ร่างนั้นตกใจจนเผลอปล่อยมือ ร่วงลงมาจากรั้วดังพลั่ก

เขี้ยวของงูถูกถอนออกมาพร้อมกับเลือดสดๆที่ไหลทะลัก ร่างเงาปริศนานั้นปัดตัวงูออกไปอย่างแรง กุมมือที่แผลบนคอแล้วตะเกียกตะกายวิ่งหนีไปเมื่อเห็นแสงไฟฉายกราดส่องกลับมาทางนี้

นายพจน์ในตอนนั้น กำลังเดินตรวจตราที่สวนด้านหลัง แต่เขากลับได้ยินเสียงเหมือนมีของหนักตกกระทบพื้นจึงรีบวิ่งกลับมาดู แสงไฟฉายสาดไปยังประตูก่อนเป็นอันดับแรก แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่เขาไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว ที่ตรงนั้นว่างเปล่า ประตูก็ยังอยู่ของมันเช่นเดิมไม่มีใครแตะต้อง แต่เสียงสวบสาบในสวนนั้นทำให้นายพจน์ขนลุก เขาตามเข้าไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะพบว่ามีหางงูกำลังเลื้อยลับหายเข้าไปในสวน นายพจน์จึงโล่งอก

ยังไงงูก็น่ากลัวน้อยกว่าคนเป็นไหนๆ และบ้านชลวรินทร์ก็มีต้นไม้เยอะ จะมีงูอยู่สักตัวสองตัวก็ไม่น่าแปลก

นายพจน์คิดก่อนจะเดินไปตรวจตราที่อื่นต่อ

ตอนเช้า สัตยาขับรถออกมาเพื่อไปทำงาน เขาก็พบกับไทยมุงรุมกรุ้มดูบางอย่างอยู่ที่มุมถนน เสียงเป่านกหวีดดังจากเจ้าหน้าที่ และเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ไม่ยอมหยุด บางคนก็ทำหน้าสยดสยอง บางคนก็ส่ายศีรษะอย่างปลงๆ สัตยาเหลือบสายตามองขณะรถขับผ่าน เขาก็ได้เห็นร่างของชายคนหนึ่งในชุดเสื้อกางเกงสีดำ ศีรษะสวมด้วยหมวกไอ้โม่งสีเดียวกัน ร่างนั้นนอนพังพาบอยู่ริมทางเท้าตรงมุมถนนพอดี ดวงตาของชายคนนั้นเบิกโพลงและมือก็หงิกงอคล้ายกำลังทุรนทุรายด้วยความทรมาน ส่วนที่ปิดบังใบหน้าถูกเปิดออกโดยมือข้างหนึ่งเผยให้เห็นริมฝีปากสีคล้ำที่บิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยอง

นักข่าวเริ่มทยอยกันมาแล้ว และพยายามสอบถามจากเหล่าไทยมุงละแวกนั้น ซึ่งทุกคนก็ได้แต่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครรู้เห็นอะไรเลย ผู้พบศพคนแรกเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งซึ่งกำลังจะเดินไปขึ้นรถเมล์ที่อีกฟากถนนเท่านั้น

ตำรวจเริ่มกันพลเมืองออกห่างจากศพเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง พวกเขาพากันนำศพขึ้นไปบนรถของมูลนิธิเพื่อนำไปชันสูตรถึงสาเหตุการตาย และรอให้ญาติหรือคนรู้จักมาติดต่อขอรับศพ

สัตยามองภาพนั้นด้วยความเฉยชาและสมเพช ก่อนจะหันไปขับรถของตนต่อ ใจเขาก็นึกสงสัยว่าโจรใจกล้าที่ไหนกันหนอจึงอาจหาญมาเข้าบ้านของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีบริวารของเขาเฝ้าพิทักษ์อยู่แทบทุกส่วนตั้งแต่ประตูรั้วจรดกำแพง ทว่า...สัตยากลับไม่ได้นึกเอะใจสงสัยเลยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะเป็นฝีมือใครบางคนที่บงการโจรคนนี้อยู่ก็เป็นได้.....

แต่แล้วสัตยาก็ประจักษ์ถึงสิ่งที่ควรจะสงสัย เมื่อเดือนหนึ่งต่อมา กิ่งแก้วที่กำลังจะออกมาเตรียมตักบาตรตอนเช้าก็ต้องกรีดร้องเสียงลั่นจนคนในบ้านกรูออกมาดูว่าสิ่งใดที่ทำให้หญิงสาวตกใจกลัวได้ถึงขนาดนั้น และแล้ว พวกเขาก็พบว่า สาเหตุนั้นคือศพของงูตัวหนึ่งซึ่งถูกทุบศีรษะจนแหลก ลำตัวมีบาดแผลหลายแห่ง และถูกนำมาโยนทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่า งูตัวนี้ต้องทรมานมากแค่ไหนกว่าที่จะสิ้นลม ด้วยงูนั้นเป็นสัตว์ที่ตายยากเป็นทุน

สัตยาโกรธจัดจนมือสั่น สั่งให้คนในบ้านเอางูไปฝังไว้ในสวนอย่างดี

สิ่งนั้นทำให้กิ่งแก้วผวาอยู่นาน ในขณะที่สัตยาเริ่มมั่นใจว่ามีใครบางคนกำลังจงใจคุกคามและข่มขู่ให้เขาหวาดกลัว ทว่าสิ่งที่ได้ตอบกลับนั้น คือความแค้นของเหล่างูซึ่งเฝ้าพิทักษ์อยู่ในบ้านหลังนั้น.....และรอเวลาที่จะหาตัวคนทำมาลงโทษอย่างสาสม


------------------------------->


หลังจากเกิดเหตุการณ์แปลกๆรอบตัวสัตยามาสามครั้งติดต่อกัน หลังจากนั้นกลับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังสงบอย่างน่าประหลาดใจ จนกระทั่งผ่านพ้นฤดูหนาวและล่วงเข้าสู่ฤดูร้อนโดยมีนิตยสารมาส่งที่บริษัทสม่ำเสมอพร้อมกับจดหมายกองหนึ่ง การสัมภาษณ์สั้นๆในอาทิตย์ถัดมา และส่งคืนจดหมายในอาทิตย์สุดท้ายของเดือน

ฤดูร้อนเยี่ยมกรายมาถึงอย่างโหดร้าย เมื่อเครื่องปรับอากาศในบริษัทกลับมาเสียเอาตอนนั้น สัตยาต้องระเห็จลงมาจากห้องทำงานและมานั่งเอาความเย็นในห้องรับแขก ร่างกายของสัตยาระบายความร้อนได้น้อยมากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เพราะเขาไม่มีต่อมเหงื่ออย่างมนุษย์ทั่วไป ฤดูร้อนจึงเป็นฤดูที่โหดร้ายกับเขาอย่างเหลือประมาณ แม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีฤดูร้อนสั้นคือเพียงสามเดือน แต่กลับมีอากาศร้อนยาวนานไม่ว่าจะฤดูฝนหรือฤดูหนาว ประเทศไทยก็พร้อมจะร้อนได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะกรุงเทพแห่งนี้

การนั่งทำงานในห้องรับแขกไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยนัก เพราะโต๊ะที่มีเป็นเพียงโต๊ะกระจกเตี้ยๆที่เป็นตู้ปลาไปในตัว สัตยาจึงคิดฆ่าเวลาที่รอช่างมาซ่อมแอร์ที่ห้องด้วยการหาหนังสืออ่าน แต่แล้ว เมื่อเขามองไปยังชั้นหนังสือ ก็พบแต่นิตยสาร Business Idol วางเรียงอยู่เก้าฉบับ โดยเฉพาะล่าสุดเพิ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน

โดยปกติชั้นหนังสือนี้จะตั้งอยู่ในล็อบบี้ แต่แล้วพนักงานก็ย้ายเข้ามาในห้องรับแขกเนื่องจากมีแขกหลายคนที่รออยู่ที่ล็อบบี้จ้องจะหยิบติดมือไปคนละเล่มสองเล่ม

สัตยาตัดสินใจหยิบฉบับที่หนึ่งขึ้นมาอ่าน เพราะหากจะว่าไปแล้ว นับแต่ได้มา เขายังไม่เคยได้อ่านเนื้อในเลยสักเล่ม เพียงแค่ชายตามองหน้าปกแล้วส่งให้คนเอาไปวางบนชั้นเท่านั้น

นิตยสารฉบับแรกซึ่งปกเป็นรูปของสัตยานั้น สภาพดูจะไม่น่าจับต้องนัก เพราะมันถูกเปิดบ่อยเสียจนปกช้ำ สันก็มีรอยกระแทกตรงมุม ด้วยความที่เป็นฉบับแรกจึงมีหลายคนสนอกสนใจ เปิดแล้วเปิดอีก หรือบางที พนักงานหญิงอาจจะพากันมาลูบคลำเป็นนิจด้วยมีภาพประธานบริษัทเนื้อหอมของตนประดับปกอยู่ก็อาจจะเป็นได้

สัตยาค่อยๆเปิดอ่านไปทีละหน้า แต่ละบทความก็มีนักธุรกิจอายุใกล้เคียงเขาปรากฏภาพอยู่ บางคนเขาก็รู้จักดี แต่บางคนก็เพียงเคยได้ยินชื่อ แต่ละภาพนั้นถูกถ่ายทอดออกมาในมุมมองที่ต่างกัน แต่ล้วนเป็นมุมที่ทำให้เจ้าของภาพดูดี มีบุคลิกมาดมั่นน่าเชื่อถือ และแสดงถึงความมีเสน่ห์ในตัว การจัดตัวอักษรก็น่าอ่านและใช้ถ้อยคำดึงดูดความสนใจให้อ่านต่อ ดูเหมือนจะไม่น่าแปลกใจแล้วว่า ทำไมยอดขายของนิตยสารถึงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้

เมื่อถึงหน้าบทความของสัตยา เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าภาพของเขานั้นแตกต่าง

อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้ยิ้มให้กล้อง หรือกำลังอารมณ์เสีย ภาพของจึงเป็นภาพของชายหนุ่มเคร่งขรึมดูหยิ่งทระนง มิน่าเล่าพงษ์ศักดิ์ถึงได้ตำหนิ กระนั้น ความรู้สึกที่แปลกแยกแตกต่างในภาพก็ถูกลดระดับลงด้วยการเติมแสงและสี รวมทั้งการจัดส่วนประกอบต่างๆของภาพ ทำให้สีหน้าเคร่งเครียดของเขาดูเป็นใบหน้าของชายหนุ่มที่น่าเชื่อถือ มีความหนักแน่น และดูอ่อนหวานไปในตัว

นั่นเป็นภาพที่รักตปักษ์จงใจแต่งเพื่อให้หนังสือขายดี หรือว่าสายตาของรักตปักษ์ที่มองผ่านเลนส์กล้องเห็นเขาเป็นอย่างนั้นกันแน่ก็สุดจะรู้ได้


---------------------------->


วันหยุดกลางเดือนมีนาคมที่ร้อนอบอ้าว พ่อแม่ของสัตยาก็มาเยี่ยมลูกชายพร้อมกับผลไม้หลากหลายอย่างที่โตในสวนของบ้าน และวันนั้นก็บังเอิญตรงกับวันที่รักตปักษ์จะมาที่บ้านเพื่อสัมภาษณ์สัตยาอย่างประจวบเหมาะ จึงเป็นครั้งที่สองที่พ่อแม่ของสัตยาได้พบกับชายหนุ่มผมแดงคนนี้

“ปีนี้อากาศร้อนนะ พวกแกยังอุตส่าห์มาถึงนี่กันอีก” พงษ์ศักดิ์เอ่ยทักเมื่อลูกสาวและลูกเขยเดินเข้ามาในบ้าน

“โธ่ คุณพ่อคะ จันทร์กับพี่ยศจะมาเยี่ยมคุณพ่อกับลูกยาทั้งที อากาศร้อนแค่ไหนก็ยอมทนค่ะ” จันทร์วนาปากหวานพลางเดินเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อ ซึ่งพงษ์ศักดิ์ก็กอดตอบพร้อมยิ้มบางที่มุมบางแต่ใบหน้าก็บังถมึงทึงเหมือยเคย กระนั้น ยศก็ชินเสียแล้วจึงไม่อึดอัดใจเหมือนครั้งแรกๆ

“อ้าว! คุณพ่อ คุณแม่ ทำไมมากันแต่เช้าไม่บอกก่อนล่ะครับ” สัตยาเดินลงมาจากชั้นบนแล้วไหว้สวัสดี

“บอกก่อนลูกก็ไม่ประหลาดใจสิจ๊ะ” จันทร์วนารีบเดินเข้าไปหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวน พงษ์ศักดิ์จึงหันไปคุยกับยศ

“งานแกเป็นยังไงบ้างนายยศ ได้ข่าวว่าเลื่อนขั้นอีกแล้วนะ”

“ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรขนาดนั้นหรอกครับคุณท่าน แต่เจ้านายผมเขาใจดี แล้วบังเอิญผมเข้าตาน่ะครับ” ยศถล่มตัวโดยขณะพูดกับพงษ์ศักดิ์ เขาจะค้อมตัวและยืนสำรวมในฐานะผู้น้อยอยู่เสมอ ไม่เคยทำตัวเสมอเทียบเลยแม้สักครั้ง ซึ่งกิริยานอบน้อมพินอบพิเทาเช่นนี้เป็นลักษณะนิสัยส่วนบุคคลที่หาได้ยากสำหรับคนรุ่นใหม่ในสมัยนี้จริงๆ

“แกพูดอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะไปบอกนายพินิจ ให้ปลดแกออกเสียดีไหม” พงษ์ศักดิ์ทำเสียงขู่

“อย่านะครับคุณท่าน!” ยศร้อง

“หึ! แล้วดูพูดเข้า นายพินิจเขาไม่ได้ใจดีขนาดชายตามองใครแล้วเลื่อนตำแหน่งให้นะ นายยศ เขาเห็นแกมีดีถึงได้สนับสนุน หัดกล้ายืดอกรับเสียบ้าง” ความกล้านั้น เป็นสิ่งเดียวที่พงษ์ศักดิ์ไม่พอใจในตัวลูกเขยคนนี้เอาเสียเลย เพราะยศนั้นเป็นคนขี้อายจะไม่มั่นใจในตัวเอง ตอนที่รู้ว่าจันทร์วนากับยศรักกันเขาถึงได้คัดค้านหัวชนฝา เพราะคนที่ไม่กล้าได้กล้าเสียกล้ารับจะมีความเจริญได้ยังไง

“ครับ คุณท่าน” ยศรับคำเสียงอ่อน ถึงเขาจะเจอหน้าพงษ์ศักดิ์สักกี่ครั้ง ก็ไม่วายโดนตำหนิเสียทุกครั้งไปจริงๆ

“เอ้อ เจ้ายา” หลังจากตำหนิลูกเขยเรียบร้อย พงษ์ศักดิ์ก็หันไปทางหลาน “ไหนคุณรักต์ว่าจะมาวันนี้ ทำไมยังไม่เห็นเงาเลยล่ะ ปกติเห็นแกมาแต่เช้าไม่ใช่หรือ?”

“คุณรักต์เขาอาจจะติดธุระนะคะคุณพ่อ” จันทร์วนาว่า ก่อนจะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์บีบแตรเรียกอยู่หน้าบ้าน และกิ่งแก้วรีบวิ่งออกไปรับ

“นั่นแน่ะ มาแล้วไง” ยศพูดก่อนจะเดินตามหลังพงษ์ศักดิ์ออกไปรับรักตปักษ์ด้านนอก

“สวัสดีครับคุณพงษ์ศักดิ์ คุณพ่อ คุณแม่” รักตปักษ์เอ่ยทักทายทีละคนพร้อมยกมือไหว้

“ฉันนึกว่าคุณรักต์จะไม่มาซะแล้ว” พงษ์ศักดิ์ว่า “ทำไมวันนี้มาช้าล่ะ หือ? นอนเพลินหรือไง?”

“เปล่าหรอกครับ พอดีน้ำฝนเขาทำรถล้มเลยต้องพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล แล้วโทรศัพท์ผมก็แบตหมดพอดีเลยไม่ได้โทรบอกน่ะครับ” ชายหนุ่มผมแดงอธิบาย

“ตายจริง แล้วแม่หนูฝนเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ?” จันทร์วนาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง แม้เธอจะไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่ก็ถือว่าเป็นคนรู้จักของรักตปักษ์ จึงรู้สึกห่วงไปด้วย

“ไม่เป็นไรมากครับ แค่มีแผลถลอกที่แขนนิดหน่อย เพราะล้มตอนรถเพิ่งออกตัวแล้วโดนรถที่พุ่งมาจากไหนไม่รู้มาเฉี่ยวข้างน่ะครับ”

“อันตรายจริงๆ รถราเดี๋ยวนี้ขับกันไม่ดูคนเลย” พงษ์ศักดิ์ส่ายศีรษะอย่างระอาใจ “ยังไงก็ขอให้หนูน้ำฝนเขาหายไวๆก็แล้วกันนะ”

“เข้าบ้านกันเถอะครับ กิ่งแก้วจัดสำรับอาหารเสร็จแล้ว” สัตยาเดินออกมาบอก คนทั้งสี่ที่ตั้งวงสนทนากันอยู่ข้างนอกจึงพากันเดินเข้าบ้าน ลมเย็นจากแอร์ทำให้สีหน้าของแต่ละคนดีขึ้นกว่าเดิมมากหลังจากเหงื่อโทรมอยู่กลางแดดหลายนาที

“ช่วงนี้งานก็เริ่มซาแล้วใช่ไหมลูกยา” จันทร์วนาถามขึ้นระหว่างมื้ออาหาร

“ครับ ตอนนี้มีคนดูแลแต่ละส่วนลงตัว งานผมก็เลยน้อยลงด้วยครับคุณแม่” สัตยาตอบพร้อมตักกับข้าวใส่จานผู้เป็นแม่ก่อนจะหันไปตักให้พ่อ “ลองทานนี่สิครับ กิ่งแก้วหัดจากหนังสืออาหารชาววังเลยนะครับ”

“เดี๋ยวนี้กิ่งแก้วทำอาหารเก่งขึ้นเยอะเลยนะ” ยศกล่าวชมหลังจากชิมไปคำหนึ่ง “ได้กินข้าวอย่างนี้แล้วก็นึกถึงยายพิม สมัยก่อนนี้น่ะ ยายพิมเป็นคนทำอาหาร แม้แต่อาหารคนรับใช้ ยายพิมก็ปรุงอย่างดีเป็นที่ถูกปากจนเจริญอาหารกันเป็นแถว”

“ยายพิมก็เสียไปหลายปีแล้วนะคะ เฮ้อ ตอนแกเสีย จันทร์ยังใจหายอยู่เลย” จันทร์วนาถอดถอนใจ

“พวกแกนี่ ในโต๊ะอาหารมาพูดเรื่องคนตาย” พงษ์ศักดิ์ดุ ทำให้วงสนทนาเงียบไปในบัดดล

“แต่ปีนี้ร้อนจริงๆนะครับ ตอนอยู่ที่ห้อง ถ้าไม่เปิดแอร์ก็ต้องวิ่งอาบน้ำทั้งวัน” รักตปักษ์เปลี่ยนหัวข้อ “วันก่อนผมขับผ่านบริษัท เห็นมีช่างแอร์ไปที่บริษัทด้วยนี่ครับคุณยา”

“แอร์ที่ห้องทำงานผมเสียน่ะครับ” สัตยาว่า “แต่ตอนนี้ก็เป็นปกติแล้ว”

“นี่ ลูกยา ร้อนแบบนี้ลูกอยากไปพักหลบร้อนบ้างไหมจ๊ะ? ไหนๆงานลูกก็ยุ่งน้อยลงแล้ว” จันทร์วนาเอ่ยถามลูกชายสุดรัก ก่อนที่สัตยาจะเงยหน้ามองอย่างฉงน

“ที่ไหนหรือครับ?”

“คุณพ่อคะ ที่ทางใต้มีบังกะโลของชลวรินทร์ว่างอยู่นี่คะ? เห็นว่ายังไม่ได้เปิดให้ใครเช่า ทำไมไม่ให้สัตยาไปพักร้อนเสียหน่อยล่ะคะ?” จันทร์วนาหันไปถามพงษ์ศักดิ์ซึ่งยังคงมีสิทธิขาดในสมบัติทุกชิ้นที่อยู่ในชื่อของชลวรินทร์

“นั่นสิครับ ให้เอากิ่งแก้วไปด้วย จะได้ช่วยดูแลบ้าน เจ้าก้องเจ้าเกริกก็ปิดเทอมแล้ว ให้พาไปด้วยจะได้เที่ยวเปิดหูเปิดตาก็ดีนะครับ” ยศออกความเห็นบ้าง

“แต่เจ้ายาไปกับกิ่งแก้วก็น่าเป็นห่วง เจ้าก้องเจ้าเกริกก็ใช่จะช่วยอะไรได้ถ้าเกิดอันตรายขึ้น” พงษ์ศักดิ์ดูจะคัดค้านอยู่ในที กระนั้น จันทร์วนากับยศกลับมองหน้ากันอย่างรู้ความนัย ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนจะหันไปทางรักตปักษ์

“คุณรักต์ ถ้าจะฝากดูแลสัตยาด้วยจะได้ไหม?” ยศเอ่ยถาม

“ผม? เอ่อ...ไม่เหมาะมั้งครับคุณพ่อ คุณยาจะได้ไปพักผ่อนเสียที ผมเป็นคนนอกจะดูไม่งามนะครับ” รักตปักษ์รีบบอกปัด เพราะสัตยาคงไม่อยากเห็นหน้าเขาในตอนที่ควรจะได้ผ่อนคลายอารมณ์เป็นแน่

“นั่นสิครับ อีกอย่าง คุณรักต์ยังต้องออกนิตยสารด้วยนะครับ” สัตยาสนับสนุนทันที

“หลานน่ะไม่ต้องพูดแล้ว เจ้ายา” พงษ์ศักดิ์ขัด “คุณรักต์ คุณรักต์น่ะรู้จักกับบ้านเรามาหลายเดือนแล้ว ก็เหมือนลูกเหมือนหลานกัน ฉันน่ะเห็นว่าคุณรักต์พึ่งพาได้ เลยอยากจะฝากเจ้ายาให้ดูแล เพราะหลานฉันน่ะก็มีแค่คนเดียวก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา เจ้ายาทำงานเหนื่อย ฉันก็อยากให้มีเวลาพักผ่อนอย่างสงบบ้าง แต่ที่ไกลหูไกลตาฉันก็ไม่ไว้ใจ มีคุณรักต์อยู่ด้วยฉันก็เบาใจขึ้น อีกอย่าง แถวนั้นน่ะมีนักธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับรีสอร์ทหลายราย ถ้าจะพูดเรื่องงาน คุณรักต์น่าจะลองไปหาเรื่องทางนั้นมาเขียนบ้าง จะได้เป็นการโฆษณาการท่องเที่ยวไปในตัว และยังมีทิวทัศน์สวยๆให้ถ่ายเยอะแยะ นิตยสารก็จะขายดีขึ้นนะคุณรักต์” ชายชราอธิบายยาวเหยียด ล้วนแต่เป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้ทั้งสัตยาและรักตปักษ์ไม่อาจปฏิเสธได้ทั้งสิ้น

“แล้ว....จะไปวันไหนหรือครับ?” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามเพื่อจะได้เตรียมตัวทัน

“ต้นเดือนหน้าแล้วกัน หลังจากที่คุณรักต์ออกฉบับที่สิบแล้วค่อยไป” พงษ์ศักดิ์ตัดสิน และทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้ดีว่า สิ่งใดที่พงษ์ศักดิ์ตัดสินใจลงไปแล้ว ใครก็ห้ามขัดนอกจากจะมีเหตุผลที่ดีพอ ทั้งสี่คนจึงรับคำ โดยมีแต่สัตยาเท่านั้นที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ


----------------------------->


ต้นเดือนเมษายนอันร้อนระอุ มองไปนอกชายคาก็คล้ายจะเห็นควันกรุ่นขึ้นมาจากพื้นถนน สัตยาหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาจากชั้นบนและวางทิ้งไว้ในห้องโถง ขณะที่ตัวเองไปนั่งตากแอร์ในห้องหนังสือเพราะไม่อาจทนความร้อนไหว กิ่งแก้วดูจะตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวทะเล เธอจัดเก็บเสื้อผ้ารอตั้งแต่วานซืนและตื่นมาแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เจ้าก้องเจ้าเกริกก็ดูจะดีใจกันยกใหญ่ที่วันนี้มาถึง จึงไปนั่งรอรักตปักษ์อยู่หน้าบ้านทั้งที่แดดร้อนเปรี้ยง

เมื่อถึงสิบโมงตามเวลานัด รักตปักษ์ก็มาถึงอย่างพอดิบพอดีด้วยรถแท็กซี่พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้ามา กับเป้ขนาดย่อมซึ่งใช้ใส่โน๊ตบุ๊ตและอุปกรณ์ทำมาหากินต่างๆ

นายประเสริฐไปเอารถมาเทียบรับที่หน้าชานบ้าน กิ่งแก้วจึงจัดการช่วยกันกับประเสริฐเอาของทั้งหมดไปใส่ที่กระโปรงหลังรถ สัตยาเดินมาเปิดประตูเพื่อเข้าไปยั่งตากแอร์ข้างใน ทว่า....ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มก็ชะงักค้างอยู่ตรงนั้น

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
กิ่งแก้วเห็นก็สงสัยจึงเดินมาดู เธอถึงกับตกใจหน้าซีดผงะถอยไปหลายก้าว รีบดึงลูกทั้งสองออกให้ห่างจากรถ

“คุณประเสริฐ เมื่อวานนี้ได้ขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่ไหนมาหรือเปล่าครับ?” รักตปักษ์เอ่ยถาม ทำให้ประเสริฐรู้สึกงุนงง

“เมื่อวานนี้รถคุณยศเสียเลยนั่งแท็กซี่กันมา ตอนขากลับผมก็ขับไปส่ง แล้วผมก็ช่วยยกของเข้าไปไว้ในบ้าน แค่นั้นเองครับ” คนขับรถสูงวัยตอบเสียงซื่อ

“ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนคุณจะลืมล็อครถ” เมื่อรักตปักษ์ว่าเช่นนั้น ประเสริฐจึงเดินมามองว่าข้างในมีอะไร ก่อนจะอ้าปากค้าง เพราะที่เขาเห็นนั้น เป็นซากศพงูตัวหนึ่งถูกทุบศีรษะจนเละและยัดไว้ในถุงพลาสติกใส ตัวของมันเริ่มเน่าเพราะถูกทิ้งไว้กลางอากาศร้อนข้ามวันแต่ไม่มีกลิ่นออกมาเพราะถุงพลาสติกห่อหุ้มอยู่ สัตยายืนมองภาพนั้นนิ่ง ดวงตาของเขาเรืองเรื่อด้วยสีแดงก่ำของดวงตานาค ใบหน้าของเขาปรากฏริ้วเกล็ดออกมาทีละน้อย และในขณะที่ไม่มีใครสังเกตนั้น รักตปักษ์ก็รีบดึงให้สัตยาก้มหน้าซบกับบ่า

“กิ่งแก้ว ช่วยไปตามนายพจน์มาเอาไปฝังทีได้ไหม?” เขาหันไปเรียกหญิงสาวให้มีสติขึ้นมา

“ค....ค่ะ!” กิ่งแก้วรับคำ ดันลูกชายทั้งสองไปให้ประเสริฐจับมือไว้ แล้ววิ่งไปเรียกนายพจน์มาจัดการกับศพของงูตัวนั้น เธอรู้สึกหวาดกลัวว่าอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น แต่รักตปักษ์ก็ปลอบใจว่าเป็นการขู่ให้กลัวเท่านั้น และกำชับให้ทุกคนอย่าเพิ่งบอกพงษ์ศักดิ์ เพราะเขาไม่อยากให้ชายชราต้องเป็นกังวลและเกรงว่านายประเสริฐอาจจะถูกตำหนิอย่างรุนแรงได้

นายพจน์เอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดเบาะรถและฉีดยาฆ่าเชื้อทั้งที่ไม่มีอะไรเปรอะเปื้อนแต่ก็กันไว้ก่อน และเพื่อความสบายใจของกิ่งแก้วด้วย กว่าจะได้ออกเดินทางกันจริงๆก็เลยไปเกือบเที่ยง โดยอ้างกับพงษ์ศักดิ์ว่านายประเสริฐลืมล้างรถ ทำให้ถูกตำหนิเล็กน้อยที่ทำให้ล่าช้า

โชคดีที่เครื่องบินเที่ยวที่จองไว้นั้นเป็นรอบบ่าย การมาช้าไปกว่าที่คิดเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก นายประเสริฐกล่าวขอบคุณรักตปักษ์ก่อนจะออกเดินทางที่ทำให้เขาไม่โดนพงษ์ศักดิ์ตำหนิมาก ก่อนที่จะขับรถกลับไป

ก้องกับเกริกดูจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อยกับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต แม้จะเป็นเพียงเที่ยวบินภายในประเทศก็ตาม กิ่งแก้วต้องจูงมือลูกเอาไว้แน่นเพราะเกรงว่าทั้งสองจะพากันวิ่งเล่นจนหายตัวไป สนามบินใหญ่โตขนาดนี้ จะตามหาตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ซ้ำยังมีโอกาสถูกลักพาตัวด้วย

เครื่องบินใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึง ที่ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยทะเลสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และเมื่อกิ่งแก้วได้เห็นบังกะโลที่จะมาพักอาศัย เธอก็ลืมเรื่องศพงูเป็นปลิดทิ้ง

บังกะโลหลังใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางต้นมะพร้าวและพุ่มไม้เตี้ยๆ ทางเท้าปูด้วยหินลาดไปยังประตู ห่างไกลจากผู้คนและความวุ่นวาย ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดเป็นระลอก มองออกไปเห็นหาดทรายสีขาวสะอาดทอดยาวออกไปไกล และทะเลที่จรดกับผืนฟ้า กลิ่นลมทะเลโชยเข้าจมูกให้รู้สึกสดชื่นจนลืมเลือนความเหนื่อยจากการเดินทางไปสิ้น

กิ่วแก้วและรักตปักษ์ช่วยกันขนของเข้าไปในบ้านพัก ให้สัตยาพาเจ้าตัวเล็กสองคนเดินตามเข้ามา

ห้องของสัตยาและรักตปักษ์อยู่ชั้นสอง ระเบียงที่ใช้ร่วมกันมองออกไปเห็นทะเลอย่างชัดเจน มีห้องน้ำเป็นห้องน้ำใช้ร่วมกันซึ่งมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ส่วนห้องของกิ่งแก้วและเด็กๆอยู่ชั้นล่าง ติดกับห้องครัวและสวนด้านหลังและมีห้องน้ำขนาดย่อมอยู่ใกล้ๆให้เดินออกมาใช้ได้สะดวกในตอนกลางคืน

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึง คือการทำความสะอาดบ้าน เพราะไม่มีคนมาใช้นาน แค่นานๆจะมีคนดูแลมาจัดการให้ไม่รกเรื้อเท่านั้น กิ่งแก้วจึงจัดการให้รักตปักษ์พาสัตยาออกไปกินลมชมวิวที่ริมทะเล ขณะที่เธอและลูกๆช่วยกันจัดเก็บของและทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย

“นับแต่มาเป็นมนุษย์ ข้าแทบจะไม่ได้เห็นทะเลเลย” รักตปักษ์ชวนคุยขณะกำลังเดินทอดน่องด้วยกันบนชายหาด ทั้งสองคนต่างถอดรองเท้าขึ้นมาถือไว้ รักตปักษ์พับขากางเกง แล้วเดินเท้าเปล่าระเรี่ยคลื่นน้ำไปเรื่อยๆ ส่วนสัตยาเดินบนทรายแห้ง

“ตอนเด็กๆข้าเคยมาบ่อย” สัตยาตอบ “แต่พอโตขึ้นข้าก็ยุ่งกับงานเลยไม่ค่อยได้มา”

“ทำไมเจ้าดูไม่ค่อยดีใจที่ได้มาทะเล นาคน่าจะชอบที่มีน้ำไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มผมแดงตั้งข้อสังเกต เพราะสัตยาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบทะเลนัก เห็นจากที่อีกฝ่ายไม่เดินเข้าหาทะเล กลับเลือกที่จะเดินบนพื้นทรายแห้งๆเสียอย่างนั้น

“ข้าไม่ถูกกับทะเล” นาคจำแลงตอบ “นาคมีหลากประเภท ข้าเป็นนาคที่อาศัยในน้ำจืด ถิ่นอาศัยข้าอยู่ในทะเลสาบกลางป่า ข้าจึงไม่ชอบทะเล”

“ข้าพอจะเข้าใจ” รักตปักษ์ว่าแล้วหันไปมองท้องฟ้า “นกเองก็มีหลายแบบ”

“บ้างก็กินปลา บ้างก็กินงู” ประโยคหลัง สัตยาหันมามองหน้ารักตปักษ์แล้วเบือนผ่านไป

“ข้าเลิกแล้ว” ราวกับรู้นัยของการกระทำนั้น รักตปักษ์จึงตอบกลับไปโดยไม่ต้องรอให้ใครมาปรักปรำหรือกล่าวหา แต่สัตยากลับพ่นลมหายใจออกมาเหมือนว่าไม่อยากจะฟัง รักตปักษ์จึงเงียบไปและรอให้อีกฝ่ายสร้างบทสนทนาขึ้นบ้าง แต่สัตยาก็ไม่เริ่ม เขาย่างเท้าก้าวไปท่ามกลางความเงียบและเสียงของทะเลที่สาดกระทบฝั่งพร้อมกับเพื่อนร่วมทางที่เปียกมาถึงครึ่งแข้ง

“ดูนั่นสิ สัตยา” รักตปักษ์ชี้ชวนไปที่ขอบฟ้าให้สัตยามองตาม ที่ตรงนั้น ดวงอาทิตย์เป็นสีแดงรำไรกำลังคล้อยต่ำลงคล้ายลูกบอลที่กำลังจะจมน้ำ เมฆสีส้มแดงบางเบาสลับล้ำเลื่อมกันบดบังดวงอาทิตย์ไปเป็นบางส่วน แสงสีส้มสะท้อนอยู่บนผิวน้ำพร้อมกับประกายระยิบไหวที่เต้นรำไปกับพวยคลื่นซึ่งกำลังสาดกระทบเข้าหาฝั่ง ลมเย็นพัดพากลิ่นเกลือปะทะใบหน้า ไล่เส้นผมให้พริ้วไปกับสายลม สัตยายืนอยู่เบื้องหลังครุฑได้เห็นเส้นผมสีแดงปลิวสยายท่ามกลางแสงยามเย็น และขนปีกที่ปลิดปลิวออกมาพัดพริ้วไปกับสายลม หากว่ารักตปักษ์กางปีกสีแดงนั้นออกมา....คงจะงดงามมากทีเดียว....

ครุฑนั้น สง่างาม ทรงอำนาจ และน่าหลงใหล โผบินบนผืนฟ้า มีวิมานอยู่เหนือเมฆ เพียงกางปีกก็ปกคลุมท้องนภา เพียงคำรามก็สะเทือนถึงบัลลังก์องค์อินทร์ ก้าวย่างไปที่ใดก็มีแต่ผู้ให้ความเคารพบูชา เป็นผู้ปกครองแห่งเหล่าปักษาทั้งมวล

สัตยาเม้มปากอย่างเจ็บใจเมื่อคิดถึงข้อเปรียบเทียบที่รับรู้ก่อนจะมาเป็นมนุษย์

“สัตยา เป็นอะไรไป?” รักตปักษ์เอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตนนิ่งงัน

“เปล่า....ลมทะเลทำให้ข้าแสบตา” สัตยาว่าก่อนจะหลุบเปลือกตาลง “ข้าจำได้ว่าห่างออกไปอีกหน่อยจะมีโขดหินสูง ตรงนั้นมีร่องน้ำลึกอยู่ หากตกลงไปก็อาจจะตายได้เพราะทะเลตรงนั้นคลื่นลมแรง พัดกระแทกหินตลอดเวลา แต่ก็เป็นวิวตอนกลางคืนที่สวยมากเช่นกัน”

“คืนนี้จะออกมาดูด้วยกันไหม?” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยชักชวน

“คืนนี้ข้าอยากนอนพักก่อน การเดินทางไกลทำให้ข้ารู้สึกเหนื่อย” สัตยาปฏิเสธเสียงเนือย สำหรับเขาแล้ว ลมทะเลไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่

“งั้นเรากลับกันดีไหม? ป่านนี้กิ่งแก้วคงจัดของเสร็จแล้ว” รักตปักษ์ว่าแล้วก็เดินขึ้นมาจากทะเล ทรายติดเท้าตามขึ้นมาทุกครั้งที่ก้าวเดิน สัตยาพยักหน้ารับก่อนจะกลับหลังหัน ตามทางที่พวกเขาเดินมานั้นมีรอยเท้าประทับอยู่เป็นทางยาว ทั้งสองเดินตามรอยเท้านั้นกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไรกันเหมือนกับขามาจนกระทั่งถึงบังกะโล

“กลับมาแล้วหรือคะ?” กิ่งแก้วร้องถาม “กิ่งไปซื้อของมาเตรียมอาหารให้แล้ว ถ้าคุณยากับคุณรักต์หิวก็กินได้เลยนะคะ”

“ขอบคุณครับ กิ่งแก้ว แล้วก้องกับเกริกล่ะครับ?” ชายหนุ่มร่างสูงมองไปรอบบ้าน แต่กลับไม่เห็นเงาเด็กทั้งสองคนเลย

“พอทำความสะอาดเสร็จก็วิ่งออกไปเล่นทรายกันแล้วล่ะค่ะ ตรงนั้นไงคะ กำลังสนุกกันเชียว” กิ่งแก้วตอบพร้อมชี้นิ้วไปทางหน้าบ้าน ก็เห็นเงาเด็กสองคนอยู่ไกลๆกำลังก่อกองทรายอยู่ริมทะเลดูท่าทางสนุกสนาน และคงไม่ยอมกลับเข้าบ้านง่ายๆ

“เดี๋ยวผมไปดูเด็กๆดีกว่า ให้เล่นตามลำพังอย่างนั้นอันตราย” รักตปักษ์ออกตัวแล้วเดินตรงไปยังเด็กน้อยทั้งสองคน

“คุณรักต์เนี่ย แกดูพึ่งพาได้จริงๆเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยชื่นชม ในขณะที่สัตยาทำหน้าไม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ผมจะขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ กิ่งแก้ว ถ้าคุณรักต์เข้ามาแล้วค่อยตามผมลงมากินข้าวแล้วกัน” สัตยากล่าวเพราะเขารู้สึกเหมือนว่าลมทะเลจะทำให้เขาไม่สบาย เกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ชายหนุ่มมปลีกตัวขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำชำระไอเกลือออกไปให้หมดและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

ทางด้านรักตปักษ์ เขาเดินไปนั่งเล่นทรายกับก้องและเกริก โดยคอยโกยทรายให้ทั้งสองช่วยกันก่อ

“พี่รักต์ เมื่อไหร่ผมจะโตเหมือนพี่รักต์มั่ง” ก้องถามเมื่อเขาเอามือทาบกับมือรักตปักษ์ และพบว่าทาบไม่ติดเลยสักนิด

“เอ....อีกเดี๋ยวก้องก็โตกว่าพี่อีกล่ะมั้ง” รักตปักษ์หัวเราะ แต่ว่าหากจะดูตามพันธุกรรมแล้ว นายพจน์และกิ่งแก้วต่างก็ตัวเล็กกว่ารักตปักษ์ทั้งคู่ คงยากเสียหน่อยที่เด็กทั้งสองจะโตได้เท่ากับรักตปักษ์ หากจะเท่ากับสัตยาก็ยังมีลุ้น

“แล้วเมื่อไหร่จะแรงเยอะเหมือนพี่รักต์ล่ะครับ?” เกริกถามบ้างแล้วเดินมานั่งบนตัก

“ออกกำลังกายเยอะๆสิ พี่ว่าอีกหน่อยเกริกอาจจะอุ้มพี่ได้ด้วยนะ” ชายหนุ่มผมแดงหยอกเย้าพลางหัวเราะ “เราสองคนมานั่งเล่นทรายตรงนี้น่ะ ไม่กลัวโดนทะเลพัดไปหรือไง? ดูสิ พอตกค่ำทะเลก็หนุนสูงขึ้นเห็นไหม?”

“ก็กว่าจะเช้าก็อีกตั้งนาน” ก้องว่า

“หลายชั่วโมงแน่ะ แม่บอกว่าต้องนอนแปดชั่วโมงถึงตื่นได้” เกริกเสริม

“ไม่นานขนาดนั้นหรอก พอนอนน่ะ เวลาจะผ่านไปเร็วมาก ก้องกับเกริกไม่รู้หรอกว่าแปดชั่วโมงหรือยัง” รักตปักษ์พูดแล้วขยับลุกขึ้น “คิดในอีกแง่ ถ้าเราสองคนเข้านอนเร็ว พรุ่งนี้ก็จะได้เล่นเร็วๆไง แต่ถ้าเข้านอนช้า ก็ได้เล่นช้านะ จะเอายังไง?”

“จะเล่นเร็วๆ!” ก้องและเกริกตอบพร้อมกันแล้วเข้าคว้าแขนรักตปักษ์คนละข้าง

“จะเล่นเร็วๆก็ไปเข้านอนกันได้แล้ว ไปกันเถอะ” รักตปักษ์จูงเด็กน้อยทั้งสองคนให้เดินตามกลับเข้าไปในบังกะโล ซึ่งกิ่งแก้วกำลังยืนรออยู่อย่างกังวลใจว่าก้องกับเกริกจะงอแงไหม แต่เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่านอกจากจะไม่งอแงแล้ว กลับยอมเข้านอนแต่โดยดี ไม่ต้องให้ไล่ ชายหนุ่มให้กิ่งแก้วพาเด็กๆเข้าไปข้างในก่อน ส่วนตนก็ยืนมองทะเลอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ประสานเข้ากับแววไหววูบบนผิวน้ำ มันไม่ใช่เพียงเป็นประกายวิบวับ แต่กลับเคลื่อนไหวไปมาเป็นเส้นยาว บางครั้งก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำ บางครั้งก็ลับหายไปใต้น้ำ รักตปักษ์ขยับยิ้มพลางนึกในใจว่าสัตยาน่าจะได้เห็น แต่ก็น่าเสียดาย ในวินาทีที่คิดเช่นนั้น เจ้าของเกล็ดสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายระยิบระยับก็ว่ายน้ำหายไป

รักตปักษ์เดินกับเข้าไปในบ้านพัก และเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อเรียกสัตยาลงมากินข้าวเย็น แต่เมื่อเปิดเข้าไปในห้องของสัตยา เขาก็พบว่า ชายหนุ่มกึ่งนาคผู้นั้นได้หลับใหลไปเสียแล้ว

รักตปักษ์เข้าไปนั่งลงบนเตียงกว้าง แล้วปัดปอยผมสีดำออกจากใบหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่าย ผิวของสัตยาเนียนนุ่มราวกับผิวเด็ก และขาวผ่องเหมือนไข่มุก เป็นธรรมดาของนาคทั้งหลายเมื่อจำแลงกายมักมีเสน่ห์เหนือผู้คน แต่ในแง่ของสัตยานี้ คงต้องขอบคุณความสวยของผู้อุ้มครรภ์ด้วย

มือของชายหนุ่มเลื่อนขึ้นไปจับที่หัวเตียง ก่อนจะโน้มศีรษะลงทีละน้อยอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของสัตยาเลื่อนใกล้เข้ามาทุกที ลมหายใจอุ่นรดใบหน้า จมูกเนียนแตะกันเบาๆ แล้ว....รักตปักษ์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนผละออกมา

“คุณยา” เขาเขย่าตัวอีกฝ่ายพร้อมเรียกชื่อ

สัตยาทำเสียงเครือในคอเบาๆคล้ายกำลังขู่คนที่มารบกวนความสงบ แต่เมื่อรักตปักษ์ไม่เลิกรา สัตยาจำต้องลืมตาขึ้นทั้งที่ไม่เต็มใจและขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนปลุกเต็มตา

“คุณยา ไปกินข้าวกันเถอะ” ชายหนุ่มผมแดงกล่าว

“อือ....ไม่หิวแล้ว...” สัตยาพลิกตัวอย่างเกียจคร้านแล้วตลบผ้าห่มคลุมร่างจนมิดศีรษะ

“คุณยา อย่าดื้อนักสิ จำได้ไหมว่าคุณพงษ์ศักดิ์กำชับให้กินข้าวครบมื้อ” รักตปักษ์ยกเอาพงษ์ศักดิ์มาอ้าง เพราะชื่อนี้มักใช้ได้ผลทุกครั้ง

“คุณตาไม่รู้หรอก” แต่ว่าครั้งนี้รักตปักษ์ต้องผิดหวัง เขาจึงงัดวิธีใหม่ เท้าแขนทั้งสองข้างลงบนเตียง คร่อมร่างของสัตยาไว้ แล้วโน้มลงกระซิบข้างหู

“สัตยา หากเจ้าไม่ตื่นขึ้นมาดีๆ ข้าจะอุ้มลงไปทั้งอย่างนี้”

คำขู่นั้นได้ผล สัตยาตลบผ้าห่มออกด้วยใบหน้าบึ้งตึง ผมสีดำฟูกระจาย และตาที่ลืมแค่ครึ่งเดียว เขาดึงผ้าห่มออกพ้นตัว แล้วขยับพลิกลุกขึ้นมานั่ง

“ทำไมเจ้าชอบบังคับข้านัก”

“เพราะเจ้าดื้อและหัวแข็ง หากข้าไม่บังคับ เจ้าก็จะไม่ยอมทำ” คำของรักตปักษ์ทำให้สัตยายิ่งหน้าบูดกว่าเดิม

“ข้าไม่ใช่เด็ก” สัตยาว่าแล้วลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งให้รักตปักษ์ส่ายศีรษะอย่างระอาใจแล้วจึงเดินตามออกมาทีหลัง

ทั้งสองคนผ่านมื้ออาหารค่ำไปอย่างเงียบๆ ไม่เหมือนปกติที่พงษ์ศักดิ์จะชวนรักตปักษ์คุยเรื่องต่างๆ และสัตยาคอยแทรก อีกทั้งกิ่งแก้วก็เข้านอนไปแล้วตามที่รักตปักษ์บอก เพราะกิ่งแก้วเองก็เหนื่อยจากการเดินทาง ทั้งยังต้องมาทำงานบ้านโดยยังไม่ได้พัก รักตปักษ์จึงคิดว่าแค่ดูแลบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะเข้านอนนั้น เขาสามารถทำแทนได้

หลังมื้ออาหาร ทั้งสองช่วยกับเก็บสำรับไปไว้ในครัว กับข้าวที่ยังไม่หมดก็ใส่ไว้ในตู้เย็น ส่วนจานที่กินหมดแล้วก็แช่ไว้ในอ่างล้างจาน รักตปักษ์จัดการถลกแขนเสื้อและลงมือล้างอย่างชำนาญ

“เจ้าเคยทำมาก่อนหรือ?” สัตยาถามด้วยความฉงน

“ข้าเป็นลูกโทน บ้านไม่ได้ร่ำรวย งานบ้านก็ทำกันเองไม่มีคนรับใช้ เลยได้ทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว” รักตปักษ์เฉลยด้วยรอยยิ้ม ดูเขาจะไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยว่าเกิดมามีบุญวาสนาน้อยกว่าคนอื่น และไม่ได้ดูถูกตัวเองว่าเกิดมาต่ำต้อย

สัตยาพับเขนเสื้อ เดินเข้าไปช่วยหยิบจับ แต่แล้วเขากลับพบว่าตนเองดูไม่มีท่าเอาเสียเลย ตอนรักตปักษ์ล้างแล้วส่งมานั้น เจ้าตัวดูทำคล่องแคล่วว่องไว แต่เมื่อเขาเข้ามาช่วย เขาก็ทำได้เพียงหยิบจานทีละใบมาอังน้ำอยู่นานกว่าจะสะอาด แล้วจึงนำไปวางคว่ำบนที่วางจาน

“ใช้มือลูบทำความสะอาดด้วยสิ” รักตปักษ์แนะนำแล้วทำให้ดู

สัตยาทำตาม ไม่นานเขาก็คล่องมือขึ้น

คืนนั้นทั้งสองคนช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดจานชามช้อนส้อม ปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้เรียบร้อย ปิดไฟทีละดวง เป็นงานที่ปกติแล้วกิ่งแก้วเป็นคนทำ เมื่อสัตยามาทำด้วยตัวเองเขาจึงพบว่าเป็นงานที่ยิบย่อยจนทำให้เหนื่อยหน่ายได้เหมือนกัน กระนั้นรักตปักษ์กลับไม่พูดบ่นและเดินตรวจตราไปทีละห้องอย่างชำนาญ ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปด้วยกัน

สัตยาล้มตัวลงนอนต่อเพราะความง่วงยังคงอยู่ เมื่อหัวถึงหมอน สัตยาก็ผล็อยหลับไปในทันที

ผิดกับทางรักตปักษ์ที่นอนคิดไม่ตกถึงอะไรบางอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจ เขารู้สึกสงสัยกับซากงูที่อยู่ในรถ เพราะมันเหมือนจะไม่ใช่แค่การขู่หรือทำให้คนเสียขวัญอย่างคึกคะนอง ก่อนหน้านี้ เขาเคยโดนตามสะกดรอยอยู่หลายวันไม่ว่าจะไปที่ไหน แต่แล้ว การสะกดรอยนั้นก็หายไปเฉยๆเมื่อมีเหตุทำลายข้าวของเกิดขึ้นและจินได้รับบาดเจ็บ เรื่องนั้นเขาแน่ใจว่าต้นเหตุมาจากสัตยาแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ราวกับว่ามีคนจงใจทำให้เรื่องใหญ่เกินกว่าที่สัตยาคิดเอาไว้ หลังเรื่องนั้นจบไป ทุกๆอย่างก็สงบอย่างน่าประหลาด แต่แล้ววันนี้กลับมีคนเอาศพงูมาทิ้งไว้ในรถให้สัตยาเห็น

ทำไปเพื่ออะไร?

นั่นคือข้อสงสัยที่รักตปักษ์หาคำตอบไม่ได้ และจากท่าทีของสัตยา เขาแน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก มิเช่นนั้นสัตยาคงไม่โกรธขนาดเกือบเผยร่างจริงต่อหน้ามนุษย์แบบนั้นเป็นอันขาด

ครั้งนี้คนทำไม่ได้เพ่งเล็งที่เขาหรือคนรอบข้าง แต่เป็นตัวสัตยาเอง จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดไปก่อนหน้านั้นหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงว่า มันมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างที่ทำให้สะกิดใจแต่ไม่สามารถสืบสาวลงลึกไปได้มากกว่านั้น

สัตยาเป็นถึงประธานของเครือชลวรินทร์ จะมีคนปองร้ายก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ว่าฝ่ายนั้นกลับไม่เข้ามาตรงๆ

ทำไมกัน?

รักตปักษ์ครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น ใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและปมปัญหาที่ล้วนวนเวียนอยู่รอบกายของสัตยา เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ไม่ใช่เพียงอยากจะขู่ให้ตกใจกลัว ทว่ามีเป้าหมายที่แฝงเร้นมากกว่านั้น

ค่ำคืนนั้น รักตปักษ์แทบจะข่มตาหลับไม่ลง ทั้งนี้เพราะสิ่งที่วนเวียนในสมองรวมทั้งความแปลกที่แปลกถิ่น เป็นธรรมชาติของเขาที่จะรู้สึกปลอดภัยในที่ของตัวเอง เมื่อเปลี่ยนสถานที่ก็มักจะมีปัญหาจนกว่าจะทำตัวให้คุ้นชินได้ซึ่งก็ต้องใช้เวลานาน อย่างไรเสีย การมาพักผ่อนครั้งนี้ก็กินเวลาไม่เกินครึ่งเดือน เขาอาจจะต้องทนไม่นอนหลับอยู่เช่นนี้จนกว่าจะถึงวันกลับ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่รักตปักษ์กังวล เพราะเขาเกิดมามีร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไป จะอดนอนเสียบ้างก็ไม่มีปัญหา เมื่อเกินที่จะรับได้ ร่างกายก็จะจัดการได้อย่างดีเยี่ยมโดยสามารถหลับได้โดยไม่คิดถึงสถานที่

ห้องที่อยู่ด้านข้างกันนี้เป็นห้องของสัตยา ความสามารถทางการได้ยินของนกซึ่งติดตัวรักตปักษ์มาแต่เกิดทำให้เขาได้ยินเสียงหายใจทอดยาวมาจากอีกฝั่งของกำแพงแสดงว่าผู้เป็นเจ้าของห้องได้หลับใหลไปเสียแล้ว ท่ามกลางความเงียบและเสียงลมทะเล เขาเงี่ยหูฟังเสียงสรรพสิ่งรอบกายเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดมากระทำอันตรายใดๆในบ้านหลังนี้

คลื่นซักโถมเข้าฝั่งเป็นระลอกด้วยแรงลมที่พัดกระทบใบมะพร้าวเสียงแสกสาก หลายครั้งที่รักตปักษ์ได้ยินเหมือนเสียงหวีดหวิววังเวงจากทะเล ทว่านั่นก็เป็นเพียงเสียงลม ไม่มีเสียงร้องของนก ไม่มีเสียงเลื้อยคลานของงู ในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีสิ่งใดจะปกป้องพวกเขาได้นอกจากตนเอง

TBC

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
 :z13: :z13: :z13: :z13:จิ้มก่อนอ่านจ้า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
พออ่านตอนนี้แล้วก็ :m31: :m31: :m31:ใครมันมาทำพี่ยากับพี่รักต์ได้เนี่ย


จะมีอะไรรึเปล่านะ  ตอนนี้ยิ่งไม่มีบริวารคุ้มกันด้วยสิ

ที่บริวารหายไปเพราะที่ทะเลไม่มีนกกับงู  หรือใครทำให้หายไปกันเอ่ย

พี่รักต์พี่ยาสู้ๆ :L2: :L2:

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
ใครจะปองร้ายน้องยานะ

อ่านตอนนี้แล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






pigg

  • บุคคลทั่วไป
อา...งั้นพี่ครุฑก็ปกป้องตัวเองและ น้องนาคไปด้วยเลยสิจ้ะ -///-

ปล.จองร่วมเล่มนะฮะ โอนให้ไม่เกินมะรืนนี้...~

 :L2: :L2:

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งจะเข้ามาอ่านค่ะ แต่...ช๊อบ ชอบ 555+

katook

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
ไม่มีใครปกป้องเรานอกจากเรา หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายยๆๆนะ

ออฟไลน์ YYY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
จอง1เล่มค่ะเดี๋ยวมาแจ้งอีกทีหลังโอนนะคะ

hahn

  • บุคคลทั่วไป
ทริปนี้ ทะเลหวาน หรือ ทะเลเดือด

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
 นก กับ งู ลูก ออกมาต้องเป็น คิงกีโดร่าแน่ๆเลยอ่ะ



ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
มีคนใกล้ตัวคิดร้ายแน่ๆ

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
ชอบนิยายแนวนี้จัง
เอาด้วย 1 เล้มค่ะ :L2:

pandaๅ123

  • บุคคลทั่วไป
:กอด1: ชอบมากอยากได้หนังสือเร็วๆ เสร็จทันงานมีตติ้งไหมอ่ะ
ใครช่วยหิ้วไปฝากซักเล่มจิ อยากได้อ่ะ  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
ด้า เอาด้วย
โอนเผื่อหน่อยจิ
แล้วไปปลดหนี้ที่มีตติ้ง
คริ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

เรียน จขร. ทราบ

รบกวนลงเรื่องให้มันจบก่อนดีไหมคะ  แล้วค่อยเปิดจอง

เล้าฯ เป็นที่ให้ทุกคนเข้ามาอ่านนิยายกันสนุกๆ  และฟรี!

ไม่ใช่พื้นที่โฆษณาสินค้านะคะคุณน้อง

กรุณาใช้พื้นที่เล้าฯ ให้ถูกต้องกับวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ด้วยนะคะ

หวังว่าคงเข้าใจที่เจ้สื่อความหมายนะ


เจ้สอง  โมดุฯ ห้องนิยาย

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านจ้า

สนุกดีนะ Yแนวนี้ :pig4:

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
 o18ใครน้าที่รอบปองร้ายสัตยา

tonight

  • บุคคลทั่วไป
รีบๆๆมาอัพต่อนะคับ รออยู่ทุกวินาที (เว่อร์ไป 555+)
แอบคิดในใจนะคับว่าต้องมีครุฑอีกตนที่คิดไม่ดีกับสัตยาแน่ๆ ไม่งั้นจะทิ้งซากงูให้ดูต่างหน้าทำไม
แต่คิดว่าคงไม่ต้องห่วงสัตยามากเพราะว่ารักตปักษืคงจะปกป้องคุ้มครองได้เป็นอย่างดี

ปล อ่านมาถึงตจรงนี้แต่ฉากหวานก็ยังไม่บังเกิดขึ้น 555+ รออ่านตอนต่อไปคับ สู้ๆๆ

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #175 เมื่อ07-02-2011 17:53:18 »

อยากอ่านค่ะอยากอ่าน
แต่โดนพี่โมดุฯ มาเตือนแล้วนี่สิ =="
ยังเปิดจองอยู่หรือเปล่าคะ ?

แต่เราของจองด้วย 1 เล่มค่ะ !!

ปล. แล้วเวลาโอนนี่ต้องโอนเป็นเศษ เงินด้วนใช่ไหมคะ อย่าง 250.30 บาท
แบบนี้ ???

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #176 เมื่อ07-02-2011 18:12:16 »

ศัตรูที่มองไม่เห็นคือใคร

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #177 เมื่อ07-02-2011 18:59:28 »


เรียน จขร. ทราบ

รบกวนลงเรื่องให้มันจบก่อนดีไหมคะ  แล้วค่อยเปิดจอง

เล้าฯ เป็นที่ให้ทุกคนเข้ามาอ่านนิยายกันสนุกๆ  และฟรี!

ไม่ใช่พื้นที่โฆษณาสินค้านะคะคุณน้อง

กรุณาใช้พื้นที่เล้าฯ ให้ถูกต้องกับวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ด้วยนะคะ

หวังว่าคงเข้าใจที่เจ้สื่อความหมายนะ


เจ้สอง  โมดุฯ ห้องนิยาย

ขออธิบายหน่อยก็แล้วกันนะคะ
1. เซียร์เรียนไปแล้วว่า จะลงนิยายจนจบอย่างแน่นอน ไม่ได้บังคับขายหากไม่เต็มใจ
2. บอกตามตรงว่าเรื่องนี้ไม่ได้ยาวมาก และตอนนี้ก็ลงไปเกินครึ่งแล้ว เซียร์เปิดจองเดือนครึ่ง และลงต่อเนื่องทุกวัน ดังนั้นจบก่อนจะปิดจองแน่นอน
3. นิยายเรื่องนี้จบแล้วและเคยตีพิมพ์ไปแล้ว ที่มาลงที่นี่ตอนแรกก็ด้วยเจตนาอยากเปิดโลกใหม่ ๆ บ้าง แต่มีคนสนใจรวมเล่มจึงได้เปิดจองไม่ได้ตั้งใจโฆษณาหวังผลแต่ประการใด
4. อย่างที่เห็นว่าเซียร์เข้ามาโพสต์นิยายในบอร์ดนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติอะไรนัก แต่มีนักอ่านบางท่านถามหารวมเล่ม ซึ่งเซียร์ก็ตั้งใจแต่แรกว่าจะเปิดจองหลังลงจนจบ แต่มีนักอ่านท่านหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนาม)PMมาขอให้เปิดจองเลย ซึ่งเซียร์ก็สอบถามแล้วว่าทำได้หรือ? และทำอย่างไร นักอ่านท่านนั้นก็ให้ความกรุณาแนะนำให้ลงในกระทู้นิยายและอัพไปเรื่อย ๆ หากจะถามว่าทำไมเซียร์ถึงเชื่อเขา ก็เพราะเซียร์เห็นว่าเขาอยู่มาก่อนน่าจะรู้อะไร ๆ มากกว่า

จากคำอธิบายข้างต้นหวังว่าคุณคงจะเข้าใจ เพราะเซียร์เองก็ไม่สบายใจ ที่ถูกเข้าใจผิดเช่นนี้

ปล. ส่วนเรื่องเปิดจอง เซียร์ลบหัวกระทู้ออกไปแล้วและจะลบในข้อความแรกที่เขียนสารบัญด้วย ส่วนในข้อความที่เปิดจองเซียร์ขอให้มันอยู่อย่างนั้นต่อไปก็แล้วกันค่ะ หากใครไม่มีเจตนาจะอ่านจนจบคงไม่อดทนเปิดอ่านมาจนถึงหน้านั้นได้ เพราะอย่างไรก็ดีมีคนจองเข้ามาแล้ว หากอยู่ ๆ เซียร์ลบกระทั่งข้อความเปิดจองไปด้วยเดี๋ยวจะมีคนกังขาว่าเซียร์ได้เงินแล้วชิ่งหรือเปล่า


อยากอ่านค่ะอยากอ่าน
แต่โดนพี่โมดุฯ มาเตือนแล้วนี่สิ =="
ยังเปิดจองอยู่หรือเปล่าคะ ?

แต่เราของจองด้วย 1 เล่มค่ะ !!

ปล. แล้วเวลาโอนนี่ต้องโอนเป็นเศษ เงินด้วนใช่ไหมคะ อย่าง 250.30 บาท
แบบนี้ ???

ไม่ต้องค่ะ โอนมาแล้วบอกวันที่กับเวลาโอนก็พอ เซียร์จะเข้าไปเช็คในเว็ปธนาคารเองค่ะ ^ ^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2011 19:17:57 โดย ZIar »

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #178 เมื่อ07-02-2011 19:22:05 »

ตกลงมัน happy ending ใช่มั้ยคะ หุๆ ห่วงเรื่องเดียว

คุณรักต์ต้องชอบสัตยาแน่เลย มีแอบหอมด้วยอะ น่ารัีกมากๆ  :-[

ว่าแต่ใครน้ามาปองร้ายสองคนนี้ งงแท้ๆ  :z2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #179 เมื่อ07-02-2011 19:47:48 »

 :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด