สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>  (อ่าน 324096 ครั้ง)

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #210 เมื่อ08-02-2011 20:22:39 »

คนในเงาดำเนี่ยคุณเชิดชัยรึเปล่าหนอ

อินทุกานต์น่ารักอ่ะ

หรือพี่รักต์แกจะได้เป็นพระยาเทครัวเนี่ย  น่าสงสัย


ปล.เรื่องที่จองตกลงเปิดอยู่ใช่รึเปล่าคะ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ยังเปิดอยู่ค่ะ ^ ^

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #211 เมื่อ08-02-2011 20:58:08 »

อยากรู้จริงๆ ว่าใครหักหลังร่วมมือกับไอ้ตัวโกงนั่น
อยากอ่านต่ออ่าาาาา
บวกให้ค่า

KM

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #212 เมื่อ08-02-2011 20:59:13 »

ไม่ใช่ว่าหักมุมเป็รพ่อพระเอก ไม่ก็คนใช้ในบ้านนี่อึ้งเลยนะนั่น

b27072010

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #213 เมื่อ08-02-2011 21:23:59 »

เอะ ...........  นาคอีกตนมาช่วยชีวิตของคุณรักษ์กับคุณยา

แต่อีกคนที่อยู่ในเงามืดหล่ะคือใคร

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #214 เมื่อ08-02-2011 21:32:11 »

อินทุกานต์น่ารักดี

รีบมาต่อนะคะ

@StaR@

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #215 เมื่อ08-02-2011 21:37:30 »

เป็นเรื่องที่อ่านเพลินมากมาย
ชอบมากภาษาสวยอ่านเข้าใจง่าย
แต่ยาอย่าเจ้าคิดเจ้่าแค้นมากเลยน่ะ
รักต์ดูแลยาดีๆน่ะยังไม่รู้เลยใครเป็นหนอน
 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #216 เมื่อ08-02-2011 21:45:19 »

คนในเงามืดต้องเป็นคนใกล้ๆ  ตัวแน่เลย


 :L2: :L2:

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #217 เมื่อ08-02-2011 21:53:28 »

สงสารทั้งสองคน
เกลือเป็นหนอน

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #218 เมื่อ08-02-2011 22:07:37 »

แต่สัตยาน่ะแผลสาหัสมากเลยนะ แล้วจะ "รักษา" ไหวเร้อ เอ๊ะ!นี่ชั้นคิดอะไรอยู่...

mumoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #219 เมื่อ08-02-2011 22:08:25 »

มาต่อรวดเร็วมาก น่ารักที่สุด!!
ว่าแต่...ในที่สุดอีกหนึ่งนาคก็เผยโฉม น่ารักซะด้วย จับคู่กับจินเลยดีมะ (ฮ่าๆ อินี่จะไม่ให้เรื่องนี้เหลือชายแท้โสดๆไว้เลยช่ายมะ จับจิ้นหมด!!!)
รออ่านตอนต่อไปคร่า~!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
« ตอบ #219 เมื่อ: 08-02-2011 22:08:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #220 เมื่อ08-02-2011 22:38:04 »

น้องนาคแย่แล้วอ้ะ ใครว่ะบังอาจจริง ๆ  :m16:
กฤตินันท์ความคิดแก เลวมาก คิดยังงี้กับน้องนาคได้ยังไง  :z6: :z6: :z6:
แล้วเค้าจะรักษากันแบบไหนน้อ นาคด้วยกันช่วยไม่ได้ ต้องให้ครุฑเป็นคนช่วย  :-[ :-[ :-[
ชื่อเพราะกันจังเลยนะค่ะ ยังไม่รู้ชื่อพี่ครุฑเลยอะค่ะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #221 เมื่อ08-02-2011 22:49:14 »

เอาน้องงูน้องนกไปถล่มไอ้เลวพวกนั้นเลยค่ะ!!! :angry2: :angry2:

pigg

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #222 เมื่อ09-02-2011 00:29:44 »

ไอ้หนอนบ่อนไส้นั้นคงไม่ใช่ ไอ้ชช.ใช่ไหม!? :angry2:
แล้วน้องนาคของเก๊าเป็นไงบ้างหละเนี้ยT T พี่ครุฑก็ด้วย...อาการน่าเป็นห่วงทั้งคู่

แต่ถ้าน้องนาคถึงขั้นยอมโดดลงไปช่วยแบบนี้ แม่ยกก็เริ่มโล่งใจไปหนึ่งเปาะ
ใกล้จะให้อภัยพี่ครุฑแล้วสินะ  :กอด1: เป็นห่วงพี่ครุฑด้วย...~♥

นับถอยหลังรอลงตอน 9 อยู่นะฮะ~~


ปล.โอนเงิน+ได้รับคำยืนยันเรียบร้อยแล้วนะฮ๊าฟว์..อยากให้ปิดรวมเล่มไวๆจัง XD  ฮา

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #223 เมื่อ09-02-2011 01:03:19 »

คน คนนั้นเป็นใคร

อย่าบอกนะว่าเป็นเชิดชัย

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #224 เมื่อ09-02-2011 02:41:41 »

 :angry2:เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยมาทำกันแบบนี้ รอให้สัตยาฟื้นก่อนเถอะ

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #225 เมื่อ09-02-2011 08:12:34 »

โหยยย โหดอ่ะ ทำเค้าได้ไง แต่ยอมก็ได้ ครุฑได้หวีทแบบเจ็บๆ โหดๆ
มันเป็นใครมาต่อด่วน---

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #226 เมื่อ09-02-2011 16:32:41 »

ท่ามกลางวงวันแห่งฝันนั้น รักตปักษ์รู้สึกถึงสัตยาในความมืดก่อนที่ภาพเบื้องหน้าของเขาจะสว่างขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งเขาสามารถเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน

เห็นภาพตนเอง.....และซากศพนาคนับร้อย....

ในอุ้งเท้ามีนาคตนหนึ่งกำลังดิ้นรนขัดขืนและต่อสู้ไม่ลดละทั้งที่ถูกกรงเล็บจิกฝังลงไปใต้เนื้อจนเลือดอาบโทรม นาคตนนั้นพยายามพ่นพิษใส่ดวงตาของเขา ทว่าแขนข้างหนึ่งก็เอื้อมคว้าบีบลำคอนาคไม่ให้พ่นพิษออกมาได้ รักตปักษ์มองภาพที่เกิดขึ้นโดยไม่อาจห้ามร่างกายตนเอง นี่คือความฝัน....ฝันร้ายที่หลอกหลอนสัตยาและตัวเขาไปพร้อมๆกัน

นาคตนนั้นดิ้นรนจนสิ้นเรี่ยวแรง ดวงตาของมันจับจ้องไปยังนาคตนหนึ่งซึ่งตะลึงค้างไม่อาจขยับกายด้วยความอาวรณ์

ร่างซึ่งประดับด้วยเกล็ดมรกตถูกฉีกกระชากจนขาดท่อน รักตปักษ์อ้าจงอยปาก กลืนกินตัวหัวลงมาก่อนจะหันไปกินส่วนหาง

นาคตนนั้นยังคงอยู่กับที่ ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวเหลือกำลัง

เจ้าอินทุกานต์!

เสียงกรีดร้องดังขึ้นในหัว ก่อนที่เขาจะโดนฉุดกระชากออกมาจากความฝันนั้น

“ครุฑ ตื่นเถิด เจ้ากำลังฝันร้าย” เสียงอ่อนโยนของชายหนุ่มเอ่ยเรียกพร้อมเขย่าตัวเบาๆ ไม่นานนัก รักตปักษ์ก็สะดุ้งลืมตาโพลง เหงื่อกาฬอาบโทรมไปทั้งร่าง เขาค่อยๆเบือนหน้าไปทางผู้ที่ปลุกเขาขึ้นจากความฝันซึ่งใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าอินทุกานต์....”

“ข้าวต้มร้อนแล้ว ลุกขึ้นมากินเถอะ” อินทุกานต์กล่าวแล้วรุดเข้าไปพยุงรักตปักษ์ขึ้นนั่ง และไม่ลืมนำหมอนมาค้ำแผ่นหลังเพื่อจะได้ไม่ต้องใช้แรงกายมากไปนัก

“เจ้าคือนาคในตอนนั้น....ที่พุ่งตัวเข้ามาขวางสัตยา....” รักตปักษ์กล่าวแล้วมองใบหน้าดวงนั้นซึ่งเขาไม่อาจหาร่องรอยของความแค้นหรือความโกรธเคืองใดๆพบ

“เจ้าจำข้าได้?” ชายหนุ่มในชุดยาวเอ่ยถามพลางคนข้าวต้มแล้วเป่าให้พออุ่น

“เปล่า.....แต่ข้าเห็นเจ้า....ในฝันของสัตยา”

“ฝันของเจ้ากรพินธุ์?” อินทุกานต์มองรักตปักษ์อย่างสนเท่ห์ ก่อนที่เขาจะพยักหน้า “ดูเจ้าจะเป็นที่รักของเหล่าเทพนัก ครุฑ”

“ทำไมเจ้าจึงพูดเช่นนั้น?”รักตปักษ์มุ่นคิ้ว

“เจ้ามาจุติเป็นมนุษย์ แต่เจ้ายังคงแข็งแกร่ง ยังคงบินได้ เป็นพรที่ทำให้เจ้ามีความเป็นครุฑอยู่ในตัว ข้าพูดถูกต้องใช่ไหม?” เมื่ออินทุกานต์คาดเดาให้ฟัง ชายหนุ่มผมแดงก็พนักหน้า อินทุกานต์จึงพูดต่อ “นอกจากนี้เจ้ายังได้พรมาอีกข้อ ให้เจ้ากับเจ้ากรพินธุ์มีความฝันร่วมกันอย่างหนึ่ง นั่นคือ จุดเริ่มต้นของความแค้นในใจเจ้ากรพินธุ์ เพื่อให้เจ้าทั้งสองมีสิ่งที่เชื่อมโยงกันและกัน”

“เจ้าอาจเดาผิด” ชายหนุ่มผมแดงแค่นยิ้ม “เพราะความฝันนั้นโหดร้ายจนเจ้าไม่อาจนึกถึง แทนที่จะเชื่อมสัตยากับข้าเข้าหากัน กลับยิ่งสุมไฟแค้นในใจของสัตยาให้โหมกระพือมากขึ้นเสียมากกว่า”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้ากรพินธุ์จึงอยากช่วยเจ้าจนไม่สนใจชีวิตตนเอง” ข้อโต้แย้งของอินทุกานต์ทำให้รักตปักษ์เงียบไปเพราะเขาไม่อาจหาเหตุผลใดมาหักล้างได้ “บางทีข้าอาจจะคาดเดาผิดพลาด เพราะเจตจำนงของเทพมักยากที่จะหาเหตุผล แต่เรื่องที่เจ้ากรพินธุ์ห่วงใยเจ้ายิ่งกว่าตนเองนั้นเล่า เจ้าจะหาเหตุผลใดมาปฏิเสธได้หรือ ครุฑ?”

รักตปักษ์ก้มหน้าลงอย่างอับจนคำพูด เหตุผลที่เกลียดนั้นเขาทำความเข้าใจได้ ทว่าเหตุผลที่ช่วยเหลือเขากลับไม่อาจรู้ได้เลย

“ดูเหมือนว่า จะมีคนจ้องทำร้ายพวกเจ้าอยู่ ข้าจึงไม่ได้พาพวกเจ้ากลับไปส่งที่เดิม ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ากับเจ้ากรพินธุ์คงกำลังโศกเศร้าเสียใจเพราะคิดว่าพวกเจ้าตายไปแล้ว เจ้ารีบรักษาตัวให้หาย แล้วพาเจ้ากรพินธุ์กลับไปเสีย จะได้คุยกันให้เรียบร้อย” อินทุกานต์ส่งชามข้าวต้มวางบนมือของรักตปักษ์พร้อมกับยิ้มบาง “พรุ่งนี้เจ้าคงจะพอลุกขึ้นเดินได้ เมื่อตื่นแล้วเราค่อยว่ากันอีกที”

“เจ้าไม่ได้โกรธเคืองข้าเลยหรือ?”ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น

“ข้าไม่เห็นเหตุผลใดที่จะต้องโกรธแค้นขุ่นเคืองเจ้า เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ทางพวกข้าเองก็มีส่วนผิด” อินทุกานต์ว่า “อีกอย่างหนึ่ง ผู้ที่สำนึกผิดจากหัวใจย่อมสมควรจะได้รับการอภัย เจ้าได้สำนึกถึงสิ่งที่ได้กระทำ และไถ่โทษของตนเองทุกวิถีทาง ข้าจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องโกรธเคืองเจ้าอีกแล้ว”

รักตปักษ์ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของอินทุกานต์ เขาค่อยๆตักข้าวต้มขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อยเพราะอดข้าวมาเสียหลายวัน อินทุกานต์เห็นเช่นนั้นจึงเดินออกมาจากห้องเพื่อให้รักตปักษ์กินข้าวให้อิ่มจะได้นอนพักผ่อนต่อ

ล่วงถึงยามเช้าของอีกวัน รักตปักษ์ที่ผล็อตหลับไปในตอนบ่ายวันวานก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้เขารู้สึกดีขึ้นมา จึงลุกขึ้นจากที่นอนเอง แล้วม้วนเสื่อไปพิงกับผนังห้องอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาเพื่อตามหาอินทุกานต์จะได้ดูอาการของสัตยา แต่เมื่อรักตปักษ์เดินออกมาถึงชานบ้าน เขากลับพบอินทุกานต์กำลังก้มๆเงยๆหยิบจับข้าวของใส่ตะกร้าใบพอเหมาะอยู่ และตอนนั้นเองที่อินทุกานต์รู้สึกตัวว่ากำลังโดนจับจ้อง จึงหันกลับมาดูว่าเป็นใครก่อนจะยิ้มกว้าง

“ร่างกายของเจ้าช่างน่าประทับใจจริง” เขาว่าแล้วหยิบตะกร้าคล้องบนแขนข้างหนึ่ง

“นั่นเจ้ากำลังจะไปไหน?” รักตปักษ์ถามพลางมุ่นคิ้ว “แล้วสัตยาล่ะ?”

“เมื่อครู่ข้าเพิ่งเข้าไปเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เจ้ากรพินธุ์ ดูเหมือนจะไม่ได้สติขึ้นมาง่ายๆ ข้าจึงจะลงไปที่หมู่บ้านก่อนเพื่อทำธุระและซื้ออาหารให้พวกเจ้าด้วย” อินทุกานต์ว่าเช่นนั้นแต่กลับวางตะกร้าลง “แต่ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว ให้ข้าดูแผลก่อนเถอะ”

รักตปักษ์เดินไปนั่งบนแคร่ไม้ ปล่อยให้อินทุกานต์เอาน้ำอุ่นมาเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ใหม่โดยไม่ได้พูดอะไร สายตาของเขามองลอดเข้าไปภายในเรือนไม้ทรงไทย เห็นห้องหนึ่งซึ่งทั้งประตูและหน้าต่างถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าจนมิดชิด รักตปักษ์จึงคาดเดาว่านั่นคือห้องของสัตยา

“แผลของเจ้าใกล้จะหายแล้ว แต่ที่ถูกยิงต้องใช้เวลา” อินทุกานต์กล่าวแล้วกลัดปลายผ้า “เจ้าจะลงไปเดินเล่นข้างล่างไหม? มันจะดีหากเจ้าเดินออกกำลังกายบ้าง”

“แล้วสัตยาล่ะ? จะปล่อยไว้อย่างนี้หรือ?” รักตปักษ์ขมวดคิ้วจนเป็นปม เพราะเท่าที่เขาเห็น ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพวกเขาสามคน หากเขาออกไปกับอินทุกานต์ สัตยาก็ต้องอยู่คนเดียว หากว่ามีใครเข้ามาทำอันตราย สัตยาก็ไม่อาจป้องกันตัวได้

“ที่นี่คือเขตของข้า ครุฑเอ๋ย บริวารของข้าพิทักษ์ที่แห่งนี้อยู่ อย่ากลัวไปเลย” อินทุกานต์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม และเป็นตอนนั้นเองที่รักตปักษ์เพิ่งสังเกตว่ารอบตัวเขา ตั้งแต่พื้นดินจนถึงยอดไม้ร่มรื่น มีเสียงลาบเลื้อยดังแสกสากไปทั่วทุกบริเวณ....

ในที่สุด รักตปักษ์ก็เดินออกมาจากเรือนพร้อมกับอินทุกานต์ทั้งที่ใจรู้สึกเป็นห่วงสัตยามากเหลือเกิน แต่เพราะอินทุกานต์ยืนยันว่าบริวารของเขาคอยเฝ้าดูแล ชายหนุ่มจึงยอมออกมาด้วย และเมื่อก้าวพ้นออกมา รักตปักษ์จึงเพิ่งได้เห็นว่า เรือนไทยหลังนี้ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาที่ห่างไกลออกมาจากชุมชนอยู่มากโข เมื่อมองออกไปจะเห็นบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ห่างๆกันเป็นทิว มีต้นมะพร้าวและชายหาดแต่ไม่ได้เป็นสีขาวสวยงามเหมือนที่บังกะโล ชายหาดที่นี่ทรายมีสีเข้มกว่า และส่วนใหญ่จะเป็นท่าเทียบเรือประมง แต่ตอนนี้ไม่มีเรือเทียบท่าเนื่องจากเป็นยามเช้าชาวประมงจะออกเรือไปหาปลาและยังไม่กลับมากัน

รักตปักษ์เดินตามหลังอินทุกานต์ไปเรื่อยๆ ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านที่อยู่ข้างล่าง เมื่อเขามองดูแล้ว หมู่บ้านแห่งนี้ดูเงียบสงบและเรียบง่าย บ้านแต่ละหลังมุงด้วยจาก ไม่ได้ก่อสร้างด้วยอิฐหรือปูนให้แข็งแรงมากนัก

อินทุกานต์เล่าให้ฟังว่า ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวเลบนเกาะเล็กๆที่ไม่มีใครสนใจในอ่าวไทย ชาวบ้านดำรงชีวิตเรียบง่าย ใช้แหอวนจับปลา เรือก็เป็นเรือประมงทำจากไม้ธรรมดาไม่ได้ใหญ่โตมากมาย ในตอนเช้ามืดพวกผู้ชายจะออกเรือไปหาปลา ผู้หญิงจะตื่นขึ้นมาและพาลูกๆไปช่วยกันปลูกผักทำสวน พอตกสายพวกผู้ชายจึงจะกลับมาจากการหาปลาในทะเล และพวกผู้หญิงกับเด็กๆก็จะทำสวนเสร็จพอดี ปลาที่จับได้ในแต่ละวันจะแบ่งปันไปให้แต่ละบ้าน ส่วนที่เกินก็จะลงเรือไปขายที่ท่าเรือที่ฝั่งแผ่นดิน แต่ถ้าหาได้น้อย พวกเขาก็จะเก็บรวนเกลือเอาไว้ พืชผักที่ปลูกก็จะเป็นจำพวกผักสวนครัวและผลไม้ บางส่วนใช้ปรุงอาหาร บางส่วนใช้รับประทานยามหิวได้เลย

นานๆครั้งจะมีเรือสินค้ามาเทียบท่าที่เกาะเพื่อเอาของจำพวกเครื่องเทศตากแห้ง หรือถ้วยชามของใช้มาขายให้ชาวประมง เพราะมาเทียบท่าขายที่นี่จะหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าได้ โดยให้ชาวประมงนำไปขายที่ท่าเรือต่อก็จะได้ของราคาถูก เสื้อผ้าของอินทุกานต์นั้นก็ได้แบบมาจากสินค้าบนเรือนั้นเอง โดยเขาได้เห็นชุดอ๋าวใหญ่ของหญิงเวียดนามจึงสนใจและนำมาดัดแปลงให้เข้ากับภูมิอากาศบนเกาะ ผ้าที่อินทุกานต์ใช้จึงเป็นผ้าเนื้อบางเบาและพริ้วกว่าผ้าที่ใช้ตัดชุดอ๋าวใหญ่ทั่วไป

ธุระของอินทุกานต์ที่หมู่บ้านแห่งนี้คือการเป็นหมอและครูของชาวบ้าน รักตปักษ์ไม่ได้ถามว่าเหตุใดเจ้าตัวจึงเลือกที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์เช่นนี้ แต่ด้วยอายุอันยืนยาวของอินทุกานต์ ทำให้เขามีความรู้มากมายหลากหลายแขนง แต่เหตุที่เป็นนาค จึงต้องไปอาศัยอยู่ห่างไกล และเพราะมีชีวิตเป็นอมตะจากน้ำอมฤตที่เคยดื่มกินจากหญ้าคา เมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง อินทุกานต์จะต้องกลับลงทะเลและหายตัวไปจนกว่าคนรุ่นนั้นจะตายจากไปหมด แล้วจึงกลับมาอีกครั้งในฐานะคนหน้าใหม่ของหมู่บ้าน

ตะกร้าที่อินทุกานต์หิ้วติดตัวมานั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด ทุกๆเดือน อินทุกานต์จะต้องลงมาที่หมู่บ้านเพื่อตรวจรักษาโรคให้กับชาวบ้านที่สุขอนามัยยังไม่ค่อยดีนัก ชาวเลที่นี่อยู่ห่างไกลมากเกินกว่าที่ความเจริญจะมาถึง พวกเขามีชีวิตเหมือนบรรพบุรุษคือหาปลาเลี้ยงชีพไปวันๆ

เวลาที่อินทุกานต์ตรวจโรค เขาจะไม่ได้ร้องขออะไรตอบแทน แต่ชาวบ้านก็มักจะให้ของมาเป็นสินน้ำใจ เช่นพวกปลาที่จับได้ ผลไม้ที่ปลูกเอง บางครั้งชาวประมงเจอของมีค่าจากใต้ทะเลก็เอามาให้ง่ายๆเพราะพวกเขาไม่อาจรู้ค่าของแก้วแหวนเงินทองได้ อินทุกานต์ก็จะนำของเหล่านั้นไปขายและนำเงินมาซื้อสมุนไพรบางชนิดที่เขาหาเองไม่ได้

อินทุกานต์ดูแตกต่างจากคนอื่นๆในเกาะ แต่เขาปฏิบัติกับทุกคนราวกับไม่มีคำว่าแตกต่างขวางกั้น และคนในเกาะจะเรียกอินทุกานต์ว่า ครู

หลังจากตรวจรักษาโรคเสร็จแล้ว อินทุกานต์ก็ชวนรักตปักษ์กลับ โดยในมือของทั้งสองมีปลาทะเลตัวเขื่องอยู่คนละตัว ซึ่งชาวบ้านเอาใส่ชะลอมแช่ไว้ในถังน้ำให้หิ้วไปกันปลาตายก่อนที่จะถึงบ้าน

“เจ้าอยู่กับพวกเขามานานหรือยัง?” รักตปักษ์ถามขณะกำลังเดินกลับ

“หากเฉพาะคนรุ่นนี้ก็ห้าปีได้แล้ว” อินทุกานต์ตอบ “แล้วเจ้ากับเจ้ากรพินธุ์รู้จักกันมานานเท่าใดแล้ว หากนับเฉพาะในภพนี้?”

“ก็....ราวๆเก้าเดือน” ชายหนุ่มคำนวนตามฉบับนิตยสารของตน โดยฉบับแรกนั้นออกปลายเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ได้สัตยามาขึ้นปกจึงได้รู้จักกันเป็นครั้งแรก และฉบับสุดท้ายคือฉบับที่สิบ ออกเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พอคิดไปแล้วเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขากับสัตยารู้จักกันมานานโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเวลาล่วงเลยไปว่องไวถึงขนาดนี้ เหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะแต่ละคนก็มีงานมีการทำจนไม่ค่อยมีเวลามานั่งนับว่าได้รู้จักกันมานานเท่าใดแล้ว

“นับว่านานอยู่ ท่าทีของเจ้ากรพินธุ์ที่มีต่อเจ้าไม่ได้เปลี่ยนไปจากวันแรกเลยหรือ?” อินทุกานต์นึกสงสัย

“ก็มีเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ก็ขึ้นๆลงๆจนข้าไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือไม่” รักตปักษ์ดูเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับการตามอารมณ์ของสัตยาอยู่ไม่น้อย “บางครั้งก็ดูเหมือนจะยอมเข้าใจเหตุผล แต่บางครั้งก็ปฏิเสธเด็ดขาดไม่ยอมเปิดหูเปิดตาฟังความ ซ้ำยังดูประหม่าเมื่ออยู่ตามลำพังกับข้าทั้งที่ข้าไม่เคยคิดปองร้ายสัตยาเลยสักครั้ง ข้าสงสัยจริงว่าพวกนาคเสี้ยมสอนสัตยามายังไง”

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้ากรพินธุ์มีนิสัยน่าเอ็นดู” อินทุกานต์หัวเราะ “การแสดงออกในบางคราก็ตีความได้หลากหลาย อย่างคราวหนึ่ง แม่กัทรูดึงเจ้ากรพินธุ์มาโอบกอดต่อหน้าพี่น้อง เจ้ากรพินธุ์จึงทำปึ่งงอนเหมือนโกรธที่แม่กัทรูกระทำราวกับตนเองเป็นเด็กทำให้แม่กัทรูเสียใจมาก มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนั้นเจ้ากรพินธ์หาได้โกรธเคือง เพียงแต่เขินอายจนแสดงอารมณ์ไม่ถูกเท่านั้น”

“ช่างเข้าใจยาก” รักตปักษ์ว่า อาจเป็นเพราะเขานั้นเกิดมาพี่ชายก็ไม่เคยเห็น มีแม่วินตาเพียงคนเดียว เขาจึงสนิทกับแม่และชอบให้โอบกอด และการที่สัตยาเขินอายเวลาโดนแม่กอดจึงกลายเป็นเรื่องที่น่าแปลก

“ไม่ยากหรอก หากเจ้าลองสังเกตดีๆ เจ้าจะรู้” นาคจำแลงยิ้มบาง


----------------------------->


เรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในเกาะอันห่างไกลมิได้รู้ถึงในกรุงเทพ ในห้องพยาบาลสีขาวสะอาดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีชายชราซึ่งได้แต่เฝ้ารอหลายชายที่หายตัวไปด้วยความหวังลมๆแล้งๆ พงษ์ศักดิ์ดูไม่ดุดันเข้มงวดเหมือนเคย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและหดหู่ใจ ตั้งแต่ล้มป่วยลงเมื่อหลายวันก่อน ร่างกายก็ไม่ค่อยจะดีขึ้นนักเพราะไม่มีกำลังใจมาผลักดัน ดวงตาคู่คมที่เคยมีประกายกลับแห้งผากหลังผ่านการร้องไห้หลายครั้งโดยไม่มีใครรู้เห็น

ดวงตาที่ว่างเปล่าคู่นั้นกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย หวังว่าจะได้เห็นเงาของหลายชายผู้เป็นดังแก้วตาดวงใจที่ไหนสักแห่ง

สัตยาและรักตปักษ์หายตัวไปเกือบอาทิตย์แล้วโดยไม่มีข่าวคราวติดต่อกลับมาเลย ไม่มีแม้แต่ศพมาให้เห็น นักสืบที่พงษ์ศักดิ์ส่งไปก็ไม่พบเบาะแสใดๆที่จะสาวถึงตัวได้ ถึงตอนนี้พงษ์ศักดิ์กลัวแต่ว่า ร่างกายที่แก่ชราของเขาจะไม่อาจทนรับความผิดหวังได้ไหว

เสียงเคาะประตูห้องดังอยู่หลายครั้ง แต่พงษ์ศักดิ์ก็ไม่ได้ตอบรับ ผู้มาเยือนจึงถือวิสาสะเดินเข้ามาเองโดยไม่รอคำอนุญาต

“คุณพ่อคะ....” จันทร์วนาเยี่ยมหน้าเข้ามาดู ได้เห็นชายชรานั่งนิ่งอยู่ที่เตียงและหันหน้าไปทางหน้าต่าง เธอจึงเดินเข้าไปหา ตามด้วยยศซึ่งปิดประตูตามหลังเสียงเบาเท่าที่จะทำได้

จันทร์วนาเดินไปคุกเข่าซบตักของพงษ์ศักดิ์อยู่นาน กว่าที่ชายชราจะยกมือขึ้นลูบลงบนเรือนผมของเธอ พลันนั้น หญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งหลังจากร้องไห้อย่างหนักไปเมื่อเช้านี้ ยศรีบวางของเยี่ยมแล้วรุดมาพยุงภรรยาขึ้นนั่ง เขาโอบกอดหญิงสาวแน่นมากพอที่จะทำให้เธอรู้สึกไม่โดดเดี่ยว

“ทำไมกันคะ ทำไมลูกต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ทั้งที่แกก็เป็นเด็กดีไม่เคยทำร้ายใครสักครั้ง” จันทร์วนาคร่ำครวญเสียงสั่นเครือพาให้ยศอยากจะร้องไห้ตามไปด้วย แต่เขาก็ต้องกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ภายใน มิเช่นนั้นหากเขาไม่เข้มแข็งเป็นหลักให้ภรรยาพึ่งพิง จันทร์วนาจะมีใครอีก

“ขออภัยครับ” เสียงเคาะประตูพร้อมการขออนุญาตดังขึ้นจากภายนอก ยศจึงขานรับเพราะในห้องนี้คงไม่มีใครนอกจากเขาที่ยังมีอารมณ์ขานรับแขกอยู่ สิ้นเสียงขาน ประตูก็เปิดออก เชิดชัยเดินเข้ามาพร้อมสีหน้าไม่ต่างจากคนอื่นๆ เขาวางกระเช้าของเยี่ยมลงบนโต๊ะเล็กก่อนจะเดินมาดูอาการของพงษ์ศักดิ์ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงไม่ตอบสนองต่อการเรียกขาน

“คุณเชิดชัยรับน้ำก่อนไหมครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ” ยศเอ่ยถาม

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมก็ต้องไปแล้ว” เลขาวัยกลางคนว่า “พอคุณสัตยา...เอ่อ...หายไป อะไรๆก็วุ่นวายไปหมด

“คุณเชิดชัยคงเหนื่อยแย่เลยสินะครับ ต้องมาทำงานแทนอย่างนี้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง เพราะเชิดชัยเองก็อายุมากแล้ว จะให้มาทำงานหักโหมอย่างคนหนุ่มๆก็เห็นจะไม่ไหว “ถ้าไม่มีคุณเชิดชัยช่วยพูดกับบอร์ดบริหารให้ พวกผมเองก็คงแย่เหมือนกัน”

“ไม่หรอกครับ ผมเองก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แล้ว....อาการคุณท่านเป็นยังไงบ้างครับ?” เชิดชัยถามพลางมองพงษ์ศักดิ์อย่างกังวล

“คุณท่านก็ยังไม่ดีขึ้นเลยครับ ตั้งแต่ผมเข้ามา คุณท่านก็นั่งอยู่แบบนี้ตลอด” ยศถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเองก็หนักใจและปวดใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร สัตยาเป็นลูกรักและลูกชายเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ การต้องมาสูญเสียลูกไปตั้งแต่อายุยังน้อย ซ้ำยังไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมเจ็บปวดรวดร้าวยากจะทำใจได้ ถึงอย่างนั้น ยศก็ไม่ได้แสดงออกด้วยการร้องไห้คร่ำครวญหรือเก็บตัว เขาเพียงแต่ร้องไห้เงียบๆในบางครั้ง และทำใจว่าอะไรจะเกิดก็แล้วแต่เวรแต่กรรม

เชิดชัยกับยศไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะหลังจากนั้นก็มีโทรศัพท์ตามตัวเชิดชัยออกไป ห้องผู้ป่วยจึงกลับสู่ความเงียบเหงาวังเวงอีกครั้ง

“คุณจันทร์ เดี๋ยวผมลงไปซื้อข้าวมาให้นะครับ” ยศกล่าวกับภรรยาซึ่งยังคงสะอึกสะอื้น กระนั้นเธอก็เริ่มตั้งสติได้แล้วจึงพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนที่หญิงสาวจะเดินไปนั่งลงข้างๆผู้เป็นพ่อ แล้วกุมมือของชายชราแน่น

ยศออกไปจากห้องเพียงครู่เดียวก็กลับมา ครั้งนี้เขาเห็นว่าพงษ์ศักดิ์ไม่ได้นั่งที่เตียง แต่เจ้าตัวกลับนอนหลับไปเสียแล้ว

จันทร์วนาคอยเฝ้าอยู่เคียงข้างไม่ห่างตลอดเวลาที่ชายชราหลับอยู่ ในตอนนี้ เธอได้รับรู้แล้วว่าวันนั้นเมื่อหลายปีก่อนที่เธอหายตัวไปไม่บอกกล่าวเพราะความเอาแต่ใจนั้น หัวใจของผู้เป็นพ่อรู้สึกเช่นไร เธอทอดทิ้งพ่อให้โดดเดี่ยวอยู่นานโดยไม่ได้คำนึงว่าพ่อจะเหงาไหม จะเจ็บปวดไหม จะตามหาเธอไหม บางทีอาจเป็นผลกรรมที่เธอทำไว้เพราะความเป็นเด็กในคราวนั้น วันนี้ลูกของเธอจึงต้องถูกพลัดพรากไปจากอก

ยศเข้ามาโอบกอดหญิงสาวและคอยปลอมประโลม เขาเชื่ออย่างเต็มอกว่าสัตยายังไม่ตายและจะกลับมาอย่างแน่นอน....


----------------------------->


ร่างกายของรักตปักษ์ดีวันดีคืนอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงอาทิตย์เดียวเขาก็สามารถเดินเหินได้ตามปกติ รอยช้ำตามร่างกายจางหายไปจนสิ้น แต่แผลรอยกระสุนนั้นยังไม่หายดีจึงไม่สามารถออกกำลังได้มากนักด้วยแผลอาจจะฉีกจากภายในได้ กระนั้น รักตปักษ์ไม่ได้อยู่เฉย ระหว่างที่พักรักษาตัวนั้น เขาก็ช่วยงานของอินทุกานต์หลายอย่าง ทั้งซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน ล้างถ้วยชาม ทำอาหาร แต่ว่า ทั้งที่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว อินทุกานต์กลับไม่ยอมให้เขาพบกับสัตยาไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ซ้ำยังย้ำเขาอยู่ตลอดว่าอย่าเพิ่งเข้าใกล้ห้องที่สัตยานอนพักผ่อนในตอนนี้

“เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่” เขาถามอินทุกานต์ขณะที่เจ้าตัวกำลังสะบัดผ้าแล้วนำขึ้นพาดบนราว

“เรื่องอะไรหรือ?” ชายหนุ่มผู้เป็นนาคถามกลับด้วยรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ที่รักตปักษ์เห็นจนเจนตาตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา

“ทำไมไม่ให้ข้าพบสัตยา?”

“เพราะเจ้ากรพินธุ์หลับอยู่ เจ้าจะพบไปทำไมในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สติ” อินทุกานต์ว่าจบก็เงยหน้ามองรักตปักษ์ “ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงเจ้ากรพินธุ์มากเพียงใด ข้าเองก็ห่วงไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้า แต่ข้ารู้สึกแปลก....มีบางสิ่งที่ข้ารู้สึกว่าไม่ถูกต้อง”

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” รักตปักษ์ไม่เข้าใจในสิ่งที่อินทุกานต์พูดนัก เพราะประโยคหลังดูเหมือนเจ้าตัวจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า แต่แล้ว อินทุกานต์ก็หันมาสบตาอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง

“เจ้ารู้จักเจ้ากรพินธุ์มาแล้วเก้าเดือน แล้วพวกเจ้าเคยพูดถึงเรื่องอดีตบ้างหรือไม่?”

“เจ้าหมายถึง....ตอนเป็นนาค?” รักตปักษ์มุ่นคิ้วด้วยความสงสัย ว่าเรื่องในกาลก่อนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะว่าเป็นผลกรรมบันดาลก็ออกจะเกินไปอยู่ไหม ในเมื่อสัตยาไม่ได้ทำร้ายใครด้วยความตั้งใจของตนเองเลย ทว่า อินทุกานต์กลับส่ายศีรษะแทนคำตอบ

“ข้าหมายถึงเรื่องแต่สมัยเด็กจนถึงตอนนี้” นาคจำแลงว่า “พวกเจ้าเคยคุยกันบ้างหรือไม่ว่าเจ้ากรพินธุ์เคยไปเที่ยวที่ไหน หรือเกิดที่ไหน”

“เรื่องนั้น.....” รักตปักษ์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “โดยมากแล้วข้าได้ยินได้ฟังมาจากคุณพงษ์ศักดิ์ ตาของสัตยาอีกทีหนึ่ง เท่าที่จำได้ ดูเหมือนสัตยาจะไม่ค่อยได้เที่ยวบ่อยนัก อย่าง....ทะเลที่มาคราวนี้ก็เพียงสองถึงสามครั้ง นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องสถานที่เกิด สมัยก่อนนี้พ่อกับแม่ของสัตยาอยู่อีกบ้านหนึ่งแถวต่างจังหวัด อยู่ติดกับชายป่า แต่ตอนที่สัตยาเกิดก็มาเกิดในโรงพยาบาลที่กรุงเทพ แล้วก็ไม่เคยได้กลับไปที่บ้านนั้นอีกเลย”

“พูดจริงหรือ?” สีหน้าของอินทุกานต์ดูกังวลมากขึ้น

“มีอะไร?” ชายหนุ่มปะติดปะต่อเรื่องไม่ค่อยถูกนัก แต่สีหน้าของอินทุกานต์ทำให้เขาเป็นกังวล

“ในป่านั้น....น่าจะมีทะเลสาบ.....”

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #227 เมื่อ09-02-2011 16:33:11 »

ขณะที่อินทุกานต์กำลังจะพูดถึงอะไรบางอย่าง ก็บังเกิดเสียงเหมือนของตกพื้นจากในห้องซึ่งปิดประตูหน้าต่างมิดชิด รักตปักษ์หน้าตื่น เพราะห้องนั้นคือห้องของสัตยา ทว่า เมื่อเขาทำท่าจะวิ่งเข้าไปดู อินทุกานต์กลับกันตัวเขาเอาไว้

“รออยู่ที่นี่” ชายหนุ่มในชุดยาวว่า

“เมื่อครู่เสียงสัตยาใช่หรือไม่! สัตยาตื่นแล้วทำไมไม่ให้ข้าเข้าไป!” รักตปักษ์ร้องโวยวาย

“ได้โปรด ครุฑ” อินทุกานต์กล่าว “ได้โปรดรออยู่ที่นี่” ชายหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตาที่กราดเกรี้ยวและเต็มไปด้วยความห่วงใยต่อน้องชายของตนดวงนั้น พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความเงียบเพื่อให้รักตปักษ์ยินยอม ในที่สุด ชายหนุ่มผมแดงก็พ่อลมหายใจออกมา ก่อนจะนั่งลงบนแคร่ไม้ อินทุกานต์จึงผละเดินไปยังห้องนั้นและเลิกผ้าเข้าไปด้านใน ทว่า ภาพที่เขาเห็นทำให้ชายหนุ่มแทบหัวใจหยุดเต้น สัตยาในร่างกึ่งนาคกลิ้งออกมาจากเสื่อและพยายามคืบคลานไปที่ไหนสักแห่ง ข้าวของที่วางข้างตัวถูกปัดล้มระเนระนาด เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังระงมออกมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจเพื่อสะกดกลั้นความทรมาน

อินทุกานต์ถลาเข้าไปพยุงสัตยาขึ้นมากอดหลวมๆ ร่างกายของสัตยาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายหาง ดวงตาของชายหนุ่มกึ่งนาคถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่ง สัตยาตะเกียกตะกายพยุงขึ้นกอดอินทุกานต์เป็นหลักพึ่งพิง ขนดหางขยับอย่างไร้เรี่ยวแรง

“เจ้ากรพินธุ์ เจ้าเจ็บหรือ?” อินทุกานต์เอ่ยถามพลางกอดน้องชายของตนเองไว้อย่างทนุถนอม

“เจ้าอินทุกานต์....ข้าทรมานเหลือเกิน ร่างกายข้าปวดแสบปวดร้อนไปหมด....” เสียงของสัตยาเบาจนฟังแทบไม่ได้ยิน “ครุฑยังไม่รู้ใช่ไหม...เจ้าไม่ได้บอกใช่ไหม?”

“ข้ายังไม่ได้บอก อย่าห่วงเลย” มือเรียวลูบผมของสัตยาอย่างแผ่วเบา “แต่เจ้าควรจะให้ครุฑช่วยเหลือ เขาเป็นห่วงเจ้ามากนะ”

“ไม่....” สัตยาซุกตัวกับอ้อมกอดของอินทุกานต์ “ข้า....ทำเรื่องร้ายกาจถึงขนาดนั้น ข้าไม่หวังจะได้ความช่วยเหลือจากครุฑหรอก”

ในวันนั้น หลังจากที่สัตยาหมดเรี่ยวแรงและกำลังจมลงไปในน้ำนั้น เขาได้เห็นนาคตนหนึ่งแหวกว่ายเข้ามาพยุงโอบรัดพวกเขาทั้งสองเอาไว้ แต่ว่าตอนนั้นสัตยาแทบจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน คือเสียงเรียกชื่อของเขา

เจ้ากรพินธุ์...

หลังจากนั้นเขาก็ได้สติขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าหลับไปกี่วัน ร่างกายของเขาปวดระบมและแสบร้อนไปทั้วตัวจนอยากจะกรีดร้อง ตอนนั้นเขาดิ้นปัดป่ายไม่รู้ทิศทางด้วยความทรมาน ในเวลานั้นเองที่มีมือคู่หนึ่งโอบกอดเขาเอาไว้ มือที่เขาคุ้นเคย และเป็นเวลานั้นเองที่สัตยาได้รับรู้ความจริงจากปากของอินทุกานต์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่สัตยาหนีไป รักตปักษ์พูดความจริงทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่สำนึกถึงความผิดและชุบชีวิตนาคที่ตนเองกินเข้าไป อีกทั้งยังเรื่องที่ลงมาจุติเพื่อชดใช้ความผิดนั้นที่ทำไว้กับเขา

ในเมื่อรู้ความจริงอย่างนี้ ตัวสัตยาที่ไม่เคยยอมฟังความอะไรจะเอาหน้าที่ไหนไปพบรักตปักษ์ได้อีก

อินทุกานต์ถอนหายใจออกมาแล้วมองดูบาดแผลทั่วร่างของสัตยา

ในตอนนี้ร่างกายของสัตยาอ่อนแอลงเรื่อยๆ แม้แต่การจำแลงร่างกลับเป็นมนุษย์ยังไม่สามารถทำได้ จำต้องคงสภาพครึ่งนาคครึ่งคนอยู่อย่างนี้มาหลายวัน

“เจ้ากรพินธุ์ ช่วยตอบข้าตามตรงสักเรื่องได้ไหม?” อินทุกานต์เอ่ยถาม “นับแต่เจ้าเกิดในร่างนี้ เจ้าเคยกลับไปยังทะเลสาบของตัวเองสักครั้งหรือไม่?”

“....ไม่เคยเลย....” สัตยาตอบเสียงแผ่ว

“อย่างนี้เอง....” ในที่สุดความสงสัยของอินทุกานต์ก็กระจ่าง “ข้าต้องให้ครุฑพาเจ้าไป”

“ไม่!” ชายหนุ่มครึ่งนาคร้องพร้อมตะกายกอดอีกฝ่ายแน่น “เขาจะพาข้าไปจากเจ้า! อย่าทิ้งข้านะเจ้าอินทุกานต์....อย่าทิ้งข้าไป อย่าให้ทิ้งให้ข้าต้องเหลือตัวคนเดียวอีก....”

“เจ้ากรพินธุ์ ฟังข้า หากเจ้าอยู่อย่างนี้เจ้าจะตาย เจ้าอ่อนแอมากและไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายด้วยตัวเองได้ เจ้ากระโดดลงไปในทะเลโดยไม่คิดถึงตัวเอง ไม่คิดถึงความแค้นที่มีมา แล้วเจ้าคิดว่าครุฑจะโกรธเคืองเจ้า โกรธเคืองสิ่งที่เจ้าทำได้ลงหรือ?” อินทุกานต์กล่าวก่อนจะกอดสัตยาแนบแน่น “เจ้าคือพี่น้องของข้า แม้จะไม่อาจได้พบกันอีกข้าก็อยากให้เจ้าอยู่ต่อไป ครั้งนั้นข้าจึงเลือกที่จะเอาตัวเข้าแลกแทนเจ้า”

“แต่....”

“สัตยา!” เสียงที่ดังแทรกบทสนทนาขึ้นมาคือเสียงของรักตปักษ์ซึ่งรอคอยข้างนอกอยู่นานจนร้อนอกร้อนใจทนไม่ไหว ถือวิสาสะเดินเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต ทว่า สภาพของสัตยาที่ปรากฏต่อสายตาทำให้ชายหนุ่มเกือบจะลืมหายใจ เขารุดเข้าไปคว้าตัวสัตยาโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของอินทุกานต์ มองดูบาดแผลที่ปรากฏบนร่างด้วยความปวดใจ

“ครุฑ ออกไปก่อน!” อินทุกานต์รีบห้าม ทว่ากลับโดนรักตปักษ์ผลักล้มลงก่อนจะอุ้มสัตยาขึ้นแล้วพาเดินออกไปโดยไม่อนาทรต่อเสียงร้องของเจ้าตัว

“ปล่อยข้า! ครุฑ! ข้าเจ็บ....เจ้าอินทุกานต์! เจ้าอินทุกานต์!” สัตยาร้องและทุบตีร่างสูงซึ่งเขาไม่อาจมองเห็นหน้า แต่ก็รู้ได้ด้วยเสียงว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“หยุดนะครุฑ! เจ้าพาเจ้ากรพินธุ์ออกไปข้างนอกไม่ได้นะ!” อินทุกานต์เข้ามาคว้าตัวไว้ก่อนที่รักตปักษ์จะหุนหันออกไปโดยไม่ฟังเสียง “เจ้าจะฆ่าเจ้ากรพินธุ์หรือยังไง!” สิ้นประโยคนั้น รักตปักษ์จึงได้นิ่งไป เขากอดร่างที่สั่นเทาของสัตยาไว้แน่น

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า....ทำไมต้องโกหกข้า....” ชายหนุ่มหันกลับมามองอินทุกานต์ด้วยสายตาเจ็บปวด

“ปล่อยเจ้ากรพินธุ์ให้ข้าก่อนเถอะ....แล้วข้าจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”

“อย่านะ!” สัตยารีบร้องห้าม “ข้าไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็หาย....”

“ครั้งนี้ข้าจะไม่ฟังเจ้า สัตยา” รักตปักษ์เอ่ยเสียงเข้มแล้วพาสัตยากลับลงไปนอนบนเสื่อที่ปูเอาไว้บนพื้นอย่างเบามือเพื่อไม่ให้กระทบโดนแผล อินทุกานต์ขอให้รักตปักษ์ออกไปรอข้างนอก ส่วนตนเองก็นำน้ำสะอาดมาทำความสะอาดร่างกายของสัตยา ก่อนจะทายาบรรเทาอาการให้ เมื่อสัตยาสบายตัวขึ้นแล้วจึงค่อยๆผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า จากนั้น อินทุกานต์จึงออกมาพบกับรักตปักษ์ข้างนอก

“เล่ามาให้หมด” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจอย่างที่ไม่เคยทำมานาน

“ข้าควรจะเริ่มยังไงดีนะ” อินทุกานต์พูดก่อนจะถอนหายใจ “ร่างกายของเจ้ากรพินธุ์ตอนนี้อ่อนแอลงทุกวัน แม้แต่ร่างมนุษย์ก็ไม่อาจคงไว้ได้”

“ทำไมเป็นถึงขนาดนี้ บาดแผลพวกนั้น....”

“เจ้าเคยปล่อยปลาน้ำจืดลงในทะเลหรือเปล่า?” นาคจำแลงถามก่อนจะเฉลยโดยไม่รอคำตอบ “ถ้าทำเช่นนั้น ไม่นานมันก็จะตาย เพราะความเป็นด่างในทะเลมีสูงเกินกว่าสภาพปกติที่เคยอาศัย เกลือในทะเลจะกัดผิวหนังจนเป็นแผลลึก อย่างที่เจ้ากรพินธุ์กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ นอกจากนั้น เป็นเพราะเจ้ากรพินธุ์เป็นกึ่งนาคกึ่งมนุษย์ จึงมีความอ่อนแอของทั้งสองเผ่าพันธุ์รวมกัน ความจำเพาะต่อสภาพแวดล้อมของนาค และร่างกายที่ไม่อาจทนต่อสิ่งผิดแปลกของมนุษย์ แต่ก็มีเรื่องแปลก เพราะโดยปกติแล้วความเป็นนาคของเจ้ากรพินธุ์มีมากกว่าความเป็นมนุษย์ ไม่นานร่างกายควรจะเยียวยาตัวเองได้ แต่ก็ไม่เลย.....เป็นเพราะเจ้ากรพินธุ์อยู่ห่างไกลจากเขตของตนเองมานานเกินไป....”

“แล้วจะเป็นยังไง? เจ้าจะปล่อยให้สัตยาต้องทรมานอย่างนี้น่ะหรือ?” รักตปักษ์ยกมือขึ้นกุมหน้า “ทำไมเจ้าถึงไม่บอกความจริงกับข้า! ต้องให้ข้ารอเห็นศพของสัตยาด้วยตัวเองหรือยังไง!”

“เจ้ากรพินธุ์ขอให้ข้าไม่บอกเจ้า” อินทุกานต์เงยหน้าขึ้นมองรักตปักษ์ “เจ้ากรพินธุ์รู้สึกผิดที่แค้นเคืองเจ้าโดยไร้เหตุผลมาตลอด”

“ข้าไม่เคยถือโกรธเรื่องนั้นเลยสักนิด....” ชายหนุ่มเสยผมสีแดงของตนเองอย่างหัวเสีย

“ตาของเจ้ากรพินธุ์กำลังจะบอด....ผิวหนังก็โดนแสงอาทิตย์ไม่ได้....” อินทุกานต์ว่าก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า “มีวิธีเดียวที่จะช่วยได้คือต้องพาเจ้ากรพินธุ์กลับไปที่ทะเลสาบที่เคยอยู่”

“ข้าพาไปได้...” รักตปักษ์กล่าว “ข้ามีปีกของครุฑ ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ข้าก็จะพาสัตยาไปให้ถึง”

“ไม่ใช่ตอนนี้ ต้องรอเวลากลางคืน”

“เช่นนั้นคืนนี้....”

“เจ้ากรพินธุ์จะยอมหรือ?” คำถามของอินทุกานต์ทำให้รักตปักษ์นิ่งไป เขาไม่อาจให้คำตอบได้ว่าสัตยาจะยอมไปแต่โดยดีหรือไม่ อย่างเมื่อครู่นี้เมื่อเขาโอบกอดร่างนั้น อีกฝ่ายก็สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ซ้ำยังกรีดร้องทุบตีให้เขาปล่อยทั้งที่เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ ร่ำหาอินทุกานต์จนเสียงแห้งและสั่นสะท้านเหมือนกับกำลังจะร้องไห้ออกมา

“ข้าฝากเจ้าเกลี้ยกล่อนสัตยาได้หรือไม่ เจ้าอินทุกานต์” รักตปักษ์ตระหนักดีว่าสัตยายอมฟังชายตรงหน้ามากกว่าเขา ถ้าอินทุกานต์เป็นคนพูด คงจะยอมไปด้วยกันโดยดี

“ข้าพยายามแล้ว.....” อินทุกานต์เลื่อนมือมาบีบฝ่ามือกร้านของรักตปักษ์เบาๆ “มีแต่เจ้าที่ทำได้ เจ้ากรพินธุ์จะยอมฟังคำของเจ้า หากใจของเขารู้ว่าเจ้ารู้สึกยังไง” ว่าจบ อินทุกานต์ก็ลุกขึ้นจากแคร่ไม้ที่นั่งคุยกัน แล้วเดินไปทางเรือน

“เจ้าจะไปไหน?”

“ตอนนี้เที่ยงแล้ว ข้าจะไปทำกับข้าวให้เจ้าจะได้กินยาแล้วพักผ่อนเสียด้วย” ชายหนุ่มชาวนาคว่าก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้ากระวนกระวายของอีกฝ่าย “อีกนานกว่าที่เจ้ากรพินธุ์จะตื่น แล้วเจ้าเองหากอาการทรุด จะพาเจ้ากรพินธุ์ไปได้ยังไงกัน?”

เมื่ออินทุกานต์กล่าวเช่นนั้น รักตปักษ์จึงได้ยอมสงบลง และเดินตามชายหนุ่มเข้าครัวไปเพื่อทำอาหารกินเป็นมื้อเที่ยง หลังเสร็จสิ้นมื้ออาหารจึงกินยาที่อินทุกานต์จัดเอาไว้ให้และนอนพักผ่อน


----------------------------->


ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำแล้วสัตยาจึงตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา กระนั้นถึงจะลืมตาหรือหลับตา ภาพเบื้องหน้าก็ไม่ต่างกันเพราะมันมีแต่ความมืดมิด ร่างกายของเขาปวดร้าวจนต้องร้องครางออกมาเบาๆ บาดแผลบนผิวเนื้อไม่ยอมจางหายไปโดยง่าย แม้ว่าการกัดกร่อนจะหยุดลงแล้วแต่ความเจ็บปวดทรมานยังคงกัดกินร่างกายของเขาไม่สิ้นสุด แม้แต่ยาขนานเอกของอินทุกานต์ก็ยังทำได้เพียงบรรเทาความเจ็บนั้นชั่วครั้งชั่วคราว

ถ้าเป็นได้ สัตยาอยากให้ลมหายใจหยุดเสียเดี๋ยวนี้เลย จะได้ไม่ต้องทรมานอีก

ตอนนี้ ภายใต้ผ้าพันแผลหนาหลายชั้น ผิวหนังของสัตยาเหลือแต่เนื้อสีแดงและเต็มไปด้วยแผลเหอะหวะ แม้แต่ในปากและคอที่กลืนน้ำทะเลลงไปก็แสบจนแทบจะกินอะไรไม่ลง หลายวันที่ผ่านมานี้ สัตยาจึงผ่ายผอมลงกว่าเดิมมาก

ในขณะที่ชายหนุ่มในร่างกึ่งนาคกำลังนอนรอเวลาอย่างไร้จุดหมายนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนมีคนเดิมเข้ามาในห้อง

“เจ้าอินทุกานต์?” เขาเอ่ยเรียกออกไป แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมตอบ กลับเดินเข้ามานั่งข้างๆอย่างเงียบงัน และประคองมือข้างหนึ่งของเขาขึ้นมากุมเอาไว้ ฝ่ามือที่สัตยาสัมผัสได้นั้นหยาบกร้านอย่างคนทำงาน เขาสามารถจดจำได้ทันทีว่าเป็นมือของใคร

“สัตยา...” เสียงของรักตปักษ์ดังขึ้น “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้ากลัว ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ช่วยฟังข้าเฉยๆจะได้ไหม?”
สัตยาชั่งใจอยู่นานกับคำขอนั้น ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างยากลำบาก

“ก่อนหน้านี้ เจ้าแค้นเคืองข้า โกรธเกลียดข้า ข้าเข้าใจเหตุผลของเจ้าจะไม่เคยกล่าวโทษเจ้าเลยเมื่อต้องถูกเจ้าทำร้าย ข้าเพียงอยากให้เจ้าอภัยให้ข้า อภัยให้ความผิดพลาดของข้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนข้าก็ยินดีชดใช้ให้” รักตปักษ์พูดอย่างช้าๆทว่าหนักแน่นทุกคำ เพื่อตอกย้ำความจริงใจในถ้อยคำเหล่านี้ ให้สัตยารับรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่ปรารถนาให้สัตยามีความสุข

“ข้าเห็น....” สัตยาพูดแทรกด้วยเสียงแหบแห้ง “ในฝันครั้งสุดท้าย...ตอนที่เจ้าฉีกร่างเจ้าอินทุกานต์....ข้าเห็นน้ำตาของเจ้า....”

รักตปักษ์นิ่งเงียบไป และเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจว่าสัตยาจะพูดอะไรต่อ กระนั้นสัตยากลับเงียบไปเฉยๆและหอบหายใจเบาๆ

“เจ้าจำได้ไหม สัตยา เมื่อกาลก่อนนั้นแม่ของพวกเราพนันกันและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง ข้ากับแม่อยู่รับใช้พวกเจ้าโดยไม่มีสิทธิปริปากบ่น มองดูพวกเจ้าสรวลเสเฮฮากันอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจความลำบากของเราสองแม่ลูก ข้าอิจฉาพวกเจ้า โกรธแค้นพวกเจ้า แต่เมื่อข้ามีโอกาสได้แก้แค้น ความแค้นนั้นกลับเป็นไฟที่แผดเผาใจของข้า” รักตปักษ์บีบมือของสัตยาแน่นขึ้นขณะเล่า “ข้าหน้ามืดตามัว ควบคุมตัวเองไม่ได้ เข่นฆ่านาคไปมากมายจนองค์นารายณ์ต้องลงมายับยั้งและทำการตกลงกับอนันตนาคราชว่าให้ส่งนาคมาให้ข้ากินวันละตน มิเช่นนั้นนาคจะสูญสิ้นพงศ์พันธุ์”

“ข้าจำเรื่องนั้นไม่ได้....” สัตยากล่าว

“เจ้าหนีไปก่อนแล้ว จะรู้ได้ยังไงกัน” รักตปักษ์ว่าพลางแนบริมฝีปากลงบนข้อนิ้วของอีกฝ่าย “หลังจากนั้นข้าก็กินนาควันละตนเป็นอาหารอยู่นาน จนได้เจอกับฤาษีตนหนึ่งซึ่งแปลงตัวเป็นนาคมาให้ข้ากินแทนนาคที่ต้องมาในวันนั้น ส่วนนาคตัวจริงก็มาอ้อนวอนให้ข้ากินตัวเองอย่าทำร้ายฤาษี แม่ของนาคก็ยังมาคุกเข่าขอร้องข้าทั้งน้ำตา ตอนนั้นข้าจึงได้สติว่าตัวเองทำอะไรลงไป”

“หลังจากนั้น...เจ้าก็ชุบชีวิตนาคจากกระดูกใช่ไหม? เจ้าอินทุกานต์เล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว....” สัตยาบีบมือของรักตปักษ์ตอบแล้วพูดต่อ “ข้าไม่เคยรู้อะไรเลย....ทั้งเรื่องการพนัน ทั้งเรื่องเล่ห์เหลี่ยมนั่น...”

“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า....ไม่ใช่ของพวกเจ้าทั้งหมด” รักตปักษ์สูดหายใจเข้าลึก “ข้ามารู้ความจริงเอาทีหลัง ว่าแท้จริงแล้วเป็นคำสาปของพ่อและพี่ของข้าเอง ในตอนแรกนั้น พ่อได้ให้พรกับแม่ของเราคนละข้อ แม่ของเจ้าขอให้มีลูกมากมาย แต่แม่ของข้ารู้สึกอิจฉาจึงขอให้ได้ลูกแค่สองคนแต่ให้มีอำนาจยิ่งใหญ่ พ่อรู้ได้ถึงความริษยานั้นจึงสาปแม่ให้ต้องตกเป็นทาสของน้องสาวตนเอง หลังจากนั้น แม่ของเจ้าก็ออกลูกเป็นพวกเจ้าทั้งพันตน ส่วนแม่ของข้ากลับออกลูกเป็นไข่สองฟองซึ่งไม่ยอมฟักออกมาเสียที ด้วยความใจร้อนและอิจฉาที่น้องสาวมีลูกให้เล่นให้อ้อน นางจึงทุบไข่ใบหนึ่งกลายเป็นพี่ชายของข้าซึ่งพิกลพิการไม่สมบูรณ์ พี่ชายของข้าโกรธแม่มากจึงสาปให้ต้องเป็นทาสไปจนกว่าข้าจะมาช่วยปลดปล่อย”

“......แล้วเจ้าทำยังไง....”

“ข้าจะทำอะไรได้....นอกจากอธิษฐานให้ตายแล้วมาเกิดเพื่อตามหานาคตนหนึ่งที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขาเสียที” รักตปักษ์แอบกัดเล็กๆ ทำให้ใบหน้าของสัตยาง้ำงอทันควัน ชายหนุ่มจึงแกล้งดึงจมูกเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “ผิดก็ผิดด้วยกันทั้งสองฝ่าย เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวว่าใครจะโกรธเคืองหรอก สัตยา ข้าเสียอีกที่ก่อเรื่องราวใหญ่โตขนาดนั้นเพียงเพราะขาดสติ”

“แล้วผลก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ....เพราะข้าพยายามจะแก้แค้นเจ้า ไปพัวพันกับคนพรรค์นั้น....ทุกอย่างถึงได้ย้อนกลับมาลงที่ตัวข้า...” สัตยาเอียงศีรษะไปทางหนึ่งซึ่งติดกับผนัง

“เป็นเพราะเจ้าพยายามจะช่วยข้าต่างหากถึงเป็นอย่างนี้” รักตปักษ์ถอนหายใจยาวก่อนจะแตะริมฝีปากลงที่มือของสัตยาซึ่งกุมเอาไว้จนชื้นเหงื่อ “ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่....อยู่กับข้านะ สัตยา ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าอดีตจะเป็นยังไง อนาคตจะเป็นแบบไหน แค่มีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว....”

TBC

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #228 เมื่อ09-02-2011 16:36:45 »

จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



แบบนี้เรียกว่าเริ่มหวานได้หรือยังคะเนี้ย อิอิ

 :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2011 16:58:12 โดย samsoon@doll »

COTton

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #229 เมื่อ09-02-2011 16:37:13 »

 :pig4: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
« ตอบ #229 เมื่อ: 09-02-2011 16:37:13 »





ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #230 เมื่อ09-02-2011 17:09:08 »

 :เฮ้อ:เศร้าจัง

mumoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #231 เมื่อ09-02-2011 17:21:04 »

อืมมมม ความแค้นคลี่คลาย ความรักก็คงได้เวลาเบ่งบานซะที
อ้อออ แต่เงื่อนปมเกี่ยวกับฝ่ายที่อยู่ในที่ลับยังคงอยู่นี่นะ
งั้นนน... รอลุ้นอยู่นะจ๊ะ^^

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอ$
«ตอบ #232 เมื่อ09-02-2011 17:37:10 »

ความแค้นได้พังลงเพราะความรัก

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #233 เมื่อ09-02-2011 19:27:01 »

 :o8:
คุณรักษ์น่ารัก น่าหลงมากๆ

รอวันที่ยาจะหายดีนะ

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #234 เมื่อ09-02-2011 19:53:41 »

ตอนนี้เริ่มหวานแล้ว ตอนหน้าขอหวานเยอะๆ นะคะ  o18 o18 o18

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #235 เมื่อ09-02-2011 20:26:27 »

ตกลงเลยน้องนาค เรื่องทุกอย่างก็ผิดทั้งสองฝ่ายจริง ๆ ด้วยนั่นแหละเนาะ  :กอด1: :กอด1:
เค้าโอนเงินไปแล้วนะ รอวันได้ครอบครอง  :-[ :-[

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #236 เมื่อ09-02-2011 20:27:34 »

ใครกันบังอาจทำร้ายคุณรักตกะคุณยาได้

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #237 เมื่อ09-02-2011 21:02:50 »

สถานการณ์เหมือนจะดีขึ้น แต่อาการของสัตยาก้อยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี
 :L2: เยี่ยมคนป่วย

tonight

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #238 เมื่อ09-02-2011 21:21:13 »

อ่า เริ่มมีความคืบหน้าแล้วความรักของสองคนนี้ หวังว่าเรื่องราวจะคลี่คลายไปในทางที่ดี

แม้ว่านาคน้อยจะเจ็บตัวแต่คิดว่ายังไงก็ต้องยอมให้รักตปักษ์พาไปที่ทะเลสาบเพื่อรักษาแน่ๆ

ขอบคุณนะคับ มาอัพต่อไวๆนะ รออ่านอยู่คับ

@StaR@

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
«ตอบ #239 เมื่อ09-02-2011 21:35:44 »

ตอนนี้เริ่มจะหวานขึ้นมานิดนึงแล้ว
นอกจากนั้นยังเริ่มคลายปมมาอีกหน่อย
เหลือก็แต่ว่าใครคือชายในเงามืด
 :กอด1: :L2: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด