พิมพ์หน้านี้ - สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ZIar ที่ 01-02-2011 14:52:32

หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 01-02-2011 14:52:32
****************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


****************************************************

ข่าวการเปิดจอง อ่านได้>>>ที่นี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21932.0)<<<

พลาดคราวนี้ไม่พิมพ์เพิ่มแล้วนะคะ

-----------------------------------

สารบัญ
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1301666#msg1301666), 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1303258#msg1303258), 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1304322#msg1304322), 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1305461#msg1305461), 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1306240#msg1306240), 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1307804#msg1307804), 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1308778#msg1308778), 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1310535#msg1310535), 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1311847#msg1311847), 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1312927#msg1312927), 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1314132#msg1314132), 12(END) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1315591#msg1315591)


-----------------------------------------------------------------------

สัตยาธิษฐาน


“ยามแค้น แสนแค้น เคียดขึ้งแค้น
จบแดน ทั่วหล้า ต้องอาสัญ
ยามรัก แสนรัก ปักชีวัน
ผูกพัน ร่วมฝัน กระหวัดกรุม
ยามแค้น แสนแค้น แค่นวินาศ
เผ่นพาด ผ่านภพ สบเพลิงสุม
ยามรัก แสนรัก เร้ารักรุม
ร้อนรุ่ม เร่าเริง เพลิงวิญญาณ์
ยามแค้น แสนแค้น คาดเคืองคิด
ร้อนจิต ปลิดเป่า เหล่าพงศา
ยามรัก แสนรัก ปักชีวา
เคียงครอง หัตถา เจ้าดวงใจ”


   ครั้งหนึ่ง เมื่อครุฑได้รับอนุญาตจากพระอินทร์ ให้สามารถจับนาคกินเป็นอาหารได้ ด้วยความแค้น ณ เวลานั้น ครุฑจึงจัดการกับพี่น้องต่างมารดาของตนไปเป็นจำนวนมาก ทว่ากลับมีนาคตนหนึ่งซึ่งรู้ว่าตนกำลังจะถึงฆาต ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ภายภาคหน้าได้มีโอกาสแก้แค้นครุฑคืนบ้างโดยได้เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ ดังเช่นที่ครุฑได้เป็นพาหนะของพระนารายด์ ก่อนที่นาคตนนั้นจะหลบลี้หนีไปซ่อนตัวอยู่ใต้บาดาลในดินแดนอันห่างไกล และจำศีลรอคอยเวลาที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า

   ทางฝ่ายครุฑ เมื่อเกิดสำนึกผิด ก็กลับไปชุบชีวิตนาคที่ตายด้วยมือของตน ทว่ากลับพบว่านาคขาดไปตนหนึ่งซึ่งหาเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาพบ ครุฑจึงได้รู้ว่านาคตนนั้นหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยความรู้สึกผิดและอยากจะไถ่โทษ ครุฑจึงอธิษฐานให้วันใดที่นาคตนนั้นกลับมายังพื้นพิภพ ขอให้ตนจุติลงไปในภพมนุษย์ และได้พบกับนาคตนนั้นอีกครั้ง

   และด้วยคำอธิษฐานของทั้งสอง จึงดลบันดาลให้เกิดเรื่องราวในปัจจุบัน.....


-------------------------->


   ดวงเนตรสีแดงก่ำขยับปรืออย่างเชื่องช้า ปลุกตนเองจากนิทราอันยาวนานราวชั่วกัลป์ สัตว์เทพรูปร่างใหญ่โตค่อยคลายขนด คืบคลานออกมาจากถ้ำอันวิจิตรพิศดารราวกับสรวงสวรรค์ในแดนบาดาล ดวงเนตรคู่นั้นสอดส่ายไปรอบกายก่อนจะสะบัดหางพยุงตัวขึ้นจากพื้น แหวกว่ายไปในสายน้ำที่นิ่งสงบและค่อยๆโผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำของทะเลสาบอันห่างไกลในป่าใหญ่ ร่างกายใหญ่โตนั้นลาบเลื้อยขึ้นมาบนบก ผ่านพงหญ้ามุ่งไปยังกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบแห่งนั้น กระท่อมซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากความวุ่นวายของผู้คน และที่นั่น มันได้พบกับหญิงนางหนึ่งกำลังนั่งปักผ้าอยู่ตรงชานบ้าน เนตรสีแดงราวทัมทิมปรือลงมองดูรอบๆว่ามีใครนอกเหนือจากนี้หรือไม่ ก็พบชายหนุ่มอีกคนกำลังทำไร่อยู่ข้างหลังบ้าน เมื่อเป็นเช่นนั้น นาคจึงรู้ว่าตนได้พบทางที่จะไปสู่คำอธิษฐานของตนแล้ว

   ลำตัวซึ่งเต็มไปด้วยเกล็ดสีมรกตเลื้อยกลับเข้าพงหญ้าอย่างเงียบงัน และซุกตัวนิ่งเหนือจอมปลวกใหญ่ในป่า เนตรสีทัมทิมทั้งคู่ค่อยๆปรือหลับลง วางศีรษะลงบนขนดหาง และเฝ้ารอ.....

   ดวงตะวันค่อยอ้อยอิ่งลาลับขอบฟ้าในยามพลบค่ำ ทิ้งแสงสุดท้ายสีนวลตาสาดส่องกระทบเกล็ดสีมรกตเป็นแสงแวววาว และกระทบเปลือกตาที่ปิดสนิทให้กระพือเปิดขึ้นอีกครั้ง นาคใหญ่ขยับศีรษะชูชันจับจ้องไปยังกระท่อมหลังนั้นอันเป็นเป้าหมาย ชายหนุ่มหญิงสาวเก็บสำรับอาหารเย็นเสร็จ ทั้งสองก็พยุงกันเข้าบ้านด้วยความทนุถนอม

   แสงไฟจากดวงเทียนซึ่งส่องสว่างมาจากในตัวกระท่อมดับมืดลง พร้อมกับแสงสุดท้ายที่ลาลับไปกับขอบฟ้า เสียงสวบสาบจากในพงหญ้าเป็นเสียงเดียวซึ่งบังเกิดขึ้นท่ามกลางความมืดมิด แม้หรีดหริ่งเรไรก็พากันเงียบเสียง มนุษย์สองคนซึ่งเพิ่งเข้าสู่นิทราไม่รู้ความใด

   นาคตนนั้นเลื้อยผ่านไร่เข้าสู่ตัวกระท่อมอย่างง่ายดาย ผ่านเพียงชานบ้านเข้าไปก็ได้เจอกับห้องนอนซึ่งมีเพียงฟูกหนึ่งผืน หมอนสองใบ ผ้าห่มบางๆและมุ้งที่กางทับขึงตึงกับสี่มุมห้อง ภายในม่านมุ้งนั้น ปรากฏสองร่างหลับใหลเคียงกัน

   เจ้านาคใหญ่พันกายรอบมุ้ง จ้องมองเข้าไปภายใน พบร่างหญิงสาวนอนหงายในท่าสำรวมก็มุดศีรษะเข้าไปในมุ้งอย่างเงียบเชียบ

   ศีรษะของมันขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะวางลงบนหน้าท้องของหญิงสาว และแล้วก็บังเกิดแสงสว่างเรืองรองรอบกายทั้งสอง ในบัดนั้น นาคใหญ่ก็หดกายเล็กลงและแทรกผ่านเข้าไปในท้องนั้น ก่อนที่ทุกๆสิ่งจะกลับเข้าสู่ความเงียบสงัดเช่นเดิม ทว่าในตอนนั้นเอง ที่ปรากฏดาวตกสีแดงพุ่งทะยานลงมาจากฟากฟ้าและลับหายไปที่ขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง เสียงหรีดหริ่งเรไรภายนอกกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง ชวนวังเวง พิศวง และไพเราะราวเสียงกระซิบบอกเรื่องราวที่กำลังดำเนินไป.....


---------------------------->


   ยามเช้ามาถึง แสงตะวันทาบทาขอบฟ้า ส่องแสงกราดทั่วผืนดิน เสียงนกการ้องระงมพากันโผผินจากรังนอนสู่ฟากฟ้าเพื่อหาอาหารแด่ตนเองและลูกน้อย สัตว์น้อยใหญ่ในป่าพากันตื่นจากหลับใหล แทะเล็มหญ้ายอดน้ำค้างริมทางและดื่มกินน้ำในทะเลสาบ

   พร้อมกับการตื่นของเหล่าสรรพสัตว์ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปทำไร่ ทว่าทันทีที่เข้าเลิกผ้ามุ้งก็ต้องตกตะลึงเป็นการใหญ่เมื่อพบงูมากมายหลากหลายมาชุกชุมอยู่เต็มห้องตั้งแต่พื้นจรดหน้าต่าง ซ้ำพวกมันยังทำราวกับเป็นเจ้าของบ้าน เลื้อยไปมาไม่สนใจว่าเขาจะส่งเสียงไล่อย่างไร ทว่า ทันทีที่ชายหนุ่มคว้าเอาไม้ใกล้ตัวขึ้นมา หมายจะหวดไล่งูเหล่านั้น ร่างกายของเขากลับชะงักค้างราวกับถูกจับยึด งูบางตัวเริ่มหันมาสนใจเขา พวกมันจ้องมองอย่างเงียบเชียบ ตวัดลิ้นสองแฉกอยู่กลางอากาศและชูคอโยกย้ายไปมาราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง ในตอนแรกพวกมันทำท่าเหมือนจะเลื้อยเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ได้ทำ เพียงครู่เดียวหลังจากนั้น งูทั้งหลายก็พากันแหวกทางให้ชายหนุ่มเดินไป และเลื้อยออกไปนอกหน้าต่าง

   ทันทีที่งูตัวสุดท้ายลับหายไปจากสายตา ร่างกายของชายหนุ่มก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ดังปกติอีกครั้ง

   “คุณจันทร์! คุณจันทร์!” เมื่อคืนสติ ชายหนุ่มก็ทรุดตัวลงเขย่าปลุกภรรยาสาวเป็นการใหญ่

   “อืม.....อะไรกันคะ พี่ยศ” หญิงสาวขยับตัวงัวเงีย โงศีรษะขึ้นมาจากหมอนด้วยความสงสัย “พี่ยังไม่ออกไปทำไร่หรือคะ? เดี๋ยวจันทร์ไปเตรียมอาหารให้ก่อนไหม?”

   “เอ่อ...คือ....” เมื่อเห็นภรรยาไม่รู้เรื่อง เขาเองก็เริ่มอ้ำอึ้งเพราะเกรงว่าหากเล่าไปจะทำให้เธอหวาดกลัวเสียเปล่าๆ ยศจึงส่ายศีรษะก่อนจะห่มผ้าให้ภรรยาเช่นเดิม “ขอโทษที คือผมเผลอหลับเพลินแล้วฝันร้ายน่ะ”

   “ทำตัวเป็นเด็กเชียว” จันทร์หัวเราะ “ไม่นอนแล้วล่ะค่ะ จันทร์จะไปอาบน้ำแล้ว” เธอเลิกผ้า ก่อนจะลุกขึ้นเก็บที่นอนในขณะที่ยศลุกไปอาบน้ำอาบท่าที่ริมทะเลสาบ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตกใจเรื่องงูไม่หาย หรือจะเป็นเพราะใกล้ฤดูฝน งูจึงเข้ามาอยู่ในบ้านคนเพื่อหลบฝนที่จะตก แต่ว่า เขาไม่เคยเห็นงูมากเท่านั้นมาก่อนเลยทั้งที่อยู่นี่ที่มาก็นานมากแล้ว

   หลังจากยศอาบน้ำเสร็จ จันทร์จึงไปอาบบ้าง เธอเปลื้องเสื้อผ้าเก่าออกจากร่างกาย เผยผิวเนื้อที่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ทั้งเปล่งปลั่งและเนียนละเอียดราวกับเนื้อมุก จะมีรอยคล้ำแดดสักนิดก็หาไม่ เพียงแต่ร่างนั้นค่อนข้างผอมบางจากความยากจนที่ต้องเผชิญ

   จันทร์นั้น แต่เดิมเธอมีชื่อเต็มว่าจันทร์วนา เป็นบุตรสาวของนักธุรกิจในกรุงเทพสืบสกุลจากเชื้อเจ้าเก่าแก่ ส่วนยศเป็นหลานชายชาวไร่ที่เข้ามาเป็นคนงานในบ้านของจันทร์วนา ทั้งสองตกหลุมรักกันท่ามกลางเสียงคัดค้านและสายตาเยียดหยามของคนในบ้าน ในที่สุด เมื่อจันทร์วนาได้รู้ว่าตนกำลังจะถูกจับคลุมถุงชน เธอจึงตัดสินใจหนีออกมาจากบ้านพร้อมกับยศ ในตอนแรกนั้น กระท่อมหลังนี้มีปู่กับย่าของยศอยู่ด้วย แต่เมื่อเธอมาอยู่ได้ไม่นาน ทั้งสองก็มีอันจากลาไปด้วยโรคชรา ยศจึงทำอาชีพชาวไร่ต่อจากปู่และย่า โดนดูแลไร่มันที่ทั้งสองช่วยกันลงทุนและทำขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่าง โดยที่จันทร์วนานั้นทำได้เพียงจัดหาสำรับอาหาร ทำงานบ้านเท่าที่จำทำได้ เพราะยศแทบจะไม่ให้เธอต้องทำอะไรเลย ซ้ำน้อยครั้งนักที่จะแตะต้องตัวเธอเยี่ยงสามีภรรยา นั่นเพราะยศยังถ่อมว่าเป็นผู้น้อยอยู่นั่นเอง

   จนตอนนี้ พวกเขาก็อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโซ่ทองออกมาให้เชยชม

   การมาอยู่กระท่อมกลางป่าและไร่เช่นนี้เป็นสิ่งที่จันทร์วนาไม่เคยนึกเดียดฉันท์ เธอสามารถปรับตัวได้ไม่ยาก และคิดว่าป่านี้เป็นเพื่อนของเธอ ทว่าวันนี้เธอก็ต้องนึกแปลกใจเมื่อเธอพบงูกำลังเลื้อยผ่านกอหญ้าไปตอนที่เธอกำลังอาบน้ำ เพราะปกติแล้ว จันทร์วนาไม่ค่อยจะได้พบงูบ่อยนักเนื่องจากพวกมันค่อนข้างระวังที่จะปรากฏตัวให้ใครเห็น

   ในตอนแรก จันทร์วนาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่อาบน้ำไปครู่หนึ่ง เธอก็แทบจะกรีดร้องเมื่อพบว่ารอบตัวของเธอเต็ทไปด้วยงูใหญ่น้อย ทั้งลาบเลื้อยอยู่บนฝั่ง ว่ายลงมาในน้ำ และห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ จันทร์วนาตัวแข็งทื่อไม่รู้จะทำอย่างไร ทว่าก็น่าแปลก ที่งูเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาใกล้เธอเลย พวกมันเพียงเลื้อยอยู่ห่างๆเสมือนกำลังระวังอันตรายให้เสียมากกว่า

   จันทร์วนาทำใจอยู่นานกว่าจะขยับตัวอีกครั้ง และรีบขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าบนฝั่ง ในตอนนั้น งูก็ค่อยๆเลื้อยหายเข้ารกเข้าพงไปทีละตัว ทีละตัวจนหมด....

   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จันทร์วนาย้อนนึกไปถึงความฝันของเธอเมื่อคืนนี้

   เธอฝันว่าในขณะที่เธอหลับอยู่นั้น ร่างกายของเธอพลันเบาโหวงราวกับลอยอยู่บนผิวน้ำ สรรพสิ่งรอบกายไร้ความเคลื่อนไหว ทันใดนั้นที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็พบว่าเธอกำลังถูกจ้องมองโดยนาคตัวใหญ่ที่มีตาสีแดงก่ำ มันโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำเพียงส่วนหนึ่ง ที่เหลือพันขดอยู่ใต้ผิวน้ำเป็นที่นอนของเธอ

   ตอนที่นาคเคลื่อนกายเข้ามาใกล้นั้น จันทร์วนาไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แม้แต่ตอนที่นาคตนนั้นเปล่งแสงจะกลายเป็นดวงมณีเล็กจ้อยลอยเข้าสู่อุ้งมือของเธอ

   ระหว่างที่เธอกำลังจ้องมองดวงมณีนั้นอยู่ เธอก็กลับถูกกระชากให้ตื่นขึ้นโดยแรงเขย่าตัวจากสามีของเธอเอง

   สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จันทร์วนาเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจ และเมื่อเป็นเช่นนี้ไปชั่วระยะหนึ่ง จันทร์วนาก็เริ่มคุ้นชินกับมัน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเพียงสองเดือนนับแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดนั้น จันทร์วนาก็เกิดเวียนหัวและคลื่นไส้ขึ้นมา เธออาเจียนและรู้สึกไม่อยากอาหาร ทำให้ยศนึกเป็นห่วง

   “ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ คุณจันทร์” ยศว่า

   “เดี๋ยวก็หายน่าพี่ยศ ไปโรงพยาบาลมันแพงจะตายไป” จันทร์วนาตอบ เธอรู้แก่ใจดีว่ารายได้ของครอบครัวนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเศรษฐกิจอย่างนี้ ดังนั้นเมื่อใดที่เกิดเป็นไข้ไม่สบายขึ้นมาก็มักจะปล่อยให้หายเองโดยไม่พึ่งหมอ แต่ว่าหลังจากผ่านไปอาทิตย์เต็มๆ กลับไม่มีอะไรดีขึ้นแม้แต่น้อย จันทร์วนาจึงต้องยอมให้ยศพาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คสุขภาพที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ

   และก็เป็นอย่างที่รู้กันสำหรับโรงพยาบาลรัฐ ทั้งที่พวกเขาไปถึงตั้งแต่ตีห้า กลับได้คิวตรวจเสียบ่าย ช่วงเวลานั้นจันทร์วนาก็ได้แต่นั่งผะอืดผะอมกับอาการคลื่นเหียนที่ไม่รู้สาเหตุ และเมื่อทั้งสองได้พบกับหมอ ผลที่ออกมา ทำให้ทั้งสองตกใจยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น

   “ท้องหรือคะ!?” จันทร์วนาถามย้ำ

   “ครับ ผลออกมาว่าคุณกำลังท้องแน่นอน ผมขอแนะนำให้คุณทำเรื่องฝากครรภ์เอาไว้ก่อน และมาตรวจทุกครั้งที่หมอนัดนะครับ” นายแพทย์วัยกลางคนท่าทางใจดียิ้มให้เพื่อแสดงความยินดีแก่คู่รักทั้งสอง พร้อมกับขยับมือเขียนใบสั่งยาพร้อมกับเอกสารนัดตรวจแนบไป ทว่าราคาค่าตรวจนั้นทำให้ทั้งสองแทบลมจับ ครั้งต่อๆไปก็ยังจะต้องเสียแบบนี้อีกหลายครั้ง แค่นึกก็ทำให้ขวัญผวาแล้ว

   “พี่ยศ....ฉันว่าไม่ต้องฝากครรภ์หรอก คนสมัยก่อนยังคลอดกันเองได้เลย” จันทร์วนากล่าว

   “จะบ้าหรือคุณจันทร์! ถ้าลูกเป็นอะไรไปจะทำยังไง!” ยศโวยลั่นอย่างลืมตัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเขากับจันทร์วนา หากว่าเด็กคนนี้จะเป็นอะไรไป เขาสู้ยอมทำงานไม่ลืมหูลืมตาเพื่อพยุงรักษาไว้ให้ดีที่สุดเสียจะดีกว่า และในวินาทีที่เขาคิดขึ้นมาเช่นนั้น คือวินาทีที่เขารู้ตัวว่าได้เป็นพ่อคน....ความรู้สึกบางอย่างรื้นล้นขึ้นมาจนถึงคอ เมื่อสำนึกถึงความรักของความเป็นพ่อซึ่งพึงมีต่อลูกของตน เป็นความรักแบบเดียวกับที่พ่อของจันทร์วนามีให้กับหญิงสาวผู้นี้ซึ่งเป็นดังแก้วตาดวงใจ ดวงแก้วล้ำค่าที่ถูกเขาช่วงชิงมา หัวใจของผู้เป็นพ่อจะเจ็บปวดปานแหลกสลายแค่ไหน

   “แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ?” จันทร์วนาเอ่ยขึ้นอย่างกังวล เธอรู้ว่ายศไม่มีทางส่งเสียได้จนถึงกำหนดคลอด

   “ผมพอมีหนทาง.....เอาอย่างนี้ คุณจันทร์ไปรอผมที่รถก่อนนะ ผมจะไปทำธุระสักครู่ เดี๋ยวผมตามไป” ยศพูดเพื่อให้อีกฝ่ายคลายใจ และพยุงจันทร์วนาไปส่งถึงรถปิ๊กอัพเก่าๆ ส่วนเขาก็เดินย้อนกลับเข้ามาในโรงพยาบาล และมองหาตู้โทรศัพท์ เขากดต่อสายไปยังเบอร์หนึ่งซึ่งเขานึกอยากโทรหลายครั้งแต่ไม่เคยกล้า

   “สวัสดีค่ะ บ้านชลวรินทร์ค่ะ ต้องการเรียนสายใครคะ?” เสียงหญิงรับใช้ในบ้านกล่าวขึ้น

   “ยายพิม นั่นยายพิมใช่ไหม?”ยศเอ่ยถามเสียงสั่นพร่า

   “เอ๊ะ? นั่น.....เจ้ายศ! แกคือเจ้ายศใช่ไหม!” เสียงฝ่ายนั้นร้องดังขึ้น ก่อนจะรีบหรี่เสียงลงกลายเป็นกระซิบกระซาบ “แกนะแก โทรมาทำอะไรเอาป่านนี้ แกจะทำให้คนแก่หัวใจวายใช่ไหม!” เสียงยายพิมฟังดูคล้ายกำลังจะร้องไห้
   ยายพิมคือคนที่เลี้ยงดูจันทร์วนามาแต่เล็กแต่น้อยแทนแม่ที่เสียไปทั้งที่ยังสาว และเป็นญาติของยศซึ่งแนะนำให้เจ้าตัวเข้ามาทำงานในบ้าน เธอรักทั้งยศและจันทร์วนาเหมือนลูกในไส้ ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ยายพิมก็แทบจะลมจับถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อไปร่วมอาทิตย์

   “ขอโทษที่โทรมาป่านนี้ครับยายพิม เอ่อ.....คุณท่านอยู่ไหมครับ?” ยศดูไม่ค่อยจะแน่ใจนักเมื่อเอ่ยถึงคนที่จนถึงบัดนี้คงจะยังโกรธแค้นเขาไม่เสื่อมคลาย

   “คุณท่านออกไปทำงาน แต่ท่านยังโกรธแกไม่หาย ยายว่าท่านคงไม่ยอมคุยกับแกหรอก” เสียงยายพิมดูอ่อนระโหย “แล้วนี่คุณหนูจันทร์แกเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม?”

   “ผมจะคุยกับคุณท่านเรื่องนี้นั่นแหละครับ....” ยศเว้นวรรคไปครู่หนึ่งอย่างชั่งใจ “เอ่อ....คุณจันทร์.....กำลังท้องครับ....”

   “อะไรนะ!” เสียงยายพิมร้องดังลั่น ก่อนจะตามด้วยเสียงตึงตังจากอีกฝากของสายโทรศัพท์ “โอ๊ย! ตาเถรยายชี! ยาดม! ขอยาดมหน่อยนังกิ่ง!” แล้วเสียงยายพิมก็เงียบไปครู่หนึ่ง แต่มีเสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์มาจากฝั่งนั้นแทน คงเป็นเสียงกิ่งแก้ว หลานสาวของแกกำลังตำหนิที่แกออกอาการจนตกอกตกใจกันไปทั้งครัว ซ้ำตัวเองยังจะมาเป็นลมเสียแทน

   “ยายพิม ผมฝากบอกคุณท่านด้วยนะครับ แล้วผมจะติดต่อไปใหม่” ยศตัดบทเพราะหากนานไปจันทร์วนาจะนึกสงสัย

   “เออๆ ฉันจะบอกคุณท่านให้” เสียงของยายพิมยังไม่ค่อยดีนัก และมีเสียงสูดยาดมแทรกมาเป็นช่วงๆ “แกก็รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยล่ะ ดูแลคุณหนูดีๆด้วย”

   “ครับ ผมทราบแล้วครับ” ชายหนุ่มว่าก่อนจะวางสายไป เขาถอนหายใจหนักออกมาเฮือกหนึ่ง มือของเขายังสั่นไม่หายตอนที่บอกขอสายคุณท่านใหญ่แห่งบ้านชลวรินทร์หรือพ่อของจันทร์วนา ยศกำมือที่สั่นเทาแน่นแล้วหลับตาลง มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่เขาจะทำได้ เขาคิดเช่นนั้นก่อนจะผินหลังกลับไปยังรถปิ๊กอัพที่จอดรออยู่ โดยจันทร์วนาออกมายืนรอข้างนอก

   เมื่อยศกลับมา หญิงสาวก็ถามด้วยความสงสัย

   “ไปไหนมาคะพี่ยศ จันทร์รอตั้งนาน”

   “อ้อ ผมไปหาเพื่อนที่เป็นหมอที่นี่มาน่ะคุณจันทร์ เรื่องลูกของเรานั่นแหละ คุณจันทร์ไม่ต้องเป็นห่วง” ยศตอบด้วยรอยยิ้มลำบากใจพลางพยุงจันทร์วนาให้ขึ้นนั่งบนรถ

   “รบกวนเพื่อนพี่ยศเปล่าๆ” เธอว่า

   “ไม่หรอก เดี๋ยวค่อยทยอยใช้มันทีหลัง” ชายหนุ่มพูดเพื่อให้จันทร์วนาสบายใจทั้งที่ใจเขานั้นกำลังเป็นกังวลอย่างหนัก หากว่า....คุณท่านโกรธจนไม่ยอมรับรู้อะไรอีกแล้วล่ะ....


------------------------------>


   สิ่งที่ยศคิดนั้น ได้คำตอบในอีกหลายวันถัดมา เมื่อเขาโทรไปที่บ้านอีกครั้ง และพบว่าคุณท่านไม่อยู่ และยายพิมเป็นคนรับสาย เสียงแกตะกุกตะกักเหมือนจะร้องไห้

   “คุณท่านบอกว่าจะรับเป็นภาระค่าใช้จ่ายจนกว่าจะคลอดให้แก”

   “จริงหรือครับ!” ยศถามย้ำอย่างลิงโลด แต่แล้ว ประโยคต่อมาก็ทำให้ห่อเหี่ยวไปในทันที

   “แต่คุณท่านแกบอกว่า แกมีเงื่อนไข คือต้องยกลูกคนนั้นให้แก ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตาม”

   เสียงของยายพิมเหมือนฟ้าผ่ากลางแจ้ง ยศแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าตนไม่มีทางเลือกใดนอกจากตอบตกลง แต่เรื่องนี้เขาจะบอกกับจันทร์วนายังไงดี.....จันทร์วนาจะยอมหรือหากรู้ว่าต้องยกลูกให้กับคนอื่นโดยที่ตนไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้อุ้มชูอย่างที่แม่อื่นๆได้ทำ

   ยศเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่บอกจันทร์วนา แต่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอก แต่เพราะไม่รู้ว่าควรจะบอกอย่างไร จนเวลาล่วงเลยมาใกล้กำหนดคลอด ยศต้องตื่นขึ้นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงครวญครางของผู้เป็นภรรยา เสียงนั้นบ่งบอกถึงความเจ็บปวดเหลือประมาณ ยศลืมตาผุดลุกขึ้นหมายจะถามว่าเป็นอะไร แต่เขาก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นงูตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาพันขดบนหน้าท้องกลมเป่งนั้น ยศรีบหันไปหาไม้ ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา งูตัวนั้นก็กำลังจ้องหน้าเขา ลูกนัยน์ตาเรียวรีน่าขนลุกของมันกำลังจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา และแล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในสมอง ราวกับงูตัวนั้นกำลังพูด

   .....ในน้ำ......ต้องเกิดในน้ำ.....

   สิ้นเสียง งูตัวนั้นก็ส่งเสียงฟ่อครั้งหนึ่ง แล้วเลื้อยจากไป อาการเจ็บปวดของจันทร์วนาก็ค่อยทุเลาลง เธอหลับไปอีกครั้งพร้อมกับความค้างคาในใจของยศ

   รุ่งเช้า ยายพิมก็โทรมาหา

   “เจ้ายศ คุณท่านบอกว่าให้พาคุณจันทร์มาฝากท้องที่โรงพยาบาลในกรุงเทพแน่ะ”

   “เอ๋ ทำไมล่ะครับ โรงพยาบาลเอกชนแถวๆนี้ก็ได้” ยศสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะการเดินทางไปกรุงเทพนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย ซ้ำหากไปฝากครรภ์ที่กรุงเทพ เขาก็ต้องทิ้งไร่ไปหาที่พักอยู่ใกล้ๆ เพื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้พาจันทร์วนาไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา

   “คุณท่านแกบอกว่า.....” เสียงยายพิมกลายเป็นเสียงกระซิบ “....แกฝันว่ามีพญานาคมาบอกแก ให้ทำคลอดเด็กในน้ำเท่านั้น แกเลยให้มาติดต่อฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่มีบริการทำคลอดในน้ำน่ะสิ”

   คำของยายพิมทำให้ยศแข็งค้างไปชั่วขณะ สิ่งที่งูตัวนั้นพูด เขาไม่ได้คิดไปเอง มือของยศสั่นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องงูในห้องนอน และต่อมาก็มักจะมีงูเข้ามาอยู่ในบ้าน จนล่าสุดนี้ ยศชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าลูกของตนเป็นอะไรกันแน่

   “ยศ เจ้ายศ! ยังอยู่หรือเปล่า!” เสียงยายพิมก้องอยู่ในหูและดังขึ้นจนตื่นจากภวังค์

   “ครับ....ครับ ยังอยู่ครับ” เขาตอบกลับไป

   “เออ ฉันก็ตกใจนึกว่าแกเป็นลมไปซะแล้ว มันก็แค่ฝันเท่านั้นแหละ นาคเนิกมีที่ไหนกัน” ยายพิมว่า “แต่คุณท่านแกอยากทำให้สบายใจ นี่ก็ส่งตั๋วเครื่องบินไปแล้ว พรุ่งนี้คงถึง คุณท่านหาที่พักไว้ให้แล้วด้วยที่อยู่อยู่ในซองที่ส่งตั๋วเครื่องบินไปนั่นแหละ แกก็รีบพาคุณจันทร์มาก็แล้วกัน”

   “ทราบแล้วครับ ฝากขอบคุณคุณท่านด้วยนะครับยายพิม ถ้ามีโอกาสผมจะไปกราบท่านให้ได้”

   “เอาเรื่องของแกให้พ้นก่อนเถอะ” ยายพิมทิ้งท้ายก่อนจะวางสายไป


----------------------------->
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 01-02-2011 14:53:23


   วันต่อมา ก็มีจดหมายด่วนพิเศษมาถึงที่บ้านจริงๆ ในนั้นมีตั๋วเครื่องบินสองใบกับกระดาษซึ่งเขียนที่อยู่กับแผนที่อย่างชัดเจน ยศรีบขับรถเข้าไปในตัวเมือง นัดแนะขอให้เพื่อนเอารถมารับตนกับจันทร์วนาไปสนามบินตามวันเวลาของไฟลท์บิน ก่อนจะกลับไปบอกจันทร์วนาให้เตรียมตัวไปกรุงเทพ โดยจัดเก็บของที่จำเป็นลงกระเป๋าทั้งหมดจนจันทร์วนาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเธอถาม ยศก็บอกเพียงว่าเพื่อนของเขาแนะนำให้ไปฝากท้องที่กรุงเทพ และเพื่อนของเขาได้จัดหาที่อยู่ไว้ให้แล้ว

   ทั้งสองออกเดินทางในสองวันถัดมา โดยหลังลงจากเครื่องบิน ทั้งสองก็โบกรถแท็กซี่ให้พาไปบ้านซึ่งปรากฏในแผนที่

   บ้านที่ปรากฏต่อสายตาทำให้ทั้งยศและจันทร์วนางุนงงจนถึงขั้นตกตะลึง เพราะมันเป็นบ้านจัดสรรราคาแพงในหมู่บ้านแถบชานเมือง ซ้ำภายในยังมีอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ครบครัน มีสวนเล็กๆอยู่รอบบ้านสำหรับจัดสวนและนั่งเล่นยามว่าง

   “เพื่อนพี่ยศนี่เป็นใครกันคะ?” จันทร์วนาเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้าน

   “เอ่อ....พอดีหมอนี่มันรวยน่ะ พอผมบอกว่าคุณจันทร์ท้องมันก็ตกใจโวยวายใหญ่ สงสัยจะตกใจไม่หายเลยหาบ้านให้เสียเว่อร์” ยศโป้ปดคำโตโดยไม่กล้ามองหน้าภรรยาของตน เขานำกระเป๋าไปเก็บในห้องนอนที่ชั้นสอง แล้วเดินลงมาพยุงจันทร์วนาไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาล และที่โรงพยาบาลนั้น ทั้งสองก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ามันเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่ค่าบริการแพงจนขนหัวลุก

   “เพื่อนคนนี้ชักไม่ธรรมดาแล้วนะคะ” หญิงสาวตั้งข้อสังเกตพร้อมมองยศอย่างจับผิด

   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รีบเข้าไปกันเถอะคุณจันทร์” ยศตัดบทสั้นๆ แล้วพาหญิงสาวเข้าไปในโรงพยาบาล น่าแปลกที่ทั้งสองได้รับการบริการอย่างดีทั้งที่แต่งตัวธรรมดาๆ โดยปกติแล้วควรจะโดนเลือกปฏิบัติ แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนแจ้งล่วงหน้าว่าพวกเขาจะมา และต้องเป็นคนใหญ่คนโตจนเป็นบุคคลระดับที่คู่ควรกับการบริการของที่นี่เป็นแน่

   ในที่สุด จันทร์วนาก็ได้ฝากท้องที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และเทียวไปเทียวมาบ่อยขึ้นเนื่องจากใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที


----------------------------->


   และแล้ววันแห่งความยินดีก็ดำเนินมาถึง ยศเดินวนไปมาอย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้องคลอด เขาไม่กล้าเข้าไปดู และได้แต่รออยู่ข้างนอก และในระหว่างที่เขากำลังเฝ้ารอด้วยความทรมานใจอยู่นั้น หูของเขาก็ได้ยินเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นเป็นจังหวะหนักแน่นที่คุ้นเคยยากจะหาใครเลียนแบบ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากพื้น ประสบสายตาเข้ากับดวงตาสีดำดุดันดูเจ้าระเบียบและเข้มงวด ทันทีที่โดนสายตานั้นจ้องมอง ยศก็รู้สึกเหมือนตนเองร่างกายหดเล็กลง เขาก้มหน้าอย่างนอบน้อมและถ่อมตัวเฉกเดียวกับครั้งที่ยังทำงานรับใช้ในรั้วบ้านชลวรินทร์

   “สวัสดีครับ คุณท่านพงษ์ศักดิ์” เขายกมือไหว้อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่คนบ้านนอกอย่างเขาจะทำได้

   “จันทร์วนาล่ะ?” น้ำเสียงเข้มดุเอ่ยถามโดยไม่นำพาต่อคำทักทาย

   “เข้าห้องทำคลอดไปแล้วครับ” ยศหน้าเจื่อนไป ก่อนจะถอยเพื่อให้พงษ์ศักดิ์นั่งลง โดยตนเองไม่กล้าแม้แต่จะเยื้องกรายเข้าไปใกล้หรือแสดงท่าทีประจบสอพลอในฐานะลูกเขย เขาเพียงแต่ยืนอยู่ห่างๆ ก้มหน้าก้มตาในฐานะบ่าวเช่นที่เคยเป็น

   เสียงเด็กร้องจากในห้องคลอดปัดเป่าบรรยากาศน่าอึดอัดไปจนสิ้น นางพยาบาลหน้าแฉล้มเดินออกมาพร้อมเด็กน้อยในห่อผ้า พงษ์ศักดิ์เดินเข้าไปดูเป็นคนแรกเพราะยศไม่กล้าออกหน้าก่อน ชายวัยกลางคนมองดูเด็กน้อยตัวเล็กแดงนั้นด้วยสายตาที่แสดงถึงความรักและความกรุณาอย่างที่สุด เขาขยับเปิดผ้าที่บังใบหน้าเด็กน้อยออกแล้วมองดูดวงหน้านั้นชัดๆ

   “เพศอะไร?” เขาเอ่ยถาม เสียงของเขาอ่อนลงมากทีเดียว

   “ผู้ชายค่ะ” นางพยาบาลตอบยิ้มแย้มก่อนจะพาเด็กน้อยไปยังห้องเด็กอ่อน แพทย์ผู้ทำคลอดจึงเดินมาหาพงษ์ศักดิ์และยศ

   “เด็กแข็งแรงดีมากเลยครับ ส่วนแม่เด็กก็สุขภาพดีมาก ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อเด็กครับ?”

   “ผมเองครับ” ยศตอบเสียงอ้อมแอ้ม

   “อ้อ คุณนี่เอง ภรรยาของคุณบอกว่าให้คุณเป็นคนตั้งชื่อให้ลูก ผมขอชื่อด้วยนะครับ” นายแพทย์หนุ่มกล่าว

   “เอ่อ...ผม.....” ยศอ้ำอึ้งไป เขามองหน้าพ่อตาตนเองก่อนจะหลบตาอีกครั้ง “ผมให้...เอ่อ....คุณท่านเป็นคนตั้งดีกว่าครับ”

   “ดี” พงษ์ศักดิ์ตอบสั้นๆ “งั้นฉันให้ชื่อสัตยา”

   “เป็นชื่อที่ดีทีเดียว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ตอนนี้แม่เด็กกำลังพักผ่อน จะเข้าไปเยี่ยมก็ได้แต่อย่าทำเสียงดังล่ะครับ” แล้วนายแพทย์หนุ่มหน้าตายิ้มแย้มก็เดินจากไป ทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดกดทับลงมาบนตัวของยศอีกครั้ง

   “ฉันจะไปดูจันทร์วนา” พงษ์ศักดิ์เอ่ย ยศจึงรีบกุลีกุจอเดินนำทางไปในทันที

   เมื่อเข้ามาในห้องพัก ยศก็พบว่าจันทร์วนาตื่นอยู่และกำลังจ้องมองมาทางเขา และมองเลยไปทางด้านหลังซึ่งพงษ์ศักดิ์ยืนอยู่ด้วยท่าทีนิ่งสงบดูเย็นชาอย่างเคย

   “จันทร์ว่าแล้วเชียว” จันทร์วนากล่าว เสียงของหญิงสาวดูไม่ขัดเคืองนักเมื่อรู้ความจริง ราวกับว่าเธอสามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว “คุณพ่อจะมาเอาลูกของหนูไปหรือคะ?” เธอหันไปมองพ่อตนเอง ซึ่งบัดนี้กำลังจ้องมองมาด้วยสายตาที่แสดงถึงความปวดร้าวอยู่ลึกๆ

   “ใช่” เสียงดุดันนั้นตอบชัดเจนจนยศรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว แต่จันทร์วนากลับรอฟังต่ออย่างใจเย็น “แต่ฉันจะฝากแกเลี้ยงไปก่อนจนกว่าจะหย่านม แล้วฉันค่อยรับมาอยู่ที่บ้านชลวรินทร์ ต่อจากนี้แกกับนายยศต้องอยู่ในบ้านที่ฉันหาให้ เลี้ยงหลานของฉันดีๆก็แล้วกัน” ว่าแล้ว พงษ์ศักดิ์ก็หันไปหาคนขับรถที่มาด้วยกัน “ประเสริฐ ไปเอารถมา ฉันจะกลับแล้ว”

   “คุณพ่อคะ.....หนูขอโทษ...” เมื่อพงษ์ศักดิ์ผินหลัง จันทร์วนาก็กล่าวขึ้นมา ทันใดนั้น ความเงียบยาวนานก็เกิดขึ้นท่ามกลางคนทั้งสาม พงษ์ศักดิ์นิ่งไปในขณะที่จันทร์วนาจ้องมองแผ่นหลังเหยียดตรงของพ่อด้วยความรู้สึกผิด คำขอโทษที่อยากจะเอื้อนเอ่ยมาสามปี และอยากจะอธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้พ่อผิดหวัง ทว่าเธอกลับขี้ขลาดจนปล่อยปละละเลยมาถึงวันนี้ เดือดร้อนยศต้องมาเชื่อมประสานสัมพันธ์แทน และปล่อยให้พ่อต้องปวดร้าวกับสิ่งที่เธอทำลงไป

   เมื่อความเงียบยังคงดำรงอยู่ ยศจึงเดินเข้าไปใกล้พงษ์ศักดิ์และทรุดตัวลงคุกเข่ากราบเท้าคุณท่านซึ่งเคยเมตตารับเด็กบ้านนอกอย่างเขาเข้าทำงาน แต่เขากลับทำให้คนๆนี้ต้องผิดหวังอย่างมากมาย

   “ลูกของแกชื่อสัตยา” พงษ์ศักดิ์กล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ เสียงของเขาอ่อนลงทว่ายังคงความดุดันเหมือนเก่า “หลังจากลูกแกเข้ามาเป็นคนในบ้านชลวรินทร์แล้ว แกจะมาเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ตามใจ แกก็หางานทำในกรุงเทพซะนายยศ ฉันจะฝากงานให้” ว่าแล้ว พงษ์ศักดิ์ก็เดินออกไปจากห้อง ยศจึงลุกขึ้นมาทั้งน้ำตานองหน้า เดินเข้าไปกอดจันทร์วนาที่กำลังร้องไห้อยู่เช่นกัน

   “คุณท่านยกโทษให้เราแล้วคุณจันทร์” ยศพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

   “คุณพ่อยกโทษให้พี่ยศนานแล้วล่ะค่ะ” จันทร์วนากล่าวแล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ครั้งนี้เธอจะหลับไปด้วยรอยยิ้ม....

   สัตยาหมายถึงคำสัตย์ แทนความสัตย์ซื่อซึ่งยศมีให้กับจันทร์วนาและพงษ์ศักดิ์ ทว่านามนี้ในใจของนาคผู้กำเนิดในร่างมนุษย์นั้น กลับหมายถึงสัตย์อธิษฐานที่ตนเคยให้ไว้ ว่าตนจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และแก้แค้นครุฑ ศัตรูคู่ชาติแต่ปางก่อนให้จงได้.....

   จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้น มาสู่โรงพยาบาลรัฐในอีกฟากของเมือง ก็ได้มีเด็กทารกถือกำเนิดในเวลาเดียวกัน เด็กคนนั้นเกิดมามีปานแดงรูปปีกปรากฏบนสบักหลังทั้งสองข้าง จึงได้ชื่อว่า รักตปักษ์ หมายถึงผู้มีปีกสีแดง ซึ่งเป็นอีกนามหนึ่งในหลายนามของครุฑ เขาได้จุติมากับดาวตกในวันที่นาคเข้าไปในท้องของหญิงชาวมนุษย์ เพื่อทำคำอธิษฐานในอดีตกาลให้เป็นจริง....


---------------------------->


   หลายเดือนผ่านไป สัตยาก็ถึงกำหนดหย่านม จันทร์วนาจึงโทรไปหาพงษ์ศักดิ์เพื่อให้มารับสัตยาไปตามสัญญา ในคราแรก ทั้งจันทร์วนาและยศต่างก็กลัวว่าลูกของตนจะดื้อไม่ยอมไปกับตา เพราะเด็กส่วนใหญ่มักจะติดแม่จนไม่ยอมไปไหนกับใคร หากห่างแม่ก็จะงอแงไม่ฟังคำ แต่แล้วทั้งสองก็ต้องแปลกใจ เมื่อพงษ์ศักดิ์มาถึง สัตยาก็คลานเข้าไปหาโดยไม่มีใครต้องบอก และจ้องมองตาของตนอย่างใคร่รู้ สัตยาไม่งอแงหรือร้องไห้แม้สักนิดตอนที่พงษ์ศักดิ์อุ้มออกไป นับเป็นเด็กที่แปลกทีเดียว

   สัตยากลายเป็นคุณชายน้อยของบ้านชลวรินทร์เต็มตัว ทว่าเขากลับแปลกเด็ก เพราะไม่ยอมให้ใครแตะตัวเลยนอกจากพงษ์ศักดิ์ซึ่งเป็นตา พอมีใครจะมาอุ้ม สัตยาก็จะร้องไห้เสียงดังทันที พงษ์ศักดิ์จึงมักจะอุ้มหลานไปทำงานด้วยเสมอ เป็นที่เอ็นดูของเหล่าพนักงานสาวที่อยากจะเล่นกับเด็กน้อย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะสัตยาดื้อหนัก ไม่ยอมให้แตะแม้ปลายผม

   “เขาอยากรักษาพรหมจรรย์” พงษ์ศักดิ์เคยแซวหลานตัวเองเช่นนั้น เพราะสัตยาเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก ผิวขาว แก้มชมพู ปากแดง ตากลมโต ปากและจมูกเล็กจิ้มลิ้ม ทำให้คนมองเผลอคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงหลายครั้ง

   สัตยาเป็นเช่นนั้นจนหลายปีก็ไม่ยอมหาย ไม่ยอมสัมผัสใครและไม่ให้ใครสัมผัส จนมีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนอนุบาล เนื่องจากความหวงตัวนี้ทำให้หัวโจกของห้องเกิดหมั่นไส้ จึงคิดจะรังแก ทว่าเมื่อเอื้อมมือไปหมายจะทำร้าย เด็กคนนั้นก็ร้องออกมาเป็นการใหญ่จนทั้งครูและผู้ปกครองแถวนั้นตกอกตกใจวิ่งเข้ามาดู ในตอนแรกทุกคนเห็นว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อจับเด็กคนนั้นให้แบมือออก ก็พบว่ากลางมือถูกของมีคมบาดเป็นรอยยาวเหมือนโดนเกล็ดบาด สัตยาซึ่งอยู่ห่างออกไปมองดูเพื่อนคนนั้นอย่างเย็นชา พ่อแม่ของเด็กคิดจะเอาเรื่องแต่ไม่อาจหาหลักฐานได้ว่าสัตยาเป็นคนทำ จึงต้องเลิกราไป

   เมื่อสัตยาอายุได้สิบปี มีวันหนึ่งที่งูเข้ามาในบ้าน กิ่งแก้วหลานสาวยายพิมจึงฉวยไม้หมายจะตีงูให้ตาย สัตยาก็เดินเข้ามาห้ามไว้

   “หยุดนะกิ่งแก้ว”

   “คุณยา! อย่าเข้ามานะคะ เดี๋ยวงูกัด” กิ่งแก้วร้องบอกด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพของนายน้อย แต่สัตยากลับเดินเข้ามาแล้วดึงไม้ออกจากมือกิ่งแก้ว

   “เขาไม่ทำอะไรหรอกหากเราไม่ทำเขา” สัตยาว่าก่อนจะหันไปทางงูตัวนั้น “ไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า” เพียงแค่คำพูดนั้น งูก็ชูคอคล้ายรับคำ ก่อนจะเลื้อยออกไป เหตุการณ์นั้นทำให้กิ่งแก้วงงงันไม่หาย แต่ด้วยความเป็นคนมองโลกในแง่ดี กิ่งแก้วจึงคิดว่าเป็นเพราะสัตยาเป็นเด็กที่ไม่คิดมุ่งร้าย งูถึงได้ไม่ทำร้ายกระมัง

   สัตยาค่อยๆโตขึ้นจากเด็กน้อยเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักแปรเปลี่ยนเป็นคมคายติดจะหวาน ดวงตากลมทว่าคมปลาบเหมือนดวงตาของผู้เป็นตา จมูก ปาก และรูปหน้าเล็กเหมือนแม่ ผมดกดำเป็นเงาเหมือนพ่อ มองไปแล้วก็ให้นึกถึงดาราและนายแบบเด็กตามนิตยสาร ทว่ากลับมีเสน่ห์ดึงดูดแปลกตา ด้วยความรู้สึกเสมือนมองดูภาพเงาใต้ผืนน้ำ ทั้งยั่วยวนให้ลุ่มหลง ชักชวนมองพิศ และดึงดูดให้เข้าหา

   นอกจากนี้ สัตยายังเป็นเด็กฉลาด ชอบทำกิจกรรม แม้จะเข้ากับเพื่อนได้ไม่ดีนัก เขายังคงหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสผู้อื่นและชอบอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่ในหมู่ผู้คน ผลการเรียนของเขาดีมากเป็นที่น่าชื่นชม ยายพิมถึงกับชมเปราะให้คนรับใช้คนอื่นฟังไม่เว้นวัน จนบางครั้งกิ่งแก้วก็ต้องคอยเบรกไม่ให้เกินเลย

   ในวันเกิดอายุครบสิบห้า สัตยาได้ของขวัญหลายชิ้นจากคนในบ้านซึ่งเป็นเรื่องปกติ คุณตาให้หนังสือปรัชญานักบริหาร ยายพิมกับกิ่งแก้วทำอาหารพิเศษให้ พ่อยศให้ลูกบอลสำหรับออกกำลังกาย ส่วนแม่จันทร์ก็ซื้อเสื้อตัวใหม่ให้ ทว่านอกจากของขวัญจากคนในบ้านและญาติคนอื่นแล้ว กลับมีของขวัญชิ้นหนึ่งส่งมาจากคนที่ไม่เขียนชื่อ มันเป็นกล่องกว้างประมาณห้าเซนติเมตร ยาวยี่สิบเซนติเมตร และสูงเพียงสามเซนติเมตร มองดูแล้วไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าของภายในเป็นสิ่งใด

   สัตยาเปิดดูด้วยความสงสัย ก่อนจะมุ่นคิ้วและเปลี่ยนสีหน้าเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธเมื่อพบว่าในกล่องนั้นบรรจุขนนกสีแดงสดอยู่อันหนึ่ง

   ครุฑ.....

   “อะไรน่ะลูก? ขนนกสวยดีนะ ใครส่งมาให้น่ะ?” ยศเอ่ยถามบุตรชายพลางมองดูของในกล่องและนึกสงสัยว่าทำไมสัตยาจึงทำหน้าไม่พอใจเช่นนั้น

   “ไม่รู้ครับ เพื่อนคงแกล้งเล่น” สัตยาโยนกล่องนั้นกลับไปบนโต๊ะ

   “เอ๋ แต่เป็นขนนกที่สวยมากเลยนะ เพื่อนของลูกอาจจะคิดว่าลูกชอบเลยส่งมาก็ได้” จันทร์วนาเก็บกล่องมาปิดเพื่อกันขนนกปลิวหาย “แม่เอาไปประดับหมวกให้ดีไหม?”

   “ไม่!” สัตยาร้องพร้อมกับผุดลุกขึ้นทันที ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างงงงวยกับปฏิกิริยาแปลกใหม่ เหตุเพราะแต่ไหนแต่ไรมา สัตยาจะเป็นเด็กสุขุมเยือกเย็น ไม่แสดงอารมณ์ต่อสิ่งใดมากนัก แล้วขนนกนี้มีอะไร สัตยาจึงต้องปฏิเสธเสียขนาดนั้น

   “นั่งลง สัตยา” พงษ์ศักดิ์เอ่ยเสียงเข้ม เด็กหนุ่มจึงค่อยนั่งลงด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “แกก็เหมือนกันจันทร์วนา ลูกไม่ชอบแกจะไปยัดเยียดทำไม ยายพิม เดี๋ยวเอาขนนกนี่ไปทิ้งซะด้วยล่ะ ในเมื่อสัตยาไม่อยากเห็นก็ไม่ต้องเก็บไว้”

   “ค่ะคุณท่าน” ยายพิมรับคำก่อนนำกล่องใส่ขนนกสีแดงนั้นออกไป ท่าทีของสัตยาจึงอ่อนลง

   “มาๆ หลานตา จันทร์วนากับนายยศด้วย กินข้าวกินปลาให้สบายใจดีกว่า” พงษ์ศักดิ์กล่าวเมื่อสำรับกับข้าวพร้อมพรัก สัตยาจึงกลับสู่สภาพอารมณ์ปกติ กระนั้นในใจเขาก็ยังกรุ่นโกรธในสิ่งที่เห็น เพราะนั่นแสดงว่าครุฑรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน และอีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆตัวเขานี่เอง ทว่าทั้งที่เขาทั้งเกลียดทั้งชังขนาดนั้น แม่ของเขายังจะเอามาทำหมวก หากจะต้องยอมให้ชิ้นส่วนใดของครุฑอยู่เหนือศีรษะ เขายอมตายเสียยังดีกว่า!

   ทว่า.....ขนนกสีแดงเส้นนั้นก็เป็นสัญญาณแรกและสัญญาณเดียวที่บ่งบอกถึงครุฑ เพราะหลังจากนั้น สัตยาก็ไม่พบสิ่งใดที่จะเชื่อมไปถึงครุฑได้อีกเลย ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะเขาจะไม่รู้สึกรำคาญใจ มีเพียงการเดินผ่านธนาคารเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ เพราะมีครุฑประดับเด่นหราเสียจนแทบจะทิ่มลูกตา ซ้ำยังตั้งไว้สูงเหนือหัวเขาเสียอีก

   และจนกระทั่งวันนี้.....สัตยาได้กลายเป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดของบริษัทในเครือชลวรินทร์ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและส่งออกสินค้าเกี่ยวกับผ้าไหมชั้นนำของประเทศบริษัทหนึ่งหลังจากพงษ์ศักดิ์เกษียณตัวเองจากตำแหน่งเพื่อให้หลานชายสุดที่รักรับช่วงต่อ หากจะกล่าวว่าคำอธิษฐานของสัตยาได้กลายเป็นจริงแล้วก็ถือว่าไม่ผิด เพราะเขากลายเป็นผู้กุมอำนาจที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจซึ่งเป็นระบบที่มีบทบาทอย่างมากในยุคปัจจุบัน เป็นที่โปรดปรานของพงษ์ศักดิ์ ชลวรินทร์ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเครือบริษัทนี้ขึ้นมา และด้วยเหตุนั้น สัตยาจึงกลายเป็นบุรุษซึ่งถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง มีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์บ่อยครั้ง และต้องไปร่วมงานเลี้ยงแทบไม่ซ้ำหน้าแขก รวมทั้งมีหญิงสาวมากมายพยายามจะผ่านสายตาให้เขาชายมอง

   “คุณสัตยา มีนักข่าวมาขอพบครับ” เลขาผู้มากประสบการณ์ของพงษ์ศักดิ์ยังคงติดตามรับใช้แม้จะเปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่ด้วยความเชื่อมั่นในสายตาการเลือกคนของนายตนเก่า ทำให้สัตยารู้สึกไว้วางใจและมอบหมายให้ดูแลเรื่องรอบตัว

   “ให้เขารอในห้องรับแขก เดี๋ยวผมไป” สัตยากล่าวตอบพลางมองดูแบบกระเป๋าผ้าไหมในมือซึ่งเพิ่งสั่งให้ดีไซเนอร์ออกแบบมาใหม่ให้เป็นแฟชั่นประจำฤดูกาล

TBC



ทอร์ค กะ ถีบ สักนิด

นิยายเรื่องนี้เป็นแนวที่เซียร์ไม่ถนัดเอาซะเลยนั่นคือแนวไท๊ยไทยนั่นเองค่ะ=A=!
แต่ทำไมอยากแต่ง?
เพราะมันดันมีแรงบัลดาลใจผลักดันโครมใหญ่จนหัวทิ่มหัวตำหกคะเมนตีลังหา69ตลบ จนสมองกลับลำ อยากเขียนแนวไทยอิงตำนานขึ้นมาซะอย่างงั้น

และนี่คือแรงบันดาลใจของเซียร์ค่า~


เนื้อเพลง นาคราช

(ญ) รัก...จากดวงใจฉัน
ช่างเสกสรรค์...สวรรค์สวาท
มีฉันเธอเลอพิลาศ
โลมพิษสวาท...ขาดใจ

(ช) ฉัน...จูบเธอในฝัน
กอดคลอขวัญ...พันเลื้อยเปลือยไป
เราสำเริงเพลิงรักใคร่
จนร้อนจนไหม้...มอดทรวง

(ญ) โอ้ ดวงใจ...น้อยหนึ่งนี้
เมื่อมันมี...รักใหญ่หลวง
แดนฝันมันนั้นโชนช่วง
ดังล้านดวง...ดาริกา

(ช) รัก...จากดวงใจฉัน
ช่างเสกสรรค์...สวรรค์วิวาห์
รอรักเธอลอยฟ้าหล้า
มาซบดวงหน้า...แนบทรวง....


ไม่เห็นตรงที่เน้นกันใช่ไหมคะ....คะ....คะ.... :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 01-02-2011 14:55:25
 :z13: :z13: :z13: :z13:เรื่องใหม่ๆ  จิ้มก่อนคนแรก  

เดี๋ยวอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-02-2011 15:18:25
อา........แฟนตาเซีย
ขอบคุณนะคะ จะติดตามแน่นอน
ชอบแฟนตาเซียเป็นชีวิตจิตใจ
ยิ่งแฟนตาเซียแบบไทยยิ่งปลื้มมาก ^o^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 01-02-2011 15:22:39
รับเรื่องใหม่..ชอบแนวนี้ สนุกมาก :L2:
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tonight ที่ 01-02-2011 15:25:19
ต้อนรับเรื่องใหม่นะคับ o13

แนวนี้ชอบมากๆๆๆ แนวนี้หาอ่านยากคับ รออ่านตอนต่อไปนะคับ สู้ๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 01-02-2011 15:57:01
 o13 สนุกอ่ะ น่าลุ้น น่าติดตาม
รอๆๆๆ รอตอนต่อไป  :z10:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 01-02-2011 17:33:52
+1 ให้กำลังใจจ้า และมารอตอนต่อไป

แฟนตาซีอิงตำนานด้วย แต่ว่าจะดราม่าหรือ happy end ล่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-02-2011 18:03:37
 :L1: :mc4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 01-02-2011 18:09:50
อ่านแล้วขนลุกเลยอ่ะ ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

+1เลย อยากจะ+10เลยแต่+ได้แค่1 อิอิ แล้วมาต่ออีกนะคะ

 แปะลิงค์ เพลงด้วย ฟังแล้วเข้ากับบรรยากาศมากๆ


MV นาคราช (2534)
 (http://www.youtube.com/watch?v=zmd6JYzB3UM)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 01-02-2011 18:16:51
อ่านแล้วสนุกดีมาต่อบ่อยๆนะครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 01-02-2011 18:30:43
โอ้ว....
มาให้กำลังใจที่นี่ึคะ อ่านแล้วสนุกมากเลย  o13
ไม่ได้อ่านแฟนตาซีแบบนี้มานานแล้ว
นาค กับ ครุฑ  :o8:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 01-02-2011 19:18:16
 :m20: :m20: :m20:อ่านแล้ว  คนเขียนชื่อเซียร์ใช่มะ  เห็นได้ชัดว่าแรงบันดาลใจมาจากตรงที่เน้นแน่ๆ  5555


ยังไงก้ติดตามแน่ๆจ้า

มาบ่อยๆนะ

สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 01-02-2011 19:27:55
อา... นานๆทีจะได้อ่านแบบตำนานไทย

เป็นปลื้ม...... ค่ะ !!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 01-02-2011 19:34:02
เคยอ่านแล้วค่า  เรื่องนี้สนุกมาก o13  รับรอง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 01-02-2011 19:37:03
สุดยอดอ่า อ่านไปขนลุกไป
ยิ่งภาคอดีตนี่ภาษาสวยสุดๆ เลย
บวกเป็นกำลังใจให้นะคะ จะรอติดตาม
ปล...เคยลงที่ไหนมาก่อนเหรอคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 01-02-2011 19:37:38
น่าติดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 01-02-2011 19:57:33
ชอบแนวนี้มากเลยค่า  o13 มาลงให้อ่านบ่อยๆนะคะ ติดตามเป็นกำลังใจ และ +1 ให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 01-02-2011 20:51:40
ชื่อเพราะกันจัง มีความหมายดีด้วย  แต่สัตยาเกลียดครุฑเอามาก ๆ เลยนะ ครุฑหน้าธนาคารเค้าเป็นญาติที่ห่างมาก ๆ ของพญาครุฑ ซวยไปด้วยเลย   :m20:  :laugh:
น่าติดตามมากค่ะ จะรอตอนต่อไปนะค่ะ
ปล. คำที่เน้นเห็นแล้วค่ะ ไม่ได้คิ้ดดดด อะไรจริง ๆ มันหมายความว่าไรเหรอ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vita.Min ที่ 01-02-2011 20:56:58
เรื่องนี้สนุกมากเลยครับ  ยืนยันเลย 555
ดีใจมากเลยครับที่พี่เอามาลงที่นี่ 
ถ้าจะรวมเล่มขอจองล่วงหน้าเลยนะครับ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 01-02-2011 21:03:12
ชอบมาก แนวนี้อ่ะ ขอบอก  o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: b27072010 ที่ 01-02-2011 21:08:30
ชอบอ่านแนวนี้อะนะ

แต่อยากรู้จังเลยว่าครุฑจะเกิดมาในครอบครัวไหน

แล้วหาที่อยู่ของสัตยาเจอได้ไง

เอ่อมีชื่อเล่นด้วยหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pigg ที่ 01-02-2011 22:04:40
คลิกเข้ามาอ่านเรื่องนี้เพราะนามปากกา...ใช่พี่เซียร์ที่อยู่ในสมาคม D18 หรือป่าวคะ?

แต่จะใช่หรือไม่ใช่ ก็เขียนได้ดีสุดๆไปเลยเหอะ!!
(ถ้าใช่พี่เซียร์บอร์ดนั้นจริงๆ เก๊าก็ขอตามมาอวยแบบเต็มที่ 55)
เป็นแนวที่ปลื้มและหาอ่านยากมากมาย~ น้องนาคเป็นเคะแอบร้ายสินะ
อยากอ่านต่อตอนสองไวๆ อยากรู้แล้วว่าพี่ครุฑเป็นไผ จะใช่นักข่าวคนที่กำลังมาหรือไม่

ยังไงก็ขอฝากตัวกับนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ♥

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-02-2011 00:18:52
กำลังเพลิน เลยคะ สนุกดีนะจ๊ะ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 02-02-2011 05:14:59
สนุกดีค่ะ รออ่านต่ออยู่นะคะ :z2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 02-02-2011 06:41:01
ชอบอ่า าา  หนุกมากเลย

รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 02-02-2011 07:49:49
สัตยา เจอครุฑขนแดงแน่
อา...อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 02-02-2011 09:17:38
 :mc4:

เค้าชอบเรื่องนี้~ >.<
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 02-02-2011 10:45:27
+1 ต้อนรับน้องแมวเข้าบ้านค่ะ ในที่สุดก็นำผลงานเรื่องนี้มาตีแผ่ที่บ้านหลังนี้ด้วย  :laugh:ดีจัยจัง หลังจากที่ได้อ่านในหนังสือแล้ว ก็จะมาเป็นแบบตัวอักษรในบ้านด้วย เรื่องนี้อ่านแล้วได้อารมณ์ของความเป็นไทยกันจริงๆ เป็นกำลังใจใ้ห้นู๋แมวจ๊ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 02-02-2011 14:30:38
เง้อ อดมาเจิมคนแรกแต่ไม่เป็นไร 555+

 :กอด1:

มามี๊สู้ๆ เพิ่งมาตอนแรกแต่ได้รับความนิยมล้นหลาม 555+

+1 ให้เป็นกำลังใจค่า ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 02-02-2011 15:49:28
   เชิดชัย เลขาวัยกลางคนรับคำด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินออกมาจากห้องของประธาน ก่อนจะเดินไปยังล็อบบี้เพื่อพบกับนักข่าวที่เขาไม่คุ้นหน้า คนๆนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาวอย่างคนเอเชีย ทว่ากลับมีผมสีน้ำตาลแดงดูแปลกตาซ้ำยังเป็นสีธรรมชาติหาใช่สีย้อมแต่อย่างใด

   “คุณรักตปักษ์” เขาเอ่ยเรียก

   “ครับ” ชายหนุ่มที่กำลังมองไปรอบๆล็อบบี้หันมาตอบรับอย่างทันทีด้วยเสียงหนักแน่นเป็นเอกลักษณ์

   “ผมเชิดชัย เป็นเลขาของคุณสัตยา ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เชิดชัยกล่าวแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้า

   “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” รักตปักษ์ตอบรับมือของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มสุขุมทว่าดูเปิดเผย ต่างจากสัตยาที่ดูลึกลับอยู่เสมอ

   “ตอนนี้คุณสัตยายังไม่ว่าง จึงอยากเชิญคุณไปดื่มกาแฟในห้องรับแขกของบริษัทก่อนจะได้ไหมครับ” เลขาวัยกลางคนยิ้มเป็นเองพร้อมเอ่ยเชิญอย่างสุภาพ

   “ได้สิครับ ผมยินดี” เมื่อผู้เป็นแขกตอบรับน้ำใจ เชิดชัยจึงเดินนำไปยังห้องรับแขกที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา รอบด้านตกแต่งด้วยของใช้ซึ่งทำจากผ้าไหม ทั้งโซฟา ผ้าฟูโต๊ะ ผ้าม่าน และอื่นๆจนดูละลานตาชวนให้หยิบฉวยอย่างยากจะห้ามใจสำหรับพวกมือไวใจโจร แต่ในสายตารักตปักษ์แล้ว เขากลับมองว่าเป็นของสวยงามน่าชม ไม่ได้ตีค่าราคาแต่อย่างใด

   กาแฟถูกนำมาเสิร์ฟหลังจากนั้นไม่นานนักโดยพนักงานสาวที่แอบจ้องเสี้ยวหน้าของรักตปักษ์ไม่วางตา

   จะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแปลกที่เขาดึงดูดความสนใจได้ถึงขนาดนั้น ด้วยรูปหน้าคม จมูกโค่งเป็นสัน ตาคมแต่ดูหวานน่ามอง คิ้วเข้ม ริมฝีปากหยักได้รูป และเรือนร่างสูงกำยำอย่างนักกีฬา ด้วยสิ่งเหล่านี้ ผมสีน้ำตาลแดงของเขาจึงดูไม่น่าเกลียดเลย ซ้ำยังพาให้น่าดูน่ามองมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ

   และเมื่อชายหนุ่มหันกลับมาสบตา พนักงานสาวก็ถึงกับอายม้วนเดินหนีออกไปทันที

   “แปลกคน” รักตปักษ์หัวเราะกับตัวเอง ก่อนจะหยุดไปเมื่อได้ยินเสียงมาตามทางเดิน

   “ไม่ตรงใจผมเลยแม้แต่แบบเดียว ช่วยส่งกลับไปให้ดีไซเนอร์แก้ใหม่ทั้งชุดด้วย” เสียงของฝ่ายนั้นทุ้มกังวาลหวานน่าฟัง ราวกับเสียงของสายน้ำยามไหลหลั่งมาตามลำธารใส รักตปักษ์ยินแล้วเดาได้ในทันทีว่าเป็นเสียงของผู้ใด เขาจึงยืนขึ้นทันทีที่ฝ่ายนั้นเปิดประตูเข้ามา

   “สวัสดีครับคุณสัตยา ผมรักตปักษ์จากนิตยสาร Business Idol ครับ”

   “ผมไม่เห็นเคยได้ยินชื่อ” สัตยาเดินเข้ามาในขณะที่เชิดชัยกุลีกุจอไปทำตามคำสั่ง “นั่งลงเถอะคุณรักตปักษ์” เขาว่าก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้เดี่ยวข้างโซฟาที่แขกนั่งอยู่

   “ถ้าอย่างนั้นคุณคงเคยได้ยินนิตยสาร Business Daily สินะครับ” ชายหนุ่มผมแดงนั่งลงพลางชวนคุยไปเรื่อยๆ เป็นกลเม็ดหนึ่งที่ใช้ก่อนการสัมภาษณ์เพื่อให้การสัมภาษณ์เป็นธรรมชาติที่สุด

   “ผมเคยได้ยิน เพิ่งมีคนมาสัมภาษณ์ผมวันก่อน” สัตยาว่า

   “ครับ เป็นนิตยาสารเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในแวดวงธุรกิจ พ่อของผมเป็นบรรณาธิการอยู่” รักตปักษ์กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นธรรมชาติ แม้ว่าสัตยาจะตีหน้านิ่งเพียงใดก็ตาม “ผมรู้สึกสนใจงานนิตยสารและสิ่งพิมพ์ และจบทางนั้นมาด้วย ผมเลยขอเปิดSectionใหม่ในเครือเดียวกัน พ่อก็ยอมให้แต่มีเงื่อนไขว่าผมต้องจัดการหาคน หาข่าวเอง และงานนี้ก็เป็นงานแรกของผม โดยมีผมเป็นบรรณาธิการ นักข่าว ช่างภาพ และทุกอย่างในตัวคนเดียว” ท่าทางตอนเล่านั้น ชายหนุ่มดูจะมีความภาคภูมิใจอยู่จนน่าหมั่นไส้ ทำให้สัตยารู้สึกไม่ถูกชะตา ซ้ำผมสีแดงนั่นยังทำให้นึกถึงเรื่องแย่ๆ

   “ผมก็ยังไม่เข้าใจว่านิตยสารของคุณเกี่ยวกับอะไร” นาคในร่างมนุษย์ว่าก่อนจะหันไปขอบคุณเมื่อพนักงานสาวคนเดิมนำกาแฟมาให้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าเธอลอบมองรักตปักษ์บ่อยครั้งจนสัตยาต้องขึ้นบัญชีดำผู้ชายคนนี้ว่าเป็นบุคคลที่ทำให้พนักงานของเขาเสียสมาธิ

   “คอนเซปต์คือ การใฝ่หาผู้ชายที่สมบูรณ์แบบน่ะครับ” รักตปักษ์ว่า “อย่างที่รู้กันว่าผู้ชายสมัยนี้มีดีแค่หน้าตามันเก่าไปแล้ว พวกผู้หญิงเริ่มสนใจผู้ชายที่หน้าตาดี หัวดี และฐานะดี ดังนั้นผมเลยคิดว่า คนในแวดวงธุรกิจเองก็มีคนแบบนั้นอยู่หลากหลายทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ จึงน่าจะมีนิตยสารที่ตอบสนองความต้องการด้านนี้ แทนที่จะมีแต่นิตยสารที่มีแต่คนหน้าตาดีมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงเท่านั้น”

   “มันก็คือนิตยสารขายผู้ชายดีๆนี่เอง” สัตยาวิจารณ์ไม่ไว้หน้า “แล้วมีธุระอะไรกับผม ผมคงไม่ใช่หนึ่งในเป้าหมายของคุณหรอกนะครับ คุณรักตปักษ์”

   “บังเอิญว่าผมตั้งใจจะออกฉบับแรกปลายเดือนนี้ และคุณก็เป็นผู้บริหารอายุน้อยอนาคตไกลที่กำลังโด่งดัง ผมเลยอยากจะขอสัมภาษณ์คุณสัตยาลงนิตยสารในฐานะ Popular Businessman น่ะครับ” สิ้นประโยค รักตปักษ์ก็หยิบเครื่องบึนทึกเสียงออกมาพร้อมกับกล้องถ่ายรูป

   “ผมยังไม่ได้ตอบรับ” สัตยามุ่นคิ้ว “ผมแนะนำให้คุณลองมองหาคนอื่น เพราะผมยุ่งเกินกว่าจะสละเวลาให้ได้” ชายหนุ่มร่างเล็กขยับเนคไทเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้น แต่ทว่า เขากลับโดนขวางทางโดนร่างที่สูงใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อมายืนเทียบกันใกล้ๆ

   “ช่วยผมหน่อยสิครับ ผมอยากทำข่าวของคุณจริงๆนะ” รักตปักษ์ทำเสียงหวาน

   “ทำไมคุณไม่ไปขอแบ่งมาจากพ่อของคุณล่ะ คุณรักตปักษ์” ดวงตาคมสีดำสนิทจับจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของอีกฝ่าย ทั้งดื้อดึงและแข็งขืน รักตปักษ์สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าคนๆนี้เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองไม่ยอมใครซ้ำยังหวงเนื้อหวงตัวจนอยู่ในขั้นน่าหมั่นไส้และน่าเอ็นดูไปพร้อมๆกัน

   “อืม....ทำแบบนั้นนิตยสารสองฉบับมันจะต่างกันตรงไหนล่ะครับ” ชายหนุ่มร่างสูงพยายามใช้เหตุผล ซึ่งดูเหมือนจะยาก เพราะอะไรบางอย่างบอกเขาว่าอีกฝ่ายไม่ถูกชะตากับเขาอย่างรุนแรง

   “ผมให้สัมภาษณ์กี่ครั้ง คำตอบก็ไม่ต่างจากเดิมหรอกครับ”

   “ต่างสิ คำถามต่าง คำตอบก็ต้องต่าง คุณยังไม่ลองให้ผมถามเลย” มือและแขนของรักตปักต์ดูเก้งก้างขวางตาสัตยาไปเสียหมด ทำให้เขานึกถึงพี่น้องต่างมารดาที่เป็นคู่แค้นกันเสียจริง เพราะรายนั้นมีปีกกว้างจนบดบังฟ้าแทบมิด ซ้ำพ่อก็แสนรัก มีทุกอย่างที่อยากได้ สุดท้ายยังได้เป็นใหญ่ในสวรรค์เสียอีก คิดแล้วก็แค้นใจ สัตยาเม้มปากสะกดกลั้นอารมณ์แล้วจ้องมองอีกฝ่ายอย่างมาดร้าย

   “ผมจะไม่พูดซ้ำ หรือจะให้ผมเรียกรปภ.” สัตยาไม่พูดเปล่า เขากลับหลังหันเดินไปทางโต๊ะซึ่งมีโทรศัพท์ต่อสายตรงอยู่ทันที รักตปักษ์จึงรีบถลาเข้าไปคว้ามืออีกฝ่ายด้วยความตกใจ ทำให้สัตยาเสียสูญเซกลับมาพิงอกรักตปักษ์อย่างพอดิบพอดี ในตอนแรก เหมือนว่าชายหนุ่มร่างสูงจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเมื่อสัมผัสร่างของสัตยาแล้ว เขาก็นิ่งงันไป.....เช่นเดียวกับสัตยา

   แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยมีมนุษย์คนใดสัมผัสตัวเขาได้โดยที่เขาไม่อนุญาต ล้วนแต่ถูกบาดด้วยคมเกล็ดเสียทุกราย แล้วทำไมคนๆนี้ถึงสัมผัสได้โดยไม่รู้สึกอะไร.....

   “.....กลิ่นน้ำ.....” รักตปักษ์เปรยขณะสูดดมเรือนผมสีดำเงาราวขนนกกาน้ำ “ข้ารู้จักเจ้า.....”

   “......ครุฑ....” สัตยาเบิกตากว้าง “ปล่อยข้า!” ทันใดที่ประจักษ์ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เกล็ดสีมรกตก็เริ่มปรากฏขึ้นตามร่างกายของนาคจำแลง เขี้ยวงอกยาวออกมา และดวงตาสีดำก็เปล่งแสงแดงเรื่อพร้อมรูม่านตาที่หดตัวเรียวรีเป็นเส้นตรง

   “เปล่าประโยชน์ เกล็ดหรือเขี้ยวเจ้าทำอันตรายข้าไม่ได้” รักตปักษ์หรือร่างจุติของครุฑกอดร่างของอีกฝ่ายแน่น ไม่อนาทรต่อความคมของเกล็ดนาคหรือเขี้ยวที่พยายามฝังลงบนท่อนแขนแต่กลับฝังไม่เข้า

   “เจ้าฆาตกร! ฆ่าพี่น้องตัวเอง!”

   “ข้าคืนชีวิตให้พี่น้องเจ้าหมดแล้ว มีแค่เจ้าเท่านั้นที่หนีมา” รักตปักษ์กล่าว “ข้าตามมาขอโทษ”

   “คุณสัตยา คุณรักตปักษ์ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” เชิดชัยได้ยินเสียงโวยวายขณะกำลังเดินมาที่ห้องรับแขก เขาเกรงว่าจะมีเรื่องใหญ่จึงเปิดประตูโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน แต่เขากลับพบทั้งสองคนยืนอยู่ข้างกัน โดยสัตยากำลังขยับเนคไทให้เรียบร้อย ในขณะที่รักตปักษ์กำลังหันไปดูกล้อง

   “อ้าว คุณเชิดชัย คุณสัตยากำลังเล่าถึงคุณอยู่พอดี” รักตปักษ์เงยหน้ามองอีกฝ่ายพลางยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   “ไปกันเถอะ คุณเชิดชัย” สัตยาไม่ตอบรับอะไร เขาเดินห่างออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย

   “แล้วเรื่องสัมภาษณ์....”

   “ผมคุยกับคุณรักตปักษ์แล้วว่าผมจะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น ฝากเชิญคุณรักตปักษ์กลับไปด้วย” ว่าแล้ว สัตยาก็เดินออกมาโดยไม่หันกลับมาพูดอะไรอีกเลย เชิดชัยซึ่งไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวจึงเดินเข้าไปช่วยรักตปักษ์เก็บของด้วยใบหน้าเจื่อนๆ ไม่รู้ว่าเจ้านายของตนเกิดอารมณ์เสียอะไรขึ้นมา

   “ขอโทษแทนคุณสัตยาด้วยนะครับ วันนี้ท่านคงอารมณ์ไม่ดี”

   “ไม่เป็นไรครับ ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน” ชายหนุ่มร่างสูงตัดใจด้วยรอยยิ้ม เขาเก็บของเดินออกไปโดยไม่ลืมร่ำลาเชิดชัยและพนังานสาวที่มาเสิร์ฟกาแฟให้ และเมื่อเขาเดินออกมาถึงด้านหน้าตึก รักตปักษืก็รู้สึกถึงสายตาที่แสดงถึงความชิงชังส่งมาจากหน้าต่างกระจกบ้านหนึ่งบนตึกนั้น เขาเดาได้ไม่ยากเลยว่าเป็นสายตาของใคร ชายหนุ่มได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอาใจกับพี่น้องแต่ปางก่อนตนนี้ ทั้งดื้อดึง เอาแต่ใจ และเย่อหยิ่งยิ่งกว่านาคตนใดๆ ขนาดว่ามาเกิดในร่างมนุษย์แล้ว นิสัยเดิมก็ยังแก้ไม่หาย


------------------------->


   สัตยาจ้องมองลงมาจากหน้าต่างห้องประธานบริษัท ในดวงตาคู่นั้นปรากฏเพียงแววของความเคียดแค้นชิงชังไร้ก้นบึ้ง จ้องมองตรงไปยังแผ่นหลังผึ่งผายนั้นจนกระทั่งลับสายตา สัตยากัดริมฝีปากตนเองจนห้อเลือด ทุบมือลงไปบนโต๊ะไม้ขัดเงาด้วยความโกรธแค้นที่ถูกหยามซึ่งหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้น ขนนกสีแดงก็ปลิดปลิวลงมาจากเสื้อสูทและร่วงลงบนพื้น ชายหนุ่มเหยียบขยี้ขนนกสีแดงนั้นแทนผู้เป็นเจ้าของจนมันขาดวิ่นไม่เหลือความงาม

   คราวนี้ข้าจะทำลายสิ่งที่เจ้ารักบ้าง....ครุฑ....


-------------------------->


   ในวันนั้นสัตยากลับบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเหลือประมาณ กิ่งแก้วที่เดินออกมารับถึงกับไม่กล้าคุยเล่นด้วยอย่างเคยจนสัตยาต้องคลายสีหน้าลงให้ดูสบายขึ้นและชวนคุยก่อน

   “วันนี้คุณตาเป็นยังไงบ้าง กิ่งแก้ว” เขาเอ่ยถามพลางถอดเสื้อสูทให้

   “คุณท่านก็ยังเหมือนเคยแหละค่ะคุณยา ตื่นเช้ามาก็รดน้ำต้นไม้ ช่วงสายก็อ่านหนังสือ พอตกบ่ายเจ้าก้องเจ้าเกริกกลับมาจากโรงเรียนก็เล่นด้วยจนหลับไปทั้งคู่ ตอนนี้คุณท่านก็อยู่ที่ห้องหนังสือแหละค่ะ” กิ่งแก้วเล่าเสียงแจ้วๆ

   “ตอนนี้เจ้าก้องเจ้าเกริกคงเป็นหลานคุณตาแทนผมแล้วมั้ง” สัตยาพูดเสียงเย้าหยอกพลางยิ้มให้หญิงสาวที่คอยดูแลเขามาแต่เล็กแต่น้อย ยายพิมก็เสียไปได้สองปีแล้ว กิ่งแก้วก็แต่งงานกับนายพจน์คนสวน มีลูกแฝดเป็นเจ้าก้องเจ้าเกริกที่ตอนนี้อายุได้ห้าขวบ คุณตาที่เพิ่งเกษียณอายุมาอยู่กับบ้านจึงไม่เหงามากนักแม้ยายพิมจะไม่อยู่คอยดูแลใกล้ชิด

   “คุณยาล่ะก็ คุณท่านน่ะรักคุณยาเสมอแหละค่ะ แต่เจ้าก้องเจ้าเกริกมันขี้อ้อน” กิ่งแก้วเย้าด้วยความเอ็นดู “จริงสิคะ ตอนนี้คุณท่านกำลังคุยกับแขกอยู่น่ะค่ะ เห็นว่าเป็นคนรู้จักคุณยาด้วย”

   “คนรู้จักผม? แต่ไม่เห็นมีใครโทรมาบอกผมว่าจะมาเยี่ยมที่บ้านเลยนะ” สัตยามุ่นคิ้วด้วยความสงสัย

   “ไม่รู้สิคะ แต่กิ่งว่าเขาหล่อดีนะคะ ดูเหมือนลูกครึ่ง”

   คำของกิ่งแก้วทำให้สัตยาสังหรณ์ใจไม่ดี เขาวางกระเป๋าที่ห้องทำงาน ก่อนจะเดินไปหาคุณตาที่ห้องหนังสือ หมายจะดูให้รู้แน่ว่าใครกันที่มาหาถึงบ้าน แต่ว่าดูเหมือนสัตยาจะไม่ต้องคาดเดาให้เปลืองสมอง เพราะเขาพบขนนกสีแดงตกอยู่ที่ทางเดินหน้าห้องหนังสือพอดี สัตยาสูดลมหายใจลึก ไม่ให้แสดงปฏิกิริยาให้คุณตาสงสัย เตือนตนเองให้รักษาความเยือกเย็นเอาไว้ ก่อนจะเคาะประตู

   “สัตยาครับ”

   “เจ้ายากลับมาพอดี เข้ามาสิ” เสียงของชายวัยชราที่ยังดูแข็งแรงเอ่ยอนุญาต สัตยาจึงเปิดประตูเข้าไป ก็พบพงษ์ศักดิ์นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมแบบยุโรป ในมือของชายชราถือหนังสือไว้เล่มหนึ่ง ถัดไปด้านข้าง มีชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนทั้งสองจะกำลังคุยกันอยู่ตอนที่เขาเดินมา

   “กลับมาแล้วหรือครับ คุณสัตยา” รักตปักษ์เอ่ยทักทาย

   “ครับ กลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ คุณรักตปักษ์” สัตยามองอีกฝ่ายด้วยความเฉยชาและใช้น้ำเสียงที่แสดงการไม่ต้อนรับอย่างชัดแจ้ง

   “สัตยา อย่าเสียมารยาทกับแขกสิ โทษทีนะคุณรักต์ หลานของผมไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์” พงษ์ศักดิ์หันไปขอโทษแทนสัตยา

   คุณรักต์?

   สัตยาเบ้หน้า

   “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ” รักตปักษ์ตอบ “คุณยาแกค่อนข้างขี้อาย ผมพอเข้าใจครับ” คำเรียกชื่อของชายหนุ่มผมแดงเรียกสายตาคมตวัดมองควับด้วยความไม่พอใจ แต่ก็แสดงออกมากกว่านั้นไม่ได้เพราะคุณตาไม่ชอบให้เสียมารยาทกับผู้มาเยือน

   “เอ้อ เจ้ายา ช่วยพาคุณรักต์ไปเดินเล่นรอบบ้านทีสิ อีกนานเลยนะกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น แล้วคุณรักต์เขาอยากจะถ่ายรูปกับสัมภาษณ์หลานไปลงนิตยสารด้วย ให้ความร่วมมือด้วยนะ” เสียงนั้นคล้ายจะเป็นคำสั่งกึ่งคำบอกเล่า แต่จะหนักไปทางคำสั่งหากพูดด้วยเสียงของพงษ์ศักดิ์ ดวงตาคมดุดันของชายชราทำให้สัตยาปฏิเสธไม่ออก จำต้องรับคำอย่างช่วยไม่ได้

   “ตามมาสิครับ คุณรักต์....” คำเรียกชื่อนั้น สัตยาจงใจเน้นให้ดูประชดประชัน ก่อนจะเดินนำออกไป  ทิ้งให้รักตปักษ์เดินตามโดยไม่หันกลับมาดู

   ทั้งสองเดินออกมาจนถึงสวนเล็กๆด้านนอก ซึ่งมีการจัดสวนด้วยน้ำตกและเฟิร์นจนดูร่มรื่นเหมือนอยู่ใกล้น้ำตกจริงๆ เป็นส่วนที่สัตยาชอบที่สุดในบ้าน เพราะความชื้นช่วยให้เขารู้สึกสบายตัวมากกว่า

   “มีอะไรก็รีบว่ามา คุณรักต์” ความชื้นจากน้ำตกเทียมทำให้สัตยาอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

   “ทำหน้าแบบนั้นระวังรูปออกมาไม่สวยนะครับ คุณยา” รักตปักษ์ทำเสียงล้อ เรียกสายตาคมตวัดฉับมอง

   “อย่ามาเรียกข้าแบบนั้น!”

   “ดูเหมือนเจ้าจะมีเรื่องโกรธข้ามากกว่าเรื่องเมื่ออดีต ข้าไปทำอะไรให้อีกหรือไง?” รักตปักษ์ว่าไป ก็หยิบกล้องขึ้นมาเตรียม

   “อย่ามาทำไขสือ เจ้านกยักษ์ไร้สมอง! เจ้าส่งขนนกมาให้ข้าเมื่อสิบปีที่แล้ว จำไม่ได้หรือไง!” สัตยาขู่ฟ่อ ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนสี ก่อนที่รักตปักษ์จะพยักหน้ารับเนือยๆ

   “อา....ตอนนั้นเอง” ชายหนุ่มกล่าว “วันนั้นวันเกิดอายุสิบห้าปีของข้าในฐานะรักตปักษ์ ก็เป็นวันที่ข้าสลัดขนชุดแรกพอดี ข้าเลยเอาเส้นหนึ่งมาใส่กล่องของขวัญ อธิษฐานว่าหากเจ้ามาเกิดแล้วและยังจดจำทุกเรื่องในอดีตได้ ขอให้ขนนกนี้ไปหาเจ้า แต่ตอนนั้นข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเป็นใครอยู่ที่ไหน ความจริงแล้วข้าเพิ่งรู้เอาวันนี้ที่ได้กลิ่นจากเจ้านั่นแหละ”

   “คนโป้ปด!” นาคจำแลงคำราม

   “จะเปิดเครื่องบันทึกเสียงแล้ว สงบอารมณ์ซะ คุณยา” รักตปักษ์พูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะกดเปิดเริ่มบันทึก เป็นการบังคับให้สัตยาต้องกลับสู่ภาวะปกติในร่างมนุษย์อย่างทันที

   “เจ้าเล่ห์” เขากระซิบในคอขณะฟังคำถามแรก


------------------------------->


   ไม่กี่วันต่อมา ก็ถึงกำหนดวางแผงนิตยสาร Business Idol ฉบับแรก แต่สัตยาก็ไม่ได้นึกสนใจและลืมไปเสียด้วยซ้ำ เขาเดินเข้าบริษัทตามปกติแต่กลับรู้สึกผิดปกติ เพราะพนักงานหลายคนจ้องมองมาทางเขาอย่างชื่นชมและสเน่หาเกินปกติ สัตยารู้สึกแปลกใจเป็นกำลังแต่ก็เลือกที่จะเดินขึ้นห้องประธานไปโดยไม่ได้เอ่ยถาม เพราะเขาเกรงว่าจะมีใครเผลอเข้ามาสัมผัสตัวเขาจนได้แผล ในตอนที่สัตยาไปถึงห้องนั้น เขาพบว่ามีพัสดุไปรษณีย์วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ รูปร่างของมันเดาไม่ยากนักว่าเป็นหนังสือ ความหนาไม่มาก รูปเล่มขนาดนิตยสาร สัตยานึกแปลกใจ จึงเดินเข้าไปพลิกดู ก่อนจะเปิดปากห่อเพื่อดึงเอาของข้างในออกมาดูชัดๆ แล้วคำตอบทั้งหมดก็กระจ่างแจ้งแก่ใจ.....

   ในมือของสัตยา คือนิตยสาร Business Idol ฉบับแรก ซึ่งหน้าปกนั้น คือภาพของสัตยาดังที่บรรณาธิการของหนังสือเล่มนี้เคยสัญญาเอาไว้ แต่ภาพนั้นไม่รู้ว่าได้แสงได้มุมดี หรือมีการแต่งภาพอย่างลงตัว ใบหน้าของสัตยาที่ดูหวานคมอยู่แล้วจึงน่ามองยิ่งขึ้นแม้จะเชิดขึ้นอย่างรั้นๆ เบื้องหลังคือน้ำตกเทียมกับสวนสวย ล้อมกรอบร่างในเสื้อเชิ๊ตให้ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติที่ถูกปั่นแต่ง ทว่าภาพนั้นกลับดูเสมือนจริงราวกับสัตยาไปนั่งให้สัมภาษณ์หน้าน้ำตกที่ไหนสักแห่งจริงๆ แม้ไม่อยากจะเอ่ยชม แต่สัตยาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่ารักตปักษ์เป็นช่างภาพที่ฝีมือดีทีเดียว

   ชายหนุ่มไม่ได้เปิดดูเนื้อหาด้านใน เขาเพียงเปิดลิ้นชักแล้วโยนเข้าไปโดยไม่ได้นึกใส่ใจมากกว่านั้น เนื่องจากตอนนี้งานมารออยู่ตรงหน้า ดูเหมือนแบบกระเป๋าที่สั่งแก้จะมาถึงแล้ว สัตยาจึงเลือกที่จะทำงานให้เสร็จก่อน ส่วนเรื่องอื่นต้องไว้ทีหลัง

   คิดๆดูแล้ว การมาเกิดในยุคสมัยนี้ อะไรๆก็ดูจะยากกว่าเมื่อก่อน เพราะในสมัยเก่าก่อนนั้น มีเพียงชั้นกษัตริย์ที่จะถือได้ว่ามีอำนาจเต็ม รองลงมาก็เป็นพวกขุนนางและทหารชั้นผู้ใหญ่ ขอเพียงเกิดในชนชั้นเหล่านั้น จะชี้นกก็เป็นนก ชี้ไม้ก็เป็นไม้ ทว่าในยุคนี้ที่ระบอบกษัตริย์กำลังค่อยๆเลือนหายไป และประชาชนมีอำนาจมากขึ้น อำนาจของกษัตริย์ไม่ได้ล้นฟ้าอีกต่อไป และชนชั้นปกครองก็ถูกริดรอนอำนาจลงเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกๆชีวิตจึงอยู่ในกฏเกณฑ์เดียวกัน นั่นคือกฏที่ตั้งขึ้นของหมู่คณะที่อยู่ร่วมกัน เป็นการยากที่จะพูดว่าใครมีอำนาจเหนือกว่าใคร และไม่มีใครที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดชี้เป็นชี้ตายได้เหมือนสมัยก่อน การจะได้มาซึ่งสิ่งใดต้องแลกไปด้วยค่าของงานที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น สัตยาจึงไม่อาจหันไปสนใจกับการลงมือแก้แค้นครุฑได้เต็มที่ เขายังคงต้องเจียดสมองไว้กับงาน และรอคอยโอกาสอันเหมาะสมเท่านั้น กระนั้นสัตยาก็เชื่อว่าหนทางนั้นจะมาหาเขาเองอย่างแน่นอน

   สัตยานั่งลงที่โต๊ะ เปิดตัวอย่างงานดูทีละชิ้นและใช้สมาธิจดจ่อกับงานของตน พงษ์ศักดิ์หวังเอาไว้มากว่าหลานชายคนนี้จะนำพาเครือบริษัทชลวรินทร์ได้ดีกว่าที่ตนเองเคยทำ สัตยาที่แบกรับความหวังนั้นจึงไม่ทำลายฝันของผู้มีพระคุณได้

   ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ล้วนรู้ผิดชอบชั่วดี รู้คุณรู้แค้น สัตยาต้องมาเกิดในร่างมนุษย์จึงต้องอาศัยการตั้งครรภ์ของหญิงชาวมนุษย์และการเลี้ยงดูโดยมนุษย์ในฐานะลูกมนุษย์ ทั้งผู้ให้กำเนิดและผู้เลี้ยงดูล้วนแต่มีพระคุณที่ต้องทดแทน แม้จะมีไฟแค้นสุมทรวง แต่สัตยาก็รู้แยกแยะ

   โปรเจคที่วางไว้ครั้งนี้เป็นงานชิ้นแรกที่สัตยาจะได้ลงมือทำด้วยตัวเองโดยไม่มีพงษ์ศักดิ์คอยชี้แนะ โดยสัตยาตั้งใจจะตีตลาดสินค้าประจำฤดูกาลซึ่งคนไทยมักหมดเงินไปกับสินค้านำเข้าซึ่งเป็นแฟชั่น ถึงอย่างนั้น สัตยาก็ต้องยอมรับว่าคนของเขายังมีความสามารถไม่พอในด้านการตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า เพราะพวกเขาล้วนแต่คุ้นชินกับการทำตลาดใหญ่และสามารถตอบสนองลูกค้ากลุ่มใหญ่ในต่างประเทศ ดีไซเนอร์ของเขาล้วนแต่ออกแบบมาเป็นแนวไทยร่วมสมัยและเหมาะสมกับคนวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป แต่สัตยาคิดว่า แฟชั่นนั้นคือตลาดของเด็กและวัยรุ่น ดังนั้นจึงต้องฉีกแนวเดิมจากร่วมสมัยเป็นนำสมัย และดีไซเนอร์ที่เขามีในมือไม่อาจตอบสนองความคาดหวังของเขาได้

   อีกไม่นานจะถึงฤดูหนาว ซึ่งแม้ประเทศไทยจะไม่ค่อยพบเจออากาศหนาวแต่ก็เป็นฤดูแห่งแฟชั่นฤดูหนึ่ง สัตยาต้องปิดโปรเจคนี้ให้ทัน มิเช่นนั้นก็ล่มกันทั้งหมด

   ชายหนุ่มโยนแบบงานที่ยังไม่ตรงใจลงบนโต๊ะพลางถอนหายใจ

   ตอนนี้โปรเจคยังดูไม่เป็นรูปร่าง หากจะขอให้งบเพื่อจัดหาดีไซเนอร์ใหม่เพิ่มคงไม่ได้รับมติ หรือจะโล๊ะชุดดีไซเนอร์เก่า งานส่วนอื่นก็ยังต้องใช้ดีไซเนอร์ชุดนี้ทำ เพราะตลาดใหญ่นั้นเป็นงานของกลุ่มนี้ เขาควรจะทำอย่างไรดีนะ?

   สัตยานั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา

   หากเปิดรับผลงานจากดีไซเนอร์มือสมัครเล่นและจัดเป็นการประกวด งบประมาณจะไม่ได้เสียมากมาย ซ้ำยังอ้างกับบอร์ดบริหารได้ด้วยว่าเป็นโปรเจคอีกชิ้นที่แตกออกมาเพื่อมองหานักคิดนักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์

   คิดได้ดังนั้น สัตยาก็ลงมือพิมพ์ร่างเสนอโปรเจคโดยทันที

   “คุณสัตยา มีสายตรงถึงคุณครับ” เชิดชัยเปิดประตูเข้ามาบอกตอนที่ชายหนุ่มกำลังเริ่มร่าง สัตยาจึงพยักหน้ารับคำ แล้วหันไปหาโทรศัพท์

   “สัตยาครับ” เขากรอกเสียงลงไป

   “สวัสดีครับ คุณสัตยา ผมกฤตนันท์ หวังว่าคุณคงเคยได้ยินชื่อผมมาบ้าง” ฝ่ายนั้นแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงอย่างที่สัตยาไม่ชอบใจ เสียงที่แสดงถึงความทระนงและแสดงตนว่าอยู่เหนือผู้อื่น

   “ครับ ผมเคยได้ยิน” สัตยาตอบกลับไปด้วยเสียงไม่ยินดียินร้าย

   เขาจะไม่เคยได้ยินได้อย่างไร ในเมื่อกฤตนันท์เป็นหัวหน้ามาเฟียตัวเอ้ที่คุมถิ่นละแวกนี้ ทั้งซ่อง ทั้งบ่อนล้วนแต่อยู่ในบัญชา รับทำสิ่งผิดกฏหมายทุกชนิด ทั้งค้ายา ผู้หญิง และเก็บค่าคุ้มครอง ซ้ำยังมีอิทธิพลกับนักธุรกิจและนักการเมืองหลายๆคนในด้านการเอื้อประโยชน์ให้กันและกัน แต่ก็เป็นคนประเภทที่สัตยาไม่คิดอยากข้องเกี่ยว

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-02-2011 15:49:44
ชอบค่ะ



 o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 02-02-2011 15:50:02
   “งั้นเราคงคุยกันง่ายขึ้น คุณสัตยา” กฤตนันท์พูดพลางหัวเราะในคอเบาๆ

   “ถ้าคุณไม่มีสิ่งที่ผมต้องการมาเสนอ เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกัน” สัตยาเลือกที่จะตัดบทง่ายๆ

   “เขี้ยวลากดินจริงๆนะคุณเนี่ย” ชายหนุ่มมาเฟียหัวเราะออกมา

   โดยปกติแล้ว เขาจะติดต่อกับนักธุรกิจและนักการเมืองโดยฝ่ายนั้นเป็นคนเสนอผลประโยชน์ให้เขา และขอผลประโยชน์จากเขา หรือหากเขาติดต่อมาเอง ฝ่ายตรงข้ามก็มักจะเป็นคนเสนอก่อนเพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบมากนัก แต่สัตยาคนนี้ดูท่าจะไม่ได้เจรจาง่ายๆเหมือนคนเหล่านั้น ทั้งไม่เสนอก่อน และไม่แสดงท่าทีต้องการแลกเปลี่ยน ราวกับว่า....จงใจยกตนเองให้อีกฝ่ายคิดว่ามีดีมากกว่าที่จะมาแลก ซึ่งท่าทีเช่นนี้มักได้ผลในแวดวงธุรกิจ เพราะจะทำให้คู่เจรจาสนใจและอยากจะลองแลกเปลี่ยนด้วยอะไรก็ตามที่คิดว่าคุ้มค่า

   สัตยาวางสายไปโดยไม่ได้สนทนาต่อเพราะแบบร่างโปรเจคที่เริ่มไว้ยังรอคอยให้เขาจัดการ ทั้งนี้ สัตยาคิดว่า การเจรจากับมาเฟียเป็นเรื่องไร้สาระ คนเหล่านี้แม้ในตอนแรกจะเหมือนยอมเสียเปรียบทุกประตู แต่เมื่อทำธุรกิจด้วยกันไป ก็มักเกิดการหักหลังขึ้น หรือไม่ คู่เจรจาก็มักถูกสูบเอาผลประโยชน์ที่คิดว่าได้เปรียบไปโดยไม่รู้ตัว

   หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาควรรู้ในวงการนี้ถูกถ่ายทอดโดยพงษ์ศักดิ์ซึ่งผ่านมรสุมร้อนหนาวมานับไม่ถ้วนกว่าที่เครือชลวรินทร์จะเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้ ดังนั้นสัตยาจึงเชื่อว่าสิ่งที่พงษ์ศักดิ์สอนมานั้นคือสิ่งที่มีค่ายิ่งและควรจะปฏิบัติตามอย่างระมัดระวัง


-------------------------------->


   สัตยาไม่อาจร่างโปรเจคใหม่ให้เสร็จได้ในวันนั้น จึงต้องนำกลับมาทำต่อที่บ้าน ทว่า ทันทีที่กิ่งแก้วออกมารับ สัตยาก็ได้รับข่าวที่เขาไม่อยากจะรับบ่อยนัก

   “คุณรักต์แกมาอีกแล้วล่ะค่ะ” กิ่งแก้วบอก “วันนี้แกมาตั้งแต่บ่าย พาเจ้าก้องเจ้าเกริกไปเล่นในสวน แล้วตอนนี้ก็คุยกับคุณท่านอยู่ค่ะ”

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ กิ่งแก้ว?” สัตยาเอ่ยถามเมื่อเขาสังเกตว่าตอนพูดถึงรักตปักษ์ กิ่งแก้วจะทำหน้าเคลิบเคลิ้มเหมือนฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น

   “แหม คุณยาล่ะก็ ก็คุณรักต์แกหล่อซะขนาดนั้น พวกสาวๆในครัวน่ะ แย่งกันเอาน้ำเอาท่ามาเสิร์ฟกันจะตายไป” กิ่งแก้วว่าไปก็ทำเขินอาย

   “เดี๋ยวผมจะฟ้องนายพจน์”

   “คุณยา!” หญิงสาวร้องเสียงเง้างอน “โธ่ คุณยาอย่างอนกิ่งเลยนะคะ คุณยาก็หน้าตาหล่อเหลาชวนมองเหมือนกันนั่นแหละค่ะ แต่กิ่งเห็นคุณยาตั้งแต่เด็กแล้ว ส่วนคุณรักต์น่ะ กิ่งเพิ่งจะเคยเห็น กิ่งก็ต้องชื่นชมเป็นธรรมดาสิคะ”

   “ไม่ต้องประจบแล้วกิ่งแก้ว” สัตยาหัวเราะ “ตอนนี้ของกินเล่นคงเต็มโต๊ะรับรอง ผมไม่ต้องยกไปเพิ่มแล้วล่ะมั้ง”

   หลังจากคุยเล่นกับกิ่งแก้วแล้ว สัตยาจึงเดินไปยังห้องรับรองซึ่งพงษ์ศักดิ์มักใช้รับแขก เขาเดาได้ไม่ยากเลยว่ารักตปักษ์ต้องอยู่ที่นั่นด้วย และมันก็เป็นจริง เพราะทันทีที่เขาเดินไปถึง เขาก็ได้ยินเสียงคุยดังออกมา เป็นเสียงของเด็กสองคนสลับกับเสียงชายหนุ่ม ส่วนเสียงของพงษ์ศักดิ์นั้นจะแทรกมาเป็นระยะเพียงสั้นๆแล้วเงียบไปเมื่อเด็กๆเริ่มพูดแจ้วๆ

   สัตยาเดินเข้าไปในห้องรับรอง ยกมือไหว้พงษ์ศักด์แล้วเอ่ยทักทายรักตปักษ์สั้นๆ

   “พี่ยากลับมาแล้ว~” ก้องและเกริก ลูกแฝดของกิ่งแก้ววิ่งเข้ามากอดขาสัตยาคนละข้าง

   ในเวลานี้ สัตยาซึ่งโตเต็มวัยในร่างมนุษย์สามารถควบคุมอำนาจของนาคได้มากขึ้น คนในบ้านจึงสามารถสัมผัสตัวได้เป็นปกติไม่โดนสิ่งใดทำร้าย

   “พี่ยา พี่รักต์เล่าเรื่องพี่ยาเยอะแยะเลย” เจ้าก้องซึ่งเป็นพี่ชายรีบพูดก่อน

   “พี่รักต์เอาหนังสือมาให้ด้วย” เจ้าเกริกพูดบ้าง

   “หนังสือ?” สัตยามุ่นคิ้ว หวังว่าหนังสือนั่นคงไม่ได้หมายถึง.....

   “พี่ยาเขากลับมาเหนื่อยๆ ให้ได้พักกินน้ำกินท่าก่อนเถอะ” พงษ์ศักดิ์กล่าวขึ้น ก้องและเกริกจึงยอมล่าถอยออกมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน สัตยาจึงเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัวที่มีรักตปักษ์นั่งอยู่ก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

   “สวัสดีครับคุณรักต์” สัตยาเอ่ยทักทายโดยไม่มองหน้า

   “สวัสดีครับคุณยา” ชายหนุ่มผมแดงรับคำแล้วหัวเราะเบาๆ

   “ไม่ทราบว่าอารมณ์ดีอะไรนักหนาครับ” สัตยาปรายสายตามองด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่เข้ามาเห็นรักตปักษ์ยิ้มไม่หุบเลย

   “จะไม่อารมณ์ดีได้ยังไงกันล่ะครับ ก็นิตยสารของผมวางแผงวันแรกก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีออร์เดอร์สำหรับฉบับต่อไปเข้ามาไม่ขาด” รักตปักษ์กล่าวพลางมองหน้าสัตยา “ต้อบขอบคุณคุณยานั่นแหละครับ ยอมเป็นตัวชูโรงขึ้นปกให้ผม ทำให้ขายดีขนาดนี้”

   “แล้วคุณรักต์เขาก็เอามาฝากเล่มหนึ่งด้วย” พงษ์ศักดิ์พูดแล้วก็หยิบขึ้นมาวางบนตัก “หลานน่าจะยิ้มให้กล้องมากกว่านี้เพื่อแสดงให้เห็นความเป็นกันเอง นักธุรกิจที่หยิ่งยโสน่ะ ไม่มีใครอยากจะร่วมงานด้วยหรอกนะ สัตยา”

   “ก็แค่รูป....”

   “รูปคือสิ่งที่แสดงตัวตนต่อสายตาผู้อื่น ถึงหลานจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้ทุกคนก็รู้จักหลานในภาพอย่างนี้ไปแล้ว” พงษ์ศักดิ์พูดพร้อมกับวางมืองบนปก เขาไม่ได้ใช้ถ้อยคำดุด่าหรือใช้น้ำเสียงดุดัน ถึงอย่างนั้นสัตยาก็รู้ว่ากำลังโดนตำหนิ

   “ผมจะทำให้ดีขึ้นในครั้งหน้าครับ” เขาได้แต่พูดเช่นนั้น เพราะพงษ์ศักดิ์ไม่ชอบคนที่เอาแต่ขอโทษ แต่ชอบคนที่คิดจะปรับปรุง

   “ขออนุญาตค่ะคุณท่าน” กิ่งแก้วเดิมค้อมตัวเข้ามาในห้อง สายตาของเธอแอบเหลือบมองรักตปักษ์เล็กน้อยก่อนจะทำขวยแล้วหันไปหาพงษ์ศักดิ์ “กิ่งขอเอาเจ้าก้องเจ้าเกริกไปทำการบ้านนะคะ”

   “ไม่เอา!” เด็กน้อยทั้งสองร้องพร้อมกันแล้ววิ่งไปหลบหลังเก้าอี้

   “เจ้าก้องเจ้าเกริก! อย่ามาดื้อกับแม่นะ!” กิ่งแก้วส่งเสียงดุ ก่อนจะชะงักแล้วยิ้มอายๆให้กับรักตปักษ์

   “ก้อง เกริก ไปทำการบ้านซะ” เดือดร้อนพงษ์ศักดิ์ต้องดุเสียเอง ด้วยสุ้มเสียงทรงอำนาจนั้น เด็กน้อยทั้งสองก็ยอมฟังคำโดยไม่อิดเอื้อน แม้จะส่งสายตาอยากเล่นมาทางสัตยาและรักตปักษ์ แต่ทั้งสองก็ทำได้เพียงส่งยิ้มให้ในขณะที่ก้องและเกริกถูกกิ่งแก้วจูงมือออกไป

   “ถ้าอย่างนั้น.....วันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณพงษ์ศักดิ์” รักตปักษ์ตั้งท่าจะกลับ เพราะรู้แก่ใจว่าสัตยาคงไม่อยากเห็นหน้าเขานานนัก

   “เดี๋ยวก่อนคุณรักต์ อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อนเถอะ ปกติก็มีแค่ฉันกับเจ้ายากันสองคน” พงษ์ศักดิ์เอ่ยชวน

   “คุณรักต์เขาอาจจะมีธุระนะครับคุณตา” สัตยารีบแก้ตัวแทนเพื่อจะได้ไล่อีกฝ่ายไปไวๆ

   “เพิ่งจะปิดเล่มแรกไป จะมีธุระอะไรอีกล่ะ ถือว่าอยู่เป็นเพื่อนคนแก่ก็แล้วกันนะคุณรักต์” ดูเหมือนลูกดื้อของพงษ์ศักดิ์จะไม่แพ้สัตยาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มผู้เป็นหลานจึงได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเงียบๆเมื่อรักตปักษ์ตอบรับคำเชิญ

   เย็นวันนั้น บ้านชลวรินทร์จึงมีแขกเพิ่มในโต๊ะอาหารอีกคนหนึ่ง

   “ทานให้เยอะๆนะคุณรักต์ ฉันให้คนในครัวหุงเผื่อแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่พอ” พงษ์ศักดิ์กล่าวขณะกิ่งแก้วคดข้าวใส่จานของรักตปักษ์

   “อาหารดูน่าทานไปซะทุกอย่างเลยนะครับ แบบนี้เดี๋ยวผมติดใจอยากมาฝากท้องบ่อยๆจะทำยังไงครับเนี่ย” รักตปักษ์เอ่ยชม

   “อยากมาเมื่อไหร่ก็มาแล้วกัน มาตอนไหนฉันก็ให้คนหุงข้าวเพิ่ม เพิ่มแขกอีกสักคนขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วงหรอก” พงษ์ศักดิ์พูดในเชิงอนุญาตเสมือนลูกหลาน ทำให้สัตยานึกแปลกใจว่ารักตปักษ์ทำเสน่ห์อะไรใส่คุณตาของเขา เหตุใดจึงดูถูกใจในตัวคนๆนี้เหลือเกิน ทั้งที่โดยปกติแล้ว พงษ์ศักดิ์เป็นคนที่ไม่ให้ความสนิทชิดเชื้อเกินขอบเขตเพื่อนทางธุรกิจกับใครง่ายๆ

   “ขอบคุณครับคุณพงษ์ศักดิ์” รักตปักษ์ยกมือไหว้ผู้อาสุโสอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ

   “งั้นก็กินเข้าไปเยอะๆนะครับ คุณรักต์” สัตยาพูดตอบด้วยความหมั่นไส้ พร้อมกับตักอาหารใส่ให้จนพูดจาน เอาอันนั้นใส่ เอาอันนี้ราดทับ จนเหมือนกับจานข้าวภิกษุอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะลงมือกินไม่สนใจคนที่นั่งมองจานข้าวตัวเองว่าควรจะตักอย่างไหนกินก่อนเพราะมันผสมกันมั่วเสียทุกอย่าง แต่แล้วรักตปักษ์ก็ลงมือกินโดยไม่ได้บ่นว่าอะไร ซ้ำยังทำท่าเอร็ดอร่อยเสียเต็มประดา จนสัตยาคิดว่าบางทีการราดทับคงไม่ได้ทำให้อาหารผสมกันมากนักจนเสียรส คราวหลังเขาน่าจะคลุกเคล้าให้เสียด้วยเลย

   พงษ์ศักดิ์มองการกระทำของหลานตัวเองอย่างระอาใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาคิดว่าสัตยาโตพอแล้วที่จะรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ เมื่อทำในสิ่งที่ไม่สมควรก็ควรจะคิดได้เองโดยไม่ต้องมีใครบอก และเรื่องนี้ ตัวสัตยาก็น่าจะรู้ดีว่าควรหรือไม่

   สัตยาเป็นคนแรกที่กินอิ่ม เนื่องจากเขาเป็นคนตัวเล็กจึงกินได้เพียงเล็กน้อยเป็นปกติ ในขณะที่พงษ์ศักดิ์กินไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อน ส่วนรักตปักษ์นั้นก็กินใกล้จะหมดจาน

   “อิ่มไหมคุณรักษ์ ตักเพิ่มให้คุณรักต์อีกสิ เจ้ายา” ชายชรากล่าวโดยไม่รอคำตอบ

   “ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง แค่นี้ผมก็จุกแล้วล่ะครับ” รักตปักษ์รีบปฏิเสธ เพราะจานแรกนั้นกิ่งแก้วตักไปมองหน้าเขาไป เล่นคดข้าวใส่เสียหลายทัพพี ส่วนกับก็โดนสัตยาแกล้งใส่จนพูน ไม่อิ่มก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร

   หลังมื้ออาหาร สัตยาตั้งใจจะปลีกตัวไปร่างโปรเจคต่อ แต่พงษ์ศักดิ์กลับสั่งให้อยู่เป็นเพื่อนคุยกับรักตปักษ์ก่อน ซึ่งเจ้าตัวก็ขัดไม่ได้อีกตามเคย คืนนั้นกว่าที่รักตปักษ์จะขอตัวกลับได้ เวลาก็ปาเข้าไปถึงสามทุ่ม ส่วนสัตยาก็หมดพลังจะทำงาน เพราะโดยปกติเขาก็เป็นคนนอนหัวค่ำเป็นทุนเนื่องจากต้องตื่นเช้าทุกวันเพื่อไปทำงาน แม้แต่วันเสาร์ อาทิตย์ สัตยาก็ยังตื่นเช้ามานั่งอ่านหนังสือในห้องหนังสือรอเวลาอาหารเช้า

   สัตยาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ล้มตัวลงนอน เขาค่อยๆหลับตาลงและผ่อนคลายร่างกายทุกส่วนที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ทว่า....หลังจากด่ำดิ่งสู่ห้วงนิทรา เขากลับพบว่าเขากำลังเริ่มฝัน......

   ร่างกายของสัตยาหาใช่ร่างมนุษย์ชายวัยหนุ่ม ทว่าเป็นร่างของงูใหญ่ มีเกล็ดสีมรกต เนตรสีทัมทิมและหงอนเป็นทองคำ เขากำลังลาบเลื้อยไปตามพื้นดินและหินใต้บาดาล สู่ปากถ้ำอันวิจิตรพิศดารและโอ่อ่า ภายในนั้นคือแดนบาดาลอันเป็นที่อาศัยของเหล่านาคทั้งหลาย บ้างก็มีเก้าเศียร บ้างก็มีเจ็ดเศียร บ้างก็มีห้าเศรียร บ้างก็มีสามเศียร และบ้างก็มีเศียรเดียว สัตยานั้นเป็นนาคเศียรเดียว อยู่ท่ามกลางหมู่พี่น้องนับพันที่เกิดจากมารดาเดียวกัน และลูกหลานอีกนับแสน เป็นนาคผู้ปกครองแดนบาดาลโดยไม่แบ่งเขตคร้ามความใด ปกครองร่วมกัน ดูแลร่วมกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน มีนาคซึ่งฤทธิ์อำนาจสูงที่สุดเป็นผู้ปกครองเหล่านาคให้อยู่ในระเบียบไม่ก้าวก่ายกันละกัน

   ที่นั่น....มีหญิงสาวนางหนึ่งถูกกักขังในกรงแก้วอยู่ด้วย....

   สัตยาเคลื่อนกายใหญ่โตโอฬารของตนไปยังแท่นหินซึ่งยกสูงขึ้นมาจากพื้น ประดับประดาด้วยแก้วแหวนเงินทองในสินแร่ ขดกายล้อมเป็นวง ชูคอมองดูรอบกายอย่างถ้วนถี่ก่อนจะโน้มศีรษะวางบนขนดหาง รอคอยว่าเหล่าพี่น้องมีสิ่งใดจะเล่าสู่กันฟัง

   ......น้ำอมฤต........

   สัตยายินเสียงนาคบางตนกล่าวถึงมันขึ้นมา แล้วทันใดนั้นเมื่อสัตยาปรือตาลง ภาพรอบกายก็พลันเปลี่ยนไป กลายเป็นเหล่านาคมหาศาลกำลังล้อมรอบกายของครุฑ และเขาก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น กำลังชูคอมองครุฑซึ่งเอ่ยขอบางอย่างกับหัวหน้าของประดานาคทั้งหลาย

   สัตยาไม่อาจได้ยินสิ่งที่ครุฑและพญาแห่งนาคต่อตอบต่อกัน เพราะเสียงของนาคตนอื่นฟังอื้ออึงไปเสียหมด คล้ายกับว่ากำลังต่อรองด้วยบางสิ่งบางอย่างซึ่งนาคต้องการแต่ยากนักที่ครุฑจะนำมาได้

   ภาพทั้งหมดนั้นมลายหายไป ก่อนจะเปลี่ยนอีกครั้ง

   หยดน้ำหลายหยดตกต้องหญ้าคาเป็นประกายใสสวยงาม พี่น้องนาคที่อยู่ละแวกนั้นต่างชวนกันไปดื่มกินน้ำที่หยดจากฟ้า สัตยาก็เลื้อยไปพร้อมกับพี่น้องอื่นๆ ตวัดลิ้นเลียหยดน้ำเหล่านั้น ทว่ากลับถูกหญ้าคาบาดลิ้นเป็นแฉกนำความเจ็บปวดอย่างมหันต์ สัตยาไม่อาจลิ้มรสของน้ำจากฟ้าได้เพราะรสของเลือดซ่านอยู่เต็มลิ้น เขาเลื้อยหนีลงน้ำไปเพื่อรักษาแผลเช่นเดียวกับพี่น้องตนอื่นๆที่ต่างก็ถูกบาดด้วยกันทั้งสิ้น

   ความเจ็บปวดที่ลิ้นมลายหายไปอย่างช้าๆ พร้อมกับภาพที่สัตยาไม่มีวันลืมปรากฏขึ้น

   ครุฑกางปีกกว้างบดบังผืนฟ้าจนมืดมิด ถลาโฉบลงมาบนพื้นดิน บังเกิดเป็นลมพายุและเสียงฟ้าร้องกัมปนาทสะเทือนเลื่อนลั่นไปถึงบาดาล อุ้งเท้าจิกเอาร่างนาคบางตนขึ้นไปยื้อยุดในอากาศ จงอยปากแหลมคมจิกดวงตานาคให้มืดบอด อุ้งเท้าจิกร่างผ่านคมเกล็ดลึกถึงเนื้อจนเลือดไหลอาบร่างก่อนจะฉีกกระชากร่างนั้นออกเป็นสองท่อนแล้วทิ้งลงมาบนพื้นดิน หลังจากนั้น นาคอีกหลายตนก็ถูกกระทำเฉกเดียวกัน ต่อหน้าต่อตาพี่น้องและลูกหลานที่ได้แต่หนีหัวซุกหัวซุนไปซ่อนตัวอยู่ในแดนบาดาล นาคล้มตายเกลื่อนกลาด ถูกจิกกินจนเหลือแต่กระดูก

   ดวงตาสีแดงก่ำละจากซากศพนับร้อย จับจ้องมายังสัตยา เขาถูกสายตานั้นตรึงไว้โดยไม่อาจขยับตัวได้ ทีละก้าวที่ครุฑย่างเข้าใกล้ เลือดในกายของสัตยาก็พลันเย็นเฉียบด้วยความหวาดกลัว

   ทันใดนั้น สัตยาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝัน

   ร่างกายของเขาไม่มีเหงื่อออกแม้สักหยด ทว่ากลับมีเกล็ดปรากฏขึ้นบนท่อนแขนและขา ชายหนุ่มหอบด้วบลมหายใจที่สั่นพร่าด้วยความกลัว

   แน่นอนว่าสัตยาจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้ ในตอนนั้นมีนาคบางตนคิดขึ้นมาว่า ทำไมน้ำอมฤตและความเป็นอมตะจึงสงวนแต่เพียงหมู่ทวยเทพ จึงพากันไปต่อรองกับครุฑให้นำน้ำอมฤตมาแลกกับมารดาของตนที่ถูกกักขังอยู่ในวังบาดาล ทว่าครุฑกลับตลบหลังจงใจทำอุบายร่วมกับเทพ เอาน้ำอมฤตมาให้แล้วก็มีเทพมาแอบเอาคืนไปตอนที่เผลอ ส่วนน้ำอมฤตที่หยดลงบนหญ้าคานั้น มีนาคบางส่วนเท่านั้นที่ได้ดื่มกิน....รวมทั้งเขาเองด้วย ทว่านาคเหล่านั้นถูกสังหารหมดสิ้นแล้ว

   เสียงโทรศัพท์มือถือดังเป็นจังหวะเพลง ทำให้สัตยาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เขาหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะดูเบอร์

   รักตปักษ์

   สัตยาเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ชั่งใจอยู่นานก่อนจะกดรับสาย

   “ฝันร้ายใช่ไหม?” ฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายทักก่อน

   “มีญาณวิเศษขึ้นมาหลังจากเป็นพาหนะของนารายณ์หรือยังไง?” ชายหนุ่มผู้อยู่ต้นสายแขวะ

   “เปล่า ข้าก็ฝันเช่นกัน” รักตปักษ์ตอบ

   ทั้งคู่ต่างก็เงียบไปหลังประโยคนั้น พวกเขารู้ว่ามันมีความหมายบางอย่าง เพราะต่างก็ไม่ได้ฝันถึงภาพอดีตเลยแม้แต่ครั้งเดียวนับแต่ดำรงอยู่ในฐานะมนุษย์

   “พรุ่งนี้ข้าต้องตื่นเช้า” สัตยาเตรียมตัดบท “แล้วก็ลบเบอร์ออกจากมือถือเสีย” ว่าจบ สัตยาก็วางสายไปทันทีโดยไม่รอคำตอบใดๆทั้งสิ้น เขาถอนหายใจ รอยเกล็ดนั้นจางไปหมดแล้ว สัตยาจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อย


------------------------------>
TBC


ตอบคำถามค่ะ~
เรื่องนี้เซียร์เคยลงในบอร์ดปิดค่ะ ^ ^
แล้วก็ ถูกค่า เซียร์จากสมาคม D18 เองค่า~ (แอบตกใจ โดนเจอตัว XD)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: COTton ที่ 02-02-2011 16:37:50
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pigg ที่ 02-02-2011 16:43:45
สนุก  :-[ เม้นไม่ถูกแฮะ
สรุปว่าที่ครุฑทำให้น้องนาคแค้น ความจริงมันมีลึกตื้นหนาบางอยู่สินะ
หรือเป็นเพราะพวกน้องนาคที่ไปทำร้ายครุฑก่อน....กันแน่

แต่เก๊าชอบรักต์กับยาจังเลย
โดยเฉพาะน้องยา...ยิ่งอ่านก็กลิ่นไอความซึนแพร่ซ่าน(ฮา)

อัพต่อไวไวนะฮะ

ปล.ติดตามD18พี่เซียร์มาหลายเรื่องมากไม่เคยผิดหวังสักเรื่องเลย..สนุก^^


 :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 02-02-2011 17:13:49
“ไม่ตรงใจผมเลยแม้แต่แบบเดียว ช่วยส่งกลับไปให้ดีไซเนอร์แก้ใหม่ทั้งชุดด้วย” เสียงของฝ่ายนั้นทุ้มกังวาลหวานน่าฟัง
-----------------------------------

มามี๊จะลงวันละตอนเลยเหรอคะเนี่ย 555+

จะอ่านให้ทันให้ได้ ><!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-02-2011 17:18:39
 :L1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 02-02-2011 17:34:34
สนุก สนุก
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: OT ที่ 02-02-2011 17:56:26
 o13 ชอบ ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 02-02-2011 18:29:08
เรื่องน่าลุ้นน่าติดตามมากๆๆๆๆ  ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 02-02-2011 18:58:18
มารอตอนต่อไป เรื่องสนุกมากจ้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 02-02-2011 19:48:12
ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องเเบบนี้เลย

อ่่านเเล้วชอบมากกก มันไม่เหมือนกับเรื่องที่เคยอ่านมาเลย

หนุกๆๆ  รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 02-02-2011 20:01:51
พี่รักต์น้องยา


ชอบๆ

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 02-02-2011 20:28:05
ที่แท้ลิ้นงูมี 2 แฉก เพราะแบบนี้นี่เอง  o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 02-02-2011 20:50:03
รอตอนต่อไปครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 02-02-2011 21:56:20
นาคกับครุฑ เค้ามีเบื้องหลังซับซ้อนกันดีจริง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แต่ว่า เค้าเป็นพี่น้องกันนี่นา ถึงตอนเป็นมนุษย์จะไม่ใช่ก็เถอะนะ...
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-02-2011 23:08:56
สนุกค๊า

รอตอนต่อไป

 o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 02-02-2011 23:19:01
สนุกม๊าก
มาต่อไวๆ นะค๊า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 03-02-2011 01:32:47
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 03-02-2011 02:03:52
สนุก ชอบ
+1
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 2 (2/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: -N- ที่ 03-02-2011 10:35:52
มาบอกว่าเรื่องนี้ สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 03-02-2011 11:21:39
เมื่อรุ่งอรุณมาถึง สัตยาก็ลุกขึ้นมาแต่เช้าและไปถึงบริษัทก่อนใคร เขาลงมือร่างโปรเจคจนเสร็จและบันทึกไว้ในแฟลชไดรฟ์ เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมในอาทิตย์หน้า

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณสัตยา” เชิดชัยเข้ามาทักทายเมื่อมาถึงที่ทำงาน

“มาพอดีเลยคุณเชิดชัย” สัตยากล่าวแล้วหยิบแฟ้มงานที่สั่งแก้ขึ้นมา “งานพวกนี้ส่งคืนไปให้ดีไซเนอร์ด้วย และบอกพวกเขาว่า ผมยังคาดหวังในตัวพวกเขาอยู่ แต่ไม่ใช่ตลอดไป” กล่าวจบ สัตยาก็วางแฟ้มลงอีกฟากของโต๊ะ ซึ่งเชิดชัยก็เดินมารับไปก่อนจะเดินลับออกไปทางประตูที่เข้ามา

งานในวันนั้นไม่ได้มีอะไรมากมายนัก ทำให้สัตยากลับบ้านด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจ กอปรกับตลอดอาทิตย์นั้นไม่มีเงาของรักตปักษ์โผล่มากวนใจเลยแม้แต่น้อย ทำให้ในอาทิตย์ต่อมา สัตยาสามารถนำเสนอโปรเจคย่อยได้อย่างดีเยี่ยม และโน้มน้าวบอร์ดบริหารให้คล้อยตามจนยอมอนุมัติได้ ซึ่งเป็นผลให้อาทิตย์นั้นเป็นอาทิตย์ที่สุดแสนจะวุ่นวาย เนื่องจากเครือชลวรินทร์ไม่เคยจัดประกวดใดๆมาก่อน นักข่าวซึ่งทำข่าวในวงการธุรกิจจึงพากันแห่มาสัมภาษณ์สัตยาไม่เว้นวัน

“ทำไมคุณถึงคิดจะเปิดรับผลงานจากมือสมัครเล่นครับ?”

“คิดว่าผลตอบรับจะเป็นยังไงบ้างคะ?”

“การตัดสินจะเป็นไปอย่างยุติธรรมไหมครับ? แล้วคุณจะเป็นหนึ่งในกรรมการด้วยไหม?”

คำถามเหล่านี้วนเวียนซ้ำซากให้สัตยาตอบด้วยคำตอบเดิมๆไม่รู้กี่ครั้ง เขาต้องปั้นหน้ายิ้มให้ถ่ายรูป ตอบคำถามนักข่าว และนัดพบสปอนเซอร์ทั้งหลายจนตัวเป็นเกลียวแทบไม่มีเวลาว่างคิดถึงเรื่องของครุฑหรือรักตปักษ์เลย

“ระยะนี้หลานดูยุ่งนะ” พงษ์ศักดิ์ตั้งข้อสังเกตเมื่อสัตยากลับมาถึงบ้านในตอนค่ำวันหนึ่ง

“ครับ พอดีผมคิดโปรเจคใหม่ที่แตกย่อยมาจากโปรเจคเดิม งานเลยเพิ่มเป็นสองเท่าน่ะครับ คุณตา” สัตยากล่าวพลางเดินเข้ามานั่งข้างๆชายชรา “แต่ผมคิดว่าน่าจะไปได้ด้วยดี บางทีบริษัทเราอาจได้คนมีความสามารถมาเพิ่ม”

“ถ้าหลานว่าดีตาเห็นดีด้วย แต่ระวังจะล้มหมอนนอนเสื่อก็แล้วกัน” พงษ์ศักดิ์ตักเตือนด้วยความเป็นห่วง “แล้วระยะนี้หลานไม่ค่อยอยู่บ้าน พ่อกับแม่หลานมาเยี่ยมทีไรก็ไม่ได้เจอ”

“พอพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ผมว่าจะไปเยี่ยมพวกท่านด้วยตัวเองน่ะครับ”

“ก็ดี” ชายชราพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม “แล้วคุณรักต์ไปไหนซะล่ะ ช่วงนี้ไม่เห็นติดต่อมาเลยนะ เจ้ายา หลานคงไม่ได้ไปชวนคุณรักต์ทะเลาะจนเข้าหน้ากันไม่ติดใช่ไหม?”

“ช่วงนี้เขาก็คงยุ่งเหมือนกันครับ” สัตยาตอบทั้งหน้ามุ่ย ทำไมพงษ์ศักดิ์ถึงต้องถามถึงรักตปักษ์ด้วยนะ “อีกไม่กี่อาทิตย์ก็ต้องออกนิตยสารฉบับที่สองแล้ว ผมคิดว่าคุณรักต์คงวิ่งหาข่าวอยู่น่ะครับ”

“อ้อ ก็ดีนะ ขยันดี เห็นว่าทำคนเดียว ตาก็คิดว่าจะไม่รอดตั้งแต่ฉบับแรก” พงษ์ศักดิ์เอ่ยชื่นชมอย่างออกหน้าจนสัตยานึกอิจฉา เพราะโดยปกติแล้ว พงษ์ศักดิ์ไม่ใช่คนที่จะชื่นชมใครง่ายๆ

“นี่ก็ดึกแล้ว ทำไมคุณตายังไม่เข้านอนล่ะครับ?”

“ตาว่าจะนั่งอีกสักพักค่อยนอน หลานไปนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหว” ชายชราโบกมือไล่พลางยิ้มบางๆด้วยความเอ็นดูในตัวหลานชายคนนี้

“ถ้าอย่างนั้น ผมไปนอนก่อนนะครับ คุณตาก็รีบนอนนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย” สัตยากล่าวอำลา ก่อนจะเดินออกมาจากห้องหนังสือ และตรงกลับไปยังห้องนอน ทว่าสัตยากลับรู้สึกมึนหัวขึ้นมาจนเดินเอียงไปวูบหนึ่ง ถึงเขาจะตั้งตัวตรงได้ในทันที แต่อาการนั้นกำลังร้องเตือนเขาว่า เขาได้ทำเกินกำลังตัวเองไปแล้ว ชายหนุ่มรีบเปิดประตูห้องนอนแล้วเอนหัวลงบนหมอน อาการวิงเวียนเริ่มดีขึ้นเล็กน้อยโดยเฉพาะเมื่อปลดเนคไทและเข็มขัดออกจนสบายตัว สัตยาจึงเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น


------------------------->


รักตปักษ์ ซึ่งตอนนี้เป็นบรรณาธิการเต็มตัวเริ่มยุ่งกับการวิ่งหาข่าวเพื่อออกนิตยสารฉบับใหม่ในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า เขาจดรายชื่อนักธุรกิจไว้หลายรายแล้วต้องมานั่งคัดแยกว่าในฉบับนี้จะใช้คอมเซปต์ใดเป็นหลัก เพื่อจะได้คัดเลือกได้ตรงความต้องการ อย่างฉบับก่อนนั้น รักตปักษ์เน้นที่นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรง จึงเน้นที่นักธุจกิจที่เพิ่งได้รับตำแหน่งกันหมาดๆ รวมถึง สัตยา ชลวรินทร์ ซึ่งเพิ่งได้เป็นประธานบริษัทเครือชลวรินทร์ไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น โดยได้รับการโอนหุ้นใหญ่มาจากพงษ์ศักดิ์ผู้เป็นตา และในฉบับนี้ รักตปักษ์ตั้งใจจะใช้คอนเซปต์เกี่ยวกับนักธุกิจที่เนื้อหอม มีคนมาติดพันมากจนเป็นข่าวบ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงไม่มีเวลาที่จะติดต่อไปหาสัตยาเลยแม้สักครั้ง

สัตยาไม่น่ามาเกิดเอาป่านนี้เลยจริงๆ

นั่นคือความคิดของรักตปักษ์ เพราะหากเกิดในยุคสมัยที่มีชนชั้นปกครองและการข่าวยังไม่แพร่หลาย ป่านนี้เขาคงจะฉุดลากอีกฝ่ายให้ยอมฟังสิ่งที่เขาจะพูดจนได้ ทว่าเพราะมาเกิดในสมัยนี้ที่หูตาผู้คนกว้างไกลด้วยข่าวสาร ซ้ำยังมีความเท่าเทียมตามกฏหมายขีดกั้น ทำให้รักตปักษ์ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะมันคงจะกลายเป็นข่าวใหญ่ทีเดียว เนื่องจากสัตยาเป็นคนดังในขณะนี้ ซ้ำเขายังมีโอกาสติดคุกหัวโต เพราะทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวโดยไม่ยินยอม

ความจริงแล้ว แม้สัตยาจะไม่ยกโทษให้ รักตปักษ์ก็ไม่มีสิทธิไปเรียกร้อง ทว่าสิ่งที่เขากลัวคือ หากว่าสัตยาฝังใจกับความแค้นนั้นไม่สร่าง แล้วเกิดลากคนอื่นมาติดร่างแหด้วย มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ยากจะย้อนกลับไปแก้ไข

รักตปักษ์ยังจำได้ถึงอดีตภพ เมื่อครั้งที่เขาเป็นครุฑที่ไม่ได้รับใช้องค์นารายด์ เขามักจะเห็นสัตยาหลบอยู่หลังพี่น้องเสมอ เจ้าตัวเป็นนาคที่ไม่ชอบแสดงตัว และมักจะอยู่เงียบๆ ปลีกวิเวกจากคนอื่นๆ แต่ก็มีความดื้อรั้นและเย่อหยิ่งเกินใคร แม้เขาจะไม่ได้ประสบด้วยตัวเอง ก็เห็นได้ในตอนที่อีกฝ่ายมีเรื่องโต้เถียงกับพี่น้องนาคด้วยกัน ถึงอย่างนั้นก็ยังหัวอ่อน ถูกชักจูงง่ายจากคนรอบข้าง เป็นนาคที่เขานึกหมั่นไส้ทุกครั้งที่ได้เห็น และยิ่งช่วงนั้นเขาเกลียดนาคอยู่เป็นทุน เขาและสัตยาจึงไม่เคยมีโอกาสได้คุยกันโดยตรงเลยแม้สักครั้งเดียว

ในตอนที่กำลังคิดเพลินๆนั้นเอง ก็มีเสียงเรียกให้เขาเข้าพบกับนักธุรกิจที่นัดไว้ได้แล้ว ชายหนุ่มผมแดงจึงสลัดสิ่งที่อยู่ในสมองทิ้ง แล้วเดินเข้าห้องรับรองแขกเพื่อสัมภาษณ์นักธุรกิจรายแรกสำหรับนิตยสารฉบับที่สองนี้


------------------------------>


สามวันมาแล้วที่สัตยาต้องดำเนินการติดต่อสปอนเซอร์เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการแก่บุคคลทั่วไป เป็นเรื่องธรรมดาที่เครือบริษัทยักษ์ใหญ่ย่อมมีคนอยากร่วมเป็นสปอนเซอร์ให้มากมาย และนั่นทำให้งานของสัตยามากขึ้นไปด้วย ทั้งนี้เพราะเป็นงานในฐานะมือใหม่ เขาต้องเผชิญการทดสอบหลายอย่างจากเหล่าสปอนเซอร์ที่พร้อมจะเชือดเขาอยู่ทุกเวลา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะทุ่มทุนกับคนมือไม้อ่อนทำอะไรไม่เป็นและใจโลเลด้วยเกรงโครงการจะล่มเสียก่อน สัตยาจึงต้องพยายามโน้มน้าวให้สปอนเซอร์เหล่านั้นเชื่อให้ได้ว่าเขาจะดำเนินโครงการนี้จนประสบความสำเร็จอย่างดี

ถึงอย่างนั้น การโหมงานอย่างหนักมาหลายวันก็เริ่มส่งผลกับสัตยาที่สุขภาพไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่บ่อยๆ เขาเวียนหัวและหน้ามืดเป็นบางครั้ง แต่ก็ยังทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่คิดดูแลสุขภาพ

“คุณสัตยา สีหน้าคุณไม่ดีเลยนะครับ” เชิดชัยกล่าวขณะที่อีกฝ่ายเพิ่งเดินเข้ามาในบริษัทในเช้าวันหนึ่ง

“เพราะมันยังเช้ามั้งครับ เลือดลมเลยยังเดินไม่สะดวก” สัตยาตอบปัดแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงาน “ขอกาแฟด้วยนะ คุณเชิดชัย” คำสั่งนั้นทำให้ผู้เป็นเลขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย ด้วยปกติแล้ว สัตยาจะไม่เคยร้องขอกาแฟด้วยตัวเองเลย ดูท่าครั้งนี้จะเหนื่อยมากจริงๆ

เชิดชัยหายไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกาแฟหอมกรุ่นเสิร์ฟถึงโต๊ะ ซึ่งสัตยารับมาเป่าจนอุ่นดีจึงค่อยๆจิบให้สมองแล่นบ้าง

“คุณสัตยา นอนไม่พอใช่ไหมครับ?” เชิดชัยถามอย่างเป็นห่วง

“นิดหน่อย เมื่อคืนผมไปทานอาหารค่ำกับสปอนเซอร์รายหนึ่งมา” สัตยาตอบโดยไม่แสดงความรู้สึกเหนื่อยออกมาให้เห็น มีเพียงสีหน้าเท่านั้นที่บ่งบอกว่าถึงเวลาพักแล้ว “วันนี้มีงานอะไรบ้างไหม? แล้วที่ผมให้ดีไซเนอร์แก้ไปถึงไหนแล้ว?”

“วันนี้ไม่มีอะไรครับ ส่วนเรื่องแก้งาน ทางนั้นบอกว่าต้องการเวลาอีกหน่อยเพราะไม่ค่อยเข้าใจคอนเซปต์ของคุณสัตยานัก” เลขาวัยกลางคนตอบด้วยสีหน้าเป็นการเป็นงาน ก่อนจะอ่อนลงเมื่อเห็นสัตยาดื่มกาแฟเข้าไปอึกใหญ่ “ไปเดินเล่นข้างล่างให้สดชื่นหน่อยไหมครับ คุณสัตยา เผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง”

“ก็ดี....งั้นผมฝากบนนี้สักพักนะ คุณเชิดชัย” สัตยากล่าวตอบ แล้วจึงลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปจากห้อง
ข้างล่างของบริษัทนั้น มีสวนหย่อมร่มรื่นอยู่ มันถูกสร้างไว้เพื่อให้พนักงานที่เหน็ดเหนื่อยและเครียดจากการทำงานได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ จึงถูกประดับประดาด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ และมีน้ำพุเล็กๆที่ช่วยให้รู้สึกเย็นเนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองร้อน

สัตยาเดินเข้าไปนั่งที่น้ำพุเพื่อให้ความชื้นทำให้ร่างกายของเขารู้สึกดีขึ้น มันช่วยได้มากทีเดียวสำหรับสัตว์ซึ่งชอบน้ำอย่างเขา

มันเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับสิ่งที่ไม่ได้เป็นอะไรบางอย่างอย่างเต็มตัว เพราะสัตยาไม่ได้ตายแล้วมาเกิด เขาเพียงฝังร่างในมดลูกของหญิงสาวชาวมนุษย์ ดังนั้นร่างกายของเขาจึงเป็นมนุษย์ผสมกับงู ทำให้ร่างกายของเขาไม่มีต่อมเหงื่อ ไม่อาจขับความร้อนออกจากร่างกายได้ด้วยตัวเอง ความชื้นจากสายน้ำจึงเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยบรรเทาความทรมานได้

ภายใต้ร่มไม้ แดดไม่อาจทำอันตรายได้มากนัก สัตยาจึงเลือกที่จะนั่งอยู่ตรงนั้นจนกว่าอาการวิงเวียนจะหายไป ทว่า เมื่อเขาพยายามจะลุกขึ้นยืน ร่างของเขากลับเซถลาและเอนวูบโดยไม่อาจทรงตัวได้ ซ้ำสมองของเขายังหมุนคว้างราวกับโลกกำลังกลับด้าน

ก่อนที่เขาจะล้มลงหัวฟาดพื้นนั้น กลับมีมือข้างหนึ่งคว้าตัวเขาเอาไว้ได้ ถึงอย่างนั้น สัตยากลับหมดสติไปกลางอากาศ จึงไม่ทันได้เห็นว่าใครกันที่คว้าตนเอาไว้.....


------------------------------->


สัตยาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางกลิ่นฉุนของยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาล เขาปรือตามองเพดานอย่างเลื่อนลอย แต่มันกลับต้องใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะจับโฟกัสภาพได้โดยไม่เบลอ เพดานสีขาวและหลอดไฟทำให้สัตยารู้ได้ว่าตนอยู่ที่ไหน เขาเอนศีรษะไปทางซ้ายและพบกับหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งปิดด้วยผ้าม่านสีขาวป้องกันแสงภายนอกสาดส่องเข้ามา สัตยาจึงพลิกศีรษะกลับมาอีกด้านทั้งที่สมองของเขายังโคลงเคลงอยู่ เขาก็พบเก้าอี้ตัวหนึ่งวางอยู่ข้างเตียงมีกระเป๋าเป้ใบโตวางอยู่บนนั้น บนโต๊ะเล็กใกล้ๆกันมีแก้วน้ำและเหยือกวางอยู่

ชายหนุ่มพยุงตนเองขึ้นจากเตียง รินน้ำจากเหยือกใส่แก้ว ก่อนจะนำมาดื่มดับกระหาย ริมฝีปากของเขาแห้งผากลงไปถึงลำคอ พอได้น้ำกลั้วเข้าไปจึงสดชื่นขึ้น

หูของสัตยาได้ยินเสียงประตูเปิด จึงเงยหน้าขึ้นมอง

“คุณยา ฟื้นแล้วหรือครับ?” รักตปักษ์นั่นเอง เขาแย้มยิ้มให้สัตยาก่อนเดินเข้ามาแล้ววางถุงสีขาวลงบนโต๊ะ ก่อนจะตามด้วยหมออีกคนหนึ่ง

“ทำไมผมมาอยู่ที่นี่?” สัตยาเอ่ยถาม

“เพื่อนของคุณไปเจอคุณกำลังเป็นลม ก็เลยอุ้มมาถึงที่นี่แหละครับ” หมอเป็นคนตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ร่างกายของคุณปกติดี แต่พักผ่อนไม่พอ แล้วก็มีปัญหาจากสภาพอากาศด้วย พอคุณหายเวียนหัวแล้วก็กลับบ้านไปนอนพักเยอะๆนะครับ เพื่อนของคุณจัดการธุระให้คุณเรียบร้อยแล้วไม่ต้องห่วง”

“ขอบคุณครับ คุณหมอ” รักตปักษ์หันไปกล่าวขอบคุณ

“ไม่เป็นครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” หมอหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“ตอนนี้กี่โมงแล้ว?” สัตยาถามขณะมองไปยังถุงบนโต๊ะ “แล้วนั่นอะไร?”

“ตอนนี้บ่ายแก่แล้ว และนั่นคืออาหารของเจ้า” ชายหนุ่มผมแดงตอบทั้งสองคำถาม แล้วหยิบข้าวกล่องออกมาจากถุง ทันทีที่เปิดฝา กลิ่นข้าวสวยหอมฉุยก็พุ่งพวยขึ้นมากับควันร้อนพร้อมกับกลิ่นอาหารหอมกรุ่นเหมือนเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ

“ข้าไม่หิว” สัตยาตอบแล้วพยายามจะลงจากเตียง แต่รักตปักษ์กลับกดไหล่ให้นั่งที่เดิม แรงของรักตปักษ์นั้นมากมายมหาศาลจนสัตยาไม่อาจขยับตัวได้ กระนั้นก็หาได้บีบรัดจนเจ็บ เพียงแค่กดไว้เฉยๆไม่ให้ลุกลงมาเท่านั้น

“อย่าดื้อนักนาคน้อย ข้าไม่ได้มีความอดทนมากนักกับคนที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง” น้ำเสียงของรักตปักษ์ฟังดูดุดันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่เหลือคราบของชายหนุ่มท่าทางสบายๆดังก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย

“ข้าไม่ใช่นาคน้อย” สัตยากัดฟันขู่เสียงฟ่อ

“ถ้าอย่างนั้น.....คุณยา ทานข้าวซะเถอะ” รักตปักษ์ยอมเปลี่ยนวิธีเรียก เพราะหากจะพูดตามจริง เขาจดจำชื่อนาคที่ร่วมบิดาเดียวกันไม่ได้เลยสักตน ทั้งที่ถูกกดขี่ข่มเหงอยู่นานหลายร้อยปีร่วมกับมารดา

ในที่สุดสัตยาก็ยอมนั่งอยู่ที่เดิม และรับข้าวกล่องมาวางบนตัก ก่อนจะเป่าให้พออุ่นแล้วตักใส่ปาก เมื่อเห็นเห็นเช่นนั้น รักตปักษ์จึงยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ เป็นรอยยิ้มที่สัตยาไม่ใคร่ชอบนัก เพราะเสมือนรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูต่อผู้อ่อนวัย ถึงอย่างนั้นหากจะนับอายุจริงๆ ครุฑนั้นอายุน้อยกว่าเขามากโข เพราะกว่าไข่ของครุฑจะฟัก ก็ใช้เวลานานจนนาคโตเต็มวัยกันหมดแล้ว ซึ่งทั้งหมดที้งปวงนี้ ทำให้สัตยาไม่ชอบใจที่ครุฑปฏิบัติกับเขาเหมือนน้องน้อยในหมู่นาค

เมื่ออาหารคำแรกเข้าปาก สัตยาก็พบว่ามีรสชาติเอร็ดอร่อยจนไม่น่าจะใช่อาหารที่ขายตามทาง นาคจำแลงจึงเงยหน้ามองรักตปักษ์พลางส่งคำถามทางสายตา

“ข้าทำเอง” รักตปักษ์ตอบ “ขี่รถมอเตอร์ไซด์กลับไปทำมาให้ เพราะตาของเจ้าบอกว่า เจ้าไม่ชอบอาหารตลาด”
“คุณตา?” เรียวคิ้วของสัตยาขมวดเข้าหากัน

“ท่านโทรมาบอกว่า เจ้าดูอาการไม่ดี เตือนก็ไม่ฟัง จึงฝากฝังให้ข้ามาดู” ชายหนุ่มผมทองว่าพลางกอดอกมองดูอีกฝ่ายกินอาหาร “ร่างกายของเจ้าเป็นกึ่งนาคกึ่งมนุษย์ ไม่ใช่นาคแท้หรือมนุษย์แท้ ทนอากาศร้อนหนาวได้ไม่เท่ามนุษย์ ปรับเปลี่ยนสภาวะเข้ากับรอบกายไม่ได้อย่างนาค เจ้าควรรู้ตนเองมากกว่าผู้อื่น”

“อย่ามาทำเป็นสอน! เจ้าเองดีกว่าหรือยังไง เอาขนนกโปรยไปทั่ว เป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์เหมือนกับข้านั่นแหละ!” สัตยาสะบัดหน้าพรืด กระแทกกล่องข้าวลงกับโต๊ะ

“นั่นไม่ใช่ความต้องการของข้าเอง เป็นองค์นารายด์ทรงเมตตา ให้พรข้าให้มีความเป็นครุฑอยู่ครึ่งหนึ่ง ร่างกายข้าจึงทนทานต่อเกล็ดและเขี้ยวของเจ้า มีการสลัดขนตอนเริ่มโต และยังจำแลงร่างได้เช่นเดียวกับเจ้า ถึงอย่างนั้นหากถูกทำร้ายโดยมนุษย์ข้าก็จะยังได้รับบาดเจ็บและล้มตายได้เฉกเช่นสิ่งมีชีวิตทั่วไป” รักตปักษ์อธิบายอย่างใจเย็นก่อนจะก้มลงมองกล่องข้าวที่ไม่ค่อยพร่องเอาเสียเลย “เจ้ากินน้อยผิดปกตินะ สัตยา ระยะนี้เจ้ากินอาหารได้ตามปกติหรือเปล่า?”

“ข้าไม่ค่อยหิว” สัตยาหรี่เปลือกตาลงแล้วเสมองไปรอบข้าง ยกมือขึ้นลูบบริเวณต้นแขนเบาๆ

“สัตยา หันมาทางนี้สิ” รักตปักษ์จับใบหน้าอีกฝ่ายให้หันกลับมา “มองข้าแล้วตอบว่าเห็นข้าชัดไหม?”

สัตยาหรี่ตาลงมองอยู่นาน ก่อนจะหลับตาแล้วจ้องมองอีกครั้ง

“พอจะเห็น....” เขาว่า “คงถึงช่วงนั้นอีกแล้ว....”

“กลับไหวไหม? ไปซ้อนรถข้าดีกว่า” รักตปักษ์ยื่นมือไปหมายจะช่วยพยุง แต่สัตยากลับปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เขาปัดมือนั้นออกไป แล้วพยายามลุกขึ้นด้วยตัวเอง

“ข้าไม่ต้องการความหวังดีจากเจ้า” ชายหนุ่มผมดำยืนยันเสียงแข็ง ทว่าตาของเขากลับเริ่มเบลอทำให้เดินเซไปทางหนึ่ง รักตปักษ์คว้าตัวเอาไว้แล้วดึงแนบตนเอง แม้สัตยาจะแข็งขืนก็ไม่อาจต้านแรงได้ ด้วยแต่เดิมแรงของครุฑนั้นมหาศาล ถึงจะเป็นมนุษย์แล้ว เรี่ยวแรงเหล่านั้นก็ยังนับว่ามากสำหรับมนุษย์ทั่วไป

ตอนนี้ตาของสัตยาเริ่มจะมองอะไรยากขึ้น เหมือนกับมีฝ้าขาวบดบังจนเบลอมัว รักตปักษ์จึงเสนอตัวเป็นที่พยุงกาย อย่างน้อยแค่เพียงจับมือเดินก็ยังดี สัตยาซึ่งไม่มีทางเลือกจึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาจับมือของรักตปักษ์แล้วเดินตามไปไม่ให้ใครผิดสังเกต คอยให้อีกฝ่ายนำทางไม่ให้เดินไปชนกับใครหรืออะไรที่กีดกั้นระหว่างทางเดิน ในที่สุดทั้งสองก็ลงมาถึงลานจอดรถมอเตอร์ไซด์ของโรงพยาบาล รักตปักษ์จังปล่อยมือสัตยา แล้วนำถุงข้าวไปแขวนที่แฮนด์มอเตอร์ไซด์ ก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคอันหนึ่งใต้อานนั่งมาสวมที่ศีรษะของชายหนุ่มร่างเล็กกว่าตน

“อะไรน่ะ?” สัตยาถามขึ้นด้วยความโมโหเมื่อรู้สึกว่าถูกบางอย่างสวมลงมาบนหัว และสิ่งนั้นเป็นของครุฑ

“ไม่ใช่หมวกประดับขนครุฑหรอก แค่หมวกกันน็อคเท่านั้นเอง” รักตปักษ์เย้าแหย่

“เรื่องนั้นมัน....!” เจ้าของเรื่องราวหมวกประดับขนครุฑร้องโวยวายขึ้นมา

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 03-02-2011 11:22:07
“ตาของเจ้าเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆเจ้าได้ขนนกสีแดงสวยมากอันหนึ่ง แต่กลับทำท่ารังเกียจจนทุกคนแปลกใจ” ชายหนุ่มร่างสูงหัวเราะ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะไม่ชอบให้ข้าอยู่เหนือหัวขนาดนั้น”

“ตลอดเวลา เจ้าก็อยู่เหนือหัวพวกข้ามาตลอด เจ้าบินบนฟ้า เจ้าอาศัยบนวิมาน แล้วพวกข้ากลับต้องเลื้อยคลานอยู่บนดิน!” สัตยาตะคอกเสียงแข็ง

“แต่พวกเจ้าก็มีถ้ำใหญ่สวยงามยิ่งกว่าวิมานของข้าเสียอีก ซ้ำยังปกครองทุกสิ่งใต้ผืนน้ำ” รักตปักษ์ตอบกลับอย่างเป็นเหตุผลพลางหยิบหมวกกันน็อคมาสวมหัวตนเองบ้างแล้วขึ้นขี่มอเตอร์ไซด์ “ขึ้นมาสิ เจ้าคงเคยขี่มาบ้างใช่ไหม?”

“ข้าไม่เคยขี่ แต่ในอดีตข้าเคยขี่ม้ามาบ้างเมื่อครั้งจำแลงเป็นมนุษย์ขึ้นมาเที่ยวเล่น”

“อ้อ” รักตปักษ์ยิ้มมุมปาก “ก็คล้ายกัน แต่เร็วกว่าม้ามาก”

สัตยาปีนขึ้นคร่อมด้านหลังอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย รักตปักษ์จึงแนะนำให้เหยียบบนแท่นวางเท้าทั้งสองข้างเพื่อจะได้นั่งสะดวก และให้เกาะหลังให้แน่น ทว่าสัตยากลับยอมทำตามเพียงคำแรกเท่านั้น และเลือกจะนั่งจับอานนั่งด้านหลังแทนการโอบเอวอีกฝ่าย

“เจ้าคงเป็นนาคที่ดื้อที่สุดเป็นแน่” รักตปักษ์ว่าเช่นนั้นก่อนจะขี่รถออกไป เขาพยายามที่จะไม่ขับเร็วมากนัก และหลีกเลี่ยงการตีวงเลี้ยวสั้นๆเพราะเกรงว่าสัตยาซึ่งไม่ชินกับมอเตอร์ไซด์จะถูกเหวี่ยงตกลงไปเสียก่อนจะถึงบ้าน ตัวสัตยาเองก็รู้สึกกลัวเพราะมอเตอร์ไซด์ไม่เหมือนม้าสักนิด ทั้งไม่มีบังเหียนให้จับ ซ้ำยังเหวี่ยงแรงและวิ่งเร็วยิ่งกว่าม้าเสียอีก และตอนที่ตีโค้งกลับรถนั้นเอง สัตยาก็ปล่อยมือจากอานนั่งมาโอบเอวรักตปักษ์เพื่อดึงตนเองไว้ไม่ให้ตกลงไป ตอนนั้นสัตยามัวแต่เกร็งตัวบนอานและอยู่ด้านหลัง จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มบางๆบนเรียวปากหยักของชายหนุ่มอีกคน

รักตปักษ์ชะลอความเร็วเมื่อถึงหน้าบ้าน และบีบแตรเสียงแหลมเป็นจังหวะสั้นๆ นายพจน์ซึ่งกำลังดูแลต้นไม้อยู่แถวนั้นจึงรีบวิ่งมาเปิดให้

“อ่าว สวัสดีครับคุณรักต์ ไปรับคุณยามาหรือครับ?” นายพจน์ทักทายด้วยเสียงออกจะเหน่อนิดๆค่อนไปทางสุพรรณบุรี

“คุณยาไม่สบายนิดหน่อย เดี๋ยวผมจะพาคุณยาไปพักบนห้อง ฝากบอกทุกคนว่าหมอสั่งให้นอนพักหลายวัน อย่าเพิ่งให้ใครกวนนะครับ” รักตปักษ์ตอบด้วยรอยยิ้มไม่ถือตัว แล้วขี่มอเตอร์ไซด์เข้าไปจอดถึงหน้าตัวบ้าน จึงดับเครื่องแล้วรอให้สัตยาก้าวลงไปก่อนตนเองจะจูงรถไปจอดด้านข้างทางเข้า แล้วจึงกลับมาจูงสัตยาเข้าไปในบ้าน

“เจ้ายา? ทำไมหลานถึงดูย่ำแย่ขนาดนั้น?” พงษ์ศักดิ์ถามเสียงเครียดเมื่อเห็นสัตยาเข้ามาถึงในบ้าน “ไปๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนซะ คุณรักต์ ฉันต้องขอบคุณมากนะที่ดูแลเจ้ายามันให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี เดี๋ยวผมขอพาคุณยาขึ้นไปบนห้องนะครับ” รักตปักษ์เอ่ยขออนุญาตโดยไม่ทะเล่อทะล่าขึ้นไปก่อน เมื่อได้รับคำยินยอมจึงจูงสัตยาขึ้นไปบนห้องนอน แต่ครั้งนี้ต้องให้สัตยานำเพราะรักตปักษ์ไม่รู้ทาง และเมื่อถึงห้อง สัตยาก็ปล่อยมือคนจูง แล้วเดินเข้าไปทิ้งตัวนอนบนเตียงใหญ่ รักตปักษ์จึงปิดประตูแล้วเดินตามมานั่งลงบนเตียง

“มีอะไร?” สัตยาถามทั้งที่หลับตา

“เช็ดตัวก่อนไหม ถึงเจ้าจะไม่มีไข้แต่น้ำจะทำให้เจ้าสบายตัวขึ้น” ชายหนุ่มร่างสูงเกลี่ยปอยผมออกจากใบหน้าอีกฝ่าย หน้าของสัตยายังดูซีดจากการอดนอน เมื่อมาผนวกกับช่วงนั้นของปี สัตยาจึงดูแย่หนักทั้งที่ทั้งสองอาการไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกันแม้แต่น้อย ทว่าในสายตามนุษย์แล้ว คงเหมือนว่าสัตยากำลังป่วยซ้ำซ้อนอย่างไรอย่างนั้น

“เดี๋ยวข้าไปอาบ” นาคจำแลงกล่าวตอบเสียงเนือย

“เจ้าต้องพักผ่อนเฉยๆสองสามวัน”

“นี่มันร่างกายข้านะ ข้ารู้ดีกว่าเจ้า”

“แต่เจ้าก็ยังหักโหมเอาช่วงนี้” รักตปักษ์ดุ “ไม่กลัวความแตกหรือยังไง?” และโดยไม่รอคำตอบ ชายหนุ่มก็ลุกเดินออกไป และกลับมาอีกครั้งพร้อมอ่างน้ำและผ้าขนหนูสีขาว เขาวางอ่างลงจุ่มผ้าขนหนูลงในน้ำ บิดพอหมาดๆ แล้วนำมาเช็ดตัวให้สัตยาที่ทำท่าจะหลับ

สัตยาส่งเสียงครางเบาๆจากในคอเหมือนกำลังรู้สึกสบายตัว

หลังจากนั้น สัตยาก็หลับไปทำให้ไม่ทันรู้สึกตัวตอนที่รักตปักษ์ลากลับไปแล้ว ถึงอย่างนั้นในตอนเช้ารักตปักษ์ก็กลับมาอีกครั้ง เขาขึ้นมาบนห้องพร้อมถาดอาหารเช้าเป็นข้าวต้มร้อนๆกับซีอิ๊วซอสและไข่ลวก มีนมแก้วหนึ่งเป็นเครื่องดื่ม

“งานล่ะ?” นั่นคือสิ่งที่สัตยานึกสงสัย เพราะรักตปักษ์พูดมาตลอดว่างานนี้ตนเองไม่มีลูกมือ ทุกอย่างต้องทำด้วยตัวคนเดียว มีเพียงโรงพิมพ์เท่านั้นที่พ่อให้ใช้ร่วมได้ และอีกไม่นานก็จะถึงกำหนดวางแผงแล้ว หากขาดไปสักเดือนก็จะเป็นการดิสเครดิตตัวเอง ทำให้ชื่อนิตยสารเสียได้ทั้งที่ลงแรงไปถึงขนาดนั้น

“ข้านัดสัมภาษณ์เป็นตอนกลางคืน” รักตปักษ์ตอบแล้วเป่าข้าวต้มในช้อนก่อนนำมาจ่อปาก “อีกอย่าง ดูเหมือนเจ้าจะโด่งดังจากฉบับที่แล้วมาก มีคนส่งจดหมายถามมามากมาย ดังนั้นเมื่อพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ข้าคงต้องขอใช้งานเจ้าบ้าง”

“ข้าไม่ให้ความร่วมมือ” สัตยาตอบปัดเสียงแข็ง

“หรือนาคจะไม่รู้คุณคน” เมื่อโดนสวนเช่นนั้น สัตยาถึงกับหน้าตึงและเงียบไป รักตปักษ์จึงอนุมานว่าอีกฝ่ายตอบรับ

รักตปักษ์เฝ้าดูแลสัตยาอยู่เช่นนั้นทั้งวันเพื่อป้องกันคนอื่นในบ้านเข้ามาในห้อง และเพราะเหตุนั้น รักตปักษ์จึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนคนรับใช้ ทั้งจัดที่นอน ป้อนข้าวป้อนน้ำ พาจูงไปอาบน้ำแต่โดนสัตยาบังคับให้อยู่ข้างนอก ถึงแม้ว่าสิ่งที่รักตปักษ์ทำจะทำให้สัตยารู้สึกอึดอัดใจจากความไม่ลงรอยตั้งแต่อดีตกาล แต่เขาก็ไม่อาจขัดได้ เพราะยังดีกว่าให้ความแตกในเร็ววัน

ในตอนเย็น รักตปักษ์จะกลับไปก็ต่อเมื่อสัตยากินข้าวเย็นเรียบร้อย แต่ยังไม่วายกำชับให้อยู่แต่ในห้องและพักผ่อนมากๆ

และเช้าอีกวันหนึ่ง รักตปักษ์ก็มาถึงตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ เมื่อป้อนอาหารเช้าเสร็จ ชายหนุ่มก็นั่งลงบนเตียง หยิบโน๊ตบุ๊คออกมาต่อสายไฟและวางไว้บนตักก่อนจะหยิบแว่นมาสวม และลงมือทำงานอย่างคร่ำเคร่ง ตอนนี้สัตยามองอะไรแทบไม่เห็นแล้วแต่เขาได้ยินเสียงเคาะคีย์บอร์ดดังอยู่ใกล้หู จึงขยับเข้าไปมองใกล้ๆ

“เดี๋ยวสายตาก็เสียหรอก” รักตปักษ์เตือนโดยยังจับจ้องอยู่บนหน้าจอ

“จะเสียได้ยังไงในเมื่อมีฝ้าขาวบังตาอย่างนี้” สัตยาตอบก่อนจะถอยออกมาเพราะถึงจะเข้าไปจ้องจนใกล้ เบื้องหน้าเขาก็ยังขาวโพลน มีแสงลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ชายหนุ่มรู้สึกคันผิวหนังตั้งแต่เช้าจึงเกาอยู่ตลอดเวลา อาการครั่นเนื้อครั่นตัวมีมากขึ้นจนทำให้วันนี้สัตยาอารมณ์ไม่ค่อยดี ด้วยเหตุนั้นรักตปักษ์จึงพยายามพูดให้น้อยที่สุดเพราะไม่อยากชวนทะเลาะ

พอสายๆ สัตยาก็เริ่มมีอาการแปลกๆคือไถตัวไปมากับเตียงและเกาตัวเองไม่หยุด รักตปักษ์เห็นดังนั้นจึงวางมือจากงานที่ทำ และเข้ามาอุ้มอีกฝ่ายเดินไปห้องน้ำโดยระวังไม่ให้ใครเห็น

น้ำอุ่นถูกเปิดให้ไหลลงอ่าง ขณะที่สัตยานั่งบนเก้าอี้เล็กที่พื้น รักตปักษ์จัดการถอดเสื้อผ้าอีกฝ่ายออกขณะที่เจ้าตัวกำลังแกะเกาผิวตนเองจนหนังเปิดทว่าไม่มีเลือดไหลออกมา

ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นถูกนำมาเช็ดอย่างเบามือบนผิวของสัตยาทีละส่วน เริ่มจากแขนเรียวเล็กที่รักตปักษ์ไม่กล้าจะจับลงไปเต็มแรง เมื่อผ้าขนหนูลูบผ่าน ผิวหนังของสัตยาก็หลุดลอกออกมาจนเห็นเนื้อด้านใน รักตปักษ์บรรจงเช็ดถูอยู่เช่นนั้นไม่ปริปากบ่นแม้สัตยาจะประท้วงว่าทำเองได้

หลังเสร็จจากแขน รักตปักษ์ก็ไล่ไปที่ใบหน้า ค่อยๆลูบไล้จนผิวบางหลุดออกทีละชิ้นโดยไม่ทำให้เกิดรอยถูแดงบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย

กว่าที่ผิวจะหลุดออกหมดก็ใช้เวลาไปร่วมชั่วโมง รักตปักษ์อุ้มสัตยาไปวางในอ่างน้ำอุ่น แล้วนำอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยเศษผิวหนังนั้นไปเททิ้งบนพื้นดินชุ่มชื้นในสวน เสร็จแล้วจึงย้อนกลับมาเขาก็แทบจะสะดุดลมหายใจตัวเองเมื่อเห็นสัตยากำลังขึ้นมาจากอ่าง

ผิวพรรณที่นวลเนียนอยู่แล้วกลับดูเปล่งปลั่งขึ้นจนผิดหูผิดตา ส่งให้ใบหน้าหวานและเรือนร่างนั้นน่ามองยิ่งขึ้นจนยากจะละสายตา

สัตยาเมื่อรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง ก็รีบคว้าชุดคลุมอาบน้ำมาห่อพันร่างไว้ เสียงน้ำไหลลงท่อระบายเป็นเสียงเดียวที่ดำรงอยู่ ณ เวลานั้น

ทั้งสองเดินกลับห้องด้วยกัน สัตยาปล่อยให้รักตปักษ์ทำงานเงียบๆในระหว่างที่ตนเองเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้ดวงตาของสัตยามองเห็นเป็นปกติแล้ว เขาจึงเห็นว่าผู้ดูแลจำเป็นกำลังนั่งคร่ำเครียดอยู่กับการจัดรูปและตกแต่งรูป

“นั่นอะไรน่ะ?” ชายหนุ่มร่างเล็กเดินมายืนอยู่ข้างๆแล้วถาม

“จัดอาร์ตเวิร์ค อีกอาทิตย์หนึ่งข้าต้องส่งต้นฉบับไปโรงพิมพ์แล้ว มานั่งจัดทีเดียวคงไม่ทันข้าจึงทำไปเรื่อยๆ” รักตปักษ์ว่าแล้วเงยหน้าขึ้นมาจากคอมโน๊ตบุ๊ค “คุณเชิดชัยโทรมาบอกว่า ได้ช่วยจัดการเรื่องแทนเจ้าหมดแล้วระหว่างที่เจ้าป่วย”

“งั้นหรือ.....”สัตยาตอบรับพร้อมหันไปมองนาฬิกา “ไปตอนนี้คงทัน”

“เจ้าต้องพักต่อ” รักตปักษ์ห้ามไว้ “หากเจ้าออกไปตอนนี้ ข้าเกรงว่าจะร้ายมากกว่าดี”

“หมายความว่ายังไง?” เมื่อถูกถาม รักตปักษ์ก็ได้แต่พ่นลมหายใจออกมาทางจมูกอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร

เมื่อแรกลอกคราบ เป็นธรรมดาที่นาคและงูและมีสีสันของเกล็ดสดสวยขึ้นกว่าปกติ ทว่าเมื่อเป็นมนุษย์ การลอกคราบก็ถือการลอกชั้นของหนังกำพร้า ทำให้ตอนนี้ผิวของสัตยาเป็นสีชมพูแดงผุดผ่องเปล่งปลั่งเหมือนผิวเด็ก นาคเมื่อจำแลงเป็นมนุษย์มักจะมีเสน่ห์ดึงดูดอันน่าประหลาด หากเป็นสัตยาในตอนนี้ รักตปักษ์จะไม่สงสัยเลยหากว่าจะมีใครเข้ามาอ้อล้อโอ้โลม ซึ่งคนที่รักตปักษ์ห่วงหาใช่ตัวสัตยา ทว่าเป็นคนที่เผลอตกบ่วงเสน่ห์นาคเสียมากกว่า คมเกล็ดของนาคโตเต็มวัยนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย โดยเฉพาะเมื่อเพิ่งลอกคราบไปใหม่ๆยิ่งคมกริบกว่ามีดเสียอีก

“คุณพงษ์ศักดิ์อยากให้เจ้าพัก” รักตปักษ์อ้างถึงคนที่สัตยาต้องยอมฟังอย่างแน่นอน และก็เป็นไปตามคาด เพราะสัตยาไม่เถียงต่อแม้สักคำ กลับยอมพักแต่โดยดี ด้วยเหตุนั้น รักตปักษ์จึงได้นั่งทำงานอย่างสงบต่อไปในห้องนั้นจนกระทั่งตกเย็นจึงลากลับไปเพราะนัดคนเอาไว้

“คุณรักต์เป็นคนดีนะ เจ้ายา” พงษ์ศักดิ์เอ่ยเมื่อสัตยาสามารถลงมาร่วมโต๊ะอาหารค่ำที่รักตปักษ์ไม่อาจร่วมได้ในเย็นวันนั้น

สัตยาขึงหน้าตึงทันทีที่ได้ยิน เพราะในความทรงจำในอดีตของเขานั้น สัตยาไม่อาจนึกถึงความดีของรักตปักษ์ที่เป็นครุฑอยู่ได้เลย กลับนึกได้แต่ความชั่วร้ายและน่าหวาดกลัว สัตยาจึงนึกสงสัยว่า ทำไมรักตปักษ์จึงต้องมาเป็นมนุษย์ ตามหาเขา และทำดีกับเขาถึงขนาดนั้น หลังจากทำลายครอบครัวของเขาจนย่อยยับ.....


------------------------->


หลังจากนั้นสัตยาก็ไม่ได้พบรักตปักษ์เลยจนกระทั่งถึงกำหนดวางแผงนิตยสาร Business Idol ฉบับที่สอง ซึ่งในตอนนั้นทางเครือบริษัทก็จัดการเรื่องงานประกวดเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว สัตยาจึงเริ่มว่างมากขึ้นและมีเวลาที่จะดูแลตัวเองมากขึ้น ร่างกายของเขาจึงปกติดีเหมือนเดิม

รักตปักษ์ปรากฏตัวอีกครั้งที่บริษัทในฐานะนักข่าวเช่นเดิม แต่ครั้งนี้เขามาพร้อมกับเป้ที่อัดจดหมายมาเต็มเอียด

“จดหมายจากแฟนๆที่อยากรู้จักคุณแน่ะครับ คุณยา” รักตปักษ์ว่าพลางหยิบจดหมายออกมาเป็นฟ่อน โดยแยกมัดตามลำดับก่อนหลัง ถึงอย่างนั้นมันก็ดูมากจนสัตยานึกเหนื่อยใจก่อนจะได้ลงมืออ่านเสียอีก “ผมจะทิ้งจดหมายไว้ที่นี่ พอใกล้สิ้นเดือนผมจะมารับก็แล้วกันนะครับ”

“คุณจะทิ้งไว้ที่นี่?” สัตยามุ่นคิ้ว จดหมายมากมายขนาดนี้เขาจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน?

“ผมเดาว่าคุณคงไม่อยากเห็นหน้าผมบ่อยนัก ไม่อย่างนั้นผมคงทยอยเอามาให้แล้วรอคุณตอบแต่ละครั้งถึงเอากลับไป” เพราะคุยอยู่ต่อหน้าเชิดชัย ทั้งสองจึงไม่แสดงอาการใดๆที่ใจอยากแสดง รักตปักษ์ก็ปั้นยิ้มสุภาพตามปกติ ส่วนสัตยาก็ตีหน้านิ่งสุขุมไม่ต่อต้านเกินจำเป็น

“แบบนั้นคงลำบากคุณแย่ คุณรักต์” สัตยาหรี่ตาลงก่อนจะตัดสินใจ “ทิ้งไว้ที่นี่ก็ได้ถ้าคุณต้องการ ผมจะเก็บไว้ในตู้ห้องทำงานผม อีกสองอาทิตย์คุณค่อยมาเอา แต่คุณอาจจะได้ไปไม่หมดเพราะผมยุ่งเกินกว่าจะมานั่งตอบจดหมายอย่างเดียวได้”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณยา เพราะจดหมายนี่ไม่ใช่ของคุณทั้งหมดหรอก เพียงแต่มากกว่าคนอื่นเยอะเท่านั้นเอง” รักตปักษ์หัวเราะเมื่อเห็นสัตยาทำหน้าเบ้ “ผมคิดว่าจะเอาลงเดือนละห้าถึงสิบฉบับโดยคละคนไป ดังนั้นคุณไม่ต้องตอบทั้งหมดก็ได้ ตอบแค่จดหมายที่อยากจะตอบก็พอ ซึ่งผมคิดว่ามีไม่น่าถึงสิบฉบับหรอก ส่วนมากก็มักจะเป็นอย่างนั้นเท่าที่ผมลองดูจากจดหมายที่เข้ามาในกองของพ่อน่ะนะครับ”

“แล้วคุณไม่พกกล้องกับเครื่องบันทึกเสียงแล้วหรือครับ?” สัตยาเลิกคิ้วพลางถามเมื่อเห็นว่าในเป้ใบเก่งของอีกฝ่ายมีแต่จดหมายกับจดหมาย

“พอดีผมเพิ่งตัดสินใจรับคนเข้าทำงานสองสามคนเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้งานก็เลยยุ่งน้อยลงนิดหน่อยน่ะครับ” ชายหนุ่มร่างสูงว่าพลางปิดกระเป๋าเมื่อนำจดหมายออกมากองหมดแล้ว

สัตยาได้สั่งให้พนักงานมาขนจดหมายไปที่ห้องทำงานหลังจากรักตปักษ์ลากลับไป แล้วจึงเดินกลับห้องพร้อมกับเชิดชัยผู้เป็นเลขา

“พวกคุณสองคนสนิทกันเร็วดีนะครับ” เชิดชัยพูดพลางยิ้มกว้าง

“อย่าพูดแบบนั้นต่อหน้าผมเลยจะดีกว่า คุณเชิดชัย ถ้าคุณรู้ว่าความจริงเขาเป็นคนยังไงคุณจะพูดไม่ออก” ดวงตากลมดำของสัตยาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที

“เขาก็เป็นคนดีนะครับ คุณสัตยา หรือว่าความจริงแล้วเขาจะเป็นเสือผู้หญิง? นิสัยแบบนั้นปกติของผู้ชายออกจะตายไป คุณสัตยาถือหรือครับ?” เชิดชัยถามด้วยความซื่อ เนื่องจากเขาจับต้นชนปลายของสองคนนี้ไม่ออกเอาเสียเลย วันแรกก็ไม่ถูกกัน ต่อมารู้ตัวอีกทีก็สนิทกันจนเรียกเป็นชื่อย่อ แต่แล้วสัตยากลับทำราวกับว่ารังเกียจรักตปักษ์เสียเต็มประดา มันยังไงกันแน่หนอ?

“คุณอย่ารู้เลย” ชายหนุ่มตัดบทเหมือนไม่อยากจะพูดถึงไปมากกว่านี้ แต่แล้วโทรศัพท์มือถือของเขากลับดังขึ้นมาเป็นจังหวะเพลง สัตยากดรับโดยไม่ทันได้มองเบอร์ว่าเป็นใคร

“ขอโทษที่โทรมารบกวนอีกครั้งนะครับคุณยา” เสียงรักตปักษ์ดังมาตามสายเคล้ากับเสียงรถยนต์ดังกระหึ่มแสดงว่ากำลังอยู่กลางถนน ด้วยเหตุนั้น สัตยาจึงได้ยินเสียงไม่ชันเจนนักแต่พอจับใจความได้เพราะรักตปักษ์ตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่ถูกเร่งเต็มสูบทั้งหลาย “ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีจดหมายที่ส่งมาทางอีเมลล์ด้วย ผมขอเมลล์คุณยาหน่อยได้ไหมครับ ผมจะได้โอนจดหมายไปให้”

“เดี๋ยวผมส่งไปทางเมสเซจก็แล้วกัน”

“อะไรนะครับ?” เสียงรักตปักษ์ดังขึ้นเพราะเสียงรถบนถนนกลบเสียงของสัตยาเสียหมด

“ผมบอกว่า เดี๋ยวผมส่งไปให้ทางเมสเซจ” สัตยาย้ำอีกครั้ง

“ผมไม่ได้ยินเลย คุณยาช่วยพูดดังๆหน่อยได้ไหมครับ?” คำขอของรักตปักษ์ทำให้สัตยาเม้มปากนิ่ง เพราะในโถงทางเดินของบริษัทนั้นเงียบสนิท เสียงรองเท้าหนังระทบพื้นยังได้ยินชัดเจน ไม่เหมือนบนถนนที่รักตปักษ์อยู่ ณ ขณะนี้ หากตะโกนคงได้ยินไปถึงสุดทางเดิน

สัตยาเกลียดการเป็นเป้าสายตา และแน่นอนว่าเขาไม่ยอมทำ

สิ่งที่สัตยาทำ คือการกดตัดสายไปโดยไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะกดพิมพ์เมสเซจอย่างว่องไวแล้วส่งไปให้อีกฝ่ายแทนการพูดคุยที่ไม่รู้เรื่อง

ทางฝั่งรักตปักษ์นั้น เพราะโทรกลางถนนจึงเตรียมใจอยู่แล้วว่าคงจะคุยไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็ยังจงใจที่จะโทรไปในตอนนั้นด้วยเหตุผลบางประการ ตอนที่ถูกกดตัดสาย รักตปักษ์ไม่แปลกใจมากนัก ซ้ำยังยิ้มบางๆในความขี้อายของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะยิ้มกว้างขึ้นเมื่อสัตยาส่งอีเมลล์มาให้ทางเมสเซจ เพราะนั่นคือเรื่องเหนือความคาดหมาย เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ใยดีคำขอเสียด้วยซ้ำไป

“อายุมากกว่าอะไรกัน ถูกพี่น้องโอ๋มากไปแน่ๆ” รักตปักษ์เปรย ด้วยนาคอื่นๆที่เขารู้จักนั้นมักเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจ ไม่ค่อยสนใจสายตาคนอื่นมากนัก ผิดกับสัตยาที่เอาแต่หลบหลังคนอื่นและไม่ค่อยชอบเป็นจุดเด่น ส่วนตัวเขาที่แทบจะเรียกได้ว่าลูกโทนเพราะพี่ชายมารดาเดียวกันเกิดก่อนนานมากและไปเป็นพาหนะของพระอาทิตย์ก่อนจะได้เจอหน้ากันทำให้เขาชินกับการทำอะไรด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่แคร์ว่าใครจะมองยังไง แค่ทำในสิ่งที่คิดว่าดีก็พอแล้ว หากมองจริงๆ รักตปักษ์จึงมีนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่กว่าสัตยาอยู่หลายส่วนทีเดียว แม้แต่ในภพมนุษย์....สัตยาก็แก้นิสัยเดิมไม่ได้ทั้งที่เกิดเป็นลูกคนเดียวแท้ๆ ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะอิทธิพลจากตอนเป็นนาคมีผลมาก เนื่องจากสัตยาไม่ได้ตายแล้วมาเกิด แต่เกิดทั้งที่ยังไม่เคยตาย

รักตปักษ์ส่ายศีรษะน้อยๆ ก่อนจะกลับขึ้นรถมอเตอร์ไซด์เพื่อนำจดหมายไปให้กับ Idol ในนิตยสารรายอื่นๆ โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่า มีสายตาบางคู่กำลังแอบมองมาจากซอกตึกใกล้ๆนั้น


----------------------------->
TBC
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 03-02-2011 11:30:58
คุณรักแค่เห็นผิววิ้งๆเข้าหน่อยถึงกับตะลึงเชียวหรือ อิอิ

ว่าแต่ใครโผล่มาอีกอ่ะ อยากรู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 03-02-2011 12:01:09
ใครจะโผล่มาอีกนิ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 03-02-2011 12:01:40
ี่พี่ครุฑเริ่มจะรุกนาคน้อยแล้เหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 03-02-2011 12:04:34
ใครแอบมอง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-02-2011 12:45:07
มีตัวละครเพิ่มมาอีกแล้ว


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-02-2011 14:27:48
มาเห็นแบบนั้นใครก็ต้องจ้องล่ะนะ

แต่ชอบตอนนี้จัง คุณยาน่าร้ากเชียว
เป็นเด็กดีมากเลยเนอะ ขยันทำงาน รักคุณตา (และบวกอีก100แต้ม ให้ความหยิ่ง)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-02-2011 14:54:38
ใครอีกละ :really2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 03-02-2011 18:57:31
ใครกันล่ะเนี่ย   มือที่สามใช่ก่
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 03-02-2011 19:21:26
 o22 ใครหว่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 03-02-2011 19:36:47
หนุกๆๆ รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 03-02-2011 20:28:19
มีตัวละครลับโผล่มาแล้ว ^^
บวกให้ค่า อยากอ่านต่ออีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-02-2011 21:29:16
เข้ามามอบดอกใม้เป็นกำลังใจให้พร้อม+1 :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 03-02-2011 21:37:46
สนุกมากครับ เหมือนดูหนังวันเสาร์-อาทิตย์
เป็นหนังจักรๆวงศ์ๆ แต่นี่เป็นเวอร์ชั่น ชายรักชาย :laugh: o13
เอาไป+1นะครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 04-02-2011 00:33:14
ดีใจจังมีเรื่องน่าอ่าน ภาษาสวยๆ มาเติมความสุขให้อีกแล้ว

ปล.แอบสงสัย ครั้งนี้เป็นการลอกคราบครั้งแรกหรือคะ

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 04-02-2011 00:52:19
แอบอ่านมานานไม่ได้ขอบคุณเลยย ขอบคุณมาก

ขยันจังเลยลงวันละตอนเลยยย

แต่อยากขอเป็นวันละสองตอนได้ไหม  :laugh:

ขอบคุณมาก นิยายสนุกๆๆจริงๆๆ ลงวัีนละกี่ตอนก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 04-02-2011 00:53:42
ชอบตอนลอกคราบมาก  :-[ :-[ :-[
รักษ์ดูแลดีจริง ๆ  :กอด1: :กอด1:  รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 04-02-2011 01:31:16
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 04-02-2011 02:58:08
สนุกอะ ขอเข้ามาตามอ่านด้วยคนนะคะ^^
แต่เรื่องนี้ทำให้นึกถึงละครเรื่อง "กาษานาคา" จริงๆเลยน้า ที่คุณนุ่น วรนุชเล่นเป็นนาคสาวเนี่ย แถมนิสัยยังเจ้าคิดเจ้าแค้น ดื้อรั้น หยิ่งผยอง คล้ายคุณยาของเราเลย แต่ครุฑในเรื่องนั้น(รับบทโดยแตงโม ภัทรธิดา)ก็แรงพอกัน ไม่เหมือนคุณครุฑเรื่องนี้ที่น่าร๊ากน่าหลงซะจนเราแอบเคลิ้ม>///<
ว่าแล้วก็ขอยื่นใบสมัครเป็นแฟนคลับพี่ครุฑสุดเท่ห์ ณ บัดนาว ~!!! หุหุ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ รอลุ้นอยู่ว่าไอ้สายตาบางคู่จากซอกตึกนั้นมันครายยยยยยย??????????
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 04-02-2011 03:07:12
อยากอ่านแนวนี้มานานแล้วววววววววววววววววววววววววว ขอบคุณไรเตอร์มากๆ นะคะที่ทำให้ฝันเป็นจริง หุหุ  o13 o13 o13

เนื้อเรื่องสนุกมากเลยค่ะ วิธีเล่าเรื่องที่อิงวรรณคดีก็สนุกน่าติดตาม แถมทั้งนาคทั้งครุฑเวอร์ชั่นนี้ ยังน่ารักน่าหยิกสุดๆ ทั้งคู่เลย จะติดตามตอนต่อไปนะคะ   :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 04-02-2011 07:42:31
อ่านลื่นค่อด
ชอบลุงที่ให้ขนนก ดูแล้วไม่ใช่อธิฐานแค่ในใจ ท่าทางเค้าจะรู้ จะลุ้นกันทั่ว
จะครุฑยุดนาค รึนาครัดครุฑน้อ---ตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 04-02-2011 12:21:06
สัตยาไม่ได้ตอบจดหมายในที่ทำงานดังว่า แต่กลับเปิดอ่านผ่านๆเพื่อนำฉบับที่จะตอบกลับมาจัดการที่บ้าน ตอนอยู่ในที่ทำงาน บางครั้งจะมีลูกค้าและคู่ค้าโทรติดต่อ หรือไม่ก็มีประชุมด่วนทำให้เขาไม่ค่อยมีสมาธิมากนัก เป็นการดีกว่าหากจะนำมาตอบเมื่ออยู่เพียงลำพังในที่เงียบๆ เพื่อจะได้ไม่เผลอใช้ถ้อยคำที่อาจจะทำให้ถูกมองในแง่ลบ อีกทั้งยังสามารถทบทวนได้ว่าใช้คำพูดที่อาจตีความผิดความหมายไปหรือไม่

ความรอบคอบและรู้จักเรียนรู้ของสัตยาทำให้พงษ์ศักดิ์คลายกังวลลงไปได้มาก เขาเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆและเข้าไปให้คำแนะนำน้อยลง แม้แต่กิ่งแก้วเองก็ชื่นชมว่าสัตยานั้นเติบโตขึ้นทุกวัน อีกหน่อยคุณท่านคงจะหมดกังวลและได้วางมืออย่างเต็มตัวเสียที

ตอนนี้โปรเจคของสัตยาเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง มีคนส่งใบสมัครเพื่อรับสิทธิ ส่งผลงานเข้าประกวดมากมายจนใบสมัครไม่พอต้องเปิดให้โหลดทางอินเทอร์เน็ต ส่วนทางดีไซเนอร์ของบริษัทก็เริ่มจับทางได้ ผลงานบางส่วนจึงออกมาเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเป็นเช่นนั้น ความเครียดของสัตยาก็ลดลง เขาจึงเพิ่งนึกได้ถึงสัญญาที่จะไปเยี่ยมพ่อกับแม่หลังพ้นช่วงวุ่นวาย

สัตยากดโทรศัพท์โทรไปที่บ้านพ่อและแม่หลังจากตอบจดหมายเสร็จในช่วงหัวค่ำ

“สวัสดีค่ะ” เสียงหญิงวัยใกล้เลขสี่ตอบกลับมาจากปลายสาย

“สวัสดีครับคุณแม่ ผมสัตยานะครับ” สัตยากล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคารพและรักใคร่

“ลูกยา ไม่ได้โทรมาเสียนานเลยนะ แม่คิดว่าลูกจะลืมแม่ไปแล้วเสียอีก” จันทร์วนาแกล้งตัดพ้อบุตรชาย

“ผมจะลืมได้ยังไงกับครับ แล้วนี่คุณพ่ออยู่ไหมครับ?” เมื่อรู้ว่าถูกหยอก สัตยาจึงทำเสียงหวานออดอ้อนก่อนจะถามถึงชายอีกคนหนึ่ง

“ตอนนี้งานของพ่อเขากำลังไปได้ดี เลยยุ่ง กลับมาก็เหนื่อย ตอนนี้ก็หลับไปแล้วล่ะจ้ะ แต่ถ้าลูกจะคุยกับพ่อ เดี๋ยวแม่ไปปลุกให้ดีไหม?”

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ให้คุณพ่อพักไปเถอะ” ชายหนุ่มรีบบอกปัด เพราะไม่อยากจะรบกวนให้ต้องฝืนมาคุยกับเขาทั้งที่เหนื่อยล้าจากงาน “ผมแค่จะโทรมาบอกว่า เสาร์หรืออาทิตย์นี้ผมจะไปเยี่ยมนะครับ แต่ก็อาจจะไปคนเดียวเหมือนเดิม” เขาว่าพลางหัวเราะ เพราะตั้งแต่เรียนจบมา โดนพ่อแม่ทักเสียทุกครั้งที่เจอหน้าว่าเมื่อไหร่จะพาสะใภ้มาแนะนำบ้าง

“โถ ดูลูกคนนี้ ดักทางแม่ซะได้” จันทร์วนากล่าวเสียงงอนเล็กๆ “แล้วลูกไม่พาเพื่อนมาด้วยหรือจ้ะ?”

“เพื่อน? เพื่อนคนไหนกันครับ?” สัตยามุ่นคิ้ว เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยมีเพื่อนที่พามาแนะนำให้ครอบครัวรู้จักเลยสักคน

“ก็คนที่คุณตาถูกใจไงจ้ะ ตอนแม่โทรไปเห็นพูดถึงอยู่ บอกว่าอยากให้แม่ลองเจอสักครั้ง แถมยังแกล้งทำพ่องอนแทบแย่ เล่นบอกว่าถ้าเพื่อนลูกคนนี้เกิดเร็วกว่านี้หน่อยแม่คงจะหลงรักเขาแทนพ่อแน่ๆ” จันทร์วนาพูดไปก็หัวเราะไป “จริงสิ ชื่อเขาแปลกๆ จำก็ยากนะ รักๆอะไรสักอย่างนี่แหละจ้ะ”

“รักตปักษ์....”

“ใช่จ้ะใช่! คนนั้นแหละ เอ้อ เห็นคุณตาเขาเรียกคุณรักต์ ท่าทางแกจะถูกอกถูกใจมากพอดู แม่ยังไม่เคยเห็นคุณตาเรียกใครอย่างสนิทสนมขนาดนี้เลย” เธอว่า “ยังไงถ้าคุณรักต์แกว่าง ลูกก็พามาให้พ่อแม่รู้จักบ้างสิจ้ะ ฟังคุณตาเล่าแม่อยากจะเจอบ้างเหมือนกัน”

“ครับ....ผมจะลองชวนดู....” สัตยาไม่รู้จะขัดใจแม่อย่างไร จึงได้แต่รับคำไปทั้งที่ไม่เต็มใจ “คุณแม่ก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ”

“จ้า ลูกด้วยนะจ้ะ”

ทั้งสองร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อย สัตยาจึงวางสายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

นับแต่เขาได้เจอกับรักตปักษ์ในฐานะมนุษย์ ทำไมเรื่องรอบตัวเขามันถึงได้เต็มไปด้วยคนๆนี้ก็ไม่อาจรู้ได้ ราวกับพระพรหมจงใจชักนำพวกเขาทั้งสองให้ได้พบ สนิทชิดเชื้อ และผู้สมัครรักใคร่กันเป็นพี่น้อง แต่ว่ามันไม่อาจเป็นไปได้ ด้วยใจของสัตยายังกรุ่นแค้นในสิ่งที่รักตปักษ์เคยทำลงไป แม้จะใกล้ชิดแค่ไหน ทำดีด้วยเพียงใด ก็ไม่อาจถมโพรงลึกอันดำมืดในใจของสัตยาให้เต็มได้

“เจ้ายา แม่หลานว่ายังไงบ้าง?” ระหว่างที่สัตยากำลังคิดไม่ตกนั้น พงษ์ศักดิ์ก็เดินเข้ามาถามโดยไม่ให้สัญญาณก่อน สัตยาจึงสะดุ้งเฮือกหลุดจากภวังค์

“แม่บอกว่า....อยากพบคุณรักต์ครับ” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“ก็ดีแล้วนี่ โทรไปชวนเสียสิ” พงษ์ศักดิ์กระตุ้นด้วยเสียงเรียบดุเป็นเอกลักษณ์

“ผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะดีกว่ามั้งครับ นี่ก็สองทุ่มแล้ว” สัตยาหันมองนาฬิกาที่เพิ่งตีบอกเวลาสองทุ่มไปไม่นาน

“ปกติคุณรักต์แกนอนสี่ทุ่ม”

“คุณตารู้ได้ยังไงกันครับ?” ชายหนุ่มมุ่นคิ้วมองหน้าชายชราด้วยความสนเท่ห์ใจ

“ก็ตอนที่หลานมุงานลืมบ้านลืมช่อง ตาก็โทรไปถามคุณรักต์ว่าแกเจอหลานบ้างหรือเปล่า ตอนนั้นตาโทรไปสองทุ่มกลัวจะรบกวน แกก็บอกตาว่าปกติแกนอนสี่ทุ่มเป็นประจำเพราะต้องดูงานที่ได้มาในแต่ละวันว่าได้ครบตามต้องการไหม” คำตอบของพงษ์ศักดิ์ทำให้สัตยาเถียงไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อโทรศัพท์มือถือถูกส่งมาแบบบังคับกลายๆ

สัตยาไม่เข้าใจในตัวพงษ์ศักดิ์เลยว่า ทำไมถึงต้องการให้เขาสนิทชิดเชื้อกับรักตปักษ์มากขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ กลับรับโทรศัพท์มือถือมาแล้วกดโทรออกตามที่อีกฝ่ายต้องการ

เสียงโทรศัพท์ดังเพียงสองช่วง ก็มีเสียงกดรับดังขึ้น

“สวัสดีครับ คุณยา” เสียงของฝ่ายนั้นดูอิดโรยต่างจากปกติ

“สวัสดีครับ คุณดูเหนื่อยๆ” สัตยาไม่อาจอดใจถามได้ในฐานะคนรู้จักกัน

“อ้อ ผมแค่เพลียนิดหน่อยเพราะต้องวิ่งรอกสองที่คนละฝั่งเมืองมาน่ะครับ ลูกมือผมลาหยุดเพราะไม่สบายไปคนหนึ่งพอดี” รักตปักษ์ตอบก่อนจะถามต่อ “แล้วคุณยาโทรมาหาผม มีธุระอะไรหรือครับ? หรือว่าตอบจดหมายเสร็จแล้วจะให้ผมไปรับของ?”

“ครับ ผมตอบเสร็จแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะไปรับประมาณบ่ายๆนะครับ”

หลังจากรักตปักษ์ตอบ สัตยาก็นิ่งเงียบไปอย่างชั่งใจ มองไปทางพงษ์ศักดิ์ ฝ่ายนั้นก็ยังจับจ้องคาดคั้นไม่ยอมไปไหน

“.....วันเสาร์......คุณรักต์ว่างหรือเปล่าครับ?” เสียงของสัตยาเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

“วันเสาร์....อืม....ความจริงผมมีนัดแต่ผมส่งลูกมือไปแทนได้”

“ไม่! เอ่อ....ถ้าคุณรักต์ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากรบกวน” สัตยารีบตอบรัวเร็วก่อนจะเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝั่งของสายโทรศัพท์

“ผมถึงว่า ทำไมคุณยาใจดีโทรมาหา ที่แท้เพราะถูกบังคับมานี่เอง” รักตปักษ์พูดไปก็หัวเราะไป

“ไม่ตลกนะ” ชายหนุ่มผู้อยู่ต้นสายตอบลอดไรฟัน

“เอาเป็นว่าผมจะทำตัวให้ว่างในวันเสาร์ แล้วผมจะไปหาที่บ้านตอนเช้าก็แล้วกันนะครับ แล้วเจอกันคุณยา” ผู้อยู่ปลายสายกล่าวก่อนจะกดวางสายไปโดยทิ้งเสียงหัวเราะไว้ให้แสลงใจคนฟังเป็นคำรบสุดท้าย สัตยาละโทรศัพท์ออกจากหูด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

“ว่ายังไง?”พงษ์ศักดิ์ที่ยืนรอคำตอบอยู่เอ่ยถาม

“คุณรักต์บอกว่าจะมาหาตอนเช้าวันเสาร์ครับ” สัตยาตอบอย่างไม่เต็มใจนัก แต่พงษ์ศักดิ์ก็พยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินผินหลังกลับขึ้นบันไดไป

ชายหนุ่มที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในห้องโถงใหญ่นั่งลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิดใจ ทำไมคำอธิษฐานของเขามันถึงได้เป็นจริงเพียงครึ่งๆกลางๆอย่างนี้นะ เขาขอให้ได้เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจเพื่อจะได้แก้แค้นครุฑ ทว่าตอนนี้ นอกจากครุฑจะเป็นที่โปรดปรานของพงษ์ศักดิ์ยิ่งกว่าเขาแล้ว เขากลับทำอะไรครุฑไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ในสมัยนี้ การฆ่า ทำร้าย หรือทำลาย ล้วนเป็นเรื่องผิดกฏหมาย หากถูกจับได้ก็ไม่พ้นเข้าคุก แม้เขาอาจจะมีเงินประกันตัวแต่ก็เสียชื่อเสียงซ้ำยังกระทบถึงภาพรวมของเครือบริษัท ซึ่งพงษ์ศักดิ์จะผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก ผลพวงจากสิ่งที่ทำล้วนแต่จะเข้าตัวเองทั้งนั้น ในขณะที่เมื่อครั้งนั้น ครุฑกลับสังหารนาคอย่างเลือดเย็นแต่ได้มีชีวิตอมตะ อยู่ในวิมานแดนสวรรค์ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!


------------------------------>


เช้าวันเสาร์ ขณะที่บ้านของสัตยากำลังเตรียมของตักบาตร รักตปักษ์ก็มาถึงพอดี เขาเข้าไปช่วยกิ่งแก้วกับสาวๆในครัวเตรียมของออกมา เรียกคะแนนนิยมในบ้านชลวรินทร์ได้อักโข

หลังตักบาตรเสร็จ สัตยาก็เข้าไปเตรียมตัวบนห้องนอน ทิ้งให้รักตปักษ์รออยู่ข้างล่างกับพงษ์ศักดิ์ซึ่งแม้จะอายุมากแล้วก็ยังตื่นเช้ามาตักบาตร ออกกำลังกายเหมือนสมัยหนุ่มๆ

“รบกวนคุณรักต์แย่เลยนะ เรียกมาตอนงานกำลังชุกมือแบบนี้” พงษ์ศักดิ์ว่า

“ไม่เป็นไรครับ ลูกมือผมก็หายป่วยแล้วงานเลยไม่มากเท่าไหร่ อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันหยุด เลยนัดสัมภาษณ์ไม่ค่อยเจอตัวหรอกครับ รายที่นัดไว้ ผมก็ให้เด็กในสำนักงานไปแทน เขาดูคล่องแคล่วว่องไวเอาการเอางาน ถึงผมไม่คุมก็วางใจได้” รักตปักษ์ตอบให้ชายชราคลายใจ “แต่คุณพงษ์ศักดิ์เถอะครับ ไม่ไปด้วยกันหรือ?”

“ฉันน่ะ ตอนนั้นร้ายกับพวกเขาไว้เยอะ นายยศเจอฉันทีไรก็แข็งเป็นรูปปั้น ให้เจ้ายาไปคนเดียวฉันก็อดห่วงไม่ได้ มีคุณรักต์อยู่ด้วยฉันก็เบาใจ” พงษ์ศักดิ์กล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงในตัวหลานชายคนเดียวเป็นที่ยิ่ง

“ผมจะดูแลคุณยาอย่างดีครับ” ชายหนุ่มให้คำสัญญาหนักแน่น

“ดีแล้ว ฝากคุณรักต์ด้วยนะ นั่นแน่ะ เจ้ายาลงมาแล้ว” ทั้งสองมองไปยังบันได สัตยาที่กำลังเดินลงมาจึงชะงักกลางทางพลางนึกคาดเดาในใจว่าตนเองเป็นหัวข้อสนทนาในแง่ไหน ก่อนจะเดินลงมาถึงข้างล่างโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจบทสนทนาก่อนหน้านี้

“ผมไปก่อนนะครับคุณตา” สัตยายกมือไหว้พลางกล่าวลา

“เดี๋ยวตอนเย็นผมจะพาคุณยากลับมาส่งเองครับ” รักตปักษ์กล่าวรับรองก่อนจะยกมือไหว้

“ดี เดินทางปลอดภัยทั้งคู่นะ” หลังผู้อาวุโสรับคำแล้ว ทั้งสองจึงเดินออกไป โดยสัตยาเดินนำไปที่จอดรถของบ้านเพื่อเอารถตนเองออกมา เขาตกลงกับรักตปักษ์ว่าจะไม่ขี่มอเตอร์ไซด์ไปถึงบ้านพ่อแม่ เพราะอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร และสัตยาไม่พิสมัยมอเตอร์ไซด์แม้แต่น้อย

สัตยาขึ้นนั่งฝั่งคนขับ ในขณะที่รักตปักษ์นั่งที่อีกฝั่ง ซึ่งในความจริงแล้วสัตยาคิดจะไล่อีกฝ่ายไปนั่งข้างหลัง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร


----------------------------->


บ้านพ่อแม่ของสัตยาเป็นบ้านหรูขนาดสองชั้น มีพื้นที่เล็กน้อยสำหรับพักผ่อนหย่อนใจไม่ได้ใหญ่โตอลังการเหมือนบ้านชลวรินทร์ ในสวนปลูกผลไม้ไว้จนแน่นขนัด อีกด้านหนึ่งเป็นพุ่มไม้เตี้ยที่มีดอก อีกทั้งยังมีไม้ยืนต้นสูงตระหง่านอีกสองสามต้น ทำให้บ้านหลังนี้ดูร่มรื่นสบายตาน่าอาศัย แต่เดิม ผนังบ้านด้านนอกจะทาด้วยสีขาว แต่ด้วยกาลเวลาทำให้สีลอกร่อนไม่สวยงาม ยศจึงจัดการทาสีใหม่เป็นสีโอรสซึ่งเป็นสีที่จันทร์วนาชอบ ทำให้บ้านดูสดใสไปอีกแบบหนึ่ง

เมื่อสัตยาและรักตปักษ์มาถึงนั้น พวกเขาก็พบว่ามีหญิงคนหนึ่งออกมายืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตู ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสดูใจดีมีเมตตา มีเค้าโครงหน้าบางส่วนที่ทำให้รู้ได้ว่าเธอผูกพันกับพงษ์ศักดิ์ทางสายเลือด

“สวัสดีครับคุณแม่” สัตยาเอ่ยพร้อมยกมือไหว้ รักตปักษ์จึงทำตาม

“สวัสดีจ้ะ ลูกยา แล้วพ่อหนุ่มคนนี้....”

“ผมรักตปักษ์ เป็นเพื่อนของคุณยาครับ” รักตปักษ์ชิงแนะนำตนเองก่อนที่สัตยาจะแนะนำเขาไปเป็นอื่น จันทร์วนาจึงพยักหน้ารับรู้

“ไป เข้าบ้านกันเถอะ แม่เตรียมน้ำเตรียมท่าไว้ให้แล้ว พ่อเขาก็รออยู่ข้างในแน่ะ” จันทร์วนากล่าวเชิญแล้วเดินโอบบุตรชายเข้าบ้านไป ทั้งสองได้เจอกับยศ พ่อของสัตยาในห้องนั่งเล่น โดยยศกำลังจัดเตรียมผลไม้ให้ทั้งสองกินแก้หิวระหว่างรอเวลาอาหารเที่ยง

“สวัสดีครับคุณพ่อ” สัตยาทักแล้วเดินเข้าไปหา

“ว่ายังไง สัตยา โหมงานจนผอมอีกแล้วนะเรา” ยศลูบศีรษะบุตรชาย “แล้วนั่นคุณรักต์ หลานชายคนที่สองของคุณท่านสินะนั่น หน้าตาหล่อเหลาไม่เบาเลยนะ”

“ขอบคุณครับ” รักตปักษ์ตอบพร้อมยิ้มกว้าง

“อย่ามัวแต่ยืนอยู่เลย มานั่งด้วยกันสิ” ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านเอ่ยเชิญ รักตปักษ์จึงนั่งลงร่วมโต๊ะกับทั้งสามคน

“เราทำงานทำการอะไรน่ะ คุณรักต์” จันทร์วนาถามขณะนำน้ำมาเสิร์ฟ

“ผมเป็นบรรณาธิการนิตยสารครับ” รักตปักษ์ตอบตามตรงโดยไม่ได้แถมตำแหน่งอื่น เช่น ตากล้อง คนหาข่าว หรืออาร์ตดีไซน์มาด้วย เพราะตอนนี้เขามีลูกมือช่วยจัดการบ้างแล้ว จึงไม่อาจนับหน้าที่เหล่านั้นเป็นอาชีพได้เต็มปากเต็มคำนัก

“เอ้อ ดีนะ อายุเท่านี้ก็เป็นบรรณาธิการแล้ว” ยศชื่นชมแล้วหันมาทางสัตยา “ลูกล่ะ งานเป็นยังไงบ้าง เห็นคุณตาของลูกบอกว่าป่วยอีกแล้วใช่ไหม?”

“เพราะนอนไม่พอเท่านั้นเองครับ” สัตยาตอบเสียงเบา

“นอนไม่พอก็เรื่องใหญ่นะ ลูกยา ทำงานหักโหมแบบนั้นแม่เป็นห่วงนะ” จันทร์วนาทำเสียงดุ เสียแต่เสียงของเธอนั้นไม่ดุเอาเสียเลย กลับเหมือนแค่เร่งความดังของเสียงขึ้นอีกนิดหนึ่งเท่านั้น ยิ่งหากไปเทียบกับเสียงพงษ์ศักด์แล้ว อาจมีคนสงสัยว่าสองคนนี้เป็นพ่อลูกกันได้อย่างไร

“ผมจะระวังตัวครับ” เสียงของสัตยาอ่อนลงเมื่อถูกว่าเช่นนั้น

“เอาน่า คุณจันทร์ อย่าไปว่าลูกเลย สัตยาก็กำลังตั้งใจทำงานอยู่นะ” จนถึงป่านนี้ ยศก็ยังติดเรียกจันทร์วนาแบบเดิมไม่เปลี่ยน

“พี่ยศเข้าข้างลูกอีกแล้ว” จันทร์วนาทำเสียงงอนก่อนจะนั่งลงข้างสามี

“แล้วนี่จะอยู่กันถึงกี่โมงล่ะ?” ยศหันไปถามชายหนุ่มทั้งสอง

“คงจะอยู่ถึงบ่ายสามครับ เพราะถ้าเย็นกว่านั้นรถจะติดมาก” รักตปักษ์เป็นคนตอบ

“ก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นอาหารที่คุณจันทร์อุตส่าห์ลุกไปตลาดแต่เช้าคงเป็นหมัน” ชายวัยกลางคนหัวเราะร่า

ทั้งสี่คนพูดคุยกันต่ออีกยาว ทั้งเรื่องสารทุกข์สุขดิบไปจนถึงเรื่องที่ทำงานของทั้งสองคน ซึ่งยศและจันทร์วนาก็แสดงท่าทีชื่นชมรักตปักษ์เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นคนหนุ่มไฟแรงแล้ว ยังมีความมุมานะและความกล้าหาญที่จะคิดและทำ อันเป็นคุณลักษณะที่หาได้ยากในเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ ทั้งสองต่างคิดว่าไม่น่าแปลกเลยที่พงษ์ศักดิ์จะถูกใจรักตปักษ์เข้า เพราะแต่เดิม พงษ์ศักดิ์เป็นคนที่ชอบคนกล้า เก่ง และเป็นคนดี ถึงฐานะจะเป็นยังไงก็ไม่รังเกียจ

ในที่สุดก็ถึงเวลากลับ สัตยาจึงร่ำลาพ่อแม่แล้วเดินไปที่รถ แต่แล้วเมื่อเขาขึ้นนั่ง เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

“เลิกมาทำขนร่วงในที่ของคนอื่นเสียทีได้ไหม? ตอนเจ้ามาเฝ้า ในห้องข้าก็มีแต่ขนเจ้าร่วงตั้งหลายเส้น!” สัตยาว่าแล้วหยิบขนนกสีแดงสวยขึ้นมาจากพื้นรถ

“ขนข้าไม่ได้ร่วงบ่อยขนาดนั้นเสียหน่อย แต่พอมันร่วงมันก็ห้ามไม่ได้ เหมือนเช่นตอนเจ้าลอกคราบ เจ้าห้ามคราบตัวเองไม่ให้ลอกได้หรือ?” รักตปักษ์โต้แล้วรับขนนกเส้นนั้นมาเก็บใส่กระเป๋า

“อย่างน้อยข้าก็ลอกในบ้านตัวเอง ไม่ได้ไปทิ้งให้คนอื่นเก็บ” เสียงสัตยาขุ่นคลั่ก จากอารมณ์ดีที่ได้เจอพ่อแม่กลายเป็นอารมณ์เสียในพริบตา

“อา....ล่าสุดข้าจำได้ว่าเจ้าทำงานจนลืมฤดูลอกคราบตัวเอง เกือบจะได้ไปลอกที่โรงพยาบาล” สิ้นคำ ผู้ฟังก็หันขวับถลึงตามองอย่างไม่พอใจทันที กระนั้นก็เป็นสิ่งที่เถียงไม่ได้ สัตยาจึงทำเสียงฟ่อในคอแล้วออกรถแบบกระชากจนรักตปักษ์โดนแรงเฉื่อยดันติดเบาะ

“รัดเข็มขัดซะ” สัตยาเตือนด้วยเสียงไม่เหมือนคนหวังดีสักเท่าไหร่ แต่รักตปักษ์ก็ดึงเข็มขัดนิรภัยคาดตัวตามคำพลางภาวนาในใจขอให้สัตยาขับรถด้วยสติหาใช่โทสะ มิเช่นนั้นพวกเขาคงได้กลับไปทะเลาะกันในร่างสัตว์เร็วกว่าที่คิด

ในที่สุด สัตยาและรักตปักษ์ก็กลับมาถึงบ้านชลวรินทร์โดยปลอดภัยในตอนเย็น และเนื่องจากใกล้ฤดูหนาว ท้องฟ้าจึงมืดเร็วกว่าปกติ รักตปักษ์จึงลากลับโดยไม่รอข้าวเย็น เขาขี่มอเตอร์ไซด์ออกมาถึงหน้าบ้านโดยมีนายพจน์รอเปิดประตูให้ เขาก้มหัวแทนคำขอบคุณครั้งหนึ่งจึงขับออกไป ทว่า เลยจากบ้านชลวรินทร์มาเพียงเล็กน้อย รักตปักษ์ก็ต้องหยุดรถแล้วมองรอบข้างด้วยความระแวดระวัง

หลายวันมาแล้ว เขารู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังตามจับตาดูเขาอยู่ เขาไม่เคยเห็นตัว แต่เขารู้สึกได้ถึงสายไม่ประสงค์ดี วันนี้ยังโดนตามถึงบ้านพ่อแม่ของสัตยาด้วยซ้ำไป

เมื่อรักตปักษ์ทำท่าเหมือนรู้สึกตัว สายตาปริศนานั้นก็กลับหายไปในเงามืด ชายหนุ่มยังคงสงสัยและเหมือนมีอะไรบางอย่างสะกิดใจ กระนั้นเขาก็ไม่อาจตามรอยไปได้จึงสวมหมวกกันน็อคแล้วขี่รถมอเตอร์ไซด์จากไป

เสียงเครื่องของรถห่างออกไปเรื่อยๆเมื่อเงาปริศนาในมุมมืดเริ่มขยับตัว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดต่อสายไปหาใครคนหนึ่ง

“เป็นอย่างที่คิดครับ” คนๆนั้นกรอกเสียงลงไป ก่อนจะฟังอีกฝ่ายพูดสองสามคำจึงวางสาย

เงาปริศนาเดินเข้าไปในตรอก ก่อนจะขี่รถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งตามรถของรักตปักษ์ไปห่างๆและเงียบเชียบ.....


----------------------------->


สามวันต่อมา สัตยาได้รับเชิญไปทานอาหารเย็นง่ายๆแทนคำขอบคุณของรักตปักษ์ และแน่นอนว่าเพราะรักตปักษ์ติดต่อมาทางพงษ์ศักดิ์ สัตยาจึงไม่มีสิทธิปฏิเสธ ดังนั้น ในตอนเย็นที่ถึงบ้าน เขาก็ถูกรับตัวออกไปด้วยมอเตอร์ไซด์โดยไม่ทันจะได้เตรียมตัวหรือกระทั่วเปลี่ยนเสื้อผ้า ประสบการณ์การซ้อนหลังครั้งนี้ไม่เลวร้ายมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายของเขากลับเป็นปกติแล้วก็เป็นได้

รักตปักษ์พาสัตยามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งมีบึงใหญ่อยู่ตรงกลาง บริเวณร้านทั้งหมดออกแบบเป็นร้านอาหารริมบึง ทำให้บรรยากาศร่มรื่น แม้จะเป็นยามค่ำแต่ก็ยังดูน่านั่งกินลมชมวิว

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 04-02-2011 12:21:29
ณ ที่นั้น มีคนสองคนรออยู่ก่อนแล้ว เป็นชายและหญิงอย่างละคน และทันทีที่สัตยาไปถึง ทั้งสองก็ลุกขึ้นมาไหว้ด้วยความขัดเขิน

“คุณยา ผมขอแนะนำลูกมือผม คนนี้ชื่อน้ำฝน ส่วนคนนี้ชื่อจิน” รักตปักษ์แนะนำทีละคนโดยแนะนำผู้หญิงก่อนแล้วจึงแนะนำผู้ชาย ก่อนจะหันมาแนะนำสัตยา “ทั้งสองคน นี่คุณสัตยา ชลวรินทร์ Idol ที่ทำให้นิตยสารของเรามีชื่อขึ้นมา”

ทั้งสองคนดูจะตื่นเต้นกันมากที่ได้พบกับสัตยาตัวจริง หลังจากได้เห็นแต่ในนิตยสารฉบับแรก และการตอบจดหมายที่จะลงในฉบับที่สามซึ่งกำลังจะออก ทำให้ทั้งสองคนดูเกร็งๆไม่ค่อยกล้าพูดกล้าคุยนักขณะนั่งกินข้าวด้วยกัน มีเพียงรักตปักษ์และสัตยาที่ดูจะคุยกันสนิทสนม แม้สัตยาจะทำหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจอยู่ตลอดเวลาก็ตาม ทำให้น้ำฝนและจินรู้สึกแปลกใจว่าคนที่ต่างกันขนาดนี้มาคบกันได้ยังไง

“คุณสัตยากับพี่รักต์รู้จักกันได้ยังไงครับ” จินเอ่ยถามเพราะอดใจไม่ไหว

“ผมรู้จักกับคุณรักต์ตอนเขาไปขอสัมภาษณ์ผมที่บริษัท” สัตยาตอบ

“แล้วก็สนิทกันเลยเหรอคะ พี่รักต์น่าอิจฉาจริงๆ” น้ำฝนว่าพลางแอบมองสัตยาแล้วหน้าแดง จินจึงสะกิดให้ดึงสติกลับมา

“ คุณยา จะเอาอะไรอีกไหมครับ?” รักตปักษ์ถามเมื่อเห็นสัตยากินอาหารพร่องไปเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ดูตัวเองที่คุยไปตักใส่จานสัตยาไปเอาเสียเลย สัตยาที่พยายามกินให้ทันจึงรู้สึกจุกท้อง กระนั้นรักตปักษ์ก็ไม่เว้นจังหวะให้อิ่ม ราวกับว่าจงใจแก้แค้นเรื่องข้าวเย็นมื้อแรกอย่างไรอย่างนั้น

“ผมอิ่มแล้ว” สัตยาว่าพลางยกน้ำขึ้นดื่ม

“พี่รักต์คะ พี่น่ะตักเอาๆ ท้องคุณสัตยาเป็นท้องคนนะคะไม่ใช่ท้องงูจะได้กลืนเข้าไปย่อยได้ทั้งเดือน” คำทักของน้ำฝนทำเอาสัตยาแทบสำลักน้ำออกมาทางจมูก แต่เขาก็ยังคอยสงวนท่าทีและแอบตวัดตาดุใส่รักตปักษ์ที่กลั้นยิ้มอยู่ข้างๆ

“น้ำฝนน่ะไม่รู้อะไร ท้องคุณยาน่ะไม่ใช่ท้องงูแต่ยิ่งกว่าท้องงูอีก”

แต่เป็นท้องนาคเลยต่างหาก.....

“ผมว่าพี่รักต์น่ะแหละครับที่กระเพาะใหญ่ขนาดนั้น” จินกล่าวพลางกระแอม เพราะรักตปักษ์นั้นเป็นคนตัวใหญ่กว่าคนไทยโดยมาตรฐาน จึงต้องการอาหารมากกว่าด้วย

“เห็นคนหล่อนี่รุมลูกพี่กันใหญ่เลยนะพวกแก!” รักตปักษ์กัดลูกมือทั้งสองคนแบบหยอกๆ

“แหม พี่รักต์ พี่ก็หล่อนะคะอย่าน้อยใจสิ พวกเพื่อนฝนน่ะ อิจฉาฝนกันจะตายที่ได้ทำงานกับพี่รักต์ทุกวัน” น้ำฝนทำปากหวานแล้วตักข้าวใส่ปาก

“ชมพี่นี่เพราะมื้อนี้พี่จ่ายใช่ไหมเนี่ยเรา?” ชายหนุ่มผมแดงแหย่ เด็กสาวจึงทำหน้าปึ่งงอนทันควัน

“เกลียดคนรู้ทัน” เธอว่า

สัตยาเห็นว่ารักตปักษ์ถูกดึงความสนใจไปจากตนแล้ว จึงขอตัวไปห้องน้ำสักครู่หนึ่ง แต่แล้ว เมื่อสัตยาเดินลับหลังไป น้ำฝนกับจินก็พากันถอนหายใจออกมาคนละเฮือก

“เป็นอะไรไป?” รักตปักษ์เอ่ยถามพลางเลิกคิ้ว

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่ว่า....คุณสัตยาเขาดูกดดันก็เลยรู้สึกหายใจหายคอไม่สะดวกนิดหน่อย” จินกล่าวแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

“หือ? บุคลิกส่วนบุคคลล่ะมั้ง พี่ไม่เห็นคุณยาเขาจะแปลกตรงไหน”

“ก็....ไม่ได้แปลกหรอกค่ะ แต่ฝนรู้สึกเหมือนคุณสัตยาอยู่คนละโลกกับเราเลย” น้ำฝนว่าแล้วก็ตักอาหารใส่จาน ซึ่งตามความเห็นของรักตปักษ์แล้ว เขาไม่เห็นว่าเวลาน้ำฝนกดดันกับไม่กดดันจะต่างกันตรงไหน เพราะ สัตยาจะนั่งอยู่หรื อลุกหายไป รักตปักษ์ก็เห็นเด็กสาวเอาแต่กินกับกินแล้วก็คุยแจ้วๆ ไม่มีอะไรต่างกันเลยแม้แต่น้อย

“ทั้งสองคนคิดมากไปแล้ว” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ “คุณยาเขาโตมาแบบนั้น บุคลิกเขาเลยดูขึงขัง ความจริงคุณยาก็เหมือนๆพวกเรานั่นแหละ”

“แต่คุณสัตยาเขาดู....เป็นคุณชายเก่า ลูกผู้ดี อะไรแบบนั้นน่ะครับพี่” จินให้ความเห็นที่น้ำฝนพยักหน้าตามทั้งที่เคี้ยวเนื้อปูเต็มปาก

“ถ้าพูดให้ถูกคือ คุณสัตยาเป็นคุณชายปัจจุบันนี่แหละ ไม่รู้จักตระกูลชลวรินทร์หรือไง?”

“ผมก็แค่เปรียบเปรยน่ะครับ พี่ก็...” เด็กชายว่า

“อย่างเวลาคุยกัน พี่รักต์ก็เรียกคุณๆตลอด แถมเวลาคุณสัตยาพูด เขาก็จะพูดแบบเป็นทางการ ดูไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไหร่เลย” น้ำฝนวิจารณ์บ้าง ซึ่งที่เด็กสาวพูดมามันก็ถูก แต่จะไปว่าเป็นความผิดสัตยาทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายถูกสั่งสอนและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ทั้งสองคนเจอสัตยายังบ่นถึงขนาดนี้ หากเจอกับพงษ์ศักดิ์ เด็กทั้งสองคงจะกัดลิ้นตายกันตรงนั้นเลยก็เป็นได้

“แถมพูดน้อยด้วย เวลาอยู่ด้วยแล้วค่อนข้างอึดอัดเพราะไม่รู้จะคุยอะ....ไร.....” จินตั้งท่าจะพูดต่อ แต่แล้วสายตาของรักตปักษ์ก็มองเลยไปด้านหลังเหมือนเป็นสัญญาณเตือน เด็กหนุ่มจึงค่อยๆหันกลับไปอย่างหวาดๆ และแล้วเขาก็แข็งค้างอยู่ท่านั้นเมื่อเห็นสัตยามายืนมองอยู่นิ่งๆและเงียบงันจนคาดเดาไม่ได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดหรือจะทำอะไร

“คุณยา....” รักตปักษ์เอ่ยเรียกเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาที่โต๊ะแล้วคว้าเสื้อนอกพาดแขน “จะไปไหนน่ะ?”

“ผมนึกได้ว่ามีธุระ ผมเลยอยากจะขอตัวก่อน คุณรักต์คุยกับเด็กๆต่อเถอะครับ” สัตยาตอบ เสียงของเขาดูนิ่งกว่าปกติ แต่รักตปักษ์กลับรู้สึกถึงกระแสสั่นเครืออย่างบางเบาในน้ำเสียงนั้น

จินและน้ำฝนสองคนต้นเรื่องได้แต่นั่งตะลึงค้าง ต่างคนต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมาจึงได้แต่นั่งนิ่งเหมือนถูกสตาฟไว้กับที่

“คุณยา เด็กๆเขาไม่ได้ตั้งใจ....เดี๋ยวสิคุณยา! คุณยา!” ชายหนุ่มร่างสูงพยายามจะอธิบาย ทว่าสัตยาไม่ฟังคำ เขาเดินนำออกไปทำให้รักตปักษ์ต้องรีบวิ่งตามเพื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมาก และที่สำคัญคือสัตยาบอกจะกลับบ้านทั้งที่ตัวเองไม่ได้เอารถมา แล้วจะกลับได้ยังไง?

ขาของรักตปักษ์ยาวกว่าสัตยาอยู่มาก เขาก้าวตามทันแต่ไม่ได้รั้งไว้เพราะยังอยู่กลางร้านอาหาร ชายหนุ่มรอจนกระทั่งเดินออกมาถึงลานจอดรถ จึงดึงแขนสัตยาเอาไว้ให้หันมาฟัง

“สัตยา อย่าไปถือสาเด็กมันเลย เดี๋ยวข้าจัดการให้เอง”

“ข้าไม่ได้ว่าอะไร ที่พวกเขาพูดมันก็ถูกต้อง” สัตยาสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม “แต่ข้าเหนื่อย อยากจะกลับไปพัก”

“สัตยา เจ้าไม่ได้แปลกแตกต่าง เจ้าเพียงไม่ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสังคมที่แปลกใหม่” รักตปักษ์กล่าวแล้วเดินนำไปที่มอเตอร์ไซด์ “ขึ้นมาสิ ข้าจะไปส่ง”

“ไม่ต้อง ข้าจะเรียกแท็กซี่ไปเอง” ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มร่างเล็กก็ปธิเสธความหวังดี เขาเดินหนีไปอีกทางซึ่งเป็นทางออกไปสู่ถนนใหญ่ ทว่าเขาก็ถูกแขนข้างหนึ่งคว้าเข้าที่เอว และด้วยแรงของรักตปักษ์ที่มหาศาลกว่ามนุษย์ทั่วไป สัตยาก็ถูกหิ้วลอยขึ้นในอากาศด้วยแขนข้างนั้นอย่างง่ายดาย เขาถูกวางลงบนอานมอเตอร์ไซด์ หมวกกันน็อคสวมเข้าที่หัว ก่อนที่รักตปักษ์จะขึ้นขี่ด้านหน้า

“กลับเองค่ำมืดอย่างนี้อันตราย ถึงเจ้าจะป้องกันตัวเองได้แต่ข้าก็ไม่วางใจ” เขาว่าเช่นนั้นขณะสตาร์ทเครื่อง

“เจ้าจะทิ้งเด็กๆไว้หรือยังไง?”

“ถึงข้าจะกลับมาอีกครั้ง สองคนนั้นก็ยังไม่อิ่มหรอก” สิ้นคำ รถมอเตอร์ไซด์ก็เคลื่อนตัวออกไป และตลอดเส้นทางนั้น สัตยากับรักตปักษ์ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย ท่ามกลางความมืดและแสงดาวแสงเดือน เสียงเครื่องมอเตอร์ไซด์กระหึ่มไปทั่วทิศ ความเงียบคือสิ่งที่คั่นกลางอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งคู่จนกระทั่งถึงบ้าน รักตปักษ์เพียงส่งสัตยาลงที่หน้าประตู และวนรถกลับไปโดยไม่ได้หยุดคุยเช่นคราวก่อน


--------------------------------->


Business Idol ฉบับที่สาม เสมือนนาฬิกาเตือนสัตยาว่าอีกครึ่งเดือนจะถึงเวลาประกาศผลรางวัลการประกวด ซึ่งความจริง เขาได้พบผลงานที่ถูกใจแล้วหลายรายการ จึงส่งไปให้คณะกรรมการตรวจสอบและให้คะแนนแต่ละราย ผลงานที่ส่งเข้ามานั้นเป็นที่น่าพอใจสำหรับสัตยา เพราะมือสมัครเล่นหลายคนเต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อย่างหาตัวจับยาก

และแน่นอน ทุกปลายเดือนซึ่งเป็นกำหนดวางแผงนิตยสาร สัตยามักจะได้รับมาฉบับหนึ่ง ด้วยเกรงว่าหากได้รับทุกเดือนมันจะเต็มห้องเสียก่อน สัตยาจึงให้นำนิตยสารที่ส่งมาไปวางไว้บนชั้นหนังสือในล็อบบี้ เพื่อให้แขกที่มารอติดต่องานได้มีอะไรอ่านฆ่าเวลา

และเป็นเรื่องธรรมดาที่ก่อนถึงกำหนดวางแผงนิตยสาร สัตยาจะไม่ได้พบเห็นหรือได้ยินเสียงรักตปักษ์เลย เพราะเมื่อใกล้ถึงกำหนด อีกฝ่ายก็ต้องวิ่งรอกทำงานตัวเป็นเกลียว ทั้งรวบรวมงาน จัดทำอาร์ตเวิร์ค จัดหน้า ส่งโรงพิมพ์ และจ้างคนจ่ายหนังสือไปตามร้านต่างๆที่มีออร์เดอร์เข้ามา และจะได้พบกับรักตปักษ์อีกครั้งก็ต่อเมื่อหลังกำหนดออกหนังสือแล้ว ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งปวงนั้น ทำให้สัตยาคิดว่ารักตปักษ์คงจะมาหาอีกเมื่อเชิดชัยมาเรียกว่ามีแขกมาขอพบ ทว่า.....คนที่อยู่ต่อหน้าสัตยาตอนนี้กลับไม่ใช่รักตปักษ์

“สวัสดีคุณสัตยา” เสียงนั้น....ระคายหูอย่างน่าประหลาด

“สวัสดีครับ คุณกฤตนันท์ ผมคิดว่าคราวก่อนเราคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก” สัตยากล่าวเสียงเย็น เขาไม่ได้เชิญอีกฝ่ายนั่ง เพราะแขกคนนี้ถือวิสาสะนั่งไขว่ห้างบนโซฟาในห้องรับรอง พร้อมสั่งกาแฟเองเรียบร้อยแล้ว ด้านหลังของกฤตนันท์มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางนักเลงคุมเชิงอยู่สองคน พนักงานหญิงที่มีหน้าที่ชงกาแฟถึงกับหนีออกไปทันทีที่สัตยามาถึง เขาเดาว่าไม่กฤตนันท์ก็ลูกน้องสักคนคงทำให้พนักงานของเขาหวาดกลัวด้วยการลวนลามทางสายตาหรืออื่นๆ

“คราวก่อนคุณบอกผมว่า ถ้าผมมีสิ่งที่น่าสนใจมาเสนอ คุณจะยอมคุยด้วย” กฤตนันท์ว่าพลางพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นลำ ทำให้สัตยาย่นจมูกแล้วหันหนีแทบจะทันที

“กรุณาดับบุหรี่ด้วย” สัตยาพยักเพยิดไปทางป้ายห้ามสูบบหรี่ที่ติดในห้องรับรอง

“ครับผม” ชายหนุ่มผู้เป็นแขกตอบด้วยเสียงกวนอารมณ์ก่อนจะขยี้ปลายบุหรี่ลงบนโต๊ะกระจก สัตยาตวัดตามองอย่างเหยียดหยามและดูถูกในพฤติกรรมอันไร้มารยาทนั้น แต่ดูเหมือนคนทำจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย กลับหันไปหัวเราะกับลูกน้องเสียอีก

“คุณเชิดชัย กรุณาเชิญแขกที่ผมไม่ต้อนรับกลับไปด้วย” สัตยาหมดความอดทน เขาจึงออกปากสั่งเลขาแล้วทำท่าจะเดินออกไป ทว่ากลับถูกลูกน้องคนหนึ่งเดินมาขวางหน้าไว้

“ไม่เอาน่าคุณสัตยา เอาเป็นว่าผมขอโทษที่เสียมารยาทก็แล้วกัน ตกลงไหม?” เมื่อกฤตนันท์ว่าเช่นนั้น สัตยาก็ตวัดตามองโต๊ะกระจกที่โดนไฟลนจนเห็นจุดละลายชัดเจน “เดี๋ยวผมซื้อกระจกมาคืนให้ด้วย” เขารีบกล่าวต่อ สัตยาจึงเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม ส่วนเชิดชัยก็ได้แต่ยืนอย่างเป็นกังวลอยู่ที่ประตู

“ผมมีเวลาไม่มาก” สัตยาออกตัว

“ผมไม่ขอเวลาคุณมากมายหรอก แต่....ผมอยากให้เราสองคนได้คุยกันตามลำพังสักครู่” กฤตนันท์เสนอ ทำให้ดวงตาของสัตยาปรากฏแววไม่พอใจขึ้นมาทันที แม้แต่ปลาที่แหวกว่ายอยู่ตู้ใต้โต๊ะกระจกนั้นก็ดูกระวนกระวาย ว่ายไปมาด้วยท่าทางแปลกไปจากปกติ

“ถ้าผมปฏิเสธ?”

“ผมก็จะให้คนของผมหิ้วเลขาของคุณออกไป เราจะได้อยู่กันสองคน” ผู้เสนอวิธีเจรจากล่าวด้วยรอยยิ้มน่ารังเกียจ และด้วยการโดนขู่เช่นนั้นทำให้อารมณ์ของสัตยาเริ่มเดือด ปลาในตู้ต่างทำท่าคล้ายกำลังคุ้มคลั่งพวกมันดำผุดดำว่ายอย่างสับสน แต่แล้วพวกมันก็ค่อยๆกลับเป็นปกติเมื่อสัตยาสูดลมหายใจเข้าลึกและพยายามเตือนสติให้ใจเย็น เขาหันไปพยักหน้ากับเชิดชัย เลขาวัยกลางคนจึงเดินออกไปด้วยท่าทีไม่ไว้วางใจ กระนั้นก็ไม่อาจขัดได้ เมื่อเชิดชัยออกไปแล้ว ผู้ติดตามของมาเฟียคุมถิ่นจึงพากันเดินออกไปบ้าง และไม่ลืมที่จะปิดประตูราวกับว่าพวกเขากำลังจะมีการเจรจาลับกันอย่างไรอย่างนั้น

“ห้านาที คุณกฤตนันท์ ขอเตือนไว้ว่าเวลาของผมมีราคาแพง” สัตยายื่นคำขาดพร้อมขู่สำทับ และแน่นอนว่าไม่ใช่คำขู่เล่นๆเพราะเขาเป็นถึงประธานของเครือบริษัทชลวรินทร์ที่ทุกคนต่างรู้จักดี

“ถ้าอย่างนั้นผมจะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน” ว่าแล้ว กฤตนันท์ก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเริ่มเดินไปรอบๆ “บังเอิญว่าหูตาของผมไปรู้ไปเห็นเรื่องน่าสนใจเข้า เกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อ....รักตปักษ์”

“เขาเป็นนักข่าว หน้าที่ของเขาคือซอกแซกไปทั่ว ดังนั้นผมจะไม่แปลกใจถ้ามีคนไม่ชอบเขา แต่ผมไม่ใส่ใจข่าวซุบซิบนินทา” สัตยาตอบกลับแทบจะทันที และไม่สนใจจะฟังในสิ่งที่กฤตนันท์คิดจะพูดเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น เพราะเขารู้จักรักตปักษ์ดีกว่าทุกคน รู้จักมานานเกินกว่าที่ใครๆจะคาดคิด

“แน่นอน แต่ผมว่าคุณเองก็ไม่ชอบเขาเท่าไหร่....ไม่สิ....คุณเกลียดเขาด้วยซ้ำไป ผมเองยังสงสัยว่าทำไมกัน เพราะคุณกับเขาได้พบกันครั้งแรกเมื่อสองเดือนก่อนเท่านั้นเอง”

คำพูดของกฤตนันท์จุดรอยยิ้มที่มุมปากสัตยา

ประมาณสองเดือนก่อน....หากพูดให้ถูกคือการพบกันครั้งแรกในฐานะรักตปักษ์และสัตยา....

การพบกันครั้งแรกจริงๆนั้นเกิดก่อนหน้านี้เสียอีก......ในอดีตอันแสนไกลโพ้นนั่น.....

“ผมแค่ไม่ถูกชะตากับเขา” สัตยาตอบ เขาไม่คิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับรักตปักษ์นอกเหนือจากนั้น ป่วยการที่จะพูดให้มนุษย์ฟัง โดยเฉพาะมนุษย์ที่ในหัวมีแต่ความโลภและความกระหายเช่นกฤตนันท์คนนี้

“ไม่ถูกชะตาอย่างแรงด้วย” มาเฟียหนุ่มเสริม “ผมได้ข่าวว่าเขาไปป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวคุณ แถมยังไปประจบสอพลอเอากับคุณพงษ์ศักดิ์ ตาของคุณด้วย”

“คุณกำลังรุกล้ำเรื่องส่วนตัวนะ คุณกฤตนันท์ เหลืออีกสองนาที” สัตยาว่าพลางมองนาฬิกาข้อมือ

“ไม่เอาน่า เรื่องนี้เราคุยกันได้จริงไหม?” กฤตนันท์เลิกเดินไปรอบๆ แล้วเดินเข้ามายืนเท้าแขนกับโซฟาที่สัตยานั่งอยู่ ตัวของเขาค้ำอยู่บนศีรษะ ทำให้สัตยารู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา “คุณเกลียดเขามากด้วย....ผมคิดว่าผมพูดไม่ผิดหรอก คุณอยากกำจัดเขาแต่ไม่มีโอกาส”

“คุณจะพูดอะไรกันแน่?”

“ผมจัดการให้คุณได้ อย่างขาวสะอาด มือของคุณไม่ต้องแปดเปื้อนอะไรเลย และจะไม่มีใครสืบสาวมาถึงคุณได้อย่างเด็ดขาด ผมรับรอง” ใบหน้าของกฤตนันท์เลื่อนเข้ามาใกล้จนเกือบชิดใบหู มือของเขายกขึ้นหมายจะไล้พวงแก้วนุ่ม “ผมขอแค่.....ของตอบแทนเล็กๆน้อยๆอย่าง.....”

“อย่าแตะผมจะดีกว่า ผมขอเตือนด้วยความหวังดี” สัตยากล่าวเสียงเรียบนิ่ง ทำให้กฤตนันท์ชะงักไปก่อนจะได้สัมผัสโดนส่วนใด

“.....อย่างเช่น ความร่วมมือทางธุรกิจบางอย่าง” มาเฟียหนุ่มผละออกไปแล้วพูดต่อก่อนจะหันมายิ้ม “หมดเวลาซะแล้ว เอาเถอะ ผมให้เวลาคุณตัดสินใจ ผมหวังว่าเราจะร่วมงานกันได้ดีนะคุณสัตยา เพราะผมเองก็ชอบพอคุณอยู่หลายส่วนเสียด้วย”

คำของกฤตนันท์เสมือนจุดอะไรบางอย่างในใจของสัตยา

เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ.....

หากจะนับไปแล้ว ในโลกมืด กฤตนันท์ก็เป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่ง จะเป็นไปได้ไหมว่า......

“เดี๋ยว” สัตยาส่งเสียงรั้งอีกฝ่ายที่กำลังเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู เขาลุกขึ้น เดินมาใกล้กฤตนันท์แล้วพูดต่อ “ผมตกลง แต่ก่อนอื่นผมต้องขอดูผลงานของพวกคุณก่อน เมื่อเสร็จงานแรกและผมพอใจ ผมจะยอมเจรจาด้วย”

กฤตนันท์เผยรอยยิ้มสมใจออกมา

“ว่ามาได้เลย คุณสัตยา”

“ทำให้รักตปักษ์รู้สึกถึงการคุกคาม แต่.....อย่าเพิ่งให้มีใครตาย ทำได้ไหมคุณกฤตนันท์” สัตยากล่าว เขาเกรงว่าจะทำให้น้ำฝนกับจินโดนลูกหลงไปด้วย แม้ว่าการพบกันครั้งแรกจะไม่น่าพิสมัยนัก แต่สัตยาก็ไม่ได้นึกถือสา เขากลับคิดว่าความเป็นเด็กทำให้สองคนนั้นพูดโดยไม่คิด ซ้ำทั้งสองคนก็ดูสำนึกผิดแล้ว อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องระหว่างเขากับรักตปักษ์ การดึงคนไม่เกี่ยวข้องมาติดร่างแหด้วยไม่ใช่วิสัยของเขา

“ยากอยู่นะครับ” กฤตนันท์หัวเราะ “แต่ผมจะพยายาม” ว่าแล้ว ชายหนุ่มมาเฟียก็โบกมือลาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

สัตยาพ่นลมหายใจออกมาทางจมูก ก่อนจะเดินถอยกลับไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม ปลาในตู้ว่ายไปมาอย่างกังวลเช่นเดียวกับอารมณ์ของนาคที่อยู่ใกล้

เขาหวังว่า....เขาจะไม่ได้เลือกผิด.....


----------------------------------->
TBC
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-02-2011 12:33:40
คุณนาคเอาแต่ใจ เคะราชินี แถมยังเป็นราชินีนาคอีก
หงุงหงิง หัวใจแกว่งแต่ก็จองแค้นไม่ยอมเลิกสินะคะ

เฮ้อ.......คุณรักตปักต์ ก้มหน้าใช้กรรมต่อไปนะคะ รักษาตัวรอดด้วย กลัวๆ
ถึงจะไม่ใช่คน ก็เจ็บได้สินะคะ T_T
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 04-02-2011 12:43:06
 :เฮ้อ:เวรกรรม
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 04-02-2011 12:49:28
นาคน้อยช่างเอาแต่ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-02-2011 12:59:59
คนสวยใจร้าย แต่ความเอาแต่ใจก็เป็นเสน่ห์แบบนึงนะเนี่ย
อย่าทำอะไรรุนแรงจะดีกว่านะ เดี๋ยวคุณยาไม่พอใจขึ้นมาจะบาดเจ็บล้มตายแบบไม่คาดคิด

ท่าทางมาเฟียจะ...กับคุณยานะเนี่ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 04-02-2011 13:08:46
คิดจะทำอะไร.... :เฮ้อ:
+1
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-02-2011 13:27:12
อยากอ่านอีกจังเลยอ่ะ ว่าแต่ทางที่เลือกดีแล้วหรือจ๊ะคุณยา
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pigg ที่ 04-02-2011 13:32:10
 :o12: เอาจริงหรอน้องนาค...
หวังว่าพี่รักต์จะไม่เป็นไรนะฮะ!

ปล.อัพวันต่อวันเลยสินะ...เ้ค้าจะได้มานั่งรอยาวๆ *--*
ปล.ขอจองรวมเล่มล่วงหน้าเลยนะพี่เซียร์  o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 04-02-2011 13:45:04
คุณยาหางานเข้าให้คุณรักษ์ซะงั้น 555

 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-02-2011 14:20:39
ทำแบบนี้มันจะดีหรอค่ะคุณยา


 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 04-02-2011 15:15:04
นาคใจร้ายยยย  :o12: :o12:  รักษ์จะเป็นไรมากมั้ยเนี่ย   :sad4: :sad4:
 :กอด1: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: SeeNam ที่ 04-02-2011 18:07:21
เรื่องนี้เท่ห์มากเลยค่ะ แปลก แหวกแนวสุดๆ วางโครงเรื่องก็เจ๋ง แอบได้ความรู้ในตำนานด้วย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-02-2011 18:24:44
 :เฮ้อ:กรรม
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: mink2538 ที่ 04-02-2011 18:38:41
คุนยานี่เด็ดขาดจิงๆ
คุนรักจะเจออะไรต่อไปล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 04-02-2011 18:41:26
เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวรนะ

๕๕๕ เข้าใจเเต่ก้ทำยากเนอะ :serius2:

รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 04-02-2011 19:07:35
คุณยาไมทำจังซี่

คุณรักสู้ๆเน่อ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 04-02-2011 19:40:45
เหมือนจะเริ่มญาติดีกันแต่ไอ้มาเฟียมายุยงแบบนี้คงจะอลม่านดีพิลึกเฮ้อ!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: b27072010 ที่ 04-02-2011 20:10:32
กำลังไปด้วยดีแล้วนะ

แต่ไอ่นี่มีโผล่มาทำให้เกิดเรื่องยุ่ง ๆ แน่ ๆ เลย

คุณรักษ์เตรียมรับมือให้พร้อมนะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 04-02-2011 21:04:30
เนื้อเรื่องเริ่มสนุกแล้ว ทำไมต้องมีำไอ้พวกนี้มาด้วย

คุณยาทำไมใจร้าย จะให้คนไม่ดีมาทำร้ายคุณรักษ์ได้ไง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 04-02-2011 22:30:43
คุณยาจาใจร้ายไปมั้ยอะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 04-02-2011 22:42:20
ผูกเงื่อนไว้หลายปม ระวังจะจนใจเอง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 04-02-2011 23:13:07
คุณยาเดียวก็เสียใจภายหลังนะ 5555
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 05-02-2011 00:18:08
รักตปักษ์มาทำงานในตอนเช้าเช่นที่เคยทำเป็นประจำ สำนักงานของเขาเป็นห้องเช่าเล็กๆในย่านกลางเมือง ซึ่งแม้จะมีราคาแพง แต่ก็มีความสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่นัดพบต่างๆ แต่เพราะขนาดที่ไม่เอื้ออำนวยนัก ห้องจึงค่อนข้างรกไปด้วยอุปกรณ์ทั้งใหญ่และเล็ก แม้รักตปักษ์จะพยายามเก็บให้เป็นที่เป็นทางแค่ไหนก็ยังยากที่จะรวบรวมทั้งหมดไว้ให้มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด ตอนเขาทำงานคนเดียว เขาก็ไม่เดือดร้อนมากนัก แต่พอมีลูกมือมาเพิ่มอีกสองคน พื้นที่ก็คับแคบลงทันตา ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขยับขยายอีกในไม่ช้าโดยกำลังมองหาสถานที่ใหม่ซึ่งราคาไม่แพงมากแต่มีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง

ตามปกติแล้ว พวกเขาจะไม่ค่อยได้อยู่ที่สำนักงานกันในช่วงต้นเดือน ด้วยต้องออกไปหาข่าวตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้น ในตอนเช้าพวกเขาจะมาพบกัน ฟังการนัดแนะงานจากรักตปักษ์ แล้วก็แยกย้ายไปทำงาน ทำให้ในช่วงนี้ ความแคบของสำนักงานไม่ได้เป็นปัญหาสักเท่าไหร่ แต่ปัญหาจะมาก็ต่อเมื่อพวกเขาต้องมาอุดอู้อยู่ด้วยกันช่วงปลายเดือนก่อนนิตยสารออก

และตอนนี้ซึ่งเป็นวันหลังนิตยาสารวางแผงไปแล้ว รักตปักษ์ก็เริ่มหาข้อมูลมาสำหรับนิตยสารเล่มถัดไป นั่นคือการประชุมคิดคอปเซปต์ในตอนเช้า รวมรวมข้อมูลในตอนบ่ายซึ่งตอนนี้จะเป็นการทำงานภาคสนาม โดยยังไม่มีการเจาะเข้าไปหาตัวบุคคล แต่เป็นการหาข้อมูลจากสภาพแวดล้อม ดังนั้นหลังจากประชุมช่วงเช้าแล้ว รักตปักษ์ก็จะแจกจ่ายงานให้เด็กทั้งสองคนก่อนจะออกไปจากสำนักงาน

แต่วันนี้มีอะไรบางอย่างที่น่าแปลก.....

รักตปักษ์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก เขาจึงโทรบอกให้จินกลับไปดูที่สำนักงาน และตรวจสอบว่าปิดไฟ ปิดน้ำ เรียบร้อยหรือยัง และล็อคประตูหน้าต่างเรียบร้อยหรือปล่า เพราะเขาเกรงว่าอาจจะมีไฟลัดวงจรหรือมีขโมยขึ้นมาได้

จินซึ่งตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากสำนักงานนักจึงเดินกลับไปดูทั้งที่ตนเองแน่ใจว่าตอนออกมานั้นได้ตรวจตราเรียบร้อยดีแล้ว กระนั้นการกลับไปดูซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจก็ดีกว่าจะต้องมานั่งโทษตัวเองทีหลัง

เมื่อแรกออกจากลิฟต์ จินก็ได้เห็นประตูห้องของสำนักงานเปิดอ้าออกมา กลอนประตูถูกงัดจนห้อยร่องแร่ง เสียงโครมครามดังขึ้นเป็นระยะๆ แต่ไม่น่าแปลกที่ไม่มีใครออกมาดู เพราะทั้งชั้นนี้ส่วนมากจะเป็นสำนักงานที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ทั้งสิ้น จินรีบวิ่งเข้าไปหาประตูทันที และยิ่งเข้าใกล้ เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น เขาโผล่หน้าเข้าไปตะโกนลั่นเมื่อเห็นชายฉกรรจ์สามคนกำลังทุบทำลายข้าวของ ทั้งกล้อง คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สำนักงานทุกอย่างที่อยู่ในห้องนั้น

เสียงของจินเรียกความสนใจจากคนทั้งสามซึ่งกระทำการอุกอาจ เขาจึงสำนึกว่าพลาดเสียแล้ว

เด็กชายตั้งสติ รีบหันกลับเพื่อวิ่งหนี ทว่ากลับช้าไป มือของใครคนหนึ่งคว้าคอเสื้อเขาจากด้านหลัง แล้วกระชากครั้งเดียวลอยหวืดข้ามธรณีประตูเข้าไปกระแทกกับชั้นวางของดังโครมใหญ่ แผ่นหลังของจินเจ็บแปลบจนไม่อยากขยับตัว แต่เขาก็ยังพยายามตะเกียกตะกาย

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งย่างสามขุมเข้ามา กระชากจินขึ้นจากพื้นแล้วอัดเข้าที่ชายโครง เสียงกระดูกแตกลั่นขึ้นมาถึงหูพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะตามด้วยอีกหลายหมัดจากคนที่เหลือ ตั้งแต่ใบหน้าลงมาถึงหน้าท้อง ไม่มีที่ใดที่ไม่โดนทำร้าย

หลังจากลงแรงจนพอใจ ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนก็ทิ้งจินซึ่งเต็มไปด้วยรอยแตกและรอยช้ำลงบนพื้นไม่เบาแรง พวกเขาหัวเราะอย่างสะใจก่อนคนหนึ่งจะเตะปังเข้ากับชั้นวางของจนของส่วนใหญ่ร่วงลงมากระแทกบนตัวของผู้บาดเจ็บ เมื่อได้ทำลายจนพอใจแล้ว พวกเขาก็จากไปในทันที

จินซึ่งบอบช้ำไปทั้งตัวแทบจะไม่เหลือแรง เขายกมือขึ้นและปัดของออกจากตัว คืบคลานไปยังโทรศัพท์ที่ถูกกระชากตกลงมาบนพื้น เลือดที่ไหลลงมาจากหางคิ้วบดบังทัศนวิสัยไปส่วนหนึ่งกลายเป็นสีแดงฉาน สติของเขาแทบจะดับไป ทว่าจินก็ยังฝืนจนไปถึงจุดหมาย เขาตะเกียกตะกายยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแต่มือของเขากลับไม่มีแรงเพราะใช้แขนปัดป้องอวัยวะสำคัญ จึงทำได้เพียงเอียงหูลงไปฟังว่าโทรศัพท์ยังมีสัญญาณหรือไม่ ศีรษะของจินเอนวูบลงไปนอนอิงบนพื้นเสื่อน้ำมัน เขากระอักไอออกมาสองสามครั้ง และทุกครั้งจะมีเลือดผสมออกมาด้วยจำนวนเล็กน้อย

เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะกดเบอร์มือถือของรักตปักษ์ โชคดีที่เขากดหาจนชำนาญมากพอที่จะไม่ต้องเค้นความจำมากนัก เสียงต่อสายดังขึ้นจากการกดฟรีแฮนด์ และก้องไปทั่วห้องอันเงียบสงัด พร้อมกับสติของจินที่ล่องลอยจากไป


------------------------------->


ขณะนั้นรักตปักษ์กำลังศึกษาสภาพแวดล้อมภายนอกของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเป้าหมาย ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นเบอร์จากสำนักงานจึงรู้สึกแปลกใจเป็นกำลัง ใจก็เกิดสั่นไหวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ รักตปักษ์รีบกดรับสายโดยพลัน แต่เมื่อเขากรอกเสียงลงไป กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเลยนอกจากความเงียบ

รักตปักษ์เกิดร้อนรุ่มใจขึ้นมา และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รอช้า เก็บของใส่เป้แบบลวกๆแล้วคว้ามอเตอร์ไซด์บึ่งกลับสำนักงานเท่าที่ความเร็วของรถจะทำได้

ตอนที่รักตปักษ์ไปถึง เขาเห็นรถพยาบาลมาจอดอยู่หน้าตึกกับรถตำรวจหลายคัน เมื่อเขาขึ้นไปข้างบน เขาก็เห็นน้ำฝนยืนร้องไห้อยู่หน้าห้อง และทันทีที่เธอเห็นเขา เด็กสาวก็โผเข้ามากอดพร้อมปล่อยโฮเป็นการใหญ่

รักตปักษ์กำลังจะอ้าปากถาม แต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบุรุษพยาบาลสองคนกำลังหามเปลนอนออกมา และบนนั้นคือร่างที่ยับเยินของจิน

เด็กชายถูกนำเข้าไปในรถพยาบาล รักตปักษ์และน้ำฝนจึงตามไปในรถคันเดียวกัน

“เกิดอะไรขึ้นน่ะน้ำฝน ทำไมจินถึงเป็นแบบนี้?” เขาถามเด็กสาวที่ยังคงสะอึกสะอื้นปาดน้ำตาเป็นพัลวัน

“ฝนก็ไม่รู้ค่ะ....ฮึก.....ฝนเห็นจินหายไปนาน ฝนก็เลยมาตาม....แต่พอมาถึงจินก็เป็นแบบนี้....ฮึก....แถม....แถมห้องก็เละไปหมด....ฮือ......” น้ำฝนเล่าไปสะอื้นไป สุดท้ายก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งพร้อมกอดรักตปักษ์แน่น “จินจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” น้ำฝนถามเสียงอู้อี้

“พี่หวังว่าอย่างนั้น” เขากล่าวได้เพียงเท่านั้นพร้อมกับลูบศีรษะปลอบเด็กสาวที่เสียขวัญ


----------------------------->


หน้าห้องฉุกเฉิน รักตปักษ์และน้ำฝนเฝ้ารอผลอย่างใจจดใจจ่อ ระหว่างนั้นน้ำฝนก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนกระทั่งหมอผู้ตรวจออกมาจากห้อง ทั้งสองคนจึงรีบรุดเข้าไปถามอาการโดยทันที

“จินเขาเป็นยังไงบ้างครับ?” รักตปักษ์ถามเสียงร้อนรน

“พูดยากนะครับคุณรักตปักษ์ เขาถูกซ้อมอย่างหนักจนอวัยวะภายในบอบช้ำหลายแห่ง ซี่โครงหักสามซี่ กระดูกแขนขวาร้าว สมองได้รับการกระทบกระเทือน และปอดก็พบบาดแผลจากการโดนซี่โครงแทงเข้าไปแต่ไม่ลึกมาก เขาต้องได้รับการผ่าตัดและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด แน่นอนว่ามีโอกาสรอด แต่หมอก็รับรองไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน” หลังจากหมออธิบายจบ น้ำฝนก็ร้องไห้ออกมายกใหญ่ ส่วนรักตปักษ์นั้น เขาทำได้เพียงตอบรับคำของหมอ และติดต่อพ่อแม่ของจินให้เรียบร้อยก่อนจะไปให้การกับตำรวจ เขาจะไม่แปลกใจเลยหากพ่อแม่ของเด็กชายจะแสดงความประสงค์ให้ลูกของตนลาออกจากงาน

พ่อแม่ของจินมาถึงอย่างรวดเร็ว พวกเขารี่เข้ามาถามรักตปักษ์เป็นการใหญ่ ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะตบหน้าชายหนุ่มเต็มฉาด

“ฉันฝากลูกของฉันให้คุณดูแล! แต่คุณกลับปล่อยให้ลูกฉันไปโดนคนอื่นซ้อมงั้นเหรอ!” หญิงสาวผู้เป็นแม่ตะคอกไปร้องไห้ไป น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มที่ประดับด้วยเครื่องสำอางค์โดยที่เธอไม่สนใจจะเช็ดมันออกเลย

“ผมขอโทษครับ” รักตปักษ์กล่าวพลางก้มศีรษะ เขายอมรับผิดทุกประการ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากความสะเพร่าที่เขาให้จินกลับไปสำนักงานคนเดียว หากเขาไปเองเรื่องอย่างนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

“ฉันจะเอาลูกฉันกลับ! ฉันไม่ให้ลูกทำงานในที่แบบนั้นแล้ว!” แม่ของจินกรีดร้อง สามีของเธอจึงรุดเข้ามาดึงเอาไว้เมื่อเห็นเธอตั้งท่าจะเข้าไปทำร้ายรักตปักษ์อีกครั้ง

“พอแล้วน่าคุณ”

“พอแล้ว! คุณพูดได้ยังไง! ลูกของเราต้องไปนอนในห้องไอซียูก็เพราะผู้ชายคนนี้นะ!”

อารมณ์อันรุนแรงของหญิงสาว ทำให้แม้แต่นางพยาบาลก็ไม่กล้าเข้ามาขอให้เธอลดเสียงลง และการกรีดร้องของเธอก็ทำให้น้ำฝนยิ่งขวัญเสียมากกว่าเดิม

พ่อของจินต้องดึงตัวภรรยาไปสงบสติอารมณ์ข้างนอกโรงพยาบาล ส่วนรักตปักษ์ก็สั่งให้น้ำฝนอยู่เฝ้าจินระหว่างที่หมอกำลังทำการผ่าตัด และรีบรุดไปยังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความเอาไว้ก่อน และรอจินตื่นขึ้นมาให้การอีกทีหนึ่ง

ในสถานีตำรวจ รักตปักษ์ถูกซักอยู่หลายคำถาม ซึ่งเขาก็ตอบได้เท่าที่รู้คือ เขาไม่เคยมีศัตรู การทำข่าวของเขาก็ไม่มีการเอาเรื่องเสียใครมาเปิดโปง ดังนั้นจึงไม่น่ามีความพยายามก่อกวนเพื่อปิดปาก ห้องของเขาไม่มีของหายไปแต่เสียหายทั้งหมด และผู้บาดเจ็บมีจินเพียงคนเดียว เขาตอบได้เพียงเท่านี้จริงๆ ถึงอย่างนั้น สมองของเขากลับนึกถึงใครบางคนขึ้นมา ไม่ใช่ด้วยอคติ แต่ด้วยความเป็นไปได้ เพราะคนๆเดียวที่มีหนี้แค้นกับเขานั้น เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก.....สัตยา


------------------------->


ในตอนเย็น น้ำฝนก็โทรมาหารักตปักษ์ เธอบอกว่าจินรู้สึกตัวแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบขี่มอเตอร์ไซด์กลับไปยังโรงพยาบาลโดยทันที

พ่อแม่ของจินกลับไปแล้ว ทั้งสองคนต่างมีงานประจำทำให้ไม่สามารถมาเฝ้าแหนดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ พ่อของจินจึงฝากฝังให้น้ำฝนช่วยดูแล เด็กสาวจึงโทรกลับไปบอกที่บ้านว่าจะอยู่ดูแลเพื่อนที่บาดเจ็บที่โรงพยาบาล แม้ในตอนแรกพ่อแม่ของเด็กสาวทำท่าจะไม่ยอม แต่พวกเขาก็ต้องอนุญาตเพราะพ่อของจินช่วยพูดและวอนขออีกแรงหนึ่ง

รักตปักษ์มาถึงหลังจากพ่อแม่ของน้ำฝนนำของใช้จำเป็นมาให้และกลับไปไม่นานนัก สิ่งแรกที่เขาทำคือเดินเข้าไปที่เตียง นั่งลงบนเก้าอี้ และจับมือของจินเบาๆ

เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆอย่างยากลำบากก่อนจะเลื่อนมาสบกับใบหน้าของรักตปักษ์ เด็กหนุ่มจึงคลี่ยิ้มแห้งๆออกมา

“พี่รักต์....” เขาเรียก เสียงของเขาแหบแห้งและอ่อนระโหยจนรักตปักษ์สงสารจับใจ เขาขยับหูเข้าไปใกล้เพื่อฟังว่าจินกำลังจะพูดอะไร “ผมว่า.....ผมจะเรียนศิลปะ....ป้องกันตัว....” จินว่าแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะชะงักเพราะไปกระทบแผลผ่าตัดเข้า

“ยังมาทำเป็นเล่น” ชายหนุ่มร่างสูงดุ “จิน พอจะเล่าเรื่องวันนั้นให้พี่ฟังได้ไหม?”

“ได้...ครับ.....” จินตอบเสียงแห้ง รักตปักษ์จึงหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาจากกระเป๋า แล้ววางไว้ข้างหมอน

“ถ้าเหนื่อยก็หยุดนะ อย่าฝืน” เขากล่าวก่อนจะเริ่มบันทึก

“มี....สามคน....งัดห้องเข้าไป....” จินเริ่มเล่าโดยพยายามขยับให้ปากใกล้เครื่องบันทึกเสียงมากที่สุด “ผมไม่รู้ว่าใช้อะไรงัด.....แต่ตอนผมไปถึง ห้องก็เปิดอยู่...แล้ว.....แฮ่ก.....อึก....” เล่าไปได้ครู่หนึ่ง เสียงของจินก็เริ่มขาดๆหายๆ การขยับหน้าอกเพื่อพูดและหายใจนำความทรมานมาให้จนไม่อาจฝืนต่อไปได้ จินเงียบไปครู่หนึ่งและหอบเบาๆ เสียงฮักๆดังออกมาเป็นระยะ

“พอแค่นี้แล้วกัน” รักตปักษ์ว่าแล้วเอื้อมมือไปหยิบเครื่อง ทว่ากลับถูกเสียงของจินรั้งไว้

“ผม....ผมไหว....ให้ผมเล่า...”

รักตปักษ์ชั่งใจอยู่นานกับคำขอนั้น แต่ในที่สุด เขาก็ละมือออกจากเครื่องบันทึกเสียง และนั่งฟังโดยไม่ได้เร่งจินแต่อย่างใด

“พวกนั้น....ทำลายข้าวของ แล้วก็....หันมาทำร้ายผม....” จินเว้นจังหวะหายใจครู่หนึ่ง “ผม....ผมป้องกันตัวไม่ได้เลย.....พวกนั้นคง....คิดว่าผมสลบแล้ว.....เลยหนีไป แต่ผมยังรู้สึกตัว.....ก็เลยโทรหาพี่รักต์....แล้ว....แล้วผมก็ไม่รู้สึก....อะไรอีกเลย....”

สิ่งที่จินเล่านั้นทำให้รักตปักษ์สลดใจ แม้แต่น้ำฝนที่ยืนห่างออกไปก็ยังน้ำตาไหลพรากอย่างสุดจะกลั้น

รักตปักษ์เก็บเครื่องบันทึกเสียงกลับใส่กระเป๋า แล้วยกมือขึ้นลูบผมของจิน

“พักซะนะ เดี๋ยวที่เหลือพี่จัดการเอง”

“พี่รักต์.....”

“หืม?”

“ถ้า....เจอคุณสัตยา....ฝากบอกด้วยนะครับว่า...ผมขอโทษ....ที่พูดไม่ดี....”

คำพูดของจินทำให้รักตปักษ์รู้สึกสะท้อนใจ เขาฝืนยิ้มแห้งให้กับเด็กหนุ่มแทนคำตอบรับ ก่อนจะเดินไปจับบ่าน้ำฝนแทนการให้กำลังใจ

“ดูแลจินด้วยนะ” เขาว่า

“ค่ะ” น้ำฝนรีบตอบรับเสียงหนักแน่น แต่แล้ว ใบหน้าของเธอก็แสดงความกลัวขึ้นมา “พวกมัน...จะย้อนกลับมาอีกไหมคะ?”

“พี่ไม่แน่ใจ แต่พี่จะไม่ให้พวกมันทำอะไรเธอสองคนได้อีกแล้ว” คำของรักตปักษ์ทั้งหนักแน่นและมั่นคง ทรงฤทธิ์อำนาจอย่างน่าประหลาด ปัดเป่าความกังวลในใจของเด็กสาวไปจนสิ้น แม้เธอจะไม่รู้เหตุผล ว่าทำไมเธอจึงเชื่อว่ารักตปักษ์จะปกป้องพวกเธอได้อย่างแน่นอน


------------------------------>


ในยามค่ำ เมื่อสัตยากำลังจะเข้านอน เขาเกิดรู้สึกครั่นเนื้อครั้นตัวและร้อนในอกอย่างน่าประหลาดใจ อาการไม่เหมือนตอนจะลอกคราบ แต่เหมือนเป็นลางบอกเหตุร้ายอะไรบางอย่าง พวกงูที่ปกติจะสงบนิ่งอยู่ในสวนไม่ปรากฏกายออกมาให้เห็นก็กลับพากันเลื้อยออกมาราวกับว่าที่อยู่เดิมนั้นร้อนรุ่มจนอยู่ไม่ได้ และพากันเลื้อยปีนขึ้นต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าต่างห้องของสัตยา

เสียงสวบสาบในสวนอาจทำให้คนในบ้านตื่นได้ งูทั้งหลายจึงขยับตัวอย่างเงียบเชียบและเชื่องช้า ทว่ามีท่าทางสับสนวุ่นวาย

สัตยาเปิดหน้าต่างออกไป มองดูงูจำนวนมากที่พันกายบนกิ่งไม้ เกล็ดของพวกมันเป็นเงามันเลื่อมในความมืด สายตาของพวกมันจับจ้องมายังสัตยา แลบลิ้นตวัดรับสัมผัสในอากาศ เสียงฟ่อดังขึ้นเป็นระยะจากงูบางตัว แต่สำหรับสัตยาแล้ว นั่นไม่ใช่เสียงร้องหรือขู่ ทว่าเสมือนกำลังเตือนเหตุบางอย่างจากภายนอก เขารับฟังอย่างตั้งใจ ทว่าสิ่งที่งูเหล่านั้นเตือนก็กลับกำกวม ด้วยเหล่างูทั้งหลายซึ่งเป็นบริวารต่างก็ไม่ได้รับอนุญาตให้รู้เห็นอนาคต เพียงแต่รับรู้ถึงลางบอกเหตุที่น่าสะพรึง

หลังจากพันเลื้อยและส่งเสียงอยู่ไม่นาน งูทั้งหมดก็พากันเลื้อยกลับลงไปบนพื้นดิน และหายลับไปในพงหญ้า

สัตยารู้สึกเป็นกังวลอย่างไม่มีสาเหตุ เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น และจะเป็นต้นเหตุของเรื่องร้ายอีกมากมาย เขาปิดหน้าต่าง เดินกลับไปที่เตียงและล้มตัวลงนอน ถึงอย่างนั้นเขาก็พลิกตัวไปมาอยู่นานกว่าที่จะข่มตาหลับลงได้

ห้วงนิทราดำมืดเข้าครอบคลุมสติ พาสัตยาดำดิ่งลงสู้ก้นบึ้งแห่งห้วงฝัน ที่ซึ่งเขาได้กลับเป็นนาคใหญ่ดังในอดีตกาล ทว่าเมื่อสัตยาลืมตาขึ้น ภาพเบื้องหน้าหาใช่ถ้ำอันวิจิตร ทว่าเป็นภาพของการนองเลือดอันน่าสยดสยอง

ราวกับฉายซ้ำภาพเดิม สิ่งที่สัตยาเห็นคือนาคที่เลื้อยหนีกันอย่างชุลมุน และครุฑที่กำลังฉีกทึ้งร่างนาคโชคร้ายเป็นชิ้นๆ สัตยาอยู่ตรงนั้น ไม่อาจหนีไปไหนได้ อยู่เบื้องหน้าครุฑซึ่งทรงมหิทฤทธายิ่งกว่าหลายขุม สัตยาขู่ฟ่อ ครุฑก็แหงนหน้าขึ้นมา คำรามลั่นสะท้านสะเทือนไปถึงสวรรค์ กรงเล็บแหลมคมพุ่งทะยานเข้าหาคอของสัตยาที่ไม่มีทางหนี เขาหลับตา รอรับชะตากรรมด้วยความหวาดกลัว แต่แล้ว.....กลับมีนาคตนหนึ่งพุ่งออกมาจากซอกหินใกล้ๆนั้น เอาตัวเข้ารับกรงเล็บแหลมคม

.....หนีไป.....

สัตยาได้ยินนาคตนนั้นพูด ก่อนจะตวัดกายเข้าโรมรันกับครุฑเป็นการใหญ่ คมเขี้ยวแหลม คมเกล็ดกล้า ไม่อาจระคายผิวของครุฑเลยแม้แต่น้อย ทว่ากรงเล็บของครุฑกลับขยุ้มทะลุเกล็ดพาเลือดสดๆไหลทะลักอาบพื้นดิน
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 05-02-2011 00:19:43
ภายใต้ภาพสีแดงฉานนั้น สัตยาสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก มันกรีดร้องเสียงแหลมเตือนเวลาเจ้าของตามที่ถูกตั้งไว้อย่างเที่ยงตรง

สัตยาชันกายขึ้นนั่ง ร่างของเขาสั่นไม่ยอมหยุด และลมหายใจก็ผวาสะท้าน มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นลูบใบหน้า

ความฝันอันเจ็บปวดนั้น....จะย้อนกลับมาอีกกี่ครั้ง....

และทำไมเขาถึงต้องฝัน....

สัตยาไม่อาจหาคำตอบได้ รู้เพียงว่าความฝันนี้มีความนัยบางอย่าง แต่ความนัยใดจะอยู่ในความทรงจำของเขากัน?
ชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกา ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและพาตนเองเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สดชื่น น้ำ....เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ในเวลานี้

สัตยาแต่งตัวไปทำงานตามปกติ เขาเอ่ยทักทายเชิดชัยเพียงสั้นๆก่อนจะเข้าห้องทำงานไปไม่ต่างจากวันอื่นๆ แต่เลขาผู้มากประสบการณ์กลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แปลกไป เขารู้สึกว่าสัตยากำลังมีเรื่องกังวลใจที่ปรึกษาใครไม่ได้

ในขณะที่เชิดชัยกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น ก็กลับมาเสียงโวยวายดังมาตามทาง เลขาวัยกลางคนจึงหันไปมอง พบชายหนุ่มผมแดงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกำลังเดินมาโดยมีหญิงสาวจากแผนกประชาสัมพันธ์พยายามรั้งตัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ การมาครั้งนี้ของรักตปักษ์ทำให้เชิดชัยประหลาดใจ เพราะใบหน้าของฝ่ายนั้นถมึงทึงและดุร้ายอย่างน่ากลัว ไม่เหลือคราบของชายหนุ่มอารมณ์ดีที่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เขาจึงเดินเข้าไปหาหมายจะถามให้รู้ความ เพราะการขึ้นมาบนชั้นนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความผิดใหญ่หลวง

“สวัสดีครับ คุณรักตปักษ์” เชิดชัยเอ่ยทักทาย “วันนี้มีธุระอะไรหรือครับ?”

“ถอยไปเถอะคุณเชิดชัย ผมต้องคุยกับเจ้านายของคุณ” รักตปักษ์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนรอบข้างที่ไม่เกี่ยวข้อง

“แต่คุณควรจะรอในล็อบบี้เพื่อให้คนพาไปห้องรับรองตอนที่คุณสัตยาว่าง คุณขึ้นมาเองแบบนี้ไม่ได้นะครับ” เชิดชัยว่าอย่างใจเย็น แต่ว่า....เขารู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ที่รู้สึกว่ารักตปักษ์ตัวใหญ่ขึ้นและผมสีแดงนั้นเด่นชัดขึ้นกว่าที่เคยเป็น

“อย่าขวางทางผม คุณเชิดชัย อย่าให้ผมต้องบังคับคุณจะดีกว่า” เสียงของรักตปักษ์ยิ่งดุดันขึ้นกว่าเก่า เชิดชัยเริ่มรู้สึกว่าตนเองยืนอยู่เบื้องหน้าบางสิ่งที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ เขาเผลอกลืนน้ำลายเอื้อกก่อนจะพยายามบอกตนเองว่าอีกฝ่ายก็เป็นคนธรรมดาที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเท่านั้น

“ถ้าคุณไม่ฟัง ผมจะเรียกรปภ.มาโยนคุณออกไปนะครับ”

“รปภ.ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก คุณเชิดชัย” สัตยาซึ่งได้ยินเสียงโหวกเหวกหน้าห้องอยู่นานเดินออกมากล่าวเสียงนิ่ง “ปล่อยให้เขาเข้ามา” หลังพูดจบ สัตยาก็เดินนำเข้าไปในห้องก่อน เชิดชัยและพนักงานจากแผนกประชาสัมพันธ์จึงหลีกทางให้รักตปักษ์เดินตามเข้าไปในห้อง และเมื่ออีกฝ่ายลับสายตาไปแล้ว ทั้งสองก็ต้องแปลกใจเมื่อรู้สึกหายใจหายคอสะดวกขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าเมื่อครู่ได้ถูกแรงกดดันบางอย่างกดทับจนหายใจแทบไม่ออก
ในห้องทำงานของสัตยา ชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินไปกอดอกยืนพิงโต๊ะและเอ่ยถาม

“มีธุระอะไร?”

รักตปักษ์ไม่ตอบคำ เดินตรงไปยังสัตยาแล้ววางเครื่องบันทึกเสียงลงบนโต๊ะก่อนจะกดเปิด ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนคนกำลังขยับตัวบนเตียงดังขึ้น ตามด้วยเสียงพูดแผ่วเบาและขาดๆหายๆ

“มี....สามคน....งัดห้องเข้าไป....ผมไม่รู้ว่าใช้อะไรงัด.....แต่ตอนผมไปถึง ห้องก็เปิดอยู่...แล้ว.....แฮ่ก.....อึก....” เสียงเล่านั้นขาดหายไป และแทนที่ด้วยเสียงหอบหายใจอย่างทรมาน สัตยามุ่นคิ้ว เขาจำได้ว่านั่นคือเสียงของจิน แต่ทำไมเสียงถึงได้ฟังเหมือนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสมา

“พอแค่นี้แล้วกัน” เสียงของรักตปักษ์แทรกเสียงหอบหายใจขึ้นมา

“ผม....ผมไหว....ให้ผมเล่า...” เสียงจินขัดอย่างอ่อนระโหยคล้ายว่าใกล้จะหมดแรงเข้าไปทุกที “พวกนั้น....ทำลายข้าวของ แล้วก็....หันมาทำร้ายผม....ผม....ผมป้องกันตัวไม่ได้เลย.....พวกนั้นคง....คิดว่าผมสลบแล้ว.....เลยหนีไป แต่ผมยังรู้สึกตัว.....ก็เลยโทรหาพี่รักต์....แล้ว....แล้วผมก็ไม่รู้สึก....อะไรอีกเลย....”

เทปสุดอยู่แค่นั้น รักตปักษ์จึงเก็บเครื่องบันทึกเสียงกลับเข้ากระเป๋าและจ้องหน้าสัตยาเขม็ง

“เจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง?”

“หมายความว่าอะไร?” สัตยาถามย้อน เขายังไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ถูกต้องนัก แต่ดูเหมือนรักตปักษ์กำลังจะโทษว่าจินถูกทำร้ายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ

“มันไม่ใช่การขโมยของ ของทุกชิ้นถูกทำลายเสียหายแต่ไม่มีอะไรหายไป” รักตปักษ์พูดเสียงเย็นจนสัตยารู้สึกขนลุกไปทั้งแขน ร่างสูงของรักตปักษ์ก้าวเข้าใกล้สัตยายิ่งขึ้นและโน้มใบหน้าจนเกือบชิดคู่สนทนา “พวกมันเข้ามาตอนข้าไม่อยู่ ทำลายทุกสิ่งที่เห็น และทำร้ายจินที่ไปเห็นเหตุการณ์”

“ออกไป! ข้าไม่...อึก....” สัตยาร้องก่อนจะผลักอกอีกฝ่าย ทว่ามือแกร่งกร้านก็คว้าเข้าที่ข้อมือแล้วบีบแรง แขนอีกข้างของรักตปักษ์เท้าลงกับโต๊ะป้องกันทางหนีของสัตยาโดยสิ้นเชิง

“เด็กคนนั้น....อวัยวะภายในบอบช้ำ ซี่โครงหัก กระดูกร้าว สมองถูกกระทบกระเทือน ปอดฉีก ไม่รู้ว่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เมื่อไหร่ เจ้ายังจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกงั้นหรือ!” เสียงรักตปักษ์ตะโกนกร้าวอย่างดุดันจนสัตยาเกือบจะหยุดหายใจ แต่แล้ว ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวคู่นั้นก็กลับอ่อนแสงลงกลายเป็นความเจ็บปวด “เจ้าเกิดและเติบโตในฐานะมนุษย์....เป็นมนุษย์ครึ่งร่าง....แล้วหัวใจของเจ้านั้นเล่า ไม่ได้เป็นมนุษย์ด้วยเลยหรือ สัตยา....”

ถ้อยคำของรักตปักษ์ทำให้สัตยานิ่งอึ้งไป เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่น่าสะกิดใจ หากว่าผู้ที่เข้าไปในห้องไม่ได้อยากได้ของ แล้วจะเข้าไปทำไม....ซ้ำการที่จินถูกทำร้ายก็เพราะบังเอิญไปเห็นเข้า....

สัตยาเม้มปาก ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด เพราะนั่นหมายความว่าการที่จินเป็นอย่างนี้ ต้นเหตุก็มาจากเขาจริงๆ

“เจ้ารู้ไหม....ทั้งที่ขยับตัวไม่ได้ เด็กคนนั้นบอกข้าว่า ฝากข้ามาขอโทษเจ้าที่พูดไม่ดีออกไป...”

ชายหนุ่มร่างเล็กรู้สึกสะท้านในอก เขานิ่งไป รักตปักษ์จึงพูดต่อ

“ข้าเห็นความฝันของเจ้า....” เขาว่า “ความแค้นของเจ้าฝังรากลึกจนยากจะถอน แต่คราวหน้า จงเอาความแค้นนั้นมาลงกับข้า หาใช่ผู้อื่นที่ไม่ข้องเกี่ยว และได้โปรด....อย่าทำผิดพลาดซ้ำรอยเดิมกับข้า....” สิ้นคำ รักตปักษ์ก็ปล่อยมือแล้วถอยออกมา ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออก ปรากฏร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับลูกน้องยืนอยู่เบื้องหลัง รักตปักษ์ได้กลิ่น....เลือดของจินจากลูกน้องคนหนึ่ง....

“อ้าว มีแขกอยู่จริงๆด้วย” กฤตนันท์ว่าพลางแสยะยิ้มให้กับรักตปักษ์ “โทษทีนะไอ้หนู ฉันมีธุระกับคุณสัตยา ช่วยออกไปก่อนจะได้ไหม?”

“....ได้ ผมเสร็จธุระพอดี” รักตปักษ์ตอบเสียงนิ่ง เขาปรายสายตามองนาคจำแลงครู่หนึ่ง ก่อนจะผินหลับเดินไปทางประตูและจากไป แต่แล้ว ลูกน้องคนหนึ่งของกฤตนันท์ก็สะดุ้งเบาๆก่อนแตะแก้มตนเอง และที่นั่นปรากฏบาดแผลยาวและบางเฉียบขึ้น มีเลือดไหลออกมาจำนวนเล็กน้อยคล้ายโดนสิ่งที่คมมากบาดเป็นทางซึ่งเจ้าตัวงงงันสงสัยว่าได้มาจากไหนและเมื่อไหร่

กฤตนันท์เดินเข้ามาในห้อง และถือวิสาสะเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ประธานก่อนยกขาขึ้นไขว้บนโต๊ะ

“ห้องน่าอยู่ดีนะครับ คุณสัตยา” เขาว่าพลางพลิกเปิดกระดาษเอกสาร หยิบที่ทับกระดาษซึ่งทำจากแก้วมาคลึงเล่นในมือ ก่อนจะแกล้งทำตกลงบนพื้นแตกกระจาย

“ผมสั่งว่าห้ามมีคนตาย” สัตยาปรายหางตามองบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเหยียดหยามและโกรธเคือง

“ก็ไม่มีใครตายนี่ครับ” กฤตนันท์หัวเราะ “คุณไม่ได้บอกว่าห้ามทำร้ายใครเสียหน่อย”

“ผมไม่ต้องการคนที่ชอบคิดบิดเบือนคำสั่งด้วยตัวเอง” สัตยาว่า “ออกไปจากห้องผม เราจะไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น”

“จะดีเร้อ รักตปักษ์ของคุณเขาไปแจ้งความเอาไว้แล้วนะ ถ้าผมบังเอิญทำเรื่องที่เราคุยกันรั่วออกไป....” มาเฟียหนุ่มทำลอยหน้าลอยตา “ตามกฏหมาย ผู้จ้างวานมีโทษสองเท่านี่นะ”

“คิดจะขู่ผมหรือครับ?” ดวงตาของสัตยากลับแข็งกร้าวขึ้นมาทันที

“เปล่าเลยครับ ใครจะกล้าขู่คุณได้ แต่ว่า...” กฤตนันท์เดินเข้ามาหาสัตยาซ้ำยังเคลื่อนกายแทบชิด “มันอาจจะกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทคุณก็ได้นะครับ ผมน่ะมันชื่อเสียอยู่แล้ว ถูกจับเข้าคุกก็มีเงินประกันตัวออกมาโลดแล่นในโลกมืดได้อีกอยู่ดี”

“ผมไม่คิดอย่างนั้น” สัตยาไม่แสดงท่าทีกลัวเกรงออกมาแม้แต่น้อย “คุณเป็นมาเฟียตัวเอ้ของถิ่นนี้ ถ้าพวกเขาจับคุณได้แม้จะด้วยข้อหาเล็กน้อย แต่เพื่อชื่อเสียงของวงการตำรวจและอาจได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพิเศษรวมทั้งได้รับการชื่นชมจากประชาชน พวกเขาย่อมทำทุกวิถีทางที่จะง้างปากคนของคุณทีละคนเพื่อหาข้อหามายัดให้คุณโดนโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารให้ได้ ส่วนผม ถึงชื่อบริษัทจะเสียไปบ้าง แต่คุณรู้ไหม เคยมีปราชญ์ท่านหนึ่งกล่าไว้ว่า “จะพลิกพลิ้วชิวหาเป็นอาวุธ””

“อะไรกัน คุณก็จะปรักปรำผมด้วยหรือไง?” รอยยิ้มของกฤตนันท์จางหายไปและแทนที่ด้วยท่าทางคุกคามอย่างชัดเจน

“คุณจะได้รู้ว่าคนข้างนอกนั่นจะเชื่อใครมากกว่ากันระหว่างคนมือเปื้อนเลือดอย่างคุณ กับคนที่ไม่เคยมีประวัติเสียอย่างผม” สัตยาทิ้งท้ายก่อนจะผละห่างออกไปและเดินไปทางประตู แต่แล้ว กฤตนันท์ก็กลับเดินเข้ามาผลักบานประตูให้ปิดสนิท ทั้งยังกางแขนกั้นสัตยาไม่ให้เดินหนี ดวงตาคู่นั้นจ้องมองหน้าสัตยาอย่างแฝงนัยอันชั่วร้าย

“แขนเสื้อยับแน่ะ ท่านประธาน” เขาว่า สัตยาจึงมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย “ฝีมือเจ้าหนูตะกี้ล่ะสิ”

“ถ้าใช่แล้วคุณจะทำไมไม่ทราบ?” สัตยาเอ่ยถามพลางจัดทรงแขนเสื้อ

“น่าแปลกจริงนะ ทั้งที่คุณเกลียดเขาจนอยากฆ่าให้ตาย ทำไมถึงยอมให้แตะตัวได้ แต่กับผมที่ยอมร่วมมือกับคุณทุกอย่าง คุณกลับปฏิเสธ” ว่าไป มือของกฤตนันท์ก็เลื่อนเข้าใกล้จนสัตยาต้องถอยออกเท่าที่พื้นที่ตอนนี้จะเอื้ออำนวย แต่แล้ว เสียงร้องโวยวายหน้าประตูก็ดังขึ้นทำให้กฤตนันท์ต้องชะงัก

“คุณสัตยา! เป็นอะไรไหมครับ!” เสียงของเชิดชัยนั่นเอง “รปภ. พังประตูเลย!”

กฤตนันท์ได้ยินดังนั้น ก็รีบฉีกตัวออกมาจากประตูพร้อมทั้งสัตยาที่ถอยไปอีกทาง ก่อนที่รปภ.ร่างใหญ่หลายคนจะทุ่มแรงยันประตูดังโครมเพียงเสี้ยววินาที กลอนประตูหักกระเด็นกลิ้งไปอยู่ที่ปลายเท้ากฤตนันท์ พร้อมกับเชิดชัยที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง

“คุณสัตยา ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

“ไม่เป็นไร ผมสบายดี” สัตยาตอบพลางจัดเสื้อให้เรียบร้อย “ไหนๆคุณก็เอารปภ.มาแล้ว ก็ช่วยเชิญคุณกฤตนันท์ออกไปด้วย ถ้าไม่ไปโดยดีก็อุ้มโยนออกไปได้เลย และ....อย่าให้คุณกฤตนันท์เฉียดเข้าใกล้บริษัทอีกเด็ดขาด” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เหล่ารปภ.จึงเข้าล้อมรอบตัวกฤตนันท์โดยที่ลูกน้องก็ทำอะไรไม่ได้ มาเฟียหนุ่มจ้องหน้าเชิดชัยถมึงทึงอยู่นาน ก่อนจะส่งเสียงหึในคอ แล้วเดินออกไปพร้อมกับรปภ.และลูกน้องของตน

เชิดชัยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเดินตามสัตยาออกไปทันก่อนที่สัตยาจะขึ้นลิฟต์พอดี

“จะไปไหนหรือครับ?” เขาถาม

“ผมจะไปเดินเล่นข้างล่าง จริงสิ ผมมีงานให้คุณทำ คุณเชิดชัย” สัตยากล่าวขณะที่ลิฟต์กำลังโรยตัวลงทีละชั้น “ช่วยไปซื้อดอกไม้แล้วเอาไปให้คุณรักตปักษ์ บอกว่าฝากให้จิน”

หลังจากนั้น....รักตปักษ์จะเอาไปโยนทิ้งหรือปักแจกันมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว


------------------------------>


“ชิ นักธุรกิจเฮงซวย” กฤตนันท์สบถพลางกระดกเหล้าเข้าปาก การเจรจาเหลวไม่เป็นท่า แถมยังโดนล็อบบี้เสียเอง “คนอะไรวะ หยิ่งชิบหาย” เขาพูดอย่างคับแค้นใจพร้อมดึงสาวที่มาบริการมากอดรัด

“ยังไงก็ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ พี่กฤต” ลูกน้องคนหนึ่งเตือน

“เออ รู้แล้ว แต่ไอ้เวรนั่นยังไม่ให้เราเคลื่อนไหวไปมากกว่านี้นี่หว่า” มาเฟียหนุ่มทำเสียงไม่พอใจ “ถ้ามันไม่บอกว่าจะแบ่งหุ้นในชลวรินทร์ให้กึ่งหนึ่งนะ ข้าไม่ยอมเอาหน้าไปให้ไอ้เด็กเส็งเคร็งนั่นตอกถึงที่หรอกเว้ย! เหอะ! ตอนแรกก็นึกว่าจะคุยรู้เรื่อง จะได้ยิงทีเดียวได้นกสองตัว ที่ไหนได้ มันดันฉลาดเป็นกรด แค้นใจไม่หายเลยว่ะ พูดแล้วโมโหเว้ย!” ว่าแล้ว กฤตนันท์ก็ซดเหล้าเข้าไปอีกอึกใหญ่ แต่ก็พบว่าเหล้าของเขาหมดขวดเสียแล้ว จึงหันไปสั่งลูกน้องคนหนึ่งให้ออกไปซื้อให้

ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ไม่อาจขัดคำสั่งหัวหน้า เขาจึงต้องออกมาข้างนอกอย่างไม่เต็มใจนัก ปากก็บ่นไป แต่ก็ต้องทำตาม จึงตัดสินใจออกมาจะได้รีบไปรีบกลับ

บนถนนตอนนี้เงียบสงัดไร้วี่แววสิ่งมีชีวิต เสียงรองเท้ากระทบพื้นถนนเป็นเพียงเสียงเดียวที่เป็นเพื่อนคนเดินทางในยามนี้ เขานึกกลัวอยู่ในใจเมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดกับเสียงก้อกแก้กเบาๆเมื่อสัตว์หากินกลางคืนปีนป่ายกองขยะข้างทาง แต่เมื่อเดินต่อไปได้สักพักหนึ่ง เขาก็ต้องยกมือขึ้นกุมแก้มเพราะแผลเดิมเกิดเจ็บขึ้นมา

บาดแผลบนแก้มที่เขาไม่รู้ว่าไปโดนอะไรบาดตอนไหน ชายร่างใหญ่ไล้มือไปบนแผลพลางนึกสงสัยในใจ ตอนนั้นเขาจำได้ว่า ผู้ชายผมแดงเดินผ่านเขาไป แต่ก็ห่างไปพอสมควรกว่าเขาจะรู้สึกเจ็บ เหมือนกับโดนมีดคมเฉือนลงบนเนื้ออย่างรวดเร็วเกินจะจับได้ทัน ตอนที่รู้สึกตัวก็มีแผลปรากฏเสียแล้ว

เขาเดินต่อไปอีกสองสามก้าวก่อนจะละมือลงมาแล้วเหลือบมองขึ้นไปด้านบน แต่แล้ว เขาก็ต้องผงะด้วยความตกใจ เมื่อบนเสาไฟฟ้าและสายไฟเต็มไปด้วยอีกามากกว่าร้อยเกาะเกี่ยวแย่งยื้อที่กันจนครึ้มไปหมดตลอดเส้นทาง

“อะไรวะเนี่ย!” เขาร้องออกมา

บนเสาไฟฟ้าสูงตระหง่าน มีอีกาเกาะอยู่หลายตัวและลดหลั่นลงมาตามขั้นที่ยื่นออกจากเสา สายไฟระโยงระยางหลายเส้นถูกจับจองพื้นที่จนแทบมองไม่เห็นว่าสายไฟอยู่ตรงไหน อีกาเกาะเรียงกันจนเห็นเป็นสีดำทะมึน เสียงร้องของมันชวนวังเวงขนหัวลุก บางตัวที่หาที่เกาะไม่ได้ก็โผบินไปแย่งยื้อกับตัวอื่นซึ่งกระพือปีกหลบหลีกกันเป็นพลวัน เส้นทางสายยาวนั้น มีแต่เงาสีดำปกคลุม แม้แต่ไฟถนนที่สว่างจ้าก็มีอีกาไปจับจองกระพือปีกอ้าปากเปล่งเสียงร้อง ปีกสีดำกระพือพรึ่บพรั่บแข่งกันเป็นเสียงที่ฟังดูสับสน ชายกรรจ์เห็นภาพนั้นก็ถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งร่าง เขาแทบจะก้าวไม่ออกแต่ก็พยายามเดินต่อไปและไม่สบตาพวกมัน

บางทีอาจจะมีคนตายแถวนี้

เขาคิดในแง่ดี เพราะมีเหตุผลไม่มากที่อีกาจะมารวมตัวกัน แต่ก็ไม่น่าที่จะมากมายได้ถึงขนาดนี้ ราวกับว่าอีกาทั่วกรุงเทพได้มารวมกันอยู่ที่จุดเดียวคือถนนทางเดินในซอยแคบๆแห่งนี้

อีกาเหล่านั้นไม่ได้ทำอะไร พวกมันเพียงแต่เกาะบนเสาและสายไฟฟ้า กรีดร้องเสียงน่ากลัวและกระพือปีกให้เกิดเสียง ชายฉกรรจ์รีบเร่งฝีเท้าให้ออกไปพ้นเขตที่อีกาอยู่ให้เร็วที่สุด แต่เส้นทางนั้นก็ทอดยาวเสียจนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด

อีกไม่ไกลก็จะถึงปากซอย เขารู้จากความทรงจำที่เดินเข้าออกซอยนี้ทุกวัน เมื่อพ้นซอยออกไปแล้วก็จะเจอถนนเส้นเล็กๆ ตรงข้ามทางออกซอยนั้นจะเป็นร้านขายของชำที่เปิดจนดึกทุกวัน เพื่อให้เจ้านายของเขาได้ดื่มเหล้าในตอนที่ต้องการ แล้วในที่สุด เขาก็เดินมาจนถึงปากทาง เส้นทางอีกาหมดลงที่ตรงนั้น พวกมันบินวนเวียนเกาะแกว่งอยู่กับเสาไฟในซอยโดยไม่ล้ำออกไปข้างนอกเลยแม้แต่นิดเดียว และตรงปากซอยก็ยิ่งหนาแน่น มีบางตัวบิดฉวัดเฉวียนผ่านหน้าจนต้องโบกมือและส่งเสียงไล่ มันก็ร้องเสียงดังตอบกลับมาอย่างโมโห

ชายฉกรรจ์รีบเดินออกมาให้พ้นซอย แล้วเข้าไปในร้านขายของชำ คนขายเป็นชายแก่ร่างเล็กที่ต้องอดตาหลับขับตานอนมานั่งเฝ้าร้านเนื่องจากถูกสังให้เปิดทั้งคืน

“แบบเดิมขวดนึง” เขาสั่ง

“ได้ๆ” ชายแก่รับคำเสียงพร่าก่อนจะเดินขโยกเขยกไปปีนเก้าอี้หยิบเหล้ามาให้ “240 บาท”

“ไปเก็บกับพี่กฤตเอาเองแล้วกัน!” ชายฉกรรจ์ตะคอกอย่างอารมณ์เสีย แค่โดนหัวหน้าสั่งให้ออกมาซื้อของก็น่าโมโหพออยู่แล้ว ดันมาเจอฝูงอีกาเข้าอีก เขาหิ้วเหล้าออกมาโดยไม่ได้จ่ายเงินเลยสักบาท ซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ชายแก่ซึ่งปลงตกกับชีวิตนี้แล้วจึงไม่ใส่ใจมาก เขาห่วงแต่ว่าลูกหลานที่จะดูแลร้านนี้ต่อจะต้องมาเจอเรื่องแบบเขา นี่สิที่น่าปวดใจ

ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ต้องเดินกลับเข้าไปในซอยนั้นอีกครั้ง และแน่นอนว่า ยังคงเต็มไปด้วยอีกาเช่นเดิม แต่คราวนี้เขาใจกล้าขึ้นเพราะตอนขามาพวกมันไม่ได้ทำอะไร

อีกาหลายตัวจ้องมองไปยังผู้สัญจรเพียงคนเดียวในค่ำคืนนี้ พวกมันส่งเสียงแหลมสูงเสียดหูกระพือปีกสีดำและโผบินไปมาบนฟ้า บางตัวเริ่มโฉบลงมาข่วนกรงเล็บลงบนแขนของชายฉกรรจ์ที่ยกขึ้นป้องหน้า เขาร้องออกมาก่อนจะเข่นเขี้ยว

“ไอ้พวกกานรก!” เขาตะโกนและหมายไว้ในใจว่าจะกลับไปเอาปืนมายิงทิ้งให้หมด

เสียงนกร้องตอบกลับมาเหมือนโต้คำต่อว่านั้นก่อนจะโฉบลงมามากขึ้นกว่าเดิม คราวนี้พวกมันบินกรูลงมาตรงหน้า และจิกตีวุ่นวายจนเขาปัดป้องไม่หมด จึงเริ่มออกวิ่ง และแล้ว....กาทั้งหมดที่เกาะแถวนั้นก็พากันร่อนลงมาเป็นขบวน แล้วบินเข้าไปกรุมรุมแย่งทึ้งชายกรรจ์จนแทบมองไม่เห็นตัวคน ได้ยินเพียงเสียงตะโกนและเสียงเท้าวิ่งหนี แต่หากมองไปก็จะเห็นเหมือนเงาดำที่เคลื่อนไหวไปตามทางเท่านั้น

จงอยปากแหลมคมจิกเนื้อจนเลือดซิบ ฉีกทึ้งเนื้อเป็นพัลวัน ในที่สุดเขาก็สะดุดขาตัวเองล้มลงคลุกคลานกับพื้น

ฝูงกากรุมรุมเข้ามาอย่างหนาแน่น จิกดวงตาทั้งสองข้างจนมืดบอด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั้งซอย แต่กลับไม่มีใครสนใจออกมาดูเพราะต่างก็กลับสนิทกันหมดแล้ว อีกทั้งเสียงนั้นยังถูกกลบด้วยเสียงร้องของกานับร้อยตัว

พวกมันผลัดกันจิกกินเนื้อสดนั้นอย่างสนุกสนาน เลือดไหลโทรมออกมาจากบาดแผลและเปื้อนบนพื้นถนนตามทางที่คืบคลานไป ตะเกียกตะกายอย่างทรมาน ร้องจนเสียงแหบแห้ง ต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าที่ร่างนั่นจะหยุดเคลื่อนไหวและเสียงเงียบหายไป เหลือเพียงเสียงร้องของกาดังไปทั่วถนนทางเดินอันวังเวง และเสียงกระพือปีกเหนือร่างที่หมดลมหายใจ เนื้อถูกฉีกทึ้งจนแหว่ง ดวงตาถูกจิกกินจนหมด และเนื้อส่วนที่เหลือก็ยังถูกแย่งยื้อราวกับอาหารค่ำอันโอชะ

ใกล้ๆนั้น บนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง มีเงาของชายร่างสูงใหญ่ปรากฏอยู่พร้อมกับปีกสีแดงบนแผ่นหลัง เขาจ้องมองลงมายังถนนและฝูงกาอย่างเย็นชา ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำราวกับเลือด รอบกายของเขามีนกบริวารอารักขาอยู่ไม่ห่าง

เมื่อเสียงร้องเงียบไปแล้ว ชายคนนั้นจึงผินหลัง และกระพือปีกจากไปในความมืดของยามราตรี....


--------------------------------->
TBC
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 05-02-2011 02:06:36
คุณรักษ์เริ่มออกฤทธิ์ออกเดชบ้างแล้ว เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ลุ้นๆ ค่ะ o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 05-02-2011 02:52:18
สนุกดีค่ะ เนื่อเรื่องน่าติดตามมากๆ
ยิ่งตอนล่าสุดนี่.. คุณรักษ์แรงงงงง
รอตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 05-02-2011 03:02:36
เอาคืนให้หนัก ๆ เลยค่ะ คุณรักตปักษ์


 :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 05-02-2011 04:44:42
อ่านตอนนี้แล้วแอบขนลุกเลยอ่ะ ตารักต์นี้ดูและเอาจริงเหมืิอนกันนะเนี้ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 05-02-2011 05:53:38
สงสารจิน... :monkeysad:
ควรจัดการกฤตนันท์ด้วย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 05-02-2011 06:53:59
 o18 เรื่องราวชักจะเข้มข้นน่าติดตาม
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 05-02-2011 07:11:59
เล่นกันเเร้ง เเรงๆ

รีบมาต่อนะ สนุกๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-02-2011 08:22:21
ระวังตัวให้ดีไอ้คุณสัด   ถึงทีเขาบ้างละ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 05-02-2011 09:04:58
นกแดง แรงงงงงงงว่ะ
555 แต่ล่ายหล่างจายมั่ก ขออีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 05-02-2011 09:12:39
พี่รักต์แกโหดใช้ได้เลยนะเนี่ย

คนแต่งสู้ๆ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 05-02-2011 10:35:00
ไอ้เวรนั่นที่จะแบ่งหุ้นให้กึ่งนึงคือใครอ่า  ใครหักหลังคุณยาสุดสวย  >.<
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 05-02-2011 10:42:29
ดุเดือดจริงๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 05-02-2011 11:27:57
ขนลุกเลย น่ากลัว

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 05-02-2011 13:55:07
ตื่นเต้นจัง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 05-02-2011 15:39:13
ชอบตอนนี่จังเลยสนุกดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 05-02-2011 16:49:56
คุณรักต์โหดนะคะเนี่ย....

อีกานั่นติด ไวรัส T หรือเปล่าคะเนี่ย ???   o18
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 05-02-2011 17:04:14
โหดอะ  :fire:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 05-02-2011 17:22:12
คุณรักษ์โหดซะ  :sad3:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 05-02-2011 17:35:09
กลับมาหาคุณรักต์พี่ครุฑสุดเท่ห์แว้ววว~
โห...นิวลุคของพี่ครุฑเรา เข้มได้ใจ(ปนหยองนิดๆ ไม่กล้าทำแกพิโรธเลย)
อ่านตอนนี้แล้ว อยากดูหนังเรื่องอีกาพยายมขึ้นมาตะหงิดๆ(หนังบ่งอายุมาก 55) เพราะพี่พระเอกเรื่องนั้นก็เท่ห์ได้ใจมิแพ้พี่ครุฑเลย
ปล.รอลุ้นว่าใครคือคนบงการไอ้บ้ากฤต หนอยแน่ๆ คิดร้ายกะนาคน้อยของเราเหรอ เดี๊ยๆ  >^<
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 05-02-2011 17:48:25
สนุกดีนะคะ เข้าใจวางพล็อทเรื่อง

 :จุ๊บๆ: +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 05-02-2011 17:56:06
โหดมากกก  แรงกว่านาคน้อยหลายเท่านักนะท่านครุฑ  o13 o13
สายตาที่มองอย่างเย็นชา อึ๋ยยย
ความจริงก็โกรธนาคน้อยอยู่ใช่มั้ยค่ะ แต่เห็นความฝันของนาคน้อยแล้ว อย่าทำอะไรรุนแรงมากนักนะตัวเอง เดี๋ยวนาคน้อยจะเกลียดไปกันใหญ่
ใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังกฤตินันท์ฟระ  :m31:
Ps. เรา รัก sm ค่ะ เราไม่ได้อยากเห็นนาคน้อยโดนท่านครุฑลงโทษเลยจริงจริ้ง    o18 o18
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: b27072010 ที่ 05-02-2011 18:23:29
น่าสงสารจินที่ต้องมารับเคราะห์
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 05-02-2011 18:23:55
 o18
อืม
น่ากลัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 05-02-2011 19:08:22
บอกตรงๆครับไม่ชอบอ่านฟิคชั่น
เเต่อ่านเรื่องนี้เเล้วติดหนึบเลย อินมากๆ
สนุกจนไม่อยากให้จบตอน  คุณรักษ์
ตามเก็บให้หมดเลยอย่าให้เหลือสักคน  
สัตยาก็เเค้นไม่ลืมหูลืมตา  ทั้งที่เขาชุบชีวิต
นาคที่ฆ่าหมอทุกตัวเเล้ว แค้นจนทำคนที่ไม่
เกี่ยวข้องเดือดร้อนเลย เรื่องเริ่มเข้มข้นครับ
ติดตามอ่านกันต่อไป+1ให้ครับ    21+1=22
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 05-02-2011 19:33:19
ชอบบบบบบบบบบบบบบ

แนวนี้
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Ayame ที่ 05-02-2011 20:23:53
ชอบอ่านแนวนี้อยู่แล้ว มาเจอเรื่องนี้ อ่านรวดเดียว5ตอนเลย สนุกมากๆเลยค่ะ   o13

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 05-02-2011 21:01:26
เพราะความแค้นแท้ๆเลย   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 05-02-2011 21:23:00
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย

ขอบคุณคนแต่งมากๆ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-02-2011 22:34:57
เฮ้อ พัวพันอีรุงตุงนังไปหมด  :เฮ้อ:

หวังว่าจะไม่มีตัวละครที่เราชอบเจ็บหรือตายเน่อ  o22
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 06-02-2011 08:49:28
เข้ามาดันเรื่องหนุกๆ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 06-02-2011 12:03:31
วันรุ่งขึ้น จินก็ได้รับของขวัญเป็นช่อดอกไม้จากรักตปักษ์ แม้เขาจะยังขยับตัวไม่ได้ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อได้ยินว่าเป็นของฝากจากสัตยา

“ขอบคุณนะครับพี่รักต์” จินพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“น่าเสียดายนะที่คุณสัตยาเขาไม่ว่างมาเยี่ยม” รักตปักษ์ว่าพลางลูบหัวจิน “แล้วน้ำฝนไปไหนซะล่ะ? ตั้งแต่พี่มายังไม่เจอเลย”

“น้ำฝนเขาลงไปซื้อของน่ะครับ อีกเดี๋ยวคงมา” จินตอบไม่ทันขาดคำ ประตูก็เปิดออก

“อ้าว สวัสดีค่ะพี่รักต์” น้ำฝนทักทาย “วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ?”

“พี่นัดคนไว้ตอนบ่าย เลยมาหาเราสองคนก่อนนั่นแหละ เอาขนมมาฝากด้วย” รักตปักษ์ว่าแล้วยกถุงเค้กขึ้นมา น้ำฝนเห็นก็ร้องอย่างดีใจแล้วกระโดดกอดรักตปักษ์เต็มแรง

“รักพี่รักต์ที่สุดเลย! ฝนเบื่ออาหารโรงพยาบาลจะแย่แล้ว”

“เพิ่งจะได้กินไปสองมื้อเองนะน้ำฝน” รักตปักษ์แย้ง ทำเด็กสาวหน้าบูดหน้างอ หันไปคว้าหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายมาอ่านแก้งอน ก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นพาดหัวข่าวแล้วละล่ำละลักเรียกรัตปักษ์มาอ่านด้วยความตกใจถึงขั้นสยอง

ศพตายปริศนา แพทย์ระบุ ถูกนกรุมทึ้งจนตาย!

นั่นคือข้อความพาดหัวข่าว และมีภาพประกอบเป็นภาพศพนอนคว่ำอยู่บนพื้น ทั้งตัวมีแต่รอยเลือดจนมองไม่ออกว่าเคยมีสภาพเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเซนเซอร์ด้วยโมเสคอย่างที่นักหนังสือพิมพ์ชอบใช้ด้วย

เนื้อข่าวกล่าวว่า ไม่อาจระบุได้ว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะในตัวไม่มีทั้งบัตรประชาชนหรือบัตรใดๆที่จะบอกถึงการมีตัวตนได้ และไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมามีสภาพเช่นนี้ โดยแพทย์ที่ชันสูตรพลิกศพยืนยันชัดเจนว่าบาดแผลนั้นเกิดจากจงอยปากนกไม่ผิดแน่ แต่จะเป็นนกประเภทไหนต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับนกโดยตรงเป็นคนยืนยัน สภาพศพคือเนื้อทั้งตัวถูกทึ้งจนเกือบเห็นกระดูก ลูกตาถูกจิกกินจนหมดทั้งสองข้าง เนื้อริมฝีปาก ใบหู จมูก เนื้อเยื่อรอบดวงตา และลิ้นถูกจิกกินจนหมดเช่นกัน ใต้ตัวผู้ตายมีรอยเลือดทาบเป็นทางยาว แสดงถึงการดิ้นรนก่อนจะหมดลม ใกล้ๆนั้นมีถุงใส่ขวดเหล้าหล่นแตกกระจายอยู่ สอบถามคนละแวกนั้น ทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงกาซึ่งดังกว่าปกติแต่ก็ไม่ได้เอะใจออกมาดู ข่าวจึงสรุปว่านกที่ทำการสังหารคือกา

นอกจากนี้ ในข่าวยังกล่าวต่อว่า มีร้านขายของชำร้านหนึ่งซึ่งเปิดจนดึกประจำ มีชายแก่ดูแลคนเดียวอยู่ใกล้ๆนั้น แต่เมื่อไปสอบถาม กลับได้รับคำตอบกลับมาเพียงว่า

“กรรมตามสนองแล้ว”

น้ำฝนทำหน้าเบ้เมื่ออ่านจบ

“น่าสยดสยองจัง” เธอว่า

“เฮ้อ ไม่รู้ไปทำอะไรมา ปกตินกเป็นสัตว์รักสงบแท้ๆ ทำให้พวกมันคลุ้มคลั่งถึงขนาดนี้ คงจะต้องพูดตามที่เจ้าของร้านขายของชำแกว่าล่ะนะ” รักตปักษ์กล่าวก่อนจะปิดหนังสือพิมพ์แล้วพับเก็บบนโต๊ะเล็ก “ว่าแต่ นอกจากหนังสือพิมพ์แล้ว ซื้ออะไรมาอีกเยอะแยะน่ะ น้ำฝน”

“ก็....แหะๆ.....ของยังชีพไงคะ” เด็กสาวตอบเสียงเขินๆก่อนกางถุงให้ดู ทั้งรักตปักษ์และจินก็พากันเบิกตากว้างด้วยความอัศจรรย์ใจเมื่อพบว่าในถุงนั้นเต็มไปด้วยขนมและขนม

“ซื้อมาเยอะขนาดนี้ ไม่ต้องกินเค้กที่พี่ซื้อก็ได้มั้ง” รักตปักษ์แกล้งเย้าแล้วดึงถุงขนมเค้กคืน เพียงเท่านั้น เด็กสาวก็ร้องโวยวายประท้วงยกใหญ่จนนางพยาบาลต้องเข้ามาเอ็ดเพราะเสียงไปรบกวนคนไข้ห้องอื่นเข้า น้ำฝนจึงกลับมานั่งสงบเสงี่ยมเช่นเดิม

อาหารมื้อเที่ยงก็ยังคงเป็นอาหารโรงพยาบาลที่น้ำฝนบ่นอุบอิบตลอดเวลา ในตอนนั้นเอง ประตูห้องคนไข้ก็เปิดออก และปรากฏร่างของสัตยายืนอยู่ข้างหน้าเรียกสายตาแสดงความฉงนสนเท่ห์ใจจากรักตปักษ์ และความยินดีจากน้ำฝนซึ่งเหลือบไปเห็นถุงอาหารในมือของหญิงสาวข้างหลังสัตยา

“ผมมาเยี่ยมอาการของจิน คุณคงไม่ว่าอะไร” สัตยากล่าวกับรักตปักษ์

“วันนี้ไม่ทำงานหรือครับ คุณยา” เขาเอ่ยถาม เพราะวันนี้ไม่ใช่วันหยุด สัตยาควรจะอยู่ที่บริษัท หรือหากจะมาเยี่ยมก็น่าจะมากับเชิดชัย ไม่ใช่มากับกิ่งแก้ว

“สวัสดีค่ะ คุณสัตยา” น้ำฝนรีบยกมือไหว้ “แล้วพี่สาวคนนี้เป็นภรรยาคุณสัตยาเหรอคะ?” คำพูดน้ำฝนเรียกริ้วแดงบนแก้มของกิ่งแก้ว และสีหน้าบอกไม่ถูกของสัตยา

“น้องนี่ปากหวานเชียว แต่ไม่ใช่หรอก พี่เป็นคนรับใช้ของบ้านคุณยาเขาน่ะ” กิ่งแก้วแก้คำ “แหม ถ้าพี่เป็นภรรยาของคุณยาจริงนะ พี่ดีใจตายเลย”

“กิ่งแก้ว” สัตยากระแอมเตือนเบาๆ

“แหม คุณยาก็ กิ่งพูดเล่นนิดเดียวเอง” หญิงสาวลูกสองหัวเราะก่อนจะเอาถุงไปวางบนโต๊ะ “คุณท่านได้ข่าวว่าคนของคุณรักต์เข้าโรงพยาบาล เลยให้คุณยากับกิ่งเอาอาหาร ผลไม้ แล้วก็ขนมมาฝากเยอะแยะเลยค่ะ” กิ่งแก้วว่าไปก็หยิบของออกมาทีละชิ้น

“ขอบคุณมากครับกิ่งแก้ว แล้วนี่พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าจินอยู่ห้องไหน?” รักตปักษ์แสดงความสงสัย

“คุณเคยบอกว่าพ่อของคุณทำนิตยสาร Business Daily คุณตาก็เลยติดต่อไปหาพ่อของคุณเพื่อสอบถาม เพราะผมโทรหาคุณตลอดทั้งคืนคุณกลับไม่รับสาย” สัตยากล่าวพลางเหลือบไปมองหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าวน่าสยดสยอง “ท่าทางเมื่อคืนคุณคงจะติดธุระ”

“ครับ นิดหน่อย” ชายหนุ่มผมแดงคลี่ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองสองสาวในห้องที่พากันไปนั่งคุยกันถูกคอเสียแล้ว ทั้งนี้เพราะน้ำฝนเป็นคนชอบกิน ส่วนกิ่งแก้วก็ชอบทำอาหาร เมื่อนำมาอยู่ด้วยกันก็เหมือนเจอคู่ตรงข้าม กลายเป็นคุยกันออกรสไปเสียอีก

“คุณจิน เป็นยังไงบ้าง?” สัตยาเดินเข้ามาข้างเตียงแล้วเอ่ยถาม ดวงตาของเขาฉายแววโศกสลดเมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่าย การบาดเจ็บนั้นไม่ใช่น้อยเลย ทั้งตัวแทบจะถูกห่อหุ้มด้วยเฝือกอ่อน บนใบหน้ายังมีรอยช้ำและบวมเป็นจำนวนมาก ซ้ำยังขยับตัวลำบากเพราะซี่โครงยังไม่สมานกันดี เขาไม่แปลกใจว่าทำไมรักตปักษ์ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงขนาดนั้น

“อย่าเรียกผมคุณจินเลยครับ มันเขินยังไงไม่รู้” จินว่าพลางหัวเราะเสียงแล้วแล้วร้องโอยเพราะเจ็บแผล

“ถ้าอย่างนั้นผมควรเรียกยังไง?” สัตยาถามด้วยถ้อยคำที่ยังคงฟังเป็นทางการ แต่จินก็ทำใจรับได้แล้วเพราะรักตปักษ์อธิบายให้ฟังเรียบร้อย จึงไม่รู้สึกอึดอัดเท่าครั้งก่อน

“เรียกว่าน้องจินก็ได้ครับ ส่วนคนนู้นน่ะ เรียกยัยฝนไปเลย” เด็กหนุ่มไม่วายพาดพิงถึงเพื่อนสาวที่กำลังคุยติดพัน

“จิน! อย่าให้หายนะ!” น้ำฝนหันมาตวาดเสียงแหลม ก่อนจะหันไปหาสัตยาแล้วทำเสียงน่ารัก “เรียกฝนว่าน้องฝนเถอะค่ะ แล้วให้ฝนเรียกว่าพี่ยานะคะ”

สัตยาคลี่ยิ้มบางแทนการรับคำ เป็นการยิ้มที่มีน้อยครั้งต่อหน้าคนนอก รักตปักษ์จึงมองอย่างพออกพอใจสำหรับพัฒนาการครั้งนี้ แต่เมื่อเขามองนาฬิกา ก็พบว่าใกล้ถึงเวลานัดเข้าไปทุกที รักตปักษ์จึงลุกขึ้นแล้วหยิบเป้มาสะพายบนบ่าก่อนหันมาทางสัตยา

“คุณยา วันนี้จะกลับไปบริษัทไหม? ผมกำลังจะไปแถวนั้น เดี๋ยวผมไปส่ง”

“วันนี้ผมให้นายประเสริฐขับรถมา เดี๋ยวผมให้เขาขับไปส่งที่บริษัทก่อนแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้” สัตยาว่าเช่นนั้น

“จะให้วนไปวนมาทำไมกัน? ให้นายประเสริฐเขากลับบ้านไปเถอะ คุณมาซ้อนมอเตอร์ไซด์ผมแปบเดียวก็ถึง”รักตปักษ์ชี้แจงแล้วมัดมือชกหิ้วกระเป๋าเอกสารของสัตยาติดมือไปเรียบร้อย ด้วยเหตุนั้น สัตยาจึงหมดสิทธิปฏิเสธ จำต้องเดินตามไปที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล พลางนึกถึงเมื่อครั้งแรกที่เขาได้ซ้อนมันก็เป็นที่นี่เหมือนกัน

สัตยาไม่กล้าถามว่าอีกฝ่ายหายโกรธหรื อยัง เขาทำเป็นไม่สนใจในเรื่องนั้น แล้วรับหมวกกันน็อคมาสวมก่อนจะขึ้นขี่ ครั้งนี้เขาได้เรียนรู้มากขึ้นและพบว่าการซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ผิดกัน กลับง่ายเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากทรงตัวและจับคนขับให้แน่นเท่านั้นเอง
รักตปักษ์ขับรถไปส่งสัตยาถึงหน้าบริษัท ก่อนจะวนรถออกไปอีกทางหนึ่ง

และหลังจากวันนั้น รักตปักษ์ยุ่งทั้งเรื่องงานและจินจนไม่มีเวลาได้มาพบกับสัตยาอีกเลย จนกระทั่งถึงวันประกาศผลรางวัลงานประกวดซึ่งเป็นโครงการของสัตยา

กว่าจะถึงวันนี้ได้ กรรมการงานประกวดทุกคนต้องคร่ำเค่งกับการให้คะแนนผลงานเป็นอย่างมาก เพราะหลายชิ้นเป็นที่ถูกอกถูกใจและยังแสดงถึงความสามารถของผู้ออกแบบ ทำให้พวกเขายากที่จะตัดสินลงไปว่าใครเหนือกว่า อีกทั้งงานประกวดนี้ สัตยาได้ตั้งกติกาไว้ว่าผู้ส่งผลงานต้องใช้นามแฝงเพื่อไม่ให้มีการตัดสินกันจากชื่อที่การันตีความสามารถ แต่ต้องมาจากความสามารถจริงๆ

และผลงานที่ได้ชนะเลิศนั้น คือผลงานที่ตรงกับใจสัตยามากที่สุด ถึงอย่างนั้นผลคะแนนก็มาจากคณะกรรมการ ไม่ได้มาจากการตัดสินของเขา จึงนับว่าคนๆนี้มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์

งานประกาศผลจัดในห้องสัมมนาใหญ่ของบริษัท ซึ่งสามารถจุคนได้ราวห้าร้อยคน ภายในงานประดับประดาสถานที่ด้วยผ้าไหมเนื้อดีอันเป็นสัญลักษณ์ของเครือชลวรินทร์ ทำให้มองไปทางใดก็ละลานตาไปด้วยสีสันอันงดงามตามแบบไทยแท้แต่ดั้งเดิมและไทยประยุกต์ผสมผสานกันอย่างลงตัว

รางวัลนั้นแบ่งออกเป็นห้าส่วน คือ รางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง รองชนะเลิศอันดับที่สอง และรางวัลชมเชยสองรางวัล แต่ละรางวัลจะมีการแจกใบประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมประกวดที่ได้ตำแหน่งนั้นๆ และงานทุกชิ้นที่ส่งเข้าประกวดจะถือว่าเป็นงานที่ขายขาดลิขสิทธิ์ให้เครือชลวรินทร์ไปโดยปริยาย ผู้เข้าประกวดยังมีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมทำงานกับทางบริษัท และใช้รางวัลแทนใบรับรองความสามารถไปสมัครงานกับที่อื่นได้อีกด้วย

สัตยาซึ่งเป็นประธานบริษัทเจ้าของโครงการได้รับเกียรติเป็นผู้แจกรางวัลกับผู้เข้าประกวดที่ได้คะแนนสูงสุดทั้งห้าอันดับ

การประกาศผลรางวัลจะประกาศจากรางวัลชมเชยขึ้นมาเป็นรางวัลชนะเลิศ และจะประกาศด้วยแฝงตามด้วยชื่อจริงของคนๆนั้น

ทุกๆครั้งที่มีการประกาศชื่อเพื่อขึ้นรับรางวัล เสียงปรบมือแสดงความยินดีจะดังกระหึ่มไปทั่วห้องสัมมนา ผลงานที่ได้รับรางวัลจะถูกฉายขึ้นจอโปรเจคเตอร์ด้านหลังเวที ทำให้ผู้ร่วมงานและนักข่าวรวมทั้งผู้ที่ชมทางโทรทัศน์ได้เห็นผลงานเหล่านี้ไปพร้อมๆกัน เป็นการโปรโมทสินค้าไปอีกทางหนึ่ง เพราะอีกครึ่งเดือนก็จะถึงกำหนดออกผลิตภัณฑ์ชุดใหม่สำหรับฤดูหนาว

และแล้วก็มาถึงรางวัลชนะเลิศ

“สำหรับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่....ผลงานของคุณ Jinni หรือชื่อจริงคือ คุณจินตนัยครับ” ผู้ประกาศกล่าวเสียงก้องตามด้วยเสียงปรบมือดั่งกระหึ่ม ทว่า....กลับไม่มีใครออกมารับรางวัล ผู้ประกาศจึงกล่าวต่อ “แต่เนื่องจากคุณจินตนัยติดธุระกะทันหันทำให้ไม่สามารถมาได้ จึงส่งตัวแทนมารับรางวัลแทนครับ ขอเชิญตัวแทนของคุณจินตนัยด้วยครับ” หลังสิ้นคำประกาศ สัตยาก็สังเกตเห็นเรือนผมสีแดงสะดุดตาปรากฏขึ้นในหมู่ผู้ร่วมงาน ร่างสูงใหญ่นั้นดูโดดเด่นเมื่อยืนขึ้นท่ามกลางผู้คน เขาเดินตรงมายังเวทีพร้อมรอยยิ้มสุขุมตามที่เจ้าตัวชอบแสดง

รักตปักษ์ก้าวขึ้นมาบนเวที และรับรางวัลจากสัตยาก่อนจะถ่ายรูปด้วยกัน

“ผลงานของใครกัน?” สัตยากระซิบถาม

“เดาไม่ออกหรือ?” รักตปักษ์ตอบแล้วยิ้มให้กล้อง “ของจินไง”

สัตยาแสดงการรับรู้ทางสายตา ก่อนจะปล่อยมือจากรางวัลเพื่อให้รักตปักษ์นำลงไปจากเวที ต่อจากนั้น เขายังต้องกล่าวแสดงความยินดีกับทั้งห้าคนอีกยาวเหยียดโดยมีเชิดชัยช่วยร่างบทพูดให้

งานประกวดจบลงในช่วงเย็นท่ามกลางเสียงตอบรับในแง่บวกของผู้เข้าร่วมงานทุกคน ทำให้สัตยาได้รับการชื่นชมจากผู้บริหารที่เคยหมิ่นแคลนว่าเป็นเด็กไร้ประสบการณ์มากขึ้น และสัตยาก็คิดว่า สิ่งที่ทำลงไปนั้นได้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากที่ผ่านมา

และเมื่อเขากลับมาที่บ้านในตอนค่ำ เขาก็พบว่าพงษ์ศักดิ์กำลังรออยู่ในห้องโถง ใบหน้าของชายชราเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและปลาบปลื้มยินดีภายใต้ความดุดันอันเป็นเอกลักษณ์

“อ้าว คุณตา ทำไมมายืนตรงนี้ล่ะครับ” สัตยาเดินเข้าไปหาแล้วช่วยพยุงอีกฝ่าย

“รอหลานนั่นแหละเจ้ายา” พงษ์ศักดิ์ว่า “งานประกวดได้ข่าวว่าไปได้ดี ตาก็ดีใจแทนหลานด้วยนะ” เขากล่าวด้วยสุ้มเสียงแสดงถึงความชื่นชมและเอ็นดู มือข้างหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นตามวัยยกขึ้นลูลศีรษะผู้เป็นหลานอย่างเบามือ

“ครับ เพราะความช่วยเหลือจากทุกคนผมถึงทำได้ขนาดนี้ คุณตาก็เป็นแรงใจของผมเหมือนกันครับ” สัตยาพูดพลางยิ้ม

“ปากหวานนะเรา ไป พยุงตาไปห้องกินข้าวหน่อย ไม่ได้กินข้าวกับตามาหลายวัน วันนี้ห้ามเบี้ยวนะ” พงษ์ศักดิ์หยอกเย้า เพราะยิ่งใกล้วันประกาศผล สัตยาก็ดูจะวุ่นวายกับการจัดสถานที่ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจะลงไปดูงานด้วยตัวเอง จึงต้องกินข้าวกับคนงานและกลับบ้านดึกดื่นทุกวัน ส่วนรักตปักษ์ก็งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาจะแวะมาหา ทำให้หลายวันมานี้พงษ์ศักดิ์ต้องกินข้าวคนเดียวทุกมื้อ ในวัยหนุ่มเขาอาจชินที่จะอยู่คนเดียวในโต๊ะอาหาร แต่พอแก่ตัวลง ความขี้เหงามันก็มากขึ้น อยากจะให้หลานอยู่ข้างๆ

“วันนี้ผมสัญญาแล้ว ไม่เบี้ยวหรอกครับ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงหวานแล้วพยุงพงษ์ศักดิ์ไปยังห้องอาหาร แล้วเขาก็พบว่าบนโต๊ะมีสำรับอาหารจัดเตรียมพร้อมอยู่แล้ว แต่ละจานถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม ซ้ำยังนำจานชาม ช้อนส้อมที่เป็นของสะสมจากเมืองจีนของพงษ์ศักดิ์มาใช้ทั้งที่เจ้าตัวหวงนักหวงหนา

“ถูกใจไหม เจ้ายา?” เขาถามหลานชายที่ยืนตะลึงอยู่ข้างกาย

“ขอบคุณครับคุณตา” สัตยากราบลงบนอกของผู้เป็นตา ก่อนจะพยุงไปนั่งลงที่หัวโต๊ะอันเป็นที่ประจำของพงษ์ศักดิ์มาตั้งแต่ตอนที่เป็นคุณท่านของบ้านชลวรินทร์ใหม่ๆ ทันใดนั้น กิ่งแก้วที่รู้หน้าที่ก็รีบรุดเข้ามาตักข้าวสวยร้อนๆใส่จานของพงษ์ศักดิ์กับสัตยา กลิ่นข้าวสวยหอมฉุยเรียกน้ำย่อยของชายหนุ่มได้อย่างดี เพราะทั้งวันเขาแทบจะไม่ได้แตะอะไรเลยซ้ำยังเหนื่อยจากงานมาหลายวัน กินแต่ข้าวแฉะๆของคนงานเป็นอาทิตย์ เมื่อได้สัมผัสเม็ดข้าวอิ่มๆนุ่มๆอีกครั้ง สัตยาก็เจริญอาหารขึ้นผิดหูผิดตา

พงษ์ศักดิ์ไม่ได้เอ่ยทักอะไรเมื่อเห็นสัตยากินเอาๆ กลับมองดูอย่างสุขใจเสียอีกที่หลานของตนได้กลับมากินข้าวที่บ้านอย่างมีความสุข

“แล้ววันนี้เจ้าก้องเจ้าเกริกไปไหนล่ะครับ?” ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ เพราะปกติเมื่อถึงมื้อค่ำ เด็กทั้งสองจะต้องมาอยู่ข้างๆแม่ คอยช่วยหยิบนั่นหยิบนี่อย่างขยันขันแข็ง

“แม่กิ่งเขาต้อนลูกขึ้นนอนไปแล้ว บอกว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ เลยไม่อยากให้มีเด็กๆกวนใจ” พงษ์ศักดิ์ตอบพลางตักอาหารใส่จาน “เอ้อ นี่ เจ้ายา แล้วพ่อเด็กที่ชื่อจิน ลูกมือของคุณรักต์เขาเป็นยังไงบ้างล่ะหือ? ระยะนี้คุณรักต์เขาไม่ว่าง ก็ไม่ได้ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเลย”

“อาการดีขึ้นมากแล้วครับ กระดูกก็สมานกันแล้ว เหลือแต่ทำกายภาพบำบัด อีกไม่นานก็คงออกจากโรงพยาบาลได้ครับ” สัตยาตอบตามที่ได้ถามมาจากรักตปักษ์หลังจากรับรางวัลแล้ว เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้ไปเยี่ยมจินอีกเลยเช่นกัน

“ก็ดี คุณรักต์เขาจะได้เหนื่อยน้อยลง เฮ้อ ไม่รู้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรนะ คนก็มีน้อยอยู่แล้ว กลับมาโดนทำร้ายเสียอีก ของก็เสียหายหมดเลยไม่ใช่หรือ?” ชายชราว่า ทำให้สัตยาสลดลงเพราะสิ่งเหล่านั้นเกิดจากความคิดชั่ววูบของเขาเท่านั้นเอง แต่ผลของมันกลับร้ายแรงจนเกินไปจากที่ได้คาดคิดไว้ ได้แต่นึกโทษตัวเองว่าไม่น่าไว้ใจคนอย่างกฤตนันท์เลยจริงๆ

“คุณรักต์บอกว่า พ่อของเขาจะช่วยเรื่องค่าของเพราะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยน่ะครับ” เสียงสัตยาเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย

“ดีแล้ว ถ้าให้คุณรักต์รับผิดชอบคนเดียวก็ไม่ไหวเหมือนกัน” พงษ์ศักดิ์พยักหน้ารับก่อนมุ่นคิ้ว “สีหน้าไม่ดีนะ ไม่สบายหรือเปล่า?”

“เปล่าครับ....ผมแค่เหนื่อยนิดหน่อย” ชายหนุ่มตอบคำแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ

“นี่ก็ใกล้หน้าหนาวแล้ว อากาศมันก็เปลี่ยน ระวังสุขภาพด้วยก็ดี”พงษ์ศักดิ์เตือนด้วยความห่วงใย เพราะสัตยาเคยป่วยมาแล้วครั้งหนึ่งในปีนี้ สัตยาจึงรับคำเพื่อให้ผู้เป็นตาเบาใจลง


-------------------------->


สองอาทิตย์ต่อมา นิตยสาร Business Idol ฉบับที่สี่ก็วางแผง และยังคงส่งมาให้กับสัตยาเหมือนกับสามฉบับก่อนหน้า วันรุ่งขึ้น ก็เป็นการเปิดตัวสินค้าใหม่ของเครือชลวรินทร์ก็กลายเป็นที่จับตามองของทั้งประเทศและวงการแฟชั่นของโลก เพราะมีการผลิกโฉมเดิมที่เน้นการอนุรักษ์แฟชั่นย้อนยุคกับผ้าไหม กลายเป็นนำผ้าไหมมาทำให้เข้ากับแฟชั่นในยุคปัจจุบัน มีออร์เดอร์สั่งซื้อเข้ามาล่วงหน้าเป็นจำนวนมากจนจัดส่งแทบไม่ทัน แต่ก็โชคดีที่ผลิตของไว้มากพอที่จะไม่ขาดตลาดเร็วนัก ดังนั้นสถานะของสัตยาและรักตปักษ์ตอนนี้ จึงเป็นสถานะของคนที่เพิ่งได้ช่วงพักหายใจหายคอช่วงสั้นๆ

สัตยาถือวันว่างวันหนึ่ง ไปเยี่ยมจินที่โรงพยาบาลเพื่อแสดงความยินดีเรื่องงานประกวดด้วยตัวเอง และเขาก็พบว่าจินนั้นสามารถลุกจากเตียงได้แล้ว แม้ว่าร่างกายจะยังไม่แข็งแรงมากนัก เด็กหนุ่มที่เคยผอมเก้งก้างอยู่แล้วกลับยิ่งผอมกว่าเดิมเพราะตอนป่วยแทบจะกลืนอาหารไม่ได้

“ผมคิดว่าพี่ยาจะไม่มาแสดงความยินดีกับผมแล้วซะอีก” จินว่า “อิจฉาพี่รักต์ชะมัด ได้ไปรับรางวัลจากพี่ยาบนเวทีด้วย เพราะสามคนนั้นแท้ๆเชียว” เขากำหมัดอย่างแค้นใจ

“ผมเสียใจด้วย ผมก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น” สัตยาทำเสียงอ่อน ดูเหมือนเรื่องนี้จะย้อนกลับมาตอกย้ำความผิดพลาดของเขาได้เสมอโดยที่คนรอบข้างไม่ได้ตั้งใจ

“พี่ยาจะมาขอโทษผมทำไมครับ พี่ยาไม่ได้เป็นคนผิดเสียหน่อย” เด็กหนุ่มกล่าวปลอบ ทำให้สัตยายิ่งรู้สึกแย่มากกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่าหากวันหนึ่งจินรู้ความจริงทั้งหมด จินจะยังคงยกโทษและยิ้มให้เขาได้เช่นนี้อยู่หรือไม่

“เสียดายไปทำไม จิน” รักตปักษ์โพล่งขึ้นมา “เธออยู่นี่ คุณยาก็อยู่นี่ ของรางวัลก็ตั้งอยู่บนโต๊ะ แล้วยังมีตากล้องฝีมือดีอยู่ตรงนี้อีกคน พี่จะถ่ายให้สวยกว่าที่พวกนั้นถ่ายบนเวทีซะอีก”

“นั่นสิ เอ้า! จิน ลุกขึ้นมาสิ เดี๋ยวฝนเป็นพิธีกรให้เอง” น้ำฝนปรบมือแล้วเข้าไปดึงจินขึ้นมาจากเตียง

“เฮ้ๆ ถ่ายในชุดคนป่วยมันไม่เท่ห์เลยนะ” จินประท้วง

“เดี๋ยวไปตัดต่อใส่ชุดอื่นทีหลังสิ พี่ชำนาญอยู่แล้ว” รักตปักษ์พูดไป มือก็เริ่มหยิบกล้องขึ้นมาจากกระเป๋า “แถมวันนี้คุณยาก็ใส่เสื้อเชิ๊ตธรรมดา ถ้าจินแต่งหล่อ คุณยาก็ไม่เด่นน่ะสิ”

“พี่รักต์ก็ห่วงแต่พี่ยานั่นแหละ ไปแต่งงานกันเลยไป๊!” คนป่วยร้องงอแง

“ได้ๆ เดี๋ยวไปจดทะเบียนสมรสบ่ายนี้เลย” รักตปักษ์ก็รับมุกเสียอย่างนั้น

“คุณรักต์!” สัตยาร้องเสียงหลง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเล่นหรือพูดจริง เรียกสายตาขำขันแกมเอ็นดูจากชายหนุ่มผมแดงให้หันมามองก่อนจะยิ้มน้อยๆก่อนจะส่ายศีรษะ ท่าทีตอบรับเช่นนั้นทำให้สัตยายิ่งเดือดกว่าเดิม เขาขมวดคิ้วจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน ครั้นจะโวยวายออกไปก็ใช่ที่ เพราะมีคนอยู่เยอะแถมยังเป็นเด็กๆ เขายังไม่อยากถูกจินกับน้ำฝนมองว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 06-02-2011 12:03:52
“เอ้า นี่รางวัลค่ะพี่ยา” น้ำฝนนำรางวัลที่ตั้งบนโต๊ะมายื่นให้ ก่อนหันไปจูงมือจินมายืนข้างๆ “เอาล่ะน้า....ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านสู่งานประกาศผลรางวัล Chonlavarint Silk’s Product Design ครั้งที่หนึ่งและผู้ชนะเลิศการประกวดครั้งนี้ได้แก่....”

“เร็วอะไรขนาดนั้น!” จินร้อง

“จะให้อารัมภบทอะไรยืดยาวเล่า ก็คนรับรางวัลมีนายคนเดียวนี่” น้ำฝนแย้งแล้วพูดต่อ “ผู้ชนะเลิศในการประกวดครั้งนี้ได้แก่.....คุณ Jinni หรือนายจินตนัยค่า!” พูดจบ เธอก็ปรบมือเสียงดังหลายครั้งขณะที่จินยื่นมือไปรับของจากสัตยาแล้วมองกล้องอย่างเขินๆ

“ยินดีด้วยนะครับ น้องจิน” สัตยาว่าด้วยรอยยิ้มและปล่อยมือจากของรางวัล

“ขอบคุณครับ พี่ยา” จินกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ “ขอบคุณน้ำฝนกับพี่รักต์ด้วย” และแล้ว น้ำตาของจินก็เริ่มปริ่ม รักตปักษ์จึงวางกล้องแล้วดึงตัวเด็กหนุ่มมากอดพลางขยี้ผม

“ลูกผู้ชายอย่างร้องไห้ง่ายๆสิ” เขาหยอกแล้วบีบจมูกอีกฝ่าย

“โอ๊ยๆ ไม่อ้องแอ้ว!” จินร้องอู้อี้ดิ้นขลุกขลักออกมาลูบจมูกแดงๆแล้วทำหน้าบูด สัตยามองภาพนั้นด้วยความสุขลึกๆจึงเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รักตปักษ์ซึ่งหันไปเห็นพอดีจึงแอบกดชัตเตอร์เก็บภาพนั้นไว้โดยไม่บอกและแน่นอนว่า.....สัตยาไม่รู้


------------------------------->


เป็นเพราะโปรเจคแรกรวมทั้งโปรเจคย่อยผ่านไปด้วยดี ในตอนนี้ สัตยาจึงทำงานได้โดยไม่โดนทางผู้บริหารกดดันมากนัก สายตาที่จ้องมองมาไม่มีแววของความดูถูกหรือไม่ไว้วางใจอีก ด้วยเหตุนั้น สัตยาจึงแนะนำทางบอร์ดบริหารว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้มีการออกแบบสินค้าใหม่ๆสำหรับฤดูกาลในทุกๆปี ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงต้นฤดูกาลได้ดีกว่า ซึ่งทางบอร์ดบริหารก็รับไว้พิจารณา โดยใช้โปรเจคแรกของสัตยาปูแนวทางไปสู่การวางแผนทำงานในอนาคต

ส่วนทางด้านรักตปักษ์นั้นกลับไม่เหมือนกัน หลังจากหายใจได้เฮือกหนึ่ง เขาก็ต้องทำงานต่อ ทั้งนี้เป็นเพราะนิตยสารของเขายังไม่รู้จักแพร่หลายนัก จึงยังไม่สามารถขยับขยายสายงานได้ พนักงานที่มีในตอนนี้ก็ยังคงจำนวนอยู่ที่สามคน คือ เขา จิน และน้ำฝน ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าต้องทำงานทุกประเภทนับแต่ภาคสนามจนถึงงานในออฟฟิศกันถ้วนหน้า

ในช่วงฤดูหนาว แน่นอนว่าทางเครือบริษัทชลวรินทร์มีเวลาเพียงสี่เดือนเพื่อจะวางแผนงานออกสินค้าใหม่ในต้นฤดูร้อน การประชุมเพื่อบรรจุโปรเจคนี้เป็นโปรเจคประจำปีของเครือบริษัทจึงถูกเลื่อนเข้ามาอยู่ในเดือนตุลาคม แทนที่จะเป็นเดือนพฤศจิกายนเช่นที่ตั้งใจในตอนแรก เพื่อที่จะมีเวลาอีกสามเดือนในการทำงาน เพราะโปรเจคคราวที่แล้วค่อนข้างเร่งด่วน เหล่าดีไซเนอร์ถึงกับหืดขึ้นคอร่ำๆจะขอพักร้อนกันยกแผนก ด้วยเหตุนี้ สัตยาจึงต้องรีบเร่งจัดทำการนำเสนอผลงานเพื่อนำไปเสนอให้บอร์ดบริหาร และนำแนวทางการทำโปรเจคไปแจกจ่ายให้พนักงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละส่วน

การทำงานและความสำเร็จของสัตยาเป็นที่จับตาของสื่อมวลชนอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้น คะแนนนิยมในตัวสัตยาก็ยิ่งสูงขึ้น และทำให้เขาได้มีโอกาสพบกับรักตปักษ์มากขึ้น

“ทำไมถึงมีจดหมายมาหาผลทุกเดือน ทั้งที่ผมลงหนังสือแค่เดือนแรก” สัตยามุ่นคิ้วเมื่อเห็นชายหนุ่มผมแดงมาเยี่ยมเยือนพร้อมกับจดหมายในกระเป๋า และนิตยสารฉบับที่ห้า ซึ่งตามปกติจะส่งมาให้ทางไปรษณีย์

“บอกตามตรงว่าผมไม่แปลกใจ และคุณรู้อะไรไหม คุณยา มีนักอ่านหลายคนโหวตให้คุณเป็น Idol รับเชิญในนิตยสารทุกฉบับ ผมก็เลยตั้งใจจะทำตามนั้น โดยให้ที่สำหรับคุณหนึ่งหน้าในแต่ละฉบับ หวังว่าผมจะเจียดเวลาจากคุณได้บ้างนะครับ” รักตปักษ์ทำเสียงอารมณ์ดี เนื่องจากช่วงนี้นอกจากจินจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วแม้จะยังทำงานตามปกติไม่ค่อยได้ แต่ยอดขายของนิตยสารก็สูงขึ้นเรื่อยๆจนรักตปักษ์คาดว่าอีกไม่กี่เดือนคงย้ายสำนักงานได้ตามที่ตั้งใจในตอนแรก หลังจากที่ต้องเอาเงินที่กันไว้สำหรับส่วนนั้นมาจ่ายค่าซ่อมแซมห้องและอุปกรณ์ ที่เสียหายก่อน

“ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น” ชายหนุ่มร่างเล็กปฏิเสธทันที ใจของเขายังคงต่อต้านรักตปักษ์อยู่มาก แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาอีกฝ่ายจะทำดีมากมายสักเพียงไรก็ไม่อาจลบเลือนความกรุ่นแค้นในใจของสัตยาได้ เพียงแต่ช่วยบรรเทาให้เข้าใกล้กันทีละน้อยเท่านั้น

“ผมคุยกับคุณพงษ์ศักดิ์แล้ว ท่านว่าท่านไม่มีปัญหาถ้าผมจะไปสัมภาษณ์ที่บ้านในวันหยุด” แต่แล้วสัตยาก็โดนดักทางโดยคำของคุณตาตัวเองอีกครั้ง หลายครั้งที่สัตยาอยากจะบอกกับพงษ์ศักดิ์เหลือเกินว่าเขาไม่อยากให้รักตปักษ์มาวุ่นวายกับชีวิตมากไปกว่านี้ หรืออย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะลืมเลือนความผิดเรื่องจิน และสามารถหาทางลงไม้ลงมือกับอีกฝ่ายได้อย่างถนัดถนี่

“คุณจะไม่ให้ผมมีเวลาส่วนตัวเลยหรือ?” เขาเอ่ยถามเสียงขุ่น

“แค่เดือนละครั้ง คงไม่รบกวนเกินไปมั้งครับ” รักตปักษ์ว่า ทำให้สัตยานึกแย้งในใจทันควัน เพราะนอกจากจะไปสัมภาษณ์เดือนละครั้งแล้ว ยังจะได้เจอกันเพราะพงษ์ศักดิ์เชิญไปกินข้าวที่บ้านแทบจะทุกอาทิตย์อีก

“คุณสัตยาครับ ใกล้จะได้เวลาประชุมแล้วครับ” และแล้ว เชิดชัยก็เข้ามาขัดตราทัพเสียก่อนที่สัตยาจะหงุดหงิดไปมากกว่าเดิม เพราะจะส่งผลต่อการประชุมด้วย ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำเลขาสูงวัยของตน ก่อนจะหันมาทางรักตปักษ์

“ผมจะให้พนักงานเอาจดหมายไปเก็บที่ห้อง ส่วนเรื่องสัมภาษณ์ เราจะคุยกันทีหลัง” สัตยากล่าวจบแล้ว จึงเบี่ยงตัวและเดินไปทางประตู ทว่าเขากลับถูกคว้ากุมมือเอาไว้อย่างนุ่มนวล

“สัตยา เรื่องของเจ้ากับข้า....”

“ไม่มีอะไรจะต้องพูดไปมากกว่านี้ ครุฑ”

รักตปักษ์ฟังคำก่อนจะค่อยๆปล่อยมือข้างนั้น เมื่อเขาประจักษ์ว่าแม้จะทำดีมาถึงเพียงนี้ สัตยาก็ยังไม่พร้อมจะรับฟังคำพูดของเขา ชายหนุ่มจำต้องยอมให้อีกฝ่ายเดินจากไป โดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้มากกว่านั้น เขาหันกลับไปเก็บของที่ไม่เกี่ยวข้องยัดใส่กระเป๋า และจัดจดหมายบนโต๊ะเป็นตั้งๆเพื่อให้พนักงานมาหยิบไปได้สะดวก ก่อนจะสะพายเป้ขึ้นบ่าแล้วเดินออกไป

ทางด้านสัตยา เมื่อเดินออกมาจากห้อง เขาก็ตรงกลับไปยังห้องทำงานของตนเพื่อนำข้อมูลการนำเสนอที่เตรียมไว้ไปเสนอให้ที่ประชุมดูเป็นขั้นเป็นตอนอย่างละเอียด แต่แล้ว สัตยาก็ต้องแปลกใจที่แฟลชไดรฟ์บันทึกข้อมูลของเขาหายไปจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน ตามปกติแล้วแฟลชไดรฟ์อันนั้นจะห้อยไว้กับเครื่องรางรูปงูใหญ่หรือมังกรตามปีเกิดของเขาซึ่งจะมีกระพรวนเล็กๆติดอยู่ เป็นของที่น้ำฝนซื้อมาฝาก หากมันอยู่ในลิ้นชัก เขาควานหาอย่างนี้ควรจะถูกกระทบส่งเสียงออกมาบ้าง แต่กลับไม่มีเลยแม้จะค้นของออกมาทั้งหมด สัตยาเริ่มร้อนอกร้อนใจ เหลือเวลาอีกสิบนาทีประชุมจะเริ่ม ทางบอร์ดบริหารคงไม่พอใจนักที่เขาไปสาย

สัตยาค้นอยู่นานก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพบกับบางสิ่งที่แปลกตาไปจากปกติ

ที่ทับหนังสืออันใหม่รูปงูขดกายเป็นวงซึ่งถูกซื้อมาแทนอันที่แตกไปคราวก่อนนั้น ศีรษะของงูกลับไม่ได้ชูตั้งขึ้นมาอย่างที่เป็น และปรากฏรอยเหมือนถูกทุบออกไปอยู่แทนที่ เขามองเลยไปที่พื้นไม่ไกลนัก เขาก็พบศีรษะของงูนอนนิ่งอ้าปากขู่อยู่บนพื้น ชายหนุ่มร่างเล็กเดินเข้าไปเก็บมันขึ้นมาและพิจารณารอยแตกที่คอ ก่อนจะมองไปยังรอยถูกกระแทกตรงสันโต๊ะทำงาน

ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนเข้ามาในห้องของเขา นำแฟลชไดรฟ์ออกไป และทุบที่ทับกระดาษกับสันโต๊ะเพื่อให้คอหักออก

เป็นการขู่....หรือว่า......

“คุณสัตยา! การประชุมจะเริ่มแล้วนะครับ!” เชิดชัยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเรียก เพราะตอนนี้บอร์ดบริหารมากันเต็มห้องประชุมแล้ว

“ของๆผมหายไป คุณเชิดชัย” สัตยากล่าวแล้วนำศีรษะงูไปวางบนโต๊ะ

“เอ๋? อะไรหายครับ?” เลขาวัยกลางคนทำหน้าเลิกลั่ก เกรงจะเป็นเรื่องใหญ่

“แฟลชไดรฟ์บันทึกข้อมูลของผม” ทันทีที่ได้รับคำตอบ เชิดชัยก็ถอนหายใจออกมาเหมือนโล่งอก

“โธ่เอ๊ย! คุณสัตยา แฟลชไดรฟ์ของคุณน่ะอยู่นี่ครับ” เชิดชัยแบมือออกมาให้ดู “ผมคิดว่าคุณสัตยาจะไปห้องประชุมเลย ผมก็เลยถือวิสาสะเข้ามาหยิบไปเพราะเห็นคุณสัตยาวางเอาไว้บนโต๊ะ”

“ผมวางไว้บนโต๊ะ?” สัตยามุ่นคิ้ว เขาจำได้ว่าก่อนออกไปพบรักตปักษ์ เขาใส่เอาไว้ในลิ้นชักไม่ผิดแน่ แต่ว่า เมื่อหันไปมองนาฬิกา สัตยาก็พบว่าเวลากำลังงวดลงไปทุกที เขาไม่มีเวลามาสืบสาวเอาความมากนัก จึงเดินไปรับของมาจากมือของเชิดชัยและเดินนำออกไป

แต่แล้ว สายตาของเขาก็เหลือบมองไปทางกล้องวงจรปิดซึ่งถูกซุกซ่อนอยู่ตรงมุมห้อง มันส่องกราดมาทางโต๊ะของเขาพอดี ถ้ามีใครเข้ามา....กล้องจะต้องเห็น สัตยาจึงตั้งใจจะไปขอเทปบันทึกภาพหลังจากเสร็จงานวันนี้

สัตยาเข้าห้องประชุมไปทั้งใจที่ยังสงสัย แต่เมื่อการนำเสนอเริ่มขึ้น สัตยาก็สามารถปัดเรื่องรบกวนจิตใจออกไปจากสมองได้ราวกับปลิดทิ้ง สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับการนำเสนอผลงานให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งมันก็ทำให้ผู้บริหารทั้งหลายพออกพอใจ อนุมัติให้เริ่มวางเป็นโปรเจคประจำปีได้ทันที โดยเริ่มจากโปรเจคของฤดูร้อน ซึ่งจะเดินทางมาถึงในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่ก่อนจะเริ่มงานนั้น จะต้องส่งเรื่องไปให้ฝ่ายวางแผนจัดการเรื่องตารางเวลาและการประสานงานแต่ละฝ่ายก่อน ซึ่งจะทำให้เวลาที่จะได้ใช้ในการทำงานเต็มที่นั้นมีน้อยลง คณะกรรมการในที่ประชุมจึงเห็นว่า ควรนำโปรเจคย่อยคือการประกวดผลงานจากมือสมัครเล่นมารวมไว้ด้วย เป็นการทุ่นแรงของบริษัทไปอีกทางหนึ่ง

จิตใจของสัตยาปลอดโปร่งขึ้นเมื่อทุกๆอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เขาเก็บรายละเอียดงานทั้งหมดที่ทางที่ประชุมแนะนำและส่งเรื่องไปให้ฝ่ายวางแผนจัดการต่อไป ส่วนตัวเขานั้น หลังจากนี้ก็มีหน้าที่คอยตรวจสอบดูแลอยู่เบื้องบนเท่านั้น

ในตอนเย็น สัตยาก็ได้ไปขอดูเทปจากกล้องวงจรปิดที่ห้องของรปภ. ทว่าเขากลับพบสิ่งที่น่าแปลกใจ เมื่อดูไปเรื่อยๆ กลับมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีมือคนชูกระดาษสีดำขึ้นมาบังกล้องเอาไว้ และเป็นเช่นนั้นอยู่นานโขกว่าที่กระดาษนั้นจะละออกไป ซึ่งห้องก่อนและหลังถูกปิดกล้องก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน นอกจากหัวงูที่หักออกจากลำตัวลงมานอนอยู่บนพื้น รวมทั้งแฟลชไดรฟ์ของเขาที่ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ และหลังจากนั้นประมาณสิบนาที ก็เห็นภาพเชิดชัยเดินเข้ามาหยิบแฟลชไดร์ออกไป

นาคจำแลงขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด....

คนที่เข้ามานั้นต้องรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของกล้องอีกทั้งระยะการจับภาพ จึงสามารถหามุมอับของกล้องเข้ามาปิดหน้ากล้องได้ แต่ก็น่าแปลก ทั้งที่เข้ามาถึงห้องของเขากลับไม่มีสิ่งใดหายไปนอกจากการเปลี่ยนที่ของแฟลชไดรฟ์และทุบหัวงูจนหัก ซึ่งเรื่องนี้เดาได้ไม่ยากเลยว่าต้องมีคนในเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน แต่ใครล่ะ....ที่เป็นคนทำ และเพื่ออะไร?

“จะแจ้งความไหมครับ? คุณสัตยา” หัวหน้ารปภ.ที่รออยู่ด้วยกันเอ่ยถาม

“ยัง...ยังไม่ต้องแจ้งความ” เขาว่า “อย่าเพิ่งให้คนที่ประสงค์ร้ายอย่างลึกลับนี้รู้ดีกว่าว่าเราเริ่มรู้สึกถึงการคุกคาม ปล่อยให้เขาทำอะไรที่อยากจะทำไปก่อน ตราบใดที่ยังไม่มีผลเสียหายมาถึงบริษัท”

“แล้วข้อมูลของคุณล่ะครับ?” หัวหน้ารปภ.เตือนด้วยความกังวล เพราะผู้ประสงค์ร้ายนั้นอาจจะมาเพื่อขโมยข้อมูลโดยเอาโน๊ตบุ๊คมาดึงไปก็เป็นได้

“ผมไม่คิดว่านั่นคือเป้าหมาย เพราะหากจะทำอย่างนั้น ขโมยแฟลชไดรฟ์ไปเลยจะง่ายเสียกว่า หรือหากจะทำให้แนบเนียน ทำไมต้องทุบหัวงูและเปลี่ยนที่วางแฟลชไดรฟ์ด้วย” สัตยาวิเคราะห์ “และถึงเขาจะทำจริง ผมก็ป้องกันโดยล็อครหัสที่มีผมรู้เพียงคนเดียวเอาไว้ คุณไม่ต้องห่วงไป”

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ มีสัตยาและหัวหน้ารปภ.เท่านั้นที่รู้ โดยที่ไม่ได้บอกกับเชิดชัยหรือใครทั้งสิ้น ทั้งนี้ สัตยากล่าวว่า ตอนนี้ยังไว้ใจใครไม่ได้ และต้องการดูสถานการณ์ไปก่อน


--------------------------------->


อาทิตย์ถัดมาในวันเสาร์ รักตปักษ์ก็มาที่บ้านตั้งแต่เช้าเพื่อสัมภาษณ์สัตยาตามสัญญา และแน่นอนว่าพงษ์ศักดิ์ก็เอ่ยชักชวนให้รักตปักษ์กินข้าวเที่ยงและข้าวเย็นด้วยกันเหมือนเช่นเคย และชายหนุ่มก็ตอบรับอย่างมีไมตรีจิต

ในระหว่างมื้ออาหาร รักตปักษ์และพงษ์ศักดิ์คุยกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องงานและเรื่องทางบ้าน ในขณะที่สัตยากลับเงียบผิดปกติทั้งที่ก่อนนี้จะคอยเหน็บแนมรักตปักษ์เป็นระยะ ความจริงแล้ว พงษ์ศักดิ์พบว่าสัตยาเริ่มพูดน้อยลงและดูเหมือนมีปัญหาคาใจมาร่วมอาทิตย์แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ถามหรือให้คำแนะนำเพราะเกรงว่าสัตยาจะคิดว่ามีเขาเป็นที่พึ่งอยู่ร่ำไป ซึ่งจะไม่ดีกับเจ้าตัวเอง ตัวพงษ์ศักดิ์นั้นรู้ว่าตัวเองอายุมากแล้วและคงอยู่ได้อีกไม่นาน เขาอยากจะให้สัตยาเข้มแข็งและยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ถึงอย่างนั้น การได้เห็นหลานมีสีหน้าวิตกกัลวลก็ทำให้เขารู้สึกใจอ่อน จึงไปปรึกษากับรักตปักษ์

“ระยะนี้เจ้ายาดูจะไม่สบายใจ คุณรักต์รู้อะไรบ้างไหม?”

“ผมก็ไม่รู้อะไรเลยครับ บางทีอาจมีปัญหาที่ทำงาน” รักตปักษ์คาดเดา

“เฮ้อ ฉันเองจะเข้าไปวุ่นวายอะไรมากก็ไม่ได้ ฉันน่ะอายุมากแล้ว อยากจะให้เจ้ายาอยู่ได้โดยที่ไม่มีฉัน แต่ฉันก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี” พงษ์ศักดิ์กล่าวพลางถอดถอนหายใจ “คุณรักต์ คุณรักต์เองก็สนิทสนมกับเจ้ายาพอสมควร ยังไงก็ฝากดูแลหลานฉันด้วยนะ”

“ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้คุณยาเป็นอะไรไปหรอกครับ ไม่ต้องห่วง” รักตปักษ์รับคำหนักแน่น ฝ่ายพงษ์ศักดิ์จึงค่อยคลายใจ

“เจ้ายาน่ะเขาไม่ค่อยมีเพื่อน อาจจะไม่สนิทใจเวลาจะเอาเรื่องทุกข์ใจไปพูดกับใคร” ชายชราถอนหายใจยาวแล้วพยุงกายกับมือแกร่งของรักตปักษ์ค่อยหย่อนลงบนเก้าอี้โยกตัวโปรด ไม้ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดเบาๆเมื่อถูกไหวโยกไปมา แสดงถึงความเก่าแก่ของมันที่ถูกใช้งานมานานจนสีซีดหมอง นาฬิกาลูกตุ้มกวัดแกว่งส่งเสียงบอกเวลาสามทุ่ม

“ผมมารบกวนคุณพงษ์ศักดิ์จนดึกขนาดนี้แล้วหรือครับเนี่ย” รักตปักษ์ว่าขณะมองไปยังนาฬิกา

“รบกวนอะไรกัน คุณรักต์ ฉันซะอีกที่รบกวนให้คุณรักต์อยู่เป็นเพื่อนจนดึก” พงษ์ศักดิ์มองออกไปนอกหน้าต่าง “มืดขนาดนี้แล้ว คุณรักต์จะกลับบ้านยังไง?”

“ตอนนี้บนถนนยังมีรถเยอะอยู่ครับ ไม่วังเวงมาก ห้องของผมก็อยู่ติดถนนใหญ่และไม่ไกลจากที่นี่มาก ขี่รถสักยี่สิบนาทีก็ถึงครับ”

“แต่ดึกกว่านี้จะแย่นะ คุณรักต์กลับเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่ง” พงษ์ศักดิ์ว่าก่อนจัดแจงจะลุกขึ้น

“ไม่ต้องหรอกครับ” ชายหนุ่มผมแดงรีบห้าม “เดี๋ยวผมให้กิ่งแก้วไปเปิดประตูให้ก็ได้ ไม่รบกวนคุณพงษ์ศักดิ์หรอกครับ”

“เอ้อ เอายังงั้นก็ได้ ไปดีมาดีนะคุณรักต์” ชายชราอวยพร

“ครับ แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ” รักตปักษ์ยกมือไหว้อำลา ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

พงษ์ศักดิ์นั้น นั่งรออยู่จนกระทั่งเสียงมอเตอร์ไซด์ลับหายไปแล้ว จึงพยุงตัวลุกขึ้นจากม้าโยก แล้วค่อยๆเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอน กิ่งแก้วซึ่งมีหน้าที่ดูแลในบ้านเป็นคนสุดท้ายที่จะได้เข้านอนในแต่ละวัน เพราะต้องตรวจตราให้เรียบร้อยก่อน เธอส่งรักตปักษ์ออกไปเสร็จ ก็คล้องกุญแจที่ประตูใหญ่และประตูเล็กข้างๆ เข้ามาในบ้านก็ดูประตูหน้าต่าง เดินปิดไฟทีละดวง เก็บของที่อาจจะตกลงมาโดยที่ใครไม่ได้ตั้งใจ เสร็จแล้วกิ่งแก้วจึงกลับไปนอนที่ห้องคนรับใช้กับลูกทั้งสองของเธอที่หลับสนิทไปก่อนแล้ว

ไฟในบ้านชลวรินทร์ดับมืดลงไป แต่ไฟถนนยังสว่างเจิดจ้า ส่องให้เห็นเงาดำตะคุ่มของใครบางคนที่แอบซ่อนตัวอยู่ตรงเสาไฟฟ้าใกล้ๆนั้น

เงาตะคุ่มปริศนาแอบอยู่ตรงนั้นนานมากพอที่จะแน่ใจว่าคนในบ้านชลวรินทร์ต่างหลับใหลกันไปหมดแล้ว จึงค่อนๆย่างก้าวออกมาอย่างระมัดระวัง

ถนนแถวนี้ ส่วนมากจะเป็นบ้านคนที่มีฐานะ ตกดึกจึงมักไม่มีรถแล่นผ่านหรือคนสัญจร ทำให้ถนนเงียบเชียบน่าวังเวง บ้านแต่ละหลังก็มีสวนกั้น จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนบ้านอื่นออกมาเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าของบ้านในกรณีใดๆ

เงาปริศนานั้นเดินไปที่รั้วเหล็กซึ่งเป็นประตูใหญ่ มันสูงพอๆกับกำแพง แต่เพราะเป็นรั้วเหล็กดัดด้วยลวดลายสวยงามตามแบบที่พวกคนรวยมักชอบทำกัน จึงกลายเป็นขั้นบันไดสำหรับเหล่าโจรไปเสีย

แสงไฟฉายสาดส่องมายังประตูใหญ่เมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนมาเกาะแถวนั้น นายพจน์ คนสวน มีหน้าที่จับตาระแวดระวังภัยในตอนกลางคืน โดยออกเดินตรวจเป็นเวลาเพื่อป้องกันพวกที่ชอบหากินอย่างง่ายๆกับบ้านของคนอื่น แต่แล้วกลับไม่ปรากฏเงาของใครในแสงของไฟฉาย มีเพียงประตูที่ทำด้วยเหล็กทาสีขาวเท่านั้น นายพจน์จึงเดินกราดแสงไปอีกทางหนึ่งและไปตรวจดูส่วนอื่น

TBC
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 06-02-2011 12:30:08
 :z3:
อยากจะับ้าตาย

ใครนักหนาวะเนี่ย
ทำลับๆล่อๆอยู่ได้
แน่จริงก็ออกมาดิ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 06-02-2011 12:48:46
น้องจินกับน้องน้ำฝนน่ารักดี หวังว่าความน่ารักนี้จะทำให้พี่ยาละมุนขึ้นมาได้บ้าง  :call:
ว่าแต่.. คนในเงานั่นคิดจะทำอะไรอีกล่ะ :m16:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pigg ที่ 06-02-2011 13:07:50
 o22 เงานั้นมันคือไผ!!??
บังอาจมาทำตัวลับๆล่อๆกับน้องนาค !!


หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 06-02-2011 13:11:59
ท่าทางจะเป็นเจ้ามาเฟียน่ารังเกียจส่งคนมาตามรังควานนะเนี่ย รู้จักคุณยาน้อยไปแล้ว คราวนี้คงได้เห็นฤทธิ์เดชคุณยาบ้างนะเนี่ย  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 06-02-2011 13:28:47
คนร้ายที่ยังไม่เปิดเผยตัวคือใคร

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 06-02-2011 14:21:07
เงาปริศนาเป็นใครอีกละนี้
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 06-02-2011 14:50:34
คนร้าย...มาเฟีย??
+1
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 06-02-2011 15:49:04
ใครกันนะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: b27072010 ที่ 06-02-2011 16:17:33
ตัวร้ายโผล่มาได้แล้วมัวแต่หลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ได้

หวังว่างูภายในบ้านคงช่วยได้ไม่มากก็น้อยแหละ

ไม่อยากให้ใครได้รับอันตราย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-02-2011 16:39:58
ใครอีกมาทำลับๆล่อๆ     สงสัยไอ้มาเฟีย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tonight ที่ 06-02-2011 16:41:09
มาอัพต่อไวๆนะคับ กำลังติดงอมแงมเลย ชอบมากๆๆๆ กดไลค์ร้อยครั้ง o13
ว่าแต่มีผู้ร้ายมาด้อมๆมองๆอีกแล้ว งานเข้าอีกแน่นอน

ปล อยากให้มีฉากกุ๊กิ๊กไวๆจังคับ ลุ้นว่าเมื่อไหร่สองคนนี้จะลงเอยกัน

รออ่านอยู่นะคับ สู้ๆๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 06-02-2011 17:42:24
แง่งๆ หนอนบ่อนไส้คือใครกันหนอ? แล้วเงาดำนั่นเป็นแค่คนธรรมดารึเป็นพวกจำแลงด้วยเนี่ย? สงสัยมากมาย แต่ก็ต้องรอลุ้นต่อไป... มาต่อเร็วๆนะคะ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 06-02-2011 18:25:21
คนร้ายเป็นใครหนอ

พี่ยาจะเป็นอะไรมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน เปิดจองรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 06-02-2011 19:29:12
หลังจากโพสต์เรื่องมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เลยขออนุญาตเปิดจองรวมเล่มนะคะ
(แต่ยังอัพต่อเรื่อย ๆ ค่ะไม่ต้องตกใจ)

ภาพปก
(http://j.imagehost.org/0034/NovSat-cover-RGB.jpg)
มันอาจจะดูแปลกๆสักหน่อยเพราะเซียร์จัดการเองหมดตั้งแต่วาดยันทำอักษร=w="

นอกจากนี้ ในเล่มยังมีเพิ่มเติมที่จะไม่อัพลงบอร์ดนะคะ เป็นตอนพิเศษ2ตอนค่ะ

ข้อมูลหนังสือ
ผู้แต่ง+ภาพ+everything : Ziar
ราคา : 250 บาท (+ค่าส่งแล้ว)
ระยะเวลาการจอง : 6 กุมภาพันธ์ 2554 - 15 มีนาคม 2554
หมายเหตุ : ขอสงวนวิธีการส่งไปรษณีย์เป็นการส่งแบบลงทะเบียนเท่านั้นนะคะ

รายละเอียดการโอนเงิน

อ้างถึง
บัญชีออมทรัพย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาซอยประชาสงเคราะห์ 30
ชื่อบัญชี นางสาว อลิสา เทพนะ
เลขบัญชี 102-234896-9

หลังจากโอนเงินแล้ว ขอให้ส่งรายละเอียดการจองมาที่ tsuki_himeแอทhotmail.com โดยระบุข้อมูลตามนี้นะคะ

อ้างถึง
หัวข้อ : [สั่งจอง] สัตยาธิษฐาน

รายละเอียด
ชื่อ-นามสกุล(ผู้สั่ง) :
ที่อยู่ :
หลักฐานการโอน : (สแกนมาจะดีที่สุดค่ะ หรือถ้าสแกนไม่ได้ก็ขอเลขที่สลิปค่ะ)
วัน+เวลาโอนตามสลิป :

มาดูของแถมกัน รอบนี้จะแถมแค่ที่คั่นนะคะ

(http://h.imagehost.org/0461/NovSat-Bookmark.jpg)

ชุดที่คั่นหนังสือ สัตยาธิษฐาน 4 ลาย ให้หมดเลยค่า~


อุดหนุนกันเยอะๆนะคะ  :o8:

ปล. หนังสือจะจัดส่งหลังจากปิดจองแล้วราว ๆ 2อาทิตย์นะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 06-02-2011 19:42:34
สั่งแล้ว จะได้หนังสือเลยรึเปล่าครับ

สนใจอะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 06-02-2011 19:45:36
นั้นสิค่ะ อยากรู้ส่าจะได้หนังสือหนังไง
โอนเงินแล้วรอรับเลยหรือต้องรออีกค่ะ
สนใจค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-02-2011 19:46:30
ปกสวยมากเลยค่ะ

แต่แบบว่า ถามคำนึงค่ะ มันจบ happy ending ใช่มั้ย แล้วก็ไม่มีตัวละึครหลักเจ็บปวดทรมานใช่มั้ยคะ แหะๆ ไม่ชอบอ่านนิยายเศร้าอะ :o8:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 06-02-2011 19:48:21
นั้นสิค่ะ อยากรู้ส่าจะได้หนังสือหนังไง
โอนเงินแล้วรอรับเลยหรือต้องรออีกค่ะ
สนใจค่ะ

้เป็นปกติค่ะ หลังปิดโอนเงิน คงเวลาสักพักก็เริ่มส่งได้แล้วค่ะ (แอ่ะ ขอแรดตอบแทนน้อง) :z2:
ปกสวยมากเลยค่ะ

แต่แบบว่า ถามคำนึงค่ะ มันจบ happy ending ใช่มั้ย แล้วก็ไม่มีตัวละึครหลักเจ็บปวดทรมานใช่มั้ยคะ แหะๆ ไม่ชอบอ่านนิยายเศร้าอะ :o8:
:z3:ไม่ได้สปอย์ แต่จบ happy ending ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ อุดหนุนกันเลย เก็บไว้อ่านแล้วอ่านอีกได้ไม่เบื่อ (เปล่าเวอร์ เพราะเค้ามีแล้วในครอบครองง่ะ)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 06-02-2011 20:01:01
ขอบคุณพี่ akazu ที่ช่วยตอบแทนค่ะ XD
ลืมบอกไปเลยว่าจะส่งหนังสือหลังปิดจองเรียบร้อย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 06-02-2011 21:01:29
อยากได้ๆ เด๋ยวอุดหนุนค่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 06-02-2011 21:24:05
ขอบคุณพี่ akazu ที่ช่วยตอบแทนค่ะ XD
ลืมบอกไปเลยว่าจะส่งหนังสือหลังปิดจองเรียบร้อย
ไม่เป็นไรจ้า มากด +1 เป็นกำลังใจให้น้องแมวสำหรับการรวมหนังสือเรื่องแรกในเล้าจ๊ะ  :กอด1:ถูกใจเจ้ที่สุด
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 06-02-2011 22:34:07
มาลงชื่อจองด้วย 1 เล่มค่ะ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 06-02-2011 22:57:56
เดี๋ยวจะสั่งจองแน่ๆค่ะ  ตอนนี้ขอเก็บตังค์ก่อน

อยากได้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 6 (6/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 06-02-2011 23:02:05
เดี๋ยวสั่งแน่นอนค่ะ  :mc4: :mc4:
คาใจใครกันนะ ที่จ้องทำร้ายสัตยา พี่รักษ์ช่วยด้วย   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 07-02-2011 00:18:16
เงาปริศนาซึ่งหลบเข้าหลังกำแพงได้ทันท่วงทีถอนหายใจออกมาเบาๆ เขารอจนกระทั่งนายพจน์ลับสายตาไปแล้ว จึงปรากฏตัวออกมาและปีนรั้วเหล็กดัดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้ว เมื่อเขากำลังจะก้าวขาข้ามประตูมานั้นเอง สายตาของเขาก็ปะเข้ากับสิ่งหนึ่งที่เลื้อยพันอยู่กับด้านบนของประตูเหล็ก ตัวของมันมีประกายเลื่อมยาวตั้งแต่หัวจรดหาง หัวของมันชูคอหันมามองใครบางคนซึ่งขึ้นมาแย่งที่อยู่และอ้าปากขู่ฟ่อโชว์เขี้ยวคมยาวสองอันในปาก เงาปริศนาซึ่งกำลังจะขึ้นไปนั้นจำต้องหยุดปีนและชะงักนิ่ง เขารู้ว่างูชนิดนี้มีพิษและอาจจะถึงตายได้ถ้าป้องกันไม่ทัน แต่ใจของเชาก็บังเกิดความสงสัย เหตุใดจึงมีงูมาเลื้อยบนประตูรั้ว ทั้งที่ปกติแล้วงูที่อาศัยในบ้านคนมักจะหลบซ่อนเพื่อความปลอดภัย

ในขณะที่เขาคิดหาเหตุผลและรอให้งูเลื้อยจากไปนั้น ขาของเขาก็โดนบางสิ่งเลื้อยพันขึ้นมาอย่างช้าๆ เงาปริศนาก้มลงมองก่อนจะเบิกตากว้าง สะบัดขาเป็นการใหญ่จนงูที่เลื้อยอยู่นั้นถูกดีดตกลงไปอยู่บนพื้น มันนอนแผ่และค่อยๆขดตัวอย่างช้าๆ จ้องมองมายังคนที่ทำร้ายมันอย่างโกรธเคือง เสียงฟ่อดังขึ้นพร้อมกับการเลื้อยจากไปในความมืด

ตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ก็คิดผิด เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็พบงูจำนวนนับสิบกำลังเลื้อยตัวไปมากับลวดลายบนเหล็ดดัด ทำราวกับกำลังเล่นอยู่ในสวนสนุกขนาดย่อม บางตัวเลื้อยมาบนมือ บางตัวตวัดพันขา เสียงฟ่อและลิ้นยาวที่แลบออกมารับสัมผัสจากสิ่งแปลกปลอม รวมถึงเกล็ดเงาวาวของพวกมันทำให้เจ้าของเงาปริศนาขนลุกขนพอง เขาเริ่มสบัดขาและมือเพื่อไล่พวกมันออกไป แต่การกระทำนั้นทำให้เหล่างูผู้เป็นเจ้าของบ้านโมโหขึ้นมา พวกมันจ้องมองอย่างมาดร้ายพร้อมเสียงฟ่อขู่ผู้บุกรุก และก่อนที่ร่างเงานั้นจะได้ร้องหรือทำสิ่งใดต่อไป งูตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าฉกลำคอ ฝังเขี้ยวจนมิดฉีดพิษเข้าไปจนชุ่ม ทำให้ร่างนั้นตกใจจนเผลอปล่อยมือ ร่วงลงมาจากรั้วดังพลั่ก

เขี้ยวของงูถูกถอนออกมาพร้อมกับเลือดสดๆที่ไหลทะลัก ร่างเงาปริศนานั้นปัดตัวงูออกไปอย่างแรง กุมมือที่แผลบนคอแล้วตะเกียกตะกายวิ่งหนีไปเมื่อเห็นแสงไฟฉายกราดส่องกลับมาทางนี้

นายพจน์ในตอนนั้น กำลังเดินตรวจตราที่สวนด้านหลัง แต่เขากลับได้ยินเสียงเหมือนมีของหนักตกกระทบพื้นจึงรีบวิ่งกลับมาดู แสงไฟฉายสาดไปยังประตูก่อนเป็นอันดับแรก แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่เขาไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว ที่ตรงนั้นว่างเปล่า ประตูก็ยังอยู่ของมันเช่นเดิมไม่มีใครแตะต้อง แต่เสียงสวบสาบในสวนนั้นทำให้นายพจน์ขนลุก เขาตามเข้าไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะพบว่ามีหางงูกำลังเลื้อยลับหายเข้าไปในสวน นายพจน์จึงโล่งอก

ยังไงงูก็น่ากลัวน้อยกว่าคนเป็นไหนๆ และบ้านชลวรินทร์ก็มีต้นไม้เยอะ จะมีงูอยู่สักตัวสองตัวก็ไม่น่าแปลก

นายพจน์คิดก่อนจะเดินไปตรวจตราที่อื่นต่อ

ตอนเช้า สัตยาขับรถออกมาเพื่อไปทำงาน เขาก็พบกับไทยมุงรุมกรุ้มดูบางอย่างอยู่ที่มุมถนน เสียงเป่านกหวีดดังจากเจ้าหน้าที่ และเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ไม่ยอมหยุด บางคนก็ทำหน้าสยดสยอง บางคนก็ส่ายศีรษะอย่างปลงๆ สัตยาเหลือบสายตามองขณะรถขับผ่าน เขาก็ได้เห็นร่างของชายคนหนึ่งในชุดเสื้อกางเกงสีดำ ศีรษะสวมด้วยหมวกไอ้โม่งสีเดียวกัน ร่างนั้นนอนพังพาบอยู่ริมทางเท้าตรงมุมถนนพอดี ดวงตาของชายคนนั้นเบิกโพลงและมือก็หงิกงอคล้ายกำลังทุรนทุรายด้วยความทรมาน ส่วนที่ปิดบังใบหน้าถูกเปิดออกโดยมือข้างหนึ่งเผยให้เห็นริมฝีปากสีคล้ำที่บิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยอง

นักข่าวเริ่มทยอยกันมาแล้ว และพยายามสอบถามจากเหล่าไทยมุงละแวกนั้น ซึ่งทุกคนก็ได้แต่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครรู้เห็นอะไรเลย ผู้พบศพคนแรกเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งซึ่งกำลังจะเดินไปขึ้นรถเมล์ที่อีกฟากถนนเท่านั้น

ตำรวจเริ่มกันพลเมืองออกห่างจากศพเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง พวกเขาพากันนำศพขึ้นไปบนรถของมูลนิธิเพื่อนำไปชันสูตรถึงสาเหตุการตาย และรอให้ญาติหรือคนรู้จักมาติดต่อขอรับศพ

สัตยามองภาพนั้นด้วยความเฉยชาและสมเพช ก่อนจะหันไปขับรถของตนต่อ ใจเขาก็นึกสงสัยว่าโจรใจกล้าที่ไหนกันหนอจึงอาจหาญมาเข้าบ้านของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีบริวารของเขาเฝ้าพิทักษ์อยู่แทบทุกส่วนตั้งแต่ประตูรั้วจรดกำแพง ทว่า...สัตยากลับไม่ได้นึกเอะใจสงสัยเลยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะเป็นฝีมือใครบางคนที่บงการโจรคนนี้อยู่ก็เป็นได้.....

แต่แล้วสัตยาก็ประจักษ์ถึงสิ่งที่ควรจะสงสัย เมื่อเดือนหนึ่งต่อมา กิ่งแก้วที่กำลังจะออกมาเตรียมตักบาตรตอนเช้าก็ต้องกรีดร้องเสียงลั่นจนคนในบ้านกรูออกมาดูว่าสิ่งใดที่ทำให้หญิงสาวตกใจกลัวได้ถึงขนาดนั้น และแล้ว พวกเขาก็พบว่า สาเหตุนั้นคือศพของงูตัวหนึ่งซึ่งถูกทุบศีรษะจนแหลก ลำตัวมีบาดแผลหลายแห่ง และถูกนำมาโยนทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่า งูตัวนี้ต้องทรมานมากแค่ไหนกว่าที่จะสิ้นลม ด้วยงูนั้นเป็นสัตว์ที่ตายยากเป็นทุน

สัตยาโกรธจัดจนมือสั่น สั่งให้คนในบ้านเอางูไปฝังไว้ในสวนอย่างดี

สิ่งนั้นทำให้กิ่งแก้วผวาอยู่นาน ในขณะที่สัตยาเริ่มมั่นใจว่ามีใครบางคนกำลังจงใจคุกคามและข่มขู่ให้เขาหวาดกลัว ทว่าสิ่งที่ได้ตอบกลับนั้น คือความแค้นของเหล่างูซึ่งเฝ้าพิทักษ์อยู่ในบ้านหลังนั้น.....และรอเวลาที่จะหาตัวคนทำมาลงโทษอย่างสาสม


------------------------------->


หลังจากเกิดเหตุการณ์แปลกๆรอบตัวสัตยามาสามครั้งติดต่อกัน หลังจากนั้นกลับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังสงบอย่างน่าประหลาดใจ จนกระทั่งผ่านพ้นฤดูหนาวและล่วงเข้าสู่ฤดูร้อนโดยมีนิตยสารมาส่งที่บริษัทสม่ำเสมอพร้อมกับจดหมายกองหนึ่ง การสัมภาษณ์สั้นๆในอาทิตย์ถัดมา และส่งคืนจดหมายในอาทิตย์สุดท้ายของเดือน

ฤดูร้อนเยี่ยมกรายมาถึงอย่างโหดร้าย เมื่อเครื่องปรับอากาศในบริษัทกลับมาเสียเอาตอนนั้น สัตยาต้องระเห็จลงมาจากห้องทำงานและมานั่งเอาความเย็นในห้องรับแขก ร่างกายของสัตยาระบายความร้อนได้น้อยมากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เพราะเขาไม่มีต่อมเหงื่ออย่างมนุษย์ทั่วไป ฤดูร้อนจึงเป็นฤดูที่โหดร้ายกับเขาอย่างเหลือประมาณ แม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีฤดูร้อนสั้นคือเพียงสามเดือน แต่กลับมีอากาศร้อนยาวนานไม่ว่าจะฤดูฝนหรือฤดูหนาว ประเทศไทยก็พร้อมจะร้อนได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะกรุงเทพแห่งนี้

การนั่งทำงานในห้องรับแขกไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยนัก เพราะโต๊ะที่มีเป็นเพียงโต๊ะกระจกเตี้ยๆที่เป็นตู้ปลาไปในตัว สัตยาจึงคิดฆ่าเวลาที่รอช่างมาซ่อมแอร์ที่ห้องด้วยการหาหนังสืออ่าน แต่แล้ว เมื่อเขามองไปยังชั้นหนังสือ ก็พบแต่นิตยสาร Business Idol วางเรียงอยู่เก้าฉบับ โดยเฉพาะล่าสุดเพิ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน

โดยปกติชั้นหนังสือนี้จะตั้งอยู่ในล็อบบี้ แต่แล้วพนักงานก็ย้ายเข้ามาในห้องรับแขกเนื่องจากมีแขกหลายคนที่รออยู่ที่ล็อบบี้จ้องจะหยิบติดมือไปคนละเล่มสองเล่ม

สัตยาตัดสินใจหยิบฉบับที่หนึ่งขึ้นมาอ่าน เพราะหากจะว่าไปแล้ว นับแต่ได้มา เขายังไม่เคยได้อ่านเนื้อในเลยสักเล่ม เพียงแค่ชายตามองหน้าปกแล้วส่งให้คนเอาไปวางบนชั้นเท่านั้น

นิตยสารฉบับแรกซึ่งปกเป็นรูปของสัตยานั้น สภาพดูจะไม่น่าจับต้องนัก เพราะมันถูกเปิดบ่อยเสียจนปกช้ำ สันก็มีรอยกระแทกตรงมุม ด้วยความที่เป็นฉบับแรกจึงมีหลายคนสนอกสนใจ เปิดแล้วเปิดอีก หรือบางที พนักงานหญิงอาจจะพากันมาลูบคลำเป็นนิจด้วยมีภาพประธานบริษัทเนื้อหอมของตนประดับปกอยู่ก็อาจจะเป็นได้

สัตยาค่อยๆเปิดอ่านไปทีละหน้า แต่ละบทความก็มีนักธุรกิจอายุใกล้เคียงเขาปรากฏภาพอยู่ บางคนเขาก็รู้จักดี แต่บางคนก็เพียงเคยได้ยินชื่อ แต่ละภาพนั้นถูกถ่ายทอดออกมาในมุมมองที่ต่างกัน แต่ล้วนเป็นมุมที่ทำให้เจ้าของภาพดูดี มีบุคลิกมาดมั่นน่าเชื่อถือ และแสดงถึงความมีเสน่ห์ในตัว การจัดตัวอักษรก็น่าอ่านและใช้ถ้อยคำดึงดูดความสนใจให้อ่านต่อ ดูเหมือนจะไม่น่าแปลกใจแล้วว่า ทำไมยอดขายของนิตยสารถึงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้

เมื่อถึงหน้าบทความของสัตยา เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าภาพของเขานั้นแตกต่าง

อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้ยิ้มให้กล้อง หรือกำลังอารมณ์เสีย ภาพของจึงเป็นภาพของชายหนุ่มเคร่งขรึมดูหยิ่งทระนง มิน่าเล่าพงษ์ศักดิ์ถึงได้ตำหนิ กระนั้น ความรู้สึกที่แปลกแยกแตกต่างในภาพก็ถูกลดระดับลงด้วยการเติมแสงและสี รวมทั้งการจัดส่วนประกอบต่างๆของภาพ ทำให้สีหน้าเคร่งเครียดของเขาดูเป็นใบหน้าของชายหนุ่มที่น่าเชื่อถือ มีความหนักแน่น และดูอ่อนหวานไปในตัว

นั่นเป็นภาพที่รักตปักษ์จงใจแต่งเพื่อให้หนังสือขายดี หรือว่าสายตาของรักตปักษ์ที่มองผ่านเลนส์กล้องเห็นเขาเป็นอย่างนั้นกันแน่ก็สุดจะรู้ได้


---------------------------->


วันหยุดกลางเดือนมีนาคมที่ร้อนอบอ้าว พ่อแม่ของสัตยาก็มาเยี่ยมลูกชายพร้อมกับผลไม้หลากหลายอย่างที่โตในสวนของบ้าน และวันนั้นก็บังเอิญตรงกับวันที่รักตปักษ์จะมาที่บ้านเพื่อสัมภาษณ์สัตยาอย่างประจวบเหมาะ จึงเป็นครั้งที่สองที่พ่อแม่ของสัตยาได้พบกับชายหนุ่มผมแดงคนนี้

“ปีนี้อากาศร้อนนะ พวกแกยังอุตส่าห์มาถึงนี่กันอีก” พงษ์ศักดิ์เอ่ยทักเมื่อลูกสาวและลูกเขยเดินเข้ามาในบ้าน

“โธ่ คุณพ่อคะ จันทร์กับพี่ยศจะมาเยี่ยมคุณพ่อกับลูกยาทั้งที อากาศร้อนแค่ไหนก็ยอมทนค่ะ” จันทร์วนาปากหวานพลางเดินเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อ ซึ่งพงษ์ศักดิ์ก็กอดตอบพร้อมยิ้มบางที่มุมบางแต่ใบหน้าก็บังถมึงทึงเหมือยเคย กระนั้น ยศก็ชินเสียแล้วจึงไม่อึดอัดใจเหมือนครั้งแรกๆ

“อ้าว! คุณพ่อ คุณแม่ ทำไมมากันแต่เช้าไม่บอกก่อนล่ะครับ” สัตยาเดินลงมาจากชั้นบนแล้วไหว้สวัสดี

“บอกก่อนลูกก็ไม่ประหลาดใจสิจ๊ะ” จันทร์วนารีบเดินเข้าไปหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวน พงษ์ศักดิ์จึงหันไปคุยกับยศ

“งานแกเป็นยังไงบ้างนายยศ ได้ข่าวว่าเลื่อนขั้นอีกแล้วนะ”

“ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรขนาดนั้นหรอกครับคุณท่าน แต่เจ้านายผมเขาใจดี แล้วบังเอิญผมเข้าตาน่ะครับ” ยศถล่มตัวโดยขณะพูดกับพงษ์ศักดิ์ เขาจะค้อมตัวและยืนสำรวมในฐานะผู้น้อยอยู่เสมอ ไม่เคยทำตัวเสมอเทียบเลยแม้สักครั้ง ซึ่งกิริยานอบน้อมพินอบพิเทาเช่นนี้เป็นลักษณะนิสัยส่วนบุคคลที่หาได้ยากสำหรับคนรุ่นใหม่ในสมัยนี้จริงๆ

“แกพูดอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะไปบอกนายพินิจ ให้ปลดแกออกเสียดีไหม” พงษ์ศักดิ์ทำเสียงขู่

“อย่านะครับคุณท่าน!” ยศร้อง

“หึ! แล้วดูพูดเข้า นายพินิจเขาไม่ได้ใจดีขนาดชายตามองใครแล้วเลื่อนตำแหน่งให้นะ นายยศ เขาเห็นแกมีดีถึงได้สนับสนุน หัดกล้ายืดอกรับเสียบ้าง” ความกล้านั้น เป็นสิ่งเดียวที่พงษ์ศักดิ์ไม่พอใจในตัวลูกเขยคนนี้เอาเสียเลย เพราะยศนั้นเป็นคนขี้อายจะไม่มั่นใจในตัวเอง ตอนที่รู้ว่าจันทร์วนากับยศรักกันเขาถึงได้คัดค้านหัวชนฝา เพราะคนที่ไม่กล้าได้กล้าเสียกล้ารับจะมีความเจริญได้ยังไง

“ครับ คุณท่าน” ยศรับคำเสียงอ่อน ถึงเขาจะเจอหน้าพงษ์ศักดิ์สักกี่ครั้ง ก็ไม่วายโดนตำหนิเสียทุกครั้งไปจริงๆ

“เอ้อ เจ้ายา” หลังจากตำหนิลูกเขยเรียบร้อย พงษ์ศักดิ์ก็หันไปทางหลาน “ไหนคุณรักต์ว่าจะมาวันนี้ ทำไมยังไม่เห็นเงาเลยล่ะ ปกติเห็นแกมาแต่เช้าไม่ใช่หรือ?”

“คุณรักต์เขาอาจจะติดธุระนะคะคุณพ่อ” จันทร์วนาว่า ก่อนจะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์บีบแตรเรียกอยู่หน้าบ้าน และกิ่งแก้วรีบวิ่งออกไปรับ

“นั่นแน่ะ มาแล้วไง” ยศพูดก่อนจะเดินตามหลังพงษ์ศักดิ์ออกไปรับรักตปักษ์ด้านนอก

“สวัสดีครับคุณพงษ์ศักดิ์ คุณพ่อ คุณแม่” รักตปักษ์เอ่ยทักทายทีละคนพร้อมยกมือไหว้

“ฉันนึกว่าคุณรักต์จะไม่มาซะแล้ว” พงษ์ศักดิ์ว่า “ทำไมวันนี้มาช้าล่ะ หือ? นอนเพลินหรือไง?”

“เปล่าหรอกครับ พอดีน้ำฝนเขาทำรถล้มเลยต้องพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล แล้วโทรศัพท์ผมก็แบตหมดพอดีเลยไม่ได้โทรบอกน่ะครับ” ชายหนุ่มผมแดงอธิบาย

“ตายจริง แล้วแม่หนูฝนเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ?” จันทร์วนาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง แม้เธอจะไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่ก็ถือว่าเป็นคนรู้จักของรักตปักษ์ จึงรู้สึกห่วงไปด้วย

“ไม่เป็นไรมากครับ แค่มีแผลถลอกที่แขนนิดหน่อย เพราะล้มตอนรถเพิ่งออกตัวแล้วโดนรถที่พุ่งมาจากไหนไม่รู้มาเฉี่ยวข้างน่ะครับ”

“อันตรายจริงๆ รถราเดี๋ยวนี้ขับกันไม่ดูคนเลย” พงษ์ศักดิ์ส่ายศีรษะอย่างระอาใจ “ยังไงก็ขอให้หนูน้ำฝนเขาหายไวๆก็แล้วกันนะ”

“เข้าบ้านกันเถอะครับ กิ่งแก้วจัดสำรับอาหารเสร็จแล้ว” สัตยาเดินออกมาบอก คนทั้งสี่ที่ตั้งวงสนทนากันอยู่ข้างนอกจึงพากันเดินเข้าบ้าน ลมเย็นจากแอร์ทำให้สีหน้าของแต่ละคนดีขึ้นกว่าเดิมมากหลังจากเหงื่อโทรมอยู่กลางแดดหลายนาที

“ช่วงนี้งานก็เริ่มซาแล้วใช่ไหมลูกยา” จันทร์วนาถามขึ้นระหว่างมื้ออาหาร

“ครับ ตอนนี้มีคนดูแลแต่ละส่วนลงตัว งานผมก็เลยน้อยลงด้วยครับคุณแม่” สัตยาตอบพร้อมตักกับข้าวใส่จานผู้เป็นแม่ก่อนจะหันไปตักให้พ่อ “ลองทานนี่สิครับ กิ่งแก้วหัดจากหนังสืออาหารชาววังเลยนะครับ”

“เดี๋ยวนี้กิ่งแก้วทำอาหารเก่งขึ้นเยอะเลยนะ” ยศกล่าวชมหลังจากชิมไปคำหนึ่ง “ได้กินข้าวอย่างนี้แล้วก็นึกถึงยายพิม สมัยก่อนนี้น่ะ ยายพิมเป็นคนทำอาหาร แม้แต่อาหารคนรับใช้ ยายพิมก็ปรุงอย่างดีเป็นที่ถูกปากจนเจริญอาหารกันเป็นแถว”

“ยายพิมก็เสียไปหลายปีแล้วนะคะ เฮ้อ ตอนแกเสีย จันทร์ยังใจหายอยู่เลย” จันทร์วนาถอดถอนใจ

“พวกแกนี่ ในโต๊ะอาหารมาพูดเรื่องคนตาย” พงษ์ศักดิ์ดุ ทำให้วงสนทนาเงียบไปในบัดดล

“แต่ปีนี้ร้อนจริงๆนะครับ ตอนอยู่ที่ห้อง ถ้าไม่เปิดแอร์ก็ต้องวิ่งอาบน้ำทั้งวัน” รักตปักษ์เปลี่ยนหัวข้อ “วันก่อนผมขับผ่านบริษัท เห็นมีช่างแอร์ไปที่บริษัทด้วยนี่ครับคุณยา”

“แอร์ที่ห้องทำงานผมเสียน่ะครับ” สัตยาว่า “แต่ตอนนี้ก็เป็นปกติแล้ว”

“นี่ ลูกยา ร้อนแบบนี้ลูกอยากไปพักหลบร้อนบ้างไหมจ๊ะ? ไหนๆงานลูกก็ยุ่งน้อยลงแล้ว” จันทร์วนาเอ่ยถามลูกชายสุดรัก ก่อนที่สัตยาจะเงยหน้ามองอย่างฉงน

“ที่ไหนหรือครับ?”

“คุณพ่อคะ ที่ทางใต้มีบังกะโลของชลวรินทร์ว่างอยู่นี่คะ? เห็นว่ายังไม่ได้เปิดให้ใครเช่า ทำไมไม่ให้สัตยาไปพักร้อนเสียหน่อยล่ะคะ?” จันทร์วนาหันไปถามพงษ์ศักดิ์ซึ่งยังคงมีสิทธิขาดในสมบัติทุกชิ้นที่อยู่ในชื่อของชลวรินทร์

“นั่นสิครับ ให้เอากิ่งแก้วไปด้วย จะได้ช่วยดูแลบ้าน เจ้าก้องเจ้าเกริกก็ปิดเทอมแล้ว ให้พาไปด้วยจะได้เที่ยวเปิดหูเปิดตาก็ดีนะครับ” ยศออกความเห็นบ้าง

“แต่เจ้ายาไปกับกิ่งแก้วก็น่าเป็นห่วง เจ้าก้องเจ้าเกริกก็ใช่จะช่วยอะไรได้ถ้าเกิดอันตรายขึ้น” พงษ์ศักดิ์ดูจะคัดค้านอยู่ในที กระนั้น จันทร์วนากับยศกลับมองหน้ากันอย่างรู้ความนัย ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนจะหันไปทางรักตปักษ์

“คุณรักต์ ถ้าจะฝากดูแลสัตยาด้วยจะได้ไหม?” ยศเอ่ยถาม

“ผม? เอ่อ...ไม่เหมาะมั้งครับคุณพ่อ คุณยาจะได้ไปพักผ่อนเสียที ผมเป็นคนนอกจะดูไม่งามนะครับ” รักตปักษ์รีบบอกปัด เพราะสัตยาคงไม่อยากเห็นหน้าเขาในตอนที่ควรจะได้ผ่อนคลายอารมณ์เป็นแน่

“นั่นสิครับ อีกอย่าง คุณรักต์ยังต้องออกนิตยสารด้วยนะครับ” สัตยาสนับสนุนทันที

“หลานน่ะไม่ต้องพูดแล้ว เจ้ายา” พงษ์ศักดิ์ขัด “คุณรักต์ คุณรักต์น่ะรู้จักกับบ้านเรามาหลายเดือนแล้ว ก็เหมือนลูกเหมือนหลานกัน ฉันน่ะเห็นว่าคุณรักต์พึ่งพาได้ เลยอยากจะฝากเจ้ายาให้ดูแล เพราะหลานฉันน่ะก็มีแค่คนเดียวก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา เจ้ายาทำงานเหนื่อย ฉันก็อยากให้มีเวลาพักผ่อนอย่างสงบบ้าง แต่ที่ไกลหูไกลตาฉันก็ไม่ไว้ใจ มีคุณรักต์อยู่ด้วยฉันก็เบาใจขึ้น อีกอย่าง แถวนั้นน่ะมีนักธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับรีสอร์ทหลายราย ถ้าจะพูดเรื่องงาน คุณรักต์น่าจะลองไปหาเรื่องทางนั้นมาเขียนบ้าง จะได้เป็นการโฆษณาการท่องเที่ยวไปในตัว และยังมีทิวทัศน์สวยๆให้ถ่ายเยอะแยะ นิตยสารก็จะขายดีขึ้นนะคุณรักต์” ชายชราอธิบายยาวเหยียด ล้วนแต่เป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้ทั้งสัตยาและรักตปักษ์ไม่อาจปฏิเสธได้ทั้งสิ้น

“แล้ว....จะไปวันไหนหรือครับ?” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามเพื่อจะได้เตรียมตัวทัน

“ต้นเดือนหน้าแล้วกัน หลังจากที่คุณรักต์ออกฉบับที่สิบแล้วค่อยไป” พงษ์ศักดิ์ตัดสิน และทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้ดีว่า สิ่งใดที่พงษ์ศักดิ์ตัดสินใจลงไปแล้ว ใครก็ห้ามขัดนอกจากจะมีเหตุผลที่ดีพอ ทั้งสี่คนจึงรับคำ โดยมีแต่สัตยาเท่านั้นที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ


----------------------------->


ต้นเดือนเมษายนอันร้อนระอุ มองไปนอกชายคาก็คล้ายจะเห็นควันกรุ่นขึ้นมาจากพื้นถนน สัตยาหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาจากชั้นบนและวางทิ้งไว้ในห้องโถง ขณะที่ตัวเองไปนั่งตากแอร์ในห้องหนังสือเพราะไม่อาจทนความร้อนไหว กิ่งแก้วดูจะตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวทะเล เธอจัดเก็บเสื้อผ้ารอตั้งแต่วานซืนและตื่นมาแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เจ้าก้องเจ้าเกริกก็ดูจะดีใจกันยกใหญ่ที่วันนี้มาถึง จึงไปนั่งรอรักตปักษ์อยู่หน้าบ้านทั้งที่แดดร้อนเปรี้ยง

เมื่อถึงสิบโมงตามเวลานัด รักตปักษ์ก็มาถึงอย่างพอดิบพอดีด้วยรถแท็กซี่พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้ามา กับเป้ขนาดย่อมซึ่งใช้ใส่โน๊ตบุ๊ตและอุปกรณ์ทำมาหากินต่างๆ

นายประเสริฐไปเอารถมาเทียบรับที่หน้าชานบ้าน กิ่งแก้วจึงจัดการช่วยกันกับประเสริฐเอาของทั้งหมดไปใส่ที่กระโปรงหลังรถ สัตยาเดินมาเปิดประตูเพื่อเข้าไปยั่งตากแอร์ข้างใน ทว่า....ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มก็ชะงักค้างอยู่ตรงนั้น
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 07-02-2011 00:18:57
กิ่งแก้วเห็นก็สงสัยจึงเดินมาดู เธอถึงกับตกใจหน้าซีดผงะถอยไปหลายก้าว รีบดึงลูกทั้งสองออกให้ห่างจากรถ

“คุณประเสริฐ เมื่อวานนี้ได้ขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่ไหนมาหรือเปล่าครับ?” รักตปักษ์เอ่ยถาม ทำให้ประเสริฐรู้สึกงุนงง

“เมื่อวานนี้รถคุณยศเสียเลยนั่งแท็กซี่กันมา ตอนขากลับผมก็ขับไปส่ง แล้วผมก็ช่วยยกของเข้าไปไว้ในบ้าน แค่นั้นเองครับ” คนขับรถสูงวัยตอบเสียงซื่อ

“ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนคุณจะลืมล็อครถ” เมื่อรักตปักษ์ว่าเช่นนั้น ประเสริฐจึงเดินมามองว่าข้างในมีอะไร ก่อนจะอ้าปากค้าง เพราะที่เขาเห็นนั้น เป็นซากศพงูตัวหนึ่งถูกทุบศีรษะจนเละและยัดไว้ในถุงพลาสติกใส ตัวของมันเริ่มเน่าเพราะถูกทิ้งไว้กลางอากาศร้อนข้ามวันแต่ไม่มีกลิ่นออกมาเพราะถุงพลาสติกห่อหุ้มอยู่ สัตยายืนมองภาพนั้นนิ่ง ดวงตาของเขาเรืองเรื่อด้วยสีแดงก่ำของดวงตานาค ใบหน้าของเขาปรากฏริ้วเกล็ดออกมาทีละน้อย และในขณะที่ไม่มีใครสังเกตนั้น รักตปักษ์ก็รีบดึงให้สัตยาก้มหน้าซบกับบ่า

“กิ่งแก้ว ช่วยไปตามนายพจน์มาเอาไปฝังทีได้ไหม?” เขาหันไปเรียกหญิงสาวให้มีสติขึ้นมา

“ค....ค่ะ!” กิ่งแก้วรับคำ ดันลูกชายทั้งสองไปให้ประเสริฐจับมือไว้ แล้ววิ่งไปเรียกนายพจน์มาจัดการกับศพของงูตัวนั้น เธอรู้สึกหวาดกลัวว่าอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น แต่รักตปักษ์ก็ปลอบใจว่าเป็นการขู่ให้กลัวเท่านั้น และกำชับให้ทุกคนอย่าเพิ่งบอกพงษ์ศักดิ์ เพราะเขาไม่อยากให้ชายชราต้องเป็นกังวลและเกรงว่านายประเสริฐอาจจะถูกตำหนิอย่างรุนแรงได้

นายพจน์เอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดเบาะรถและฉีดยาฆ่าเชื้อทั้งที่ไม่มีอะไรเปรอะเปื้อนแต่ก็กันไว้ก่อน และเพื่อความสบายใจของกิ่งแก้วด้วย กว่าจะได้ออกเดินทางกันจริงๆก็เลยไปเกือบเที่ยง โดยอ้างกับพงษ์ศักดิ์ว่านายประเสริฐลืมล้างรถ ทำให้ถูกตำหนิเล็กน้อยที่ทำให้ล่าช้า

โชคดีที่เครื่องบินเที่ยวที่จองไว้นั้นเป็นรอบบ่าย การมาช้าไปกว่าที่คิดเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก นายประเสริฐกล่าวขอบคุณรักตปักษ์ก่อนจะออกเดินทางที่ทำให้เขาไม่โดนพงษ์ศักดิ์ตำหนิมาก ก่อนที่จะขับรถกลับไป

ก้องกับเกริกดูจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อยกับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต แม้จะเป็นเพียงเที่ยวบินภายในประเทศก็ตาม กิ่งแก้วต้องจูงมือลูกเอาไว้แน่นเพราะเกรงว่าทั้งสองจะพากันวิ่งเล่นจนหายตัวไป สนามบินใหญ่โตขนาดนี้ จะตามหาตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ซ้ำยังมีโอกาสถูกลักพาตัวด้วย

เครื่องบินใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึง ที่ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยทะเลสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และเมื่อกิ่งแก้วได้เห็นบังกะโลที่จะมาพักอาศัย เธอก็ลืมเรื่องศพงูเป็นปลิดทิ้ง

บังกะโลหลังใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางต้นมะพร้าวและพุ่มไม้เตี้ยๆ ทางเท้าปูด้วยหินลาดไปยังประตู ห่างไกลจากผู้คนและความวุ่นวาย ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดเป็นระลอก มองออกไปเห็นหาดทรายสีขาวสะอาดทอดยาวออกไปไกล และทะเลที่จรดกับผืนฟ้า กลิ่นลมทะเลโชยเข้าจมูกให้รู้สึกสดชื่นจนลืมเลือนความเหนื่อยจากการเดินทางไปสิ้น

กิ่วแก้วและรักตปักษ์ช่วยกันขนของเข้าไปในบ้านพัก ให้สัตยาพาเจ้าตัวเล็กสองคนเดินตามเข้ามา

ห้องของสัตยาและรักตปักษ์อยู่ชั้นสอง ระเบียงที่ใช้ร่วมกันมองออกไปเห็นทะเลอย่างชัดเจน มีห้องน้ำเป็นห้องน้ำใช้ร่วมกันซึ่งมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ส่วนห้องของกิ่งแก้วและเด็กๆอยู่ชั้นล่าง ติดกับห้องครัวและสวนด้านหลังและมีห้องน้ำขนาดย่อมอยู่ใกล้ๆให้เดินออกมาใช้ได้สะดวกในตอนกลางคืน

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึง คือการทำความสะอาดบ้าน เพราะไม่มีคนมาใช้นาน แค่นานๆจะมีคนดูแลมาจัดการให้ไม่รกเรื้อเท่านั้น กิ่งแก้วจึงจัดการให้รักตปักษ์พาสัตยาออกไปกินลมชมวิวที่ริมทะเล ขณะที่เธอและลูกๆช่วยกันจัดเก็บของและทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย

“นับแต่มาเป็นมนุษย์ ข้าแทบจะไม่ได้เห็นทะเลเลย” รักตปักษ์ชวนคุยขณะกำลังเดินทอดน่องด้วยกันบนชายหาด ทั้งสองคนต่างถอดรองเท้าขึ้นมาถือไว้ รักตปักษ์พับขากางเกง แล้วเดินเท้าเปล่าระเรี่ยคลื่นน้ำไปเรื่อยๆ ส่วนสัตยาเดินบนทรายแห้ง

“ตอนเด็กๆข้าเคยมาบ่อย” สัตยาตอบ “แต่พอโตขึ้นข้าก็ยุ่งกับงานเลยไม่ค่อยได้มา”

“ทำไมเจ้าดูไม่ค่อยดีใจที่ได้มาทะเล นาคน่าจะชอบที่มีน้ำไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มผมแดงตั้งข้อสังเกต เพราะสัตยาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบทะเลนัก เห็นจากที่อีกฝ่ายไม่เดินเข้าหาทะเล กลับเลือกที่จะเดินบนพื้นทรายแห้งๆเสียอย่างนั้น

“ข้าไม่ถูกกับทะเล” นาคจำแลงตอบ “นาคมีหลากประเภท ข้าเป็นนาคที่อาศัยในน้ำจืด ถิ่นอาศัยข้าอยู่ในทะเลสาบกลางป่า ข้าจึงไม่ชอบทะเล”

“ข้าพอจะเข้าใจ” รักตปักษ์ว่าแล้วหันไปมองท้องฟ้า “นกเองก็มีหลายแบบ”

“บ้างก็กินปลา บ้างก็กินงู” ประโยคหลัง สัตยาหันมามองหน้ารักตปักษ์แล้วเบือนผ่านไป

“ข้าเลิกแล้ว” ราวกับรู้นัยของการกระทำนั้น รักตปักษ์จึงตอบกลับไปโดยไม่ต้องรอให้ใครมาปรักปรำหรือกล่าวหา แต่สัตยากลับพ่นลมหายใจออกมาเหมือนว่าไม่อยากจะฟัง รักตปักษ์จึงเงียบไปและรอให้อีกฝ่ายสร้างบทสนทนาขึ้นบ้าง แต่สัตยาก็ไม่เริ่ม เขาย่างเท้าก้าวไปท่ามกลางความเงียบและเสียงของทะเลที่สาดกระทบฝั่งพร้อมกับเพื่อนร่วมทางที่เปียกมาถึงครึ่งแข้ง

“ดูนั่นสิ สัตยา” รักตปักษ์ชี้ชวนไปที่ขอบฟ้าให้สัตยามองตาม ที่ตรงนั้น ดวงอาทิตย์เป็นสีแดงรำไรกำลังคล้อยต่ำลงคล้ายลูกบอลที่กำลังจะจมน้ำ เมฆสีส้มแดงบางเบาสลับล้ำเลื่อมกันบดบังดวงอาทิตย์ไปเป็นบางส่วน แสงสีส้มสะท้อนอยู่บนผิวน้ำพร้อมกับประกายระยิบไหวที่เต้นรำไปกับพวยคลื่นซึ่งกำลังสาดกระทบเข้าหาฝั่ง ลมเย็นพัดพากลิ่นเกลือปะทะใบหน้า ไล่เส้นผมให้พริ้วไปกับสายลม สัตยายืนอยู่เบื้องหลังครุฑได้เห็นเส้นผมสีแดงปลิวสยายท่ามกลางแสงยามเย็น และขนปีกที่ปลิดปลิวออกมาพัดพริ้วไปกับสายลม หากว่ารักตปักษ์กางปีกสีแดงนั้นออกมา....คงจะงดงามมากทีเดียว....

ครุฑนั้น สง่างาม ทรงอำนาจ และน่าหลงใหล โผบินบนผืนฟ้า มีวิมานอยู่เหนือเมฆ เพียงกางปีกก็ปกคลุมท้องนภา เพียงคำรามก็สะเทือนถึงบัลลังก์องค์อินทร์ ก้าวย่างไปที่ใดก็มีแต่ผู้ให้ความเคารพบูชา เป็นผู้ปกครองแห่งเหล่าปักษาทั้งมวล

สัตยาเม้มปากอย่างเจ็บใจเมื่อคิดถึงข้อเปรียบเทียบที่รับรู้ก่อนจะมาเป็นมนุษย์

“สัตยา เป็นอะไรไป?” รักตปักษ์เอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตนนิ่งงัน

“เปล่า....ลมทะเลทำให้ข้าแสบตา” สัตยาว่าก่อนจะหลุบเปลือกตาลง “ข้าจำได้ว่าห่างออกไปอีกหน่อยจะมีโขดหินสูง ตรงนั้นมีร่องน้ำลึกอยู่ หากตกลงไปก็อาจจะตายได้เพราะทะเลตรงนั้นคลื่นลมแรง พัดกระแทกหินตลอดเวลา แต่ก็เป็นวิวตอนกลางคืนที่สวยมากเช่นกัน”

“คืนนี้จะออกมาดูด้วยกันไหม?” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยชักชวน

“คืนนี้ข้าอยากนอนพักก่อน การเดินทางไกลทำให้ข้ารู้สึกเหนื่อย” สัตยาปฏิเสธเสียงเนือย สำหรับเขาแล้ว ลมทะเลไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่

“งั้นเรากลับกันดีไหม? ป่านนี้กิ่งแก้วคงจัดของเสร็จแล้ว” รักตปักษ์ว่าแล้วก็เดินขึ้นมาจากทะเล ทรายติดเท้าตามขึ้นมาทุกครั้งที่ก้าวเดิน สัตยาพยักหน้ารับก่อนจะกลับหลังหัน ตามทางที่พวกเขาเดินมานั้นมีรอยเท้าประทับอยู่เป็นทางยาว ทั้งสองเดินตามรอยเท้านั้นกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไรกันเหมือนกับขามาจนกระทั่งถึงบังกะโล

“กลับมาแล้วหรือคะ?” กิ่งแก้วร้องถาม “กิ่งไปซื้อของมาเตรียมอาหารให้แล้ว ถ้าคุณยากับคุณรักต์หิวก็กินได้เลยนะคะ”

“ขอบคุณครับ กิ่งแก้ว แล้วก้องกับเกริกล่ะครับ?” ชายหนุ่มร่างสูงมองไปรอบบ้าน แต่กลับไม่เห็นเงาเด็กทั้งสองคนเลย

“พอทำความสะอาดเสร็จก็วิ่งออกไปเล่นทรายกันแล้วล่ะค่ะ ตรงนั้นไงคะ กำลังสนุกกันเชียว” กิ่งแก้วตอบพร้อมชี้นิ้วไปทางหน้าบ้าน ก็เห็นเงาเด็กสองคนอยู่ไกลๆกำลังก่อกองทรายอยู่ริมทะเลดูท่าทางสนุกสนาน และคงไม่ยอมกลับเข้าบ้านง่ายๆ

“เดี๋ยวผมไปดูเด็กๆดีกว่า ให้เล่นตามลำพังอย่างนั้นอันตราย” รักตปักษ์ออกตัวแล้วเดินตรงไปยังเด็กน้อยทั้งสองคน

“คุณรักต์เนี่ย แกดูพึ่งพาได้จริงๆเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยชื่นชม ในขณะที่สัตยาทำหน้าไม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ผมจะขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ กิ่งแก้ว ถ้าคุณรักต์เข้ามาแล้วค่อยตามผมลงมากินข้าวแล้วกัน” สัตยากล่าวเพราะเขารู้สึกเหมือนว่าลมทะเลจะทำให้เขาไม่สบาย เกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ชายหนุ่มมปลีกตัวขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำชำระไอเกลือออกไปให้หมดและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

ทางด้านรักตปักษ์ เขาเดินไปนั่งเล่นทรายกับก้องและเกริก โดยคอยโกยทรายให้ทั้งสองช่วยกันก่อ

“พี่รักต์ เมื่อไหร่ผมจะโตเหมือนพี่รักต์มั่ง” ก้องถามเมื่อเขาเอามือทาบกับมือรักตปักษ์ และพบว่าทาบไม่ติดเลยสักนิด

“เอ....อีกเดี๋ยวก้องก็โตกว่าพี่อีกล่ะมั้ง” รักตปักษ์หัวเราะ แต่ว่าหากจะดูตามพันธุกรรมแล้ว นายพจน์และกิ่งแก้วต่างก็ตัวเล็กกว่ารักตปักษ์ทั้งคู่ คงยากเสียหน่อยที่เด็กทั้งสองจะโตได้เท่ากับรักตปักษ์ หากจะเท่ากับสัตยาก็ยังมีลุ้น

“แล้วเมื่อไหร่จะแรงเยอะเหมือนพี่รักต์ล่ะครับ?” เกริกถามบ้างแล้วเดินมานั่งบนตัก

“ออกกำลังกายเยอะๆสิ พี่ว่าอีกหน่อยเกริกอาจจะอุ้มพี่ได้ด้วยนะ” ชายหนุ่มผมแดงหยอกเย้าพลางหัวเราะ “เราสองคนมานั่งเล่นทรายตรงนี้น่ะ ไม่กลัวโดนทะเลพัดไปหรือไง? ดูสิ พอตกค่ำทะเลก็หนุนสูงขึ้นเห็นไหม?”

“ก็กว่าจะเช้าก็อีกตั้งนาน” ก้องว่า

“หลายชั่วโมงแน่ะ แม่บอกว่าต้องนอนแปดชั่วโมงถึงตื่นได้” เกริกเสริม

“ไม่นานขนาดนั้นหรอก พอนอนน่ะ เวลาจะผ่านไปเร็วมาก ก้องกับเกริกไม่รู้หรอกว่าแปดชั่วโมงหรือยัง” รักตปักษ์พูดแล้วขยับลุกขึ้น “คิดในอีกแง่ ถ้าเราสองคนเข้านอนเร็ว พรุ่งนี้ก็จะได้เล่นเร็วๆไง แต่ถ้าเข้านอนช้า ก็ได้เล่นช้านะ จะเอายังไง?”

“จะเล่นเร็วๆ!” ก้องและเกริกตอบพร้อมกันแล้วเข้าคว้าแขนรักตปักษ์คนละข้าง

“จะเล่นเร็วๆก็ไปเข้านอนกันได้แล้ว ไปกันเถอะ” รักตปักษ์จูงเด็กน้อยทั้งสองคนให้เดินตามกลับเข้าไปในบังกะโล ซึ่งกิ่งแก้วกำลังยืนรออยู่อย่างกังวลใจว่าก้องกับเกริกจะงอแงไหม แต่เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่านอกจากจะไม่งอแงแล้ว กลับยอมเข้านอนแต่โดยดี ไม่ต้องให้ไล่ ชายหนุ่มให้กิ่งแก้วพาเด็กๆเข้าไปข้างในก่อน ส่วนตนก็ยืนมองทะเลอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ประสานเข้ากับแววไหววูบบนผิวน้ำ มันไม่ใช่เพียงเป็นประกายวิบวับ แต่กลับเคลื่อนไหวไปมาเป็นเส้นยาว บางครั้งก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำ บางครั้งก็ลับหายไปใต้น้ำ รักตปักษ์ขยับยิ้มพลางนึกในใจว่าสัตยาน่าจะได้เห็น แต่ก็น่าเสียดาย ในวินาทีที่คิดเช่นนั้น เจ้าของเกล็ดสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายระยิบระยับก็ว่ายน้ำหายไป

รักตปักษ์เดินกับเข้าไปในบ้านพัก และเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อเรียกสัตยาลงมากินข้าวเย็น แต่เมื่อเปิดเข้าไปในห้องของสัตยา เขาก็พบว่า ชายหนุ่มกึ่งนาคผู้นั้นได้หลับใหลไปเสียแล้ว

รักตปักษ์เข้าไปนั่งลงบนเตียงกว้าง แล้วปัดปอยผมสีดำออกจากใบหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่าย ผิวของสัตยาเนียนนุ่มราวกับผิวเด็ก และขาวผ่องเหมือนไข่มุก เป็นธรรมดาของนาคทั้งหลายเมื่อจำแลงกายมักมีเสน่ห์เหนือผู้คน แต่ในแง่ของสัตยานี้ คงต้องขอบคุณความสวยของผู้อุ้มครรภ์ด้วย

มือของชายหนุ่มเลื่อนขึ้นไปจับที่หัวเตียง ก่อนจะโน้มศีรษะลงทีละน้อยอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของสัตยาเลื่อนใกล้เข้ามาทุกที ลมหายใจอุ่นรดใบหน้า จมูกเนียนแตะกันเบาๆ แล้ว....รักตปักษ์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนผละออกมา

“คุณยา” เขาเขย่าตัวอีกฝ่ายพร้อมเรียกชื่อ

สัตยาทำเสียงเครือในคอเบาๆคล้ายกำลังขู่คนที่มารบกวนความสงบ แต่เมื่อรักตปักษ์ไม่เลิกรา สัตยาจำต้องลืมตาขึ้นทั้งที่ไม่เต็มใจและขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนปลุกเต็มตา

“คุณยา ไปกินข้าวกันเถอะ” ชายหนุ่มผมแดงกล่าว

“อือ....ไม่หิวแล้ว...” สัตยาพลิกตัวอย่างเกียจคร้านแล้วตลบผ้าห่มคลุมร่างจนมิดศีรษะ

“คุณยา อย่าดื้อนักสิ จำได้ไหมว่าคุณพงษ์ศักดิ์กำชับให้กินข้าวครบมื้อ” รักตปักษ์ยกเอาพงษ์ศักดิ์มาอ้าง เพราะชื่อนี้มักใช้ได้ผลทุกครั้ง

“คุณตาไม่รู้หรอก” แต่ว่าครั้งนี้รักตปักษ์ต้องผิดหวัง เขาจึงงัดวิธีใหม่ เท้าแขนทั้งสองข้างลงบนเตียง คร่อมร่างของสัตยาไว้ แล้วโน้มลงกระซิบข้างหู

“สัตยา หากเจ้าไม่ตื่นขึ้นมาดีๆ ข้าจะอุ้มลงไปทั้งอย่างนี้”

คำขู่นั้นได้ผล สัตยาตลบผ้าห่มออกด้วยใบหน้าบึ้งตึง ผมสีดำฟูกระจาย และตาที่ลืมแค่ครึ่งเดียว เขาดึงผ้าห่มออกพ้นตัว แล้วขยับพลิกลุกขึ้นมานั่ง

“ทำไมเจ้าชอบบังคับข้านัก”

“เพราะเจ้าดื้อและหัวแข็ง หากข้าไม่บังคับ เจ้าก็จะไม่ยอมทำ” คำของรักตปักษ์ทำให้สัตยายิ่งหน้าบูดกว่าเดิม

“ข้าไม่ใช่เด็ก” สัตยาว่าแล้วลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งให้รักตปักษ์ส่ายศีรษะอย่างระอาใจแล้วจึงเดินตามออกมาทีหลัง

ทั้งสองคนผ่านมื้ออาหารค่ำไปอย่างเงียบๆ ไม่เหมือนปกติที่พงษ์ศักดิ์จะชวนรักตปักษ์คุยเรื่องต่างๆ และสัตยาคอยแทรก อีกทั้งกิ่งแก้วก็เข้านอนไปแล้วตามที่รักตปักษ์บอก เพราะกิ่งแก้วเองก็เหนื่อยจากการเดินทาง ทั้งยังต้องมาทำงานบ้านโดยยังไม่ได้พัก รักตปักษ์จึงคิดว่าแค่ดูแลบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะเข้านอนนั้น เขาสามารถทำแทนได้

หลังมื้ออาหาร ทั้งสองช่วยกับเก็บสำรับไปไว้ในครัว กับข้าวที่ยังไม่หมดก็ใส่ไว้ในตู้เย็น ส่วนจานที่กินหมดแล้วก็แช่ไว้ในอ่างล้างจาน รักตปักษ์จัดการถลกแขนเสื้อและลงมือล้างอย่างชำนาญ

“เจ้าเคยทำมาก่อนหรือ?” สัตยาถามด้วยความฉงน

“ข้าเป็นลูกโทน บ้านไม่ได้ร่ำรวย งานบ้านก็ทำกันเองไม่มีคนรับใช้ เลยได้ทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว” รักตปักษ์เฉลยด้วยรอยยิ้ม ดูเขาจะไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยว่าเกิดมามีบุญวาสนาน้อยกว่าคนอื่น และไม่ได้ดูถูกตัวเองว่าเกิดมาต่ำต้อย

สัตยาพับเขนเสื้อ เดินเข้าไปช่วยหยิบจับ แต่แล้วเขากลับพบว่าตนเองดูไม่มีท่าเอาเสียเลย ตอนรักตปักษ์ล้างแล้วส่งมานั้น เจ้าตัวดูทำคล่องแคล่วว่องไว แต่เมื่อเขาเข้ามาช่วย เขาก็ทำได้เพียงหยิบจานทีละใบมาอังน้ำอยู่นานกว่าจะสะอาด แล้วจึงนำไปวางคว่ำบนที่วางจาน

“ใช้มือลูบทำความสะอาดด้วยสิ” รักตปักษ์แนะนำแล้วทำให้ดู

สัตยาทำตาม ไม่นานเขาก็คล่องมือขึ้น

คืนนั้นทั้งสองคนช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดจานชามช้อนส้อม ปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้เรียบร้อย ปิดไฟทีละดวง เป็นงานที่ปกติแล้วกิ่งแก้วเป็นคนทำ เมื่อสัตยามาทำด้วยตัวเองเขาจึงพบว่าเป็นงานที่ยิบย่อยจนทำให้เหนื่อยหน่ายได้เหมือนกัน กระนั้นรักตปักษ์กลับไม่พูดบ่นและเดินตรวจตราไปทีละห้องอย่างชำนาญ ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปด้วยกัน

สัตยาล้มตัวลงนอนต่อเพราะความง่วงยังคงอยู่ เมื่อหัวถึงหมอน สัตยาก็ผล็อยหลับไปในทันที

ผิดกับทางรักตปักษ์ที่นอนคิดไม่ตกถึงอะไรบางอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจ เขารู้สึกสงสัยกับซากงูที่อยู่ในรถ เพราะมันเหมือนจะไม่ใช่แค่การขู่หรือทำให้คนเสียขวัญอย่างคึกคะนอง ก่อนหน้านี้ เขาเคยโดนตามสะกดรอยอยู่หลายวันไม่ว่าจะไปที่ไหน แต่แล้ว การสะกดรอยนั้นก็หายไปเฉยๆเมื่อมีเหตุทำลายข้าวของเกิดขึ้นและจินได้รับบาดเจ็บ เรื่องนั้นเขาแน่ใจว่าต้นเหตุมาจากสัตยาแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ราวกับว่ามีคนจงใจทำให้เรื่องใหญ่เกินกว่าที่สัตยาคิดเอาไว้ หลังเรื่องนั้นจบไป ทุกๆอย่างก็สงบอย่างน่าประหลาด แต่แล้ววันนี้กลับมีคนเอาศพงูมาทิ้งไว้ในรถให้สัตยาเห็น

ทำไปเพื่ออะไร?

นั่นคือข้อสงสัยที่รักตปักษ์หาคำตอบไม่ได้ และจากท่าทีของสัตยา เขาแน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก มิเช่นนั้นสัตยาคงไม่โกรธขนาดเกือบเผยร่างจริงต่อหน้ามนุษย์แบบนั้นเป็นอันขาด

ครั้งนี้คนทำไม่ได้เพ่งเล็งที่เขาหรือคนรอบข้าง แต่เป็นตัวสัตยาเอง จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดไปก่อนหน้านั้นหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงว่า มันมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างที่ทำให้สะกิดใจแต่ไม่สามารถสืบสาวลงลึกไปได้มากกว่านั้น

สัตยาเป็นถึงประธานของเครือชลวรินทร์ จะมีคนปองร้ายก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ว่าฝ่ายนั้นกลับไม่เข้ามาตรงๆ

ทำไมกัน?

รักตปักษ์ครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น ใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและปมปัญหาที่ล้วนวนเวียนอยู่รอบกายของสัตยา เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ไม่ใช่เพียงอยากจะขู่ให้ตกใจกลัว ทว่ามีเป้าหมายที่แฝงเร้นมากกว่านั้น

ค่ำคืนนั้น รักตปักษ์แทบจะข่มตาหลับไม่ลง ทั้งนี้เพราะสิ่งที่วนเวียนในสมองรวมทั้งความแปลกที่แปลกถิ่น เป็นธรรมชาติของเขาที่จะรู้สึกปลอดภัยในที่ของตัวเอง เมื่อเปลี่ยนสถานที่ก็มักจะมีปัญหาจนกว่าจะทำตัวให้คุ้นชินได้ซึ่งก็ต้องใช้เวลานาน อย่างไรเสีย การมาพักผ่อนครั้งนี้ก็กินเวลาไม่เกินครึ่งเดือน เขาอาจจะต้องทนไม่นอนหลับอยู่เช่นนี้จนกว่าจะถึงวันกลับ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่รักตปักษ์กังวล เพราะเขาเกิดมามีร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไป จะอดนอนเสียบ้างก็ไม่มีปัญหา เมื่อเกินที่จะรับได้ ร่างกายก็จะจัดการได้อย่างดีเยี่ยมโดยสามารถหลับได้โดยไม่คิดถึงสถานที่

ห้องที่อยู่ด้านข้างกันนี้เป็นห้องของสัตยา ความสามารถทางการได้ยินของนกซึ่งติดตัวรักตปักษ์มาแต่เกิดทำให้เขาได้ยินเสียงหายใจทอดยาวมาจากอีกฝั่งของกำแพงแสดงว่าผู้เป็นเจ้าของห้องได้หลับใหลไปเสียแล้ว ท่ามกลางความเงียบและเสียงลมทะเล เขาเงี่ยหูฟังเสียงสรรพสิ่งรอบกายเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดมากระทำอันตรายใดๆในบ้านหลังนี้

คลื่นซักโถมเข้าฝั่งเป็นระลอกด้วยแรงลมที่พัดกระทบใบมะพร้าวเสียงแสกสาก หลายครั้งที่รักตปักษ์ได้ยินเหมือนเสียงหวีดหวิววังเวงจากทะเล ทว่านั่นก็เป็นเพียงเสียงลม ไม่มีเสียงร้องของนก ไม่มีเสียงเลื้อยคลานของงู ในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีสิ่งใดจะปกป้องพวกเขาได้นอกจากตนเอง

TBC
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 07-02-2011 00:23:58
 :z13: :z13: :z13: :z13:จิ้มก่อนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-02-2011 00:39:53
 :L1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 07-02-2011 00:56:49
พออ่านตอนนี้แล้วก็ :m31: :m31: :m31:ใครมันมาทำพี่ยากับพี่รักต์ได้เนี่ย


จะมีอะไรรึเปล่านะ  ตอนนี้ยิ่งไม่มีบริวารคุ้มกันด้วยสิ

ที่บริวารหายไปเพราะที่ทะเลไม่มีนกกับงู  หรือใครทำให้หายไปกันเอ่ย

พี่รักต์พี่ยาสู้ๆ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 07-02-2011 00:58:10
ใครจะปองร้ายน้องยานะ

อ่านตอนนี้แล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: pigg ที่ 07-02-2011 01:02:57
อา...งั้นพี่ครุฑก็ปกป้องตัวเองและ น้องนาคไปด้วยเลยสิจ้ะ -///-

ปล.จองร่วมเล่มนะฮะ โอนให้ไม่เกินมะรืนนี้...~

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 07-02-2011 01:23:24
เพิ่งจะเข้ามาอ่านค่ะ แต่...ช๊อบ ชอบ 555+
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: katook ที่ 07-02-2011 01:43:42
 :-[เริ่ด...
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 07-02-2011 01:47:23
ไม่มีใครปกป้องเรานอกจากเรา หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายยๆๆนะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 07-02-2011 03:49:25
จอง1เล่มค่ะเดี๋ยวมาแจ้งอีกทีหลังโอนนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 07-02-2011 09:54:34
ทริปนี้ ทะเลหวาน หรือ ทะเลเดือด
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 07-02-2011 10:21:10
 นก กับ งู ลูก ออกมาต้องเป็น คิงกีโดร่าแน่ๆเลยอ่ะ


(http://images.fanpop.com/images/image_uploads/King-Ghidorah-godzilla-95784_515_286.jpg)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 07-02-2011 10:21:39
มีคนใกล้ตัวคิดร้ายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 07-02-2011 10:31:03
ชอบนิยายแนวนี้จัง
เอาด้วย 1 เล้มค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 07-02-2011 13:34:32
 :กอด1: ชอบมากอยากได้หนังสือเร็วๆ เสร็จทันงานมีตติ้งไหมอ่ะ
ใครช่วยหิ้วไปฝากซักเล่มจิ อยากได้อ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-02-2011 13:44:27
^
^
^
ด้า เอาด้วย
โอนเผื่อหน่อยจิ
แล้วไปปลดหนี้ที่มีตติ้ง
คริ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-02-2011 13:50:28

เรียน จขร. ทราบ

รบกวนลงเรื่องให้มันจบก่อนดีไหมคะ  แล้วค่อยเปิดจอง

เล้าฯ เป็นที่ให้ทุกคนเข้ามาอ่านนิยายกันสนุกๆ  และฟรี!

ไม่ใช่พื้นที่โฆษณาสินค้านะคะคุณน้อง

กรุณาใช้พื้นที่เล้าฯ ให้ถูกต้องกับวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ด้วยนะคะ

หวังว่าคงเข้าใจที่เจ้สื่อความหมายนะ


เจ้สอง  โมดุฯ ห้องนิยาย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-02-2011 13:56:52
เพิ่งเข้ามาอ่านจ้า

สนุกดีนะ Yแนวนี้ :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 07-02-2011 14:34:17
 o18ใครน้าที่รอบปองร้ายสัตยา
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11) + เปิดจองรวมเล่ม หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: tonight ที่ 07-02-2011 16:53:49
รีบๆๆมาอัพต่อนะคับ รออยู่ทุกวินาที (เว่อร์ไป 555+)
แอบคิดในใจนะคับว่าต้องมีครุฑอีกตนที่คิดไม่ดีกับสัตยาแน่ๆ ไม่งั้นจะทิ้งซากงูให้ดูต่างหน้าทำไม
แต่คิดว่าคงไม่ต้องห่วงสัตยามากเพราะว่ารักตปักษืคงจะปกป้องคุ้มครองได้เป็นอย่างดี

ปล อ่านมาถึงตจรงนี้แต่ฉากหวานก็ยังไม่บังเกิดขึ้น 555+ รออ่านตอนต่อไปคับ สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 07-02-2011 17:53:18
อยากอ่านค่ะอยากอ่าน
แต่โดนพี่โมดุฯ มาเตือนแล้วนี่สิ =="
ยังเปิดจองอยู่หรือเปล่าคะ ?

แต่เราของจองด้วย 1 เล่มค่ะ !!

ปล. แล้วเวลาโอนนี่ต้องโอนเป็นเศษ เงินด้วนใช่ไหมคะ อย่าง 250.30 บาท
แบบนี้ ???
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-02-2011 18:12:16
ศัตรูที่มองไม่เห็นคือใคร

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 07-02-2011 18:59:28

เรียน จขร. ทราบ

รบกวนลงเรื่องให้มันจบก่อนดีไหมคะ  แล้วค่อยเปิดจอง

เล้าฯ เป็นที่ให้ทุกคนเข้ามาอ่านนิยายกันสนุกๆ  และฟรี!

ไม่ใช่พื้นที่โฆษณาสินค้านะคะคุณน้อง

กรุณาใช้พื้นที่เล้าฯ ให้ถูกต้องกับวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ด้วยนะคะ

หวังว่าคงเข้าใจที่เจ้สื่อความหมายนะ


เจ้สอง  โมดุฯ ห้องนิยาย

ขออธิบายหน่อยก็แล้วกันนะคะ
1. เซียร์เรียนไปแล้วว่า จะลงนิยายจนจบอย่างแน่นอน ไม่ได้บังคับขายหากไม่เต็มใจ
2. บอกตามตรงว่าเรื่องนี้ไม่ได้ยาวมาก และตอนนี้ก็ลงไปเกินครึ่งแล้ว เซียร์เปิดจองเดือนครึ่ง และลงต่อเนื่องทุกวัน ดังนั้นจบก่อนจะปิดจองแน่นอน
3. นิยายเรื่องนี้จบแล้วและเคยตีพิมพ์ไปแล้ว ที่มาลงที่นี่ตอนแรกก็ด้วยเจตนาอยากเปิดโลกใหม่ ๆ บ้าง แต่มีคนสนใจรวมเล่มจึงได้เปิดจองไม่ได้ตั้งใจโฆษณาหวังผลแต่ประการใด
4. อย่างที่เห็นว่าเซียร์เข้ามาโพสต์นิยายในบอร์ดนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติอะไรนัก แต่มีนักอ่านบางท่านถามหารวมเล่ม ซึ่งเซียร์ก็ตั้งใจแต่แรกว่าจะเปิดจองหลังลงจนจบ แต่มีนักอ่านท่านหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนาม)PMมาขอให้เปิดจองเลย ซึ่งเซียร์ก็สอบถามแล้วว่าทำได้หรือ? และทำอย่างไร นักอ่านท่านนั้นก็ให้ความกรุณาแนะนำให้ลงในกระทู้นิยายและอัพไปเรื่อย ๆ หากจะถามว่าทำไมเซียร์ถึงเชื่อเขา ก็เพราะเซียร์เห็นว่าเขาอยู่มาก่อนน่าจะรู้อะไร ๆ มากกว่า

จากคำอธิบายข้างต้นหวังว่าคุณคงจะเข้าใจ เพราะเซียร์เองก็ไม่สบายใจ ที่ถูกเข้าใจผิดเช่นนี้

ปล. ส่วนเรื่องเปิดจอง เซียร์ลบหัวกระทู้ออกไปแล้วและจะลบในข้อความแรกที่เขียนสารบัญด้วย ส่วนในข้อความที่เปิดจองเซียร์ขอให้มันอยู่อย่างนั้นต่อไปก็แล้วกันค่ะ หากใครไม่มีเจตนาจะอ่านจนจบคงไม่อดทนเปิดอ่านมาจนถึงหน้านั้นได้ เพราะอย่างไรก็ดีมีคนจองเข้ามาแล้ว หากอยู่ ๆ เซียร์ลบกระทั่งข้อความเปิดจองไปด้วยเดี๋ยวจะมีคนกังขาว่าเซียร์ได้เงินแล้วชิ่งหรือเปล่า


อยากอ่านค่ะอยากอ่าน
แต่โดนพี่โมดุฯ มาเตือนแล้วนี่สิ =="
ยังเปิดจองอยู่หรือเปล่าคะ ?

แต่เราของจองด้วย 1 เล่มค่ะ !!

ปล. แล้วเวลาโอนนี่ต้องโอนเป็นเศษ เงินด้วนใช่ไหมคะ อย่าง 250.30 บาท
แบบนี้ ???

ไม่ต้องค่ะ โอนมาแล้วบอกวันที่กับเวลาโอนก็พอ เซียร์จะเข้าไปเช็คในเว็ปธนาคารเองค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 07-02-2011 19:22:05
ตกลงมัน happy ending ใช่มั้ยคะ หุๆ ห่วงเรื่องเดียว

คุณรักต์ต้องชอบสัตยาแน่เลย มีแอบหอมด้วยอะ น่ารัีกมากๆ  :-[

ว่าแต่ใครน้ามาปองร้ายสองคนนี้ งงแท้ๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-02-2011 19:47:48
 :L1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 07-02-2011 19:59:24
 :angry2:  ใครน๊าที่เป้นคนขู่


แต่ว่าอยากเห็นคุณสัตยากับรักตปัหษ์หวานๆบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 07-02-2011 20:40:16
น่าจะเป็นครุฑอีกพวกหนึ่งล่ะมั้ง
ดันคิดร้ายกับสัตยาซะได้ -*-
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 07-02-2011 21:48:40
พ่อเเม่ของสัตยาสนับสนุนเต็มที่
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 07-02-2011 22:14:12
เหมือนว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นเลยอ่า  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 07-02-2011 22:41:12
โอ๊ะ!!! นี่เดินทางมาเกินครึ่งเรื่องแล้วหรอคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 07-02-2011 23:48:53
ชอบอ่านเรื่ีองนี้จัง มันดูเหมือนมีมากๆๆกว่า แค่เรื่องความรัก แต่มันแทรกอะไรหลายอย่างง

เพราะเรื่องนี้แหละ วันนี้เราไปถามเพื่อนทั้งคณะเกี่ยวกับนาคและครุฑเลยยย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-02-2011 23:50:28
มาให้กำลังใจทั้งสองคน
+1
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-02-2011 23:52:29
จะมีอะไรเกิดขึ้นรึป่าวน๊า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 08-02-2011 01:04:44
กรี๊ดดดดด เข้ามาอ่านรวดเดียว
อยากอ่านต่อแล้วค่าาาาาาาาาาาา >.<

ปล.เดี๋ยวจองด้วยคนแน่ๆค่ะ เก็บตังค์ก่อน
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 08-02-2011 01:36:15
เปิดจองแล้วเหรอ อืมต้องค่อยๆเก็บเงินอีกแระ กระปุกพร้อม! แต่ตังค์ยังไม่พร้อมหยอด555+
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 08-02-2011 07:52:24
อยู่บ้านเดียวกันแล้ว แค่เชื่อมห้องงน้ำ
รักต์ก็รุกเลยก็ได้ ดูท่ายายอมขนาดนั้น (ไม่ชอบคนจับเนื้อต้องตัว แต่กับครุฑผมแดง ยอมซะ)
รออ่าน เรื่องน่าติดตามและแหวกแนวมาก เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 08-02-2011 13:43:42
ดวงตาสีอ่อนของรักตปักษ์เบิกโพลงเช่นนั้นจนยามเช้ามาเยือน เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปยังระเบียงเพื่อรับลมยามเช้า เป็นเพราะห้องของเขากับสัตยาหันหน้าไปทางทะเลซึ่งเป็นทิศตะวันตก ทำให้แสงยามเช้ายังส่องมาไม่ถึง แต่สามารถเฝ้ามองพระอาทิตย์ยามเย็นได้สวยงามยิ่งนัก

ระเบียงของห้องรัตกปักษ์กับสัตยาเป็นระเบียงที่ใช้ร่วมกัน ชายหนุ่มจึงเดินไปทางหน้าห้องของสัตยา แล้วมองลอดกระจกใสเข้าไปเพื่อดูว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วหรือยัง ทว่า กลับประจวบเหมาะที่สัตยากำลังจะเดินออกมา ประตูกระจกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างของสัตยาที่ก้าวโดยไม่ทันเห็นคนข้างนอก ทำให้เขาชนตุบเข้ากับแผงอกกำยำเปลือยเปล่าอย่างจัง โชคดีที่รักตปักษ์ทรงตัวได้ทันและสัตยาไม่ได้เดินออกมาเร็วนัก ทั้งสองจึงไม่ได้ล้มกลิ้งไปด้วยกัน เพียงแต่เซไปเล็กน้อยโดยที่รักตปักษ์รีบจับแขนสัตยาเอาไว้ด้วยความตกใจ

“ครุฑ!?” สัตยาเอ่ยชื่ออีกฝ่ายแล้วทำตาโตพราะไม่ทันได้นึกว่าจะมีคนมายืนอยู่ตรงนี้

“อรุณสวัสดิ์” รักตปักษ์เอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม

“เจ้านิยมถ้ำมองผู้อื่นยามนอนหรือยังไง?” เจ้าของห้องเหน็บแนมพร้อมขืนตัวออกก่อนจะขยับชุดนอนที่ไม่ได้กลัดกระดุมอย่างหวงตัว ผิวกายเนียนสวยอาบไล้ด้วยแสงตะวัน สร้างภาพที่งดงามอย่างหาได้ยาก

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ เพียงจะมาดูว่าเจ้าตื่นหรือยัง” ผู้ถูกกล่าวหาแก้ตัวเสียงร่าเริง หูของเขาได้ยินเสียงกอกแกกจากด้านล่าง ทำให้รู้ว่ากิ่งแก้วตื่นแล้วและกำลังเตรียมอาหารอยู่ “ลงไปช่วยกิ่งแก้วข้างล่างไหม? แต่ก่อนลงไปก็กลัดกระดุมด้วยล่ะ เดี๋ยวกิ่งแก้วจะหัวใจวายเสียเปล่าๆ”

“กิ่งแก้วเห็นข้ามาแต่เล็กแต่น้อย” ถึงสัตยาจะว่าอย่างนั้น เขาก็จัดการกลัดกระดุมทั้งหมด แล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง โดยไม่ลืมปิดประตตูระเบียงก่อน กระนั้น สัตยาก็ต้องหันกลับมามองด้วยความสนเท่ห์ เมื่อรักตปักษ์เดินตามเข้ามาในห้องด้วย

“ไหนๆก็จะลงไปด้วยกันอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องเดินกลับเข้าห้องตัวเองอีกล่ะ?” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม สัตยาจึงไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ แล้วเดินออกจากห้องไปด้วความหงุดหงิดใจเล็กๆตามด้วยรักตปักษ์ที่เดินตามหลังไม่ห่าง จนลงมาถึงห้องครัว ซึ่งกิ่งแก้วกำลังทำอาหารอยู่และมีอาหารที่เสร็จแล้วอยู่สองอย่าง ข้าวก็กำลังตั้งหม้อหุง

“อ้าว อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณยา คุณรักต์ เมื่อคืนหลับสบายไหมคะ?” กิ่งแก้วทักทายเสียงใสไม่มีวี่แววของความง่วงงุน เป็นเพราะเมื่อวานนี้เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและทำงานบ้านจนหลับทันทีที่หัวถึงหมอน จึงสามารถตื่นได้ตามเวลาปกติ

“สบายดีครับ แล้วก้องกับเกริกล่ะครับ?” รักตปักษ์ถามไถ่ขณะที่สัตยาเดินไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำที่อยู่ข้างๆห้องครัว

“ยังหลับอยู่เลยค่ะ แต่อีกเดี๋ยวคงตื่น อาหารจะเสร็จแล้ว คุณรักต์กับคุณยาไปอาบน้ำเถอะค่ะ” กิ่งแก้วว่าไปก็ช้อนอาหารจากกระทะลงจาน กลิ่นพริกสับหอมฟุ้งเคล้ากับกลิ่นเครื่องปรุงกระตุ้นต่อมน้ำลายและน้ำย่อยในกระเพาะให้ทำงานอย่างซื่อตรง รักตปักษ์เดินกลับขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำ ส่วนสัตยาเมื่อล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เดินออกมาดูอาหาร

“อาหารทะเลหมดเลยหรือ?”

“ค่ะ แถวนี้มีขายแต่พวกนี้แหละค่ะ” กิ่งแก้วตอบแล้วนำอาหารจานสุดท้ายมาวางบนโต๊ะ สัตยาเพียงพยักหน้ารับรู้ เขาไม่ได้มีปัญหามากนักกับการกินสัตว์เพื่อเป็นอาหาร เพราะเป็นธรรมชาติของสัตว์โลก ขอเพียงไม่ใช่การล่าเพื่อความสนุกหรือการทรมาน เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร

ไม่นานนัก รักตปักษ์อาบน้ำแต่งตัวลงมาสับเปลี่ยนให้สัตยาขึ้นไปอาบน้ำบ้าง ส่วนเขาก็ช่วยกิ่งแก้วตระเตรียมสำรับในครัวให้พร้อมสรรพก่อนที่สัตยาจะเสร็จธุระ จะได้พร้อมกินพอดี

หลังเสร็จสิ้นอาหารเช้า รักตปักษ์กับสัตยาก็พาก้องกับเกริกไปเล่นด้วยกันที่ชายหาด เพื่อดูแลไม่ให้เด็กทั้งสองวิ่งลงทะเลแล้วโดนพัดไป แต่พอตกบ่าย รักตปักษ์ก็ต้องไปทำงานที่หมายใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะมาถึง สัตยาจึงต้องดูแลเด็กทั้งสองตามลำพัง โดยกิ่งแก้วก็ทำงานอยู่ในบ้าน จะออกมาก็เพื่อเอาอาหารมาให้เท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้ก้ทำให้สัตยาลำบากพอสมควร เนื่องจากเขาไม่อยากเข้าใกล้ทะเลมากเกินไป หากว่าเด็กทั้งสองลงทะเลไปเขาก็อาจจะช่วยเหลือไม่ทัน จึงต้อนก้องและเกริกมาเล่นตรงทรายแห้งๆแทน

ไอเกลือจากทะเลพัดพายมากับสายลม ต้องผิวสัตยาทำให้รู้สึกแสบกอปรกับแสงแดดที่ส่องลงมายิ่งทำให้เขารู้สึกทรมาน ผิวของเขาเริ่มเกิดอาการคันและแสบเป็นรอยแดง หากว่าตากลมทะเลเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ไม่เป็นไร แต่นี่เขานั่งมาเกินครึ่งวันแล้ว

“พี่ยา ทำไมพี่แขนแดง” เกริกสังเกตเห็นจึงเอ่ยถาม

“เอ่อ....พี่คงแพ้อะไรสักอย่าง ไม่เป็นไรหรอก” สัตยาว่าแล้วลูบแขนเบาๆ เขาไม่อยากขัดความสนุกของเด็กๆจึงทำเหมือนไม่เป็นอะไร

“แต่มันแดงขึ้นนะครับ” ก้องว่าแล้วเข้ามาแตะแขนเบาๆ สัตยาถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจและเจ็บแปลบบริเวณที่ถูกสัมผัส ในตอนแรกนั้น แขนของสัตยาเพียงมีรอยแดงจางๆเหมือนอาการแพ้ทั่วไป แต่เมื่อทิ้งเวลานานขึ้น รอยแดงนั้นกลับยิ่งขยายตัวจนลามไปทั่วและสีก็เข้มขึ้นเรื่อยๆสร้างความห่วงกังวลให้กับก้องและเกริกที่เกรงว่าชายหนุ่มจะไม่สบาย แต่ในขณะที่สัตยากำลังอธิบายกับเด็กทั้งสองว่าตนเองไม่เป็นไรมากอยู่นั้น กลับมาเสื้อตัวใหญ่คลุมลงบนศีรษะบังแสงแดดที่ส่องตรงลงมาอย่างพอดี ร่างของเขาถูกยกลอยขึ้นโดยแขนแข็งแกร่งคู่หนึ่งโดยไม่ทันตั้งตัว

“คุณรักต์!” สัตยาร้องเมื่อเห็นหน้าผู้กระทำอุกอาจ

“อากาศร้อนเกินไปแล้ว เข้าบ้านกันก่อนเถอะ ไป ก้อง เกริก เดี๋ยวตากแดดตากลมจนไม่สบายพี่จะไม่ให้ออกมาเล่นอีกนะ” รักตปักษ์เอ่ยชักชวนเด็กน้อยทั้งสองคนที่ทำท่าอยากจะเล่นต่อแต่ก็จำนนต่อคำขู่จนต้องเดินตามหลังต้อยๆด้วยความเสียดาย

“คุณยา? คุณรักต์ คุณยาเป็นอะไรไปคะนั่น?” กิ่งแก้วเห็นรักตปักษ์อุ้มสัตยาเข้ามาทั้งยังห่อผ้าด้วยเสื้อจนมิดจึงรู้สึกตกใจว่าเป็นอะไรมากหรือไม่

“ไม่เป็นไรมากหรอกครับ แค่ตากแดดมากไปหน่อยเลยจะเป็นลม แล้วก็ดูเหมือนจะไปโดนอะไรแปลกๆเข้าเลยแพ้ ถ้าเป็นไปได้ ผมขอยาทาแก้แพ้กับน้ำอุ่นด้วยก็ดีครับ” รักตปักษ์ตอบเป็นเหตุเป็นผลที่พอจะทำให้กิ่งแก้วไม่นึกสงสัย โดยมีเสียงของก้องและเกริกสนับสนุนถึงรอยแดงบนแขนของสัตยา กิ่งแก้วจึงไม่สงสัยอะไรแม้เธอจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสัตยาแพ้อะไร

รักตปักษ์อุ้มสัตยาขึ้นไปบนห้อง ก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างเบามือ รูดม่านปิดให้เรียบร้อยแล้วจึงตลบเสื้อของตนออกวางบนเตียง

“ขอดูแขนหน่อย” เขาว่า

“เดี๋ยวก็หายเองนั่นแหละ ไม่ต้องหรอก” สัตยากลับปฏิเสธแล้วนั่งลูบแขนตนเอง ผิวของเขายังแสบแม้จะเข้ามาหลบในร่มแล้ว

“อย่าดื้อน่า คุณยา เมื่อครู่แสบมากไม่ใช่หรือ? ยื่นแขนมา” ครั้งนี้ รักตปักษ์ไม่ได้ใจดีอย่างเคย เขาดึงแขนที่เจ้าตัวหดเก็บมิดชิดออกมาดูโดยไม่รอให้สัตยาตอบรับ รอยแดงเป็นปื้นใหญ่ทาบอยู่บนแขนดูน่ากลัว สัตยาร้องซี้ดเบาๆเมื่อรักตปักษ์แตะมือลงบนรอยนั้น

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงของกิ่งแก้วจากนอกประตู ก่อนที่รักตปักษ์จะเดินไปเปิดประตูแล้วรับอ่างน้ำอุ่น ผ้าสะอาด และยาทาแก้แพ้มาแล้วกล่าวขอบคุณ เขาเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง วางอ่างน้ำอุ่นไว้บนเก้าอี้ และยาแก้แพ้วางบนโต๊ะ เขานำผ้าสะอาดชุบลงไปในน้ำอุ่แล้วบิดพอหมาด ค่อยๆซับลงบนแขนของสัตยาเพื่อล้างเอาไอเกลือจากทะเลออกให้หมด

“ถอดเสื้อออกด้วยสิ คุณยา” เขาว่า

“แต่ตรงตัวไม่ได้เป็นอะไร” สัตยาปฏิเสธ

“ก็ควรเช็ดให้สะอาด คุณยาใส่เสื้อบาง เวลาลมพัดไอเกลือก็เข้าไปได้” เมื่อรักตปักษ์ยืนยันเช่นนั้น สัตยาจึงยอมถอดเสื้อออกส่วนกางเกงขาสั้นนั้นรักตปักษ์ก็ถลกขาเช็ดเอา

ยามที่ผ้านุ่มลูบมาบนผิว สัตยารู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนและอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาจากมือของอีกฝ่าย รักตปักษ์เช็ดถูบนผิวบางนั้นอย่างเอาใจใส่ เหมือนเมื่อครั้งที่ลอกคราบไม่มีผิด เขาค่อยๆซับผ้าขนหนูลงบนรอยแดงอย่างเบามือเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้สัตยารู้สึกเจ็บมากนัก และจะซับซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นนั้นจนกว่าจะแน่ใจว่าไอเกลือได้ถูกล้างออกไปหมดแล้ว

จากบนแขน เขาก็ไล้ไปถึงแผ่นอกราบเรียบไม่มีมัดกล้ามแม้แต่น้อย เนื่องจากบนตัวนั้นไม่มีรอยจึงเช็ดอยู่ไม่กี่ครั้ง ก่อนจะเลื่อนลงไปเช็ดที่ขาซึ่งปรากฏรอยแดงจำนวนมากเช่นเดียวกับแขน ซ้ำยังมีทรายติดอยู่มากเพราะนั่งลงบนบนพื้นทรายโดยไม่มีอะไรรองก่อน

รักตปักษ์เริ่มจากนำกระดาษหนังสือพิมพ์มารองแล้วปัดทรายออกจากขาให้หมดเพราะพื้นปูด้วยพรม ยากจะทำความสะอาด บนกระดาษจึงเต็มไปด้วยเม็ดทรายสีน้ำตาลเข้มเพราะอุ้มน้ำไว้ เขาหันไปซักผ้ากับน้ำสะอาดนำมาลูบไปบนขาเรียวเล็กจนถึงปลายเท้า ไม่มีสักที่ที่รักตปักษ์จะเว้นว่าง

หลังจากเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น สัตยาก็รู้สึกดีขึ้น ผิวของเขาแสบน้อยลงและไม่รู้สึกเจ็บแล้ว

ผ้าถูกทิ้งลงในอ่างน้ำหลังจากเช็ดตัวเสร็จ ก่อนที่รักตปักษ์จะหันไปหยิบยาแก้แพ้มาทาลงบริเวณที่เป็นรอย โดยค่อยๆนวดลงไปบนผิวอย่างช้าๆและอดทนจนกระทั่งยาเหล่านั้นซึบซาบลงไปในผิวหมด เขาจึงทาซ้ำลงอีกครั้ง แล้วค่อยเปลี่ยนที่ ทำเช่นนั้นจนครบ ชายหนุ่มผมแดงก็หยิบเสื้อของสัตยาโยนลงไปกองบนพื้น แล้วเดินไปหยิบชุดใหม่ที่แห้งและสะอาดพอมาให้เปลี่ยน ในขณะที่สัตยาไปเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น รักตปักษ์ก็ปัดทรายที่เปรอะบนเตียงลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วจึงห่อกระดาษป้อนกันทรายร่วงลงมา ตลบผ้าปูจากเตียงลงมากองกับเสื้อของสัตยา แล้วทำทั้งหมดนั้นลงไปข้างล่าง โดยเอาผ้าปูเตียงกับเสื้อไปแช่ในอ่างน้ำที่กิ่งแก้ววางเอาไว้เพื่อซักผ้า กระดาษหนังสือพิมพ์นำไปโยนทิ้งในถังขยะ

ในตอนแรก กิ่งแก้วบอกว่าจะซักให้ แต่รักตปักษ์ยืนยันที่จะซักเอง เพื่อแบ่งเบาภาระของกิ่งแก้วบ้าง บังกะโลหลังไม่ใช่น้อย จะให้กิ่งแก้วทำงานคนเดียวคงจะไม่ไหว

สัตยาถูกบังคับให้นอนพักบนห้อง ห้ามลงมาข้างล่างจนกว่าอาการจะดีขึ้นหรือถ้าพูดให้ถูกคือ รักตปักษ์ให้สัตยานอนพักจนกว่ารอยแดงจะหายไปหมด มิเช่นนั้นเรื่องนี้จะถึงหูของพงษ์ศักดิ์อย่างแน่นอน ตอนขู่เจ้าตัวไม่พูดเปล่า กลับหยิบโทรศัพท์มือถือมาเตรียมโทร ทำให้สัตยาต้องยอมจำนน

อาหารเย็นรักตปักษ์นำขึ้นมาให้ถึงบนห้องนอน พร้อมกับสำรวจรอยแดงบนแขนซึ่งจางจนแทบจะหายไปหมดแล้ว ทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างพออกพอใจ

“หายแสบผิวหรือยัง คุณยา?” เขาถามแล้วลูบแขนเบาๆเพื่อทดสอบ

“หายแล้ว” สัตยาตอบพลางดันจานที่กินเรียบร้อยไปบนโต๊ะ

“คราวหลังก็ระวังหน่อยนะคุณยา แพ้ทะเลถึงขนาดนี้ก็อย่าเข้าใกล้มากเกินไป” รักตปักษ์เตือนด้วยความหวังดี “ถ้าผมมีธุระ ผมจะให้ก้องกับเกริกเข้าบ้านก็แล้วกัน คุณยาจะได้ไม่ต้องนั่งเฝ้าให้เป็นแบบนี้อีก แล้วคุณยา ถ้าเกิดมีอาการอะไรต้องบอกผมทันที จะได้แก้ไขทัน”

“ผมไม่รบกวนคุณขนาดนั้นหรอกครับ คุณรักต์” สัตยากล่าว

“แค่ช่วงที่อยู่ที่นี่เท่านั้น ผมต้องดูแลคุณให้ดีเพราะตาของคุณฝากฝังมา” ชายหนุ่มร่างสูงตอบก่อนจะเก็บจานขึ้นมาถือแล้วเดินออกไปจากห้อง น่าแปลกที่คืนนั้นสัตยาพบว่าเขาไม่ได้ยินเสียงรักตปักษ์จากอีกฝั่งของห้องเลยหลังจากที่เอาจานลงไปเก็บในตอนเย็น จนตอนนี้ก็สองทุ่มเข้าไปแล้ว

สัตยาลงไปถามกิ่งแก้วด้วยความสงสัย ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า รักตปักษ์ออกไปเดินเล่นที่โขดหินซึ่งสัตยาเล่าถึงเมื่อวานนี้


---------------------------->


ลมยามค่ำพัดโชยหอบเอากลิ่นเกลือขึ้นมาจากทะเล คลื่นโหมกระทบโขดหินเสียงดัง แสงจันทร์สาดส่องอยู่บนผืนฟ้ากว้างและสะท้อนเงาของมันลงบนผืนน้ำเป็นคลื่นไหวเปล่งประกายระยิบระยับน่ามอง เป็นดังที่สัตยาเคยกล่าวไว้ทุกประการ ที่สถานที่แห่งนี้สามารถชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้งดงามที่สุด เหตุเพราะอยู่บนที่สูงจึงสามารถมองเห็นพื้นทะเลได้กว้างไกลสุดสายตา

หูของรักตปักษ์เงี่ยฟังเสียงที่มากับสายลม เสียงคลื่นสาดซัด และยังแฝงไว้ด้วยเสียงของบทเพลงจากท้องทะเล

ที่ขอบฟ้าอันแสนไกลนั้น เป็นอีกครั้งที่รักตปักษ์ได้เห็นเกล็ดสีมรกตแวววาวเหนือผิวน้ำ และครั้งนี้สิ่งที่ยืนยันความมั่นใจของเขา คือหงอนสีทองที่อาบด้วยแสงจันทร์นั้น

“ครุฑ”

เสียงของสัตยาดังขึ้นจากเบื้องหลัง ทำให้ชายหนุ่มเผลอละสายตามาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และทันใดนั้น สิ่งที่เขามองอยู่ก็มุดกายหายไปใต้ทะเลอีกครั้ง รักตปักษ์พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันไปหาผู้เรียกพลางยิ้มให้อย่างไม่ถือสาที่ถูกเรียกกะทันหัน

“เจ้าไม่ควรออกมาตากลมตอนนี้” เขาว่า

“ข้าหายดีแล้ว” สัตยาเดินปีนโขดหินขณะพูด ก่อนจะถูกดึงขึ้นมาด้วยมือแกร่งพียงข้างเดียว

“ข้าเห็นว่ายังมีรอยเล็กน้อย” รักตปักษ์แย้ง แต่อย่างน้อยสัตยาก็สวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวกับกางเกงสแลคขายาวออกมา อีกทั้งยังสวมรองเท้าเรียบร้อย รักตปักษ์จึงไม่ได้เอ่ยว่าอะไรนอกจากนั้น เพียงแต่หยิบหมวกที่ตนเองสวมอยู่สวมลงบนศีรษะของสัตยาเพื่อป้องกันไอเกลือพัดเข้าใบหน้าเท่านั้น

“ทำไมเจ้าจึงไม่ทำกับข้าเช่นนั้นด้วย?”

คำถามของสัตยาเรียกแววสงสัยในดวงตาสีอ่อนของรักตปักษ์ เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“เช่นที่เจ้าทำกับลูกน้องของกฤตนันท์ ข้าเองก็มีส่วนที่ทำให้จินเจ็บ หรือเจ้าจะเก็บข้าไว้ให้เจอสิ่งที่โหดร้ายยิ่งกว่า เช่นสังหารแล้วกินเสีย” ในขณะที่ถามนั้น สัตยาก็จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เพื่อค้นหาคำตอบของความโหดเหี้ยมอำมหิตในความทรงจำ รักตปักษ์ดูจะเศร้าหมองลงเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น เขาคลี่ยิ้มบาง

“นั่นคือเหตุที่เจ้าหลีกเลี่ยงจะเข้าใกล้ข้านับแต่ตอนนั้นหรือ?”

ความจริงแล้วรักตปักษ์เริ่มสังเกตมานาน ว่าสัตยาดูจะกลัวเขามากขึ้น และหลีกเลี่ยงในการอยู่กับเขาตามลำพัง กระทั่งจะให้สัมผัสตัวก็ยังหาข้ออ้างอยู่เสมอ

“ข้าไม่เคยชอบที่จะอยู่ใกล้เจ้า” สัตยาตอบคำ

“เช่นนั้นเจ้าตามข้ามาทำไม? ที่นี่มีเพียงข้ากับเจ้า ข้าอาจทำร้ายเจ้าเช่นที่เจ้าหวาดกลัวอยู่ก็เป็นได้” รักตปักษ์ลองหยั่งเชิงถาม

“เพราะข้าอยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวของข้า” ดวงตาสีดำสนิทเหลือบหลบสายตาซื่อตรงของอีกฝ่าย “หากเจ้าไม่กำจัดข้าเช่นตนอื่นๆ ข้าก็จะหาทางกำจัดเจ้าอีก และอาจมีคนถูกทำร้ายโดยไม่เกี่ยวข้องอีก ข้าจะไม่หยุด เจ้ารู้ดี ในหมู่พี่น้องพันตน ข้าอาจจะเป็นตนสุดท้ายแล้วก็เป็นได้ ข้าแลกได้ทุกอย่างเพราะข้าไม่มีสิ่งใดจะให้สูญเสียอีก”

“สัตยา” น้ำเสียงของรักตปักษ์อ่อนลงเมื่อก้าวเข้าไปดึงรั้งนาคจำแลงไว้ในอ้อมแขน ในคราแรก สัตยาคล้ายจะขัดขืน ทว่ากลับไม่ได้ออกแรงดิ้นรนหรือร้องห้าม “เจ้าจะผูกใจเจ็บข้าอีกสักกี่ชาติภพ ข้าจะไม่กล่าวโทษเจ้า แม้ในเวลานี้เจ้าจะเอามีดดาบแทงทะลุหัวใจข้า ข้าก็จะไม่ขัดขืน หากชาติเดียวไม่พอเพียงข้าก็จะวนเวียนตายเกิดให้เจ้าทรมานจนสมแค้น แต่ข้าขอเพียงข้อเดียว สัตยา ขออย่าได้เดินในเส้นทางสายเดียวกับข้า ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องทรมานเช่นที่ข้าต้องเผชิญ”

“เจ้าพ.....”

“ชู่ว์ มีคนกำลังมา” ก่อนที่สัตยาจะได้เอ่ยถามในความนั้น รักตปักษ์ก็ผละตัวออก ดวงตาคมที่เคยอ่อนโยนกลับแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

เสียงสวบสาบของฝีเท้าหลายคู่บนผืนทรายดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะตามด้วยเสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นหินและก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เสียงปรบมือค่อยๆดังขึ้นในความเงียบสงัด พร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดของคนหลายคน

“โว้ว โวว โวว ช่างบังเอิญจริงๆที่เราได้พบกันที่นี่ว่าไหม? คุณสัตยา คุณรักตปักษ์” เสียงอันน่ารังเกียจถูกเปล่งจากริมฝีปากที่แสยะยิ้มน่าขนลุกขนพอง เลยไปเบื้องหลังนั้น มีชายฉกรรจ์อีกจำนวนหนึ่งยืนคอยท่าอย่างมีความหมาย

“ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณรู้จักชื่อของผม” รักตปักษ์ใช้แขนกันตัวสัตยาไปข้างหลัง ส่วนตนกลับยืนเผชิญหน้ากับกฤตนันท์อย่างท้าทาย

“อะไรกัน คุณไม่ได้บอกอะไรเขาเลยหรือคุณสัตยา คุณนี่ช่างร้ายจริงๆ” กฤตนันท์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “ก็คุณเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนให้ข้อมูลของเขากับผม และยังสั่งให้ไปทำลายข้าวของ ไม่วายยังสั่งให้อัดลูกน้องของเขาเสียน่วม” คำของกฤตนันท์ทำให้สัตยาเบิกตากว้าง เขาเม้มปากอย่างโกรธแค้น ผู้ชายคนนี้คิดจะโยนความผิดของตัวเองอย่างหน้าด้านๆ

“คุณกฤตนันท์ ระวังคำพูดของคุณไว้หน่อยก็ดีนะครับ” สัตยากล่าวเสียงเย็น

“โธ่เอ๋ย พูดแบบนี้ผมน้อยใจแย่ คุณคิดจะใช้งานผมแล้วตัดหางปล่อยวัดหรือครับ คุณสัตยา” มาเฟียหนุ่มถอดถอนใจ “ผมเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ทำตามคำสั่งทุกประการ คุณก็ยังใจร้ายหักหลังผมได้ลงคอ หรือว่าตอนนี้คุณวางแผนจะแทงเขาจากข้างหลังอยู่กันนะ?”

“คุณกฤตนันท์” น้ำเสียงของสัตยาเริ่มเย็นเยียบมากขึ้น ทว่าเมื่อสายตาของเขาได้ประสบกับดวงตาคมสีอ่อนที่จ้องมองกลับมาด้วยความผิดหวัง ในอกของสัตยาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 08-02-2011 13:44:08
รักตปักษ์เคยเชื่อและเชื่ออย่างหมดใจว่าสัตยาเพียงแต่ถูกหลอกใช้ในเรื่องนี้ เขาไม่คิดว่าสัตยาจะสามารถออกคำสั่งเช่นนั้นได้จริง ทว่าหากเมื่อความแค้นบังตา ใครเล่าจะยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้อีก ตัวรักตปักษ์เองก็เคยได้เผชิญกับช่วงเวลานั้นมาแล้วจึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามแต่ประการใด ในตอนนั้น เหมือนรักตปักษ์จะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่แล้วหูของเขาก็พลันได้ยินเสียงขึ้นนกปืนจึงรีบหันกลับไปดู และพบว่ามีชายคนหนึ่งในมุมมืดกำลังยกปืนขึ้นจ่อมาทางนี้ รักตปักษ์ไม่มีเวลามองให้แน่ว่าใครคือเป้าหมาย สิ่งที่เขาทำสิ่งแรกโดยไม่ได้คิดทบทวนและไม่เคยเสียใจภายหลังนั่นคือการผลักสัตยาให้พ้นทาง

เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่งผ่านใบหน้าของสัตยาพุ่งไปทางรักตปักษ์ แรงของปืนส่งให้ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งยืนไม่มั่นคงเสียสูญตกลงจากโขดหินชันและร่วงลงไปในทะเล

“คุณรักต์!” สัตยาร้องก่อนจะวิ่งไปยังจุดที่รักตปักษ์ตกลงไป เขาคุกเข่าลง เขม่นมองผ่านความมืด หวังว่าจะได้เห็นอีกฝ่ายโผล่ขึ้นมาจากคลื่นทะเลอันแปรปรวน

“เป็นอะไรไป คุณสัตยา นี่คือสิ่งที่คุณอยากได้ไม่ใช่หรือครับ?” กฤตนันท์ก้าวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น สัตยาจึงลุกจากท่าคุกเขาและพยายามถอยหลัง ทว่าปลายทางของเขาสิ้นสุดเพียงเท่านั้น หากถอยไปอีกก้าวเขาก็จะตกลงไปในทะเล “ไม่เอาน่า คนหน้าตาดีอย่างคุณเนี่ยมีอะไรให้ทำเยอะกว่าฆ่าตัวตายนะ เราอาจจะตกลงกันได้ใหม่ ผมเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว”

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ....” สัตยาแค่นเสียง

“หือ?” มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้ว

“คุณจะต้องชดใช้ คุณกฤตนันท์” ดวงตาสีดำสนิทพลันเรืองประกายสีแดงออกมา ก่อนที่สัตยาจะกลับหลังหันแล้วโผลงทะเลไป สายลมปะทะพัดเอาหมวกที่สัตยาสวมอยู่ลอยละลิ่วมาตกอยู่ที่ปลายเท้ามาเฟียหนุ่มซึ่งเข้าไปดึงตัวไว้ไม่ทัน เขายกเท้าเหยียบขยี้หมวกใบนั้นด้วยความขัดใจ ก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้น แล้วสั่งลูกน้องให้กลับ


------------------------->


เสียงหวีดหวิวของลมอื้ออึงอยู่ในหูเมื่อเขาตัดสินใจกระโดดลงมาจากที่สูง ก่อนที่ความดันน้ำจะกลบเสียงทั้งหมดนั้นเหลือเพียงเสียงของคลื่นที่สาดกระทบเข้ามาเป็นระลอก น้ำอาจเป็นสิ่งที่นาคต้องการที่สุด ทว่าสำหรับสัตยาแล้ว น้ำทะเลไม่ต่างกับยาพิษ ทันทีที่ร่างกายของเขาถูกล้อมรอบด้วยน้ำทะเลจำนวนมหาศาล ผิวของเขาก็พลันรู้สึกเจ็บแสบราวกับถูกกัดกินทีละน้อยไปทั้งร่าง ความเจ็บปวดราวกับเข็มนับพันเล่มกำลังทิ่มแทงร่างกายของเขาจากศีรษะจรดปลายเท้า ทว่ากลิ่นเลือดของรักตปักษ์ก็เตือนสติเขาว่าเขายังยอมแพ้ตรงนี้ไม่ได้ สัตยาพยายามปลดเสื้อผ้าของตนเองออกจากร่างกายอย่างยากลำบาก ทั้งรองเท้า ถุงเท้า เข็มขัด กางเกงสแลค และเสื้อเชิ๊ตแขนยาว

สิ่งของทั้งหมดนั้นถูกสลัดออกจากตัวให้ไหลไปกับสายน้ำ ก่อนที่เรียวขาของสัตยาจะแนบชิดติดกันและค่อยๆหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว ปรากฏเกล็ดสีมรกตปรกคลุมขึ้นมาทีละน้อยพร้อมๆกับปลายเท้าที่ยื่นยาวออกจนเรียวแหลม

ในร่างกึ่งนาค จะสะดวกต่อการว่ายน้ำมากกว่า

สัตยาไม่รอช้า รีบแหวกว่ายตามกลิ่นเลือดก่อนจะพบร่างไร้สติของรักตปักษ์ ซึ่งอาจจะเกิดจากสำลักน้ำเข้าไปมาก เขาพยายามเขย่าตัวเรียกให้มีสติ ทว่ารักตปักษ์กลับไม่ตอบสนอง สัตยาจึงต้องหาทางว่ายกลับขึ้นไปบนฝั่ง อย่างน้อยต้องทำให้รักตปักษ์มีอากาศหายใจ

ความเจ็บปวดจากพิษของทะเลทำให้สัตยาไร้เรี่ยวแรง ร่างของเขาเกิดเป็นรอยแดงไปทั่ว อีกทั้งยังเริ่มมีแผลถูกกัดจนเหวอะหวะ เขารู้สึกแสบตาจนต้องปิดเปลือกตาลง มิเช่นนั้นตาของเขาอาจจะบอดได้

ความหนักของร่างรักตปักษ์ผนวกกับแรงของสัตยาที่น้อยลงทุกที ในที่สุดนาคจำแลงก็ไม่อาจทานทนไหว เขาค่อยๆปล่อยตัวให้ดิ่งลงไปพร้อมกับร่างไร้สติของอีกคนหนึ่ง ทว่า ในขณะที่สัตยากำลังจะหมดสติไปพร้อมกับความปวดร้าวที่กัดกินเขานั้น ร่างกายของเขาก็กลับเบาหวิวราวกับถูกโอบอุ้มด้วยบางสิ่งที่เขาห่างหายจนแทบจะหลงลืม

สัตยาเปิดเปลือกตาขึ้น จ้องมองเงาดำใหญ่ที่ปรากฏตรงหน้าอย่างเลือนลาง

ช่างคุ้นเคยในความทรงจำอย่างน่าประหลาด ดวงตาคู่นั้นที่ทอดมองมาอย่างอ่อนโยนคือดวงตาที่เขารู้จักดี

ท่ามกลางสติอันรางเลือนนั้น สัตยาได้ยินเสียงเรียก....เป็นเสียงที่ร่ำเรียกชื่อของเขาในอดีต ชื่อในขณะที่ยังเป็นนาคในแดนบาดาล....


------------------------>


วันรุ่งขึ้น บ้านชลวรินทร์ก็ได้รับข่าวร้ายอันน่าสลดใจ

กิ่งแก้วที่เฝ้าบ้านเห็นว่าสัตยาและรักตปักษ์หายไปนานและยังไม่กลับ จึงไปตามที่โขดหินใหญ่ซึ่งทั้งสองบอกว่าจะไป แต่เธอกลับไม่เห็นแม้แต่เงา กลับพบหมวกใบหนึ่งตกอยู่ สภาพของมันไม่สู้ดีนักคล้ายว่าถูกเหยียบขยี้มาก่อน ซ้ำยังถูกลมทะเลพัดปลิวไปตกอยู่ซอกหิน หญิงสาวรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจึงโทรตามตำรวจท้องที่ให้ออกมาช่วยกันค้นหา เกรงว่าทั้งสองอาจพลัดตกทะเล ทว่า ทั้งที่ค้นหาอย่นานหลายชั่วโมงตั้งแต่ค่ำจนถึงเช้า ตำรวจท้องที่กลับไม่อาจหาคนทั้งสองเจอ แม้ว่าจะจ้างนักประดาน้ำให้ลงไปงมถึงก้นทะเลแล้วก็ตาม กระนั้น พวกเขาก็พบกับของอย่างอื่น นั่นคือ เครื่องแต่งกายทุกชิ้นที่สัตยาสวมใส่ก่อนที่จะหายตัวไป

กิ่งแก้วขวัญเสียอย่างหนัก ละล่ำละลักเล่าเหตุการณ์ให้พงษ์ศักดิ์ฟังทั้งน้ำตาทางโทรศัพท์ และหอบหิ้วลูกชายสองคนกลับบ้านชลวรินทร์ที่กรุงเทพทันทีโดยไม่ลืมฝากเรื่องนี้ให้ทางตำรวจท้องที่ติดตามหาข่าวสารต่อ เพื่ออย่างน้อย เธออยากจะแน่ใจว่าทั้งสองคนยังไม่ตาย

ทางด้านพงษ์ศักดิ์ เมื่อได้ยินข่าวก็เกิดอาการช็อคจนล้มป่วยลงต้องส่งเข้าโรงพยาบาลโดยด่วน ส่วนจันทร์วนาก็ร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่จนยศต้องลางานเพื่อมาปลอบขวัญภรรยา

ในบ้านชลรินทร์เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อคุณท่านล้มป่วย ทั้งสัตยาก็หายตัวไป ญาติพี่น้องวิ่งปิดข่าวกันให้วุ่น โดยกล่าวกับสื่อว่าสัตยาไปติดต่องานที่ต่างประเทศอย่างไม่มีกำหนด

บอร์ดบริหารเครือชลวรินทร์ซึ่งได้รู้ข่าวต่างก็ไม่อาจทนเฉยได้ เพราะพงษ์ศักดิ์ไม่มีทายาทสายตรงคนอื่นอีก ทำให้อำนาจที่มีคลอนแคลนอาจจะล้มลงได้ทุกเมื่อ จึงถือโอกาสนี้พยายามบีบบังคับให้พงษ์ศักดิ์ขายหุ้นก้อนใหญ่ที่ถืออยู่ให้กับคนอื่น เพื่อที่จะยืดเวลาออกไป พงษ์ศักดิ์จึงแสร้งป่วยหนักจนไม่อาจออกพบปะใครได้และแอบจ้างนักสืบให้ตามหาร่องรอยอย่างลับๆ

ทางด้านครอบครัวของรักตปักษ์ก็โศกเศร้าไม่แพ้กัน พ่อของชายหนุ่มไม่ได้กล่าวโทษสัตยาหรือพงษ์ศักดิ์แม้แต่คำเดียว เขายังมีความหวังอยู่เสมอว่าลูกชายของตนยังไม่ตายเพราะยังไม่มีการพบศพ

น้ำฝนและจินก็มีอาการไม่ต่างกันมากนัก ทั้งสองแทบจะไม่ได้คุยกันเลยเพราะเพียงแค่มองหน้ากัน คิดถึงช่วงเวลาที่มีรักตปักษ์อยู่ น้ำตาก็รื้นล้นออกมาจนกลั้นไม่อยู่แล้ว

คนที่โทษตัวเองหนักที่สุดคือกิ่งแก้ว เธอแทบจะร้องไห้คร่ำครวญไม่เป็นอันกินอันนอน พร่ำโทษว่าตนเองไม่น่าปล่อยให้ทั้งสองคนออกไปข้างนอกเพียงลำพัง พงษ์ศักดิ์จึงสั่งให้เธอพักงานอยู่ดูแลลูกเฉยๆ อย่างน้อย ให้ลูกๆของเธอเป็นแรงใจเพื่อจะได้ไม่หุนหันทำอะไรที่ขาดสติลงไป และสั่งให้นายพจน์คอยดูแลกิ่งแก้วไม่ห่าง

ท่ามกลางความโศกเศร้าและปวดร้าวนั้น กลับมีอีกบุคคลหนึ่งซึ่งหน้าชื่นตาบานกับเหตุการณ์นี้

“ชนแก้วเว้ย ชนแก้ว!” กฤตนันท์ตะโกนแล้วชูแก้วเหล้าขึ้นในอากาศ ลูกน้องคนอื่นๆก็ปฏิบัติตาม ทั้งยังหัวเราะสรวลเสเฮฮาอย่างสนุกสนาน ไม่อนาทรร้อนใจต่อการจากไปของสัตยาและรักตปักษ์แม้แต่น้อย

นอกจากคนของกฤตนันท์แล้ว ในที่นั้นยังมีคนอีกคนนั่งอยู่ เขาหลบเร้นอยู่ในเงามืด และดื่มเหล้าฉลองอยู่เงียบๆ ไม่อึกกะทึกครึกโครมเหมือนคนอื่นๆ

“จะเงียบทำไมวะ โห่ร้องยินดีหน่อยซี่ แกกำลังจะเป็นมหาเศรษฐีแล้วนะเว้ย” กฤตนันท์กล่าวกับบุคคลปริศนาผู้นั้นที่ถอดถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น ไอ้แก่พงษ์ศักดิ์มันหนังเหนียว หลานชายหายสาบสูญทั้งทีมันกลับแค่ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล แถมออกปากไม่ยอมขายหรือโอนหุ้นให้ใครเด็ดขาดจนกว่าจะได้เห็นศพของสัตยาด้วยตัวเอง” ชายคนนั้นกล่าวเสียงเนือยด้วยความเบื่อหน่าย “แกก็ไม่รอบคอบเลยนะ กฤตนันท์ น่าจะให้คนลงไปงมศพพวกมันมาซะก่อน”

“ใครจะไปคิดล่ะว้า ว่าไอ้แก่นั่นจะหวงสมบัติขนาดนั้น” กฤตนันท์ว่าพลางดื่มเหล้าอึกใหญ่

“เหอะ พูดดีไปเถอะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกนึกถูกใจเจ้าเด็กนั่น” คู่สนทนาแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน

“เฮ้ย แกก็เห็นรูปร่างหน้าตามันแล้วนี่หว่า สเปคอย่างหายากเลยนะเว้ย ถ้าเอาไปประมูลให้พวกเศรษฐีต่างชาติรสนิยมวิปริตล่ะก็ รวยไม่รู้เรื่องเลยนะแกเอ๊ย” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กฤตนันท์นึกเสียดายไม่หาย โดยภาพรวมแล้ว สัตยาน่าจะทำเงินให้เขาได้มากกว่าห้าล้านดอลล่าห์ ธุรกิจค้าเนื้อสดของเขาช่วยนี้ยิ่งกำลังซบเซาเพราะเศรษฐกิจไทยดิ่งลงเหว พวกเด็กไทยขายตัวสมัยนี้ก็ตัวเล็กๆแกรนๆ ดูบ้านนอกคอกนา พวกเศรษฐีบางคนมันชอบคนที่ดูสะอาดสะอ้าน หน้าตาดีมีการศึกษา ซึ่งราคาก็จะสูงตามระดับของที่มา ยิ่งอายุน้อย ไม่ค่อยผ่านโลก ก็ยิ่งราคาดี

“เพราะหวังมากไปเลยชวดหมด” อีกฝ่ายเหน็บแนมทำให้กฤตนันท์หน้าตึง

“แกก็พอกันล่ะวะ! ไอ้แก่นั่นมันหน้าที่แก แกก็หัดทำอะไรผิดกฏหมายมั่งสิเว้ย เอายาให้แม่งแดกไปก็สิ้นเรื่อง” กฤตนันท์ชักฉุน เพราะคู่เจรจาของเขานั้นเอาแต่สั่งการเบื้องหลัง ไม่ออกมาทำงานสกปรกด้วยตัวเอง กลับกล้าวิจารณ์การทำงานของเขาอีก

“ถ้าโดนจับก็ซิวเข้าคุกทั้งสองฝ่ายพอดี” เหตุผลนั้นทำให้กฤตนันท์โต้แย้งไม่ขึ้น เขากระแทกตัวลงนั่งกับเก้าอี้ คว้าหญิงสาวที่มาบริการกอดรัดแล้วกระดกเหล้าเข้าปากอย่างอารมณ์เสีย

“พอเว้ย เลิกพูดๆ พูดแล้วยิ่งโมโห” กฤตนันท์ตัดบท ทำให้อีกฝ่ายเงียบไปเช่นเดิม


------------------------------>


แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบเปลือกตาที่ขยับเล็กน้อยจากการถูกรบกวน ก่อนจะค่อยเผยอเปิดออก ดวงตาสีอ่อนดูงุนงงกลอกมองรอบข้างอย่างเลื่อนลอยราวกับสติยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เบื้องหน้าเขานั้นไม่ใช่ท้องฟ้า แต่ก็ไม่ใช่เพดาน มันเป็นส่วนหลังคาของเรือนไม้ที่มีขื่อและคานแบบถอดสลักค้ำยันอยู่ ชายหนุ่มไม่อาจทบทวนความทรงจำได้ชัดเจนนักว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

หูของเขาแว่วยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาก้าวย่างมาใกล้อย่างไม่รีบร้อน น้ำหนักเท้าบ่งบอกว่าเจ้าของร่างเป็นคนตัวเล็กและผอมบาง แต่ไม่ใช่สัตยา ขนาดตัวน่าจะสูงกว่าสัตยาเพียงเล็กน้อย

รักตปักษ์พยายามเอียงศีรษะมองไปทางประตู ทว่าปากประตูกลับถูกปิดไว้ด้วยแผเสื่อจากทำให้มองไม่เห็นภายนอก แสงอาทิตย์นั้นสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างซึ่งถูกเปิดรับลมเอาไว้ แต่เป็นแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงกว่ายามเช้า

ร่างกายของเขาปวดระบมโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกระสุน เขาสัมผัสมือดูและพบว่าร่างของเขาถูกพันทบด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น ดูเหมือนตอนตกลงมา คลื่นจะซัดเขาเข้ากระแทกหินอยู่หลายครั้ง ถึงได้ปวดจนยากจะขยับตัวอย่างนี้ ศีรษะของเขาก็ดูเหมือนจะแตกจึงมีผ้าพันเอาไว้เช่นกัน โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ตายเพราะหัวฟาดจนเลือดออกในสมอง

ไม่นานนัก แพเสื่อจากก็ถูกเลิกออก มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับของบางอย่างในมือ

“คุณตื่นแล้ว โชคดีจริงๆ” คนๆนั้นกล่าวแล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งทับขา รักตปักษ์มองดูและพบว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายที่มีผิวขาวสวยจนน่าประหลาด เครื่องแต่งกายนั้นเป็นชุดแบบกึ่งจีนกึ่งอ๋าวใหญ่สีเรียบดูแปลกตาเหมือนจะเป็นชุดที่ตัดเย็บเอง ประกอบด้วยตัวเสื้อซึ่งแขนยาวและกว้าง มีชายยาวลงมา กับกางเกงขายาวกว้าง มองแล้วช่างไม่เข้ากับเรือนไทยหลังนี้เอาเสียเลย กระนั้น รักตปักษ์ก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้น

“กลิ่นน้ำ....” เขาว่า “เจ้า.....เป็นนาค?”

ชายหนุ่มแปลกหน้ายิ้มรับคำของรักตปักษ์ ใบหน้านั้นดูงดงามน่าหลงใหลอันเป็นลักษณะเฉพาะของเหล่านาคยามจำแลงกาย

“ข้าคิดว่าคิดไปเองในตอนที่เห็นขนนกสีแดงของเจ้า” ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นั้นกล่าว “ลุกไหวไหม? ข้าจะเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ใหม่”

“พอจะไหว....” รักตปักษ์ขยับตัวชันขึ้นเล็กน้อยกระนั้นกลับต้องใช้เรี่ยวแรงมากมาย มือนุ่มเนียนคู่หนึ่งจึงยื่นเข้ามาช่วยพยุง

“บาดแผลของเจ้าหายเร็วกว่าเจ้ากรพินธุ์ จึงไม่น่าเป็นห่วงนัก” ชายหนุ่มร่างบางว่า

“เจ้ากรพินธุ์?” รักตปักษ์มุ่นคิ้ว

“พวกเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรอกหรือ? มนุษย์ครึ่งนาคตนนั้นเจ้ารู้จักหรือไม่?”

“เจ้าหมายถึง....สัตยา....?” ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยถาม เขาปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ถูกนักเพราะเขาจำได้เพียงว่าตนเองถูกยิงและตกลงมา ถูกคลื่นซัดกระแทกหินจนหมดสติ เช่นนั้นแล้วทำไมคนๆนี้จึงพูดราวกับว่าสัตยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งที่สัตยากับผู้ชายคนนั้นน่าจะตกลงกันมาว่าจะฆ่าเขาแท้ๆ

“ชื่อสัตยาหรือ? อ้อ....ข้าพอจะคาดเดาได้แล้ว” นาคจำแลงหัวเราะพลางแกะผ้าพันแผลของรักตปักษ์อย่างเบามือ “เจ้าน้องชายของข้าสู้อุตส่าห์อยู่มาถึงป่านนี้ กำเนิดในร่างกึ่งมนุษย์ที่แสนอ่อนแอเพื่อแก้แค้นเจ้าสินะ ครุฑเอ๋ย”

“เจ้า....สัตยาเป็นน้องชาย....?”

“อา....จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ความจริงแล้วไข่พันฟองแทบจะฟักพร้อมกัน นับยากว่าใครพี่ใครน้อง แม้แต่แม่กัทรูยังนับไม่ได้เลยว่าลูกตนใดของนางเกิดก่อน แต่เจ้ากรพินธุ์มีนิสัยน่าเอ็นดู ข้าจึงเรียกว่าน้องชาย” ชายหนุ่มในชุดประยุกต์แปลกตาจัดการนำผ้าพันแผลที่แกะออกแล้วไปกองไว้นอกเสื่อนอน และหันกลับมาแกะชั้นต่อไป

“ทำไมเรียกแบบนั้น? ข้าหมายถึง....เจ้ากรพินธุ์....” รักตปักษ์มุ่นคิ้วพลางกุมขมับ หัวของเขายังปวดหนึบ

“แต่เดิม สัตยาที่เจ้ารู้จักเคยมีชื่อว่า รัตนกรพินธุ์ หมายถึงแก้วทับทิม เพราะมีดวงตาที่โดดเด่นสวยงามกว่านาคตนอื่น แต่พวกเราเรียกว่าเจ้ากรพินธุ์” อธิบายไป มือเรียวทั้งสองก็แกะผ้าพันแผลอย่างชำนิชำนาญจนกระทั่งถึงชั้นเนื้อซึ่งบัดนี้เหลือเพียงรอยช้ำหลายตำแหน่งแต่ไม่ร้ายแรงมากนัก ส่วนที่โดนยิงนั้นก็มีรอยเย็บปรากฏดูน่ากลัว

“แล้วเจ้าเป็นใคร?”

“ข้ามีนามว่าอินทุกานต์ ตนอื่นๆบอกข้าว่า ข้าได้ชื่อนี้เพราะตอนข้าเกิดนั้นแสงจันทร์ส่องกระทบไข่ของข้าเป็นประกายเหมือนแก้วอินทุกานต์” ผ้าพันแผลทั้งหมดถูกปลดลงไปกองกับพื้น รักตปักษ์จึงได้เห็นว่าร่างกายตนเองบอบช้ำมากขนาดไหน ไม่น่าแปลกเลยที่เขาแทบจะขยับตัวไม่ไหว

“เจ้า....คือนาคที่ว่ายน้ำอยู่ตรงนั้น....” รักตปักษ์เริ่มจำได้ว่าเขาเคยเห็นนาคผลุบโผล่อยู่ที่ขอบฟ้าในยามค่ำมาสองคืนแล้ว

“ยามแสงจันทร์ทอประกายงดงาม ข้าเองก็ชอบออกไปชื่นชม” นาคจำแลงนามอินทุกานต์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้ามองอยู่ แต่ไม่นึกว่าเจ้าจะเป็นครุฑซึ่งข้าเคยได้ยินเมื่อหลายปีมาแล้วว่าลงมาจุติเป็นมนุษย์ตามคำอธิษฐานในกาลก่อน” ว่าไป มือเรียวก็นำผ้ามาชุบน้ำลูบไล้ไปบนตัวของชายหนุ่ม ทั้งมัดกล้ามแข็งตึงและใบหน้ากร้านคมสมรูป

“แล้วทำไม....สัตยาถึงได้....”

“เจ้ากรพินธุ์กระโดดตามเจ้าลงมา พยายามจะช่วยชีวิตเจ้า แต่ตัวเองกลับโดนน้ำทะเลกัดเสียเป็นแผลทั้งตัว” อินทุกานต์สีหน้าสลดลง “สามวันมาแล้ว เจ้ากรพินธุ์ยังไม่รู้สึกตัว ซ้ำยังมีไข้สูง เพ้อไม่รู้เรื่องตลอดเวลา ข้าพยายามจะรักษาแผลแล้ว แต่ร่างของกึ่งนาคนั้นเกินกำลังข้า”

“บ้าจริง” รักตปักษ์สบถ

“เจ้าเองก็อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่น เจ้ากรพินธุ์อาการหนัก แม้ข้าจนปัญญารักษาแต่ก็พยุงอาการได้ เจ้าจงรักษาตัวให้หายดี แล้วข้าจะชี้ทางช่วยเหลือเจ้ากรพินธุ์ให้เจ้า” เมื่อกล่าวจบ อินทุกานต์ก็เอนร่างสูงใหญ่ซึ่งพันผ้าพันแผลใหม่แล้วลงบนเสื่อ “เจ้าคงจะหิวแล้ว ข้าจะไปต้มข้าวให้ ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่รังเกียจอาหารทะเล เพราะที่แถบนี้หาได้แต่สัตว์ทะเลเท่านั้น”

“ข้าไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มผมแดงกล่าว “เจ้าอินทุกานต์ ข้าอยากพบสัตยา”

“เจ้าพบตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา หากเจ้าลุกขึ้นเดินเองได้ ข้าจึงจะอนุญาต” กล่าวจบ อินทุกานต์ก็เดินลับออกไปหลังผืนเสื่อจาก ทิ้งไว้เพียงความเงียบเช่นก่อนที่จะเข้ามา

รักตปักษ์เมื่ออยู่คนเดียวจึงเริ่มทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงการกระทำของสัตยาที่รู้ทั้งรู้ว่าตนเองไม่อาจสัมผัสทะเลได้ กลับกระโดดลงมาเพียงเพื่อช่วยคนที่ตนเองอยากจะฆ่าให้ตาย เขารู้สึกเป็นห่วง ห่วงเหลือเกินว่าสัตยาจะเป็นอะไรไป ทั้งที่เพียงนั่งอยู่ตรงชายหาดก็มีอาการแพ้สาหัสถึงขนาดนั้น แต่นี่ลงมาในทะเลทั้งตัว เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้สัตยาต้องพบเจอกับความทรมานแค่ไหน ถึงกับไม่ได้สติมาสามวันและเพ้อเพราะพิษไข้ตลอดเวลา

กระนั้น อาการของรักตปักษ์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก เมื่อนอนพักนิ่งๆไม่นาน ความง่วงและความเหนื่อยก็เริ่มเข้าครอบงำจนตกลงสู่ห้วงนิทราในที่สุด

TBC
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 08-02-2011 14:19:29
เกิดเรื่องจนได้ซินะ.. :เฮ้อ:

ยังดีที่ไม่ตายทั้ง2คน

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-02-2011 14:33:34
มันเป็นใคร !! :angry2:

แต่ก็ยังดีที่แค่บาดเจ็บ ไม่ถึงตาย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 08-02-2011 14:38:48
เขาจะรักษากันอีท่าไหน อยากรู้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: thanagorn ที่ 08-02-2011 15:13:52
  :3125: น่าจะตวัดหางไห้หัวหลุดจากบ่าไปเลย.... :fire:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 08-02-2011 15:23:42
มีใครเป็นหนอนบ่อนไส้อ่ะ ใครกัน
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: PrinceGirlz ที่ 08-02-2011 16:30:51
เบื่อสัตยาเจ้าคิดเจ้าแค้นเกิ๊น

เค้าชอบอินทุกานต์อ่ะ รักตปักษ์จัดหนักเรย แอร๊ยยยยยยย >3<

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tonight ที่ 08-02-2011 16:36:55
อ่า....กำลังสนุกเลยคับ อ่านเพลินเลยทีเดียว สัตยาเริ่มใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ อุตส่าห์กระดดดลงน้ำทะเลเพื่อช่วยรักตปักษ์

เรื่องนี้พอมีคนช่วย ก็มีคนดีคอยช่วยเหลือ ดีคับ ไม่โศกมากดี ^^

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วคับ คนแต่งสู้ๆๆนะคับ จะเป็นกำลังใจให้ o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: COTton ที่ 08-02-2011 17:00:02
ทำไมนาคชื่ออินทุกานต์ไม่แพ้น้ำทะเลล่ะคับ งงคับ หรือว่าเป็นนาคคนละสายพันธุ์กัน

แล้วใครเป็นหนอนบ่อนไส้อ่ะ   ค้างงงงงง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 08-02-2011 17:58:17
 :m15:
สงสารนาคน้อยจังเลย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-02-2011 18:18:21
ใครอยู่เบื้องหลังอีกคนอ่ะ :m16:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 08-02-2011 18:18:59
นี่ขนาดว่าเกลียดกันนะ  ยังโดดตามลงมา  แหม๋เกลียดกันแร๊งแรง :o8:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 08-02-2011 18:51:33
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ  สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ
พยายามอ่านรวดเดียวเลย
จะติดตามต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 08-02-2011 18:59:00
 :m16:

เนื้อเรื่องเข้มข้นเรื่อยๆแล้วสิ

ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 08-02-2011 19:03:45
คนในเงาดำเนี่ยคุณเชิดชัยรึเปล่าหนอ

อินทุกานต์น่ารักอ่ะ

หรือพี่รักต์แกจะได้เป็นพระยาเทครัวเนี่ย  น่าสงสัย


ปล.เรื่องที่จองตกลงเปิดอยู่ใช่รึเปล่าคะ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 08-02-2011 19:18:48
คุณเลขาใช่ไหมคือหนอน
หนอนเชิดชัย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-02-2011 19:21:37
สรสารสัตยา   :o12: :sad4:

ตายซะเถอะไอ้คนเลววววววววว :beat: :beat: :beat: :z6: :z6: :z6:







 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 08-02-2011 20:10:22
กำลังคิดว่า "น่าจะเอายาไปให้กิน จะได้หมดเรื่อง"
นี่น่าจะหมายถึงว่า เป็นคนใกล้ตัว
เชิดชัย ? ไม่มั้ง ... ไม่ก็คนใกล้ๆ แล้วก็ไม่น่าจะใช่คนที่บริษัท
เพราะไม่น่าเอายาให้กินได้ น่าจะเป็นคนที่บ้านแฮะ ...

คุณอินทุกานต์น่ารักนะ แต่ห้ามควบสองนะคะ !!
คุณยาน่ารักมากเลย อุตส่าห์โดลงไปช่วย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 08-02-2011 20:22:39
คนในเงาดำเนี่ยคุณเชิดชัยรึเปล่าหนอ

อินทุกานต์น่ารักอ่ะ

หรือพี่รักต์แกจะได้เป็นพระยาเทครัวเนี่ย  น่าสงสัย


ปล.เรื่องที่จองตกลงเปิดอยู่ใช่รึเปล่าคะ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ยังเปิดอยู่ค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 08-02-2011 20:58:08
อยากรู้จริงๆ ว่าใครหักหลังร่วมมือกับไอ้ตัวโกงนั่น
อยากอ่านต่ออ่าาาาา
บวกให้ค่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 08-02-2011 20:59:13
ไม่ใช่ว่าหักมุมเป็รพ่อพระเอก ไม่ก็คนใช้ในบ้านนี่อึ้งเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: b27072010 ที่ 08-02-2011 21:23:59
เอะ ...........  นาคอีกตนมาช่วยชีวิตของคุณรักษ์กับคุณยา

แต่อีกคนที่อยู่ในเงามืดหล่ะคือใคร
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 08-02-2011 21:32:11
อินทุกานต์น่ารักดี

รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 08-02-2011 21:37:30
เป็นเรื่องที่อ่านเพลินมากมาย
ชอบมากภาษาสวยอ่านเข้าใจง่าย
แต่ยาอย่าเจ้าคิดเจ้่าแค้นมากเลยน่ะ
รักต์ดูแลยาดีๆน่ะยังไม่รู้เลยใครเป็นหนอน
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-02-2011 21:45:19
คนในเงามืดต้องเป็นคนใกล้ๆ  ตัวแน่เลย


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 08-02-2011 21:53:28
สงสารทั้งสองคน
เกลือเป็นหนอน
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 08-02-2011 22:07:37
แต่สัตยาน่ะแผลสาหัสมากเลยนะ แล้วจะ "รักษา" ไหวเร้อ เอ๊ะ!นี่ชั้นคิดอะไรอยู่...
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 08-02-2011 22:08:25
มาต่อรวดเร็วมาก น่ารักที่สุด!!
ว่าแต่...ในที่สุดอีกหนึ่งนาคก็เผยโฉม น่ารักซะด้วย จับคู่กับจินเลยดีมะ (ฮ่าๆ อินี่จะไม่ให้เรื่องนี้เหลือชายแท้โสดๆไว้เลยช่ายมะ จับจิ้นหมด!!!)
รออ่านตอนต่อไปคร่า~!!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 08-02-2011 22:38:04
น้องนาคแย่แล้วอ้ะ ใครว่ะบังอาจจริง ๆ  :m16:
กฤตินันท์ความคิดแก เลวมาก คิดยังงี้กับน้องนาคได้ยังไง  :z6: :z6: :z6:
แล้วเค้าจะรักษากันแบบไหนน้อ นาคด้วยกันช่วยไม่ได้ ต้องให้ครุฑเป็นคนช่วย  :-[ :-[ :-[
ชื่อเพราะกันจังเลยนะค่ะ ยังไม่รู้ชื่อพี่ครุฑเลยอะค่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 08-02-2011 22:49:14
เอาน้องงูน้องนกไปถล่มไอ้เลวพวกนั้นเลยค่ะ!!! :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pigg ที่ 09-02-2011 00:29:44
ไอ้หนอนบ่อนไส้นั้นคงไม่ใช่ ไอ้ชช.ใช่ไหม!? :angry2:
แล้วน้องนาคของเก๊าเป็นไงบ้างหละเนี้ยT T พี่ครุฑก็ด้วย...อาการน่าเป็นห่วงทั้งคู่

แต่ถ้าน้องนาคถึงขั้นยอมโดดลงไปช่วยแบบนี้ แม่ยกก็เริ่มโล่งใจไปหนึ่งเปาะ
ใกล้จะให้อภัยพี่ครุฑแล้วสินะ  :กอด1: เป็นห่วงพี่ครุฑด้วย...~♥

นับถอยหลังรอลงตอน 9 อยู่นะฮะ~~


ปล.โอนเงิน+ได้รับคำยืนยันเรียบร้อยแล้วนะฮ๊าฟว์..อยากให้ปิดรวมเล่มไวๆจัง XD  ฮา
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 09-02-2011 01:03:19
คน คนนั้นเป็นใคร

อย่าบอกนะว่าเป็นเชิดชัย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 09-02-2011 02:41:41
 :angry2:เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยมาทำกันแบบนี้ รอให้สัตยาฟื้นก่อนเถอะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 09-02-2011 08:12:34
โหยยย โหดอ่ะ ทำเค้าได้ไง แต่ยอมก็ได้ ครุฑได้หวีทแบบเจ็บๆ โหดๆ
มันเป็นใครมาต่อด่วน---
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 09-02-2011 16:32:41
ท่ามกลางวงวันแห่งฝันนั้น รักตปักษ์รู้สึกถึงสัตยาในความมืดก่อนที่ภาพเบื้องหน้าของเขาจะสว่างขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งเขาสามารถเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน

เห็นภาพตนเอง.....และซากศพนาคนับร้อย....

ในอุ้งเท้ามีนาคตนหนึ่งกำลังดิ้นรนขัดขืนและต่อสู้ไม่ลดละทั้งที่ถูกกรงเล็บจิกฝังลงไปใต้เนื้อจนเลือดอาบโทรม นาคตนนั้นพยายามพ่นพิษใส่ดวงตาของเขา ทว่าแขนข้างหนึ่งก็เอื้อมคว้าบีบลำคอนาคไม่ให้พ่นพิษออกมาได้ รักตปักษ์มองภาพที่เกิดขึ้นโดยไม่อาจห้ามร่างกายตนเอง นี่คือความฝัน....ฝันร้ายที่หลอกหลอนสัตยาและตัวเขาไปพร้อมๆกัน

นาคตนนั้นดิ้นรนจนสิ้นเรี่ยวแรง ดวงตาของมันจับจ้องไปยังนาคตนหนึ่งซึ่งตะลึงค้างไม่อาจขยับกายด้วยความอาวรณ์

ร่างซึ่งประดับด้วยเกล็ดมรกตถูกฉีกกระชากจนขาดท่อน รักตปักษ์อ้าจงอยปาก กลืนกินตัวหัวลงมาก่อนจะหันไปกินส่วนหาง

นาคตนนั้นยังคงอยู่กับที่ ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวเหลือกำลัง

เจ้าอินทุกานต์!

เสียงกรีดร้องดังขึ้นในหัว ก่อนที่เขาจะโดนฉุดกระชากออกมาจากความฝันนั้น

“ครุฑ ตื่นเถิด เจ้ากำลังฝันร้าย” เสียงอ่อนโยนของชายหนุ่มเอ่ยเรียกพร้อมเขย่าตัวเบาๆ ไม่นานนัก รักตปักษ์ก็สะดุ้งลืมตาโพลง เหงื่อกาฬอาบโทรมไปทั้งร่าง เขาค่อยๆเบือนหน้าไปทางผู้ที่ปลุกเขาขึ้นจากความฝันซึ่งใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าอินทุกานต์....”

“ข้าวต้มร้อนแล้ว ลุกขึ้นมากินเถอะ” อินทุกานต์กล่าวแล้วรุดเข้าไปพยุงรักตปักษ์ขึ้นนั่ง และไม่ลืมนำหมอนมาค้ำแผ่นหลังเพื่อจะได้ไม่ต้องใช้แรงกายมากไปนัก

“เจ้าคือนาคในตอนนั้น....ที่พุ่งตัวเข้ามาขวางสัตยา....” รักตปักษ์กล่าวแล้วมองใบหน้าดวงนั้นซึ่งเขาไม่อาจหาร่องรอยของความแค้นหรือความโกรธเคืองใดๆพบ

“เจ้าจำข้าได้?” ชายหนุ่มในชุดยาวเอ่ยถามพลางคนข้าวต้มแล้วเป่าให้พออุ่น

“เปล่า.....แต่ข้าเห็นเจ้า....ในฝันของสัตยา”

“ฝันของเจ้ากรพินธุ์?” อินทุกานต์มองรักตปักษ์อย่างสนเท่ห์ ก่อนที่เขาจะพยักหน้า “ดูเจ้าจะเป็นที่รักของเหล่าเทพนัก ครุฑ”

“ทำไมเจ้าจึงพูดเช่นนั้น?”รักตปักษ์มุ่นคิ้ว

“เจ้ามาจุติเป็นมนุษย์ แต่เจ้ายังคงแข็งแกร่ง ยังคงบินได้ เป็นพรที่ทำให้เจ้ามีความเป็นครุฑอยู่ในตัว ข้าพูดถูกต้องใช่ไหม?” เมื่ออินทุกานต์คาดเดาให้ฟัง ชายหนุ่มผมแดงก็พนักหน้า อินทุกานต์จึงพูดต่อ “นอกจากนี้เจ้ายังได้พรมาอีกข้อ ให้เจ้ากับเจ้ากรพินธุ์มีความฝันร่วมกันอย่างหนึ่ง นั่นคือ จุดเริ่มต้นของความแค้นในใจเจ้ากรพินธุ์ เพื่อให้เจ้าทั้งสองมีสิ่งที่เชื่อมโยงกันและกัน”

“เจ้าอาจเดาผิด” ชายหนุ่มผมแดงแค่นยิ้ม “เพราะความฝันนั้นโหดร้ายจนเจ้าไม่อาจนึกถึง แทนที่จะเชื่อมสัตยากับข้าเข้าหากัน กลับยิ่งสุมไฟแค้นในใจของสัตยาให้โหมกระพือมากขึ้นเสียมากกว่า”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้ากรพินธุ์จึงอยากช่วยเจ้าจนไม่สนใจชีวิตตนเอง” ข้อโต้แย้งของอินทุกานต์ทำให้รักตปักษ์เงียบไปเพราะเขาไม่อาจหาเหตุผลใดมาหักล้างได้ “บางทีข้าอาจจะคาดเดาผิดพลาด เพราะเจตจำนงของเทพมักยากที่จะหาเหตุผล แต่เรื่องที่เจ้ากรพินธุ์ห่วงใยเจ้ายิ่งกว่าตนเองนั้นเล่า เจ้าจะหาเหตุผลใดมาปฏิเสธได้หรือ ครุฑ?”

รักตปักษ์ก้มหน้าลงอย่างอับจนคำพูด เหตุผลที่เกลียดนั้นเขาทำความเข้าใจได้ ทว่าเหตุผลที่ช่วยเหลือเขากลับไม่อาจรู้ได้เลย

“ดูเหมือนว่า จะมีคนจ้องทำร้ายพวกเจ้าอยู่ ข้าจึงไม่ได้พาพวกเจ้ากลับไปส่งที่เดิม ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ากับเจ้ากรพินธุ์คงกำลังโศกเศร้าเสียใจเพราะคิดว่าพวกเจ้าตายไปแล้ว เจ้ารีบรักษาตัวให้หาย แล้วพาเจ้ากรพินธุ์กลับไปเสีย จะได้คุยกันให้เรียบร้อย” อินทุกานต์ส่งชามข้าวต้มวางบนมือของรักตปักษ์พร้อมกับยิ้มบาง “พรุ่งนี้เจ้าคงจะพอลุกขึ้นเดินได้ เมื่อตื่นแล้วเราค่อยว่ากันอีกที”

“เจ้าไม่ได้โกรธเคืองข้าเลยหรือ?”ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น

“ข้าไม่เห็นเหตุผลใดที่จะต้องโกรธแค้นขุ่นเคืองเจ้า เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ทางพวกข้าเองก็มีส่วนผิด” อินทุกานต์ว่า “อีกอย่างหนึ่ง ผู้ที่สำนึกผิดจากหัวใจย่อมสมควรจะได้รับการอภัย เจ้าได้สำนึกถึงสิ่งที่ได้กระทำ และไถ่โทษของตนเองทุกวิถีทาง ข้าจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องโกรธเคืองเจ้าอีกแล้ว”

รักตปักษ์ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของอินทุกานต์ เขาค่อยๆตักข้าวต้มขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อยเพราะอดข้าวมาเสียหลายวัน อินทุกานต์เห็นเช่นนั้นจึงเดินออกมาจากห้องเพื่อให้รักตปักษ์กินข้าวให้อิ่มจะได้นอนพักผ่อนต่อ

ล่วงถึงยามเช้าของอีกวัน รักตปักษ์ที่ผล็อตหลับไปในตอนบ่ายวันวานก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้เขารู้สึกดีขึ้นมา จึงลุกขึ้นจากที่นอนเอง แล้วม้วนเสื่อไปพิงกับผนังห้องอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาเพื่อตามหาอินทุกานต์จะได้ดูอาการของสัตยา แต่เมื่อรักตปักษ์เดินออกมาถึงชานบ้าน เขากลับพบอินทุกานต์กำลังก้มๆเงยๆหยิบจับข้าวของใส่ตะกร้าใบพอเหมาะอยู่ และตอนนั้นเองที่อินทุกานต์รู้สึกตัวว่ากำลังโดนจับจ้อง จึงหันกลับมาดูว่าเป็นใครก่อนจะยิ้มกว้าง

“ร่างกายของเจ้าช่างน่าประทับใจจริง” เขาว่าแล้วหยิบตะกร้าคล้องบนแขนข้างหนึ่ง

“นั่นเจ้ากำลังจะไปไหน?” รักตปักษ์ถามพลางมุ่นคิ้ว “แล้วสัตยาล่ะ?”

“เมื่อครู่ข้าเพิ่งเข้าไปเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เจ้ากรพินธุ์ ดูเหมือนจะไม่ได้สติขึ้นมาง่ายๆ ข้าจึงจะลงไปที่หมู่บ้านก่อนเพื่อทำธุระและซื้ออาหารให้พวกเจ้าด้วย” อินทุกานต์ว่าเช่นนั้นแต่กลับวางตะกร้าลง “แต่ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว ให้ข้าดูแผลก่อนเถอะ”

รักตปักษ์เดินไปนั่งบนแคร่ไม้ ปล่อยให้อินทุกานต์เอาน้ำอุ่นมาเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ใหม่โดยไม่ได้พูดอะไร สายตาของเขามองลอดเข้าไปภายในเรือนไม้ทรงไทย เห็นห้องหนึ่งซึ่งทั้งประตูและหน้าต่างถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าจนมิดชิด รักตปักษ์จึงคาดเดาว่านั่นคือห้องของสัตยา

“แผลของเจ้าใกล้จะหายแล้ว แต่ที่ถูกยิงต้องใช้เวลา” อินทุกานต์กล่าวแล้วกลัดปลายผ้า “เจ้าจะลงไปเดินเล่นข้างล่างไหม? มันจะดีหากเจ้าเดินออกกำลังกายบ้าง”

“แล้วสัตยาล่ะ? จะปล่อยไว้อย่างนี้หรือ?” รักตปักษ์ขมวดคิ้วจนเป็นปม เพราะเท่าที่เขาเห็น ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพวกเขาสามคน หากเขาออกไปกับอินทุกานต์ สัตยาก็ต้องอยู่คนเดียว หากว่ามีใครเข้ามาทำอันตราย สัตยาก็ไม่อาจป้องกันตัวได้

“ที่นี่คือเขตของข้า ครุฑเอ๋ย บริวารของข้าพิทักษ์ที่แห่งนี้อยู่ อย่ากลัวไปเลย” อินทุกานต์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม และเป็นตอนนั้นเองที่รักตปักษ์เพิ่งสังเกตว่ารอบตัวเขา ตั้งแต่พื้นดินจนถึงยอดไม้ร่มรื่น มีเสียงลาบเลื้อยดังแสกสากไปทั่วทุกบริเวณ....

ในที่สุด รักตปักษ์ก็เดินออกมาจากเรือนพร้อมกับอินทุกานต์ทั้งที่ใจรู้สึกเป็นห่วงสัตยามากเหลือเกิน แต่เพราะอินทุกานต์ยืนยันว่าบริวารของเขาคอยเฝ้าดูแล ชายหนุ่มจึงยอมออกมาด้วย และเมื่อก้าวพ้นออกมา รักตปักษ์จึงเพิ่งได้เห็นว่า เรือนไทยหลังนี้ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาที่ห่างไกลออกมาจากชุมชนอยู่มากโข เมื่อมองออกไปจะเห็นบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ห่างๆกันเป็นทิว มีต้นมะพร้าวและชายหาดแต่ไม่ได้เป็นสีขาวสวยงามเหมือนที่บังกะโล ชายหาดที่นี่ทรายมีสีเข้มกว่า และส่วนใหญ่จะเป็นท่าเทียบเรือประมง แต่ตอนนี้ไม่มีเรือเทียบท่าเนื่องจากเป็นยามเช้าชาวประมงจะออกเรือไปหาปลาและยังไม่กลับมากัน

รักตปักษ์เดินตามหลังอินทุกานต์ไปเรื่อยๆ ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านที่อยู่ข้างล่าง เมื่อเขามองดูแล้ว หมู่บ้านแห่งนี้ดูเงียบสงบและเรียบง่าย บ้านแต่ละหลังมุงด้วยจาก ไม่ได้ก่อสร้างด้วยอิฐหรือปูนให้แข็งแรงมากนัก

อินทุกานต์เล่าให้ฟังว่า ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวเลบนเกาะเล็กๆที่ไม่มีใครสนใจในอ่าวไทย ชาวบ้านดำรงชีวิตเรียบง่าย ใช้แหอวนจับปลา เรือก็เป็นเรือประมงทำจากไม้ธรรมดาไม่ได้ใหญ่โตมากมาย ในตอนเช้ามืดพวกผู้ชายจะออกเรือไปหาปลา ผู้หญิงจะตื่นขึ้นมาและพาลูกๆไปช่วยกันปลูกผักทำสวน พอตกสายพวกผู้ชายจึงจะกลับมาจากการหาปลาในทะเล และพวกผู้หญิงกับเด็กๆก็จะทำสวนเสร็จพอดี ปลาที่จับได้ในแต่ละวันจะแบ่งปันไปให้แต่ละบ้าน ส่วนที่เกินก็จะลงเรือไปขายที่ท่าเรือที่ฝั่งแผ่นดิน แต่ถ้าหาได้น้อย พวกเขาก็จะเก็บรวนเกลือเอาไว้ พืชผักที่ปลูกก็จะเป็นจำพวกผักสวนครัวและผลไม้ บางส่วนใช้ปรุงอาหาร บางส่วนใช้รับประทานยามหิวได้เลย

นานๆครั้งจะมีเรือสินค้ามาเทียบท่าที่เกาะเพื่อเอาของจำพวกเครื่องเทศตากแห้ง หรือถ้วยชามของใช้มาขายให้ชาวประมง เพราะมาเทียบท่าขายที่นี่จะหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าได้ โดยให้ชาวประมงนำไปขายที่ท่าเรือต่อก็จะได้ของราคาถูก เสื้อผ้าของอินทุกานต์นั้นก็ได้แบบมาจากสินค้าบนเรือนั้นเอง โดยเขาได้เห็นชุดอ๋าวใหญ่ของหญิงเวียดนามจึงสนใจและนำมาดัดแปลงให้เข้ากับภูมิอากาศบนเกาะ ผ้าที่อินทุกานต์ใช้จึงเป็นผ้าเนื้อบางเบาและพริ้วกว่าผ้าที่ใช้ตัดชุดอ๋าวใหญ่ทั่วไป

ธุระของอินทุกานต์ที่หมู่บ้านแห่งนี้คือการเป็นหมอและครูของชาวบ้าน รักตปักษ์ไม่ได้ถามว่าเหตุใดเจ้าตัวจึงเลือกที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์เช่นนี้ แต่ด้วยอายุอันยืนยาวของอินทุกานต์ ทำให้เขามีความรู้มากมายหลากหลายแขนง แต่เหตุที่เป็นนาค จึงต้องไปอาศัยอยู่ห่างไกล และเพราะมีชีวิตเป็นอมตะจากน้ำอมฤตที่เคยดื่มกินจากหญ้าคา เมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง อินทุกานต์จะต้องกลับลงทะเลและหายตัวไปจนกว่าคนรุ่นนั้นจะตายจากไปหมด แล้วจึงกลับมาอีกครั้งในฐานะคนหน้าใหม่ของหมู่บ้าน

ตะกร้าที่อินทุกานต์หิ้วติดตัวมานั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด ทุกๆเดือน อินทุกานต์จะต้องลงมาที่หมู่บ้านเพื่อตรวจรักษาโรคให้กับชาวบ้านที่สุขอนามัยยังไม่ค่อยดีนัก ชาวเลที่นี่อยู่ห่างไกลมากเกินกว่าที่ความเจริญจะมาถึง พวกเขามีชีวิตเหมือนบรรพบุรุษคือหาปลาเลี้ยงชีพไปวันๆ

เวลาที่อินทุกานต์ตรวจโรค เขาจะไม่ได้ร้องขออะไรตอบแทน แต่ชาวบ้านก็มักจะให้ของมาเป็นสินน้ำใจ เช่นพวกปลาที่จับได้ ผลไม้ที่ปลูกเอง บางครั้งชาวประมงเจอของมีค่าจากใต้ทะเลก็เอามาให้ง่ายๆเพราะพวกเขาไม่อาจรู้ค่าของแก้วแหวนเงินทองได้ อินทุกานต์ก็จะนำของเหล่านั้นไปขายและนำเงินมาซื้อสมุนไพรบางชนิดที่เขาหาเองไม่ได้

อินทุกานต์ดูแตกต่างจากคนอื่นๆในเกาะ แต่เขาปฏิบัติกับทุกคนราวกับไม่มีคำว่าแตกต่างขวางกั้น และคนในเกาะจะเรียกอินทุกานต์ว่า ครู

หลังจากตรวจรักษาโรคเสร็จแล้ว อินทุกานต์ก็ชวนรักตปักษ์กลับ โดยในมือของทั้งสองมีปลาทะเลตัวเขื่องอยู่คนละตัว ซึ่งชาวบ้านเอาใส่ชะลอมแช่ไว้ในถังน้ำให้หิ้วไปกันปลาตายก่อนที่จะถึงบ้าน

“เจ้าอยู่กับพวกเขามานานหรือยัง?” รักตปักษ์ถามขณะกำลังเดินกลับ

“หากเฉพาะคนรุ่นนี้ก็ห้าปีได้แล้ว” อินทุกานต์ตอบ “แล้วเจ้ากับเจ้ากรพินธุ์รู้จักกันมานานเท่าใดแล้ว หากนับเฉพาะในภพนี้?”

“ก็....ราวๆเก้าเดือน” ชายหนุ่มคำนวนตามฉบับนิตยสารของตน โดยฉบับแรกนั้นออกปลายเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ได้สัตยามาขึ้นปกจึงได้รู้จักกันเป็นครั้งแรก และฉบับสุดท้ายคือฉบับที่สิบ ออกเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พอคิดไปแล้วเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขากับสัตยารู้จักกันมานานโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเวลาล่วงเลยไปว่องไวถึงขนาดนี้ เหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะแต่ละคนก็มีงานมีการทำจนไม่ค่อยมีเวลามานั่งนับว่าได้รู้จักกันมานานเท่าใดแล้ว

“นับว่านานอยู่ ท่าทีของเจ้ากรพินธุ์ที่มีต่อเจ้าไม่ได้เปลี่ยนไปจากวันแรกเลยหรือ?” อินทุกานต์นึกสงสัย

“ก็มีเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ก็ขึ้นๆลงๆจนข้าไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือไม่” รักตปักษ์ดูเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับการตามอารมณ์ของสัตยาอยู่ไม่น้อย “บางครั้งก็ดูเหมือนจะยอมเข้าใจเหตุผล แต่บางครั้งก็ปฏิเสธเด็ดขาดไม่ยอมเปิดหูเปิดตาฟังความ ซ้ำยังดูประหม่าเมื่ออยู่ตามลำพังกับข้าทั้งที่ข้าไม่เคยคิดปองร้ายสัตยาเลยสักครั้ง ข้าสงสัยจริงว่าพวกนาคเสี้ยมสอนสัตยามายังไง”

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้ากรพินธุ์มีนิสัยน่าเอ็นดู” อินทุกานต์หัวเราะ “การแสดงออกในบางคราก็ตีความได้หลากหลาย อย่างคราวหนึ่ง แม่กัทรูดึงเจ้ากรพินธุ์มาโอบกอดต่อหน้าพี่น้อง เจ้ากรพินธุ์จึงทำปึ่งงอนเหมือนโกรธที่แม่กัทรูกระทำราวกับตนเองเป็นเด็กทำให้แม่กัทรูเสียใจมาก มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนั้นเจ้ากรพินธ์หาได้โกรธเคือง เพียงแต่เขินอายจนแสดงอารมณ์ไม่ถูกเท่านั้น”

“ช่างเข้าใจยาก” รักตปักษ์ว่า อาจเป็นเพราะเขานั้นเกิดมาพี่ชายก็ไม่เคยเห็น มีแม่วินตาเพียงคนเดียว เขาจึงสนิทกับแม่และชอบให้โอบกอด และการที่สัตยาเขินอายเวลาโดนแม่กอดจึงกลายเป็นเรื่องที่น่าแปลก

“ไม่ยากหรอก หากเจ้าลองสังเกตดีๆ เจ้าจะรู้” นาคจำแลงยิ้มบาง


----------------------------->


เรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในเกาะอันห่างไกลมิได้รู้ถึงในกรุงเทพ ในห้องพยาบาลสีขาวสะอาดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีชายชราซึ่งได้แต่เฝ้ารอหลายชายที่หายตัวไปด้วยความหวังลมๆแล้งๆ พงษ์ศักดิ์ดูไม่ดุดันเข้มงวดเหมือนเคย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและหดหู่ใจ ตั้งแต่ล้มป่วยลงเมื่อหลายวันก่อน ร่างกายก็ไม่ค่อยจะดีขึ้นนักเพราะไม่มีกำลังใจมาผลักดัน ดวงตาคู่คมที่เคยมีประกายกลับแห้งผากหลังผ่านการร้องไห้หลายครั้งโดยไม่มีใครรู้เห็น

ดวงตาที่ว่างเปล่าคู่นั้นกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย หวังว่าจะได้เห็นเงาของหลายชายผู้เป็นดังแก้วตาดวงใจที่ไหนสักแห่ง

สัตยาและรักตปักษ์หายตัวไปเกือบอาทิตย์แล้วโดยไม่มีข่าวคราวติดต่อกลับมาเลย ไม่มีแม้แต่ศพมาให้เห็น นักสืบที่พงษ์ศักดิ์ส่งไปก็ไม่พบเบาะแสใดๆที่จะสาวถึงตัวได้ ถึงตอนนี้พงษ์ศักดิ์กลัวแต่ว่า ร่างกายที่แก่ชราของเขาจะไม่อาจทนรับความผิดหวังได้ไหว

เสียงเคาะประตูห้องดังอยู่หลายครั้ง แต่พงษ์ศักดิ์ก็ไม่ได้ตอบรับ ผู้มาเยือนจึงถือวิสาสะเดินเข้ามาเองโดยไม่รอคำอนุญาต

“คุณพ่อคะ....” จันทร์วนาเยี่ยมหน้าเข้ามาดู ได้เห็นชายชรานั่งนิ่งอยู่ที่เตียงและหันหน้าไปทางหน้าต่าง เธอจึงเดินเข้าไปหา ตามด้วยยศซึ่งปิดประตูตามหลังเสียงเบาเท่าที่จะทำได้

จันทร์วนาเดินไปคุกเข่าซบตักของพงษ์ศักดิ์อยู่นาน กว่าที่ชายชราจะยกมือขึ้นลูบลงบนเรือนผมของเธอ พลันนั้น หญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งหลังจากร้องไห้อย่างหนักไปเมื่อเช้านี้ ยศรีบวางของเยี่ยมแล้วรุดมาพยุงภรรยาขึ้นนั่ง เขาโอบกอดหญิงสาวแน่นมากพอที่จะทำให้เธอรู้สึกไม่โดดเดี่ยว

“ทำไมกันคะ ทำไมลูกต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ทั้งที่แกก็เป็นเด็กดีไม่เคยทำร้ายใครสักครั้ง” จันทร์วนาคร่ำครวญเสียงสั่นเครือพาให้ยศอยากจะร้องไห้ตามไปด้วย แต่เขาก็ต้องกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ภายใน มิเช่นนั้นหากเขาไม่เข้มแข็งเป็นหลักให้ภรรยาพึ่งพิง จันทร์วนาจะมีใครอีก

“ขออภัยครับ” เสียงเคาะประตูพร้อมการขออนุญาตดังขึ้นจากภายนอก ยศจึงขานรับเพราะในห้องนี้คงไม่มีใครนอกจากเขาที่ยังมีอารมณ์ขานรับแขกอยู่ สิ้นเสียงขาน ประตูก็เปิดออก เชิดชัยเดินเข้ามาพร้อมสีหน้าไม่ต่างจากคนอื่นๆ เขาวางกระเช้าของเยี่ยมลงบนโต๊ะเล็กก่อนจะเดินมาดูอาการของพงษ์ศักดิ์ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงไม่ตอบสนองต่อการเรียกขาน

“คุณเชิดชัยรับน้ำก่อนไหมครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ” ยศเอ่ยถาม

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมก็ต้องไปแล้ว” เลขาวัยกลางคนว่า “พอคุณสัตยา...เอ่อ...หายไป อะไรๆก็วุ่นวายไปหมด

“คุณเชิดชัยคงเหนื่อยแย่เลยสินะครับ ต้องมาทำงานแทนอย่างนี้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง เพราะเชิดชัยเองก็อายุมากแล้ว จะให้มาทำงานหักโหมอย่างคนหนุ่มๆก็เห็นจะไม่ไหว “ถ้าไม่มีคุณเชิดชัยช่วยพูดกับบอร์ดบริหารให้ พวกผมเองก็คงแย่เหมือนกัน”

“ไม่หรอกครับ ผมเองก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แล้ว....อาการคุณท่านเป็นยังไงบ้างครับ?” เชิดชัยถามพลางมองพงษ์ศักดิ์อย่างกังวล

“คุณท่านก็ยังไม่ดีขึ้นเลยครับ ตั้งแต่ผมเข้ามา คุณท่านก็นั่งอยู่แบบนี้ตลอด” ยศถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเองก็หนักใจและปวดใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร สัตยาเป็นลูกรักและลูกชายเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ การต้องมาสูญเสียลูกไปตั้งแต่อายุยังน้อย ซ้ำยังไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมเจ็บปวดรวดร้าวยากจะทำใจได้ ถึงอย่างนั้น ยศก็ไม่ได้แสดงออกด้วยการร้องไห้คร่ำครวญหรือเก็บตัว เขาเพียงแต่ร้องไห้เงียบๆในบางครั้ง และทำใจว่าอะไรจะเกิดก็แล้วแต่เวรแต่กรรม

เชิดชัยกับยศไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะหลังจากนั้นก็มีโทรศัพท์ตามตัวเชิดชัยออกไป ห้องผู้ป่วยจึงกลับสู่ความเงียบเหงาวังเวงอีกครั้ง

“คุณจันทร์ เดี๋ยวผมลงไปซื้อข้าวมาให้นะครับ” ยศกล่าวกับภรรยาซึ่งยังคงสะอึกสะอื้น กระนั้นเธอก็เริ่มตั้งสติได้แล้วจึงพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนที่หญิงสาวจะเดินไปนั่งลงข้างๆผู้เป็นพ่อ แล้วกุมมือของชายชราแน่น

ยศออกไปจากห้องเพียงครู่เดียวก็กลับมา ครั้งนี้เขาเห็นว่าพงษ์ศักดิ์ไม่ได้นั่งที่เตียง แต่เจ้าตัวกลับนอนหลับไปเสียแล้ว

จันทร์วนาคอยเฝ้าอยู่เคียงข้างไม่ห่างตลอดเวลาที่ชายชราหลับอยู่ ในตอนนี้ เธอได้รับรู้แล้วว่าวันนั้นเมื่อหลายปีก่อนที่เธอหายตัวไปไม่บอกกล่าวเพราะความเอาแต่ใจนั้น หัวใจของผู้เป็นพ่อรู้สึกเช่นไร เธอทอดทิ้งพ่อให้โดดเดี่ยวอยู่นานโดยไม่ได้คำนึงว่าพ่อจะเหงาไหม จะเจ็บปวดไหม จะตามหาเธอไหม บางทีอาจเป็นผลกรรมที่เธอทำไว้เพราะความเป็นเด็กในคราวนั้น วันนี้ลูกของเธอจึงต้องถูกพลัดพรากไปจากอก

ยศเข้ามาโอบกอดหญิงสาวและคอยปลอมประโลม เขาเชื่ออย่างเต็มอกว่าสัตยายังไม่ตายและจะกลับมาอย่างแน่นอน....


----------------------------->


ร่างกายของรักตปักษ์ดีวันดีคืนอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงอาทิตย์เดียวเขาก็สามารถเดินเหินได้ตามปกติ รอยช้ำตามร่างกายจางหายไปจนสิ้น แต่แผลรอยกระสุนนั้นยังไม่หายดีจึงไม่สามารถออกกำลังได้มากนักด้วยแผลอาจจะฉีกจากภายในได้ กระนั้น รักตปักษ์ไม่ได้อยู่เฉย ระหว่างที่พักรักษาตัวนั้น เขาก็ช่วยงานของอินทุกานต์หลายอย่าง ทั้งซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน ล้างถ้วยชาม ทำอาหาร แต่ว่า ทั้งที่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว อินทุกานต์กลับไม่ยอมให้เขาพบกับสัตยาไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ซ้ำยังย้ำเขาอยู่ตลอดว่าอย่าเพิ่งเข้าใกล้ห้องที่สัตยานอนพักผ่อนในตอนนี้

“เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่” เขาถามอินทุกานต์ขณะที่เจ้าตัวกำลังสะบัดผ้าแล้วนำขึ้นพาดบนราว

“เรื่องอะไรหรือ?” ชายหนุ่มผู้เป็นนาคถามกลับด้วยรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ที่รักตปักษ์เห็นจนเจนตาตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา

“ทำไมไม่ให้ข้าพบสัตยา?”

“เพราะเจ้ากรพินธุ์หลับอยู่ เจ้าจะพบไปทำไมในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สติ” อินทุกานต์ว่าจบก็เงยหน้ามองรักตปักษ์ “ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงเจ้ากรพินธุ์มากเพียงใด ข้าเองก็ห่วงไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้า แต่ข้ารู้สึกแปลก....มีบางสิ่งที่ข้ารู้สึกว่าไม่ถูกต้อง”

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” รักตปักษ์ไม่เข้าใจในสิ่งที่อินทุกานต์พูดนัก เพราะประโยคหลังดูเหมือนเจ้าตัวจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า แต่แล้ว อินทุกานต์ก็หันมาสบตาอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง

“เจ้ารู้จักเจ้ากรพินธุ์มาแล้วเก้าเดือน แล้วพวกเจ้าเคยพูดถึงเรื่องอดีตบ้างหรือไม่?”

“เจ้าหมายถึง....ตอนเป็นนาค?” รักตปักษ์มุ่นคิ้วด้วยความสงสัย ว่าเรื่องในกาลก่อนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะว่าเป็นผลกรรมบันดาลก็ออกจะเกินไปอยู่ไหม ในเมื่อสัตยาไม่ได้ทำร้ายใครด้วยความตั้งใจของตนเองเลย ทว่า อินทุกานต์กลับส่ายศีรษะแทนคำตอบ

“ข้าหมายถึงเรื่องแต่สมัยเด็กจนถึงตอนนี้” นาคจำแลงว่า “พวกเจ้าเคยคุยกันบ้างหรือไม่ว่าเจ้ากรพินธุ์เคยไปเที่ยวที่ไหน หรือเกิดที่ไหน”

“เรื่องนั้น.....” รักตปักษ์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “โดยมากแล้วข้าได้ยินได้ฟังมาจากคุณพงษ์ศักดิ์ ตาของสัตยาอีกทีหนึ่ง เท่าที่จำได้ ดูเหมือนสัตยาจะไม่ค่อยได้เที่ยวบ่อยนัก อย่าง....ทะเลที่มาคราวนี้ก็เพียงสองถึงสามครั้ง นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องสถานที่เกิด สมัยก่อนนี้พ่อกับแม่ของสัตยาอยู่อีกบ้านหนึ่งแถวต่างจังหวัด อยู่ติดกับชายป่า แต่ตอนที่สัตยาเกิดก็มาเกิดในโรงพยาบาลที่กรุงเทพ แล้วก็ไม่เคยได้กลับไปที่บ้านนั้นอีกเลย”

“พูดจริงหรือ?” สีหน้าของอินทุกานต์ดูกังวลมากขึ้น

“มีอะไร?” ชายหนุ่มปะติดปะต่อเรื่องไม่ค่อยถูกนัก แต่สีหน้าของอินทุกานต์ทำให้เขาเป็นกังวล

“ในป่านั้น....น่าจะมีทะเลสาบ.....”
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 09-02-2011 16:33:11
ขณะที่อินทุกานต์กำลังจะพูดถึงอะไรบางอย่าง ก็บังเกิดเสียงเหมือนของตกพื้นจากในห้องซึ่งปิดประตูหน้าต่างมิดชิด รักตปักษ์หน้าตื่น เพราะห้องนั้นคือห้องของสัตยา ทว่า เมื่อเขาทำท่าจะวิ่งเข้าไปดู อินทุกานต์กลับกันตัวเขาเอาไว้

“รออยู่ที่นี่” ชายหนุ่มในชุดยาวว่า

“เมื่อครู่เสียงสัตยาใช่หรือไม่! สัตยาตื่นแล้วทำไมไม่ให้ข้าเข้าไป!” รักตปักษ์ร้องโวยวาย

“ได้โปรด ครุฑ” อินทุกานต์กล่าว “ได้โปรดรออยู่ที่นี่” ชายหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตาที่กราดเกรี้ยวและเต็มไปด้วยความห่วงใยต่อน้องชายของตนดวงนั้น พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความเงียบเพื่อให้รักตปักษ์ยินยอม ในที่สุด ชายหนุ่มผมแดงก็พ่อลมหายใจออกมา ก่อนจะนั่งลงบนแคร่ไม้ อินทุกานต์จึงผละเดินไปยังห้องนั้นและเลิกผ้าเข้าไปด้านใน ทว่า ภาพที่เขาเห็นทำให้ชายหนุ่มแทบหัวใจหยุดเต้น สัตยาในร่างกึ่งนาคกลิ้งออกมาจากเสื่อและพยายามคืบคลานไปที่ไหนสักแห่ง ข้าวของที่วางข้างตัวถูกปัดล้มระเนระนาด เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังระงมออกมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจเพื่อสะกดกลั้นความทรมาน

อินทุกานต์ถลาเข้าไปพยุงสัตยาขึ้นมากอดหลวมๆ ร่างกายของสัตยาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายหาง ดวงตาของชายหนุ่มกึ่งนาคถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่ง สัตยาตะเกียกตะกายพยุงขึ้นกอดอินทุกานต์เป็นหลักพึ่งพิง ขนดหางขยับอย่างไร้เรี่ยวแรง

“เจ้ากรพินธุ์ เจ้าเจ็บหรือ?” อินทุกานต์เอ่ยถามพลางกอดน้องชายของตนเองไว้อย่างทนุถนอม

“เจ้าอินทุกานต์....ข้าทรมานเหลือเกิน ร่างกายข้าปวดแสบปวดร้อนไปหมด....” เสียงของสัตยาเบาจนฟังแทบไม่ได้ยิน “ครุฑยังไม่รู้ใช่ไหม...เจ้าไม่ได้บอกใช่ไหม?”

“ข้ายังไม่ได้บอก อย่าห่วงเลย” มือเรียวลูบผมของสัตยาอย่างแผ่วเบา “แต่เจ้าควรจะให้ครุฑช่วยเหลือ เขาเป็นห่วงเจ้ามากนะ”

“ไม่....” สัตยาซุกตัวกับอ้อมกอดของอินทุกานต์ “ข้า....ทำเรื่องร้ายกาจถึงขนาดนั้น ข้าไม่หวังจะได้ความช่วยเหลือจากครุฑหรอก”

ในวันนั้น หลังจากที่สัตยาหมดเรี่ยวแรงและกำลังจมลงไปในน้ำนั้น เขาได้เห็นนาคตนหนึ่งแหวกว่ายเข้ามาพยุงโอบรัดพวกเขาทั้งสองเอาไว้ แต่ว่าตอนนั้นสัตยาแทบจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน คือเสียงเรียกชื่อของเขา

เจ้ากรพินธุ์...

หลังจากนั้นเขาก็ได้สติขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าหลับไปกี่วัน ร่างกายของเขาปวดระบมและแสบร้อนไปทั้วตัวจนอยากจะกรีดร้อง ตอนนั้นเขาดิ้นปัดป่ายไม่รู้ทิศทางด้วยความทรมาน ในเวลานั้นเองที่มีมือคู่หนึ่งโอบกอดเขาเอาไว้ มือที่เขาคุ้นเคย และเป็นเวลานั้นเองที่สัตยาได้รับรู้ความจริงจากปากของอินทุกานต์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่สัตยาหนีไป รักตปักษ์พูดความจริงทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่สำนึกถึงความผิดและชุบชีวิตนาคที่ตนเองกินเข้าไป อีกทั้งยังเรื่องที่ลงมาจุติเพื่อชดใช้ความผิดนั้นที่ทำไว้กับเขา

ในเมื่อรู้ความจริงอย่างนี้ ตัวสัตยาที่ไม่เคยยอมฟังความอะไรจะเอาหน้าที่ไหนไปพบรักตปักษ์ได้อีก

อินทุกานต์ถอนหายใจออกมาแล้วมองดูบาดแผลทั่วร่างของสัตยา

ในตอนนี้ร่างกายของสัตยาอ่อนแอลงเรื่อยๆ แม้แต่การจำแลงร่างกลับเป็นมนุษย์ยังไม่สามารถทำได้ จำต้องคงสภาพครึ่งนาคครึ่งคนอยู่อย่างนี้มาหลายวัน

“เจ้ากรพินธุ์ ช่วยตอบข้าตามตรงสักเรื่องได้ไหม?” อินทุกานต์เอ่ยถาม “นับแต่เจ้าเกิดในร่างนี้ เจ้าเคยกลับไปยังทะเลสาบของตัวเองสักครั้งหรือไม่?”

“....ไม่เคยเลย....” สัตยาตอบเสียงแผ่ว

“อย่างนี้เอง....” ในที่สุดความสงสัยของอินทุกานต์ก็กระจ่าง “ข้าต้องให้ครุฑพาเจ้าไป”

“ไม่!” ชายหนุ่มครึ่งนาคร้องพร้อมตะกายกอดอีกฝ่ายแน่น “เขาจะพาข้าไปจากเจ้า! อย่าทิ้งข้านะเจ้าอินทุกานต์....อย่าทิ้งข้าไป อย่าให้ทิ้งให้ข้าต้องเหลือตัวคนเดียวอีก....”

“เจ้ากรพินธุ์ ฟังข้า หากเจ้าอยู่อย่างนี้เจ้าจะตาย เจ้าอ่อนแอมากและไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายด้วยตัวเองได้ เจ้ากระโดดลงไปในทะเลโดยไม่คิดถึงตัวเอง ไม่คิดถึงความแค้นที่มีมา แล้วเจ้าคิดว่าครุฑจะโกรธเคืองเจ้า โกรธเคืองสิ่งที่เจ้าทำได้ลงหรือ?” อินทุกานต์กล่าวก่อนจะกอดสัตยาแนบแน่น “เจ้าคือพี่น้องของข้า แม้จะไม่อาจได้พบกันอีกข้าก็อยากให้เจ้าอยู่ต่อไป ครั้งนั้นข้าจึงเลือกที่จะเอาตัวเข้าแลกแทนเจ้า”

“แต่....”

“สัตยา!” เสียงที่ดังแทรกบทสนทนาขึ้นมาคือเสียงของรักตปักษ์ซึ่งรอคอยข้างนอกอยู่นานจนร้อนอกร้อนใจทนไม่ไหว ถือวิสาสะเดินเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต ทว่า สภาพของสัตยาที่ปรากฏต่อสายตาทำให้ชายหนุ่มเกือบจะลืมหายใจ เขารุดเข้าไปคว้าตัวสัตยาโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของอินทุกานต์ มองดูบาดแผลที่ปรากฏบนร่างด้วยความปวดใจ

“ครุฑ ออกไปก่อน!” อินทุกานต์รีบห้าม ทว่ากลับโดนรักตปักษ์ผลักล้มลงก่อนจะอุ้มสัตยาขึ้นแล้วพาเดินออกไปโดยไม่อนาทรต่อเสียงร้องของเจ้าตัว

“ปล่อยข้า! ครุฑ! ข้าเจ็บ....เจ้าอินทุกานต์! เจ้าอินทุกานต์!” สัตยาร้องและทุบตีร่างสูงซึ่งเขาไม่อาจมองเห็นหน้า แต่ก็รู้ได้ด้วยเสียงว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“หยุดนะครุฑ! เจ้าพาเจ้ากรพินธุ์ออกไปข้างนอกไม่ได้นะ!” อินทุกานต์เข้ามาคว้าตัวไว้ก่อนที่รักตปักษ์จะหุนหันออกไปโดยไม่ฟังเสียง “เจ้าจะฆ่าเจ้ากรพินธุ์หรือยังไง!” สิ้นประโยคนั้น รักตปักษ์จึงได้นิ่งไป เขากอดร่างที่สั่นเทาของสัตยาไว้แน่น

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า....ทำไมต้องโกหกข้า....” ชายหนุ่มหันกลับมามองอินทุกานต์ด้วยสายตาเจ็บปวด

“ปล่อยเจ้ากรพินธุ์ให้ข้าก่อนเถอะ....แล้วข้าจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”

“อย่านะ!” สัตยารีบร้องห้าม “ข้าไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็หาย....”

“ครั้งนี้ข้าจะไม่ฟังเจ้า สัตยา” รักตปักษ์เอ่ยเสียงเข้มแล้วพาสัตยากลับลงไปนอนบนเสื่อที่ปูเอาไว้บนพื้นอย่างเบามือเพื่อไม่ให้กระทบโดนแผล อินทุกานต์ขอให้รักตปักษ์ออกไปรอข้างนอก ส่วนตนเองก็นำน้ำสะอาดมาทำความสะอาดร่างกายของสัตยา ก่อนจะทายาบรรเทาอาการให้ เมื่อสัตยาสบายตัวขึ้นแล้วจึงค่อยๆผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า จากนั้น อินทุกานต์จึงออกมาพบกับรักตปักษ์ข้างนอก

“เล่ามาให้หมด” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจอย่างที่ไม่เคยทำมานาน

“ข้าควรจะเริ่มยังไงดีนะ” อินทุกานต์พูดก่อนจะถอนหายใจ “ร่างกายของเจ้ากรพินธุ์ตอนนี้อ่อนแอลงทุกวัน แม้แต่ร่างมนุษย์ก็ไม่อาจคงไว้ได้”

“ทำไมเป็นถึงขนาดนี้ บาดแผลพวกนั้น....”

“เจ้าเคยปล่อยปลาน้ำจืดลงในทะเลหรือเปล่า?” นาคจำแลงถามก่อนจะเฉลยโดยไม่รอคำตอบ “ถ้าทำเช่นนั้น ไม่นานมันก็จะตาย เพราะความเป็นด่างในทะเลมีสูงเกินกว่าสภาพปกติที่เคยอาศัย เกลือในทะเลจะกัดผิวหนังจนเป็นแผลลึก อย่างที่เจ้ากรพินธุ์กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ นอกจากนั้น เป็นเพราะเจ้ากรพินธุ์เป็นกึ่งนาคกึ่งมนุษย์ จึงมีความอ่อนแอของทั้งสองเผ่าพันธุ์รวมกัน ความจำเพาะต่อสภาพแวดล้อมของนาค และร่างกายที่ไม่อาจทนต่อสิ่งผิดแปลกของมนุษย์ แต่ก็มีเรื่องแปลก เพราะโดยปกติแล้วความเป็นนาคของเจ้ากรพินธุ์มีมากกว่าความเป็นมนุษย์ ไม่นานร่างกายควรจะเยียวยาตัวเองได้ แต่ก็ไม่เลย.....เป็นเพราะเจ้ากรพินธุ์อยู่ห่างไกลจากเขตของตนเองมานานเกินไป....”

“แล้วจะเป็นยังไง? เจ้าจะปล่อยให้สัตยาต้องทรมานอย่างนี้น่ะหรือ?” รักตปักษ์ยกมือขึ้นกุมหน้า “ทำไมเจ้าถึงไม่บอกความจริงกับข้า! ต้องให้ข้ารอเห็นศพของสัตยาด้วยตัวเองหรือยังไง!”

“เจ้ากรพินธุ์ขอให้ข้าไม่บอกเจ้า” อินทุกานต์เงยหน้าขึ้นมองรักตปักษ์ “เจ้ากรพินธุ์รู้สึกผิดที่แค้นเคืองเจ้าโดยไร้เหตุผลมาตลอด”

“ข้าไม่เคยถือโกรธเรื่องนั้นเลยสักนิด....” ชายหนุ่มเสยผมสีแดงของตนเองอย่างหัวเสีย

“ตาของเจ้ากรพินธุ์กำลังจะบอด....ผิวหนังก็โดนแสงอาทิตย์ไม่ได้....” อินทุกานต์ว่าก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า “มีวิธีเดียวที่จะช่วยได้คือต้องพาเจ้ากรพินธุ์กลับไปที่ทะเลสาบที่เคยอยู่”

“ข้าพาไปได้...” รักตปักษ์กล่าว “ข้ามีปีกของครุฑ ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ข้าก็จะพาสัตยาไปให้ถึง”

“ไม่ใช่ตอนนี้ ต้องรอเวลากลางคืน”

“เช่นนั้นคืนนี้....”

“เจ้ากรพินธุ์จะยอมหรือ?” คำถามของอินทุกานต์ทำให้รักตปักษ์นิ่งไป เขาไม่อาจให้คำตอบได้ว่าสัตยาจะยอมไปแต่โดยดีหรือไม่ อย่างเมื่อครู่นี้เมื่อเขาโอบกอดร่างนั้น อีกฝ่ายก็สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ซ้ำยังกรีดร้องทุบตีให้เขาปล่อยทั้งที่เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ ร่ำหาอินทุกานต์จนเสียงแห้งและสั่นสะท้านเหมือนกับกำลังจะร้องไห้ออกมา

“ข้าฝากเจ้าเกลี้ยกล่อนสัตยาได้หรือไม่ เจ้าอินทุกานต์” รักตปักษ์ตระหนักดีว่าสัตยายอมฟังชายตรงหน้ามากกว่าเขา ถ้าอินทุกานต์เป็นคนพูด คงจะยอมไปด้วยกันโดยดี

“ข้าพยายามแล้ว.....” อินทุกานต์เลื่อนมือมาบีบฝ่ามือกร้านของรักตปักษ์เบาๆ “มีแต่เจ้าที่ทำได้ เจ้ากรพินธุ์จะยอมฟังคำของเจ้า หากใจของเขารู้ว่าเจ้ารู้สึกยังไง” ว่าจบ อินทุกานต์ก็ลุกขึ้นจากแคร่ไม้ที่นั่งคุยกัน แล้วเดินไปทางเรือน

“เจ้าจะไปไหน?”

“ตอนนี้เที่ยงแล้ว ข้าจะไปทำกับข้าวให้เจ้าจะได้กินยาแล้วพักผ่อนเสียด้วย” ชายหนุ่มชาวนาคว่าก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้ากระวนกระวายของอีกฝ่าย “อีกนานกว่าที่เจ้ากรพินธุ์จะตื่น แล้วเจ้าเองหากอาการทรุด จะพาเจ้ากรพินธุ์ไปได้ยังไงกัน?”

เมื่ออินทุกานต์กล่าวเช่นนั้น รักตปักษ์จึงได้ยอมสงบลง และเดินตามชายหนุ่มเข้าครัวไปเพื่อทำอาหารกินเป็นมื้อเที่ยง หลังเสร็จสิ้นมื้ออาหารจึงกินยาที่อินทุกานต์จัดเอาไว้ให้และนอนพักผ่อน


----------------------------->


ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำแล้วสัตยาจึงตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา กระนั้นถึงจะลืมตาหรือหลับตา ภาพเบื้องหน้าก็ไม่ต่างกันเพราะมันมีแต่ความมืดมิด ร่างกายของเขาปวดร้าวจนต้องร้องครางออกมาเบาๆ บาดแผลบนผิวเนื้อไม่ยอมจางหายไปโดยง่าย แม้ว่าการกัดกร่อนจะหยุดลงแล้วแต่ความเจ็บปวดทรมานยังคงกัดกินร่างกายของเขาไม่สิ้นสุด แม้แต่ยาขนานเอกของอินทุกานต์ก็ยังทำได้เพียงบรรเทาความเจ็บนั้นชั่วครั้งชั่วคราว

ถ้าเป็นได้ สัตยาอยากให้ลมหายใจหยุดเสียเดี๋ยวนี้เลย จะได้ไม่ต้องทรมานอีก

ตอนนี้ ภายใต้ผ้าพันแผลหนาหลายชั้น ผิวหนังของสัตยาเหลือแต่เนื้อสีแดงและเต็มไปด้วยแผลเหอะหวะ แม้แต่ในปากและคอที่กลืนน้ำทะเลลงไปก็แสบจนแทบจะกินอะไรไม่ลง หลายวันที่ผ่านมานี้ สัตยาจึงผ่ายผอมลงกว่าเดิมมาก

ในขณะที่ชายหนุ่มในร่างกึ่งนาคกำลังนอนรอเวลาอย่างไร้จุดหมายนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนมีคนเดิมเข้ามาในห้อง

“เจ้าอินทุกานต์?” เขาเอ่ยเรียกออกไป แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมตอบ กลับเดินเข้ามานั่งข้างๆอย่างเงียบงัน และประคองมือข้างหนึ่งของเขาขึ้นมากุมเอาไว้ ฝ่ามือที่สัตยาสัมผัสได้นั้นหยาบกร้านอย่างคนทำงาน เขาสามารถจดจำได้ทันทีว่าเป็นมือของใคร

“สัตยา...” เสียงของรักตปักษ์ดังขึ้น “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้ากลัว ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ช่วยฟังข้าเฉยๆจะได้ไหม?”
สัตยาชั่งใจอยู่นานกับคำขอนั้น ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างยากลำบาก

“ก่อนหน้านี้ เจ้าแค้นเคืองข้า โกรธเกลียดข้า ข้าเข้าใจเหตุผลของเจ้าจะไม่เคยกล่าวโทษเจ้าเลยเมื่อต้องถูกเจ้าทำร้าย ข้าเพียงอยากให้เจ้าอภัยให้ข้า อภัยให้ความผิดพลาดของข้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนข้าก็ยินดีชดใช้ให้” รักตปักษ์พูดอย่างช้าๆทว่าหนักแน่นทุกคำ เพื่อตอกย้ำความจริงใจในถ้อยคำเหล่านี้ ให้สัตยารับรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่ปรารถนาให้สัตยามีความสุข

“ข้าเห็น....” สัตยาพูดแทรกด้วยเสียงแหบแห้ง “ในฝันครั้งสุดท้าย...ตอนที่เจ้าฉีกร่างเจ้าอินทุกานต์....ข้าเห็นน้ำตาของเจ้า....”

รักตปักษ์นิ่งเงียบไป และเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจว่าสัตยาจะพูดอะไรต่อ กระนั้นสัตยากลับเงียบไปเฉยๆและหอบหายใจเบาๆ

“เจ้าจำได้ไหม สัตยา เมื่อกาลก่อนนั้นแม่ของพวกเราพนันกันและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง ข้ากับแม่อยู่รับใช้พวกเจ้าโดยไม่มีสิทธิปริปากบ่น มองดูพวกเจ้าสรวลเสเฮฮากันอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจความลำบากของเราสองแม่ลูก ข้าอิจฉาพวกเจ้า โกรธแค้นพวกเจ้า แต่เมื่อข้ามีโอกาสได้แก้แค้น ความแค้นนั้นกลับเป็นไฟที่แผดเผาใจของข้า” รักตปักษ์บีบมือของสัตยาแน่นขึ้นขณะเล่า “ข้าหน้ามืดตามัว ควบคุมตัวเองไม่ได้ เข่นฆ่านาคไปมากมายจนองค์นารายณ์ต้องลงมายับยั้งและทำการตกลงกับอนันตนาคราชว่าให้ส่งนาคมาให้ข้ากินวันละตน มิเช่นนั้นนาคจะสูญสิ้นพงศ์พันธุ์”

“ข้าจำเรื่องนั้นไม่ได้....” สัตยากล่าว

“เจ้าหนีไปก่อนแล้ว จะรู้ได้ยังไงกัน” รักตปักษ์ว่าพลางแนบริมฝีปากลงบนข้อนิ้วของอีกฝ่าย “หลังจากนั้นข้าก็กินนาควันละตนเป็นอาหารอยู่นาน จนได้เจอกับฤาษีตนหนึ่งซึ่งแปลงตัวเป็นนาคมาให้ข้ากินแทนนาคที่ต้องมาในวันนั้น ส่วนนาคตัวจริงก็มาอ้อนวอนให้ข้ากินตัวเองอย่าทำร้ายฤาษี แม่ของนาคก็ยังมาคุกเข่าขอร้องข้าทั้งน้ำตา ตอนนั้นข้าจึงได้สติว่าตัวเองทำอะไรลงไป”

“หลังจากนั้น...เจ้าก็ชุบชีวิตนาคจากกระดูกใช่ไหม? เจ้าอินทุกานต์เล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว....” สัตยาบีบมือของรักตปักษ์ตอบแล้วพูดต่อ “ข้าไม่เคยรู้อะไรเลย....ทั้งเรื่องการพนัน ทั้งเรื่องเล่ห์เหลี่ยมนั่น...”

“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า....ไม่ใช่ของพวกเจ้าทั้งหมด” รักตปักษ์สูดหายใจเข้าลึก “ข้ามารู้ความจริงเอาทีหลัง ว่าแท้จริงแล้วเป็นคำสาปของพ่อและพี่ของข้าเอง ในตอนแรกนั้น พ่อได้ให้พรกับแม่ของเราคนละข้อ แม่ของเจ้าขอให้มีลูกมากมาย แต่แม่ของข้ารู้สึกอิจฉาจึงขอให้ได้ลูกแค่สองคนแต่ให้มีอำนาจยิ่งใหญ่ พ่อรู้ได้ถึงความริษยานั้นจึงสาปแม่ให้ต้องตกเป็นทาสของน้องสาวตนเอง หลังจากนั้น แม่ของเจ้าก็ออกลูกเป็นพวกเจ้าทั้งพันตน ส่วนแม่ของข้ากลับออกลูกเป็นไข่สองฟองซึ่งไม่ยอมฟักออกมาเสียที ด้วยความใจร้อนและอิจฉาที่น้องสาวมีลูกให้เล่นให้อ้อน นางจึงทุบไข่ใบหนึ่งกลายเป็นพี่ชายของข้าซึ่งพิกลพิการไม่สมบูรณ์ พี่ชายของข้าโกรธแม่มากจึงสาปให้ต้องเป็นทาสไปจนกว่าข้าจะมาช่วยปลดปล่อย”

“......แล้วเจ้าทำยังไง....”

“ข้าจะทำอะไรได้....นอกจากอธิษฐานให้ตายแล้วมาเกิดเพื่อตามหานาคตนหนึ่งที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขาเสียที” รักตปักษ์แอบกัดเล็กๆ ทำให้ใบหน้าของสัตยาง้ำงอทันควัน ชายหนุ่มจึงแกล้งดึงจมูกเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “ผิดก็ผิดด้วยกันทั้งสองฝ่าย เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวว่าใครจะโกรธเคืองหรอก สัตยา ข้าเสียอีกที่ก่อเรื่องราวใหญ่โตขนาดนั้นเพียงเพราะขาดสติ”

“แล้วผลก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ....เพราะข้าพยายามจะแก้แค้นเจ้า ไปพัวพันกับคนพรรค์นั้น....ทุกอย่างถึงได้ย้อนกลับมาลงที่ตัวข้า...” สัตยาเอียงศีรษะไปทางหนึ่งซึ่งติดกับผนัง

“เป็นเพราะเจ้าพยายามจะช่วยข้าต่างหากถึงเป็นอย่างนี้” รักตปักษ์ถอนหายใจยาวก่อนจะแตะริมฝีปากลงที่มือของสัตยาซึ่งกุมเอาไว้จนชื้นเหงื่อ “ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่....อยู่กับข้านะ สัตยา ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าอดีตจะเป็นยังไง อนาคตจะเป็นแบบไหน แค่มีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว....”

TBC
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 09-02-2011 16:36:45
จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



แบบนี้เรียกว่าเริ่มหวานได้หรือยังคะเนี้ย อิอิ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: COTton ที่ 09-02-2011 16:37:13
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-02-2011 17:09:08
 :เฮ้อ:เศร้าจัง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 09-02-2011 17:21:04
อืมมมม ความแค้นคลี่คลาย ความรักก็คงได้เวลาเบ่งบานซะที
อ้อออ แต่เงื่อนปมเกี่ยวกับฝ่ายที่อยู่ในที่ลับยังคงอยู่นี่นะ
งั้นนน... รอลุ้นอยู่นะจ๊ะ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอ$
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 09-02-2011 17:37:10
ความแค้นได้พังลงเพราะความรัก
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 09-02-2011 19:27:01
 :o8:
คุณรักษ์น่ารัก น่าหลงมากๆ

รอวันที่ยาจะหายดีนะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 09-02-2011 19:53:41
ตอนนี้เริ่มหวานแล้ว ตอนหน้าขอหวานเยอะๆ นะคะ  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 09-02-2011 20:26:27
ตกลงเลยน้องนาค เรื่องทุกอย่างก็ผิดทั้งสองฝ่ายจริง ๆ ด้วยนั่นแหละเนาะ  :กอด1: :กอด1:
เค้าโอนเงินไปแล้วนะ รอวันได้ครอบครอง  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-02-2011 20:27:34
ใครกันบังอาจทำร้ายคุณรักตกะคุณยาได้
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 09-02-2011 21:02:50
สถานการณ์เหมือนจะดีขึ้น แต่อาการของสัตยาก้อยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี
 :L2: เยี่ยมคนป่วย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tonight ที่ 09-02-2011 21:21:13
อ่า เริ่มมีความคืบหน้าแล้วความรักของสองคนนี้ หวังว่าเรื่องราวจะคลี่คลายไปในทางที่ดี

แม้ว่านาคน้อยจะเจ็บตัวแต่คิดว่ายังไงก็ต้องยอมให้รักตปักษ์พาไปที่ทะเลสาบเพื่อรักษาแน่ๆ

ขอบคุณนะคับ มาอัพต่อไวๆนะ รออ่านอยู่คับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 09-02-2011 21:35:44
ตอนนี้เริ่มจะหวานขึ้นมานิดนึงแล้ว
นอกจากนั้นยังเริ่มคลายปมมาอีกหน่อย
เหลือก็แต่ว่าใครคือชายในเงามืด
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 09-02-2011 21:38:50
เริ่มหวานแล้วนะ !!
ให้สาวน้อยสาวใหญ่ได้ชื่นใจค่ะ ^__^

ปล. จะโอนเงินพรุ่งนี้แล้วนะ !!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 09-02-2011 21:55:50
อร๊ายยยยย
จบตอนแอบหวานอ่ะ วี๊ดวิ้ว :-[ :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 09-02-2011 22:12:33
อิอิ น่ารักอ่ะ แอบหวานเล็กๆ ชอบบบบบบบ :impress2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 09-02-2011 22:16:15
รักครุฑอ่า 
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 09-02-2011 22:27:26
หวานนน :man1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-02-2011 22:32:30
กรี๊ดดดดดดดดดดด

หวานกันแล้ว


 :o8: :o8:

รีบรักษาตัวให้หายแล้วไปเอาคืนไอ้พวกคนเลว

 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 09-02-2011 22:36:41
กำลังสนุกเลยคับ

มาต่อเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 09-02-2011 22:44:43
สนุกๆ ชอบจัง

ลุ้นๆๆๆๆๆๆ

รักกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: katook ที่ 09-02-2011 22:54:02
แรง...ชอบอย่างแรง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 09-02-2011 23:04:01
แอบหวานลึกๆนะเนี่ย

พี่รักต์กับน้องยาเริ่มเข้าใจกันและ

พี่รักต์รีบพาคุณยากลับอาณาเขตด้วยน้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 09-02-2011 23:09:15
สงสารสัตยา คงเจ็บแย่เลย  :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 09-02-2011 23:19:10
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กว่าจะอ่านทัน นานมากกกก

ตอนนี้เริ่มจะหวานๆแล้ว อ๋อย ย ย ย ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 09-02-2011 23:46:18
อยากจะบอกว่า พล็อตเรื่องโดนใจมากค่ะ !!!
เพราะ เราก็อยากรู้ว่า สองเผ่าพันธุ์ที่เป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ ( ? )
เค้าจะมารักกันได้อย่างไง? ยิ่งกว่า โรมิโอ กับ จูเลียต อีก เพราะ มันต่างสปีชีย์
แต่เหมือนกันอย่างเดียว คือ เป็นเพศผู้เหมือนกัน ( ไม่งั้นจะ Y เหรอ? )

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 09-02-2011 23:48:13
อ่านถึงล่าสุดแล้วครับ

รอต่อไป
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 09-02-2011 23:51:14
สุดท้ายก็เข้าใจ
+1
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 10-02-2011 03:51:57
ขอให้ช่วยสัตยาให้ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 10-02-2011 07:31:39
หวาน~~~~ :o8:
รักกันแล้ว รักกันแล้ว :z2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 10-02-2011 08:04:00
อิๆๆ ได้เวลาเปิดม่านความหวาน
รักกันแล้วๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 9 (9/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 10-02-2011 11:32:25
จะหวานปนโศกหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 10-02-2011 12:32:21
สัตยาไม่ได้ตอบโต้อะไร เขานิ่งเงียบอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานจนกระทั่งความมืดเข้าครอบคลุมผืนฟ้า อินทุกานต์จุดเทียนและเดินเข้ามาในห้องเพื่อให้แสงสว่าง สัตยาจึงพูดขึ้น

“ทะเลสาบอยู่กลางป่า...”

รักตปักษ์และอินทุกานต์มองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา

“โชคดีนะ เจ้ากรพินธุ์” อินทุกานต์กล่าวอวยพรแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากมนของน้องชาย “ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่เสมอ”

“แล้วข้าจะพามาหาแน่นอน” รัตกปักษ์ให้คำสัญญา เขาอุ้มร่างผอมบางสัตยาขึ้นในวงแขนก่อนจะก้าวออกไปด้านนอก สายลมนิ่งสงัด ไร้วี่แววของพายุ ท้องฟ้ากว้างห่มคลุมด้วยกำมะหยี่สีดำสนิท และแสงดาวพร่างพราย ดูงดงามยิ่งกว่าที่เคยเห็นที่ใดโดยเฉพาะท้องฟ้าของกรุงเทพ น่าเสียดายที่สัตยาไม่อาจมองเห็นได้ แต่สักวันเขาจะต้องให้สัตยาได้เห็นภาพนี้ด้วยกันอีกอย่างแน่นอน ได้เห็นจากสถานที่แห่งนี้ ภาพฟ้าผืนเดียวกัน บนพื้นดินผืนเดียวกัน

“เดินทางระวังด้วยล่ะ ครุฑ แผลเจ้ายังไม่หายดี หากออกแรงมากเกินไปอาจปริเอาได้ เจ้าจะต้องบินไปทางตะวันออกและขึ้นเหนือ เจ้าจะเจอทะเลสาปแห่งนั้นได้ไม่ยาก” อินทุกานต์บอกเส้นทางก่อนจะเอ่ยคำลา “แล้วพบกันใหม่”

“ขอบคุณมาก เจ้าอินทุกานต์ สำหรับทุกอย่าง” รักตปักษ์กล่าวขอบคุณจากใจจริง ในขณะที่สัตยาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เขากอดรักตปักษ์นิ่ง เกรงว่าจะไม่อาจทำใจจากไปได้อีกครั้ง

“ข้ายินดี” อินทุกานต์ตอบ เขายิ้มกว้างด้วยความสุขใจ

ปีกสีแดงสยายออกจากแผ่นหลังกว้างบดบังผืนฟ้ายามราตรี ก่อนจะโบกสะพัดหอบเอาเจ้าของร่างและคนในอ้อมแขนขึ้นจากพื้นดิน และมุ่งตรงไปในทางที่ถูกชี้นำอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเขาในตอนนี้จะทำได้ ในอ้อมแขนโอบกอดร่างผอมบางที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลในผ้าห่มผืนหนาแนบอกอุ่น เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะหนักแน่นพาให้สัตยาเคลิ้มหลับไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย


------------------------------>


ทางบ้านชลวรินทร์ กิ่งแก้วต้องอยู่ดูแลบ้านในขณะที่พงษ์ศักดิ์ไม่อยู่ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอถูกสั่งให้อยู่เฉยๆ แต่คนที่เคยทำงานมาตลอดอย่างเธอ การให้อยู่นิ่งๆนั้นเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน ในที่สุดกิ่งแก้วก็ดื้อแพ่งลุกขึ้นมาทำงานบ้านโดยที่ใครก็เอ่ยห้ามไม่ได้ แต่ว่าในตอนที่กำลังทำคามสะอาดห้องของสัตยานั้นเอง หญิงสาวก็สังเกตเห็นกล่องเล็กๆใบหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เตียง ตามปกติแล้วเธอคงไม่ถือวิสาสะเปิดของของเจ้านาย แต่ว่ากล่องนั้นแง้มออกจากกันอยู่เล็กน้อยเธอจึงหวังดีจะหยิบมาปิดให้ แต่แล้วสายตาของเธอก็เผอิญเหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

มันเป็นกล่องไม้ขนาดเล็กพอๆกับฝ่ามือแต่มีความยาวมากกว่าเล็กน้อย มีลายแกะสลักสวยงามอย่างปราณีตบรรจง เธอจดจำได้ว่าเป็นกล่องที่วางขายอยู่ในตลาดพัทยา และพงษ์ศักดิ์นึกถูกใจจึงซื้อมาให้สัตยาใช้เก็บของชิ้นเล็กๆ

ทว่า สิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในนั้นกลับไม่ใช่ของประดับหรือของมีค่าอะไร แต่เป็นขนนกสีแดงหลายเส้น

เท่าที่กิ่งแก้วจำได้ สมัยเด็กสัตยาเคยเกลียดขนนกสีนี้เข้าไส้ ทำไมของที่เกลียดนักหนาถึงได้ถูกนำมาเก็บไว้ใต้เตียงอย่างนี้กันนะ?


-------------------------->


การบินด้วยระยะทางไกลที่สุดและใช้พลังงานมากที่สุดของรักตปักษ์ ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมายเมื่อเกือบรุ่งสาง ใจกลางป่าและแมกไม้สีเขียว คือที่ตั้งของทะเลสาปลึกลับไร้ชื่อเรียกขาน หรือหากจะพูดให้ถูก ที่ตรงนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลสาป....ทว่าบัดนี้กลับแห้งขอดจนไม่เหลือน้ำแม้สักหยด รักตปักษ์ยืนมองพื้นดินที่ยุบตัวลงไปเป็นแอ่งแต่กลับแห้งแตกระแหงนั้นอย่างอับจนหนทาง สัตยายังหลับอยู่ในอ้อมแขนทว่าสีหน้าที่แสดงถึงความทรมานนั้นบาดหัวใจของชายหนุ่มจนเจ็บแปลบ อีกทั้งบาดแผลของเขาเองก็เริ่มเจ็บขึ้นมาเพราะโหมแรงมากเกินไป

“ข้าจะทำยังไงดี...สัตยา....” เขาครวญออกมาพลางเงยหน้ามองฟ้า เวลานี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงกลางฤดูร้อน อย่าว่าแต่เม็ดฝนเลย เมฆสักก้อนก็ยังไม่เห็น แล้วเขาจะหาน้ำในทะเลสาปมาจากไหน....

ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้น รักตปักษ์จึงตลบผ้าให้คลุมร่างเปลือยเปล่านั้นมิดชิดก่อนจะกระโดดลงไปในแอ่งที่แห้งผาก รองเท้าหนังสัมผัสพื้นดินแตกอย่างนุ่มนวลด้วยแรงพยุงกายจากปีกบนแผ่นหลัง ก่อนที่ปีกนั้นจะกระจายออกกลายเป็นขนนกสีแดงปลิวไปกับสายลม

รักตปักษ์มองไปรอบกายอย่างจนตรอก ไม่มีน้ำ ไม่มีแอ่ง ไม่มีแม้แต่ปากทางเข้าถ้ำของสัตยา

“เจ้ามองหาตลอดชาตินี้ก็ไม่เจอหรอก...” สัตยากล่าวเสียงแหบแห้งก่อนจะเลิกผ้าที่คลุมศีรษะขึ้น

“ตื่นแล้วหรือ?” ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยถาม

“เช่นที่เจ้าเห็น” สัตยาตอบก่อนจะมองไปรอบๆ “ข้าหายไปนานเกินไปทะเลสาปจึงเหือดแห้ง ครุฑ เจ้าจงมองไปทางตะวันออก จะเห็นหินก้อนหนึ่งซึ่งมีรอยเกร็ดครูดเล็กๆ เจ้าต้องผลักหินนั้นออกจึงจะเจอถ้ำ”

“อา....ข้าเห็นแล้ว” รักตปักษ์มองตามแล้วเดินไปยังจุดที่สัตยาบอก เขามองสำรวจหินก้อนใหญ่ที่วางแถวนั้นก่อนจะพบก้อนหนึ่งซึ่งมีรอยเกล็ดฝากไว้เป็นทาง เขาวางสัตยาลงบนพื้นอย่างเบามือ และไม่ลืมที่จะคลุมผ้าเอาไว้ป้องกันอีกฝ่ายจากแสงแดดที่กำลังไล่มาอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินไปยังหินใหญ่ สูดหายใจเข้าลึก และออกแรงผลักหินนั้นเต็มกำลัง ไม่นานนัก เขาก็เห็นปากทางขนาดใหญ่พอที่นาคตนหนึ่งจะเลื้อยผ่านเข้าไปได้ รอบปากถ้ำมีรอยเกล็ดเป็นบางจุด

รักตปักษ์เดินกลับไปอุ้มสัตยาขึ้นมา แล้วพาเดินเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด

“เดินเข้าไปข้างในสุด เจ้าจะพบแอ่งน้ำเล็กๆ จงวางข้าลงที่นั่น” สัตยาสั่งขณะที่อีกฝ่ายก้าวเดินตามอย่างเร่งรีบ กลิ่นชื้นของน้ำโชยเข้าจมูก รักตปักษ์จึงได้รู้ว่า แอ่งน้ำที่สัตยาว่านั้นอยู่ใกล้ๆนี้เอง ทว่าเป็นเพราะความมืด จึงยากที่จะระบุตำแหน่งแน่นอน

เขาอุ้มสัตยาพาดบ่าแล้วพยุงด้วยมือหนึ่ง ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง แล้วใช้มืออีกข้างคลานสำรวจพื้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมือของเขาสัมผัสได้ถึงความชื้นของดิน และเมื่อขยับไปอีกเล็กน้อย มือของรักตปักษ์ก็จุ่มลงไปในแอ่งที่มีน้ำอยู่เต็ม

“ข้าเจอแล้ว” เขาว่าแล้วพยุงสัตยาลงมา ดึงห่อผ้าออก แล้ววางชายหนุ่มร่างเล็กซึ่งมีหางเป็นนาคลงในแอ่งน้ำนั้น

สัตยาผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อร่างกายของเขาได้สัมผัสกับน้ำอีกครั้ง เขาเอนศีรษะลงปล่อยให้ร่างกายส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ รวบขนดหางลงมาขดอยู่ในแอ่ง และหลับตาลงซึมซับกลิ่นอายอันคุ้นเคยของสถานที่ซึ่งเป็นบ้านแต่กาลก่อน และแล้วในเวลานั้นเอง ถ้ำก็กลับสว่างขึ้นด้วยแสงซึ่งไร้ที่มา สะท้อนกับเพชรนิลจินดาที่ฝังตัวอยู่ในผนังเป็นแสงแวววับจับตา รักตปักษ์จึงเพิ่งเห็นว่า แอ่งที่ตนพาสัตยามานั้นมีขนาดใหญ่พอๆกับอ่างน้ำเขื่องๆใบหนึ่ง อยู่บนดินที่ยกสูงขึ้นมาจากพื้นถ้ำ ล้อมกรอบด้วยหินซึ่งรักตปักษ์ไม่ทราบชนิด คาดเดาแล้วน่าจะเป็นแท่นนอนของสัตยาก่อนที่จะมาเป็นมนุษย์

ชายหนุ่มครึ่งครุฑขยับเข้าไปใกล้แอ่งมากขึ้น มองดูสัตยาซึ่งนอนหลับตานิ่งไม่ไหวติงอยู่ใต้ผิวน้ำ สายน้ำใสอาบไล้ผิวกายและครอบคลุมร่างนั้นอย่างอ่อนโยน

บาดแผลบนร่างกายของสัตยาที่รักษามานานยังไม่ยอมหายกลับค่อยๆเชื่อมผสานกันจนเป็นเนื้อเดียวอย่างช้าๆ เรือนกายซึ่งไม่ต่างกับเคยโดนทารุณกรรมกลับค่อยๆกลับมามีสีขาวนวลเนียนน่าสัมผัส รักตปักษ์เอื้อมมือลงไปในน้ำ แกะผ้าผูกตาอย่างเบามือและมองดูใบหน้าที่สงบนิ่งนั้นด้วยความรู้สึกสุขลึกๆในใจที่ไม่มีวี่แววของความทรมานฉาบบนใบหน้าดวงนั้นอีกแล้ว

บาดแผลบนร่างกายเลือนหายไปจนสิ้นอย่างน่าอัศจรรย์ สัตยาลืมตาขึ้น ดวงตาสีนิลเป็นประกายราวไข่มุกดำจับจ้องบนใบหน้าคร้ามคมของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

“เจ้ามองเห็นข้าไหม สัตยา?” รักตปักษ์เอ่ยถามแล้วพยุงศีรษะอีกฝ่ายขึ้นมา

“เห็น....” สัตยาตอบสั้นๆพร้อมกับยกมือขึ้นไล้ใบหน้าของชายหนุ่ม “ข้าเห็นเจ้า”

รักตปักษ์ไม่รอช้า เขาดึงสัตยาขึ้นมากอดรัดแนบแน่นทั้งที่กายท่อนล่างของอีกฝ่ายยังอยู่ในร่างของนาค ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเพื่อสำรวจบาดแผลที่อาจหลงเหลือโดยไม่ขออนุญาต กระนั้นก็น่าแปลกใจ ที่สัตยาไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนหรือเอ่ยห้ามปรามการกระทำ เขาเพียงแต่โอบแขนรอบบ่ากว้างแล้วซุกซบอยู่อย่างนั้น พวงแก้มของสัตยามีสีแดงทาบอยู่จางๆ

แต่แล้ว ขณะที่รักตปักษ์ยังไม่ทันสำรวจได้ทั่วนั้น เขาก็รู้สึกถึงความชื้นที่ไหลผ่านขา จึงก้มลงมอง และพบว่าน้ำในแอ่งของสัตยากำลังรื้นล้นขึ้นมาจนไหลอาบไปตามทางของชั้นดินชื้นฉ่ำ ซ้ำยังค่อยๆล้มทะลักออกไปถึงภายนอก

“ทะเลสาปกำลังฟื้นคืน หากเจ้าไม่รีบกลับขึ้นไป เจ้าจะจมน้ำตาย” สัตยากล่าวเตือน

“ข้าไม่ไปถ้าไม่มีเจ้า” รักตปักษ์กุมมือสัตยาไว้แน่นขณะที่น้ำกำลังเอ่อขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเขาขณะทอดมองใบหน้าของสัตยา แฝงความนัยบางอย่างเอาไว้อย่างลึกซึ้ง

“ทำไมเจ้าถึงดื้อด้านได้ถึงขนาดนี้กันนะ” เจ้าของร่างกึ่งนาคหลุบตาลง ในตอนแรก เขาคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะบอกลาชีวิตมนุษย์ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปในเมื่อเป้าหมายที่จะแก้แค้นของเขาได้จบสิ้นลงไปแล้ว ทว่าดูเหมือนรักตปักษ์จะไม่ยอมง่ายๆ เพราะตัวรักตปักษ์เองนั้นเป็นครุฑจุติลงมาเกิด จึงต้องเฝ้ารอจนครบอายุขัยจึงจะสามารถกลับไปเป็นครุฑดังเดิมได้ และช่วงเวลาต่อจากนี้ หากไม่มีสัตยา ชีวิตของชายหนุ่มก็จะว่างเปล่าไร้จุดหมาย

“ข้ามาเพื่อเจ้า และจะอยู่ต่อไปก็ต่อเมื่อมีเจ้าอยู่เท่านั้น” รักตปักษ์กล่าว ทว่าการจะเอาตัวเขาคนเดียวมาดึงรั้งให้สัตยากลับไปด้วยกันก็กระไรอยู่ เขาจึงเอ่ยอ้างถึงคนอื่นร่วมด้วย “แล้วคุณตา แม่และพ่อของเจ้า ก็เฝ้ารอเจ้าอยู่เช่นกัน”

“คนเจ้าเล่ห์” สัตยาทำหน้างอ ขณะนี้น้ำได้ท่วมถึงเอวรักตปักษ์แล้ว หากว่าทอดเวลาออกมานานขึ้น เขาไม่คิดว่าคนอย่างรักตปักษ์จะยอมถอยง่ายๆด้วยเหตุผลว่ากลัวตาย และหากคิดดีๆแล้ว สิ่งที่รักตปักษ์พูดก็ใช่ว่าผิด เพราะเขานั้นหายตัวไปกะทันหัน ป่านนี้ไม่รู้ว่าพงษ์ศักดิ์ จันทร์วนา ยศ รวมทั้งคนอื่นๆจะเป็นห่วงมากแค่ไหน อีกทั้งเรื่องที่บริษัทเขาก็ยังต้องดูแล นอกจากนี้....ดูเหมือนเขาจะยังมีเรื่องต้องสะสางกับกฤตนันท์

การเป็นมนุษย์....ช่างมีห่วงเยอะเสียเหลือเกิน....

สัตยาคิดพลางถอนหายใจ

“ไปกันเถอะ” รักตปักษ์ยื่นมือให้ด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างที่เคยเห็นเมื่อแรกพบกัน ภาพนั้นทำให้สัตยานึกสงสัยว่า หากพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและเพิ่งเคยได้พบกันเพียงครั้งแรกในตอนนั้น เวลานี้ เขากับรักตปักษ์จะเป็นยังไง จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หรือว่าเป็นแค่คนรู้จักเพียงผิวเผินต่อไป เรื่องนั้น....คงมีแต่พระพรหมเท่านั้นที่รู้ได้....

สัตยาตอบรับมือของอีกฝ่าย คลานขึ้นมาจากแอ่งทั้งร่างที่ยังเป็นนาคเช่นนั้น เพราะเป็นร่างที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหวในน้ำมากกว่า

ตอนนี้น้ำเอ่อขึ้นมาจนจะถึงคอของรักตปักษ์แล้ว แต่เจ้าตัวกลับไม่นึกร้อนใจ เขากลั้นลมหายใจปล่อยให้น้ำท่วมมิดศีรษะ และดึงสัตยาให้แหวกว่ายไปด้วยกัน ในวินาทีที่สัตยาเคลื่อนยพ้นปากถ้ำ หินเกล็ดนาคก็เคลื่อนตัวกลับไปยังที่เดิมของมัน เฝ้าพิทักษ์ที่อยู่ของเจ้านายจนกว่าจะกลับมาเยือนบ้านหลังนี้อีกครั้ง

รักตปักษ์และสัตยาพากันแหวกว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ และในระหว่างทางนั้น ชายหนุ่มผมแดงได้มองย้อนกลับมายังเสี้ยวหน้าของอีกคนหนึ่ง เสี้ยวหน้าที่ดูไม่ต่างจากครั้งแรกที่เจอกัน ทั้งความดื้อรั้น ความหยิ่งทะนงหลอมรวมอย่างครบถ้วนไม่ขาดหาย ทว่าในวันนี้กลับมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป เพราะหัวใจของเขากำลังเต้นแรงจนน่าแปลกเมื่อสบเข้ากับดวงหน้าน่าเอ็นดูนั้น ชายหนุ่มครึ่งครุฑไม่คิดหาคำตอบ เพราะเขารู้อยู่แก่ใจดี เขาเอื้อมมือไปยังเรียวแขนที่เล็กกว่าเขามาก และดึงเข้าหาตัว ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปเมื่อสัตยาอ้าปากหมายจะถามว่ามีอะไร

ร่างเล็กกว่าในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลักด้วยความตกใจในการกระทำที่กะทันหันซ้ำยังอุกอาจจนไม่ทันตั้งตัว เรียวหางปัดป่ายกระพือน้ำจนไหวกระเพื่อม ปลาน้อยใหญ่ที่ไม่รู้ว่าไปหลบลี้อยู่ที่ใดก่อนหน้านี้ว่ายวนรอบทั้งคู่ราวกับเห็นสิ่งแปลกใหม่น่าสนใจ ก่อนจะแตกฮือไปเมื่อหางของสัตยาฟาดไปใกล้ฝูง

รักตปักษ์ยอมปล่อยสัตยาก็เมื่อพวกเขาลอยตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ ชายหนุ่มกึ่งนาคผลักไสอีกฝ่ายแล้วเช็ดปากอย่างโกรธเคือง

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ สัตยา?” รักตปักษ์เอ่ยถามเสียงรื่นเริงพลางปัดปอยผมเปียกน้ำออกจากใบหน้าอีกฝ่าย

“เจ้าเล่นอะไรของเจ้า! อยากจมน้ำตายนักหรือไง!” สัตยาตะคอกเสียงขุ่นแล้วว่ายหนีไปหาฝั่ง ทว่ากลับถูกรั้งกลับมาในอ้อมแขนแกร่ง ริมฝีปากซุกซนซุกไซ้ข้างใบหูนิ่มพร้อมขบกัดให้พอสะดุ้ง ไม่อนาทรต่อคำด่าว่าที่ตามมาพร้อมการทุบตีไม่เบาแรง

“ข้าไม่ได้อยากจมน้ำตาย แต่ข้ากลัวจมน้ำตายต่างหาก” ชายหนุ่มผมแดงแก้ตัวแล้วจับมือทั้งสองของสัตยาที่ประทุษร้ายเขาไม่หยุดไว้ “ข้าดำน้ำไม่เก่ง กลั้นหายใจในน้ำได้ไม่นาน จึงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเจ้า ทำไมต้องโกรธข้าด้วย?”

“แล้วทำไมเจ้าไม่บอกดีๆ!”

“ข้าไม่ใช่นาคนี่จะได้พูดในน้ำได้ แค่อ้าปากน้ำก็ท่วมปอดข้าได้แล้ว” รักตปักษ์อธิบายไปก็หัวเราะขำขันกับใบหน้าง้ำงอของชายหนุ่มอีกคน “ขึ้นฝั่งกันเถอะ ก่อนที่ข้าจะจมน้ำจริงๆ”

สัตยาไม่ใคร่เชื่อคำของรักตปักษ์นัก กระนั้นเขาก็ไม่ได้ต่อความและว่ายเข้าหาฝั่งอย่างชำนาญแม้จะไม่ได้ว่ายน้ำในร่างนี้มานาน ขณะที่ปีนขึ้นฝั่ง ร่างกายท่อนล่างก็ค่อยๆกลายจากสภาพที่เป็นหาง เกล็ดจางลงเรื่อยๆพร้อมกับหางที่หดสั้นลงและแยกออกจากกันกลายเป็นขาสองข้างให้ปีนขึ้นฝั่ง ถึงอย่างนั้น ร่างเปลือยเปล่าขาวนวลก็ทำให้รักตปักษ์นึกอยากเข้าไปขย้ำให้หายหมั่นเขี้ยว

ดวงตาสีนิลทอดมองไปยังท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ยามเช้าที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันดูสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ สัตยาไม่เคยคิดจะมองดวงอาทิตย์อย่างนี้มาก่อนเลย

ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกสะบัดหลายครั้งก่อนจะถูกนำมาห่อหุ้มร่างของสัตยา เขาจึงกลับหลังหันไปมองรักตปักษ์ที่กำลังพันตัวเขาด้วยผ้าห่มอย่างตั้งอกตั้งใจ

“พวกเราจะกลับกันยังไง?” เขาเอ่ยถาม “หากเจ้าบินไปตอนนี้ คนทั้งกรุงเทพจะได้อ่านพาดหัวข่าว “คนบินได้” ในเช้าวันรุ่งขึ้นแน่”

“เราจะยังไม่กลับตอนนี้หรอก” รักตปักษ์ตอบแล้วจัดผ้าให้สัตยาเดินได้สะดวก

“ทำไม? ข้ายังมีงานต้องทำอีกนะ แ ล้วยังเจ้ากฤตนันท์ตัวแสบที่ข้าต้องสะสางด้วย”

“เพราะอย่างนั้นพวกเราจึงควรจะยังหายตัวไปแบบนี้อีกสักพัก” ชายหนุ่มผมแดงว่า “เชื่อข้าเถอะว่า ตาของเจ้าไม่ใช่คนโง่งม เจ้าจะได้จัดการกับกฤตนันท์สมใจแน่ แต่ต้องรอเวลา เพราะข้าเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นมีคนอยู่เบื้องหลังอีกทีหนึ่ง”

“....อาจจะเป็นคนใน....” สัตยาต่อคำ

“ใช่” รักตปักษ์พยักหน้ารับ “เห็นได้จากที่รู้เรื่องรอบตัวเจ้าเป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่พวกเราหายไปอย่างนี้ พวกมันจะต้องลงมือทำอะไรบางอย่างแน่นอน”

“เช่นนั้นพวกเราก็ต้องรอเฉยๆน่ะหรือ?” สัตยามุ่นคิ้ว เมื่อรักตปักษ์พยักหน้าแทบคำตอบ เขาก็ถอนหายใจออกมา “ตามข้ามา ข้ารู้จักกระท่อมหลังหนึ่งใกล้ๆนี้” ว่าแล้ว สัตยาก็เดินนำเข้าไปในป่าให้รักตปักษ์เดินตามมาข้างหลังอย่างไม่รีบร้อน


----------------------------->


หลังจากสัตยาหายตัวไปได้อาทิตย์กว่า เหล่าผู้บริหารของเครือชลวรินทร์ก็ทนอยู่เฉยกันไม่ไหว เพราะนอกจากจะไม่มีวี่แววของประธานแล้ว หุ้นที่พงษ์ศักดิ์ถืออยู่ก็ทำให้คนอื่นๆตัดสินใจเรื่องในบริษัทแทนไม่ได้เพราะสัตยาและพงษ์ศักดิ์ไม่ได้มอบหมายอำนาจให้กับใครเพื่อดำเนินการแทน ซึ่งเป็นเหตุให้งานภายในไม่สามารถเดินได้สะดวกนัก แม้ว่างานส่วนใหญ่นั้นสัตยาจะจัดการให้สามารถดำเนินงานได้แล้วก่อนจะหายไป แต่ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากสัตยาก่อนอยู่ดี โชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีโปรเจคอะไรมากนัก จึงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในบริษัทและการส่งออก

บอร์ดบริหารเคยยื่นเรื่องให้พงษ์ศักดิ์หาตัวแทนแล้วครั้งหนึ่ง ทว่ากลับไม่มีข่าวคราวใดตอบรับกลับมาทำให้ผู้บริหารส่วนใหญ่เริ่มไม่พอใจ เพราะไม่มีหลักประกันใดจะบอกได้ว่า สัตยาจะกลับมาเมื่อใด พวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางมาพบพงษ์ศักดิ์ที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่อง

“ฉันบอกแล้วว่าฉันจะไม่ขายหุ้นอย่างเด็ดขาด และจะยังไม่แต่งตั้งตัวแทนในตอนนี้” พงษ์ศักดิ์ยืนยันเสียงหนักแน่นทั้งที่ยังนอนซมอยู่บนเตียง เชิดชัยผู้เป็นอดีตเลขาได้แต่ยืนฟังอย่างหวาดๆเพราะรู้กิตติศัพท์ความดุของเจ้านายเก่าตัวเองดี

“ต.....แต่ว่า ตอนนี้งานภายในไม่กระเตื้องเลยนะครับ” เลขาวัยกลางคนว่า

“ตอนนี้ราคาหุ้นบริษัทเราในตลาดหุ้นตกหรือยัง?” พงษ์ศักดิ์ถามพลางกราดสายตามองแต่ละคนในห้อง ซึ่งต่างคนก็มองหน้ากันไม่ตอบคำถาม ซึ่งก็หมายความได้ว่ายังไม่ตก มันจะตกได้อย่างไรในเมื่อสัตยาเพิ่งหายตัวไปอาทิตย์เดียวและในช่วงที่งานไม่ชุกชุม ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเปิดตัวโปรเจคใหม่ที่ทำให้ส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศกระเตื้องขึ้นมา จึงยังคงได้รับความเชื่อถือจากต่างชาติและบริษัทคู่ค้าอยู่

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มิสเตอร์พงษ์ศักดิ์ คุณจะมีอะไรมาคอมเฟิร์มได้ว่ามิสเตอร์สัตยายังไม่ตาย” ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยสำเนียงแบบยุโรป “ผมเข้าใจว่ามิสเตอร์สัตยาเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของคุณ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่คุณต้องเสียใจและทำใจไม่ได้ แต่คุณควรยอมรับความจริงนะ มิสเตอร์พงษ์ศักดิ์”

“เรื่องคนในครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ก็จริง แต่เรื่องในเครือบริษัทก็สำคัญนะคุณพงษ์ศักดิ์ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหา แต่อีกไม่นานจะหมดฤดูร้อนแล้ว แล้วโครงการที่คุณสัตยาทำไว้ก็ต้องมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆทุกฤดูกาล ตอนนี้พวกเราต้องเริ่มวางแผนแล้วนะครับ” ผู้บริหารชาวจีนว่าโล้งเล้งและดูหัวเสียมากกว่าคนอื่นๆ เพราะโครงการนี้เขาช่วยผลักดันให้เป็นโครงการของบริษัท คิดว่าจะช่วยกระเตื้องยอดขายและราคาหุ้นของบริษัทได้ แต่แล้วกลับต้องมาชะงักเพราะคนสำคัญในโครงการหายตัวไปเสียเฉยๆ

“ฉันถามจริงๆเถอะ พวกคุณโดนใครเป่าหูยุแยงมา?” พงษ์ศักดิ์เอ่ยถาม เขาแน่ใจว่าต้องมีใครบางคนมากระตุ้นผู้บริหารของเขาอย่างแน่นอน หากผ่านไปสักเดือนแล้วถูกกดดันเช่นนี้เขาจะไม่แปลกใจ แต่นี่ยังไม่ทันถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำไป ผู้บริหารแต่ละคนกลับร่ำๆทนรอไม่ไหว ต้องการให้เขาหาตัวแทนอย่างเร่งด่วน และจากที่เขาพิจารณาแล้ว เรื่องที่ผู้บริหารหยิบยกมามักจะเป็นโครงการในความดูแลของสัตยาซึ่งสามารถให้หัวหน้างานอนุมัติแทนได้ในกรณีจำเป็น

บางที....หัวหน้างานเองก็อาจจะโดนล็อบบี้ว่าหากเกิดผลเสียหายจากการอนุมัตินั้น หัวหน้างานต้องรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมดก็เป็นได้

ใครบางคนในบริษัทของเขากำลังคิดจะฮุบปลาชิ้นโต....
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 10-02-2011 12:32:56
“ใครพูดมันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกนะคุณพงษ์ศักดิ์ ที่สำคัญคือคุณจะทำยังไงกับสถานการณ์อย่างนี้ คุณบอกลาวงการแล้วจึงไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้อีก แต่คุณก็ไม่มีทายาทคนอื่น คุณจะยื้อเวลาต่อไปเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมา?” ผู้บริหารซึ่งเป็นชาวไทยหนึ่งในไม่กี่คนกล่าว

“ตอนนี้คุณพงษ์ศักดิ์กำลังป่วยอยู่นะครับ อย่าไปกดดันท่านอย่างนั้นเลย” เชิดชัยรีบเข้ามาห้ามทัพเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ชักเริ่มไม่ดี

“ไม่ต้องพูดแล้วคุณเชิดชัย พวกเราตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็ต้องขอคำตอบที่แน่ชัด ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตัดสินใจอะไรต่อไม่ได้” ผู้บริหารคนหนึ่งเอ่ยห้าม “โลกธุรกิจหมุนไปเร็วกว่าโลกไหนๆ ถ้ามัวแต่หยุดนิ่งเพราะคนๆเดียวมันก็ล่มกันทั้งหมด คุณต้องตัดสินใจนะคุณพงษ์ศักด์”

ชายชราฟังคำแล้วก็ถอดถอนหายใจ ดูเหมือนว่าพวกผู้บริหารจะไม่คิดรอฟังอะไรอีกแล้ว ครั้นจะยื้อเวลาต่อไปก็ไม่รู้จะทำเช่นไร พงษ์ศักดิ์มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิดขณะที่บอร์ดบริหารเริ่มถกเถียงกันเองว่าจะเอายังไงต่อไป

นักสืบที่พงษ์ศักดิ์จ้างไปนั้นไม่มีข่าวคราวตอบกลับมาเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะพบเบาะแสอะไรเพิ่มเติมบ้าง และมีโอกาสมากแค่ไหนที่สัตยาจะยังรอดชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง

หรือว่าเขาควรจะยกหุ้นให้คนอื่นไปจริงๆ....

ยากเหลือเกินที่พงษ์ศักดิ์จะทำใจให้ทำเช่นนั้นได้ เพราะมันเป็นการยอมรับกลายๆว่าสัตยาได้จากไปตลอดกาลแล้ว ทว่า....หากจะยื้อต่อไปจะมีเหตุผลอะไรให้ทำเช่นนั้น ในเมื่อแม้แต่ตัวพงษ์ศักดิ์เองก็ยากจะทำใจให้เชื่ออยู่เสมอว่าสัตยาจะกลับมาในสักวันหนึ่ง แม้ว่าเขาจะมีหลานที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้อีกมากที่สืบสายจากพี่น้องของเขา แต่สัตยาก็เป็นหลานชายสายตรงคนเดียวที่เขารักและทนุถนอมเพื่อให้เติบโตมาเป็นผู้นำของเครือชลวรินทร์ซึ่งเขาตรากตรำก่อร่างสร้างตัวหลายปี หวังจะให้ลูกหลานได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจหรือต้องอดอยาก

“ฉันตัดสินใจแล้ว” พงษ์ศักดิ์กล่าว ทุกคนในห้องนั้นที่เถียงกันอย่างออกรสจึงพากันเงียบและตั้งใจฟัง หวังให้การตัดสินใจครั้งนี้มีเหตุผลมากพอที่บอร์ดบริหารจะยอมรับได้ ทว่า....ในวินาทีที่พงษ์ศักดิ์กำลังจะละสายตาจากกรอบหน้าต่างนั้นเอง กลับมีนกน้อยตัวหนึ่งโผลงมาเกาะที่วงกบ เอียงศีรษะไปมาและใช้อุ้งเท้าข้างหนึ่งเคาะกระจกเบาๆพร้อมกระพือปีกเรียกร้องความสนใจ จงอยปากของมันคาบของสิ่งหนึ่งเอาไว้ นั่นคือ....ขนนกสีแดงเส้นหนึ่ง....

พงษ์ศักดิ์มองดูนกตัวนั้นอยู่นานอย่างมีความหมาย ก่อนจะได้ยินเสียงเร่งเร้าจากอีกฝั่งของเตียง เขาจึงหันกลับมา ครั้งนี้ สายตาของเขาไม่ใช่สายตาของคนที่ดื้อดึงอย่างคนแก่เช่นก่อนหน้า ทว่าเป็นสายตาของคนที่ค้นพบสิ่งที่ตนเองหวังในที่สุด

“ฉันจะรอสัตยา อีกไม่นานเขาจะกลับมาแน่นอน”

หลังจากนั้น ความเงียบก็เข้าครอบคลุมห้องผู้ป่วย ก่อนจะมีเสียงโวยวายตามมาจนฟังไม่ได้ศัพท์

“อะไรนะ!”

“นี่คุณพูดจริงหรือ! จะดื้อด้านไปถึงเมื่อไหร่!”

“ให้ตายสิ! ล่มกันหมดล่ะคราวนี้!”

“Shit! Are you stupid!?”

และเสียงโวยวายเหล่านั้นคงจะยังดังอยู่เช่นนั้นหากไม่ใช่เพราะพงษ์ศักดิ์กระแอมออกมาดังๆแล้วกวาดสายตามองแต่ละคนที่เกือบจะหมดมาดผู้บริหารที่น่านับถือ ชายชราประสานมือบนอกเมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบและพร้อมจะรับฟัง

“ความจริงฉันตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ต่อไปอีกหน่อย เพราะมันอันตรายที่จะเปิดเผยออกไป แต่ฉันคิดว่าพวกคุณคงรู้จักที่จะปิดปาก ใช่ไหม?” พงษ์ศักดิ์กล่าวด้วยสุ้มเสียงมีอำนาจผนวกกับสายตาดุดันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผู้ฟังต้องลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง “เมื่อวันก่อน สัตยาติดต่อมาหาฉันอย่างลับๆว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ถูกปองร้ายโดยคนใน ทำให้ไม่สามารถกลับมาได้ในตอนนี้ สัตยาต้องการเวลาที่จะหาตัวคนๆนั้นก่อนที่จะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง”

“คุณสัตยายังมีชีวิตอยู่จริงๆหรือครับ!” เชิดชัยร้องออกมา แต่แล้วกลับมีผู้บริหารคนหนึ่งดันเขาออกไปห่างๆ สีหน้าของทุกคนดูเครียดขึ้งขึ้นมา

“คุณกำลังจะบอกว่า....มีคนของเราหรืออาจเป็นพวกเราบางคนคิดจะหักหลังบริษัทใช่ไหม มิสเตอร์พงษ์ศักดิ์” ผู้บริหารชาวอเมริกันกล่าวถามเสียงเครียด และเมื่อพงษ์ศักดิ์พยักหน้า ทุกๆคนก็มองหน้ากันอย่างระแวงในตัวของอีกฝ่าย

“นี่มันไร้สาระ!” มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา “คุณจะหลอกให้พวกเราระแวงกันเองเพื่อถ่วงเวลาหรือยังไง! คุณไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำว่าคุณสัตยาติดต่อกลับมาหาคุณจริง!”

“พอได้แล้วน่า” ผู้บริหารที่อาวุโสที่สุดในที่นั้นว่าพลางจับบ่าคนที่โวยวายให้สงบลง “ในเมื่อคุณพงษ์ศักดิ์ว่ามาอย่างนั้น เราก็ต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ อีกอย่าง เรายังพอมีเวลาที่จะรอได้ แต่ว่าไม่นานนักนะคุณพงษ์ศักดิ์ พวกเราให้ได้แค่สองอาทิตย์ คุณจะว่ายังไง?”

“ผมเข้าใจคุณ อีกไม่เกินสองอาทิตย์ สัตยาจะกลับมา” พงษ์ศักดิ์ตอบอย่างมั่นใจ ทำให้บอร์ดบริหารทุกคนไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านั้น จึงพากันลากลับเมื่อเห็นว่าป่วยการที่จะโต้แย้งกันต่อไป อีกทั้งยังสิ่งที่พงษ์ศักดิ์พูดไว้ ว่ามีคนในกำลังลอบวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้บอร์ดบริหารแต่ละคนไม่อาจมองหน้ากันและกันได้ติดนัก แต่ในระหว่างทางที่จะเดินออกมาจากโรงพยาบาลนั้นเอง กลับมีคนหนึ่งในกลุ่มบเร้นออกไปอย่างแนบเนียน และเดินหายไปในมุมหนึ่งของอาคารที่ไม่มีใครเข้ามามากนัก ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาและกดโทรออกอย่างรีบเร่ง

“ฮัลโหล” เสียงปลายสายรับอย่างเนือยๆเหมือนกำลังเซ็งในอารมณ์

“กฤตนันท์ แกทำพลาดขนาดใหญ่” เขากระซิบใส่โทรศัพท์เสียงเครียด “ไอ้แก่นั่นบอกว่าสัตยาติดต่อกลับมาหามัน บอกว่ายังไม่ตาย แล้วยังรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังแก แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นฉัน”

“อะไรจะหนังเหนียวขนาดนั้นวะ!” กฤตนันท์ตะคอก “ข้าเห็นกับตาว่ามันตกลงไป มันน่าจะกระแทกหินตายไปแล้วด้วยซ้ำ ไอ้แก่นั่นมันหลอกหรือเปล่าวะ?”

“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ อีกสองอาทิตย์ก็จะรู้กัน เพราะบอร์ดบริหารกำหนดเส้นตายไว้แล้ว” ชายปริศนาว่า “แต่ยังไงก็ประมาทไม่ได้ กฤตนันท์ แกให้คนของแกไปวนเวียนแถวบ้านชลวรินทร์ โรงพยาบาล แล้วก็บริษัทเอาไว้ ถ้ามันโผล่มาเมื่อไหร่ก็เก็บมันซะ หรือแกจะทำยังไงกับมันก็ได้ แต่ต้องให้แน่ใจว่ามันจะไม่โผล่มารบกวนแผนการของเราอีก”

“แล้วไอ้รักตปักษ์มันยังอยู่ด้วยหรือเปล่า คนของฉันยิงมันกับมือเลยนะเว้ย”

“ฉันไม่แน่ใจ แต่ถ้าแกกังวล ก็ส่งคนไปดูที่สำนักงานกับบ้านมันด้วย อ้อใช่ คอยตามเด็กสองคนนั่นไว้ด้วย เผื่อว่ามันจะเป็นสายติดต่อให้” เสียงของชายคนนั้นฟังดูเครียดขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขารู้สึกระแวงไปเสียทุกทาง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดของพงษ์ศักดิ์จะมีอิทธิพลได้ถึงขนาดนี้ ไม่เฉพาะเขาเท่านั้น แต่ผู้บริหารแต่ละคนก็เริ่มที่จะจับตาดูกันและกันอย่างไม่ไว้วางใจ ต่อไปนี้การที่เขาจะเคลื่อนไหวหรือพูดแสดงความคิดเห็นอะไรออกไปก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะอาจจะมีคนเห็นพิรุธเข้าก็เป็นได้ สถานการณ์ในตอนนี้ ขอเพียงมีข้อให้สงสัย ทกๆคนก็พร้อมจะหันมาจับตาดูคนๆนั้นได้แล้ว

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ชายคนนั้นก็เก็บโทรศัพท์แล้วเดินออกไปจากมุมอาคารโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต ทว่า....หลังจากเขาลับสายตาไปแล้ว กลับมีงูตัวหนึ่งค่อยๆเลื้อยออกมาจากกองเศษกระดาษที่อยู่แถวนั้น มันชูคอขึ้นแลบลิ้นไปมาในอากาศ ดวงตาโปนโตสีเขียวทองจับจ้องไปยังแผ่นหลังของคนที่เพิ่งจากไป ก่อนที่มันจะค่อยๆเลื้อยไปอีกทางอย่างเงียบเชียบ....


------------------------------->


ทางด้านพงษ์ศักดิ์นั้น เมื่อผู้บริหารจากไปหมดแล้ว เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่เหลือคราบของความป่วยอย่างเมื่อครู่ ชายชราเดินตรงไปยังหน้าต่างที่นกน้อยตัวนั้นยังเกาะอยู่ไม่ยอมบินหนีไปไหน เขาขยับเปิดกระจกออกและวางมือลงไป นกตัวนั้นก็กระโดดขึ้นเกาะบนนิ้วอย่างว่าง่าย มันเอียงศีรษะซ้ายทีขวาที ใช้ดวงตาดลมโตจ้องมองชายชราแทนคำพูดที่มันไม่อาจเอื้อนเอ่ยให้อีกฝ่ายเข้าใจ ก่อนจะวางขนนกนั้นบนมือของชายชราและร้องออกมาเบาๆ

มือกร้านของพงษ์ศักดิ์ลูบไปบนศีรษะทุยๆของนกน้อย มันจึงหลับตาแล้วคลอเคลียอย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะโผบินจากไป

พงษ์ศักดิ์ยิ้มบาง ถือขนนกสีแดงนั้นไปวางทับในหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาอ่านยามว่าง ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง และเอนตัวลงนอนเพื่อพักผ่อน หัวใจของเขากำลังพองโตอย่างมีความสุขราวกับรู้ในสิ่งที่นกตัวนั้นต้องการจะสื่อ


---------------------------------->


สัตยาลืมตาขึ้นพลางมองเพดานที่ทรุดโทรมตามกาลเวลาผ่านตามุ้ง แผ่นหลังของเขาไม่สบายนักเพราะสิ่งที่ใช้รองนอนเป็นเสื่อผืนเดียว กระนั้นอย่างน้อยก็มีหมอนหนุน ศีรษะจึงไม่ต้องอิงกับพื้นแข็ง อากาศร้อนของประเทศไทยทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าห่ม แต่เพื่อกันยุง อย่างไรก็ต้องมีมุ้งครอบเหนือเสื่อ

หลังขึ้นจากทะเลสาป พวกเขาทั้งสองก็เดินผ่านป่ามาจนถึงกระท่อมทรุดโทรมหลังนี้ ซึ่งเป็นหลังเดียวกับที่พ่อแม่ของเขาเคยอยู่ เสียแต่ว่าเพราะเป็นกระท่อมที่ปลูกขึ้นอย่างง่ายๆ แค่ใบจากกับไม้นำมาขัดๆต่อๆกันแบบกระท่อมในบ้านนอกทั่วไป และไม่มีคนดูแลรักษา กระท่อมจึงทรุดโทรมจนแทบเป็นที่อยู่อาศัยไม่ได้ ซ้ำของใช้จำเป็นก็ถูกขนไปจนหมด เหลือแต่เสื่อขาดๆและมุ้งที่ถูกแมลงเจาะจนใช้งานไม่ได้ ไร่มันสำปะหลังเล็กๆหลังบ้านก็กลายเป็นพื้นที่รกร้างมีหญ้าขึ้นสูงและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่อยู่ใต้ดินกับพวกแมลง เรียกได้ว่า พวกเขาไม่สามารถใช้กระท่อมหลังนี้เป็นแม้แต่ที่ซุกหัวนอนได้เลย

สิ่งที่รักตปักษ์ทำ คือการหาใบจากมาซ่อมหลังคาเสียใหม่ ส่วนตัวบ้านนั้นยังพอจะมั่นใจได้ว่ายังไม่โค่นในเร็วๆนี้

สัตยาจำต้องรออยู่ที่กระท่อมเมื่อรักตปักษ์เข้าไปในตัวเมืองเพื่อหาซื้อของใช้จำเป็นทีละอย่างสองอย่าง เพราะสัตยาไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ โชคดีที่ตอนออกมาจากบังกะโลนั้น รักตปักษ์ลืมหยิบกระเป๋าสตางค์กับมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง ในตัวของชายหนุ่มจึงมีบัตรATM และเงินสดที่เหี่ยวๆเปื่อยๆจากการโดนน้ำจำนวนเล็กน้อย ส่วนมือถือนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะตอนแกะฝาออกมา ขี้เกลือก็เกาะเต็มแผงจนหาแทบไม่เจอว่าซิมการ์ดอยู่ตรงไหน

สิ่งแรกที่รักตปักษ์ซื้อมาคือเสื้อผ้าสำหรับสัตยาและของตนเองเพื่อผลัดเปลี่ยนในแต่ละวัน อาหารกล่องจากร้านสะดวกซื้อ เสื่อสำหรับปูนอน หมอน และเข็มกับด้ายสำหรับซ่อมแซมมุ้ง หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ปะชุนซ่อมแซมจนมุ้งขาดๆนั้นสามาถนำมาใช้งานได้แม้จะไม่สวยงามอย่างเดิมก็ตามที

หลังจากนั้นรักตปักษ์ก็เข้าไปในเมืองอีก ครั้งนี้ชายหนุ่มซื้อเตาถ่าน ถ่าน หม้อ ข้าวสวย และเครื่องปรุงต่างๆอย่างละเล็กละน้อย ซึ่งรวมๆแล้วก็ทำให้สัตยาทึ่งในเรี่ยวแรงมหาศาล แม้ว่ากว่าจะกลับมาถึง รักตปักษ์ก็เหงื่อไหลโทรม ทรุดลงนั่งทันทีที่จัดของเสร็จ

กระท่อมหลังนี้ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา เทียนไขและไม้ขีดไฟจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ใกล้กระท่อมนั้นมีบ่อน้ำอยู่แม้มันจะแห้งไปมากและเชือกก็เกือบจะขาดแล้ว รักตปักษ์จึงเพียงซื้อเชือกมาเปลี่ยนใหม่และใช้น้ำในบ่อเพื่อดื่มกินและปรุงอาหาร ส่วนหากจะอาบน้ำ ต้องเดินเข้าป่าไปอาบน้ำที่ทะลสาปของสัตยา ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำนี้ ทำให้รู้ซึ้งถึงความลำบากของยศและจันทร์วนาก่อนที่สัตยาจะเกิดได้เป็นอย่างดี

เมื่อจัดของเสร็จสิ้นในวันแรก รักตปักษ์ก็ปล่อยนกตัวหนึ่งออกไปพร้อมขนปีกของตัวเอง สัตยาไม่ได้ถามว่าทำไปเพื่ออะไร เพราะขณะนั้นชายหนุ่มชาวนาคกำลังสาละวนกับการจุดเตาถ่านเป็นครั้งแรกในชีวิต แม้ว่ามันจะไม่สำเร็จจนรักตปักษ์ต้องกลับมาจัดการก็ตาม

เพราะอาหารมื้อแรกเป็นข้าวในกล่องพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อที่เย็นแฉะไปแล้วเพราะระยะทางไกลกว่าจะมาถึง ทำให้สัตยาเริ่มคิดถึงอาหารอุ่นๆจากครัวฝีมือกิ่งแก้ว แต่น่าเสียดายที่ตอนอยู่บ้านอินทุกานต์นั้นเขาเจ็บหนักจนลิ้มรสอาหารไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าอินทุกานต์ทำอาหารอร่อยแค่ไหน ส่วนรักตปักษ์กลับกินอาหารจากกล่องพลาสติกได้อย่างสบาย เพราะเขาเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ซ่อมแซมบ้าน และซื้อของ อีกทั้งตอนเขาอยู่กรุงเทพ เขาก็ต้องฝากท้องกับเซเว่นอยู่บ่อยๆ นานๆครั้งจึงมีโอกาสได้ทำอาหารกินเอง

มื้อต่อๆมาเป็นการทำอาหารด้วยเตาถ่านและของที่รักตปักษ์ไปได้มาจากตลาดผสมกับของที่หาได้ในป่าแถวๆนั้น เช่นเนื้อกระรอก กระต่าย ปลา แต่อย่างน้อยรักตปักษ์ก็ไม่อุตริเอาแมลงมาปรุงอาหารให้สัตยากิน มิเช่นนั้นคงได้ทะเลาะกันยาว ถึงอย่างนั้น สิ่งที่สัตยาได้รู้ก็คือ รักตปักษ์มีฝีมือการทำอาหารที่ดีเยี่ยมทีเดียว นอกจากนี้ยังซักผ้า ถูบ้าน และทำงานอื่นๆได้โดยไม่ปริปากบ่น

จนถึงวันนี้ พวกเขาก็อยู่ด้วยกันมาห้าวันแล้ว รักตปักษ์จะนอนอยู่ข้างๆเขาในมุ้งเดียวกัน เสื่อผืนเดียวกัน บางครั้งก็ชอบหันมาเย้าแหย่บ้าง ลักกอด ลักหอม และบางครั้งก็ลักจูบ ซึ่งเมื่อทำก็มักจะไม่ได้นอนจนค่อนคืนเพราะสัตยาอาละวาดหนักจากความเขินอาย ถึงขั้นจะออกไปนอนข้างนอก ทำให้รักตปักษ์ต้องดึงมากอดเอาไว้แล้วค่อยๆง้อจนยอมสงบลง ซึ่งคืนที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น สัตยาจึงตื่นสายเพราะนอนไม่เต็มอิ่มและที่นี่ก็ไม่มีนาฬิกาปลุก แต่เมื่อดวงอาทิตย์เดินทางมาใกล้ถึงกลางฟ้า ความร้อนก็เป็นตัวปลุกกระตุ้นให้ตื่นได้อย่างดี สัตยาจึงลุกขึ้นเก็บมุ้งตลบไว้อย่างลวกๆ พับเสื่อไปทางหัว และเก็บหมอนซ้อนด้านบน ก่อนจะเดินออกมาทั้งที่ยังไม่ตื่นดี

ข้างนอกนั้น รักตปักษ์กำลังยืนรออะไรบางอย่างอยู่ และข้างๆก็มีหม้อข้าวที่หุงเสร็จแล้ว กับอาหารที่กำลังอยู่บนเตา กลิ่นหอมที่โชยเข้าจมูกทำให้ท้องของสัตยาส่งเสียงโครกครากอย่างรู้งาน

“ตื่นแล้วหรือ?” รักตปักษ์หันมาถามเมื่อได้ยินเสียงสัตยาก้าวออกมา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมมองหน้าเขาและหลบตาไปเฉยๆ บนพวงแก้วปรากฏรอยสีแดงจางๆ ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้กับความน่ารักนั้น

ตัวสัตยาเองก็นึกสงสัยอยู่ครามครัน ว่าทำไมระยะนี้จึงไม่สามารถจ้องมองตาของรักตปักษ์ตรงๆได้ เมื่อใดก็ตามที่เขารู้ว่าดวงตาสีอ่อนคู่นั้นกำลังจ้องมองอยู่ หัวใจก็มักจะเต้นไม่เป็นส่ำและรู้สึกร้อนวาบที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก สัตยาเดินเข้าไปในบ้าน หยิบอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำกับเสื้อผ้าและเดินไปที่ทะเลสาป จากนั้นจึงเดินกลับมาเมื่ออาบน้ำ ล้างหน้า และแปรงฟันเรียบร้อย แต่ตอนนั้นเองที่เขาเห็นนกตัวหนึ่งบินผ่านหน้าไป และโผเกาะมือของรักตปักษ์ที่ยืนรออยู่นั้น

“อะไรหรือ?” เขาถามก่อนจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ยังคงระดับสายตาไว้ที่บ่าของอีกฝ่าย ไม่กล้าที่จะมองสูงขึ้นไปกว่านั้น

“ข้าส่งข้อความไปหาตาของเจ้า เขาคงได้รับแล้ว” ชายหนุ่มผมแดงตอบแล้วเดินมาหาสัตยาจนชิด ทำให้อีกฝ่ายชะงักเท้าลงและยืนนิ่ง รักตปักษ์ทอดสายตามองคนตัวเล็กกว่าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเชยปลายคางมนขึ้นมาแล้วจูบหน้าผากเบาๆ เลือดริ้วแล่นปราดขึ้นสู่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว สัตยาทำตาโต อ้าปากเตรียมจะต่อว่า ก็กลับโดนแขนแกร่งช้อนเอวบางตวัดเข้าแนบชิด ตามด้วยริมฝีปากอุ่นที่ประทับลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว มืออีกข้างกดอยู่ที่หลังคอทำให้ไม่อาจหันหนีไปทางใดได้ มือสองข้างที่เป็นอิสระจึงทุบตีบ่ากว้างเป็นพัลวัน ขาที่เขย่งลอยจากพื้นก็แตะถีบหน้าแข้งของฝ่ายตรงข้ามไม่เบาแรง

รักตปักษ์จำต้องปล่อยมือในที่สุดเมื่ออาการประท้วงหนักขึ้น แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้สัตยาเป็นอิสระเสียทีเดียว เขากอดอีกฝ่ายแล้วซุกซบกับไหล่มนที่สวมเพียงเสื้อแขนกุดตัวบาง แกล้งขบกัดบนผิวขาวนั้นเบาๆจนโดนฝากรอยมือบนแผ่นหลังอีกรอย

“อีกไม่นาน ก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้อีกแล้วสินะ” ชายหนุ่มร่างสูงเปรยเบาๆ

“เจ้าพิศวาสอะไรนักหนา ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ?” สัตยาว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกร้อนบนใบหน้าไม่ยอมหาย รสจูบของรักตปักษ์ยังคลอเคล้าอยู่ตรงริมฝีปากและปลายลิ้นแม้ว่าเจ้าของจูบจะผละไปสัมผัสที่อื่นแล้วก็ตาม

“ก่อนหน้านี้กับตอนนี้ไม่เหมือนกัน” รักตปักษ์กล่าวก่อนจะดึงตัวสัตยาให้มองหน้า “หรือในความรู้สึกเจ้าจะยังเหมือนเดิม?”

สัตยานิ่งงันไปก่อนจะหลบตาไม่ยอมตอบคำถาม แพขนตาหนาปิดบังแววในดวงตาจากสายตาของผู้ที่จับจ้อง

“ข้าหิวแล้ว” ว่าจบ ชายหนุ่มร่างเล็กก็เดินไปหยิบชามข้าวที่วางคว่ำอยู่ใกล้ๆนั้นมาตระเตรียม โดยไม่ลืมหยิบทัพพีมาคดข้าวด้วย แต่ว่าหม้อยังร้อนอยู่ เมื่อจับลงไปโดยไม่ระวังก็โดนลวกเสียแดงซ้ำยังแสบร้อนจนชาหนึบ

“ระวังหน่อยสิ ผิวเจ้ายิ่งบางอยู่” รักตปักษ์เดินเข้ามาก่อนจะดึงมือของสัตยามาดู “อย่าให้โดนน้ำล่ะ ไม่อย่างนั้นมันจะพอง เดี๋ยวข้าไปหยิบยาให้” โชคดีที่เขารอบคอบพอจะซื้อยาสามัญประจำบ้านมาด้วยตอนที่เข้าไปในเมืองเมื่อเช้านี้เพื่อซื้อของสด แต่เขาไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้ ไม่นานนัก รักตปักษ์ก็กลับมาพร้อมยาทาบรรเทาอาการไฟลวกซึ่งเมื่อชะโลมบนปลายนิ้วพองแดง สัตยาก็สะดุ้งเพราะความเย็นของมัน

“ครุฑ....เจ้าดีกับข้าเพียงเพราะเจ้าอยากไถ่โทษเท่านั้นหรือ?” สัตยาเอ่ยถามขึ้นมาขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงกำลังพันผ้าบนปลายนิ้วช้ำนั้น

“ตอนแรกอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ตอนนี้.....” รักตปักษ์เว้นจังหวะไปก่อนจะมองสบดวงตาคู่สวย ทว่าเมื่อเห็นสัตยาหลบตาในทันทีเขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วยกมือขึ้นไล้แก้มใส “กินข้าวเถอะ เจ้าผอมลงขนาดนี้เดี๋ยวตาของเจ้าจะตกใจเสียเปล่าๆ” ว่าจบ รักตปักษ์ก็ลุกขึ้นไปจัดการกับสำรับอาหารแทนสัตยาที่เจ็บนิ้ว พร้อมทั้งนำมาวางตรงหน้าพร้อมกินได้ทันที

สัตยากินข้าวไปก็ใจไม่สงบ กลับเต้นแรงรัวจนเขาหายใจลำบาก ใบหน้าของสัตยาเต็มไปด้วยเลือดฝาด อยากจะหลบจากสายตาของอีกฝ่ายก็ไม่อาจทำได้ เขานึกถามตัวเองด้วยความสงสัย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ หรือว่าร่างกายเขาจะยังมีอะไรผิดปกติกันนะ?


---------------------------->
TBC
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 10-02-2011 12:41:45
อยากรู้ใครอยู่เบื้องหลัง  :serius2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 10-02-2011 12:53:23
หวานเหลือเกิน

แต่คนปริศนาคนนั้นเป็นใครนะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 10-02-2011 13:25:17
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด รักไรเตอร์สุดๆ มาอัพได้รวดเร็วทันใจมากๆ

ที่สำคัญตอนนี้หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 10-02-2011 14:01:37
สัตยาน่ารักขึ้นทุกวัน
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้เพราะนานๆจะได้อ่านเรื่องแนวนี้สักที
ขอบคุณไรเตอร์ :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-02-2011 14:20:08
ใครนะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องร้ายนี้

ทั้งนกทั้งงูเป็นสปายชั้นยอด :z2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 10-02-2011 15:02:44
มันเรียกว่าอาการเขินอาย และหวั่นไหวไงสัตยา 55555 รอการเปิดโปงคนชั่ว...
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 10-02-2011 15:03:13
มันเรียกว่าอาการเขินอาย และหวั่นไหวไงสัตยา 55555 รอการเปิดโปงคนชั่ว...
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 10-02-2011 15:13:40
หวานกันเหลือเกิ๊นนน  :-[ :-[
สภาพเหมือนหนีตามกันมาเลยเนาะ ข้าวใหม่ปลามัน แอบแต๊ะอั๋งน้องนาคด้วยเนี่ย
แต่อีกไม่นานเราก็จะได้รู้แล้วใช่มั้ยค่ะ ว่ามันเปนใคร น้องงูสายลับบริวารของนาคน้อยแน่ๆ เลย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 10-02-2011 15:27:28
 :-[ โอ๊ย หวานจัง สัตยาเขินได้น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dee-dee ที่ 10-02-2011 15:50:41
อ้างถึง
o13แค่เริ่มอ่านไม่นาน  ชักอยากจะเก็บแล้วอ่ะ
ขอจอง 1 ชุด  ขอทราบรายละเอียดด้วยค่ะ :impress2:

 :call:เห็นรายละเอียดแล้วค่ะ((ตอนแรกยังอ่านไม่ถึง  แต่ตัดสินใจจะเอา แหะๆๆ)) :z3:
จะรีบดำเนินการจ้า   :o12:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 10-02-2011 17:21:37
5555 ท่าทางคุณรักต์จะทนมือทนเท้าน่าดู โดนตุ๊บตั๊บตลอด อิอิ
สัตยาน่ารักได้อีก กรี๊ดดดด :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 10-02-2011 18:10:42
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหว้านหวาน ลองนึกภาพตามแล้ว  กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 10-02-2011 18:22:49
โอยน่ารัก.... หวานม๊ากกกก เลยล่ะค่ะ

สัตยาก็เขินได้รุนแรงซะ ถ้าคุณรักต์ไม่อึดจริงคงช้ำในตายล่ะ ฮ่าๆ


ปล. ส่งเมลล์โอนไปแล้วล่ะค่ะ
อยากรู้ว่า แล้วจะมีเมลล์แจ้งประมาณว่า "ได้รับเงินแล้ว" หรือ "เช็คเงินแล้ว" ไม่มีปัญหาแบบนี้มั้ยคะ
พอดีเราค่อนข้างไม่มั่นใจ ระแวงนิดนึงอ่ะ อยากได้ความสบายใจ
ขอบคุณค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-02-2011 18:30:06
 :L1:ดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 10-02-2011 18:46:12
หวาน น่ารัก เขินนนนน  :o8:
หวานๆไปก่อน ค่อยไปโหดทีหลังเนอะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-02-2011 19:13:31
กำลังสนุกเลย

กำลังจะรู้ตัวคนร้ายแล้ว
ถ้ารู้ตัวแล้วต้องเล่นงานให้หนัก ๆ  เลยนะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 10-02-2011 19:31:21
หวานระเบิดระเบ้ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: katook ที่ 10-02-2011 19:32:46
ชอบ....จบ ป่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 10-02-2011 19:35:02
หวานไม่เกรงใจกันบ้างเลย :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 10-02-2011 19:51:28
แอบเดา คนร้ายคือ 'เชิดชัย'  :man1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 10-02-2011 19:54:40
แอร๊ยยยยยยย
อิชั้นเขิลแทนสัตยาที่สุดในสามโลกเลยค่ะ อร๊ายๆๆๆ  :-[ :-[ :-[

อิตาชช.แน่เลยที่เป็นตัวการ  :z6:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 10-02-2011 20:05:16
เปิดใจให้กันแล้ว น่ารักๆๆๆๆๆ
ว่าแต่คนไหนคือคนที่อยู่เบื้องหลังนะ แล้วเขารู้ว่าสัตยาคือนาคหรือถึงคอยฆ่างูส่งมาขู่
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 10-02-2011 20:08:24
นี่...ขนาดเพิ่งจะเริ่มเข้าใจกันและกัน ต่างฝ่าย ต่างเริ่มรู้สึกดี ๆ ให้กันมากขึ้น ยังหวานได้ขนาดนี้
แล้วถ้าได้เข้าขั้นบอกรักกัน มันจะหวานขนาดไหน?

หนูสัตยาก็อย่า "ซึน" นะลูก~ คุณรักต์เค้าออกจะพ่อศรีเรือน ถูบ้าน ซักผ้า ทำกับข้าว ได้หมด ไม่คว้าไว้ ไม่ได้แล้วล่ะ

ท่าทางคุณตาน่าจะรู้อะไรลึ ๆ เรื่องนาคกับครุฑ เพราะ แค่เห็นนกคาบขนปีกสีแดงมาก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว...
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 10-02-2011 20:24:10
โอยน่ารัก.... หวานม๊ากกกก เลยล่ะค่ะ

สัตยาก็เขินได้รุนแรงซะ ถ้าคุณรักต์ไม่อึดจริงคงช้ำในตายล่ะ ฮ่าๆ


ปล. ส่งเมลล์โอนไปแล้วล่ะค่ะ
อยากรู้ว่า แล้วจะมีเมลล์แจ้งประมาณว่า "ได้รับเงินแล้ว" หรือ "เช็คเงินแล้ว" ไม่มีปัญหาแบบนี้มั้ยคะ
พอดีเราค่อนข้างไม่มั่นใจ ระแวงนิดนึงอ่ะ อยากได้ความสบายใจ
ขอบคุณค่ะ  :L2:


ถ้ามีเมลล์แจ้งกลับไปว่า "ยืนยันเรียบร้อย" ก็แสดงว่าเช็คแล้วค่ะ ถ้าผ่านไป 2 วันยังไม่ตอบควรส่งใหม่ค่ะ เพราะบางทีเมลล์ชอบตกหายกลางทาง= =" (ฮอทเมลล์เริ่มทำตัวเหมือนไปรษณีย์ไทย)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 10-02-2011 20:34:36
 :laugh:

หวานเต็มที่เลยอ่ะตอนนี้

ช๊อบชอบ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 10-02-2011 22:19:06
สัตยา น่ารักที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :impress2: :-[ :o8:




ใครอยู่เบื้องหลังนะ   :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 11-02-2011 00:09:44
พ่อนาคสุดสวยไม่คยรักใครเหรอจ๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 11-02-2011 05:38:10
สัตยา
เธอช่างน่ารักอะไรเยี่ยงนี้กันเล่าจ๊ะ  :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 11-02-2011 06:44:18
หวานซึ้งง ง

๕๕

รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 11-02-2011 07:00:38
หวานจิงอะไรจิง อืมอืมไม่ขอเดาดีกว่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 11-02-2011 08:10:57
รอ ๆ รอสัตยา อธิฐานไว้ จะหวานสมใจเรารึเปล่าน้อ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: นางคุ้ม ที่ 11-02-2011 12:38:24
ดันค่ะ นาคีสาวตนนี้น่ารักน่าชังนะคะอิอิ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 11-02-2011 13:31:14
ในตอนเช้า รักตปักษ์ต้องเข้าไปในเมืองทุกวันเพื่อซื้อหาอาหาร ดังนั้น หากวันใดที่สัตยาตื่นเช้าและรักตปักษ์ยังไม่กลับมา เขาจะพบสำรับอาหารตั้งอยู่ในห้องและมีฝาชีครอบปิดกันแมลงและสัตว์อื่นๆ หลังจากสัตยาไปอาบน้ำเสร็จแล้วจึงกลับมากิน และต้องรออยู่คนเดียวเช่นนั้นจนกว่ารักตปักษ์จะกลับมาตอนใกล้เที่ยง ช่วงเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีอะไรทำ เพราะแทบจะทำอะไรไม่เป็นนั้น สัตยาก็มักจะนึกถึงเวลาที่ผ่านมา ทั้งก่อนหน้าและหลังจากที่เจอกับรักตปักษ์

ตั้งแต่เด็กจนโต เขาถูกฟูมฟักเลี้ยงดูด้วยความรักจากพงษ์ศักดิ์ ยศ และจันทร์วนา รวมทั้งคนอื่นๆในบ้านชลวรินทร์ เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดฝันไว้เลยในตอนที่ตั้งใจจะมาเกิดในครรภ์ของหญิงชาวมนุษย์ ถึงอย่างนั้น ทั้งที่เขาไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ ไม่ใช้แม้กระทั่งสายเลือดเดียวกัน พงษ์ศักดิ์ก็ยังรักและเอ็นดูอยู่เสมอ ส่งเสียให้เล่าเรียน มีงานให้ทำเป็นหลักเป็นฐาน ตั้งใจจะยกทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านชลวรินทร์ให้กับเขา ซึ่งสัตยาเองก็ไม่นึกแปลกใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นนาค ทุกๆคนจึงรักและทนุถนอมเขาประหนึ่งเด็กน้อยซึ่งเป็นคุณชายของบ้านชลวรินทร์จริงๆ ถึงอย่างนั้น สัตยาก็นึกสงสัยขึ้นมาว่า หากทุกคนรู้ความจริงแล้ว เขาจะยังคงได้รับความรักเหมือนเดิมหรือไม่

หากว่าวันหนึ่งเขาต้องจากไป วันหนึ่งที่ทุกคนได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่สามารถสืบทอดสกุลให้ได้ ไม่สามารถดูแลกิจการและให้ทายาทสืบทอดได้ ไม่ใช่แท้กระทั่งมนุษย์เต็มคน ซ้ำยังมีจิตใจอันดำมืด คิดการทุกอย่างเพียงเพื่อแก้แค้นที่ไม่มีความผิด ในตอนนั้น ผู้ที่รักและเอ็นดูเขายิ่งกว่าใครๆจะยังคงรักเหมือนเดิมหรือเปล่า จะยังคงเรียกชื่อของเขาด้วยเสียงอ่อนโยนเช่นนั้นไหม...

แล้วยังรักตปักษ์ ที่ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าเขาคิดแค้นอย่างไร้เหตุผล ไม่รับฟังสิ่งที่ต้องการจะบอก ถึงอย่างนั้นก็ยังทำดีกับเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้กระทั่งเรื่องของจินก็ยังไม่ถือโกรธเคือง เมื่อต้องบาดเจ็บเกือบตายเพราะเขา ก็ยังไม่ยอมดูดายปล่อยให้เขาได้รับกรรมที่ก่อด้วยตัวเอง กลับพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่และพาเขามาจนถึงที่แห่งนี้

ตอนที่ได้รับบาดเจ็บนั้น สัตยาไม่ได้นึกถึงอนาคตเลยแม้แต่ครั้งเดียว อาการของเขาหนักขึ้นทุกวันและทรมานแทบขาดใจ อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป ไม่คาดคิดเสียด้วยซ้ำว่ารักตปักษ์จะยอมช่วยเหลือ ตัวเขาในตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะได้กลับมาใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์อีกครั้ง อย่างน้อยถ้าโชคดีรอดตาย ก็คิดจะกลับไปใช้ชีวิตนาคอย่างสงบ ห่างไกลจากความวุ่นวายทุกๆสิ่ง ปล่อยให้ตัวตนของสัตยาเลือนหายไปจากความทรงจำของทุกคน และกลับไปเป็นรัตนกรพินธุ์อีกครั้ง

วินาทีที่สัตยาได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น เขารู้สึกว่าตนเองทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไป และไม่มีค่าให้รักตปักษ์มาทำดีด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วทำไม....รักตปักษ์จึงดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิม และพยายามแล้วมาชิดใกล้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังความรู้สึกของเขาที่เปลี่ยนไปนี้ มันหมายความว่าอะไรกันแน่....

นับจากวันที่มาถึงกระท่อมหลังนี้ เวลาก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนครบสิบวัน ซึ่งรักตปักษ์บอกไว้เมื่อวานนี้ก่อนจะนอนว่า วันพรุ่งนี้พวกเขาจะกลับกรุงเทพด้วยรถทัวร์ที่ฝ่ายนั้นไปจองเอาไว้เรียบร้อย ซึ่งจะถึงในตอนเช้าของมะรืน สัตยาจึงตั้งใจว่า หลังจากสะสางทุกอย่างจบแล้ว เขาจะเปิดเผยความจริงกับพงษ์ศักดิ์ ยศ และจันทร์วนา ถึงแม้ว่าจะได้รับการตอบกลับมาอย่างไรก็ตาม


----------------------------->


อีกวันเดียวจะครบกำหนดเวลา กฤตนันท์โลดเต้นขณะยืนมองปฏิทินในห้องพักของตัวเอง ตามที่ตกลง หากครบสองอาทิตย์แล้วสัตยายังไม่กลับมา คนที่เขาติดต่อด้วยอยู่นั้นมีสิทธิมากที่สุดที่จะได้รับมอบอำนาจ และอาจได้รับมอบการโอนหุ้นก้อนใหญ่หลังจากมีผลงานน่าพอใจ ซึ่งกฤตนันท์จะได้รับส่วนแบ่งตามสัญญาแต่แรกเสียที คราวนี้เขาจะได้นั่งกินนอนกินสุขสบาย ซ้ำยังนำอำนาจส่วนหนึ่งในเครือชลวรินทร์ไปหาประโยชน์ได้อีกมาก

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ กฤตนันท์ยังเชื่อสนิทใจว่าสัตยาได้ตายไปแล้ว เพราะเขาลองให้คนสำรวจดู พบว่าตรงจุดใต้โขดหินนั้นเป็นแอ่งลึกลงไปและมีคนเผลอจมลงไปตายหลายรายแล้วด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อสัตยากระโดดลงไป นั่นหมายความว่ามีโอกาสตายสูงมาก ทั้งความสูงที่กระโดดลงมา ความแรงของคลื่นที่ซัดกระแทกหิน และแอ่งลึกที่เจ้าตัวไม่รู้ว่ามีอยู่ เมื่อสัตยาตกลงไปในน้ำ คลื่นจะโถมใส่จนยากที่จะลอยตัวขึ้น และซัดเข้ากระแทกหิน หากว่าหมดสติก็จะจมลงไปในแอ่งทันที ซึ่งยืนยันได้จากการที่ไม่มีใครพบศพของทั้งสองคน แต่กฤตนันท์หารู้ไม่ ว่าแอ่งลึกนั้นแท้จริงแล้วคือทางเข้าสู่ถ้ำของอินทุกานต์ เมื่อสัตยาและรักตปักษ์จมลงไป อินทุกานต์จึงสามารถช่วยไว้ได้อย่างทันท่วงที

ขณะที่กฤตนันท์เฝ้ารอเวลาอย่างใจจดใจจ่อนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“ไง ความกังวลของแกมันไม่เป็นผลว่ะ ป่านนี้ลูกน้องข้ายังไม่เห็นเงาสองตัวนั่นเลย” กฤตนันท์เอ่ยทักทายเสียงหยัน

“อย่าเพิ่งดีใจไป กฤตนันท์ ยังเหลือเวลาอีกวันหนึ่ง พวกมันอาจเล็งจังหวะมาเอาวันสุดท้ายที่พวกเรามัวแต่ประมาทก็ได้” อีกฝ่ายเตือนเสียงเข้ม เขาเกรงว่าความชะล่าใจของกฤตนันท์จะทำให้ต้องเสียงานที่สู้อุตส่าห์วางแผนมาหลายปี

“แกมัวแต่ระแวงอย่างงี้น่ะสิ ถึงทำให้ข้าจะประสาทกินไปด้วย” มาเฟียหนุ่มว่า ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงของตกลงมา เมื่อเขาหันมองก็พบว่าเพียงแค่ขวดเหล้ากลิ้งล้มบนโต๊ะ แต่....หากไม่มีใครไปแตะ แล้วขวดเหล้ากลิ้งล้มได้อย่างไร?

“เป็นอะไรไป?” เสียงทางฝั่งกฤตนันท์แว่วเข้ามาในโทรศัพท์บวกกับความเงียบจนผิดสังเกต ทำให้ชายอีกคนนึกสงสัย

“เปล่า ไม่มีอะไร” กฤตนันท์ตอบแล้วเดินไปหยิบขวดเหล้าวางเหมือนเดิม สายตาของเขาส่ายส่องไปรอบห้องและเขม่นมองบริเวณที่เป็นมุมมืดหรือมุมอับ เท้าสองข้างพาร่างขยับไปยังมุมหนึ่งของห้อง พิงแผ่นหลังกับผนังเย็นชืดจากลมของเครื่องปรับอากาศ มือข้างที่ว่างล้วงหยิบปืนพกออกมาถือไว้และขึ้นนกเตรียมพร้อม โดยไม่ยิงออกไปพร่ำเพรื่อเพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่ามีใครหรืออะไรอยู่ในห้องกันแน่

“ยังไงก็ตาม ฉันต้องการให้แกจับตาดูไปก่อน เข้าใจไหม?”

“รู้แล้ว แกก็รอรับลาภลอยให้ดีๆแล้วกัน เดี๋ยวจะหัวใจวายไปซะก่อน” ปากว่าไป ปืนก็สอดส่ายไปรอบๆ ทว่า กฤตนันท์ก็รู้สึกเหมือนขาของเขาสัมผัสกับอะไรบางอย่าง เมื่อก้มลงมองก็เกือบร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่ามีงูตัวหนึ่งกำลังเลื้อยพันขา เขาสบถด่าออกมาชุดใหญ่แล้วสบัดขาเต็มแรงให้งูหลุดออกไป ก่อนจะยิงปืนไปหนึ่งนัดหมายจะฆ่างูตัวนั้น แต่กลับไม่โดน ทำให้งูที่ถูกปองร้ายเลื้อยหายเข้าไปใต้โซฟา

“มีอะไรน่ะ! นี่แกทำอะไรอยู่กันแน่?” ปลายสายที่ตกใจกับเสียงด่าและเสียงปืนถามเสียงลั่น

“มีงูเข้ามาในห้องว่ะ ไม่รู้แม่งมุดมาซอกไหน” กฤตนันท์พูดไปก็หยิบไม้กระบองมาเคาะรอบๆโซฟาเพื่อไล่งูตัวนั้นออกมา แต่แล้ว ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังก้มๆเงยๆพยายามไล่งูเจ้าปัญหาอยู่นั้น รอบข้างเขาก็ปรากฏดวงตานับสิบคู่แวววาวในความมืด ก่อนที่เจ้าของดวงตาเหล่านั้นจะเลื้อยออกมาจากซอกมุมอย่างเงียบเชียบทีละตัว ตัวหนึ่งเลื้อยผ่านเท้า อีกตัวเลื้อยขึ้นไปบนโต๊ะ และมีตัวหนึ่งที่พันตัวเองอยู่กับโคมไฟทิ้งตัวลงมาตกลงบนบ่าของกฤตนันท์อย่างพอดิบพอดี มาเฟียหนุ่มร้องเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อหันไปเห็นงูกำลังอ้าปากกว้างโชว์เขี้ยวขาวพร้อมพิษร้ายไหลเยิ้ม

กระบอกปืนสีดำตวัดตบงูตัวนั้นหล่นลงไปบนพื้น ก่อนที่กฤตนันท์จะได้เห็นว่าตนกำลังถูกงูล้อมกรอบ พวกมันจ้องมองอย่างดุร้าย ชูคอส่ายไปมาและเลื้อยเข้าหาอย่างพร้อมเพรียง กฤตนันท์ลั่นไกใส่งูตัวหนึ่ง แต่กลับพลาดเพราะมันไหวหลบได้ทันท่วงที ซ้ำยังหันกลับมาขู่ฟ่อใส่อย่างโกรธเกรี้ยว

กฤตนันท์โดนฝูงงูต้อนไปถึงโซฟา ก่อนจะเสียหลักล้มลงทำให้มือถือหลุดจากมือตกลงไปบนพื้น เสียงร้องถามจากปลายสายดังออกมาจากโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง

งูตัวหนึ่งที่เลื้อยครองโซฟาอยู่ก่อนแล้วตวัดตัวรัดแขนที่ถือปืน อีกตัวหนึ่งพุ่งใส่รัดลำคอ ธรรมชาติของงูสร้างให้พวกมันมีกำลังมหาศาลที่จะรัดเหยื่อให้ตายก่อนกิน งูตัวแรกนั้นจึงออกแรงรัดลำตัวจนแขนของกฤตนันท์ชาดิกไม่มีแรงจับปืน จำต้องปล่อยให้อาวุธป้องกันตัวตกลงไปบนพื้น และมีงูตัวหนึ่งรู้งาน มันรัดพันปืนกระบอกนั้นเลื้อยจากไปอีกทาง

“แม่งเอ๊ย! มาจากไหนกันวะ....” กฤตนันท์กัดฟันกรอด พยายามดึงตัวที่รัดคอออกเพราะมันกำลังรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขาสงสัยว่าพวกมันต้องได้รับการฝึกมาอย่างดี เพราะทั้งที่เป็นงูพิษ กลับไม่แสดงพฤติกรรมของงูพิษที่จะกัดฉกเหยื่อเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังอยู่รวมกันเป็นฝูงทั้งที่ความจริงแล้วงูเป็นสัตว์ที่ต่างคนต่างอยู่และหวงอาณาเขต

ในขณะที่เขากำลังดิ้นรนสู้กับงูอยู่นั้น ก็มีเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังขึ้นก่อนที่ร่างเงาหนึ่งจะก้าวออกมาจากมุมมืดของห้อง ใบหน้ารูปไข่ จมูกรั้น และสีหน้าเย็นชานั้นกระตุ้นเตือนความทรงจำของกฤตนันท์ได้เป็นอย่างดี เขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“แก....สัตยา! แกเล่นกลอะไรวะ!” เขาตะคอกใส่

“คุณไม่ชอบลูกหลานของผมหรือครับ?” สัตยากล่าวเสียงเย็นเยียบ “ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นลูกของพี่น้องผมต่างหาก เพราะผมยังไม่เคยมีลูกสักตัว” เขาว่าแล้วก็ก้มลงวางมือใกล้พื้น มีงูตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาพันแขนอย่างว่าง่าย และนิ่งอยู่เช่นนั้นในตอนที่สัตยายกมือขึ้นมา มันคลอเคลียกับแก้มเนียนอย่างรักใคร่ และขดตัวพันรอบแขนอย่างอ่อนโยน

“แกเลี้ยงพวกมันไว้หรือไง!? บอกให้พวกมันปล่อยเดี๋ยวนี้นะเว้ย!” กฤตนันท์ออกแรงดึงงูออกจากลำคออย่างยากลำบาก ซ้ำงูหลายตัวยังเลื้อยขึ้นมาบนขาและลำตัว

“ลำพังผมคงจะสั่งอย่างนั้นได้ หากว่าคุณไม่ก่อความแค้นไว้ก่อน” สัตยากล่าวพร้อมเดินเข้ามาใกล้ “จำได้ไหม คุณกฤตนันท์ ซากงูที่บ้านของผมนั่นน่ะ คุณรู้ไหมว่าพวกเขาโกรธแค้นแค่ไหนที่พี่น้องถูกทารุณกรรมโดยไม่มีความผิด”

“อ...อะไรนะ ไอ้พวกบ้าไร้สมองเอ๊ย!” มาฟียหนุ่มตกตะลึงพรึงเพริด เขาคิดว่ากำชับให้ลูกน้องจัดการอย่างแนบเนียน แต่ที่ไหนได้ กลับไปให้เขาจับได้เสียอย่างนั้น

“ไม่ต้องโกรธลูกน้องคุณหรอกครับ พวกเขาทำงานได้ดีเยี่ยมอย่างน่าชมเชย แต่เด็กพวกนี้ไปเห็นเข้าเท่านั้นเอง” นาคจำแลงว่าแล้วจึงเท้าแขนลงกับพนักโซฟา คร่อมเหนือร่างของมาเฟียที่ถูกงูพันธนาการ “คุณรู้อะไรไหม....คุณกฤตนันท์ ถ้าเพียงแต่คุณทำตามข้อตกลงอย่างซื่อสัตย์ และไม่ตุกติกกับผม เราคงจะตกลงธุรกิจร่วมกันได้” ระหว่างที่พูดนั้น ดวงตาของสัตยาก็พลันเปล่งแสงเรืองเรื่อเป็นสีแดงสดราวกับทับทิมเม็ดงาม เกล็ดสีมรกตปรากฏขึ้นบนใบหน้า และเขี้ยวค่อยๆงอกยาวออกมา กฤตนันท์มองภาพนั้นอย่างหวาดผวา เขาเบิกตากว้างอ้าปากพะงาบๆแต่ไม่มีเสียงออกมา

“ก....ก....แกเป็นตัวอะไรกันแน่!” เขาแค่นเสียงออกมาได้ในที่สุด

“เป็นสิ่งที่คุณจะต้องจดจำไปจนถึงชาติหน้า ว่าอย่าได้ทำให้โกรธแค้นอย่างเด็ดขาด เพราะอสรพิษคือสัตว์ที่มีแรงอาฆาตมากที่สุด” ว่าแล้วสัตยาก็ผละออกไป ทันใดนั้น ก่อนที่กฤตนันท์จะได้พูดอะไรต่อไป เสียงกระดูกลั่นกร๊อบก็แทงเข้าไปในรูหู สายตาของเขาเหลือบไปเห็นกระดูกข้อมือตัวเองที่แตกหักจากแรงรัดของงูตัวเดิม ก่อนที่จะดังตามมาอีกหลายครั้งจากกระดูกท่อนขาจนบิดผิดรูป กฤตนันท์อ้าปากเปล่งเสียงร้อง และในเสี้ยวินาทีนั้น งูตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าไปฝังเขี้ยวลงบนปากที่อ้าค้างนั้นฉีดพิษเข้าไปจนเต็มสูบ พิษที่ฉีดออกมาจากเขี้ยวไหลเข้าไปในปากและกลืนลงคอ งูที่รัดคออยู่นั้นก็แผ่พังพานและฝังเขี้ยวเข้าไปอย่างรู้งาน

พิษของงูชนิดร้ายกาจสองชนิดคือจงอางและงูเห่าแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก ร่างของกฤตนันท์ก็ชาดิก ริมฝีปากดำคล้ำ ลิ้นแข็ง และน้ำลายฟูมปาก

สัตยามองดูร่างนั้นสิ้นลมอย่างทรมาน ก่อนจะเดินไปยังโทรศัพท์มือถือที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อชายผู้โชคร้าย เขายืดตัวตรงยกขึ้นมาแนบหูและสูดหายใจเล็กน้อย ก่อนกรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณยังจำเสียงของผมได้ไหม คุณเชิดชัย...”

ทันทีที่ชื่อนั้นถูกเอ่ยอ้างถึงและเสียงที่กล่าวนั้นก็คุ้นจนน่าใจหาย เสียงของอีกฝั่งก็เงียบไปก่อนจะพูดตะกุกตะกัก
“ค....คุณสัตยา....”

“ขอโทษด้วยนะครับที่กลับมาช้า รบกวนคุณไว้เสียมาก” สัตยาว่าต่อไปด้วยน้ำเสียงโทนปกติทว่าแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบที่วาบจนถึงกระดูกสันหลัง “ผมรู้สึกเสียใจและอยากขอบคุณคุณมาก ผมจึงส่งของขวัญไปให้ชิ้นหนึ่ง ไม่ทราบว่าคุณได้รับหรือยัง?”

“ของขวัญ....ของขวัญอะไร...” ตอนที่ถามนั้น เชิดชัยก็พลันได้ยินเสียงหน้าต่างถูกเปิดออก เขาเหลือบสายตาหันไปมองอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกาะอยู่บนวงกบหน้าต่าง

ใบหน้าคมเข้มที่เขารู้จักดีกำลังแสยะยิ้มเย็น ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายสีโลหิต และบนแผ่นหลังกว้างนั้นประดับด้วยปีกกว้างสีแดงสดราวกับสีพระเพลิง ปีกนั้นบดบังแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์จนภายในห้องนั้นตกอยู่ในความมืดอันน่าสะพรึง เชิดชัยตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยประสบ และกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อเสียงสุดท้ายในโทรศัพท์กล่าว....

“คุณเห็นแล้วสินะครับ นกสีแดงของผม....”

และแล้ว....สายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป.....


------------------------------>


“เจ้านี่โหดร้ายจริง เล่นเสียศพอนาถขนาดนั้น” รักตปักษ์กล่าวเมื่อขี่มอเตอร์ไซด์มารับสัตยาที่ห้องของกฤตนันท์ เขาจอดอย่างนุ่มนวลแล้วลอบมองเข้าไปในห้องที่งูทั้งหลายกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน

“เจ้าสิใจดีเกินไป ทำไมไม่ฆ่าเชิดชัยซะ” สัตยาบ่นอุบแล้วเดินไปซ้อนหลังมอเตอร์ไซด์คันเก่งที่รักตปักษ์ไปขโมยมาจากบ้านของเขา ชายหนุ่มโอบแขนรอบเอวอีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆ ไม่โอบแน่นด้วยเกรงจะตกรถอย่างเคย

“หากเจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็น เจ้าจะรู้ว่าปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปจะดีกว่า” ชายหนุ่มผมแดงหัวเราะแล้วเอี้ยวตัวมองสัตยา “กลับบ้านเลยไหม?”

“ไม่.....ไปหาคุณตาก่อน” สัตยากล่าวเสียงแผ่ว สีหน้าของเขาดูกังวล รักตปักษ์จึงหันมาดึงสัตยาเข้าไปกอดเอาไว้

“ข้าจะอยู่กับเจ้า” เขาว่า

“เจ้าเองก็เถอะ เลิกทำดีกับข้าได้แล้ว ข้าเลิกโกรธแค้นเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?” สัตยาดันตัวออกมาพลางก้มหน้าเขินอาย ทำให้รักตปักษ์พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ดูเหมือนตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา สัตยาจะตั้งหน้าตั้งตาจำศีลอย่างเดียวจริงๆ ถึงได้รู้อะไรยากเย็นเช่นนี้ ไม่สมอายุเอาเสียเลย ตอนพูดก็ไม่ยอมฟัง พอแสดงออกก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้รักตปักษ์ไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมก่อนหน้านี้สัตยาถึงได้แค้นเขามานานนัก ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับใครเขาสักอย่าง

“เจ้าช่างรู้สึกช้าจริง” รักตปักษ์บ่นอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะหันกลับไปสตาร์ทเครื่องเตรียมออกตัว สัตยาจึงกระชับแขนแน่นขึ้นอีกนิด

รักตปักษ์ขับไปตามทางเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้ก็หมดเวลาเยี่ยมไปแล้ว ถึงจะไปเร็วกว่านี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร และถนนในกรุงเทพที่แออัดก็พาลให้นึกถึงบ้านของอินทุกานต์ขึ้นมา ที่นั่นอากาศสะอาดบริสุทธิ์ ถนนหนทางก็ไม่มี จะไปไหนก็ต้องเดินเท้า กระนั้นชาวบ้านก็ดูผ่องใส มีชีวิตเรียบง่ายไม่รีบร้อน ต่างจากกรุงเทพที่ต้องรีบเร่งตลอดเวลา

“น่าเสียดายนะ” ชายหนุ่มผมแดงเปรย

“อะไรหรือ?”

“บ้านของเจ้าอินทุกานต์น่ะสิ ต่างจากที่นี่อย่างฟ้ากับเหว เจ้ากลับบาดเจ็บสาหัสจนลุกขึ้นมาไม่ได้ ที่นั่นน่ะ เห็นท้องฟ้าชัดกว่าที่นี่เสียอีก” รักตปักษ์ว่าแล้วเหลือบตามองท้องฟ้าของกรุงเทพที่เต็มไปด้วยควันจนเห็นฟ้าเป็นสีมัว

“ทะเลสาปของข้าก็เห็นท้องฟ้าชัด” สัตยากล่าวก่อนจะซบลงบนแผ่นหลังของอีกฝ่าย เขานึกถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันในกระท่อมหลังนั้นขึ้นมา ตอนกลางคืน พวกเขาจะนั่งมองดาวด้วยกันและพูดคุยกันอย่างต่อหลายอย่าง แม้ส่วนมากแล้วรักตปักษ์จะเป็นคนเริ่มเรื่องก็ตาม ท้องฟ้าของที่นั่น กระจ่างใสและสวยงาม เห็นดวงดาวชัดเจนราวกับคว้าจับได้ ทว่าสัตยากลับได้เห็นสิ่งที่เปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าหมู่ดาวบนฟากฟ้า นั่นคือชั่ววินาทีที่เขาสบเข้ากับดวงตาสีอ่อนคู่งามนั้น

“น่าเสียดายนะที่ต้องทิ้งของไว้ที่นั่นทั้งหมด” รักตปักษ์พูดถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อไว้สำหรับดำรงชีวิต พวกเขาเอากลับมาได้แค่เสื้อผ้าเท่านั้น เพราะของอย่างอื่นเกะกะสำหรับการเดินทาง ยิ่งขึ้นรถทัวร์เพื่อมาลงที่กรุงเทพแล้วต้องหลบซ่อนจนถึงค่ำด้วยแล้ว

“เขียนใบเสร็จส่งไปที่บริษัทสิ” นาคจำแลงกล่าวด้วยความหมั่นไส้

“ไม่เอาหรอก ให้เจ้าติดหนี้ข้าอย่างนี้ดีกว่า จะได้ไม่แอบหนีหนี้ไปเฉยๆ” ชายหนุ่มร่างสูงว่าพลางหัวเราะเมื่อหลังของเขาถูกทุบปึกโดยมือของคนขี้โมโห

ไม่นานนัก รถมอเตอร์ไซด์ก็จอดลงข้างกำแพงโรงพยาบาล เพราะประตูรั้วโรงพยาบาลปิดไปแล้ว ทั้งยังมียามคอยดูแล

รักตปักษ์ดับเครื่อง หย่อนกุญแจลงในกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นมือมาหาสัตยาที่กำลังยืนมองว่าจะเข้าไปทางไหน เมื่อสัตยาตอบรับมือด้วยความสงสัย ร่างบอบบางนั้นก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดและช้อนตัวขึ้นอุ้ม ครั้นจะร้องห้ามก็ไม่ได้เพราะเสียงจะทำให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร สัตยาจึงทำได้เพียงถลึงตามองเมื่อรักตปักษ์ยิ้มสมใจแล้วกางปีกออกเพื่อโผบินขึ้นและข้ามกำแพงสูงอย่างง่ายดาย

พวกเขาลัดเลาะไปตามเงามืด ป้องกันการถูกจับข้อหาบุกรุกสถานที่ ประตูตึกของโรงพยาบาลไม่ได้ล็อค เพราะหมอและพยาบาลที่อยู่เวรต้องเดินเข้าออก พวกเขามองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีคนแล้วจึงเดินเข้าไป

บรรยากาศในโรงพยาบาลหลังหมดเวลาเยี่ยมต่างจากก่อนหมดเวลาอย่างลิบลับ ทั้งเงียบเหงา วังเวง มืดมิด สงัด และไร้ผู้คน ไม่น่าแปลกใจเลยหากจะมีเรื่องสยองขวัญของโรงพยาบาลผ่านหูผู้คนหลากหลายเรื่องราวได้ตลอดเวลา

สัตยาและรักตปักษ์จำต้องหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์เพื่อป้องกันการถูกเจอตัวโดยบังเอิญ จึงเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปยังชั้นที่พงษ์ศักดิ์นอนอยู่ สัตยาไม่รู้เลขห้อง แต่รักตปักษ์รู้จากปากนกน้อยที่เป็นตัวแทนส่งสาร ชายหนุ่มร่างสูงจึงเป็นคนนำมาจนถึงที่ พวกเขาเปิดประตูอย่างเบามือ เห็นพงษ์ศักดิ์นอนหลับอยู่บนเตียงโดยไม่มีสายน้ำเกลือหรือเครื่องช่วยหายใจสัตยาก็ถอนหายใจออกมา เพราะแสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาเดินเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วประคองมือเหี่ยวย่นตามวัยนั้นขึ้นมากุมเบาๆ

“กลับมาช้าเชียวนะ เจ้ายา” เสียงของพงษ์ศักดิ์ดังขึ้นก่อนจะเปิดตาขึ้นมา

“คุณตา....” สัตยายิ้มให้ “ขอโทษนะครับ ที่ทำให้เป็นห่วง”

“เอ้อ เอาเถอะ” พงษ์ศักดิ์ยกมือลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู แล้วมองเลยไปยังรักตปักษ์ “รบกวนคุณรักต์ไว้เยอะเลยนะ ต้องขอบคุณจริงๆที่ดูแลเจ้ายามันให้ แล้วก็นี่...ขอบคุณนะที่คุณรักต์อุตส่าห์ส่งมา ไม่อย่างนั้นฉันคงตัดสินใจผิดพลาดลงไปแล้ว” ชายชราหันไปหยิบขนนกสีแดงขึ้นมาวางบนฝ่ามือ สัตยาจึงมุ่นคิ้ว มองหน้าพงษ์ศักดิ์สลับกันรักตปักษ์

“ทำไมคุณตาถึงทราบว่าขนนกนี่เป็นของคุณรักต์ล่ะครับ?” สัตยาถามด้วยความสนเท่ห์

“เอ้า ทำไมจะไม่รู้ ก็คุณรักต์แกเป็นครุฑไม่ใช่หรือ?” เมื่อพงษ์ศักดิ์เฉลยความออกมาอย่างนั้น สัตยาก็เบิกตากว้าง หันไปคาดคั้นคำตอบจากคนต้นเรื่องทันที
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 11-02-2011 13:31:51
“มันหมายความว่ายังไงกันแน่ เล่ามาให้หมดนะครับ คุณรักต์” ดวงตาสีดำจ้องมองอย่างเอาเรื่อง ทำให้รักตปักษ์นึกถึงตอนเจอกันครั้งแรกขึ้นมา

“หลานจะไปว่าคุณรักต์ทำไม เขาทำไปก็หวังดีทั้งนั้น” พงษ์ศักดิ์แก้ต่างให้ “ตอนที่เจอหลานวันแรกน่ะ คุณรักต์แกก็มาที่บ้านแล้วเล่าทุกอย่างให้ตาฟัง ตาถึงได้รู้ความจริง แล้วคุณรักต์เองก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายและยังบอกว่าจะปกป้องดูแลหลานอย่างดี ตาถึงได้อยากให้หลานไปไหนมาไหนกับคุณรักต์ไง เจ้ายา”

“หมายความว่า....คุณตารู้ว่าผม....”

“รู้น่ะสิ แต่ตาโกรธหลานนะ เจ้ายา ที่ไม่ยอมบอกความจริง” ชายชราทำเสียงดุ

“ขอโทษครับ....ผมไม่รู้ว่าจะบอกยังไง ผมกลัวว่าคุณตาจะกลัวและเกลียดที่ผมไม่เหมือนคนอื่นๆ” สัตยาก้มหน้าอย่างสำนึกผิด รักตปักษ์จึงเดินมานั่งข้างๆแล้วจับมือมากุมไว้ ในขณะที่พงษ์ศักดิ์ลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนและรักใคร่

“ใครจะไปโกรธไปกลัวหลาน หือ? เจ้ายา หลานน่ะทำทุกอย่างเพื่อให้ตาดีใจอยู่เสมอ ทั้งยังพยายามมากกว่าคนอื่นๆ ตาจะไปโกรธไปเกลียดลงได้ยังไง?” ชายชราถอนหายใจ “แต่หลานควรจะไปบอกพ่อแม่หลานด้วยนะ ป่านนี้นายยศกับจันทร์วนายังเสียใจเรื่องหลานอยู่เลย เห็นจันทร์วนาร้องห่มร้องไห้ขนาดนั้น ตาก็ใจไม่ดีเหมือนกัน กลัวมันจะร้องไห้จนขาดใจตายซะก่อน นายยศก็ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนแม่หลานหลายวันแล้ว ถึงนายพินิจ เจ้านายนายยศเขาเข้าใจ แต่มันก็ไม่ดีถ้างานไม่เป็นงานแบบนี้ หลานก็ไปพบพ่อกับแม่เขา ให้เขาสบายใจหน่อยเถอะนะ”

“ผมคิดว่า พรุ่งนี้หลังจากจัดการเรื่องที่บริษัทเรียบร้อยแล้วผมจะไปครับ” สัตยาตอบและพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของรักตปักษ์ที่ตอนแรกเพียงแค่ปลอบ แต่ตอนนี้กลับยึดแน่นไม่ยอมปล่อยเสียอย่างนั้น พงษ์ศักดิ์เห็นก็ส่ายศีรษะนึกอยากให้สัตยาเป็นหลานสาวขึ้นมา

“พาคุณรักต์ไปด้วยล่ะ” พงษ์ศักดิ์ยังไม่วายย้ำให้สัตยาขุ่นใจ แต่ความขุ่นในครั้งนี้ไม่ได้มาจากความโกรธเคือง

“ผมจะดูแลคุณยาให้เองครับ” รักตปักษ์รับคำด้วยรอยยิ้ม

“เสร็จแล้วก็มาพาฉันออกไปด้วยแล้วกัน ฉันเบื่อจะนั่งๆนอนๆในโรงพยาบาลแล้ว” พงษ์ศักดิ์สั่งเป็นคำรบสุดท้าย ก่อนจะปรือตาหลับตา สัตยาและรักตปักษ์จึงพากันออกมาอย่างเงียบเชียบเหมือนเดิม ขณะที่กลับบ้านนั้น ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เมื่อรถจอดลงที่หน้าบ้าน สัตยาก็กลับพูดขึ้นมาก่อน

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า ว่าเล่าเรื่องนั้นให้คุณตาฟัง”

“เพราะตอนนั้น ข้าเห็นว่าเจ้ายังไม่พร้อมจะบอกความจริงกับใคร” รักตปักษ์ตอบแล้วยิ้มให้ “รีบเข้าบ้านนอนเสีย พรุ่งนี้เจ้ายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก” สิ้นประโยค รักตปักษ์ก็ขับรถออกไป สัตยายืนอยู่หน้าบ้านพักใหญ่กว่าที่นายพจน์คนสวนจะเดินตรวจตรามาถึง เขาเห็นเงาดำปรากฏอยู่หน้าประตูจึงสาดไฟฉายไปดู ก่อนจะผงะด้วยความตกใจและไม่ทันคาดคิด

“ค....คุณยา.....” นายพจน์เดินเข้ามาดูใกล้ๆเพื่อให้แน่ใจว่าตาไม่ฝาด “คุณยา....คุณยาจริงๆใช่ไหมครับนั่น!”

“ผมเอง นายพจน์ ช่วยเปิดประตูทีได้ไหม?” สัตยาตอบกลับไป เท่านั้นเองนายพจน์ก็ร้องแรกแหกกระเชิงวิ่งเข้าตัวบ้านไป เรียกคนรับใช้ตื่นกันทั้งบ้าน เดินออกมาดูให้เห็นกับตาว่านายพจน์พูดจริง ไม่ใช่นึกสนุกมากลั่นแกล้งให้คนเขาดีใจเล่น กิ่งแก้วที่ตอนแรกจะด่าสามีตัวเองเพราะเล่นไม่เข้าเรื่อง แต่เมื่อเห็นสัตยายืนอยู่หน้าประตูก็ปล่อยโฮออกมา รีบวิ่งไปคว้ากอดสัตยาจนตัวติดรั้วเหล็ก ร้องห่มร้องไห้ละล่ำละลักขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ จนคนรับใช้คนอื่นๆต้องมาดึงตัวออกไป แล้วนำกุญแจบ้านมาเปิดให้สัตยาเข้าทางประตูเล็ก ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเมื่อได้จับต้องสัตยาตัวเป็นๆอีกครั้ง

“โถ คุณยา คุณยาของกิ่ง ทำไมต้องไปตกระกำลำบากถึงขนาดนั้นด้วยนะ” กิ่งแก้วคร่ำครวญไปจัดที่หลับที่นอนไปหลังจากฟังสัตยาเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจบ “กิ่งอุตส่าห์เลี้ยงดูประคมประหงม ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม งานหนักสักกะผีกก็ไม่ให้แตะ”

“ยายพิมเป็นคนเลี้ยงไม่ใช่หรือกิ่ง?” สัตยาถามด้วยรอยยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อกิ่งแก้วค้อนขวับวงโต

“กิ่งก็ช่วยเลี้ยงเหมือนกันแหละค่ะ” เธอว่า “จริงสิคะ วันก่อนกิ่งเข้ามาจัดห้อง เจอของของคุณยาใต้เตียงด้วยค่ะ” หญิงสาวเดินไปหยิบกล่องบรรจุขนนกมายื่นให้

“หือ? กล่องนี้ผมไม่ได้เก็บไว้ใต้เตียงนี่” สัตยาทำหน้าสงสัย ซ้ำยังมีขนนกสีแดงอยู่ในกล่องอีก เขาไม่เคยเก็บขนนกของรักตปักษ์เอาไว้เลยไม่ใช่หรือ?

สัตยามุ่นคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้ว อยู่ๆรอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าสมรูปนั้น

ครุฑเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมักได้รับมอบหมายให้ปกปักษ์สิ่งสำคัญ จึงเป็นสัญลักษณ์ที่ธนาคารนำมาใช้ อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ เหรียญตราครุฑเป็นเหรียญที่คนเดินทางสมัยก่อนหลายคนนิยมพกติดกายเพื่อป้องกันอันตราย เห็นได้ชัดว่า รักตปักษ์คงจะนำขนของตนมาใส่ไว้ในกล่องและซ่อนไว้ใต้เตียงเพื่อป้องกันสัตยานำไปทิ้งและเพื่อจะปกป้องคุ้มครองผู้เป็นเจ้าของกล่องใบนี้

“คุณยา เป็นอะไรไปหรือคะ?” กิ่งแก้วถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายแอบยิ้มอยู่คนเดียว ทั้งที่สมัยก่อนเกลียดขนนกสีแดงเข้าไส้จนเห็นทีไรก็เอาไปทิ้งทุกทีแท้ๆ

“เปล่า ผมกำลังขำใครบางคนที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” สัตยาตอบเป็นนัยที่หญิงสาวไม่เข้าใจ จึงได้แต่ตั้งข้อสงสัยไว้โดยไม่อาจได้รับคำตอบ


------------------------------>


สถานที่ที่รักตปักษ์กลับไป คือสำนักงานของตัวเอง ในตอนแรกเขาคิดว่ามันจะถูกทิ้งร้างเอาไว้ แต่แล้วเมื่อก้าวเข้าไป ชายหนุ่มกลับพบว่าของทุกชิ้นยังอยู่ที่ของมันและได้รับการดูแลเอาใจใส่ ไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่น้อย เครื่องคอมพิวเตอร์ของสำนักงานยังเปิดทิ้งเอาไว้และบนหน้าจอนั้นปรากฏงานที่เขาไม่เคยผ่านตา มองไปที่โซฟาตัวเดียวในห้อง รักตปักษ์ก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นเด็กชายหญิงสองคนนั่งอิงกันหลับโดยใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันเพราะแอร์เป่าลงมาตรงนั้นพอดี

บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา มีถุงขนมปัง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งซองและถ้วยเปล่า กล่องนม ขวดน้ำ และของหลายอย่างที่หาได้จากเซเว่นกองรวมๆกัน บางอย่างก็หมดแล้ว บางอย่างก็ยังเหลืออยู่ มีถุงขยะวางอยู่ใกล้ตัวและเต็มไปด้วยซองขนมเปล่ากับขวดน้ำ

ชายหนุ่มพอจะเดาได้ว่า ระหว่างที่เขาหายตัวไป เด็กทั้งสองคงพยายามจะทำงานแทนอย่างดีที่สุดเพราะเชื่อว่าเขาจะกลับมา น่าเสียดายที่ถึงจินจะมีหัวทางการออกแบบ แต่ก็ไม่ถนัดงานอาร์ตเวิร์คแบบนิตยสาร งานที่เปิดทิ้งเอาไว้จึงดูรกตาและจัดหน้าแบบแปลกๆ

รักตปักษ์เดินเข้าไปจัดผ้าห่มให้ทั้งสองคน นำของที่หมดแล้วยัดลงถุงขยะ ส่วนของที่เหลือก็โยนเข้าตู้เย็น ก่อนจะนำถุงขยะเหล่านั้นไปทิ้งข้างนอก

เขากลับเข้ามาอีกครั้งก็ควานหาแว่นตาสำรองในโต๊ะทำงานมาสวม แล้วเดินไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ เริ่มทำงานที่เขาควรจะเป็นคนทำ เพราะเหลือเพียงอาทิตย์เดียวจะต้องออกนิตยสารแล้ว เขาพอจะสามารถคุยกับโรงพิมพ์ให้เร่งมือหน่อยได้หากเสร็จล่าช้า แต่ก็เฉพาะกรณีที่เขาสามารถทำให้ทางโรงพิมพ์เชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ได้....

เสียงเคาะคีย์บอร์ดและคลิกเมาส์อย่างเป็นจังหวะปลุกให้จินตื่นขึ้นมาด้วยความสงสัยว่าน้ำคิดอย่างไรจึงลุกขึ้นมาทำงาน แต่แล้วเขากลับพบว่าน้ำยังหลับพิงไหล่เขาอยู่ ไม่ได้ไปไหน จินจึงหยิบแว่นตามาสวม แล้วจ้องมองไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ ก่อนจะร้องจ๊ากลั่นห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อะไรของนายน่ะจิน!” น้ำฝนที่ถูกปลุกด้วยเสียงระดับโซปราโน่ข้างหูลุกขึ้นมาตวาดแหวทั้งที่ตายังลืมได้ครึ่งๆ

“ผีพี่รักต์! ผีพี่รักต์มาหลอกแล้ว!!! ขอโทษครับที่ผมทำงานไม่ทัน! พี่ไปที่ชอบๆเถอะ!” จินกอดหมอนปิดหน้าแล้วร้องไม่เป็นภาษา

“อะไรกัน จะมาแช่งให้พี่ตายซะแล้ว หักเงินเดือนซะดีไหม?” รักตปักษ์เดินมาเขย่าตัวจิน แต่เด็กหนุ่มกลับยิ่งถดกายถอยแล้วร้องลั่น ในขณะที่น้ำฝนหันมามองรักตปักษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เธอตื่นเต็มตาทันที รีบเข้าไปสำรวจชายหนุ่มเป็นการใหญ่

“พี่รักต์! พี่รักต์จริงๆใช่ไหมคะ!” น้ำฝนร้องออกมา “จิน! นี่พี่รักต์ไง ผีเผอที่ไหนกัน”

“อะไรนะ ม....ไม่ใช่ผีเหรอ?” จินโผล่หน้าออกมามองอย่างหวาดๆ น้ำฝนจึงเดินไปเปิดสวิทช์ไฟ เมื่อเห็นอะไรๆชัดขึ้น จินจึงหายผวาแล้วโผเข้ากอดรักตปักษ์ทันที “พี่รักต์จริงๆด้วย!”

“แล้วดึกขนาดนี้เราสองคนทำอะไรกันเนี่ย?” รักตปักษ์มองนาฬิกาแล้วหันมามองเด็กทั้งสองคน

“ก็พี่รักต์ไม่อยู่ งานก็เลยรวนไปหมด ฝนกับจินก็เลยไปหาข่าวกันเอง ตื้อพวกนักธุรกิจจอมหยิ่งพวกนั้นแทบแย่กว่าจะยอมให้สัมภาษณ์ โดนโยนออกมาก็ตั้งหลายที่ ฝนเพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าพอพี่รักต์ไม่อยู่แล้วจะทำงานลำบากขนาดนี้” น้ำฝนบ่นเป็นชุดด้วยความคับแค้นใจ เพราะตอนไปขอสัมภาษณ์นั้น โดนนักธุรกิจหลายคนไล่ออกมาด้วยเหตุผลว่าอาจเป็นเด็กอยากเรียกร้องความสนใจ “แถมกว่าจะได้ข่าวมาก็จะหมดเวลาแล้ว งานอาร์ตเวิร์คก็ต้องช่วยกันทำเพราะทำไม่เป็นสักคน จินพอจะครูพักลักจำได้บ้างจากตอนทำงานกับพี่รักต์เลยถูๆไถๆอยู่นี่แหละค่ะ”

“แล้วขออนุญาตพ่อแม่เรียบร้อยแล้วหรือ? น้ำฝนน่ะไม่มีปัญหา แต่จินนี่สิ” รักตปักษ์ยังนึกขยาดฝ่ามือแม่จินไม่หายตั้งแต่ตอนที่บาดเจ็บคราวนั้น

“โอ๊ยพี่รักต์ ตอนนั้นน่ะ ฝนกลั้นหัวเราะแทบแย่ ตลกอย่าบอกใคร” น้ำฝนว่าแล้วหัวเราะออกมาขณะที่จินหน้าเจื่อนลง “ตอนนั้นน่ะ แม่ของจินจะมาลากจินกลับบ้าน บอกว่าอย่าทำงานที่นี่อีกเลย ไหนๆพี่ก็ตายไปแล้ว จินเลยฟิวส์ขาด ตะโกนว่าพี่รักต์ยังไม่ตายซะหน่อย แล้วบอกให้แม่ฟังเหตุฟังผลซะบ้างสิ ไม่ใช่อะไรๆก็บังคับให้เป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโต แล้วจินก็เทศนายาวเหยียด จินก็หน้าซีดเอาๆ พ่อเลยต้องรีบพากลับบ้าน แล้ววันต่อมานะพี่รักต์ พ่อก็โทรมาบอกว่าแม่ให้ทำงานต่อได้ แต่ถ้าสิ้นเดือนแล้วเงินเดือนยังไม่ได้ก็ให้กลับบ้านอย่างเดียว ห้ามมีข้อแม้”

“ผมกลัวจะตายว่าพี่รักต์จะกลับมาไม่ทันจ่ายเงินเดือน ไม่งั้นผมต้องกลับบ้าน แล้วแม่ก็ต้องบังคับให้ผมไปเรียนหมออีกแน่ๆ” จินพูดไปก็ทำหน้าหวาดๆ “ผมขอทำงานแบบกินแกลบดีกว่าต้องไปเรียนหมออีก ให้ตายผมก็ไม่ออกจากงานหรอก”

“แกลบของเรานี่ท่าจะอร่อยดีนะ” รักตปักษ์แกล้งเย้าพลางมองไปยังตู้เย็นที่มีของกินอัดเต็มตู้

“อร่อยมากเลยค่ะพี่รักต์ แต่อยากให้พี่รักต์กลับมาแล้วชวนพี่ยาไปกินข้าวด้วยกันอีกมากกว่า พี่รักต์ชอบพาพี่ยาไปกินข้าวที่หรูๆ แต่พาพวกเราไปกินร้านข้างถนนซะอย่างงั้น” น้ำฝนพูดเจื้อยแจ้ว

“ก็คุณยาเขาเป็นคุณหนู จะให้ไปกินร้านข้างถนนได้ยังไงกัน” รักตปักษ์ว่า “เราสองคนน่ะไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวพี่แก้งานพักนึงจะออกไปข้างนอกต่อ”

“หา? พี่รักต์เพิ่งกลับมายังไม่ทันพัก จะรีบไปไหนครับ?” จินทำหน้าตื่น

“นั่นสิคะ พี่รักต์ยังไม่ได้เล่าให้พวกเราฟังเลยว่าหายไปไหนมาตั้งหลายวัน” น้ำฝนกอดอกทำปากยื่นอย่างงอนๆ

“เดี๋ยวพี่ค่อยกลับมาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน ไป เราสองคนไปนอนพักซะ ตาโหลหมดแล้ว เดี๋ยวก็ไม่หล่อไม่สวยกันพอดี” ชายหนุ่มร่างสูงจับทั้งสองคนหอบด้วยมือคนละข้างพาไปนอนที่โซฟาอย่างง่ายดาย

“พี่รักต์ขี้โกง” เด็กสาวว่า “พรุ่งนี้เล่าให้ฟังด้วยนะคะ”

“สัญญาแล้วนะครับ” จินย้ำ

“ครับผมเจ้านาย ทราบแล้วครับ” รักตปักษ์เย้าแหย่ แล้วห่มผ้าก่อนจะปิดไฟให้ทั้งสองคนพักผ่อน ส่วนเขาก็กลับไปประจำที่หน้าคอมพิวเตอร์ ตรวจดูงานที่จินกับน้ำฝนช่วยกันทำ และแก้ไขส่วนที่ผิดพลาดรวมทั้งอาร์ตเวิร์ครกตาเหล่านั้นด้วย


------------------------------>


โดยปกติแล้ว สัตยาจะไม่ล็อคประตูระเบียง เพื่อที่เมื่อใดเกิดเหตุขึ้น งูที่อยู่ในสวนจะได้ขึ้นมาบอกเขาได้อย่างทันท่วงที คืนนี้ก็เช่นกัน เขานำกล่องใส่ขนนกไปวางไว้ที่ใต้เตียงเหมือนเดิม และรูดม่านปิดประตูระเบียงไว้เฉยๆโดยไม่ได้ลงกลอนแต่อย่างใด ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่แสนคิดถึง ความสบายของแผ่นหลังทำให้สัตยาถอนหายใจออกมา ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศคลายความร้อนจากภายนอกได้ราวกับปลิดทิ้ง สัตยากำลังคิดว่า เขาคงติดความสะดวกสบายอย่างนี้เสียแล้วกระมัง

แต่ก็น่าแปลก ทั้งที่ได้กลับมายังบ้านที่คิดถึง นอนบนเตียงที่คุ้นเคย แต่เขากลับไม่อาจข่มตาหลับได้ ใจของเขากระหวัดไปถึงอีกคนหนึ่งซึ่งนอนร่วมเสื่อกันมาหลายวัน เมื่อใดก็ตามที่คนๆนั้นอยู่ข้างๆ เขาก็จะรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัย

สัตยาพลิกตัว ห่มผ้าห่มให้อุ่นกายและพยายามกล่อมตัวเองให้หลับ เขานอนพลิกตัวไปมาอยู่นาน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใดแล้ว หูของเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนลมพัดกระทบกระจก ในตอนแรกสัตยาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขากำลังเคลิ้มใกล้จะหลับเต็มที แม้กระทั่งเสียงเลื่อนบานกระจก ก็ไม่อาจทำให้สัตยาลุกขึ้นมาดูได้ว่าใครกำลังมาเยือน

ฟูกนุ่มยุบตัวลงเมื่อมีน้ำหนักกดทับลงมา ร่างสูงโน้มตัวนั่งข้างๆร่างที่หลับใหล ก่อนจะไล้ริมฝีปากสัมผัสใบหูนิ่มและแทะเล็มอย่างช้าๆ

สัตยามุ่นคิ้วรู้สึกรำคาญจึงยกมือหมายจะปัด ทว่ามือของเขากลับถูกยึดเอาไว้ ทำให้สติของสัตยาตื่นขึ้นในทันที เขาลืมตา มองผู้บุกรุกท่ามกลางความมืด ดวงตาของสัตยามองฝ่าความมืดได้อย่างชัดเจน เขาเบิกตากว้างและดึงมือคืน

“เจ้ากลับไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

“ใช่ กลับไปจัดการอะไรนิดหน่อย แล้วมาดูว่าใครบางคนหลับแล้วหรือยัง ไม่นึกว่าเจ้าจะเปิดประตูเชิญชวนข้าให้เข้ามา” รักตปักษ์ขยับรอยยิ้ม แล้วจูบเบาๆที่พวงแก้ม แม้จะได้รับการขัดขืนเขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตากับการจูบเล็มไปทั่วใบหน้าเนียนสวย และจับยึดมือทั้งสองไม่ให้ออกแรงผลัก “ข้าคิดถึงคืนที่เราอยู่ด้วยกัน สัตยา คิดถึงเวลาที่เจ้าอยู่ข้างกายข้า”

“พูดอะไรเพ้อเจ้อ เราเพิ่งจากกันเมื่อครู่นี้ จะมาคิดถึงอะไร” สัตยาว่าไปก็หน้าแดง คำพูดของรักตปักษ์ชวนให้คิดไปไกล

รักตปักษ์ประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากสีกุหลาบอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น สัตยาแทบจะลืมหายใจเมื่อได้รับสัมผัสนั้นอย่างลึกล้ำกว่าที่ผ่านมา

“เจ้าไม่รู้ใจข้าจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่นะ” ชายหนุ่มร่างสูงโน้มศีรษะลงซุกอิงกับบ่าเล็ก “ทั้งที่ข้าใจแทบขาด เจ้าก็ยังทำไม่รู้ไม่เห็น ก่อนหน้านี้ข้าอุตส่าห์อดทนเพราะอยากให้เจ้าจัดการเรื่องให้จบ แต่จากนี้ไปข้าจะรุกเจ้าแล้วนะ สัตยา”

“รุก? อะไร....เดี๋ยว! นี่เจ้า....” สัตยายังไม่ทันถามให้รู้ความ มืออุ่นก็สอดไล้เข้าไปในเสื้อนอนของอีกฝ่ายโดยไม่ขออนุญาต

“ข้าหลงเจ้าจนแทบบ้าอยู่แล้ว ตั้งแต่ใกล้ชิดเจ้ามา เจ้ามีแต่เรื่องให้ปวดหัวแต่ก็ชวนให้รักเสียเหลือเกิน” รักตปักษ์ว่าไป ก็ซุกไซ้ริมฝีปากกับผิวเนื้อ ไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวและไม่ฟังคำทัดทานห้ามปราม สัตยาได้แต่กลั้นเสียงร้องและหันหน้าไปทางอื่นไม่กล้าสบตาของอีกฝ่าย เขาไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่น้อยแม้ขณะที่ร่างกายของเขาถูกครอบครองด้วยความรักอันดื้อดึงและเอาแต่ใจ


---------------------------->
TBC

ตอนหน้าอวสานแล้วนะคะ~
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-02-2011 13:35:36
จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ









กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนหน้าจะจบแล้วจริงๆหรือคะเนี้ย :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 11-02-2011 13:57:02
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ครั้ง 1 พี่รักษ์กับน้องยา ตอนจัดการคนชั่ว เท่ห์ที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดด  o13 o13 o13


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ครั้ง 2 ในที่สุดพี่รักษ์ก็รอไม่ไหว ปืนเข้าหาจนได้ ก๊ากกกกกกกกกกกกก  :haun4: :haun4: :haun4:


ว่าแต่จะจบแล้วเหรอค่ะ สั้นจัง อยากอ่านต่ออะ :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 11-02-2011 14:06:23
ถ้าจบแบบนี้ก็ดีสินะ

หรือจะมีเรื่องใหม่มาอีกอ่ะคับ

จะติดตามเหมือนเดิมนะคับ

ชอบมากๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 11-02-2011 14:40:26
น้องนาคน้อยจ้า
ยอมพี่เขาเหอะอุตส่าห์ปีนเข้าหาแล้ว
แล้วค่อยสู่ขอทีหลังก็ได้
ผู้ใหญ่เขาเต็มใจยกให้อยู่แล้ว5555
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 11-02-2011 14:46:21
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก  ฟิวชั่นกันแล้วววววววววววว
อย่างนี้เรียกรักข้ามสายพันธุ์รึเปล่าคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 11-02-2011 14:51:21
กรี๊ดดดดดดดดด อยากอ่านต่อ 5555 :impress2:
ตอนหน้าจะจบซะแล้ว ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 11-02-2011 14:55:47
อยากรู้สภาพของเชิดชัย เป็นไงบ้างละนั่น ทำไมใจดีปล่อยไว้ไม่ให้ตายกันละ  :z2: :z2:
กลายเป็นว่าเชิญชวนเค้าเข้ามาซะอย่างนั้นนะนาคน้อย  :z1: :z1:
ตอนหน้าจบแล้วหรอค่ะ
 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-02-2011 15:06:11
ไม่อยากให้จบ
กำลังสนุก ขอตอนพิเศษด้วยนะ
+1
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 11-02-2011 15:34:36
เค้ายังไม่อยากให้จบอ่ะ  :serius2:
แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 11-02-2011 15:35:17
โห...รุกซะน่าตกใจ แต่แบบนี้ก็ดี น่าร๊ากกกก ตอนหน้าจะจบแล้วววว
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 11-02-2011 16:04:04
เฮ้ยคุณรักต์ !!  :o
ยังไม่ได้ขอผู้ใหญ่เค้าเลย

บุกเข้าห้องได้ไงเนี่ย !!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 11-02-2011 16:05:16
บินมาปล้ำแบบเนียน ๆ เลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 11-02-2011 17:21:51
หวานซะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: katook ที่ 11-02-2011 17:27:06
 :L1:รักไรเตอร์....
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-02-2011 17:39:28
 :o8: :o8:

ก็อยู่ที่โลกเหมือนเดิม ดูแลคุณตา พ่อ แม่
ไม่ได้หรอ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-02-2011 17:42:39
 :haun4:คุณรักย่องเข้าหาเฉยเลย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 11-02-2011 17:58:20
คิคิในที่สุด
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tonight ที่ 11-02-2011 18:22:45
มาอัพต่อแล้ว เย่ๆๆ

ในที่สุด...รักตปักษ์ก็รุกสักที หึหึ งานนี้น้องยาจะรอดเงื้อมมือครุฑสุดหล่อไหมล่ะเนี่ย 555+

ขอบคุณนะคับ มาอัพต่อไวๆนะ สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 11-02-2011 18:30:18
จะจบแล้วจริงๆอ่ะ

ยังไม่อยากให้จบเลยนะเนี่ย
 :seng2ped:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: b27072010 ที่ 11-02-2011 18:43:18
อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคค

หักคอกันนิหว่า ..............

อ่านค้างเลยแหละ

แทบรออ่านถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 11-02-2011 18:45:43
โฮะๆๆ เตรียมว่านเสลดพังพอนไว้เพียบ เพื่อความปลอดภัยในการฝ่ากองทัพงูของนาคน้อยเข้าไปแอบดูซัมธิงสเปเชียล!!!>///<
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 11-02-2011 19:00:08
สมัยก่อนในวรรณคดี สองเผ่าพันธุ์เค้ายังไม่ถูกกัน จึงมีแต่ "ครุฑยุดนาค"
สมัยนี้ ยุคแห่งความสมานฉันท์ เลยกลายเป็น "ครุฑรุกนาค" ไปซะ... ( แต่เราชอบแบบนี้มากกว่า~ :impress3: )

หัวข้อ: Re: หนอนใบตอง by RakorN ตอนที่27: เปลี่ยนใจ หน้าที่ 68 [16.12.10]
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 11-02-2011 19:24:39
รอตอนต่อป อิอิ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 11-02-2011 20:08:45

อ๊า จะจบแล้วหรอคะเนี่ยะ
ว้าา เพิ่งเข้ามาอ่านเองคะ รวดเดียวจบเลย


สนุกมากๆ ชอบสัตยาจัง  :-[
รักษ์ก็ดูอบอุ่นมากๆเลย ในที่สุดก็ .. หุหุ -..-


รอตอนต่อไปจ้า สู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 11-02-2011 20:18:03
จะรุกเเล้วนะ ๕๕

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 11-02-2011 20:44:53
ยังไม่อยากให้จบเลย
แต่จบตอนแบบนี้มาฆ่ากันเลยดีกว่า
ลุ้นจริงๆอยากเห็นคนเค้ารักมันเป็นยังไง
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 11-02-2011 21:03:41
จะจบแล้วเหรอเนี่ย 

พี่รักต์แกจะรุกแล้ว :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 11-02-2011 21:24:14
แอบมาโฮกเบาๆ  :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 11-02-2011 22:18:32
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย "ชวนให้รัก"
สารภาพป่ะค่ะ! แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 11-02-2011 22:46:02
 :o8: :o8: :o8: ปีนเข้าหาล่ะ  อ๊ายยยยยย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Annetemis ที่ 11-02-2011 23:17:19
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ Writer ขอบคุณนะค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 11-02-2011 23:24:45
กรี๊ดดด พึงตามมาอ่านน
ถึงตอนสำคัญ หุหุ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 12-02-2011 05:49:32
 :z1:คุณยาจะโดนรุกแล้ว กรี๊ด

 :z3:แต่ตอนหน้าจะจบแล้วอ่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-02-2011 09:53:48
แวะเข้ามารอ หุหุ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-02-2011 10:48:07
หายไปนานเพิ่งได้มาอ่านตอนที่ 9 ค่ะ เศร้ามาก น้ำตาไหลพราก  :m15:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 12-02-2011 11:03:29
อยากอ่านต่ิอแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-02-2011 11:12:00
 :-[ อ๊าย พี่รักต์ปล้ำหนูยาแล้ว   :z1:

ว่าแต่ลูกจะออกมาเปนตัวรายอ่าคะ  o22
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-02-2011 12:55:30
ครุฑหวานได้อีกนะคะเนี่ย  :o8:
เข้ามารอตอนจบด้วยอีกคนค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 12-02-2011 18:05:08
สัตยาตื่นขึ้นในตอนเช้ามืด รู้สึกปวดเนื้อตัวอย่างน่าประหลาด เขาพยุงตัวลุกจากเตียงทว่ากลับโดนอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ในห้องนั้นคว้าเอวมาอุ้มราวกับอุ้มเด็กน้อย สัตยาทำหน้างอง้ำยามที่เห็นรอยยิ้มสมใจปรากฏบนเรียวปากหยักสวย

“อย่ามองข้าแบบนั้นนะ” นาคจำแลงขู่ฟ่อ

“เจ้าไม่ชอบหรือ? มีเจ้าคนเดียวเท่านั้นนะที่ข้ามองอย่างนี้” รักตปักษ์ว่า เสียงของเขาดูรื่นเริงผิดกับเมื่อวานนี้ที่ออกตัดพ้อลิบลับ สัตยาจนคำต่อว่าต่อขาน สะบัดหน้าหนีอย่างขุ่นใจ ชายหนุ่มร่างสูงจึงอนุมานว่านั่นคือการตอบรับว่าชอบแต่ไม่อยากบอก เขาอุ้มสัตยาเดินไปถึงห้องน้ำ และวางร่างเล็กในอ้อมแขนลงในอ่าง พาลให้นึกถึงตอนอีกฝ่ายกำลังลอกคราบขึ้นมา จะว่าไปแล้ว ในวินาทีที่เขาได้เห็นเรือนร่างอีกฝ่ายหลังลอกคราบ อาจเป็นวินาทีแรกที่เขาหลงนาคตนนี้ก็เป็นได้ แต่หลังจากนั้น ความหลงกลับพัฒนาเป็นความรักตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ รักตปักษ์นึกสงสัย

“เจ้าควรกลับไปก่อนฟ้าจะสว่าง ไม่อย่างนั้นใครต่อใครจะสงสัยเอาได้” สัตยาว่าไปก็ใช้มือปิดบังร่างกายอย่างหวงแหน ไม่รู้ว่าทำไมต้องเขินอายเรือนร่างต่อสายตาผู้ชายด้วยกัน

“อะไรกัน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนข้ายังอาบให้ได้อยู่เลย” รักตปักษ์เย้าพลางหัวเราะเมื่อเห็นสายตาดุๆตวัดกลับมาอย่างปึ่งงอน

“ตอนนั้นกับตอนนี้เหมือนกันเสียที่ไหน” ชายหนุ่มร่างเล็กกระแทกเสียงแล้วเอื้อมมือไปรูดม่านพลาสติกปิด ทว่ามือกร้านแกร่งก็กลับคว้าเอาไว้ไม่ให้ปิดสนิท ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสปลายจมูกกับพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงทันที

“ตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันตรงไหนหรือ?” ว่าไป ชายหนุ่มก็คลอเคลียกับแก้มเนียน ทั้งยังดึงรั้งร่างนั้นเข้ามาโอบกอดแนบชิด ไม่อนาทรแม้สัตยาจะพยายามผลักไส

“ก็เจ้าเป็นคนบอกเองว่าต่าง!” สัตยาร้อง “ออกไปได้แล้ว นี่! ครุฑ! ข้าจะอาบน้ำ!”

“ข้าว่าต่างมันเกี่ยวอะไรกับที่เจ้าขี้อายมากขึ้นกัน” รักตปักษ์พูดก่อนจะงับปลายจมูกรั้น “ถ้าเจ้าไม่ตอบว่าต่างอย่างไร ข้าจะกอดไว้อย่างนี้จนกว่ากิ่งแก้วจะมาปลุกเลยดีไหม?” คำของรักตปักษ์ทำให้สัตยาหน้าแดงด้วยความกรุ่นโกรธผสานกับความอายเกินพิกัด

“ก็เจ้าทั้งจูบข้า กอดข้า ทำเรื่องบัดสีกับข้า! แล้วจะให้ข้าลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่มีอะไรหรือยังไง!” สัตยาตะโกนจนเสียงก้องห้องน้ำก่อนจะกัดริมฝีปากที่สั่นเทา ดูท่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมานั้นจะกระทบความรู้สึกของสัตยามากพอดู ทั้งที่เขายังไม่อาจตอบตัวเองได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของระยะห่างที่ใกล้ชิดมากขึ้นทุกครั้งที่สัมผัสกัน แต่รักตปักษ์กลับฉุดดึงเขาเข้าไปอย่างไม่ลังเลและไม่มีความสงสัย สัตยาจึงรู้สึกสับสนอย่างมากว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่

“เรื่องบัดสี? เจ้ารังเกียจหรือ?” รักตปักษ์เลิกคิ้วสูง

“นั่นมัน....ข้า....ข้าแค่รู้สึกปวดสะโพก” สัตยาตอบอุบอิบ

“อ้อ” ชายหนุ่มร่างสูงรับคำพลางหัวเราะ “เช่นนั้นตอนข้ากอดจูบล่ะ?”

“เลิกหลอกถามข้าเสียที! ข้าไม่ใช่เด็กให้เจ้าหยอกเล่นนะ!” ในที่สุด เมื่อสัตยาทนความอายไม่ไหว เขาก็ทำเสียงดุก่อนจะสะบัดหน้าหนีไม่ให้อีกฝ่ายมอง แต่รักตปักษ์ก็ยังรั้งใบหน้านั้นกลับมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆละเลียดจูบลงบนริมฝีปากที่ทำบึ้งงออยู่นั้น สัตยาเกือบสำลักลมหายใจเมื่ออยู่ๆก็ถูกจู่โจมโดยไม่คาดคิดทว่ากลับคล้อยตามไปอย่างง่ายดาย

รักตปักษ์ไม่ได้เยิ้นเย้อรสจูบเนิ่นนานนัก เขาผละออกไปแล้วมองผ่านประตูที่เปิดเอาไว้ออกไป พบว่าแสงอาทิตย์กำลังจะสาดส่องเข้ามา นั่นหมายความว่าข้างนอกใกล้สว่างเต็มที ชายหนุ่มร่างสูงจำต้องผละจากทั้งที่ยังอาลัย เขาคลอเคล้ากับกลีบปากนุ่มและแก้มนวลก่อนจะถอยห่างและกล่าวอำลา เดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ กางปีกโผบินสู่ผืนฟ้าและจากไปอย่างรวดเร็ว

สัตยานั่งนิ่งอยู่ในอ่าง แตะสัมผัสริมฝีปากตนเองที่ยังมีรสจูบอวลอยู่ไม่ห่าง ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ และหัวใจก็เต้นแรงจนแทบหลุดจากอก นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่สัตยาไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ ซ้ำยังทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที


-------------------------------->


ครบกำหนดสองอาทิตย์ บอร์ดบริหารมารวมตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อพูดคุยกันถึงกำหนดการณ์ที่พงษ์ศักดิ์ได้ให้สัญญาไว้ แต่เพราะยังถึงเวลาเยี่ยมตามกำหนดของโรงพยาบาล พวกเขาจึงเข้าไปรวมตัวกันในห้องประชุมและหารือกันถึงเรื่องนี้ หลายๆคนเอ่ยชื่อของเชิดชัยขึ้นมาว่ามีความเหมาะสมจะเป็นผู้บริหารสืบต่อจากสัตยา ด้วยมีคุณวุฒิและวัยวุฒิเพียบพร้อม ทั้งยังศึกษางานในตำแหน่งมาหลายปีจากการเป็นเลขาตามดูแลใกล้ชิดทั้งพงษ์ศักดิ์และสัตยา นอกจากนี้ พงษ์ศักดิ์ยังยึดติดกับเรื่องสกุลมาก ตัวเชิดชัยเองแท้จริงแล้วก็เป็นคนในสกุลชลวรินทร์เช่นกัน โดยเป็นลูกของพี่ชายพงษ์ศักดิ์ที่เสียชีวิตไปแล้ว นับว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมในทุกด้าน ซึ่งในความเป็นจริง ทุกคนต่างคิดว่าเชิดชัยจะได้สืบทอดจากพงษ์ศักดิ์แต่ต้น เพราะในตอนแรกนั้นพงษ์ศักดิ์ไม่มีหลาน และลูกสาวคนเดียวก็ไม่แสดงความสามารถในทางบริหารเลย จึงรับเชิดชัยมาเป็นคนใกล้ชิดเพื่อหวังจะให้ดูแลงานต่อ แต่แล้วสัตยาก็เกิดขึ้นมาและยังแสดงถึงแววของความเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดตั้งแต่เด็ก ตำแหน่งผู้สืบทอดจึงไปตกอยู่กับสัตยาซึ่งเป็นหลานสายตรง

ผู้บริหารทุกคนต่างตกลงกันว่า จะเสนอชื่อของเชิดชัยเป็นหนึ่งในผู้ที่เหมาะสมจะได้รับตำแหน่งผู้บริหาร แต่จะได้เป็นประธานหรือเปล่านั้นต้องขึ้นอยู่กับหุ้นที่จะได้รับจากพงษ์ศักดิ์ ซึ่งเจ้าตัวอาจโอนแบ่งให้คนอื่นด้วยก็ได้

ประมาณสิบโมง ผู้บริหารจึงทยอยกันออกมาจากห้องประชุมเพื่อเดินทางไปพบกับพงษ์ศักดิ์ที่โรงพยาบาล แต่แล้ว ขณะที่พวกเขาเดินลงมาถึงล็อบบี้ ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดเป็นการใหญ่ เมื่อเห็นร่างผอมบางของชายหนุ่มอ่อนวัยในชุดสูทที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกำลังยืนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้ประตูทางออก พวกเขาต่างช็อคและพูดอะไรไม่ออก รอจนกระทั่งฝ่ายนั้นหันมาเห็น

“อรุณสวัสดิ์ ไม่ทราบว่าพวกคุณกำลังจะไปไหนหรือครับ?” สัตยากล่าวถามอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ผิดจากก่อนหายตัวไปแม้แต่น้อย

“คุณ.....สัตยา.....” ผู้บริหารคนหนึ่งเอ่ยชื่ออีกฝ่ายตะกุกตะกัก

“ครับ ผมเอง ขอโทษที่หายตัวไปนาน พอดีผมติดธุระจำเป็นนิดหน่อย หวังว่าคงไม่ได้ทำให้งานของบริษัทเสียนะครับ” สัตยาว่าแล้วจึงถือหนังสือพิมพ์เดินมาทางกลุ่มผู้บริหาร ซึ่งต่างก็เผลอก้าวถอยอย่างพร้อมเพรียง “แต่การกลับมาของผมครั้งนี้กลับได้พบข่าวร้าย” ว่าแล้ว สัตยาก็ยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายให้กับผู้บริหารที่อยู่ข้างหน้าสุด ซึ่งยื่นมือมารับแบบยังเรียกสติไม่ได้

พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาทุกๆคนโดยทันที

นักธุรกิจเสียสติ โดนครุฑหลอก

เนื้อหาข่าวนั้นกล่าวถึงชายวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งอยู่ในบ้านคนเดียว และในตอนเช้ามีแม่บ้านมาพบว่าชายคนนั้นนั่งเพ้ออยู่บนพื้นห้องทำงานว่าเห็นพญาครุฑ นอกจากนี้ ในมือของเขาและรอบตัวยังโปรยไปด้วยเอกสารมากมายที่เกี่ยวกับบริษัทที่ทำงานอยู่ เป็นฉบับที่สำเนาไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งบัญชีของบริษัท โครงการและงบประมาณต่างๆ อีกทั้งโทรศัพท์มือถือที่วางข้างตัวนั้น มีสายโทรออกครั้งสุดท้ายเป็นเบอร์โทรของกฤตนันท์ เจ้าพ่อรายใหญ่ของเขตนี้ซึ่งพบเป็นศพในห้องพักของตัวเอง สาเหตุการตายคือถูกงูรุมกัดและช็อคจากการได้รับพิษปริมาณมาก เบื้องต้นคาดว่าชายคนนี้และกฤตนันท์กำลังวางแผนตกลงอะไรบางอย่างโดยมีบริษัทที่ทำงานอยู่เป็นเป้าหมาย แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องประหลาดอย่างนี้ขึ้นในเวลาเดียวกัน หรือบางทีอาจเป็นความสำนึกผิดทำให้เห็นภาพหลอนก็เป็นได้

ชายซึ่งเป็นหัวข้อข่าวนั้น มีชื่อว่า เชิดชัย ชลวรินทร์ และบริษัทที่ปรากฏในข่าวก็คือเครือชลวรินทร์นี้เอง

พวกผู้บริหารเริ่มเอ่ยปากวิพากษ์วิจารณ์กระซิบกระซาบอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองไปทางสัตยา

“พวกเราขอแสดงความเสียใจด้วยกับข่าวนี้นะครับ คุณสัตยา” ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าว “ไม่เคยมีใครคาดคิดเลยว่าคุณเชิดชัยจะตีหน้าซื่อหลอกพวกเรามาตลอด” ทุกๆคนต่างสนับสนุนคำพูดของคนแรก เพราะก่อนหน้านี้ก็ระแวงกันจนไม่เป็นอันทำงาน การที่ได้ตัวคนร้ายมาแม้หลักฐานจะไม่ชัดเจนนักและเป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งอก

“ครับ ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน” สัตยาตอบรับ “วันนี้ผมจะไม่เข้างานนะครับ เพียงแต่จะมาบอกว่าผมจะไปดูอาการคุณเชิดชัย แล้วก็ไปทำธุระต่อ พรุ่งนี้เราค่อยประชุมกัน”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” ผู้บริหารชาวจีนรีบตอบรับแล้วเดินนำขึ้นลิฟต์ไปก่อนเพราะการที่ผู้บริหารทุกคนมายืนรวมกันในล็อบบี้นั้น กลายเป็นเป้าสายตาของพนักงานที่เดินผ่านไปมาได้ง่าย ตอนนี้ก็มีพนักงานหลายคนทำท่าตกอกตกใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบริษัท


---------------------------->


สัตยาเดินทางออกมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว คิดจะตรงไปที่บ้านของพ่อกับแม่เลย แต่แล้วก็ขับผ่านตึกที่รักตปักษ์ใช้เป็นสำนักงานโดยไม่ได้ตั้งใจ ซ้ำตอนนั้น รักตปักษ์ยังเดินออกมาจากตึกพอดี ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาหาทำให้สัตยาต้องชะลอรถจนจอดนิ่งแล้วลดกระจกลง

“กำลังจะไปบ้านพ่อแม่หรือคุณยา?” รักตปักษ์เอ่ยถาม

“ครับ” สัตยารับคำสั้นๆ

“ถ้าอย่างนั้นช่วยรอหน่อยได้ไหม ขอผมไปซื้อของกินให้จินกับน้ำฝนก่อน เดี๋ยวผมจะไปด้วย” คำขอนั้นสัตยาไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเขาอาจต้องอธิบายกับพงษ์ศักดิ์อีกยาวหากเรื่องนี้ถึงหู สัตยาขยับรถเข้าไปจอดในที่จอดของตึก และมองรักตปักษ์ที่วิ่งข้ามไปเซเว่นฝั่งตรงข้าม และกลับออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมของกินเต็มถุงทั้งขนม นม และข้าวกล่องแช่เย็นที่อุ่นเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มร่างสูงวิ่งหายเข้าไปในตึก ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้ใบเก่งซึ่งกิ่งแก้วอุตส่าห์เก็บกลับมาให้พร้อมกับของอื่นๆที่พวกเขาทิ้งไว้ที่บังกะโลก่อนที่จะถูกกฤตนันท์ทำร้าย

สัตยากดปลดล็อคประตูคิดจะให้อีกฝ่ายขึ้นทางเบาะหลังโดยวางกระเป๋าเอกสารไว้ที่เบาะหน้า แต่แล้วรักตปักษ์กลับเดินมาเปิดประตูข้างคนขับ โยนกระเป๋าไปข้างหลัง แล้วเข้ามานั่งด้วยใบหน้าชื่นมื่น

“อย่าลืมรัดเข็มขัด” สัตยาว่าก่อนจะออกรถ

เส้นทางการเดินทางไปบ้านของพ่อแม่สัตยานั้น รักตปักษ์สามารถจดจำได้อย่างแม่นยำทั้งที่เคยไปเพียงครั้งเดียว นั่นเพราะเขาสังเกตป้ายบอกทางและร้านค้าที่จดจำได้ง่าย เป็นนิสัยส่วนตัวที่มักจะสังเกตสิ่งที่โดดเด่นรอบข้าง รักตปักษ์จึงไม่ค่อยมีปัญหากับการหลงทิศทาง

พวกเขามาถึงบ้านของพ่อแม่สัตยาช้าพอสมควร เพราะถนนเส้นที่ใช้เดินทางนั้นมักแน่นขนัดไปด้วยรถราแทบทั้งวัน
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 12-02-2011 18:05:58
“ลูกยา.....” จันทร์วนาถึงกับร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นหน้าลูกชายสุดที่รักอีกครั้ง เธอโผเข้ากอดชายหนุ่มแล้วปล่อยโฮไม่อายใครพร้อมกับเรียกชื่อของลูกชายซ้ำไปซ้ำมา ในตอนแรกเธอคิดจะเรียกยศออกมาด้วย แต่สัตยากลับปรามไว้และเข้าไปหาด้วยตัวเอง จันทร์วนาจึงชวนรักตปักษ์ไปช่วยกันทำอาหารที่ในครัวเพื่อให้สองพ่อลูกได้พูดคุยกัน

สัตยาเดินเข้าไปในตัวบ้าน เขารู้ว่ายศมักจะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและอ่านหนังสือบนเก้าอี้ตัวโปรด ชายหนุ่มชาวนาคสูดหายใจลึกแล้วเดินเข้าไปหายศ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วกราบลงบนตัก

“สัตยา” ยศดูจะตกใจที่อยู่ๆลูกชายก็กลับมา แต่เหนือกว่าความตกใจนั้นคือความปิติอย่างเหลือล้น เขาดึงลูกชายของตนขึ้นมากอดแน่นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ดูสิ ลูกผิวคล้ำขึ้นตั้งเยอะ แอบไปเที่ยวไม่บอกพ่อแม่เลยนะ รู้ไหมว่าแม่จันทร์เขาห่วงลูกแค่ไหน”

“ผมทราบครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนลำบาก” สัตยาเสียงอ่อน

“ไม่เป็นไร เหตุสุดวิสัยใช่ไหมล่ะ พ่อเข้าใจ” ยศลูบผมลูกชายตนเองอย่างรักใคร่ทำให้สัตยารู้สึกแน่นในอก

“พ่อครับ ผมมีเรื่องจะบอก....”

“หือ? อะไรหรือ?” ยศถามกลับพลางยิ้มกว้าง

“ความจริงแล้วผม....ไม่ใช่มนุษย์หรอกนะครับ แล้วก็...ไม่ใช่ลูกของพ่อด้วย” สัตยาก้มหน้าไม่กล้าเงยมองสายตาของผู้เป็นพ่อ บางทียศอาจจะโกรธมากก็ได้ที่ได้รู้ความจริงเอาป่านนี้ ซ้ำยังให้ความรัก ฟูมฟักเลี้ยงดูเป็นลูกแท้ๆ “ความจริงแล้ว...ผมเป็นนาคที่จำแลงตัวมาเกิดกับแม่เท่านั้น ถึงจะมีรูปร่างเป็นมนุษย์ปกติ แต่ความจริงแล้วก็ไม่ใช่มนุษย์แล้วก็ไม่ใช่ลูกจริงๆของพ่อกับแม่ด้วย” สัตยาพูดแค่นั้นก็เงียบไป คอยทำใจรับฟังการตอบรับของยศ

เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้สัตยาเผลอกลั้นหายใจด้วยความกลัว

“โธ่เอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร ทำพ่อตกใจหมดเลย สัตยา” คำของยศเรียกสัตยาให้เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะงุนงงเมื่อพบว่ารอยยิ้มอารีนั้นยังไม่หายไปไหน

“พ่อเขารู้เรื่องนั้นนานแล้วล่ะจ้ะ แม่ก็ด้วย” จันทร์วนาถือสำรับกับข้าวเดินเข้ามาจัดโต๊ะ

“ม....หมายความว่ายังไงกันครับ?” ครั้งนี้กลายเป็นสัตยาเองที่ตกใจและแปลกใจ เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกจึงยืนค้างอยู่อย่างนั้น

“ลูกยาอาจจะไม่รู้นะ แต่ตอนที่อยู่ในท้องแม่น่ะ แม่เห็นลูกยาในฝันเป็นประจำ เห็นเป็นนาคบ้าง เป็นคนบ้าง แล้วตอนลูกยาเด็กๆน่ะ คิดว่าใคนกันที่ช่วยเช็ดเอาคราบออกให้ทุกปี” จันทร์วนาเฉลยความ “แล้วพ่อยศเขาน่ะ มาดุแม่ว่าถูผิวลูกแรง ทำลูกถลอกหมด แม่เลยช่วยอธิบายให้เข้าใจ”

“นอกจากแม่จันทร์กับพ่อแล้ว ก็มียายพิมอีกคนที่รู้เรื่อง เพราะต้องดูแลลูกตอนไปอยู่บ้านชลวรินทร์ไง” ยศว่าต่อ

“แสดงว่า....รู้มานานแล้วหรือครับ?” สัตยาถามทั้งที่ยังค้างอยู่อย่างนั้น ทั้งสองคนจึงพยักหน้า “แล้ว...ไม่โกรธเกลียดผมหรือครับ?”

“จะไปโกรธไปเกลียดทำไมกัน ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่ก็เกิดมาจากท้องของแม่ ก็ต้องเป็นลูกของแม่สิ” จันทร์วนากอดลูกชายในวงแขน “ความจริงแล้วหลังจากคลอดลูกน่ะนะ แม่ก็ไปตรวจร่างกาย ปรากฏว่าความจริงแล้วแม่มีลูกไม่ได้เพราะรังไข่ของแม่ไม่ผลิตไข่ แม่ถึงได้ขอบคุณลูกอยู่ทุกวันที่อุตส่าห์มาเกิดเป็นลูกของแม่ ให้แม่กับพ่อแล้วก็คุณตาได้ชื่นใจ”

“แล้วคุณรักต์เขารู้หรือเปล่า สัตยา เดี๋ยวเขาเข้ามาได้ยินเราคุยกันจะตกใจเสียเปล่าๆ” ยศว่าขณะเหลือบตามองนอกประตู เห็นว่ารักตปักษ์ยังไม่มา

“คุณรักต์เขารู้ตั้งแต่ชาติก่อนแล้วล่ะครับ” สัตยาถอนหายใจ

“แหม โรแมนติกจริงนะ สงสัยชาติก่อนเป็นคู่กันล่ะมั้งเนี่ย” จันทร์วนาเย้า ก่อนจะนิ่งไปเมื่อสัตยาหน้าแดงขึ้นมา เธอมองหน้ายศที่ส่ายศีรษะแล้วทำไม่รู้ไม่ได้ยินไปเสียอย่างนั้น

“ข้าวสุกแล้วครับ จะให้ผมยกมาเลยไหม.....ครับ.....” รักตปักษ์ไม่รู้เรื่องรู้ราว เดินเข้ามาถามเรื่องในครัวก็ต้องชะงักคำพูดเมื่อสายตาสองคู่ของผู้อาวุโสจ้องตรงมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียง ทางสัตยานั้นกลับยืนหน้าแดงอยู่ห่างๆไม่ยอมสบตา

“อ่อ...เอ่อ....ยกมาเลยคุณรักต์ มาๆ มากินข้าวกินปลากัน” ยศกระแอมเรียกสติและไล่บรรยากาศแปลกๆให้ออกไป

มื้ออาหารวันนั้น รักตปักษ์รู้สึกแปลกๆที่จันทร์วนากับยศแอบลอบมองหน้าเขาเป็นระยะสลับกับสัตยา แล้วก็หันไปมองหน้ากัน พอเขาเหลือบขึ้นไปเห็นก็จะยิ้มให้เหมือนกำลังมีเรื่องปิดบัง พวกเขาสี่คนแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย แต่ส่งภาษาทางสายตาที่ทำให้รักตปักษ์กับสัตยารู้สึกกระอักกระอ่วนไปตามๆกัน

หลังจากคุยกันจนบ่ายคล้อย สัตยาก็ขอลากลับเพื่อไปรับตัวพงษ์ศักดิ์ออกจากโรงพยาบาล จันทร์วนาและยศจึงออกมาส่ง

“เดี๋ยวผมขับกลับให้นะ คุณยา” รักตปักษ์ยื่นมือไปขอกุญแจรถ

“นี่มันรถผมนะ แล้วคุณขับรถสี่ล้อเป็นที่ไหน” สัตยาไม่ยอมยื่นกุญแจให้แล้วเดินนำไปไขรถเอง

“ผมเคยขับรถของพ่อตั้งแต่อายุสิบห้าแล้ว ผมขับรถสี่ล้อเป็นก่อนจะจับมอเตอร์ไซด์อีก” ชายหนุ่มร่างสูงจับมือสัตยาที่กุมกุญแจรถไว้ แล้วดึงมือมาแบออกหยิบกุญแจรถจากมือข้างนั้น สัตยาหน้าแดงรีบชักมือกลับไม่ต่อเถียงเพราะพ่อกับแม่กำลังมองมาอย่างไม่ละสายตา รักตปักษ์เห็นเช่นนั้นจึงพอเดาความได้ ก็หัวเราะออกมาจนสัตยาต้องเตะหน้าแข้งไปเสียทีให้หยุด

ทั้งสองคนหันมาเอ่ยอำลากับจันทร์วนาและยศ ก่อนจะขับรถออกไป

“พี่ยศว่า....คุณพ่อจะรู้หรือยังคะ?” จันทร์วนาเอ่ยถาม

“ผมว่าคุณท่านคงรู้ก่อนพวกเราอีก คุณจันทร์ ท่านออกจะสายตาเฉียบคมขนาดนั้น” ยศพูดพลางถอนหายใจ มีลูกชายกับเขาสักคน ไม่ใช่ลูกแท้ๆไม่พอ กลับมีเนื้อคู่เป็นผู้ชายด้วยกันเสียอีก พระพรหมท่านออกจะเล่นตลกเกินไปเสียหน่อยแล้ว


------------------------->


“บอกพ่อกับแม่เรื่องนั้นหรือ?” รักตปักษ์ถามเมื่อขับออกมาไกลแล้ว

“เปล่า พวกท่านเดาเอง” สัตยานั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง พยายามไม่หันมามองเสี้ยวหน้าของรักตปักษ์ที่ปรากฏรอยยิ้มอยู่ไม่ยอมจาง

“สัตยา หลังข้าสิ้นบุญในภพมนุษย์แล้ว เจ้าจะไปอยู่บนวิมานกับข้าไหม?” คำถามนั้นเรียกให้สัตยามุ่นคิ้ว จะว่าไปแล้ว เขายังไม่เคยเห็นวิมานของครุฑเลยสักครั้ง เพราะตอนรู้จักกันนั้น ครุฑยังไม่มีวิมาน แต่มาอาศัยในบาดาลเพื่อรับใช้พวกนาค

“ทำไมข้าจะต้องไปด้วย?” เขาถามกลับ รักตปักษ์จึงเบนรถเข้าจอดข้างทางแล้วหันมาดึงสัตยาให้เผชิญหน้า
“เพราะเจ้าต้องมีข้า สัตยา เจ้าไม่อาจตายจากร่างนี้ได้เพราะเจ้าดื่มน้ำอมฤตเข้าไป และยังไม่สละร่างเดิมทิ้ง” รักตปักษ์ว่าแล้วไล้มือไปบนใบหน้านวล “ร่างนี้ของเจ้าอ่อนแอกว่านาค อ่อนแอกว่ามนุษย์ ข้าอยากจะปกป้องเจ้า สัตยา”

“....ถึงอย่างนั้นวิมานของเจ้าก็ไกลจากแหล่งน้ำ”

“เช่นนั้นก็อยู่บนวิมานครึ่งปี ทะเลสาปครึ่งปี ข้าจะลงมาอยู่กับเจ้าด้วย” ชายหนุ่มผมแดงตัดสินใจโดยไม่ถามความเห็นอีกฝ่าย สัตยาเบ้ปากแล้วเบือนหน้าหนี เกรงว่ารักตปักษ์จะนึกพิศวาสจนอยากกอดจูบเขาขึ้นมาอีก และนี่ก็ยังอยู่ในรถซ้ำยังกลางถนน หากมีใครมองเข้ามาเห็นเข้า เขาคงจะไม่มีหน้าไปมองใครที่ไหนได้อีกเป็นแน่

“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องขอข้าด้วยชื่อจริงของข้า” สัตยาตั้งเงื่อนไข คิดจะถ่วงเวลาให้คำตอบ เพราะชื่อของเขานั้นรักตปักษ์ไม่มีทางจำได้ แต่แล้ว ชายหนุ่มร่างสูงกลับยิ้มออกมาแล้วประคองมือของสัตยาขึ้นแนบริมฝีปาก

“รัตนกรพินธุ์ เจ้าจะอยู่กับข้าไหม?”

“เจ้าไปรู้มาจากไหน!?” สัตยาร้องถามเสียงดัง

“เจ้าอินทุกานต์บอกมาน่ะสิ ข้าไม่คิดเลยว่าชื่อของเจ้าที่ได้ฟังในตอนนั้นจะมีประโยชน์เอาตอนนี้” รักตปักษ์ตอบเสียงรื่นเริง “คำตอบล่ะ เจ้ากรพินธุ์?”

สัตยาบ่นอุบอิบก่อนจะกลั้นใจตอบออกไป

“ก็ได้”

รักตปักษ์ฟังคำตอบก็หัวเราะอย่างสมใจแล้วดึงสัตยาแล้วมากอดพร้อมกับจูบลงบนกระหม่อม สัตยาดิ้นขัดขืนครู่หนึ่งก่อนจะนิ่งไปแล้วมุ่นคิ้วขัดเคือง

“องค์นารายณ์รังแกข้าเป็นแน่ คำอธิษฐานของข้าจึงไม่เป็นจริง” คำของสัตยาเรียกให้รักตปักษ์เลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย

“เจ้าอธิษฐานว่าอะไร?”

“ข้าอธิษฐานให้เกิดเป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ และได้แก้แค้นเจ้า” สัตยาว่า “ข้าไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้น คุณตาก็โปรดปรานเจ้ายิ่งกว่าข้า กฤตนันท์ยิ่งอย่าให้พูดถึง หากมันฟื้นจากความตายข้าจะส่งมันไปโลกหน้าอีกครั้ง นอกจากนี้ ข้ายังแก้แค้นเจ้าไม่ได้ มาโดนเจ้าแก้แค้นกลับเสียอีก” คำกล่าวของสัตยาทำให้รักตปักษ์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เรียกความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้าของนาคจำแลง สัตยาจ้องรักตปักษ์อย่างเอาเรื่อง

“คำอธิษฐานของเจ้าช่างกำกวมเสียจริง” รักตปักษ์ว่า “หากมองจริงๆแล้ว ก็นับว่าเป็นจริงอยู่หรอก ไม่มีใครกลั่นแกล้งเจ้าสักคน”

“เป็นจริงตรงไหนกัน?” สัตยาถามกลับเสียงขุ่น

“เจ้าจำที่แม่ของเจ้ากับข้าขอพรถึงลูกของตนได้ไหม?” สัตยาพยักหน้ากับคำถามนั้น รักตปักษ์จึงว่าต่อ “ข้าเกิดจากพรที่แม่วินตาของข้าขอไว้ว่า ขอให้ลูกของนางเกิดมาเป็นผู้มีอำนาจ แล้วเจ้าก็เป็นที่โปรดปรานของข้าเสียขนาดนี้ จะว่าไม่ตรงได้อย่างไร” ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็ซุกไซ้จมูกกับเรือนผมและใบหูนิ่ม

“แล้วอีกข้อล่ะ ข้าขอให้ได้แก้แค้นเจ้าด้วยไม่ใช่หรือ!”เจ้าของเรือนผมสีดำถามต่อแล้วผลักใบหน้าของอีกฝ่ายออก

“ตอนกฤตนันท์ยิงข้า ก็เพราะเขารู้จักกับเจ้า ก็ถือว่าแก้แค้นแล้วไม่ใช่หรือ? หากตอนนั้นเจ้าไม่กระโดดลงมาช่วย ป่านนี้ข้าคงได้สละร่างมนุษย์แล้ว” รักตปักษ์เฉลยด้วยรอยยิ้มก่อนจะปล่อยเมื่อสัตยาเริ่มหน้าบึ้งอย่างขัดใจ เขาหันกลับมาจับพวงมาลัย ก่อนจะหันไปบอกสัตยา “คืนนี้อย่าล็อคประตูล่ะ”

สัตยาไม่ได้ตอบคำ แต่ค่ำคืนนั้นก็มีนกสีแดงตัวหนึ่งเข้าไปในห้องของเขา....


END....


-------------------------

จบแล้วค่า~ สำหรับผู้ที่ต้องการจองรวมเล่ม >>>จิ้มได้เลยค่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21637.msg1308343#msg1308343)
เปิดจองถึงวันที่ 15 มี.ค. 2554 นะคะ

พบกันเรื่องหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 12-02-2011 18:30:04
+1 ครับ

หวานมาก 555+ ชื่อจริงนี่เพราะมากเลยอ่ะ ชอบๆ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 12-02-2011 18:30:55
ว้าวๆๆๆๆๆๆๆ
จบแล้ว
เป็นเรื่องที่ขอเก็บไว้ในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งเลย
ของคุณที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่าน
น่าเสียดายอย่างเดียว
ไม่มีฉากNCบ้างเหรอ :really2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 12-02-2011 18:36:28
อ่านจบแล้วครับ  ขอบคุณมาก ^ ^
หัวข้อ: Re: หนอนใบตอง by RakorN ตอนที่27: เปลี่ยนใจ หน้าที่ 68 [16.12.10]
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 12-02-2011 18:38:43
จิ้ม
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-02-2011 18:39:27
 :L1:จบแล้ว เร็วจัง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 12-02-2011 18:51:45
 :pig4: :pig4:
 :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-02-2011 19:18:59
อร๊างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 12-02-2011 19:26:15
หวานจนจบ ขอบคุณจ้าที่นำมาลงให้ได้อ่านกัน

+1  :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 12-02-2011 19:27:50
จบแล้วววว

ว้าจบเร็วจัง
ขอบคุณมากๆนะคะ ที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 12-02-2011 19:40:33
0o0!!! จบแล้วเหรอ

แต่ก็หวานซะ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-02-2011 19:53:04
ตอนจบหวานมากมาย  :-[ เสียดายจัง เพิ่งมาหวานกันตอนท้ายๆ จบซะแระ หุๆ

แต่ขำตอนพระเอกเฉลยมากเลยอะ เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจจริงๆด้วยหนูยา  :laugh:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-02-2011 19:53:29
จบซะแล้ว อิอิ
น่ารักมากมายเรื่องนี้ ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: pigg ที่ 12-02-2011 19:57:20
หวานมากมาย -///-
ที่แรกกะจะไม่อ่านต่อตั้งแต่จองรวมเล่มเเล้วนะ...แต่มันอดใจไม่ไหว~~♥
 :กอด1: :กอด1:


ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ปลื้ม!!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: tonight ที่ 12-02-2011 19:59:57
ตามอ่านจนถึงตอนจบเลย ขอบคุณมากนะคับ :pig4:
ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่อ่านจนติดหนึบเลย สนุกหลากรสชาติมากคับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: katook ที่ 12-02-2011 20:02:07
 :pig4: ขอบคุณจ้า loving u so much very much....
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 12-02-2011 20:43:13
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: หวานกันดีจังเลยค่ะ ครอบครัวชลวรินทร์น่ารักมาก จริงๆ แล้วน้องนาคกังวลไปคนเดียวสิค่ะเนี่ย
ปล.จนจบแล้วหนูยังไม่รู้ชื่อพระเอกเลยอ้ะ
รออ่านเรื่องต่อไปนะค่ะ
+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 12-02-2011 21:24:10
สนุกมากค่า อ่านแล้วชอบมากเลยอ่ะ
ขอจองด้วย 1 เล่มนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 12-02-2011 21:31:59
รอเรื่องต่อไปจ้า

 :L2: :L2:

+1 ให้น๊า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-02-2011 21:32:22
สั้นไปนิดนะ อยากอ่านตอนพิเศษ
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ
+1
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 12-02-2011 23:12:01
น่ารักมากมาย
ขอบคุณค่า รออ่านเรื่องต่อๆไป
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 12-02-2011 23:18:32
หวานๆ ให้ชื่นใจดีจัง
ฮ่าๆ
รอรวมเล่มค่ะ!!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 12-02-2011 23:46:05
แงๆๆๆๆๆ อยากอ่านต่ออ่ะค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา  o9 o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 12-02-2011 23:51:58
ตอนจบก็หวานถูกใจเราจริงๆ
อยากให้มีต่ออีกจังเลยตอนพิเศษก็ได้
แต่ชอบตอนที่รักษ์ว่ายาเป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ
อ่านแล้วแบบว่าไม่ค่อยเข้าข้างตัวเองเลยน่ะ
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 13-02-2011 00:25:11
อยากให้มีตอนพิเศษจัง ( ไม่รู้ว่าขอมากไปไหม? ) แต่แค่นี้ก็จบหวานสมใจคนอ่านแล้ว !!!
ไม่มีโครงการต่อภาค 2 เหรอค่ะ? ก็แหม...ทรัพยากรที่เหลือกับพล็อตเรื่องที่เปิดมา
น่าจะสร้างได้อีกภาค สองภาคแน่ะ~ ( อย่างน้อยก็มีนาคเหลือตั้ง 999 ตัว แน่ะ อิ อิ ~ :L2:)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 13-02-2011 00:48:41
หวังว่า ตอนพิเศษจะมี nc นะค่ะ คิคิ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 13-02-2011 01:15:20
หวานชื่นสมใจ ขอบคุณนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 13-02-2011 02:54:39
จบแบบหวานๆ หื่นๆ นะว่ามั้ย 55+ รอรวมเล่มค่าาา
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 13-02-2011 03:24:26
ใครอยากอ่านตอนพิเศษ มีบทจุ๊บจิ๊บ อย่าลืมอุดหนุนรวมเล่มน่ะค่ะ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 13-02-2011 05:35:40
 :o8:
หวานแบบไร้เดียงสา

น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 13-02-2011 09:14:04
 :-[จบได้หวานน่ารักมากเลยค่ะ

ที่แท้สัตยาได้เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจจริงๆพรที่ขอไปเป็นจริงทุกประการ :laugh:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 13-02-2011 14:13:32
ขอบคุณครับ  ขอบคุณมากๆ  เรื่องนี้อ่านแบบอิ่มยังไงไม่รู้ 
ตอนแรกเห็นชื่อนะไม่อยากเข้ามาอ่านหรอก
แต่พอได้อ่านก็ไม่อยากให้จบ  "เป็นอะไรของเรานี่ 555 "
ขอบคุณนะครับที่ทำให้อ่านไปแล้วทำให้จินตนาการตามง่ายมากๆเป็นเรื่องที่สนุกอีกเรื่องนึงเลยครับ  ขอบคุณครับ 
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 13-02-2011 17:23:58
สนุกมากครับ ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 13-02-2011 17:34:59
จบแบบหวานมากกก
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 13-02-2011 18:13:11
จบแล้ววว

รออ่านรวมเล่มนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 13-02-2011 19:12:32
ไม่อยากให้จบเลยออกจะสนุกซะขนาดนี้

หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 14-02-2011 09:18:33
จยซะหวานเชียว
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: กะทิน้อย ที่ 14-02-2011 10:09:01
เพลิดเพลินมาก อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 15-02-2011 06:23:39
ไม่อยากให้จบเลย

สนุกมากกก
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 16-02-2011 00:31:02
จองด้วยหนึ่งชุดค่ะ เด๋วโอนแล้วจะเมล์ไปบอกนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: kaowkong ที่ 18-02-2011 00:17:25
โอยยย...อ่านแล้วมีความสุข...

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: YongaMO ที่ 18-02-2011 04:21:16
ขอบคุณค่ะ ~  :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 18-02-2011 23:00:46
 :-[ กรี๊ดดดดดดดดดด  ชอบมากมายยยยยยยยยยยยย




อยากได้ไว้ครอบครอง แต่...... ตอนนี้ทรัพย์จาง :serius2: ทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ




กดบวกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปก่อนนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Muzik ที่ 19-02-2011 10:35:20
ไม่น่าจบเร็วเลย เสียดายจัง
เค้าเคยจิ้นครุฑกับนาคให้รักกันมานานแล้ว
และในที่สุดก็ได้อ่านสักที ชอบมาก อิอิ
 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: FortuneTeller ที่ 19-02-2011 12:10:07
โอ๊ยยย ตามมาอ่านตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ... แล้วก็มาอ่านต่อตอนเช้า...

อ่านรวดเดียวเลยจริงๆ ><" !!
(อ่านจบแล้วจะได้มีกำลังใจไปอ่านหนังสือสอบซะที จะสอบแล้วเนี่ย :'p )


เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากกกกกก พล็อตเก๋อลังการ แล้วก็หวานได้ใจสุดๆ น่ารักจริงๆค่ะ  :L2:


ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 19-02-2011 12:10:40
สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 19-02-2011 14:01:38
สนุกมากๆๆๆ   

อ่านรวดเดียวจบเลย

อยากให้มีต่อภาค2จังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 19-02-2011 17:11:43
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความประทับใจให้มากๆเลยค่ะ ชอบสำนวนการใช้ภาษามากๆ
 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 20-02-2011 10:29:11
สำนวนนดีจัง... คุณรักต์.. ดูแลรัตนกรพิณต์ดีๆๆนะ.. ฮุๆๆๆ
ชอบตอนหลังๆมากเลยอะ.. แสดงความหวานได้เต็มที่....
หนุกๆๆๆมากๆเลยฮํบ..
แต่อยากอ่าน NC อะ.. มาลงได้ป่าวฮับ.. .
แล้วจะติดตามผลงานต่อๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 20-02-2011 12:42:34
ตอนจบหวานมากๆๆอ่า

เสียดายจบไวไปหน่อย

ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆ

ในที่สุดครุฑกับนาคได้ลงเอยกันสักที
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-02-2011 23:57:01
น่ารักกันจริงนะ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 21-02-2011 11:50:24
Theme ของเรื่อง แปลกและมีความคิดสร้างสรรค์ดีมากเลยค่ะ ชอบจริงๆ
เรื่องซื้อหนังสือ ขอพิจารณางบก่อนนะคะ ไว้ต้นเดือนน่าจะได้สั่งค่ะ 555
ตอนนี้เอา +1 แทนคำขอบคุณไปก่อนนะ ^_^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: devilmlb ที่ 22-02-2011 03:26:02
ว้าวๆๆ จบแล้ว

ขอให้ทั้งคู่สุขสมอยู่ในวิมานนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 22-02-2011 18:23:22
 :L2: :L2: อ่านแล้วชอบมากๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: vutloor ที่ 22-02-2011 21:20:07
แต่งได้ดี สำนวนภาษาเยี่ยมยอด ผูกเรื่องได้สละสลวย ทำให่น่าติดตามเป็นตอนๆไป คุณเป็นคนแต่งที่สุดยอดจริงๆคับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: taniyone ที่ 22-02-2011 23:49:48
ไม่ค่อยมีคนแต่งแนวนี้เลย แบบว่า เก็บรายละเอียด
ผูกเรื่องเป็นขั้นเป็นตอน น่าติดตามและน่าค้นหามากค่ะ
สุดยอดจริงๆ ยกนิ้วให้เลย o13

ตอนแรกๆน้องยาซึนมากกกก ฮ่าๆๆ
คุณรักก็เท่มากกกกก แสนดีแต่ยียวน

ตอนท้ายๆหวานกันมาก
น้องยาน่าร๊ากกกกกกกกกกกกก
โดยเฉพาะตอนที่พาน้องยาเข้าถ้ำ ก๊ากกกกกกก

ซาบซึ้งมากๆค่ะ ความรักเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
การให้อภัยคือทานที่ดีที่สุดนะนี่

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับนิยายดีๆ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 24-02-2011 22:21:27
สนุกมากจ้า
อยากให้มีตอนพิเศษจัง  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: dee-dee ที่ 28-02-2011 14:13:41
โอนเงินไปแล้วเน๊  ตรวจสอบด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 04-03-2011 16:29:11
แจ้งโอนไปแล้วนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: ฮันนี่~ ที่ 10-03-2011 18:27:32
 :o8: :o8:
อยากบอกว่า "ชอบ" มากๆค่ะเรื่องนี้
ภาษาสวย เนื้อเรื่องแฟนตาซี น่าติดตาม
ปกติชอบแนวๆพีเรียดด้วย

แล้วนี่พีเรียดผสมปัจจุบัน โดนใจมั่กมากก > <
อรั๊งงงง
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2: :L2:
แล้วแต่งเรื่องดีๆให้ได้อ่านกันอีกน้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Joe ที่ 10-03-2011 21:50:10
ชอบจังเลย รักที่มั่นคง :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: MiNaTeuk ที่ 11-03-2011 20:36:28
โอนเงินแล้วนะค่ะ
พร้อมแนบใบโอนด้วย
ติดตามค่ะ ติดตาม
ว่าแต่ มีตอนพิเศษไหมค่ะ
คริคริคริ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 12-03-2011 04:45:58
+1
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกก
อ่านลื่นมากค่ะ ภาษาดีจัง
^^
คุณรักต์น่ารักมากจริงๆ
เจ้ากรพินธุ์ ชอบชื่อนี้มากๆเลยอ่ะ เพราะจัง
อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะ
ตอนแรกเห็นว่าดู แฟนตาซีหน่อยๆ คิดว่าจะยังไง
โฮๆๆๆ  สนุกน้ำตาไหล!!!!

ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 14-03-2011 11:09:15
ขอจองด้วยคนนึงนะคะ พรุ่งนี้จะรีบไปโอนเงินให้เลย ตอนนี้หลงสเน่ห์ท่านครุฑกับนาคน้อยเป็นอย่างมากจริงๆ >,,,<
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥Täsinä→l3€LL♥ ที่ 15-03-2011 01:54:00
ขอบคุณค่ะ

อ่านจบแล้ว!!

สนุกมากเลย

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Ska_Devil ที่ 15-03-2011 22:14:30
โอนเงินค่าหนังสือไปให้ละนะคับ เวลา18.40คับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 16-03-2011 03:52:17
ชอบมากครับ เนื้อเรื่องน่ารักดี
ชอบๆ ใจมากครับคนแต่งคนโพส :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-03-2011 14:30:12
เพิ่งได้มาอ่าน แม๊ พลาดไปได้อย่างไร สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก  :m3:
ขอบคุณคนเขียนมากๆค่า ตอนนี้ก็กำลังติดมาเฟียเจ้าเสน่ห์อยู่ เมื่อไหร่จะมาต่อน้อ :z3:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 16-03-2011 18:32:38
แจ้งปิดจองรวมเล่มสัตยาธิษฐานแล้วนะคะู ^ ^
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่อุดหนุนค่า~ ส่วนท่านที่ไม่อุดหนุนแต่ส่งกำลังใจมาเรื่อยๆก็ขอขอบคุณเช่นกันค่ะ~
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 16-03-2011 18:51:49
ปิดจองแล้วเหรอคะ  อยากได้อ่ะ  แต่ช่วงนี้ช็อตอ่ะ   :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 16-03-2011 20:54:21
จองแ้ล้วแต่ยังไม่ได้โอน นี่ก็ถือว่าไม่ได้ใช่ไหมคร่า ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออ ~

โอนไม่ทัน เพราะยังไม่ได้ไปธนาคารเลยอะ ฮืออออออออออออ ทำไงดีอ่า ขอเวลาอีกนิสนุงน้าาา  :sad11:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: sek-sy ที่ 17-03-2011 19:31:23
ขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ แนวแบบนี้หาอ่านยากมาก แบบไทยแท้เลยเนี้ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 25-03-2011 20:19:46
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Ska_Devil ที่ 26-03-2011 00:21:00
ได้รับหนังสือแล้วนะคับ ขอบคุณมากๆ ชอบตอนพิเศษจังน่ารักดี ทั้งสองตอนเลย ขอบคุณมากคับ ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 26-03-2011 12:25:50
ดีค่ะ เพิ่งได้มาอ่านแล้วชอบมากค่ะ จะสอบถามว่ารวมเล่มมีเหลือไหมค่ะ อยากได้คะ

Mr_br_nอย่าแสดงเมลบนบอร์ด
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 26-03-2011 12:34:31
ได้รับหนังสือแล้วนะคะ ตอนพิเศษสั้นไปหน่อยยังไม่จุใจเลย แต่น่ารักดีค่ะ  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 26-03-2011 14:00:21
ได้รับหนังสือตั้งแต่เมื่อวานค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอ$
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 26-03-2011 19:29:18
ได้แล้วค่ะ
ชอบตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 26-03-2011 19:43:08
คุณ ZIar ขาาาาาา  :กอด1:
วันนี้เขาไปหิ้วหนังสือเรื่องนี้มาจากบุ๊คแฟร์ด้วยแหละ (พร้อมด้วยพวงกุญแจรีบอร์นอีกหนึ่งกระสอบ มากมายมหาศาล T^T)
หมดบูธตัวเองไปตั้งห้าร้อยกว่าบาทแน่ะ  :monkeysad:

พี่คนขาย บอกคนแต่งไม่อยู่ คนแต่งกำลังเดินชอปปิ้งอยู่  :laugh:
อดขอลายเซ็นเลย งิๆ  :impress3:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Irendell ที่ 31-03-2011 13:44:06
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด อ่านจบแล้ว
อ่านกี่ทีๆ ก็ไม่เบื่อจริงๆ ค่ะพี่แมว แฮ่~
สัตยานับวันยิ่งน่ารักขึ้นนะเออ ถึงจะไม่ได้ออดอ้อมอย่างเต็มที่ก็เถอะ
แต่แหมะ! น่ารักจริงๆ เลย

ความรักระหว่างครุฑกับนาคมาแบบนี้ก็แปลกดี
ไม่คิดว่าจะลงเอยกันได้ อ๋อย~ อ่านเรื่องนี้ทีไรอยากเป็นครุฑอ่า
เหมือนได้ครอบครองนาคยังไงอย่างงั้น
เพิ่งรู้ว่านาคจำแลงกายเป็นมนุษย์จะมีเสน่ห์มากขนาดนี้ >.<
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 31-03-2011 22:56:01
คุณ ZIar ขาาาาาา  :กอด1:
วันนี้เขาไปหิ้วหนังสือเรื่องนี้มาจากบุ๊คแฟร์ด้วยแหละ (พร้อมด้วยพวงกุญแจรีบอร์นอีกหนึ่งกระสอบ มากมายมหาศาล T^T)
หมดบูธตัวเองไปตั้งห้าร้อยกว่าบาทแน่ะ  :monkeysad:

พี่คนขาย บอกคนแต่งไม่อยู่ คนแต่งกำลังเดินชอปปิ้งอยู่  :laugh:
อดขอลายเซ็นเลย งิๆ  :impress3:

โอ้ว~ เจอตัวแล้ว คนที่ซื้อไปตอนเซียร์แวบไปเดินเล่น XD ก็สงสัยอยู่ว่าใครกันน้อหลงมาซื้อไป 555+



แอบมาประกาศข่าวดี(มั้ง)สำหรับหลาย ๆ คนค่ะ
เนื่องจากมีคนเหมือนจะค้าง จองไม่ทันอยู่หลายคน พิมพ์เพิ่มไปขายที่งานหนังสือแล้วก็ยังมีคนอยากได้อยู่เยอะ เซียร์เลยตัดสินใจว่า จะเปิดจองรีปรินท์เรื่องนี้อีกครั้งพร้อมกับเปิดจองเรื่อง บัลลังก์ปีกหงส์ ที่กำลังเขียนอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นราว ๆ ปลายเมษายนหรือต้นพฤษภาคมค่ะ

สามารถรอคอยติดตามข่าวได้ในกระทู้นี้ >>> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21932.0

เปิดจองบัลลังก์ปีกหงส์เมื่อไหร่ ก็เปิดจองสัตยาธิษฐานเมื่อนั้นละ่ค่า~
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ~!!Ome!!~ ที่ 08-04-2011 16:27:37
อ๊า ผมตามมาอ่านอีกทีก็ตอนที่พี่ปิดจองแล้วส่งหนังสือไปแล้วอ่ะ เอาเป็นว่าถ้าเปิดจองรอบหน้าก็จองทั้ง 2 เรื่องเลยนะคับ

ป.ล. ว่าแต่เซินหยู่มันบีบคอเมียตัวเองตายจริงหรอ ? แล้วคุณฉู่นี่น่าสงสัยนะว่างานจบแล้วพี่แกจะเอายังไง รอติดตามอ่านต่อนะค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 09-04-2011 23:53:03
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ขอบคุณนะคับบบบ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: kut ที่ 11-04-2011 12:07:36
ไม่ทราบยังสามารถสั่งจองได้หรือเปล่า พอดีเข้ามาช้าไปหน่อยนะคะ แล้วถ้ามีเรื่องอี่นๆ ช่วยบอกด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 11-04-2011 12:55:42
ไม่ทราบยังสามารถสั่งจองได้หรือเปล่า พอดีเข้ามาช้าไปหน่อยนะคะ แล้วถ้ามีเรื่องอี่นๆ ช่วยบอกด้วยนะคะ

จะเปิดจองพร้อมเรื่องบัลลังก์ปีกหงส์ค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: imsingularfc ที่ 12-04-2011 06:29:54
ชอบๆๆ อ่านแล้วเพลินดีค่ะ ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะค่ะ
ปล. งานหนังสือคราวถัดไป จะมีไปวางไหมค่ะ แล้ววางที่บูธไหนค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 12-04-2011 15:09:16
ชอบๆๆ อ่านแล้วเพลินดีค่ะ ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะค่ะ
ปล. งานหนังสือคราวถัดไป จะมีไปวางไหมค่ะ แล้ววางที่บูธไหนค่ะ

ไม่วางแล้วค่ะ
ถ้าต้องการจองล็อตสาม(ซึ่งน่าจะเป็นล็อตสุดท้ายแล้ว) ขอให้ติดตามกระทู้บัลลังก์ปีกหงส์แทนนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 16-04-2011 22:49:25
ขอบคุณมากครับ สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้  :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: watwong ที่ 17-04-2011 15:32:32
สนุกครับ ชอบมากกกก อ่านคืนเดียวรวดเลยยยยยยย นาค น่ารักครับ ครุฑเท่ห์มากกกกกกกกกกก รักเลยเรื่องนี้ๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 18-04-2011 13:16:46
จบแล้ว
หวานซะ ชอบจังเลย แนวแบบนี้หายากนะ
เฮ้อ! อยากได้หนังสือ ยังทันมั้ยน้า~
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: hidden-love ที่ 19-04-2011 06:54:24
มีรีปริ้นอีกรอบไหมครับ? มาไม่ทันจริงๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: wowhaha ที่ 20-04-2011 01:43:47
ยังมีเหลืออยู่หรือเปล่าครับ ถ้ามีขอจองด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: nuttapoom19 ที่ 20-04-2011 21:23:56
โอนเงินไปตั้งแต่วันที่ 8/03/2011 เวลา 12.59 น.
แจ้งไปทางเมล์ 2 รอบแระ
แต่ยังไม่ได้รับหนังสือเลยครับ

ผมใช้เมล์ yothin19<a>hotmail.com
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: pizza2011 ที่ 21-04-2011 13:13:50
น่ารักอ่ะ 
ส่วนตัวชอบเรื่องแบบนี้มากเลยนะค่ะ
ภาษที่เล่าเรื่องก็ดีอินไปกับที่ตอนเลยค่ะ
สนุกมากมากเลย
รักนาคน้อยของพี่ครุฑ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: lovelogically ที่ 24-04-2011 04:58:25
คนอื่นจะน้อยใจไหม

ถ้าผมบอกว่าชอบนิยายเรื่องนี้ที่สุด
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 25-04-2011 17:52:40
อิงวรรณคดี ได้ดีมาก

อ่านแล้วเพลินมากๆ


ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ที่แบ่งปันครับ


ขอบคุณครับ


 :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: gkyoai ที่ 26-04-2011 18:10:07
 :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 22-05-2011 22:33:29
อรึ้ยยยยยยยยยยยยยยยย  เพิ่งมาอ่านค่ะ ะะ  สนุกมากเลย  ฮ่าๆๆ

นาคน้อย กับ ครุฑ ตัวแสบบบ 

ฮ่าๆ ๆ  ชอบประโยคสุดท้ายเนี่ยแหละ  อย่าล็อคหน้าต่างนะะ

ทำยังกะ ถ้าเข้าทางประตู แล้วคุณพงศ์ศักดิ์จะไม่ยอมงั้นน่ะ

^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 05-06-2011 14:30:24
 :serius2:
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงหว่า...ชอบเรื่องราวครุฑและนาคมากมาย
แต่งได้ดีอ่านรื่นไหล ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆอีกหนึ่งเรื่อง  :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 07-06-2011 14:23:11
สนุกมากกกกกกกกกกกกก
ชอบมากๆๆ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านแนวแฟนตาซีกับพวกย้อนยุคอยู่แล้ว
มาเจอเรื่องนี้ ชอบจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 19-06-2011 13:42:20
รวดเดียวจบสนุกมากมายครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Joe ที่ 07-07-2011 23:34:44
ชอบเรื่องนี้มากครับ อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: myall ที่ 23-07-2011 22:17:39
ได้หนังสือแล้วค่ะ มาไวจริงๆ
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย
เดี๋ยวสอบเสร็จค่อยอ่านอีกรอบ 555
ที่คั่นได้ครบ อิอิ
เห็นงูที่หน้าปกแอบกลัว ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: l3lackkiss ที่ 06-08-2011 04:32:58
ขอบคุณมากนะคะ
สนุกมากค่ะ ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้นะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 10-08-2011 14:43:57
เพิ่งมาอ่านสนุกมากๆ  :pig4: นิสัยครุฑเหมือนกันหมดรึป่าว ชอบบินแอบเข้าห้องคนอื่น อิอิ :really2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: thejaoil ที่ 13-08-2011 20:03:18
สนุกมากเลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 18-08-2011 23:32:07
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 30-08-2011 11:56:32
กอดดดดดดด
เข้ามาอ่านช้าแต่เข้ามาแบบกรี๊ดกร๊าดนะคะ
จิอยากอ่านงานแนวประมาณนี้มากค่ะ  พี่สาวคนสนิทแนะนำมาว่ามีเรื่องนี้มีครุฑมีนาคด้วย  ชนะเลิศศศศศศศส!
มันช่างทิ่มกระแทกใจที่สุดอ่ะ!
จิเสพตอนแรกแล้วค่ะ  ภาษาสวย  อ่านเข้าใจง่ายด้วย
ตอนต่อไปจิค่อยมาอ่านวันหลังค่ะ  รู้ว่าจบแล้ว แต่อยากให้มันเหมือนนิยายที่เพิ่งลงอ่ะ  คิดเอาเองว่าอีก  2  วันนักเขียนถึงจะมาต่อ  จะได้มีไว้อ่าoนาน ๆ  กร๊ากกกก
ขอบคุณที่เขียนงานจรรโลงใจแบบนี้ให้อ่านนะคะคุณเซียร์
 :pig4: :กอด1: :man1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 31-08-2011 14:52:29
หวานน้ำตาลขึ้นตา พล็อตเรื่องสนุกมาก สมกับเป็น นิย๊าย นิยาย จริง


ชอบอ่านแนวนี้แหละ แฟนตาซีแบบไทยๆ ใกล้ตัวดี เข้าใจง่าย  คุณเซียร์ แต่งแนวนี้อีกนะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 31-08-2011 15:29:26
กอดดดด
อ่านตอนที่ 2 แล้วปลื้มความองอาจของพญาครุฑอยากพระเอกมากค่ะ  ชาตินี้เกิดมาเพื่อง้อจริง ๆ  พยานาคก้ดุแล้วก้เกรี้ยวกราดมาก  อยากเห้นตอนสู้กันแล้วเกี่ยวกระหวัดรัดกันไปมา  ครุฑก็จิกทึ้ง  นาคก็กัดรัด  ภาษาคุณเป็นหนึ่งในโลกหล้ามากค่ะ  เข้าใจง่าย  แล้วก็งามมากด้วย
อาห์..แล้วจะเข้ามาเก็บตอนต่อไปนะคะ
ปลาบปลื้มมมม
ขอบคุณมากค่าาาา
 :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 31-08-2011 16:51:53
เขียนได้ดีมากครับ ใช้ภาษาดีเลยละ ชอบครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: boran ที่ 31-08-2011 21:04:06
อ่านแล้วอยากให้เป็นเรื่องจริงเลย ^^ คนแต่งเก่งงงงงง ชอบบ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 03-09-2011 02:44:13
น่าร๊ากกกก ><
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 03-09-2011 04:59:45
จิ้ม +1

ชอบสไตล์การเขียนมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 17-10-2011 22:49:28
ชอบเรื่องนี้มากๆเป็นเเบบเเนวแฟนตาซีของไทย สนุกมากๆ

นาคน้อยน่ารักน่าหอม

+1ค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: i-meud ที่ 25-10-2011 18:41:03
อึ๊ยยยย
"เจ้าทำเรื่องบัดสีกับข้า" เขินจริงอะไรจริง 5555

คือไม่รู้ว่ามันจะฟังดูแปลกรึเปล่านะ แต่เราชอบชื่อตัวละครมากเลยแหละ = =

โดยเฉพาะชื่อพระเอกน่ะ เท่ห์ชีงๆ 55
ตัวคนก็เท่ห์ มีปืกสีแดง บินได้อีกอ่ะ ตอนฆ่าคนยังเท่ห์
กรี๊ดนะเนี่ย ฮี่ๆ

ไหนจะชื่อนาคของสัตยาด้วย ชอบๆ
คุณยาดูซึนๆดี อิๆ

ชอบมากๆเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 27-10-2011 21:06:19
ชอบคะ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Moon_Crying ที่ 02-11-2011 12:58:28
ขอเข้ามากรี๊ดดดดดด หลังอ่านจบ  :impress2:
เนื่องจากไม่รู้จะอ่านอะไร เลยมาหานิยาบที่จบแล้วอ่านดู เผื่อจะเจอเรื่องเจ๋งๆ
แล้วก็เจอเข้าอย่างจังเรื่องนี้ชอบมากๆเลย
อิงวรรณคดีได้ดีมากแล้วก็เลือกใช้ตัวละครได้น่าสนใจมากๆเช่นกัน
ครุฑ กับ นาค แสดงถึงความมีอำนาจ ยิ่งใหญ่ และสง่างาม
เราว่ามันเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆอ่ะ แต่งได้ไง คิดได้ไง
สรุปชอบมากๆค่ะ เราคิดว่ามันสั้นไปนะอยากให้ยาวๆกว่านี้
แต่ก็ถือว่าเรื่องจบลงอย่างสมบูรณ์ค่ะ สุดยอด
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 02-11-2011 21:24:42
เฮ้ย!!! ชอบอ่ะ สนุกมากๆเลยอ่่ะ o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: venamama ที่ 05-11-2011 22:51:28
 :laugh: ....อ่านทีเดียวจบเลย เก่งที่แต่งได้ขนาดนี้ น.อิงไทย แต่งยากจริงๆ  o13 ขอบคุณมากๆเลย....  :pig4:
ปล.1 หน้าจะมีตอนพิเศษ1 NC (สัตยา+รักตปักษ์)
ปล.2 ตอนพิเศษ2 NC (กลับวิมาน นาค+ครุฑ)
 :กอด1: -หวังว่าแต่ก็ไม่เป็นถ้าไม่ได้-  :bye2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 06-11-2011 20:26:27
เป็นแนวแฟนตาซีที่สนุกมากค่ะ ภาษาสวย ดำเนินเรื่องน่าติดตาม

ขอบคุณนะคะ

ปล.อยากให้มีตอนพิเศษตอนไปอยู่วิมานของครุฑ หรือถ้ำบาดาลของนาค จะมีมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: IsseYa ที่ 06-11-2011 21:00:27
สนุกมากๆอะ ภาษาสุดยอดมาก อ่านได้ไม่มีสะดุด
ชอบมากเลยจ้า o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: jaijaiz ที่ 06-11-2011 22:18:16
พลาดไปได้ยังไงเนี่ย  o22
สนุกมากเลยค่ะ
เดี่ยวจะมาอ่านต่อ อิอิ

อดร่วมเล่มเลยเรา  :o12:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: erng ที่ 07-11-2011 01:03:02
น่ารักมากกกกกกกกกอ่ะค่ะ
นึกว่านาคจะใจอ่อนเร็วกว่านี้ซะอีกกกก
ครุฑน่ารักมากกกก อดทนที่สุดดดดด
ชอบบบบ คู่นี้ลงตัวมากกกกกก
แบบว่า ทำให้ขนาดนี้ นาคยังไม่เข้าใจอีก
นาคความรู้สึกช้าจริง ครุฑเลยต้องจัดการให้เข็ดดดดดด

หวานนนนนมากกกก
ชอบบบบบบบบ

ขอบคุณนะค่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: jaijaiz ที่ 07-11-2011 03:02:48
หวานมากเลยอ่า
อยากได้สักเล่มจัง
เสียดายจัง ดันพลาดเรื่องนี้ไปได้

สนุกมากเลยค่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 07-11-2011 12:23:10
ชอบอะ น่ารักดีๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: มะมะมะหมิว ที่ 08-11-2011 14:00:40
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ><   :o8:

 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 15-11-2011 10:42:01
นาค น่ารักอ้ะ!!!!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 17-11-2011 05:08:05
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆ เลยค่ะเสียดายจังมาอ่านช้าไป
ไม่งั้นคงต้องได้เรื่องนี้เก็บใส่ชั้นหนังสืออีกเรื่องแน่ๆๆๆๆ
รอการรีปริ้นนะคะคุณคนเขียน สาธุ......................
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 26-11-2011 11:04:27
เป็นเรื่องที่น้ารักมากกค่ะ
พออ่านแล้วรู้สึกถึงความโรแมนติก
ชอบความรักของนาคกะครุฑจังง
ใครว่าเป็นศัตรูกัน ไม่จริงงง
อ่านแล้วก็เขินค่ะ หวานกันซะ
โดยเฉพาะสองตอนสุดท้ายย >////<
ขอบคุณคนเขียนที่ทำให้ได้อ่านเรื่องดีๆนะคะ
คนเขียนแต่งมาก ขอยกนิ้วให้ :)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: volvox_nostoc ที่ 27-11-2011 12:55:04
 ฉัน      :L1:    สัตยาธิษฐาน


 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-12-2011 05:06:27
หวานมาก ๆ น่ารักมาก ๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: zolof26 ที่ 12-12-2011 14:43:01
อ่านจบแล้ว ขอบคุณมากๆเลยค๊าบบบบ แต่แอบงงเรื่องครุฑกับนาคนิดหน่อย คงต้องไปหาอ่านเอง ฮ่า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: JA(e)jung ที่ 17-12-2011 16:06:37
ในที่สุดก็อ่านจบจนได้
เป็นเรื่องที่สนุกมาก...ตอนจบก็น่ารักดี
แต่น่าเสียดายถ้ามีฉาก NC ให้ซักตอนก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
แล้วยิ่งถ้ามีตอนต่อที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันแล้วก็คงจะยอดเยี่ยมเข้าไปใหญ่
เรื่องนี้ชอบมากๆอ่ะ o13
 :call:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 22-12-2011 13:44:27
อ่านจบแล้วค่ะ เขียนได้ดีจริงๆ
สนุกมากค่ะ ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 22-12-2011 15:39:37

สนุกมากค่ะ ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 04-01-2012 22:00:01
 :o8: :o8:
เรื่องนี้น่ารักมาก อ่านแล้วยิ้ม อิอิ
 o13 o13
 :pig4: :pig4:
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: zenixs ที่ 08-02-2012 00:08:32
เพิ่งได้อ่านเรืองนี้ สนุกมากจริงๆ o13

ขอบคุณคนแต่งที่ทำให้ได้อ่านนิยายดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 09-02-2012 09:01:01
ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 09-02-2012 15:57:51
แค่อ่าน intro เรื่องก็ชอบมากๆเลยค่ะ ชอบจัง ^^
ขอไปอ่านตอนต่อแล้วจะมาคุยด้วยอีกนะค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: wasawath ที่ 11-02-2012 12:45:41
ชอบจริงๆเลเรื่องเน้
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 13-02-2012 18:50:58
คนแต่งเล่าเรื่องได้ดีมากมายจนบางครั้งเหมือนตัวเองกลับเข้าไปในยุคนั้นจริงๆ
ยุคของนาคและครุฑ ดสามอาฆาต ความเกีลยดชัง แต่สุดท้ายคำอฐิฐานนั้นกลับไม่เป็นผล
เพราะเขาสองคนเกิดมาเพื่อกัน 
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: wanmai ที่ 13-02-2012 22:45:27
ขอบคุณผู้เขียนค่ะ สนุกมากเลย
คุณบรรยายได้ดีเชียวค่ะทำให้เราเห็นภาพได้ไม่ยาก ครุฑกับนาค พล็อตโอเคมากอ่ะ ลงตัว กลมกลืน อ่านแล้วอิน
ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆนะคะ และขอบคุณเล้าเป็ดด้วยค่ะ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Angel.JS~ ที่ 18-02-2012 23:46:56
อ่านจบแล้วค่า สนุกมากๆเลยค่ะ ชอบมากเลย
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านนะคะ

คนแต่งเก่งมากๆเลยค่ะ ชอบมากเลย : ))

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Ammieちゃん ที่ 04-03-2012 19:05:47
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ขอบอกว่า ชอบมากๆๆๆ  :กอด1: ภาษาสวย อ่านเพลินไม่สะดุด ข้อมูลแน่น พลอตเป๊ะ
ขอชื่นชมมากๆ ค่ะ นานๆ จะเจอเรื่องแหวกแนวที่สวยงามแบบนี้สักครั้ง ส่วนตัวชอบพีเรียดแฟนตาซีอยู่ด้วย ยิ่งชอบใหญ่เลยค่ะ

ไม่ทราบว่า ถ้าจะสั่งหนังสือด้วยคน จะได้ไหมคะ ทันไหมหนอ มีเหลือถึงเค้าบ้างม๊ายย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 05-03-2012 16:08:56
สนุกมากเลยค่ะ
อยากหั้ยมี NCบ้างน่ะ(ฮุฮุ :haun5: แอบหื่นนิดหน่อย)
จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
ขอบคุนที่สละเวลาแต่งหั้ยอ่านนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: luxurious ที่ 27-03-2012 23:31:57
สนุกมากๆ แต่งได้อิงเรื่องจริงได้ดีมากเลยคะ
คนแต่งเก่งมากกกกกกกกกกกเลย
ชอบบบทุกเรื่องเลยอ่ะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องดีๆและสนุกๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 04-04-2012 23:46:32
เพิ่งหลงเข้ามาอ่าน
สนุกมากๆเลย
เนื้อเรื่องชวนติดตามมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ =>
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 26-04-2012 17:06:19
ชอบมากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

จะตามอ่านทุกเรื่องเลยคร๊าบบบบบบบบบ

อยากได้ เอนซี บ้าง แต่แค่นี้ก้พอใจอยู่น้าา

ขอบคุณที่สร้างงานดีดีมาให้ได้อ่านกันนะครับบ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ISee ที่ 30-04-2012 13:07:41
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ สนุกมากเลย ชอบๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 01-05-2012 16:11:13
อ่านจบแย้ว.....สนุกมากๆค้าบ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 07-05-2012 21:38:30
เข้ามาอ่านอีกรอบ  หลงเสน่ห์นาคน้อย อิอิ  :haun4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Superstar ที่ 10-05-2012 23:06:57
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน อ่านเพราะชื่อเรื่องในตอนแรกมันดูน่าจะชวนเข้าใจยาก
พอลองกดเข้ามาอ่าน กลับรู้สึกชอบมากกว่าเรื่องไหนๆ ชอบมากจริงๆค่ะ

เสียดายมาไม่ทันสั่งจอง เศร้าจัง TT TT

 :sad4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Fa.sumitra ที่ 16-06-2012 16:28:01
ชอบมากค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 07-07-2012 04:22:31
อ่านจบแล้วววว น่ารักมาก ๆ เรื่องนี้
เป็นแนวแฟนตาซีด้วย โปรดปราน
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุก ๆ จ้า

 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 18-08-2012 20:14:14
+1 ให้คุณเซียร์
ไม่น่าเชื่อว่าแค่จากนิทานปรำปราเรื่องครุฑกับนาคและเพลงๆหนึ่ง  คุณเซียร์จะเขียนเรื่องออกมาได้สนุกขนาดนี้
เริ่มเรื่องมาไม่ได้ขัดกับความรู้สึกเลย สอดแทรกกลิ่นอายโบราณได้เข้ากับปัจจุบันดีมากๆ
ดำเนินเรื่องได้เรื่อยๆน่าติดตามเป็นที่สุด
ขอบคุณนะค่ะที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านกัน o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 21-08-2012 19:14:02
สนุกจริง อะไรจริง อิอิ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: sum_sun ที่ 05-09-2012 16:56:24
นั่งอ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลยวันนี้ สนุกมากๆ เลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-09-2012 20:25:46
 :กอด1: ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ สนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: momoshiro ที่ 18-09-2012 03:38:24
อยากจะบอกว่าอ่านรวดเดียวจบ อ่านยิงยาวโดยไม่สนใจอะไรใดๆทั้งสิ้น คือมันสนุกมากกกก คุณใช้ภาษาสวยมาก! ถึงแม้จะไม่ได้มีฉากที่เรียกว่าหวานจนเห็นชัด แต่ก็แทรกอยู่เรื่อยมาตั้งแต่ต้นเรื่องนะ ถึงจะไม่ถูกกันตั้งแต่แรกก็เถอะนะ แต่อ่านก็ต้องอมยิ้มได้ตลอดเลยจริงๆ อยากจะบอกว่าสนุกมากกกก น่ารักมาก แต่งเก่งมาก : ) คุณรู้ไหมเราหลงแม่เคะน้อยสัตยาอย่างไม่รู้จะอธิบายได้ยังไง ก็,, คงจะเรียกได้ว่าน่าเอ็นดูก็คงไม่ผิด ส่วนพ่อพระเอกของเราก็นะ พอรู้ใจตัวเองล่ะก็ไม่ให้ห่างเลยนะ จมูกกับแก้มเนี่ย เอะอ่ะเป็นจับเอะอ่ะเป็นจูบ มันน่าตีจริงเชียว เอาเถอะถือว่าเป็นพระเอกหรอกนะเลยไม่ว่าน่ะ!


ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่าน ขอบคุณค่ะ : )
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 19-09-2012 19:24:17
เป็นเรื่องแรกที่ได้อ่าน

เพลินมากครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: runma ที่ 02-10-2012 18:09:32
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ เพราะตอนแรกที่เห็นชื่อเรื่องก็เฉยๆ
อาจจะเพราะไม่ใช่แนวที่ผมชอบเท่าไหร่ แต่วันนี้มาลองอ่านบทแรก
หลังจากนั้นก็ยาวเลยครับ สนุกมากเสียดายที่ไม่ได้อ่านตั้งนานแล้ว

ชอบในเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างครุฑ รักตปักษ์ กับนาค สัตยา
ดูมีสีสัน มีจินตนาการดีครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ เรื่องนี้นะครับ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lisnary ที่ 07-11-2012 01:42:10
 :L2: ชอบเรื่องนี้จัง หว๊านหวาน (น้ำตาลพุ่งเกินลิมิต) :really2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 08-11-2012 01:31:58
สนุกมาก ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: auza_jub ที่ 13-01-2013 18:27:24
ตามอ่านมาตั้งแต่แรกจนจบ  :o8:
ชอบคุณยามากมาย ที่สุดอ่ะ o13
จะคอยติดตามงานต่อไปนะ

ขอบคุณมากจ้า
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: RainingTime ที่ 27-02-2013 01:17:37
เพิ่มจะมาเจอเรื่องนี้ อ่านรวดเดียวเลย
หลงรักกันไปเต็มๆ  :กอด1: :กอด1:

ภาษาสวยมากเลยค่ะ ทุกอย่างลงตัว
แบบว่าชอบมากกก~~
เสียดายอย่างเดียว... ไม่ทันหนังสือ อยากได้เก็บไว้ แง้ๆ  :sad4:

รอติดตามผลงานเรื่อยๆนะคะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 10-05-2013 23:46:44
 o13  :hao7: สนุกครับ ชอบมากกกก อ่านคืนเดียวรวดเลย นาค น่ารักครับ ครุฑเท่ห์มากกก รักเลยเรื่องนี้ๆ  :hao3: :hao5:
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 16-05-2013 18:58:19
สนุกมากเลยครับ นิยายเรื่องนี้ทั้งครุฑ นาค ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้น่ะครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 11-06-2013 01:27:35
ครุฑกับนาค... กำลังชอบแนวตำนานโบราณอยู่ เข้าทีมากๆ กับคู่ครุฑนาคนี้
เขียนได้ดี ภาษาลื่น พล็อตดี
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Hikaru23 ที่ 12-06-2013 10:57:27
เรื่องนี้สนุกมากเลย ชอบมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: pilar ที่ 31-08-2013 16:10:14
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบพระเอก นายเอกแบบเนี้ย >w<!!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 01-09-2013 01:39:21
เป็นเรื่องที่น่ารักและภาษาสวยมากค่ะ
ชอบอ่าาา า !
 :mew1: :hao7:
แบบว่า...ก็รู้นะว่าจะจบแล้วแต่ มันจบเร็วไป
ไม่อยากให้จบเลยจริงๆค่ะ
ขอตอนพิเศษซักตอนสองตอนจะได้มั้ยน้าาาาาา ?
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 31-10-2013 07:05:32
ชอบมากครับ 
#ตอนพิเศษไม่มีหรอ  5555555 :mew3:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ophena ที่ 31-10-2013 07:30:51
อยากให้มีตอนพิเศษจังค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 11-11-2013 19:19:24
พึ่งเข้ามาอ่านค่า คงไม่ว่ากันเนอะ หานิยายเกี่ยวกับพีเรียดนี่น้อยมากๆ
ดีใจที่หลงเข้ามาอ่านเรื่องนี้ แหมๆ ผสมพันธุ์ข้ามสปีชีร์เลยที่เดียวฮ่าๆ
สนุกมากๆเลยคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-11-2013 13:15:17
อ่านจบแล้ว ชอบมากๆ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ  :L2:
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: PoppyPrince ที่ 17-11-2013 14:42:53
สนุกมาก  อ่านตอนจบแล้วรู้สึกเขินตามไปด้วย  หวานมาก
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: nichytaec ที่ 21-11-2013 20:32:18
จบซะแล้วอะ รู้สึกว่ามันสั้นจังกำลังอ่านเพลินๆ อ้าวจบซะแล้วเหรอเนี่ย สนุกมากเลยค่ะ นาคกับครุฑเป็นอะไรที่คลาสิคนะ เราเคยอ่านมาบ้างรู้สึกชอบมากๆ และเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราจะชอบ ตอนที่สัตยาลอกคราบเราอ่านแล้วเขินล่ะที่รักต์คอยเอาผ้าชุบน้ำลูบไปตามตัวเบาๆ กรี๊ดดดดดด เล็กๆ ด้วยความอิน 555+ แต่มีแอบขำนะ จากตอนแรกที่รักต์ไม่มีทีท่าพิศวาทในตัวยามากมายแต่หลังจากผ่านวิบากกรรมต่างๆ ร่วมกันทำให้ความหื่นของรักต์ปรากฎ แถมยังรุนแรงทุกที เสียดายวันที่ทั้งสองรวมร่างกันจะได้อ่านส่วนขยายมากกว่านี้ 55+

ขอบคุณนะคะสนุกมากเลย มาไม่ทันจองฟิคตามเคย แต่ถึงทันช่วงนี้ก็บ่อจี๊อยู่ดี...so sad!!!
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: kannipa ที่ 10-01-2014 00:50:10
ชอบๆ สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 12-01-2014 17:35:29
พึ่งได้มาอ่าน สนุกมากเลยค่ะ :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 01-02-2014 13:51:04
 
:L1: คู่แค้นแสนรัก  :L1:
 :-[ นาคน้อยน่ารัก ครุฑก็อบอุ่น เขินแทนคุณยาอะ :-[
เรื่องนี้ใช้ภาษาสวย แต่อ่านง่ายมาก ขอบคุณสำหรับเรื่องนะคะ
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: - aoeaม - ที่ 06-02-2014 05:54:54
จัดว่าค้าง จบแบบมึนๆงงๆ แต่เร้าใจ  :laugh:

ไม่เข้าใจตัวเองว่าปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านตามาทำไมตั้งนาน สนุกมากค่ะ  :man1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: 28016 ที่ 08-02-2014 23:44:08
พึ่งได้มาอ่านหลังปิดรวมเล่มไปแล้วสามปีได้นี่มันรวดร้าวมากค่ะ :hao5:
อ่านรวดเดียวจบสิบสองตอนเลยค่ะ สนุกมาก!
จากตอนแรกเรารู้แค่ว่าครุฑจับนาคกิน พึ่งมารู้ว่าเพราะเค้ามีคดีเก่ากันอยู่
แต่ยอมรับเลยว่าเราอ่านชื่อครุฑไม่ออกตอนแรก และตอนนี้ก็ยังไม่ชัวร์ :z6:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-02-2014 11:24:06
 o13 :pig4: สนุกมากค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 24-02-2014 20:43:59
สนุกมากค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 24-02-2014 21:38:43
เพื่งได้มาอ่าน เสียดายนะเสียดายมากที่ไม่ได้รู้เลยว่าครุฑกับนาคจะ nc กันไง??
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 02-05-2014 07:24:35
ตอนแรกที่อ่านเปิดเรื่องไม่ค่อยชอบเท่าไร
ไม่ค่อยน่าสนใจ
แต่พออ่านไปเรื่อยๆ
สนุกมากกกกกกกกกกกก
จนวางไม่ลง

ส่วนฉากหวานๆ
มีไม่เยอะ
แต่อ่านแล้วอิน  แล้วเขิลมากกกกกก
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: - lloJ!จิ้a - ที่ 02-05-2014 17:59:31
 :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าสีคราม ที่ 03-05-2014 22:29:15
กรี๊สสสสสสสสส เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สะดุดจากชื่อ
ดูโบราณ เลยเข้ามาอ่าน โอยยยยย ติดงอมแงม
จัดวันเดียว จบ

สนุกค่ะ เนื้อหากระชับ ภาษาสวยงาม
นาคน้อยน่ารักมากกกก ขี้อายสุดๆ >/////<
ครุฑก็อย่างเท่ห์ สุขุม นุ่มลึก

ทั้งๆที่ไม่มีเอ็นซี ฉากหวานก็น้อยแสนน้อย
แต่อ่านแล้วมันอิ่มเอมจังเลย เขิลบิดเป็นเกลียวเลย
กับฉากจูบแรกของทั้งสอง แอร๊ยยย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: latin ที่ 30-05-2014 16:47:10
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
สนุกมาก ภาษาสวยมากอ่ะ ชอบมากเลยค่ะ
หวานนิดๆไม่เลี่ยน ><~  อ่านแล้วไม่คิดว่าเป็นการแก้แค้นอ่ะ
มันให้อารมณ์ว่าคุณรักมาตามง้อคุณยาซะอย่างนั้น ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 25-06-2014 17:33:01
 :L1:สนุกดี
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Simple ที่ 07-07-2014 21:23:36
สนุกมาก เป็นนิยายที่แหวกแนวดีคับ

ชอบๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Jaiko★ ที่ 11-08-2014 15:57:05
สนุกมากเลยค่ะ >____<
เสียดายอยากอ่านต่ออีกเยอะๆจังเลย
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 29-08-2014 12:13:15
อ่านตอนแรกก็ติดใจแล้วอ่ะ น่าอ่านมากเลยค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 29-08-2014 16:58:40
กรี๊ด อิชั้นกำลังจะได้อ่านฉากนั้นของครุฑกับนาคช๊ะ มีทีเถอะ สาธุ :call: :call:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 29-08-2014 17:12:14
ไม่มีฉากครุฑกินนาคไม่เป็นไร เราสาวกวายสามารถจิ้นไปทุกเผ่าพันธุ์ ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้มันสนุกมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 25-10-2014 06:06:25
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 26-10-2014 07:52:13
สนุกกว่าที่คิดไว้มาก  ครุฑ! เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่า เจ้าคือสเป็คชายในฝันของมนุษย์ผู้หญิง(และชายด้วย )
 อยากเห็นปานรูปปีกสีแดงที่หลัง ของคุณรักต์จัง คงเทห์น่าดู อิอิอิ

ในส่วนของคำอธิษฐานของนาคน้อยนั้น เราก็ว่ามันแปลกตั้งแต่แรกแล้ว ตอนอธิษฐานน่ะลืมไปล่ะสิ ว่าครุฑก็นับเป็นผู้มีอำนาจสูง

ในโลกมนุษย์  ตอนนี้เลยได้เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจสมใจเลย  ทั้งรัก ทั้งหลงเชียว

ขอบคุณคนเขียนค่ะ สำหรับเรื่องราวสนุกๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 26-10-2014 10:43:33
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบมากเลยค่า  o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 28-10-2014 02:00:49
  นิยายเรื่องนี้อ่านสนุกมากๆคับ เทียบเท่านิยายของนักเขียนรุ่นใหญ่ๆอย่าง แก้วเก้าเป็นต้นได้เลยคับ แล้วคุณนักเขียนมีนิยายที่แต่งเรื่องอื่นอีกไหมคับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 28-10-2014 16:06:44
  สนุกมากๆคับ อ่านจนดึกลืมเวลานอนกันทีเดีย  :katai2-1:  :laugh: :m20: :o8:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 02-11-2014 20:27:44
เพิ่งอ่านหน้าแรก 1อยากบอกว่าภาษาสวยมากกกกกกกก สวยแบบไม่น่าเบื่อ
งดงามกลมกล่อมทำให้อยากอ่านทุกบรรทัด
บางเรื่องภาษาสวยจริงแต่อ่านไปชักน่าเบื่อเรียบๆ
แต่เรื่องนี้ภาษาสวยแบบมีเสน่ห์ดึงดูดรู้จักใช้คำ. ชอบมากกกกกกก
พล็อตเรื่องชอบมาก น่าสนใจ อยากอ่านแนวไทยแฟนตาซีแบบนี้ภาษาก็เข้ากับพลอตเรื่อง
สนุกมากกกกกกกกกกกก. อ่านแล้วเห็นภาพตื่นเต้น. เหมือนดูหนัง
โดยเฉพาะตอนแรกๆที่เล่าถึงการเกิดของนาคที่เข้ามาในท้องคน
แล้วเกิดปรากฎการณ์มหัศจรรย์อย่างไร
สนุกมากจริงๆค่ะ   จะติดตามอ่านต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 21-11-2014 11:02:38
สนุกมาก ๆ ครับ เนื้อเรื่องแปลกใหม่

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ZIar ที่ 08-01-2015 18:11:10
เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คในนี้ เลยพลาดตอบไปหลายคนเลย ขอโทษด้วยนะคะ :'D

สำหรับคำถามที่ว่ามีเรื่องอื่นที่เขียนอีกไหม
ที่ลงที่นี่มีเรื่อง บัลลังก์ปีกหงส์ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21932.0
กรงเกล็ดมังกร http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29851.0
ปฏิญญารัตติกาล http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35177.0
หัวใจไร้สี http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38296.0
กลเกมเสน่หา http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39617.30
และปัจจุบันกำลังเขียนเรื่อง บ่วงภุมรินค่ะ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43160.0

และตอนนี้สำหรับผู้ที่สนใจสัตยาธิษฐานแบบรวมเล่ม เซียร์กำลังเปิดจองอยู่นะคะ สามารถเข้าไปติดตามข่าวสารได้ในเพจ https://www.facebook.com/ZiarNovel เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 09-01-2015 21:35:39
 o7
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 31-01-2015 05:02:28
ชอบมากกกกกกกกก อ่านได้ไม่อยากหยุดเลย
ภาษางดงาม สำนวนชดช้อยย อยากอ่านต่อ
เรื่อยๆๆมากกก อยากอ่านถึงตอนได้ขึ้นไปอยู่
บนวิมานด้วยกันแล้วเลย ครุฑนาค ตำนานรัก
นิรันดร์ ตอนพี่รักน้องยาเค้าหวานกันนะ มดท่วมจอ
พี่รักนี่ถ้าจะเก็บกดตั้งแต่เห็นน้องยาลอกคราบ พอได้ที
เลยรีบจัดหนัก ปีนห้องซะเลย อย่างกับพระเอกหนังสมัย
ก่อน ที่ชอบปีนห้องนางเอกยามวิกาล เพื่อจับรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว
อิอิ งั้นอย่างงี้เวลาน้องยาลอกคราบใหม่ๆต้องคอยระวังพี่รัก
แล้วสินะ เดี่ยวโดนจับกิน คริคริ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 01-02-2015 21:38:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 02-02-2015 12:17:39
เรื่องนี้สนุกมากอ่ะ ชอบบบบบ
สัตยาน่ารัก  :impress2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-02-2015 23:37:43
สนุกมากกกกกกกกก  :oni2: :oni2: :oni2: :a1: :a1: :a1:

รัตนกรพินธุ์ กับ รักตปักษ์ ชื่อเพราะมากก ชอบบบบอ่ะชอบบบบบ :give2: :give2: :give2: :m1: :m1: :m1: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: timeturbo ที่ 09-02-2015 10:53:30
ชอบมากกกกกกกกกก :mew1: o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ckk ที่ 11-02-2015 09:08:15
สนุกมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-05-2015 05:36:39
ขอบคุณค่ะ
เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ShiRaZ_Prime ที่ 30-05-2015 11:56:51
เพิ่งอ่านได้สองตอนแต่ชอบมา
เอาจริงๆเราไม่ชอบครุฑ สัตว์ปีกทุกชนิดนั้นล่ะค่ะ
แต่ต้องยอมใจพระเอกครุฑเรื่องนี้เค้าหน่อย
แต่งสนุกดีค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 20-06-2015 09:38:42
ชอบแนวนี้มากเลยยย ผูกวรรณคดีได้แบบแยบยลจนต้องแอบคิดว่าจริงๆ มันคงต้องมีรักข้ามสายพันธ์แบบนี้มั่งล่ะน้าาา

น้องงูแอบซึนมากมาย 555 แต่น่ารักมากกกก พี่นกนี่ผู้ชายในฝันสุดๆ เลยค่ะ

ชอบจัง อ่านรวดเดียวจบเลยยย จะตามอ่านเรื่องอื่นๆ อีกนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 27-06-2015 16:47:48
เรื่องนี้น่ารักมาก ชอบอ่ะมันไทยๆดี
เราเห็นด้วยกับคุณยานะ ว่าพระพรหมลำเอียงแน่ๆ
ก็ดูสิรังแกคุณยาขนาดนี้ แก้แค้นก็แทบไม่ได้แก้ ดันมาตกเป็นของครุฑไปซะนี่ 5555
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: gloyjai ที่ 06-07-2015 02:11:51
สนุกมากเลยค่ะ หลังจากตอนที่ 9 มานี่หวานเชียววว
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 10-07-2015 16:39:52
หลงรักนาคน้อยเลยคับ ชอบคับ อ่านเพลินมาก จะติดตามผลงานต่อไปเรื่อยๆนะคับ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: propg ที่ 13-07-2015 00:53:21
ชอบมากๆเลย อ่านได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อ ภาษาสวยอีกต่างหาก  o13

ว่าแล้วว่าคนนั้นต้องต้องเป็นเชิดชัย ถึงกับต้องตบเข่าดังฉาด5555

ชอบเวลานาคน้อยเขินจังงงง น่ารักกก น่าฟัด  :hao7:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: npsp2555 ที่ 15-07-2015 14:48:38
อ่านรวดเดียวจบ ขอบคุณสำหรับนิยายนะค่ะ สนุกมากเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 16-07-2015 20:09:54
สนุกมากเลย ภาษาสวยด้วย :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: moongold ที่ 20-07-2015 03:23:56
ภาษาสวยมากเลยครับ เป็นนิยายที่มีโครงเรื่องน่าสนใจมากทีเดียว
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 01-08-2015 13:18:05
ชอบอ่านแนวนี้มากค่ะะ สนุกกกก
พี่รักต์ สัตยาน่ารักทั้งคู่เลยค่าาาาาา ><
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-08-2015 15:45:11
 :pig4: ภาษาสวยมากค่ะ เนื้อเรื่องดีค่ะ หวานแบบซึ้งไม่ถึงกับน้ำตาลเชื่อม
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: noopukna ที่ 23-08-2015 09:56:07
 :mew1:  สนุกมาเลยคะ อ่านรวบเดียวจบ ตาแดงกันไปเลย 5555555

ขอบคุณไรท์นะคะ ที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่าน ชอบมว๊ากกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 23-04-2016 23:18:17
โอยยยยย หวานจนต้องร้องขอชีวิต  :hao5: :hao5:
ขอบคุณที่เขียนงานดีๆแบบนี้มาให้ได้อ่านนะคะ :')
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 18-05-2016 08:20:52
เป็นไรที่ไทยแท้มากกกกก. โดยเฉพาะชื่อชอบมากกกกก. ความหมายเริ่ด.   แต่อยากรู้อะ. พ่อของนาคกะครุฑ เป็นอะไร.  ม่ายกล่าวถึงเรยอะ.      ขอบคุณจร่าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 02-07-2016 22:25:03
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ แบบนี้นะคะ
เรื่องของครุฑกับนาคนี่แบบคลาสสิคมาก ชอบมากค่ะ
แล้วทั้งรักตปักษ์กับสัตยาก็น่ารักมากเลย ไม่หวานจนเกินไป แต่อ่านแล้วก็รู้สึกได้ถึงความรักของรักตปักษ์ได้ตลอด น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 04-07-2016 08:52:09
ทำไมฉันพลาดเรื่องนี้ไปหลายปี ชอบอ่ะ เป็นที่เท่มากกกก
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ติชิลา ที่ 21-07-2016 10:27:46
 :hao7: :hao7: :hao7:

อ๊าาาาาา น่ารักอะ จะว่าไปสัตยาเหมือนหัวช้าหน่อยๆ ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 07-08-2016 14:04:13
ขอพรกำกวมเองนะคุณสัตยา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-08-2016 16:11:13
ชอบแนวแฟนตาซีมากๆ
เนื้อเรื่องสนุกและน่ารักดีค่ะค่ะ
อ่านแล้ววางไม่ลงเนื้อเรื่องน่าติดตาม
ชอบพระเอกเท่ได้อีก อิอิ :hao3: :hao3:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 22-08-2016 10:25:50
ก็เพิ่งจะเคยเห็นว่านาคกับครุฑกินกันเองได้ด้วย(ในแง่ที่ไม่ได้หมายจะเอาชีวิตกันและกัน)
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 19-09-2016 05:50:42
อ่านจบแล้วจนเช้าเลย :katai4:
อยากให้ยาวกว่านี้ และมีตอนพิเศษสักนิด แต่นิยายเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2011 แล้ว อิฉันเพิ่งมาเปิดเจอออ  :ling1:
ขอบคุณสำหรับนิยายค้าา  :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 20-09-2016 10:51:24
มีความโรแมนติคที่ได้กลิ่นอายจากกาลก่อน ละมุน ชวนฝัน น่าเอ็นดู

..ข้าวสุกเสียแล้วเล่า เจ้านาคน้อย..
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 26-12-2016 09:14:50
แวะมาอ่านอีกรอบ คิดถึงสัตยา  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-01-2017 19:03:41
 :L2: :3123: :L2: :3123: :L2: :3123: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: sherline8 ที่ 21-01-2017 10:09:40
 :impress3: :impress3: :impress3: :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2017 05:04:21
ต้องเป็นเชิดชัยแน่เลย หรือจะมีใครอีก ไม่มีกล่าวถึงใครเลยนะที่ผ่านมา หรือนี่อ่านตก :serius2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2017 05:23:33
คนในบอร์ดคนนั้นคือใคร!  :z6: :angry2:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END + เปิดจองรวมเล่ม หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2017 05:50:17
ฮือออ มันสนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 08-03-2017 15:18:35
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 12-03-2017 10:32:38
สนุกมากๆครับ  ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 12-03-2017 22:22:43
 :mew1: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 17-03-2017 06:54:03
อ่านกี่รอบก็ยังชอบเหมือนเดิม สัตยาก็ยังน่ารักในแบบของเค้าเหมือนเดิมเช่นกัน  o13 o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Zatsuki ที่ 17-03-2017 15:37:59
มี รีปริ้นท์ อีกสักรอบไหมคะ  เพิ่งมาอ่าน ชอบมาก อยากเก็บ  :z3:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-03-2017 17:33:04
เข้ามาอ่านอีกรอบ
มันดีมาก ดีจริงๆ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 15-06-2017 09:02:30
ชอบ ชอบ ชอบ   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 18-06-2017 20:23:05
สัตยาได้รับพรตามที่อธิษฐานทุกอย่างเลย
โดยเฉพาะเป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 19-06-2017 16:04:00
โอ้ยยยยย สนุกอ่าาา ตอนที่รู้ว่ามีคนเป็นหนอนในสำนักงาน นึกแล้วต้องเปนนังเชิดชัย 55555 หลังๆหวังว่าจะมีตอนพิเศษ แต่บ่มีเยยยย  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: serene ที่ 19-06-2017 16:18:44
สนุกมากค่ะ ชอบๆ   o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ํYanika ที่ 16-09-2017 23:31:33
ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ มันดีมากจริงๆเรื่องนี้ ภาษาสวย การบรรยายก็ไหลลื่นมากๆ อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากๆ o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: lucky ที่ 24-09-2017 22:21:09
สนุกมากค้ะ เพิ่งอ่านรวดเดียวจบ
คือปกติจะนับถือครุฑอยู่แล้ว
จะตามอ่านประวัตินั่นนี่อยู่ พอเจอนิยายแนวนี้นี่อินมากเลย ภาษาสวย อ้างอิงได้ดีมากค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 07-10-2017 15:40:57
 :pig4: สำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 22-10-2017 02:41:32
เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่านค่ะ รู้ตัวอีกทีก็อ่านจบแล้ว
อยากให้มีต่อตอนพิเศษจังเลย อยากรู้ความเป็นไปของตัวละครในเรื่อง 55555

ขอบคุณคุณ Zair ที่เขียนเรื่องดี ๆ แบบนี้ให้ได้อ่านนะคะ ชอบการใช้ภาษาภายในเรื่องมากเลยค่ะ งดงาม สละสลวย ลื่นไหล อ่านไม่มีสะดุดเลย
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 05-12-2017 18:59:02
สนุกมากเลยค่ะ อยากให้แต่งต่อ ถ้ามีรุนลูกท่าจะมันส์  :mew1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: ch4nomm ที่ 10-12-2017 18:24:07
อ่านจบแล้ว ขอบคุณคนเขียนที่แต่งมาให้อ่านนะครับ
สนุกและภาษาดีมากครับ
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: realpsy__ ที่ 11-12-2017 12:31:21
โอ้ยยยย หวานกันขนาดนี้ รักกันขนาดนี้ ฮื่ออ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 21-01-2018 19:37:26
หวานจนขนลุกไปหมดแล้ว น่ารักมากค่ะ จบได้ฟินมากกกก  :jul1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkii ที่ 28-01-2018 11:03:53
 :pig4: :pig4: ติดตามอ่านมาตั้งนานค่ะ พึ่งมีโอกาสได้สมัครไอดี
เลยมาเม้นให้เรื่องที่รัก  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:37:13
สนุกมาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: imkhimaut ที่ 14-07-2018 02:02:37
นึกว่าจะมีฉากอย่างว่ามาให้กระชุ่มกระชวยสักหน่อย :hao5: แต่แค่ความหวานก็ชนะขาดแล้วยอมก็ได้ :-[
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 30-07-2018 18:49:38

สนุกมากค่ะ ภาษาไหลลื่นมาก อ่านเพลินเลย ดีใจที่ได้อ่านนิยายดีๆค่ะ ขอบคุณนะคะ  :katai2-1:  :-[  o13
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Bringmelove ที่ 02-08-2018 23:43:48
กลับมาอ่านอีกรอบหนึ่งจากหนึ่งปีที่แล้ว ตอนนี้มีไอดีแล้วอยากจะเม้น ก็ยังชอบอยู่เนื้อหาแน่นและกระชับมาก เราชอบอยู่หลายฉากเลยชอบตอนที่พากันไปอยู่ใกล้ทะเลสาบ ตอนที่ไปบอกความจริงกับพ่อแม่แล้วพ่อกับแม่ก็รู้ก่อนอยู่แล้ว แล้วไม่รังเกียจเลี้ยงมาโตขนาดนี้ อีกตอนหนึ่งก็ตอนที่บอกว่าขอให้เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ ตอนอ่านครั้งที่แล้วเราจำได้ว่ามันทำให้เราไม่อยากเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรกับใครเพื่อต้องมาเกิดใหม่ตามแค้นกันไปเรื่อยๆ สนุกมากๆเลยค่ะ
แก้เเพราะลืมพูดถึงตัวละครเลย 55555555
สัตยาเป็นนาคน้อยดื้อ เอาแต่ใจกับรักตปักษ์แต่เป็นเด็กดีของที่บ้านนะ ถึงจะโฟกัสแต่ความแค้นจนเกินไปแต่จับได้ว่าน้องต้องน่ารักมากแน่ๆ และผิวสวยสุดๆ รูปร่างดี ดูมีเสน่ห์ ชอบงูน้อง ชอบงูเยอะๆ
รักตปักษ์ ถือว่าตอนมาเป็นคนแล้วเหมือนจะยอมรับในชีวิตที่ปกติไม่ได้มีฐานะแบบน้องนาค ตอนปกติก็ว่าดูหล่อแล้ว ตอนพี่เค้าไปจัดการคนร้ายแต่ละทีโคตรหล่อ
ทำไมจะต้องไม่ล็อคประตูกันด้วยเดินเข้ามาเลยคนทั้งบ้านก็ไม่ว่าอะไรหรอก 55555555555
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 05-01-2019 21:02:22
มาอ่านอีกรอบแล้ว
มันดีมากจริงๆ ^^
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 05-01-2019 21:23:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 18-02-2019 11:30:54
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: enas290843 ที่ 07-03-2019 18:04:27
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ สนุกมากๆ ภาษาสวยเข้าใจง่าย แถมกลอนก็เพราะจับใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 27-07-2019 10:41:17
สนุกมากค่ะ
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-12-2020 00:35:07
โห้ยยยยสนุกกกมากกกก ครุฑกับนาค จากแค้นมาเป็นรัก มีมือที่สามมาสร้างสถานการณ์อีก แต่แพ้ภัยตัวเองหมด บทจะสวีตกันนี่ ขอกรี๊ดแรงๆ 555  :-[ :-[ :กอด1: :กอด1: ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 26-12-2020 11:53:32
 :z13:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 31-12-2020 21:27:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaew ที่ 05-01-2021 10:40:57
ขอบคุณครับที่แต่งมาให้อ่านนิยายเรื่องนี้สนุกดีไม่ยืดเยื้อไม่ลำไย haha แต่ว่าจบไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 04-03-2021 05:21:06
จบหวานมาก ถึงแม้เรื่่องจะไม่สั้้นแต่เรากับรู้สึกว่าสั้นพึ่งรู้สึกว่าอ่านได้แค่แป๊ปเดียวเองทำไมจบแระ 5555 ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 23-03-2022 22:55:34
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 30-03-2022 19:57:25
 :pig4: