คุณแม่...ครับผม !!!
เปลือกตาบอบบางกระพริบปริบ... แสงรอบตัวดูสลัวรางจนน้ำฟ้าสามารถลืมเปลือกตาขึ้นมองไปข้างหน้าได้... แล้วพอเริ่มรู้สึกตัวปุ๊บเขาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงคนไข้ เพราะสังเกตเอาจากราวเหล็กกั้นเตียง มันช่างคล้ายกับห้องพักโรงพยาบาลในอังกฤษตอนที่ต้องเข้าๆออกๆเมื่อก่อนเลย...
“...โอ๊ย...” เด็กหนุ่มครางแผ่วเบาพร้อมยกมือมาลูบบ่าตัวเอง ความเจ็บเสียดแปล๊บเข้ามาถึงกลางทรวง สมองเต้นตุบจนเริ่มรู้สึกปวดระบมเพราะกำลังคิดย้อนความถึงเรื่องก่อนหน้านี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และทำไมเขาถึงมาอยู่ในสภาพอย่างนี้ได้...
“...ฟ้า...” และจู่ๆในความมืดสลัวเลือนรางนั้น เขาก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มเสียงหนึ่งดังเบาๆอยู่ตรงหน้า...สัมผัสแผ่วเบาตรงหลังมือที่เด็กหนุ่มยกมากุมไหล่ตัวเอง ค่อยๆช่วยหยิบยกมือของเขาออกจากบ่า... น้ำฟ้าลืมตามองคนที่นั่งกุมมือเขาอยู่ข้างเตียงให้เต็มตา... และเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครริมฝีปากบางก็คลี่ยิ้มให้ด้วยความขอบคุณ เพราะจำได้ดีว่าใครที่เป็นคนเข้ามาช่วยเขาไว้...
“เจ็บตรงไหนมั้ย... คุณอาบอกว่า ฟ้ามีไข้ต่ำๆ ปวดหัวรึเปล่า...” รังสิมันต์ถามคนไข้บนเตียง มืออีกข้างหยิบยกผ้าห่มแขึ้นมาคลุมให้ถึงคอน้ำฟ้า ก่อนจะยกมือทาบกับหน้าผากเพื่อวัดไข้ดูคร่าวๆ
“ฟ้า...เจ็บไหล่นิดหน่อย...ปวดหัวด้วย ฟ้า...ขอน้ำหน่อยได้มั้ยครับ...” เสียงแหบต่ำๆเอ่ยตอบ อีกคนรีบหันไปรินน้ำลงแก้วแล้วใส่หลอด เพื่อให้อีกคนดูดได้โดยที่ไม่ต้องลุกขึ้นมาจากเตียง... น้ำฟ้าก้มลงดูดน้ำในมืออีกคนเพื่อคลายกระหายจากอาการเจ็บคอตอนเช้า อาการหน้ามืดเล็กๆที่มักเป็นประจำตีขึ้นมาเป็นระลอก... แต่เด็กหนุ่มพยายามฝืนทนมันไว้ แล้วค่อยเอ่ยปากถามอีกเรื่องที่เขาอยากจะรู้มากที่สุดในตอนนี้
“คุณรังสิมันต์ แล้วหนูลินล่ะครับ...หนูลินเป็นยังไงบ้าง...แกบาดเจ็บหรือว่า...” พอเริ่มมีเสียงน้ำฟ้าก็ถามถึงสุดที่รักของตัวเองรัวเร็วจนรังสิมันต์ต้องตอบขัดขึ้นมาให้อีกคนสบายใจว่า...
“หนูลินปลอดภัย วันนั้นเพื่อนหมอของเธอมาตรวจให้เอง เขาบอกว่าหนูลินมีอาการอ่อนเพลียแล้วก็หิว...แต่ไม่ได้บาดเจ็บอะไร...”
“แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนเหรอครับ... อยู่กับหมอกานต์หรือว่า...” น้ำฟ้าถามต่อ เมื่อลองสำรวจดูรอบห้องแล้วไม่มีวี่แววของเด็กตัวน้อยเลย...
“ตอนนี้หนูลิน... อยู่กับแม่ของฉันที่บ้าน... แต่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวตอนประมาณ เจ็ดโมงครึ่ง แม่บอกว่าจะพาหนูลินมาโรงพยาบาล... พามาหาเธอ...” รังสิมันต์รีบต่อประโยคหลังให้คนไข้บนเตียงฟัง เมื่อคุณแม่ของหนูลินเตรียมตัวผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่กับใคร...
“แล้ว... แต่...แต่ผมอยากเจอลูก... ผมคิดถึงลูก...ผมคิดถึงเขา...” น้ำฟ้านอนน้ำตาคลอ... ถึงจะรู้แล้วว่าลูกอยู่กับใครและปลอดภัยดี แต่การที่ไม่ได้เห็นลูกอยู่ใกล้ๆตัวเองแบบนี้เขาก็อดที่จะเป็นห่วงจนแทบขาดใจไม่ได้...
“อย่าร้องสิ... แม่ผมเปลี่ยนไปแล้วนะ เขาไม่ยึดลูกเราไว้กับตัวหรอก... เขาเป็นคนบอกเอง...ว่าเขาจะพาหนูลินมาหาเธอวันนี้แน่ๆ ถึงแม่ผมจะเป็นคนใจร้อน...แล้วก็ดูใจร้ายไปหน่อย แต่เป็นพูดจริงทำจริง แม่เขาไม่ยอมผิดคำพูดที่ตัวเองเคยพูดไว้เลย...” รังสิมันต์กระชับฝ่ามือเรียวบางของอีกคนแล้วบีบเบาๆเพื่อให้คลายกังวล ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นลูบศีรษะอีกคนแผ่วเบา เขามีความรู้สึกอยากก้มลงไปจูบหน้าผากของอีกคนเหลือเกิน แต่ในระหว่างที่น้ำฟ้ากำลังนอนน้ำตาปริ่มพลางเหลือบมองผ้าปูเตียงเพราะคิดถึงลูก รังสิมันต์ก็ค่อยๆโน้มหน้าเพื่อหวังจะจูบหน้าผากปลอบโยนคนไม่สบายบนเตียงซักที ทว่าเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นขัดจังหวะพอดี ก็ทำให้รังสิมันต์ตวัดสายตาแผ่รังสีอำมหิตใส่คนเปิดประตูที่ช่างไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเองเอาเสียเลย !
“เอ่อ...ขอโทษครับ ผมแค่จะมาบอกว่า คุณหญิง นายใหญ่กับคุณหนูลินมาแล้วครับ...” และเป็นมาคัสนั่นเองที่เข้ามาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เห็นเจ้านายทำหน้าไม่พอใจก็นึกไปว่ายังไม่อยากให้คนมาเยี่ยมทั้งสามคนเข้าเยี่ยมแน่เลยจึงเอ่ยต่อว่า “เอ่อ...งั้นผมบอกให้นายใหญ่รอก่อนก็ได้ครับ...”
“ไม่ต้อง...ให้เข้ามาเลย...” เขาเอ่ยเสียงห้วน... ถอนหายใจยาวเมื่อคนไข้บนเตียงคลี่ยิ้มแก้มแทบปริออกมาเมื่อรู้ว่าใครมาหา เขาอยากจะได้รอยยิ้มแบบนั้นจากน้ำฟ้าบ้างจริงๆ... แต่เอาเถอะ...รอยยิ้มแรกตอนที่ฟื้นของน้ำฟ้าก็มีให้เขาเพียงคนเดียวอยู่ดี...มันพอจะชดเชยให้เขาได้อยู่หรอก...
“โอ๊ยให้ตาย... นี่แม่กับพ่อแท้ๆนะตะวัน... จะเข้ามาหาแกซักทีนี่ต้องผ่านการอนุญาตจากลูกชายตัวเองด้วยเหรอ... โอ๊ย...อะไรมันจะทำตัวกันเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันขนาดนี้...” คุณหญิงดารกานต์บ่นอุบทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง... ส่วนนายใหญ่ศิลาเพียงส่ายหน้าให้ภรรยา... ก็เพราะไม่ใช่เธอรึไงที่ทำให้ลูกชายไม่ไว้วางใจเองน่ะ...
“งืมม... วาาา... อือออ....” หนูลินที่ถูกคุณย่าอุ้มอยู่มีอาการงอแงมาตลอดทางเพราะไม่คุ้นคน ไม่คุ้นที่ และไม่มีแม่ฟ้าของเขาอยู่ใกล้ๆมาตั้งคืนหนึ่งแน่ะ... จนพอเข้ามาในห้องได้แล้วดวงตากลมโตมองจ้องตรงไปข้างหน้า ก็เห็นคนที่คอยเฝ้าดูแลตัวเองอยู่เช้าเย็นกำลังทรงตัวขึ้นนั่งพับเพียบบนเตียง แขนบางๆสองข้างเอื้อมออกมาข้างหน้ามาทางเขา... กลิ่นหอมขนมอวลๆคุ้นๆทำให้หนูลินเริ่มต้นใบหน้าเหยเกพร้อมเบะปาก นิ้วเล็กๆยื่นชี้ไปทางน้ำฟ้าแล้วก็เริ่มต้นส่งเสียงอ้อแอ้แล้วสุดท้ายก็ร้องไห้จ้าออกมาดังลั่น ดิ้นหนีถีบตัวคุณหญิงดารกานต์เป็นพัลวัน
คุณหญิงดารกานต์เห็นดังนั้นก็เดินอุ้มหนูลินเข้าไปหาคนไข้บนเตียงก่อนจะค่อยๆปล่อยเจ้าหนูตัวอ้วนกลมป็อกให้คนเป็นแม่ได้อุ้มสมใจ...
น้ำฟ้าเจ็บไหล่เหลือทนแต่ความอบอุ่นที่เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนก็ทำให้เขาฝืนความเจ็บแล้วยกแขนขึ้นมาโอบตัวหนูลินเข้ามานั่งตัก เจ้าตัวน้อยยกแขนสั้นๆขึ้นพยายามจะเกี่ยวโอบรอบคอเขาให้ได้ น้ำฟ้าอยากอุ้มหนูลินขึ้นกอดแน่นๆให้สมใจอยากเหลือเกินแต่แผลที่ไหล่ด้านหลังก็ไม่อำนวยเอาซะเลย... จนสุดท้ายรังสิมันต์ที่นั่งหมิ่นเหม่อยู่ข้างเตียงก็ค่อยกระเถิบเข้านั่งชิดน้ำฟ้า เอื้อมแขนข้างนึงเข้าช้อนใต้ก้นหนูลิน ส่วนอีกข้างก็ขยับโอบเอวเด็กหนุ่มให้นั่งพิงอกเขาสบายๆ จากนั้นมือคู่นั้นก็โอบทั้งสองแม่ลูกเข้าอกตัวเองเมื่อสองคนที่ว่านั่นเริ่มร้องไห้ตามกันไปซะแล้ว...
“อ้าวๆดูซิน่ะ... ปี่แตกทั้งแม่ทั้งลูกเลย... ตะวันอย่าไปรัดเขาแรงๆสิ แกตัวใหญ่อย่างกะแมมมอธ... สองคนนั้นตัวเล็กนิดเดียวเอง...” คุณหญิงดารกานต์บ่นไปเรื่อยเปื่อยพลางมองสองแม่ลูกที่ร้องไห้กันเป็นเผาเต่าราวไม่ได้เจอกันมาชาติเศษๆ
“เอ้อ...ไหนแม่บอกจะมาเจ็ดโมงไง... นี่เพิ่งหกโมงเองนะ...ทำไมมาเร็วจัง...” รังสิมันต์ออกปากถามมารดา มือก็ลูบปลอบทั้งแม่ทั้งลูกในอ้อมแขนให้หยุดร้องไปด้วย... แต่ดูท่ายิ่งปลอบยิ่งร้องหนักกว่าเดิมแฮะ
“จะถามว่าฉันจงใจเข้ามาขัดจังหวะพวกแกใช่มั้ยล่ะ... เฮอะ... ก็หนูลินน่ะสิ... งอแงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว... กินนมก็กินนิดเดียว เอาแต่ร้องจะหาแม่ทั้งคืนเลย... แม่กับพ่อเลยต้องรีบมากันแต่เช้านี่แหละ...” คุณหญิงดารกานต์ตอบลูกชายพลางมือก็ควานหาอะไรสักอย่างยุกยิกอยู่ในกระเป๋าถือ...
“เฮ้ย ! นั่นแม่จะทำอะไร... หยิบกรรไกรออกมาทำไม !” รังสิมันต์รีบทำท่าเบี่ยงทั้งน้ำฟ้าทั้งหนูลินให้หันหนีแม่เขาเมื่อตอนนี้ในมือคุณหญิงดารกานต์มีกรรไกรอันโตส่องแสงสะท้อนแวววับคมกริบอยู่ในมือ... คนเป็นแม่ถอนใจเหนื่อยหน่ายกับความหวงไม่เข้าเรื่องของไอลูกชายคนรอง...
“นี่เห็นแม่เป็นยักษ์เป็นมารไปตั้งแต่เมื่อไหร่ย่ะ... ฉันแค่จะเอามาตัดผมให้น้ำฟ้า... ไม่เห็นรึไงว่าไอพวกนั่นมันตัดผมน้องเบี้ยวไปข้างน่ะฮึ? โอ๊ย... คุณศิลาคุณดูลูกชายคุณนะ... ไม่รู้ไปเอานิสัยขี้หึงขี้หวงนี่มาจากใคร... ไม่ใช่ฉันแน่ๆล่ะคุณ... เวอร์จริงๆลูกชายคุณเนี่ย เฮอะ...” พูดไปหล่อนก็ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ไป
คุณศิลามองภรรยาแล้วอยากตอบกลับจริงๆว่า... ‘เหรออออออ...?’ ยาวๆ... แต่เขาเพิ่งจะไว้พุงได้นิดๆกำลังพอดีสมคำเรียกเจ้าสัว... เดี๋ยวโดนจิ้มไขมันทะลักพุงยุบแล้วจะทำยังไง... เกิดหล่อเกินหน้าเกินตาลูกชายขึ้นมาล่ะก็นะ... เดี๋ยวคุณดารกานต์นั่นแหละที่จะแย่เอา... ฮ่ะๆ... คุณศิลาคิดครึ้มๆอยู่ในใจ
“เอ้า... ตะวันอุ้มหนูลินไปก่อน น้ำฟ้าเธอลงมานั่งรถเข็นไหวมั้ย เดี๋ยวฉันตัดให้ ตรงระเบียงแล้วกัน...” คุณหญิงพูดปุ๊บก็จัดแจงเตรียมผ้าลื่นพร้อมหวีและกิ๊บหนีบผมพร้อมสรรพ...
รังสิมันต์ก้มลงจ้องตาคนในอ้อมแขนที่ยังมีร่องรอยน้ำตาคลออยู่จางๆ ครู่หนึ่งเด็กหนุ่มก็ค่อยๆเอ่ยปากบอกกับคุณหญิงไปว่า...
“เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมค่อยไปตัดเองก็ได้...”
“เอ๊ !! อย่าขัดใจฉันได้มั้ย... บอกว่าจะตัดให้ก็จะตัดให้สิ... ตะวัน...อุ้มน้องลงนั่งรถเข็นเลย... เร็ว...” คุณหญิงไม่ชอบอะไรที่น่ารำคาญ พอเห็นน้ำฟ้าตั้งท่าจะปฏิเสธความหวังดีของหล่อนเข้าหน่อย สาวเจ้าเลยออกปากบัญชาการลูกชายเสร็จสรรพ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ทำตามมารดาได้อย่างน่ารักจริงๆ...
หิ้วลูกแมวตัวน้อยออกจากตัวแม่แมวมาพาดบ่าตัวเอง เสร็จก็เดินไปเข็นรถเข็นที่อยู่ใกล้ๆโซฟามาข้างเตียง แล้วช่วยพยุงคนไข้ลงนั่งบนรถเข็นพร้อมลากสายน้ำเกลือมาใกล้ๆเรียบร้อย... ส่วนน้ำฟ้าแม้เจ็บไหล่แค่ไหน แถมยังจะมีอาการวูบๆไปบ้างตอนที่ต้องลุกขึ้นแต่พอได้นั่งลงรถเข็นแล้วก็นิ่งเงียบกริบ สายตามองสบลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนใหญ่ของใครอีกคนที่เริ่มเข็นรถเขาไปริมระเบียงให้เสร็จสรรพ...
“โอเค... เสร็จแล้วแกก็ถอยไปห่างๆเลย มาวนๆเวียนๆเป็นเจ้าไม่มีศาลไปได้ แม่ตัดผมให้น้องไม่ได้ เห็นมั้ยเนี้ย... ไปยืนคุยกับพ่อแกเลยไป... น้ำฟ้าเธอก็ด้วย หยุดหันคอยุกยิกไปมาได้แล้ว ตะวันไม่เอาลูกเธอไปไหนหรอกน่า... ฉันก็พามาคืนให้ถึงที่แล้วไง... นั่งนิ่งๆซักทีสิ...” คุณหญิงยังคงบ่นต่อไปด้วยพลังเต็มร้อย... ดุลูกชายโน้นทีแล้วก็มาดุคนไข้บนรถเข็นที พูดไปมือหล่อนก็จัดการคาดผ้าเข้ารอบคอเด็กหนุ่มแล้วหนีบกิ๊บไว้เรียบร้อย จากนั้นก็ฉีดพรมน้ำลงไป จัดการแบ่งผมแล้วเล็งเป้าหมายแก้ผมที่เสียให้อย่างมีสมาธิ...
“แกดูแม่แกสิ... สนุกใหญ่เลยได้ของเล่นใหม่... บ่นแต่ว่าพ่อไม่มีน้ำยามาตั้งหลายปี แกขอลูกสาวไว้ได้ดูแลแกตอนแก่ซักคนพ่อก็ให้ไม่ได้... คลอดลูกมาตั้งสามคนดันมีแต่ดุ้นทั้งนั้นเลย...ฮ่าๆ...” คุณศิลาค่อยๆหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาพลางมองดูภรรยาที่กำลังออกแบบทรงผมให้น้ำฟ้าอย่างเพลิดเพลิน
“ก็รู้อยู่หรอกนะว่าแม่น่ะอยากได้ลูกสาวมาก... แต่น้ำฟ้าไม่ใช่ผู้หญิงนะพ่อ...”
“ก็แล้วยังไง... เด็กน้ำฟ้าเขาไม่ใช่ผู้หญิง...แต่แกก็เอาเขาเป็นเมียไปแล้วไม่ใช่รึไง? ประกาศซะลั่นโกดังไม่อายใครเขาเลย นี่ถ้าพ่อไม่ระแคะระคายตั้งแต่ตอนแกพาเขาไปกกอยู่ที่บ้านริมเขานะ... แกไม่กลัวพ่อจะหัวใจวายตายมั่งรึไงที่ลูกชายมาประกาศว่ามีเมียแล้วแบบผิดจารีตประเพณีแบบนี้เนี่ย...”
“คนอย่างพ่อน่ะนะ ไม่หัวใจวายตายเพราะเรื่องแค่นี้หรอก... ถึงเมียผมจะเป็นผู้ชาย...แต่เขาก็มีหลานให้พ่อได้อุ้มอยู่ไม่ใช่รึไง?” รังสิมันต์ตอบไม่หยี่ระ... แล้วจู่ๆคำพูดหนึ่งของบิดาเมื่อครู่ก็แว่บเขามาในหัว “...เอ๊ะแต่... เดี๋ยวก่อนนะ...บ้านริมเขา...? นี่แสดงว่า... พ่อส่งสายของพ่อไปที่บ้านผมงั้นเหรอ? มิน่าล่ะ...พ่อถึงได้หารายละเอียดไอคนที่มาถล่มงานเพื่อนผมได้เร็วชะมัด... นี่แสดงว่าพ่อรู้อยู่ก่อนแล้วใช่มั้ย...”
“อะไร... พ่อรู้อะไรพ่อไม่รู้... จะรู้อะไรล่ะพ่อแค่ส่งคนตามดูหลานพ่อแค่นั้นเอง... แกนี่ระแวงไม่เข้าเรื่อง...” คุณศิลารีบส่ายหน้าปฏิเสธความเจ้าเล่ห์ของตัวเองยิกๆ ก้มลงเอาหนูลินนั่งตักตัวเองเพื่อให้หนูน้อยได้ความรู้จักคุณปู่มากกว่านี้หน่อย แล้วก็หาทางเปลี่ยนเรื่องมันซะเลย “อ่ะนั่นดูแม่แกสิ... สงสัยคงกำลังจินตนาการว่ากำลังเล่นตัดผมตุ๊กตาอยู่ล่ะมั้ง...ท่าทางเพลินใหญ่เลย เจ้าหนูฟ้านี่ก็นั่งนิ่งยอมเป็นตุ๊กตาให้แม่แกเล่นเฉย... ฮ่าๆ คราวนี้แกคงได้ลูกสาวสมใจอยากละนะ...”
“พ่อ... นี่ผมจริงจังนะ... นี่คือแม่เขา...ยอมรับฟ้าได้แล้วงั้นเหรอครับ? แม่เขาจะยอมให้ฟ้าไปอยู่กับเราที่บ้านใช่มั้ยพ่อ... แม่เขาไม่อคติกับ...เรื่องในอดีตแล้วใช่มั้ย...มันเกิดอะไรขึ้นน่ะทำไมแม่ถึงเปลี่ยนไปขนาดนั้นล่ะ เมื่อก่อน...เห็นแม่เขาเกลียดน้ำฟ้าจะเป็นจะตาย...”
“คือ...พ่อก็ไม่รู้หรอกนะว่าแม่เขาเปลี่ยนแนวความคิดเรื่องหนูฟ้าไปเมื่อไหร่...อะไรยังไงที่ไหน แม่เขาไม่ยอมเล่าให้พ่อฟัง... แต่ว่านะไอลูกชาย แกเตรียมตัวเป็นหมาตกกระป๋องได้เลย... เมื่อคืนแม่เขาสั่งทำห้องให้หนูลินใหม่เตรียมไว้แล้ว... แถมห้องรับแขกที่อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ของพ่อก็ถูกแม่แกเขาจัดการสั่งเปลี่ยนเตรียมให้เป็นห้องหนูฟ้าเรียบร้อย... แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นนะ... แม่แกเขาเตรียมทำเรื่อง...ยื่นขอหนูฟ้าเป็นลูกชายบ้านเราอีกคนเรียบร้อยแล้วด้วย... พอออกจากโรงพยาบาลปุ๊บแม่แกก็เตรียมทนายพร้อมเอกสารไว้ทำเรื่องเสร็จสรรพพร้อมรับหนูฟ้าเข้าบ้านได้เลยทันที... แม่แกบอกแค่นี้แกก็ได้ลูกสาวเอาไว้เล่น เอ๊ย ได้หนูลินเป็นหลาน แล้วก็ได้คนดูแลหลานไปในตัว... เวิร์ค...เวิร์คจริงๆ... ฮ่าๆ...”
“...” รังสิมันต์กำลังประมวลผลสิ่งที่บิดาเอ่ยออกมาในสมอง... ฟังแลดูเหมือนจะดี... แต่ถ้าสมมติมันเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ ก็เท่ากับว่าเขากับน้ำฟ้า...ก็ต้องกลายเป็นพี่น้องกันน่ะสิ ! แบบนี้ไม่เวิร์ค...ไม่เวิร์คเลยจริงๆ !!
“พ่อ...พ่อเดี๋ยวนะ... พ่อกำลังจะบอกผมว่า... แม่ชอบฟ้าขนาดจะยกให้เป็นลูกชายอีกคนนึงเลยงั้นเหรอ??”
“ใช่...! เทียบเท่าแกกับตายะเลยทีเดียว...แม่แกเขาเป็นพวกเกลียดแรงรักแรง ถ้าลงว่าเกลียดอะไรเข้าแล้วล่ะก็จะเกลียดแบบสุดกู่ แต่ถ้าได้ชอบอะไรเข้าแล้วล่ะก็นะ...ทุ่มสุดตัวอย่างที่แกเห็นนั่นล่ะ... แน่ะ ! กังวลเรื่องมรดกล่ะสิท่า... ไม่ต้องห่วงหรอกน่า... พ่อกับแม่แกยุติธรรมพอ...แบ่งให้เท่าๆกันอยู่แล้ว... ไม่ต้องห่วงๆ...”
“โธ่พ่อ...ไม่ใช่เรื่องนั้น... ผมหมายถึง... เรื่องที่แม่จะรับฟ้าเป็นลูกบุญธรรมอีกคนน่ะ... ไม่ได้นะผมไม่ยอมเด็ดขาด...”
“หืม? ทำไม แกมีปัญหาอะไรถึงจะคัดค้านวะไอลูกชาย...”
“อื้อ !...” หนูลินที่อยู่บนตักคุณปู่ก็ส่งเสียงคล้ายถามราวเห็นด้วยกับคุณปู่... ไม่ต้องมาทำท่าเห็นด้วยเลยหนูลิน ป่ะป๊าไม่ยอมหรอก...ยังไงหนูลินก็ต้องได้มาเป็นลูกชายของป่ะป๊า... ไม่ใช่หลานตามนิตินัยแบบนี้ !
“ก็...เอาเป็นว่ายังไงผมก็ไม่ยอมให้พ่อกับแม่รับฟ้าเป็นลูกบุญธรรมหรอก... ผมขอคัดค้านเต็มที่เลยนะพ่อ...”
“เป็นอะไรของแกฮึ? ตะวัน... ทำไมแม่จะรับน้องเป็นลูกชายอีกคนไม่ได้...” ไม่รู้ว่าแม่เขาเข้ามาทันได้ยินตอนไหน น้ำเสียงที่ถามมาถึงได้ดูขุ่นเหลือเกิน... “อย่ามาขัดใจแม่นะตะวัน... ถึงแกเป็นลูกฉันก็ไม่สน...”
“แต่แม่... ผมไม่ต้องการให้ฟ้ามาเป็นน้องผมนะแม่...!”
“ทำไมไม่ต้องการ... แกเองก็ไม่ได้รังเกียจฟ้าไม่ใช่เหรอ... ทำไมจะรับน้องเป็นน้องชายอีกคนไม่ได้...”
“ก็...! ก็...ผมอยากได้ฟ้ามาเป็นเมีย มากกว่ามาเป็นน้องนี่แม่...!” รังสิมันต์พูดโต้ตอบมารดาโดยไม่แคร์สายตาคนที่ถูกพาดพิงหลักซึ่งนั่งหน้าแดงอยู่บนรถเข็นเลยแม้แต่น้อย...
“เอ๊... แต่แม่อยากได้ฟ้ามาเป็นลูกชาย ไม่ใช่ลูกสะใภ้ !”
“จะลูกชายลูกสะใภ้ก็เหมือนกันนั่นแหละแม่... ยังไงแม่ก็ได้ทั้งฟ้าทั้งหนูลินมาอยู่บ้านเราอยู่ดี...”
“ไม่ดี ! ก็แม่เตรียมทำเรื่องจดหนูฟ้าเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้วนี่...! แกอย่ามาค้านแม่นะตะวัน...”
“แต่ฟ้าเป็นเมียผม... หนูลินก็ลูกผม... เราเป็นแค่พี่น้องกันไม่ได้นะแม่...!”
“ยังไงล่ะก็แม่ไม่สนนี่ ! แม่ต้องการลูกชาย... แม่ก็ต้องได้ลูกชาย...!” หล่อนเน้นเสียงใส่ลูกชายอย่างเหนือกว่า แต่ใช่ว่ารังสิมันต์จะยอมเสียเมื่อไหร่
“แต่ผมอยากได้เมีย ! ...ผมต้องการเมียกับลูกผมนะแม่... ไม่ใช่น้องชายกับหลานชาย...!”
“โอ๊ยยยย...! หยุด...! เลิกเถียงกันได้มั้ย... ไม่ลองถามเจ้าตัวเขาดูหน่อยล่ะว่าอยากจะเป็นมั้ยทั้งลูกชายเธอ ทั้งเมียแกน่ะตะวัน... นั่นน่ะนั่งหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกจะร้องไห้อยู่บนรถเข็นน่ะ... เฮ้อ...จริงๆเลยให้ตายสิ... พอกันทั้งย่าทั้งลุงแกเลยนะ...หนูลินเนอะ...”
“แอ๊... มะ...แม่... แม่~...” หนูลินตัวอ้วนปั๊กชี้โบ้ชี้เบ้ไปทางคุณแม่ผมยาวที่ตอนนี้โดนซอยผมด้านหน้าให้รับกับกรอบใบหน้า แล้วยังมีหน้าม้าโปร่งๆแถมให้อีกหน่อยด้วย... แต่ทว่าผมคุณแม่หนูลินยังไม่ยาวสลวยดีเพราะยังไม่โดนไดร์ผมให้แห้ง ลักษณะผมเลยยังลีบติดไปกับรูปศีรษะเสียอย่างนั้น...
“ว่าไงหนูฟ้า... ตกลงเธอจะ...อยากเป็นอะไร... เป็นเมียตารังสิมันต์ หรือจะเป็นลูกชายฉันกับคุณหญิงดารกานต์...” คุณศิลาถือโอกาสนี้ทำตัวเป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ย... ชายสูงวัยลุกขึ้นพร้อมอุ้มหนูลินติดมือมาส่งให้คุณแม่ของเจ้าตัวตามคำเรียกร้อง... น้ำฟ้าพอได้ลูกเข้าอ้อมอกแล้วก็นั่งก้มหน้า จูบหน้าผากเหม่งๆของลูกชายที่ยื่นมาจ่อปากอย่างต้องการความรักและความอบอุ่นจากแม่ฟ้าเหมือนเดิม...
“คือ... ฟ้าตั้งใจไว้แล้วว่า... ถ้าหายดีเมื่อไหร่...ฟ้ายากจะกลับไปอยู่ที่อังกฤษเหมือนเดิมครับ... ฟ้ามีร้านอยู่ที่นั่น...ก็อยากจะกลับไปทำต่อ... ส่วนหนูลิน...ถ้าแกอยู่ที่นี่แล้วจะอยู่ดีกินดีกว่าอยู่กับผม... ผมก็...”
“ไม่ได้ !!!” จู่ๆเสียงคัดค้านอย่างพร้อมเพรียงก็ดังมาจากคุณหญิงดารกานต์และลูกชายคนรอง... ทั้งสองคนยืนขมวดคิ้วแล้วเอามือกอดอก จากนั้นก็รุมกันจ้องน้ำฟ้าราวกับเรื่องที่น้ำฟ้าพูดออกไปเมื่อกี๊เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากนัก...
“...ทำไมจะไม่ได้ครับ... ถ้าเป็นคำสั่งแพทย์สั่งให้ฟ้ากลับไปรักษาตัวต่อที่โน่น... พวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน...” แล้วจู่ๆเสียงผู้ชายที่ติดจะแหลมกว่าปกตินิดหน่อยอย่างคุณหมอณัฐกานต์ก็ดังมาจากตรงหน้าประตูห้อง... คุณหมอหน้าตุ๊กตาเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารคนไข้ในมือ สายตามองครอบครัวรังสิมันต์ตาขวาง ยังไงๆเขาก็ยังไม่ยอมไว้ใจคนพวกนี้อยู่ดี... ก็ไม่ใช่เพราะคนพวกนี้รึไงที่ทำให้เพื่อนเขาต้องเข้าโรงพยาบาลตั้งสองรอบ !
“ฟ้า...มีคนมาเยี่ยมแกแน่ะ... แต่บอดี้การ์ดแกหน้าห้องไม่ยอมให้เข้า...”
“ใครเหรอหมอกานต์...” น้ำฟ้าบีบมือเพื่อนสนิทที่มายืนอยู่ใกล้ๆรถเข็น... แต่คนเป็นเพื่อนยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้เลิก
“เซอร์ไพรส์แก... แต่แกช่วยอนุญาติให้...ไอฝรั่งบ้าหน้าห้องแกอนุญาตให้พี่เขาเข้ามาก่อนได้รึเปล่า... ยืนเรียงกันเป็นยักษ์วัดโพธิ์วัดแจ้งเลย...” คุณหมอเด็กพูดพลางก็เอายางยืดไว้กัดสำหรับเด็กยื่นให้หนูลินพลาง เด็กน้อยตะปบได้ปุ๊บก็จัดการเอาเขาปากเรียบร้อยโรงเรียนหนูลิน...
“...อืม...ได้สิ...” น้ำฟ้าออกปากอนุญาต แม้จะนึกกระดากปากอยู่นิดหน่อย... เขาไม่ใช่คนสำคัญขนาดสามารถมาอนุญาตให้ใครมาเยี่ยมหรือไม่มาเยี่ยมเขาได้ ทว่าที่ต้องรีบออกปากเพราะคุณหมอตัวน้อยทำหน้าเหวี่ยงราวกับจะกัดคนได้รอบห้องแล้วตอนนี้