ทุกสายตาจับจ้องไปที่หน้าประตูหลังจากมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา ร่างสูงสง่าในชุดสูทพอดีตัวของใครบางคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มให้คนไข้ตัวน้อยของเขา...
“พี่หมอ...?” น้ำฟ้าครางเรียกคนเพิ่วเข้ามาใหม่เสียงแผ่ว... จากนั้นรอยยิ้มน้อยๆก็เผยให้เห็นก่อนที่จะมีน้ำตามาเอ่อคลอที่หน่วยตาจางๆ...
“ไงครับคนเก่ง... ไหนสัญญากับพี่ดีแล้วไง... ว่าถ้าพี่อนุญาตให้มาอยู่เมืองไทยคนเดียว เราจะไม่ทำให้พี่เป็นห่วง จะไม่ป่วย จะไม่เข้ามานอนในโรงพยาบาล... แล้วไหงไปๆมาๆฟ้าเข้ามานอนในนี้ตั้งสองรอบแล้วล่ะฮึ?...” ชายร่างสูงผู้มาใหม่เข้ามาคุกเข่าข้างรถเข็นน้ำฟ้า พร้อมยกมือข้างหนึ่งขึ้นยีผมน้ำฟ้าแผ่วเบา... ส่วนมืออีกข้างก็ยกมาจับมือน้ำฟ้าเอาไว้โดยไม่แคร์สายตาอาฆาตที่ส่งมาจากผู้ชายร่างสูงที่อยู่ในห้องอีกคนเลยซักนิด...
“แหมพี่หมอ... พอเป็นฟ้าล่ะเสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะ ทีเป็นผมล่ะบ่นเอาๆจนหูแดงหมดแล้วเนี่ย... ใช่ซี๊...เราไม่ใช่คนพิเศษเหมือนน้ำฟ้านี่...” หมอกานต์แซวไม่ดูเวล่ำเวลา เลยโดนหนูลินตีเพี๊ยะเข้าให้พี่แขน...
...ดีมากหนูลิน อย่างนี้สิถึงสมเป็นลูกป่ะป๊าหน่อย... รังสิมันต์นึกกระหยิ่มเมื่อมองอาการอยากเล่นด้วยของหนูลินที่ช่างเหมาะเจาะตรงเวลาจริงๆ... หมอกานต์จ้องหนูลินพร้อมทำหน้าบู่แก้มป่องใส่เจ้าหนูน้อยที่มองเขาตาแป๋วประมาณว่า ...ป๋มผิดอาไยกั๊บ...
“ฟ้าไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่หมอเป็นห่วง... หมอกานต์ไม่ผิดด้วย... แต่ฟ้าดูแลตัวเองไม่ดีเองแหละครับ... พี่หมออย่าไปบ่นหมอกานต์เลยนะ...” น้ำฟ้าบอกคนเป็น ‘พี่หมอ’ ด้วยน้ำเสียงที่รังสิมันต์ลงความเห็นว่ามันช่าง ‘ออดอ้อน’ เสียเหลือเกิน...
“ใช่พี่หมอ... กานต์ไม่ผิด... แต่คนที่ผิดน่ะคือคนพว... โอ๊ย ! หนูลิน... ตีน้ากานต์สองรอบแล้วนะ...!” แล้วหมอกานต์ก็ต้องกลับมาทำหน้ายู่ใส่หนูน้อยที่นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตีมือตัวเองชอบใจ สงสัยเห็นปฏิกริยาหมอกานต์ตอนโดนตีแล้วติดใจ... ตีอีกใหญ่เลย...
“เฮ่ะๆๆ... แฮ่....”
“โห...เจ้าหนูสายฟ้าของพี่นี่โตไวจริงๆ แป๊บเดียวโดนแม่ฟ้าขุนจนอ้วนเลยนะ... ว่าไงครับคนเก่ง คิดถึงพ่อเชนทร์มั้ย... มาให้ฟัดพุงซักทีซิเด็กตราสมบูรณ์...” ว่าแล้วคนเป็น ‘พ่อเชนทร์’ ของหนูลินก็อุ้มหนูน้อยในชุดหมีเขียวขึ้นเหนือศีรษะแล้วฟัดพุงกลมๆจนสมใจอยาก...
ทว่าภาพนั้นมันกลับทำให้เส้นสติในหัวของใครบางคนขาดผึง... รังสิมันต์ตรงเข้าไปยื้อหนูลินจากผู้ชายที่มา ‘อ้าง’ ว่าเป็นพ่อหนูลินอีกคนกลับมาอุ้มไว้ตามเดิม แถมจงใจเอามืออีกข้างเข้าไปลูบผมน้ำฟ้าทับรอยใครอีกคน ก่อนจะเอามือวางบนไหล่น้ำฟ้าแผ่วเบาเพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่... ในใจนึกบอกลูกชายในอ้อมแขนว่า... ...เสน่ห์แรงจริงๆนะตัวเอง มีแต่คนเข้ามาเสนอเป็นพ่อใหม่ให้เต็มไปหมดเลย...
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร... ถึงได้ทะเล่อทะล่าเข้ามาโดยไม่ผ่านการอนุญาตจาก ‘เจ้าของไข้’ เขาเสียก่อน...”
“นั่นน่ะสิ... แล้วมาเป็นพ่อหนูลินได้ยังไง... หนูลินเป็นหลานของฉันนะ...” คุณดารกานต์ออกตัวแรงเพราะทนไม่ได้เช่นกันที่มีคนมาขอร่วมวงศาคนาญาติกับหล่อนโดยที่หล่อนไม่ยินยอม...
“หลาน...? ไม่ทราบว่า...คุณเป็นญาติฝ่ายไหนของหนูลินเหรอครับ?” คุณหมอร่างสูงเอ่ยถามพร้อมยืดตัวเต็มความสูง และรังสิมันต์ก็พบว่าไอหมอนี่มันตัวพอฟัดพอเหวี่ยงกับเขาเลยทีเดียว...
“ฉันน่ะเหรอ...? ฉันก็เป็นย่า ‘แท้ๆ’ ของหนูลินน่ะสิ... แล้วเธอล่ะเป็นใคร มาตู่ว่าเป็นพ่อหนูลินได้ยังไง...”
“ย่า...? อ๋อ...ครับ” คุณหมอร่างสูงมีอาการขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยครางออกมาว่าเขาพอจะเข้าใจเรื่องราวได้บางอย่างแล้ว... นี่สินะคุณย่าใจร้ายของหนูลิน ไล่แม่เขาออกจากบ้านแล้วตอนนี้จะมารับหลานกลับ... มันดูง่ายไปหน่อยมั้ย... ชายหนุ่มสบตาน้ำฟ้าประมาณว่านี่ใช่มั้ย...คือส่วนหนึ่งหรืออาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำฟ้าเข้าโรงพยาบาล... แต่เด็กหนุ่มกลับส่ายหน้าให้เบาๆ...ไม่รู้หมายความว่าไม่ใช่...ไม่เข้าใจ...หรืออย่าทำอะไรพวกเขานะ...
“งั้นผมขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการเลยก็แล้วกัน... ผมเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนร้านกับน้ำฟ้า เป็นหมอเจ้าของไข้ของน้ำฟ้า เป็นคนตัดสายสะดือหนูลิน...เป็นคนแรกที่ได้เห็นหน้าหนูลิน... ที่สำคัญ หนูลินมีฟ้าเป็นแม่บุญธรรมให้แก หนูลินก็ต้องมีพ่อบุญธรรม ซึ่งนั่นก็คือผม... นายแพทย์เชษฐา... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทุกคน...” ชายหนุ่มแนะนำตัวพร้อมแจกรอยยิ้มไปทั่วห้อง... ท่ามกลางความอึ้งตะลึงงันของครอบครัวรังสิมันต์ ความสะใจเล็กๆของหมอกานต์ และอาการเบิกตาโตพอกันของทั้งแม่ฟ้าและหนูลิน...
“แฮ่~... เฮ่ะๆ...” หนูลิน...ชอบใจล่ะ...
------------------------------------------ ----- - - - - - ----- - - - --- - - -
“เมื่อไหร่มันจะกลับไปซักทีคุณรังสิมันต์” ธาดาออกปากถาม
เขาเพิ่งพาคุณหมอกมาเยี่ยมน้องฟ้าเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว... พอเข้ามาในห้องปุ๊บ คุณหมอกก็ออกอาการรู้จักผู้ชายตัวสูงคนที่เขาไม่รู้จักแต่ยืนอยู่กลางห้องปั๊บ แล้วก็ลากกันเข้าไปอยู่ในวงสนทนาเรื่องเล่าเก่าโคตรสมัยพวกเขาเรียนมหาลัยที่เมืองไทยกัน ฟังจากเรื่องเล่าคร่าวๆแล้วก็เหมือนว่าผู้ชายคนนั้นเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันเดียวกันของทั้งคุณหมอกและคุณหมอณัฐกานต์ ตอนนี้สภาพตรงเตียงเลยแลดูคล้ายฮาเร็มย่อมๆ ที่มีทั้งน้องฟ้า ทั้งคุณหมอณัฐกานต์ แล้วยังมีคุณหมอกของเขาไปร่วมเสริมทัพนามสนมให้ไอผู้ชายใส่สูทตัวสูงนั่นอีก เขากับคุณรังสิมันต์ถึงได้ต้องถูกระเห็จมามองห่างๆอย่างห่วงๆอยู่ตรงโซฟานี่ยังไงล่ะ...
“...something like haremboy.” นั่นไง...มีเขาคนเดียวที่ไหนที่คิดอย่างนั้น นายบอดี้การ์ดผมทองที่ยืนอยู่ข้างๆเขายังคิดเหมือนกันเลย...
“ผมว่า... สั่งคนมาอุ้มฆ่ามันเลยดีมั้ยครับ...” หนุ่มฝรั่งผมทองพูดพลางก็ขยับปืนในมือไปมา... ไม่รู้ไปแค้นอะไรหมอนั่นมาแต่ชาติปางไหน ท่าทา
ฝรั่งข้างๆเขานี่ถึงได้ดูงุ่นง่านเหลือเกิน...
“แรงไปมั้ง... ฉันว่า ให้ฉันเอากรรไกรจิ้มมันเลยดีกว่า...” ว่าแล้วคุณดารกานต์ก็งับกรรไกรฉับๆเตรียมพร้อม...
“คุณหญิงดารกานต์... ทำแบบนั้นน่ะมันเป็นการฆาตกรรมแบบโจ่งแจ้งเกินไปนะครับ... ผมว่า...อุ้มฆ่าแหละดี...มิดชิดและปลอดภัยที่สุด...” ธาดาเสนอทางเลือกว่าเห็นด้วยกับนายฝรั่งผมทองมากกว่าทางเลือกของคุณหญิงดารกานต์... เห็นเขานิ่งๆไม่ค่อยอะไรกับใครมากมาย แต่เรื่องแบบนี้ใครเขาจะยอมกันล่ะ...
“...คุณว่ายังไง คุณศิลา...ฉันไม่ยอมให้...ไอหมอนั่นมันมาพาทั้งฟ้าทั้งหนูลินกลับไปอังกฤษหรอกนะคุณ ฉันเตรียมยื่นเรื่องรับหนูฟ้าเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้วนะคุณก็รู้...” คุณหญิงดารกานต์ชิปากแบบไม่ค่อยพอใจ... ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากสามี... ทว่าคุณสามีที่กำลังจิบกาแฟแล้วนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลับเลิกคิ้วมามองหล่อนนิดหน่อยแล้วตอบ...
“...อยู่เฉยๆเป็นไงคุณ เดี๋ยวเขาก็กลับไปแล้วน่า...” คุณศิลาเอ่ยตอบเรียบๆ ก่อนหันสายตากลับไปมองคอลัมน์ธุรกิจจากหนังสือพิมพ์ในมือต่อ...
“โอ๊ย... ไม่ได้เรื่องแล้วยังไม่ช่วยอะไรอีก สามีใครเนี่ยเฮอะ...! ให้ตายสิแล้วแกล่ะตะวัน...จะทำยังไง... อย่าบอกนะว่าให้อยู่เฉยๆเหมือนพ่อแกอีกคน...”
“...” ชายหนุ่มยกมือกอดอกแล้วจ้องมองตรงเตียงคนไข้เงียบๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ผมมีแผน...” นัยน์ตาชายหนุ่มพราวระยิบ ถ้าอยู่โรงพยาบาลแล้วมันมีอำนาจในตัวฟ้ามากกว่าเขา... เขาก็จะจัดการย้ายฟ้าไปที่อื่น... ไปในที่ที่เขามีสิทธิ์จะอนุญาตไม่ให้ฟ้าได้เจอใครหน้าไหนทั้งนั้น... แล้วเขาจะทำให้ได้...คอยดู !
------------------------------------------ ----- - - - - - ----- - - - --- - - -
“...พี่เชนทร์น่ะตอนอยู่มหาลัยดังมาถึงคณะผมเลยนะ... เพื่อนผมน่ะแอบปลื้มพี่กันตั้งหลายคน...” คุณหมอกเอ่ยบอกผู้ชายร่างสูงที่นั่งหมิ่นเหม่อยู่บนเตียงใกล้น้ำฟ้า ซึ่งตอนนี้คนไข้ก็มีผมยาวสลวยพร้อมปล่อยให้เจ้าลูกชายตัวน้อยบนตักดึงเล่นอย่างพอใจ...
“ไม่ขนาดนั้นหรอกน้องหมอก... เราก็เหมือนกัน เปิดร้านแล้วไม่เห็นบอกข่าวกันบ้างเลย... เจ้ากานต์เพิ่งจะมาบอกพี่ตอนพี่ถึงสนามบินที่นี่แล้วนั่นแหละ...” คุณหมอเชนทร์เอ่ยบอกเพื่อนรุ่นน้องพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น... ทำเอาหัวใจคุณหมอกชักหวั่นไหวไปอีกรอบแล้วสิเนี่ย...
“...หมอก... กลับบ้าน ! พี่ว่าเราสมควรให้น้องฟ้าพักผ่อนได้แล้วนะ...” คุณธาดาเห็นท่าทางสายตาหวานเยิ้มของคุณหมอกก็รีบตรงดิ่งเข้าไปดึงแขนเตรียมลากตัวกลับทันที
“คุณด้วยที่รัก... คุณมีเวรตอนบ่ายโมงไม่ใช่เหรอ... นี่ก็ใกล้เวลาแล้วนะรีบไปเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง...” มาคัสพูดจบก็ตรงเข้าไปดึงแขนคุณหมอณัฐกานต์ให้เดินห่างออกมาพร้อมกัน... ตั้งแต่เห็นท่าทางสนิทสนมแบบแปลกๆระหว่างคุณหมอร่างเล็กของเขากับไอคุณหมอร่างใหญ่ตอนอยู่นอกประตูแล้ว... ฝรั่งหนุ่มก็แทบเก็บปืนเข้าซองไว้ไม่อยู่ทีเดียว...
“เอ่อ... เดี๋ยวสิครับคุณ... ผมเพิ่งมาแค่แป๊บเดียวเองนะ...” คุณหมอกอุทธรณ์ แต่เหมือนคำวอนจะไม่ค่อยได้ผล เมื่อสายตาคมเฉียบก้มมองเขาราวบอกว่า... เขาเพิ่งพูดประโยคร้ายแรงอะไรซักอย่างออกมาแน่ๆ...
“นายก็ด้วย... มาที่รงที่รักอะไรแถวนี้เนี่ย แล้วนี่มันก็เพิ่งจะสิบโมง ไม่เห็นต้องรีบเลย...”
“พอเที่ยงแล้วรถจะติด... คุณรีบไปกับผมดีๆดีกว่าที่รัก... ผมขับรถให้...ผมรู้ดีน่า...” มาคัสยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มสยองที่คุณหมอตัวน้อยสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นจากเจ้าหนุ่มผมทองคนนี้มาก่อนเลยในชีวิต...
“...เด็กๆไปเถอะ... พี่ก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน ทีมแพทย์บอกว่า...ต้องการให้พี่ไปเซ็นรับรองน้องพระจันทร์หน่อย... พ่อน้องเขาเพิ่งจะเสีย แต่มีคนต้องการอุปการะแกต่อจากพ่อ... ฟ้าจำน้องพระจันทร์ได้มั้ย... ที่เคยเป็นคนไข้เคสเดียวกับเราน่ะ...” คุณหมอหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นเช็คข้อความพลางเอ่ยถามคนไข้ตัวน้อยบนเตียง... น้ำฟ้ายิ้มให้เขาก่อนจะผงกศีรษะว่าจำได้...
“...น้องไม่ยอมผ่าตัด... เพราะงั้นเดี๋ยวพี่ต้องขอไปดูหน้าคนที่จะมาเป็นผู้ปกครองน้องพระจันทร์แทนคุณพ่อเขาก่อน... ฟ้าพักผ่อนให้เยอะๆนะ แล้วเดี๋ยวถ้าไม่ติดอะไรคืนนี้พี่จะมานอนเฝ้าเราเอง...”
“คงไม่ต้องรบกวนคุณหรอกครับ... เชิญคุณรีบออกไปทำธุระของคุณให้เสร็จเลยดีกว่า... ผมคิดว่าผมดูแลครอบครับของผมเองได้... เชิญครับ...” รังสิมันต์เดินเข้ามาข้างเตียงน้ำฟ้าอีกด้านพร้อมเผยมือไปที่ประตู เป็นการไล่แขกกลับอย่างตรงไปตรงมามาก...
สองร่างสูงสบตากันอย่างไม่ยอมแพ้... รังสิมันต์อาศัยที่ตัวเองมีลูกน้องยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องก็บอกให้เปิดประตูรอไว้เรียบร้อย ฝ่ายคุณหมอเชษฐาก็ยิ้มมุมปากเล็กๆก่อนจะหันไปจูบลาหนูลินบนแก้มเป็นการยั่ว ทำไมจะดูไม่ออกว่าผู้ชายเหล่านั้นมาทำเต้นเพราะแรงหวงกันเป็นแถว... ช่วยไม่ได้นะ ก็เขารู้จักกับพวกน้องฟ้าเขาก่อน... คนมันได้เปรียบ... ยังไงมันก็ยังจะได้เปรียบอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ
“งั้นพี่ไปก่อนนะฟ้า... หนูลินครับ... คุณพ่อฝากดูแลคุณแม่ด้วยนะ... หนูต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนนะรู้มั้ย คุณแม่ไม่สบายอยู่...หนูลินต้องไม่กวนคุณแม่เขานะ เดี๋ยวค่ำๆคุณพ่อจะมาหาหนูใหม่นะครับ...” คุณหมอเชษฐาเอ่ยฝากฝังคุณแม่แมวร่างบางไว้กับคุณลูกแมวร่างอ้วน...
หนูน้อยคาบช้อนพลาสติกไว้ในปากพลางเงยมองคนพูดตาแป๋ว... แน่นอนว่าที่คุณหมอเชษฐาพูดไปทั้งหมดนั่น... หนูลินไม่เข้าใจเลยซักนิดเดียว...
คล้อยหลังที่คุณหมอหนุ่มร่างสูงออกจากห้องพักน้ำฟ้าไปพร้อมทั้งคุณหมอกและหมอณัฐกานต์ รังสิมันต์ก็กดโทรศัพท์หาคุณหมอเจ้าของไข้น้ำฟ้าอยู่ ณ ขณะนั้นทันทีอย่างรวดเร็ว...
“คุณอาครับ... ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณอาตอนนี้เลย... ไม่ได้ครับผมต้องคุยเดี๋ยวนี้...! ผมต้องการย้ายน้ำฟ้ากลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านผม วันนี้ ชั่วโมงนี้ ...ไม่สิ...เดี๋ยวนี้เลย !”
------------------------------------------ ----- - - - - - ----- - - - --- - - -
to be continue...