คุณแม่...ครับผม !!! Ch.13 - just a gream
ปกติเสื้อผ้าที่น้ำฟ้าจะซักก็มีไม่มากอยู่แล้ว ประกอบกับคนอาศัยที่อยู่บ้านหลังนี้ก็มีแค่น้ำฟ้าคนเดียวกับเด็กทารกอีกคน เครื่องซักผ้าจึงเป็นสิ่งที่น้ำฟ้าคิดว่าไม่ค่อยจำเป็นนัก เสื้อผ้าหนูลินรวมทั้งผ้าอ้อมและของจำเป็นต่างๆก็อาศัยล้างไม่ก็ซักด้วยมือทั้งสิ้น... คราวนี้เมื่อต้องมาซักเสื้อผ้าให้กับคนที่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางจะวนเวียนมาอยู่ใกล้กันอีกแบบนี้น้ำฟ้าก็กระอักกระอ่วนใจอยู่พอสมควร จึงต้องระบายออกด้วยการบ่นๆออกมาเบาๆเพราะคิดว่าอยู่หลังบ้านคนเดียวคงไม่มีใครได้ยิน
"...คนบ้าอะไร...ไม่มีมารยาท ดึกดื่นแบบนี้คนเขาจะหลับจะนอนกันแล้วยังมากวนอีก... เห็นเราเป็นคนจนล่ะสิถึงได้อวดเบ่งเที่ยวออกคำสั่งกับคนเขาไปทั่ว...หนูลินก็อีกคน...พอมีคนซื้อของเล่นมาปรนเปรอก็เทใจไปกับเขาเฉยเลยนะ...ทิ้งแม่ฟ้าให้มานั่งซักเสื้อให้ใครก็ไม่รู้อยู่คนเดียว...งอนแล้ว..." บ่นไปก็ทำปากยู่ประกอบตามอารมณ์ มือเรียวบางออกแรงขยี้ตรงคอปกเสื้อแถมให้เพื่อขจัดคราบไคลตามความเคยชิน... หลังจากสำรวจดูว่าเสื้อเชิ๊ตในมือสะอาดหมดจดแล้วก็จัดการเปลี่ยนน้ำให้ใหม่เพื่อล้างน้ำผงซักฟอก...
"แล้วอีกอย่าง ซักตัวเดียวแบบนี้เปลืองน้ำจะตาย...โอ๊ยย แล้วทำไมเราต้องไปทำตามบัญชาของหมอนั่นด้วยนะ...ญาติเราก็ไม่ใช่...แค่เป็นลุงหนูลินเท่านั้นเองอ่ะ..." บ่นไปสองมือก็ขยันทำงานไปไม่ได้หยุด...เปล่านะไม่ได้ตั้งใจทำให้หรอก แค่อยากให้เสร็จเร็วๆเท่านั้นแหละ...
ซักพักกลิ่นอาหารบางอย่างก็ลอยมาแตะจมูก... น้ำฟ้าจึงต้องรีบลุกมาล้างมือแล้วเดินเข้าครัวเพื่อหยิบแกงจืดเต้าหู้อ่อนออกจากเตาอบแล้วใส่ปลาทูทอดที่เหลืออยู่หนึ่งตัวครึ่งเข้าไป พรมน้ำลงบนตัวปลาเล็กน้อยแล้วตั้งเวลา... เมื่อเสร็จสิ้นก็เตรียมเดินออกจากห้องครัวเพื่อไปซักผ้าต่อแต่ทว่าเสียงเด็กหัวเราะที่ดังมาจากที่นั่งตรงเทอเรซหน้าบ้าน ซึ่งน้ำฟ้าจัดไว้เป็นที่นั่งสำหรับทานข้าวด้วยก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องสาวเท้าเข้าไปหาต้นเสียง...
และภาพที่เห็นก็ทำให้น้ำฟ้าต้องหยุดยืนนิ่งแล้วมองเงียบๆ ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่กำลังนอนเอนตัวลงบนเก้าอี้บุนวมที่น้ำฟ้าชอบนั่งให้นมลูกประจำ...ซึ่งดูเล็กลงไปทันทีเมื่อมีร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่ของรังสิมันต์นอนอยู่ สองแขนแข็งแรงประคองตัวเด็กทารกน้อยที่ถูกปล่อยให้นอนเล่นอยู่บนอกราวกับจะปกป้องเพื่อไม่ให้หนูน้อยตกลงไป... สองขาดูเก้งก้างเมื่อต้องพับชันเข่าขึ้นเพราะไม่ได้มีพื้นที่มากนักให้ยืดขา... มุมปากกับนัยน์ตาที่ชอบทำขรึมอยู่เป็นนิจยกยิ้มกว้างให้เจ้าตัวเล็กเมื่อสองแขนป้อมตีเข้าบนอกเขาราวทดสอบความแข็งแรง... พอเขาแอบเอานิ้วไปเขี่ยไหล่ ดวงตากลมโตที่ดูคล้ายถอดแบบมาจากใครอีกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้ก็หันกลับไปมอง พอไม่เห็นอะไรก็หันกลับมา พอโดนสะกิดอีกก็หันอีก แต่พอเขาสะกิดครั้งที่สามเจ้าตัวจ้อยก็พยายามพลิกกลับตัวหันไปอีกด้านเพื่อคว้านิ้วเขาจับเอาไว้ทันที แต่ปรากฎว่าการทรงตัวของเด็กยังไม่ดี หนูลินเลยหงายหลังตึงลงบนพุงกะทิของเขาเอง... คราวนี้รังสิมันต์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังๆพร้อมกับยกมือพลิกตัวหนูลินกลับมาเหมือนเดิมและจูบกระหม่อมน้อยๆหอมๆเสียทีหนึ่ง...
แต่แล้วหูที่ดีเยี่ยมของเขาก็ได้ยินเสียงขำกิ๊กดังมาแว่วๆจากในบ้าน พอหันกลับไปมองก็เห็นน้ำฟ้ากำลังยกมือขึ้นมาปิดปากที่คงเผลอหัวเราะออกมาเหมือนกัน แต่ถึงแม้จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มจังๆ แต่นัยน์ตากลมโตนั่นก็มีแววสั่นระริกราวกับขำเสียเต็มประดา... แล้วพอโดนเขาจ้องเอาอีกหน่อยก็รีบเอามือลงพร้อมรูปปากที่คว่ำลง แล้วทำสีหน้าเอาเรื่องใส่เขาราวกับจะถามว่า...มองอะไร?... จากนั้นคนตัวบางก็สะบัดหน้าเดินหายลับเข้าตัวบ้านไป... ทิ้งให้รังสิมันต์หันกลับมาสบตาหนูลินแล้วแอบอมยิ้มกันสองคน...
...เวลาผ่านไปไม่นานมาก... แกงจืดเต้าหู้ ปลาทูทอดหนึ่งตัวครึ่ง กับไข่เจียวสองฟองก็ถูกยกออกมาวางตรงโต๊ะที่น้ำฟ้าจัดไว้เตรียมให้คนที่มานึกหิวเอาตอนดึกได้ทานข้าวอย่างที่ต้องการ... ขณะที่กำลังจัดอยู่คนกำลังหิวที่น้ำฟ้าคิดก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังน้ำฟ้า แล้วทำท่าสูดกลิ่นเบาๆ...
"ที่จริงไม่ต้องทำอะไรเยอะขนาดนี้ก็ได้นะ แค่สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทสจานเดียวก็พอ..." ชายหนุ่มบอกพลางเตรียมตัวนั่ง แต่คนฟังกลับเอามือเท้าสะเอวแล้วหันมามอง...
"ถ้าอยากกินก็โทรสั่งมาเองแล้วกัน...บ้านนี้ไม่มีอาหารต่างชาติให้คุณกินหรอก..." พูดจบน้ำฟ้าก็รีบเดินกลับข้าวบ้านเพื่อคดข้าวสวยร้อนๆมาให้ชายหนุ่มด้วย...
...โอ๊ยย...เมื่อกี๊ก็เดินมาเสียชิด...เสื้อก็ไม่ใส่อนาจารชะมัด นี่ถ้าคนข้างบ้านมาเห็นเขากับหมอนี่อยู่กันสองคนแบบนี้ (ถึงจะมีหนูลินด้วยก็เถอะ) จะไม่คิดเตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนเหรอเนี่ย... แต่ถ้าจะผิดก็ผิดที่ผู้ชายคนนั้นตัวใหญ่เกินไปเองด้วยนี่ เสื้อเขาเลยใส่ไม่ได้ซักตัว ขนาดเบอร์ใหญ่สุดของเขายังยัดไม่เข้าแม้แต่คอเสื้อเลย... นึกไปก็หน้าร้อนๆหนาวๆไปเมื่อได้เห็นแผงอกแกร่งในระยะใกล้ขนาดนั้น...
น้ำฟ้ายืนนิ่งหน้าหม้อข้าว ซักพักก็แอบเผลอเอามือดึงคอเสื้อตัวเองเพื่อจ้องมองหน้าอกตัวเองบ้าง... ทั้งผอม ทั้งแห้ง...กล้ามไม่มีซักมัด แม้จะบอกว่ามันเป็นเพราะกรรมพันธุ์ของบ้านเขาที่ตัวเล็กกันหมดก็เถอะนะ... แต่อย่างน้อยแค่ส่วนสูงหรือกล้ามแขนก็ขอให้น้ำฟ้าบ้างเถอะ จะได้พอมีส่วนที่แตกต่างกับพี่ฝนซักอย่าง...
-------------------------------------- - -- -- - -- - - -- - - -- - -- - - - -- - - -
"แล้วไหนของเธอล่ะ...ไม่กินพร้อมกันเหรอ" รังสิมันต์เอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่ามีจานข้าวสวยแค่จานเดียววางอยู่ตรงหน้าเขา... น้ำฟ้าที่กำลังอุ้มหนูลินอยู่ก็ตอบโดยไม่หันมามอง...
"ไม่มีใครเขาลุกมากินข้าวมื้อเย็นตอนสี่ทุ่มเหมือนคุณหรอก..." ตอบแล้วก็เดินช้าๆไปหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมที่ตัวเองนั่งประจำ แล้วกล่อมเจ้าตัวเล็กที่ทำท่าจะพริ้มหลับซบอยู่กับไหล่...
"ทำไม...กลัวอ้วนเหรอ... แต่อย่างเธอน่ะน่าจะกินดีกว่านะ ตัวบางขนาดนั้นพอหนูลินตัวใหญ่ขึ้นเดี๋ยวก็อุ้มไม่ไหวหรอก..." ชายหนุ่มบอกตอบพลางยกช้อนจุ่มในน้ำแกงจืดเต้าหู้แล้วเอามาแตะๆชิม... ...อืม รสชาด...ดีใช้ได้ อันที่จริงต้องบอกว่าอร่อยกว่าที่บ้านเขาเคยทำเสียอีก ถึงแม้จะพอดูออกว่ามันโดนอุ่นมาแล้วแต่รสแกงจืดก็ไม่ได้เค็มหรือเข้มขึ้นเลย...
"ปะ..." น้ำฟ้าอยากจะด่านักว่า 'ปากเสีย !'... แต่คิดได้ทันว่าไม่ควรไปต่อปากต่อคำกับผู้ชายคนนี้ให้เเปลืองเวลาจึงได้แต่ขัดเขี้ยวเคี้ยวฟันตบก้นหนูลินแรงขึ้นหน่อยแทน ทันใดนั้นสายตาก็มองส่องออกไปหน้าบ้าน พลันเห็นแว่บๆว่ามีรถของลูกน้องชายหนุ่มที่เคยไปส่งเขาที่ทำงานจอดอยู่ ส่วนชายหนุ่มเจ้าของรถเหมือนจะออกมายืนสูบบุหรี่อยู่นอกรถด้วย... เออ...ไปชวนลูกน้องของผู้ชายคนนี้เข้ามาทานด้วยดีกว่า เผื่ออาการปากไม่ดีแบบเมื่อกี๊จะเพลาลงบ้าง...
"แล้วนั่นจะไปไหน..." รังสิมันต์รีบออกปากถามเมื่อเห็นน้ำฟ้ากำลังลุกจะเดินไปใส่รองเท้าตรงหน้าบ้าน...
"ทำไมผมต้องรายงานคุณด้วย... นี่บ้านผมนะ..." น้ำฟ้าต่อปาก
"...ฉันถาม...ว่านั่นจะออกไปไหน" รังสิมันต์กดเสียงให้เข้มขึ้น เพื่อต้องการเค้นคำตอบจากเด็กหนุ่ม น้ำฟ้าทำสีหน้าเมื่อยแล้วหันมาหา
"จะไปตามลูกน้องคุณให้มากินข้าวด้วยน่ะสิ ปล่อยเขาไว้อย่างนั้นส่วนคุณมานั่งทานข้าวสบายใจเฉิบเนี่ยนะ...ไม่รู้สึกไม่ดีมั่งเลยรึไง...ลูกน้องคุณก็คงจะหิวเหมือนคุณนั่นแหละ..." น้ำฟ้าบอกทำสีหน้าจริงจัง... ส่วนรังสิมันต์กลับขมวดคิ้ว ...ปกติมันไม่มีเจ้านายกับลูกน้องที่ไหนจะมานั่งร่วมโต๊ะกันหรอกนะ ยกเว้นในโอกาสพิเศษ เขาเองถึงจะให้ความเป็นกันเองกับลูกน้องขนาดไหนแต่มันก็มีขอบเขตอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญคนของเขาต่อให้อดอาหารต่อไปอีกซักสามวันก็ไม่มีใครตายหรอก...
"กลับมานั่งนี่ที่เดิมดีกว่าน่ะ..." รังสิมันต์บอกแล้วยกส้อมจะจิ้มลงบนตัวปลาทู แต่น้ำฟ้ากลับสะบัดหน้าใส่แล้ววิ่งย่องๆไปทางหน้าบ้าน มองซ้ายมองขวาตรงถนนหน้าบ้านแล้วข้ามไปหาเตโชทันที สองคนนั่นหยุดคุยกันครู่หนึ่งรังสิมันต์ก็เห็นสายตาของลูกน้องเขาหันมาสบราวกับขออนุญาตหรือปรึกษาอะไรซักอย่าง พอเขาทำตาดุพร้อมส่ายหน้า หนุ่มตัวสูงผิวสีแทนก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันที ส่วนน้ำฟ้าพอเห็นดังนั้นก็หันกลับมามองเขาและทำตาดุใส่เขาบ้าง แล้วหันไปคว้าแขนล่ำสันของเตโชพยายามลากเข้าบ้านแทน...
"...คุณมาในฐานะแขกของผมนะ ไม่ต้องไปเกรงจงเกรงใจใครทั้งนั้น...นี่มัน 'บ้าน' ผม...ผมจะให้ใครเข้าใคร 'ออก' มันก็เรื่องของผม คุณไม่ต้องไปฟังใครหรอก...ไม่มีใครใหญ่ไปกว่าผมในบ้านหลังนี้..." น้ำฟ้าจงใจกระแทกเสียงดังเพื่อหวังให้ใครอีกคนที่ว่าได้ยินด้วย... แต่ 'ใครอีกคน' ที่น้ำฟ้าหวังจะให้มีปฏิกริยากลับทำหูทวนลม แล้วใช้ช้อนและส้อมแงะเนื้อปลาทูแทน...
"เดี๋ยวคุณเตโชนั่งตรงนี้นะครับ ผมจะไปตักข้าวมาให้..." แต่พอเดินไปไม่กี่ก้าวน้ำฟ้าก็ถอยกลับมาอีกที "ผมฝากอุ้มหนูลินแป๊บนะครับ..." น้ำฟ้าเอ่ยแล้วค่อยๆผ่อนเจ้าตัวเล็กลงในอ้อมแขนหนุ่มตัวโตที่รับไปแบบเก้ๆกังๆ... โดยมีสายตารังสิมันต์เขม่นมองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ...ทีเขาเป็นลุงแท้ๆยังไม่ให้แม้แต่จะเข้าใกล้ แต่ทำไมกับลูกน้องเขากลับฝากหลานให้อุ้มเฉยเลย ทั้งที่เขาก็อุ้มเก่งกว่าเตโชตั้งเยอะ...ที่สำคัญ ต่อหน้าต่อตาเขาด้วยเนี่ยนะ...มันจะมากไปหน่อยมั้ย...
"เอ่อ...บอสครับ...คือ..." พอลับหลังน้ำฟ้าปุ๊บเตโชแทบกระเด้งออกจากเก้าอี้เพื่อมายืนก้มหัวให้เจ้านายที่ดูสีหน้าจะเข้มกว่าเดิม ...ลูกน้องอย่างเขาก็พอรู้ว่าเพราะอะไร และผลกระทบที่จะตามมาคืออะไรด้วย...
"ก็นั่งสิ...ยืนทำไม..." รังสิมันต์บอกเสียงต่ำ รสชาดแกงจืดที่รู้สึกว่าอร่อยเมื่อครู่เริ่มเฝื่อนคอแปลกๆ
"คือบอสครับ...ถ้ายังไงผมทำเป็นกลับไปก่อนก็ได้นะครับ..." เตโชบอกเสียงเบาราวกระซิบ... ทั้งเกรงรังสิมันต์ และกลัวน้ำฟ้าได้ยินด้วย...
"เจ้าของบ้านเขาบอกให้นายอยู่นี่...ก็นั่งไปสิ กินเสร็จแล้วค่อยกลับพร้อมกันก็ได้..." แม้คำพูดจะฟังดูง่ายๆแต่เตโชก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่...ไม่ใช่แบบที่เจ้านายหนุ่มของเขาพูดประจำเลย...มันเหมือนประชดเสียมากกว่า...รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยเมื่อร้อยวันพันปีเจ้านายไม่เคยที่จะพูดแบบนี้กับบรรดาลูกน้องชายหนุ่มเลย.... ...แต่พอลองประมวลผลดู ไหนๆเจ้านายเขาก็ออกปากพูดออกมาเองแล้วก็ขอถือวิสาสะแล้วกัน... กินพอเป็นพิธีแล้วรีบลุกจะดีที่สุด...
"มาแล้วครับคุณเตโช...ข้าวสวยร้อนๆ...ขอโทษทีนะครับช้าไปนิดเพราะผมอุ่นให้ใหม่อยู่น่ะ..." น้ำฟ้าบอกแล้วยกข้าวสวยพูนจานมาวางให้
"เอ่อ......" คราวนี้เตโชถึงกับใบ้รับประทาน คิดจะกินพอเป็นพิธีแล้วรีบลุกแต่ข้าวขนาดนี้มันจะน่าเกลียดไปมั้ย...แล้วดูนั่น สายตาคุณรังสิมันต์ทำไมมันดูทิ่มแทงจานข้าวเขาแปลกๆ...
"ทานสิครับ... แต่...อ๊ะ ปลาทูจะหมดแล้วนี่ งั้นเดี๋ยวผมต้มไข่ให้อีกฟองแล้วกัน...คุณพอทานได้นะกับข้าวบ้านๆ ไม่ได้เป็นอาหารฝรั่งหรูหราเหมือนในภัตตาคารอะไร..." พูดแล้วก็กระทบคนที่กล้าถอดผ้าท้าลมหนาวบนโต๊ะเบาๆ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่เพราะอีกคนกลับตักกับข้าวมาทานแบบไม่สะดุดสักนิด
"อ่ะ...อ๋อ ไม่ต้องหรอกครับแค่นี้ก็พอแล้ว ผมทานได้ครับ..." ตอบแต่น้อยแล้วนั่งลงเงียบๆ ...แล้วเพิ่งจะนึกตะหงิดๆในใจว่าทำไมเจ้านายเขาต้องถอดเสื้อโชว์ตอนนั่งกินข้าวแบบนี้ด้วย... แต่พอจะเอ่ยถามก็เห็นสายตารังสิมันต์ที่มองไปทางน้ำฟ้าแล้วตัดสินใจเงียบปากแทน ท่าทางเจ้านายเขาคงไม่มีกะจิตกะใจจะตอบคำถามเขาแน่...
รังสิมันต์ทานไปก็ลอบมองน้ำฟ้าที่อุ้มเด็กน้อยตัวอวบพาดไหล่แล้วร้องเพลงเห่กล่อมเบาๆ เนื้อเพลงภาษาไทยเก่าๆที่น้ำฟ้าร้องออกมารังสิมันต์ไม่ค่อยเข้าใจแต่พอมองประกอบกับกริยาท่าทางที่ชี้ชวนหนูลินมองพระจันทร์บนฟ้าก็ดูสวยสะดุดตาเขาไม่น้อยเลย ทั้งๆที่เคยคิดว่าเด็กคนนี้หน้าตาก็ออกธรรมดา ติดจะกระเดียดหญิงมากไปหน่อยด้วยซ้ำ แต่พอได้ลองเข้าใกล้ พูดคุย จึงได้รู้ว่าแม้แต่นิสัยใจคอถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นผู้ชายเขาอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงจริงๆได้ไม่ยากเลย...
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั่นก็ไม่ได้น่าเกลียดเลยซักนิด กลับดูดีและลงตัวเมื่อมันเป็นการกระทำของคนคนนี้ โดยเฉพาะเวลาที่เด็กคนนี้อยู่กับไวโอลิน สีหน้าอ่อนโยน กริยาท่าทางนุ่มนวล อ่อนหวานที่ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เคยเกือบคิดอยากพาตัวทั้งหลานทั้งคนเลี้ยงกลับไปหาแม่เขาทั้งคู่ เพราะดูท่าจะให้แยกหนูลินออกจากเด็กนี่คงไม่ใช่เรื่องง่าย หวังจะตีสนิทเพื่อที่อะไรๆมันจะง่ายขึ้นก็ดูเหมือนจะยากขึ้นแทน เมื่อทุกครั้งที่พบไม่เคยแม้ซักครั้งที่เด็กหนุ่มจะเริ่มต้นการพบเจอกับเขาด้วยรอยยิ้ม... เจอทีไรไม่ทำหน้าบึ้งก็ต้องพูดจาปากดีไม่เจียมตัวเองใส่เขาตลอด (คุณตัวโตก็ใช่ย่อยนะจ๊ะ...) ดูไม่น่ารักเอาเสียเลย... หรือว่าเขาจะเปลี่ยนแผน พาฉุดกลับไปบ้านทั้งคู่เลยดี... ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายให้มาก...
แต่จิตสำนึกด้านดีของเขาก็ค้านขึ้นมาในใจว่า...ไม่ได้...แม่เขาไม่ยอมแน่ ขนาดพี่สาวเด็กนี่แม่เขายังไล่ออกจากบ้านแบบนั้น เด็กนี่ก็คงไม่ต่างกัน หรือไม่ก็อาจจะยิ่งกว่า... ยิ่งมีเรื่องของหนูลินเข้ามาเกี่ยวคงยิ่งไปกันใหญ่... อย่างน้อย...เขาก็มีความรุ้สึกสงสารหนูลินอยู่เหมือนกันถ้าต้องห่างจากคนที่แกผูกพันธ์มาตั้งแต่เกิดแบบนี้
ในระหว่างที่กำลังวางแผนอยู่เพลินๆ เสียงที่ตะกี๊ยังงุ้งงิ้งร้องเพลงกล่อมเด็กให้หนูลินฟังก็เอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงห้วน...
"เอ่อนี่...คุณรังสิมันต์ อย่าลืมที่รับปากผมด้วยนะ ที่บอกว่าไม่มาตามติดชีวิตผมยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้อีก ถ้าหากผมซักเสื้อให้คุณ แล้วก็หาอะไรให้คุณทาน..." น้ำฟ้าทวงข้อตกลงด้วยสีหน้าสีตาเอาเรื่อง มือก็ตบก้นหนูลินแปะๆเพื่อกล่อมนอน... รังสิมันต์รวบช้อนวางในจานเรียบร้อย แล้วยักไหล่นิดๆก่อนตอบ
"ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น... ถ้ารับปากอะไรไปแล้วฉันก็จะทำตามนั้น..." ชายหนุ่มเอ่ยเรียบๆ แล้วพยักหน้าเบาๆให้เตโชรู้ว่าให้ช่วยเก็บจานข้าวไปไว้ในครัวให้ด้วย...
แล้วเมื่อเหลืออยู่ตรงชานบ้านเพียงสองคน แถมยังมีสายตาดุๆจับจ้องให้ประหม่าอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ น้ำฟ้าก็อยากรีบหาประเด็นที่จะได้ออกไปเสียที...
"เอ่อ... ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปรีดเสื้อให้คุณก่อนแล้วกัน ป่านนี้คงจะแห้งแล้ว..." น้ำฟ้าบอกเบาๆแล้วหันหลังรีบสาวเท้ากลับเข้าบ้านไป...
ทิ้งรังสิมันต์ให้มองตามแผ่นหลังแบบบางแล้วแอบยิ้มมุมปากนิดๆ... กลิ่นดอกไม้ที่ลอยมาตามลมทำให้ชายหนุ่มผินหน้ากลับไปเท้สแขนลงบนระเบียงที่สูงแค่เอวเขา ท่ามกลางความมืด สีขาวของดอกโมก ลีลาวดี และดอกปีบช่อใหญ่ที่อยู่บนต้นไม้กลับลอยเด่นออกมา ไม้ดอกหอมสีขาวทั้งสามชนิดแข่งกัน ส่งกลิ่นอบอวลให้ฟุ้งทั่วอาณาบริเวณ เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่เคยได้สังเกตกลิ่นหอมของดอกไม้ต้นไม้แบบนี้ ปกติสูดแต่กลิ่นแอร์ กลิ่นน้ำหอมมากมายหลายแบบตลอดวัน... จมูกจึงรู้สึกไม่ค่อยคุ้นกับกลิ่นหอมแต่ไม่ฉุนของธรรมชาติที่กำลังได้สัมผัสอยู่ในตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่สูดได้ลึกๆไม่มีระคายจมูก... มันทำให้รู้สึกปลอดโปร่งอย่างประหลาด...
คิดแล้วพาลให้นึกถึงเจ้าของบ้านตัวเล็กที่ป่านนี้คงจะวุ่นอยู่กับการรีดเสื้อให้เขา... รับปากเจ้าของร่างเล็กๆไปว่าจะเลิกตามติด แต่อย่าคิดว่าคนอย่างรังสิมันต์จะไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆรอบๆตัวเด็กคนนี้ได้อีก...
"อ่ะ...เสื้อคุณ..." เสียงเล็กแหลมเกินชายหนุ่มทั่วไปดังอยู่ข้างหลัง พร้อมแรงมือชนที่หลังเขาเบาๆ พอเอี้ยวตัวหันมองก็พบน้ำฟ้ายื่นมือตึงถือเสื้อของเขาไว้ในมือ "รับไปใส่สิคุณ..." น้ำฟ้าเร่ง ชายหนุ่มลอบยิ้มมุมปากเล็กๆก่อนจะยื่นมือมารับเสื้อคืนไป
มือใหญ่แข็งแรงสอดผ่านแขนเสื้อที่รีดเรียบกริบ กลิ่นหอมอ่อนๆที่โชยขึ้นมาเป็นกลิ่นที่เขาไม่คุ้ยเคยเพราะไม่ใช่กลิ่นประจำเสื้อเขาเวลาที่เขาใส่ กลิ่นคล้ายๆดอกมะลิปนกลิ่นแป้งเด็กทำให้คนใส่รู้สึกเหมือนกำลังได้สัมผัสตัวหนูลินไปด้วยยังไงไม่รู้...มันทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก...
"เธอใส่อะไรลงไปในเสื้อฉันรึเปล่า..." ชายหนุ่มออกปากถามระหว่างที่มือก็ติดกระดุมเสื้อไป น้ำฟ้าเชิดจมูกเล็กน้อยแล้วบอก
"ไม่ได้ใส่อะไรลงไปทั้งนั้นแหละ ขอโทษด้วยนะที่ไม่มีปัญหาซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มราคาแพงๆมาให้ เสื้อคุณมันเลยเปื้อนกลิ่นคนจนไปหน่อย..." น้ำฟ้าต่อปากต่อคำแบบไม่หวั่นเกรง...
แต่น้ำฟ้าคงลืมไป ว่าเพราะเงินนี่แหละที่ทำให้เขามีอำนาจ และอำนาจนั้นก็อาจจะสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่น้ำฟ้าคิดไว้...
พอติดกระดุมเสร็จรังสิมันต์ก็หันหลังเดินลงมาจากบ้าน ลูกน้องของเขากลับไปยืนประจำอยู่ที่รถเรียบร้อยแล้ว ขายาวๆก้าวพ้นเขตประตูบ้านของน้ำฟ้า พร้อมๆกับที่น้ำฟ้าก็รีบดันประตูมาปิดตามทันที แต่ยังไม่ทันจะได้งับประตูสนิทฝ่ามือใหญ่ก็ยกมาต้านแรงเอาไว้ทำให้เด็กหนุ่มปิดประตูไม่ได้...
"อะไรอีกล่ะคุณ !"
"พอดีฉันลืมบอกเธอไปอีกอย่าง..." รังสิมันต์เกริ่นก่อนจะผลักประตูออกกว้างอีกหน่อยเพื่อที่เขาจะได้มองหน้าเด็กน้ำฟ้าได้ถนัด...
"อะไร !" น้ำฟ้าถามแทบกระชากเสียงใส่ แต่แววตาดุคมกริบที่เขาจำได้แม่นว่ามันเป็นแบบเดียวกับที่เขาเห็นในวันแรกที่ผู้ชายคนนี้มาที่บ้านเขา...
"...นอกจากฉันจะเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นแล้ว...ฉันยังเป็นคนพูดจริงทำจริง... อะไรที่เคยบอกไว้ว่าอยากได้...ฉันก็จะต้องได้... หวังว่าคงจะเตรียมใจและร่างกายไว้ให้พร้อมนะ เมื่อถึงวันที่ฉันจะมา 'รับ' ไปเมื่อไหร่ จะได้ไม่มีปัญหามาก..." ชายหนุ่มพูดจบพร้อมคลี่รอยยิ้มธุรกิจใส่นัยน์ตาไหวระริกที่จ้องมองเขา ดวงตากลมโตไหววูบไปชั่วครู่เมื่อฟังเขาพูดจบ... ก่อนจะกัดริมฝีปากแน่นแล้วตะโกนใส่ใบหน้าเขาเสียงดังลั่น...
"ฝันไปเถอะ !" แล้วน้ำฟ้าก็งับประตูเข้าหากันแล้วคล้องโซ่กุญแจแน่นหนา...
...อย่าคิดว่าอะไรๆจะเป็นไปตามคำบัญชาของตัวเองตลอดสิ ...ไม่มีวัน ! ไม่มีทาง ! และไม่มีแม้แต่โอกาสที่น้ำฟ้าจะ 'ให้' ในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการแต่โดยดีแน่...
...ก็บอกไปแล้วนี่...ว่าฝันไปเถอะ !
------------------------------- - - - - ------ --- - -- --- - - - - -- -- --- --- - -
to be continue...