Part 104
รักของสองเรา....
.
.
.
.
ลืมตาตื่นมาอีกครั้ง รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่ากว่าเก่ามาก...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน..
แต่ที่แน่ๆขณะกำลังจะหลับได้เห็นหน้าไอ้พี่โต๋ และฟังคำพูดที่ออกจากปากมันก่อนตาจะปิดสนิท...
‘หลับพักผ่อนนะครับ..
พี่จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน...รอตะเกียงตื่นมาเจอกัน’ มันบอกจะรอกู...ทำให้กูหลับสนิท...ใจอิ่มเอิบ..ไม่อยากเชื่อเลยว่า..
เพียงแค่เห็นหน้ามัน..ฟังคำพูดหวานๆที่มันพร่ำบอก..จะเหมือนน้ำทิพย์ชะโลมหัวใจกูให้พองคับอก...กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง..
มันคงเป็นน้ำมันเติมตะเกียงสำหรับกูจริงๆ
“ตื่นแล้วหรือครับ..” กูจ้องหน้าไอ้หล่อเทพ..ที่ยืนมองอยู่ หน้ามันตอนนี้สะอาดเกลี้ยงเกลา..
เสื้อผ้าก็ชุดใหม่ไม่ใช่ชุดเดิม..ที่สำคัญมันกลับมาหล่อ...ไม่สิ..มันหล่อกว่าเก่าเพราะมันยิ้ม...ยิ้มพราวอย่างมีเสน่ห์..
ขับให้หน้าหล่อขั้นเทพของมันเปล่งประกายจ้าจนสัมผัสได้
“อือ...หิวน้ำ” กูส่งเสียงตอบ พร้อมบอกไปว่ากูหิวน้ำ มันยิ้มให้ก่อนจัดการเอาน้ำอุ่นรินใส่แก้ว
เสียบหลอดเรียบร้อย..แล้วค่อยนั่งตรงขอบเตียงสอดแขนเข้าใต้คอกูประคองให้ลุกพิงอกมัน แล้วค่อยเอาแก้วน้ำจ่อปาก
ให้กูจิบในสภาพที่ตัวกูเอนพิงมันทั้งตัวนั่นแหละ..กูไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่ไปหมุนเตียงปรับระดับขึ้นเอา...แต่ทำแบบนี้
กูกลับชอบมากกว่า...ฮ่าๆๆๆๆ
กูถอนปากออกจากหลอด...มันรู้ว่ากูอิ่มแล้ว จึงเอาแก้ววางไว้บนโต๊ะข้างเตียง...แล้วค่อยกลับมา
สวมกอดกูไว้ทั้งตัว ก่อนจะก้มมาหอมบนหัวสูดหายใจลึกนิ่งๆ...แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดกับกูว่า
“
พี่ดีใจมาก...ที่ตะเกียงดูหน้าตาสดใสขึ้น..เดี๋ยวทานข้าวนะครับ...แม่ๆ กำลังเอามาให้..
เห็นบอกทำข้าวต้มปลากระพงเห็ดหอมมาให้ตะเกียงด้วย..” มันพูดให้ฟัง...กูอมยิ้ม..ก่อนตัดสินใจถามสิ่งที่สงสัยทันที
“
พี่มาได้ยังไง...แล้วพวกเพื่อนๆ อีก..มาครบหมดเลย...รู้ได้ยังไงว่าตะเกียงอยู่ที่นี่...” กูถามมันไป
“พ่อเกริกโทรบอกพ่อสิงห์...ความจริงพี่รู้ว่าตะเกียงป่วยนอนโรงบาลตั้งแต่ที่เข้ามาวันแรกแล้ว...
แต่พี่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ติดต่อกับตะเกียง..ขอโทษด้วยนะครับ..ที่พี่ไม่ได้มาดูแลตั้งแต่แรก” มันบอกกู
“ไม่ต้องขอโทษหรอก...ตะเกียงรู้ความจริงหมดแล้ว..พวกผู้ใหญ่ไม่ต้องการให้เราติดต่อกันเพราะอะไร..
พี่ไม่ต้องพูดต่อแล้ว...ที่จริงมันต้องยุติลงตั้งนานแล้วด้วย...จะช้าหรือเร็ววันนี้ก็ต้องมาถึง” กูตอบมันไป
“
หึ..ไม่แล้วครับ...ตอนนี้เรื่องของเราพวกผู้ใหญ่ไม่มีใครห้ามอีกแล้ว...พ่อๆแม่ๆ ทุกคนลงความเห็น
ให้เราคบกันได้..ไม่จับเราแยกจากกันอีกแล้วหลังจากที่ตะเกียงสลบไปครั้งหลังสุด...” กูขมวดคิ้วหันมองหน้ามัน..
แบบไม่เชื่อในสิ่งที่มันพูด
“ไม่ต้องทำหน้าไม่เชื่อหรอกครับ..พี่พูดเรื่องจริง..ตะเกียงสลบครั้งหลังสุด...พวกเราก็ยกโขยงมากันหมด..
พี่ไม่ลืมโทรบอกไอ้บอมย์มันด้วย..และมันก็เป็นคนโทรบอกพวกเราทุกคน...พากันบินตามมาทีหลัง...พอมาถึง
ตะเกียงอาการหนักมาก...ชีพจรเต้นอ่อนถึงกับต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ...เหมือนคนหลับไม่รับรู้อะไรเลย..ไม่ว่าพี่จะเรียก
จะปลุกยังไงตะเกียงก็ไม่ลืมตา...จนพี่กินไม่ได้นอนไม่หลับ..ทุกคนพยายามให้กำลังใจบอกให้พี่กินข้าวอาบน้ำให้สบายใจ..
พี่ไม่ฟังใครทั้งนั้น...อยู่เฝ้าตะเกียงไม่กินไม่นอน..ผ่านไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน...จู่ๆ ก็เกิดโกลาหลเมื่อชีพจรของตะเกียง
แผ่วลงเรื่อยๆ...จนต้องเรียกหมอด่วน...
และช่วงวิกฤตที่แย่ที่สุดเมื่อชีพจรตะเกียงหยุดเต้นไปดื้อๆ เกือบสามนาที...ทีมแพทย์และพยาบาล
ต้องช๊อทตะเกียงด้วยไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการตอบสนอง...ณ...วินาทีนั้น..พี่ร้องไห้ไม่อายใคร..ถึงกับก้าวร้าวต่อว่าพ่อแม่ทุกคน..
ที่ทำให้เราแยกกัน..ทำให้พี่ไม่ได้ดูแลตะเกียง...พี่พูดแรงมากถึงขนาดบอกกับพวกท่านไปว่า...หากตะเกียงเป็นอะไรไป
พี่จะไม่ให้อภัยทุกคนรวมทั้งตัวเองด้วย...เมื่อไม่มีตะเกียง..ก็จะไม่มีโตโต๋..
เพราะคำพูดนี้ของพี่..ทำให้พวกท่านเข้าใจพวกเรามากขึ้น...พี่อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าเอา
ตะเกียงไปจากพี่...คำอธิฐานของพี่คงเป็นจริง..ในที่สุดชีพจรตะเกียงก็กลับมาเต้นอีกครั้ง...พวกเรารอคอยอย่างทุกข์ทรมาน..
กระทั่งผ่านไปร่วมห้าชั่วโมงตะเกียงถึงยอมฟื้นขึ้นมา ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน..ที่เหลือก็อย่างที่ตะเกียง
เห็นนั่นแหละ...” มันเล่าให้กูฟังอย่างละเอียด...
“ทำไมพี่ถึงมั่นใจว่า..พวกผู้ใหญ่ยอมให้เราคบกันได้แล้ว” กูยังติดใจเรื่องนี้ไม่หาย..
“ก็พอตะเกียงหลับไปแล้ว...พวกเราก็เปิดใจคุยกันทันที..และพี่ก็กราบขอขมาพ่อเกริกแม่ษาและพ่อแม่พี่
ไปเรียบร้อยแล้วด้วย..ซ้ำยังอ้อนวอนขอเป็นคนดูแลรับผิดชอบตะเกียงหลังจากนี้...พ่อแม่ของเราท่านต่างเข้าใจและยอมรับ
ในความรักของพวกเราแล้ว..คงเพราะท่านเห็นตอนตะเกียงตื่นมาเจอพี่...ทุกอย่างที่เราแสดงต่อกันอยู่ในสายตาพวกท่านตลอด
เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เราคบกันโดยจะไม่ขัดขวางพวกเราอีกต่อไป” มันพูดพร้อมรอยยิ้มมีความสุข
เต็มเปี่ยมบนหน้า
“แล้วนี่ไปไหนกันหมดครับ” กูถามเพราะไม่เห็นใครเลย นอกจากมันกับกู
“ทุกคนกลับไปพักผ่อนที่บ้านตะเกียง...แถมเตรียมจัดงานผูกข้อมือรับขวัญตะเกียงด้วย หลังจากล่าสุด
หมอมาตรวจเช็คร่างกายตอนตะเกียงหลับ..แล้ววินิจฉัยว่าอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หากวันนี้ทานข้าวได้
พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้เลย..หมอสรุปโรคที่ตะเกียงเป็น...เค้าเรียกว่าโรคใจ..ต้องใช้ใจรักษา” มันพูดจบมีอมยิ้มล้อเลียนกูอีก...
เล่นเอาหน้ากูร้อนวาบทันที
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตู..ก่อนจะผลักเข้ามา แม่อร แม่ษา..พ่อเกริก พ่อสิงห์..และทุกคน
ตามเข้ามาเป็นพรวน...กูยกมือไหว้พวกผู้ใหญ่ พร้อมกับส่งยิ้มทักทายไปให้เพื่อนๆ
“
ห่าโต๋...ให้กูปรับเตียงดีกว่าไหม..เล่นกอดไม่ปล่อยเลยนะมึง” ไอ้พี่บอมย์มันแซวครับ...
กูเพิ่งนึกได้ว่านั่งพิงอยู่ในอ้อมกอดมันทั้งตัว..หน้าร้อนทันทีกับคำพูดไอ้ยักษ์หล่อมัน...ก่อนจะขืนตัวออกจากอ้อมกอดไอ้พี่โต๋..
ยอมรับอายสายตาพ่อแม่ที่พากันมองมายิ้มๆ..หวาย..หวาย..อยากมุดเตียงหนีชิบหาย
“
หึ..เอาดิ..มึงปรับเลย..เดี๋ยวกูจะให้น้องกินข้าว..แม่เอาข้าวต้มมาด้วยใช่ไหมครับ?..” พูดจบมันหันไป
ถามแม่อร..ที่พยักหน้าให้ก่อนไอ้พี่พรตมันจะส่งตระกร้าหวายข้างในมีปิ่นโตใส่ข้าวต้มยื่นให้ไอ้พี่โต๋ ซึ่งมันก็คลายอ้อมกอดกู
ลุกไปรับมาจัดการเองบนโต๊ะ..ตอนนี้กูนั่งพิงหัวเตียงที่ได้พี่บอมย์มันหมุนปรับระดับให้เอนเรียบร้อยแล้ว
“กำลังอุ่นพอดี..กินเลยนะครับจะได้มีแรง” มันหันมาพูดกับกู...เลยพยักหน้าให้มันไป..ก่อนมันจะถือปิ่นโต
ข้าวต้ม มาป้อนให้กูต่อหน้าทุกคนแบบไม่สนใจใครจะมอง..กูจะกินเองก็กลัวมันเสียหน้า เลยต้องยอมให้มันป้อนแหละ
รู้สึกถึงสายตาทุกคู่จ้องกูกินอย่างกับจะลุ้น เล่นเอาใจกูรัวกระหน่ำ...เขินสาด..แต่เพราะกูเขินมากไปหรือเปล่าไม่รู้...
เลยเอาแต่ก้มหน้าแดกข้าวต้มที่มันป้อนแบบไม่กล้าเงยหน้าสบตาใคร..แดกเอาแดกเอาจนเพลิน ข้าวต้มหมดไปตอนไหน
ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ..มารู้สึกตัวก็ต่อเมื่อมันทัก
“เก่งจังครับ....กินหมดเลย...เอาน้ำดื่มก่อนแล้วค่อยกินยาตามนะครับ” กูก็ทำตามมันอย่างว่าง่าย....
หลังจากมันส่งทั้งน้ำทั้งยามาให้
“ขอบใจโต๋มากนะลูก..น้องทานข้าวได้หมดไม่เหลือ แถมยังไม่อ๊วกอีกตะหาก” แม่ษาพูดขึ้นมา
เลยพาลทำให้กูนึกขึ้นได้..เอ่อนั่นสิ..ทำไมกูถึงไม่อ๊วก..ตาย..ตาย..สงสัยแฟนกูมีเวทย์มนต์ ทำให้กู
กินข้าวที่มันป้อนแล้วไม่อ๊วก..
“ไม่ต้องขอบใจผมหรอกครับ....มันเป็นหน้าที่ของผมต้องดูแลคนรักอยู่แล้ว..ที่สำคัญผมเต็มใจทำอย่างยิ่ง”
มันพูดจบ
“ฮิ้วววววว!..เลี่ยนสาด...” เสียงลูกคู่โห่แซวลั่นห้อง...ก่อนทุกคนจะพากันหัวเราะขำกับท่าทางเขิน
ของไอ้พี่โต๋ ที่ได้แต่เกาหัวแก้เก้อ...
บรรยากาศในห้องตลบอบอวลด้วยเสียงหัวเราะ..และคำถามที่ทุกคนพากันป้อนใส่กู...ทำให้รู้ว่าพวกเค้ารัก
และเป็นห่วงกูมากขนาดไหน...
กูไม่ต้องย้ายโรงเรียนแล้วด้วย..ซ้ำยังกลับไปอยู่บ้านไอ้พี่โต๋ ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม...โดยพ่อๆ แม่ๆ..ทุกคน
ไม่ขัดขวางการที่เราคบกันแบบคนรักอีกต่อไป..แถมพ่อสิงห์มีหยอกพ่อเกริกอีกว่า...สินสอดเรียกเท่าไหร่ก็บอก..
จะได้เตรียมไว้ให้ล่วงหน้า...พาเอาฮากระจายกันทั้งห้อง...แต่กูอาย....อายจนอยากหายตัวหนีแล้ว....
“ฮา..อิ่มโคด....” กูบ่นนั่งตีพุ่งตรงโซฟาในห้องพักรีสอร์ท..หลังจากไอ้พี่โต๋พาไปกินบาบีคิวซีฟู๊ด
ริมชายหาดทางที่พักเค้าจัดให้...ล่อซ่ออิ่มจนจุก ก็อาหารทะเลที่เค้านำมามีแต่ของสดๆ ตัวใหญ่ๆ...กูแดกไม่ได้อย่างเดียว
คือปลาหมึก..กูแพ้ปลาหมึก...นอกนั่นซัดกระจาย..ก่อนที่ไอ้รูปหล่อข้างๆ จะลากกลับที่พัก..
เพราะเริ่มมีฝรั่งเข้ามาชวนกูคุยแล้วมันออกอาการจะขบหัวเค้าแล้ว...ตอนนี้มันอาบน้ำส่วนกูนั่งผึ่งพุง
“พี่อาบเสร็จแล้ว..ตะเกียงไปอาบต่อเลย” มันเปิดประตูห้องน้ำออกมา หยดน้ำเกาะตามตัวเซ็กซี่ได้อีก...
กูเลยลุกหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำให้สบายตัวบ้างดีกว่า...เหนียวตัวเหมือนกันลมทะเลก็งี้แหละ..ดีหน่อยที่ตอน
อยู่ในห้องเปิดแอร์เย็นสบาย..ได้ยินมันเปิดทีวีคงดูข่าวรอบค่ำ
“
พี่โต๋...อาทิตย์หน้าก็เปิดเรียนแล้ว...พวกเราขึ้นม.5 กันแล้วสิเนอะ..” กูนอนคุยกับมันบนเตียง
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อย ก็พากันมานอน คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เรามาพักรีสอร์ทหรูห้องสวีทของขวัญจากไอ้พี่บอมย์
มันจัดรับขวัญกู
“
อืม...เป็นพี่ใหญ่ขึ้นอีกปี...เผลอๆงานกีฬาสี ได้เป็นประธานสีแข่งกันอีกแน่ในกลุ่มพวกเรา...
น่าสนุกดีนะพี่ว่า...” มันพูดขึ้นมาเรื่องงานกีฬาสี..นั่นสินะ..ปีนี้พวกกูก็เป็นรุ่นพี่ที่จะได้ทำกีฬากันเต็มที่แล้ว...
นึกถึงงานกีฬาสีที่ผ่านมายังสนุกไม่หาย มีอะไรมากมายที่เราได้จากกิจกรรมครั้งนั้น เสียงหัวเราะ น้ำตาแห่งความดีใจ
ความสุขมากมายหาซื้อไม่ได้ คือมิตรภาพระหว่างพี่น้องร่วมหมู่คณะ..
“
อืม..จริงด้วยสินะ...อยากรู้จังน้องใหม่ที่เข้าม.4 จะมีคนฝีมือดีมีความสามารถกันมากแค่ไหน...
คิดแล้วตื่นเต้นดีเนอะ” กูพูดกับมัน
“
หึ...เก่งแค่ไหนก็ช่าง..แต่คนเก่งข้างพี่ห้ามสนใจใครเด็ดขาดเข้าใจไหมครับ..” น้าน!..ฟังพูดเข้า
เลยแกล้งมันซะหน่อย
“
สนสิ..ทำไมจะไม่สน..มีคนเก่งๆ มาให้รู้จักอดสนไม่ได้หรอก” หน้าบูดทันที...ทำตาวาวใส่กูแล้วนั่น
“
ไม่ได้..พี่ไม่ให้ตะเกียงสน..ต่อให้พวกมันจะมาสนตะเกียงก็ช่าง..สนได้แค่พี่คนเดียวเท่านั้น..
ไม่งั้นเจอดีแน่” ตายห่า..ตบท้ายมีขู่กูอีกซะงั้น
“
อะไรกัน...ทำเป็นขู่...นึกว่ากลัวดิ...กลัวตายหละ” พอกูพูดจบ..มันไม่รอต่อประโยค..กูพลาดไปเอง..
เพราะบัดนี้มันพลิกขึ้นคร่อมกูทั้งตัว ก่อนจะขึงยึดมือกูไว้เหนือหัว..จ้องตากูนิ่งๆ แล้วพูดรอดไรฟันเสียงต่ำว่า
“อยากลองดีใช่ไหม..งั้นคืนนี้ไม่ต้องนอนกันเลย..” พูดจบมันไม่รอช้า กดจูบฉกลิ้นใส่กูทันที...
ไม่เปิดโอกาสให้โต้ตอบได้อีกเลย....ไอ้พี่บ้า...ล่อจะไม่ให้นอนเลยจริงๆ หรือนี่..อร๊ายยยย...ตาย..กูตาย..
เมื่อไหรมันจะหายจากโรคติดเซ็กส์ซะที..
สุดท้ายกูก็ต้องครางลั่น แพ้ทางมันจนได้...สิงห์โต๋..แม่งเชี่ยวมากอ่ะ...จะเหลือเหรอไอ้ตะเกียง...
ได้แต่คิดในใจ..วันนี้มันจะทำแพททริกยิงกี่ประตู....
เฮ้อ....
ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะค่ะ...
เรื่องใหม่ยังไม่ใช่ของรัน & พรต นะค่ะ
แต่จะเป็นนิยายแนวลึกลับซับซ้อน...ที่กำลังเขียนจะเอามาลงให้อ่านก่อน
ไม่เคยเขียนแนวนี้มาก่อนเลย...ลองอ่านกันดูนะค่ะ
ชื่อเรื่อง
...."มนต์มาร" รับรองสนุกตื่นเต้น..ชวนติดตาม
เรื่องนี้อยากเขียนมานานแล้ว สไตล์แนวแบบนี้...ช่วยเป็นกำลังใจกันด้วยนะค่ะ
ส่วนเรื่อง
'เหยี่ยวหัวใจ' จะต่อจากน้องจอม...ค่ะ
Luk.
ปล. ตอนพิเศษของพี่วีมาอัพแล้วนะค่ะ..ใครที่รักแม่อย่าพลาดเข้าไปอ่านเน้อ....
'วันแม่' กระทู้นิยายจบแล้ว
เรื่อง..
เพราะรัก...จึงเปลี่ยนได้