Part 105
ลาก่อนเพื่อนรัก!....
.
.
.
.
“อ๊า...อือออๆๆ....พี่โต๋...อย่า..พอก่อน...อึ้ยยย” กูกำลังพยายามหลบหลีกปากไอ้พี่หื่นติดเซ็กส์วุ่นวายไปหมด มันพยามซุกไซร้ไล่จูบกูไปทั่ว ทั้งปัดทั้งป้องพูดห้ามก็ไม่ฟัง
หลังกลับจากงานเลี้ยงส่งของเพื่อนๆ ที่จัดให้กูสองคน
พรุ่งนี้กูกับไอ้พี่โต๋ต้องเดินทางไปอเมริกา ทั้งกูทั้งมันตัดสินใจไปเรียนต่อป.ตรี ที่นั่น...ตอนนี้
เราจบม.ปลายกันแล้ว..ทุกคนเลือกทางเดินของตัวเอง...ไอ้พี่บอมย์เอ็นฯติดที่เดียวกับไอ้พี่รันแต่คนละคณะ...
ไอ้พี่รันเลือกกราฟฟิกดีไซด์ตามไอ้พี่พรต ทั้งสองคนวางแผนต่อยอดธุรกิจจิวเวอร์รี่ของตระกูลมัน...ซึ่งกลายเป็นรุ่นพี่ปีสอง...
ไอ้พี่รันต้องไปเป็นน้องใหม่เฟรชชี่ในคณะมันหละ
ไอ้พี่บอมย์เลือกเรียนการท่องเที่ยว เพื่อมาดูแลธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของมันเหมือนกัน...
ส่วนกูกับไอ้พี่โต๋เรียนที่แคลิฟอร์เนีย กูเลือกวิทยาศาสตร์ ไอ้พี่โต๋ลงกฎหมายกำหนดเดินทางพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้สิ..
มันกะล่อกูส่งท้ายกะเค้าด้วย..
ไอ้บร้า!……
“
น่านะ...ตะเกียง...นี่ก็เกือบอาทิตย์แล้วมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องเดินทาง พี่กับตะเกียงไม่ได้
ทำลูกกันเลย...เห็นใจพี่บ้างสิครับ...ยังไงคืนนี้พี่ก็ไม่ยอมด้วย..พวกเพื่อนเลี้ยงส่งเรา....ถึงคราวพี่ต้องส่งท้ายอำลาเตียงบ้างสิ...
อีกนานกว่าจะได้กลับมาคิดถึงมันแย่...อย่าลืมสิครับ..ห้องนี้เตียงนี้คือความทรงจำครั้งแรกของเราสองคนนะ..ก่อนไปมารำลึก
ความหลังกันดีกว่า..”
กูอึ้งแดก...ฟังมันพูด..ให้มันได้ยังงี้สิไอ้สิงห์หื่น....
เฮ้อ!..พูดจบคลุกวงในกูต่อทันที..
แล้วเหตุผลแบบนี้...คิดว่าไง..
กูจะเหลือเหรอะ..
“อือออ...อ๊าๆ!...อ่าาาาzzz” เสื้อผ้าหลุดหายไปจากร่าง รวดเร็วทันใจทั้งมันทั้งกู....
จู่ๆดันคุกเข่าคร่อมกูหยุดทุกอย่างดื้อๆซะงั้น อารมณ์ไอ้ตะเกียงก็สะดุดกึกตามเลยทีนี้....ปรือตาขึ้นมองเป็นห่าไร...
พอกูยอมเสือกหยุดหงุดหงิดอะดิ
ตาย..ตาย..มันดันจ้องกูตาเยิ้ม...สำรวจร่างกายกูด้วยสายตาโลมเลียวิบวับ..อร๊ายยยย...เขินอ่า..
เจอสายตาแบบนี้เข้าร้อนไปทั้งตัว...มือคว้าหมอนปิดหน้าตัวเองหมับเข้าให้...ไอ้พี่เลว..จะทำไม่ทำเสือกพากูอายอีกมึง...
“
หึหึหึ!...ไม่ชินอีกหรือครับ...รู้ตัวเปล่าทำแบบนี้กำลังยั่วพี่อยู่น๊า...ไม่ต้องเอาหมอนปิด
พี่อยากมองหน้าตะเกียง” พูดจบเสือกดึงเอาหมอนกูไปเฉยเลย...หวาย..หวาย...ที่พึ่งของกูไม่เหลือแล้ว...กำลังจะพลิกตัว
มุดหมอนมันคงรู้ทัน ล้มทับลงมาซะงั้น ก่อนจะประกบจูบร้อนผ่าวเล่นเอาหวิวสยิวกิ้วไปทันที
“อุ๊บ!...อือออออๆๆๆ!!..” จูบจนกูแทบละลาย มันก็เคลื่อยย้ายฝากรอยจูบทั่วสรรพางค์กาย
จนกูต้องบิดร่างเร่าเพื่อบรรเทาความเสียวที่พี่แกปรนเปรอให้...เก่งจริงไอ้พี่บ้า...เรื่องแบบนี้โตโต๋โคตรเซียนเลยอ่า...
สุดท้ายไอ้ตะเกียงก็เหลืออยู่ทางเดียว คือครางอย่างเดียวเป็นสิ่งที่กูถนัดแหละตอนนี้
“อ่าๆๆzzz..” ฟ่อนเฟ้นร่างกายกูจนพอใจ...มันก็ส่งนิ้วนำร่องเข้ามาสำรวจถ้ำหรรษาทันที....
แม้จะคุ้นเคยมาแล้วแต่กูก็เผลอเกร็งตัวรัดนิ้วมันทุกครั้งไป...ใครจะไม่ต่อต้านกันหวะ..ถ้ำนี้ธรรมชาติเข้าให้เป็นทางออก...
เมื่อเจอด้านนอกบุกเข้ามา..เป็นธรรมดาที่ร่างกายจะต่อต้านทุกทีแหละน่า...สักพักพอเริ่มคุ้นชินรู้ว่าไอ้ที่กระดึบๆ อยู่เนี่ยะ..
คือการทักทายจากเพื่อนเก่า ร่างกายถึงเริ่มผ่อนคลายลงลดการรัดเกร็งไปเอง..ซึ่งนั่นกูต้องให้ความร่วมมือ
หายใจยาวๆ ไปด้วย...แฮ่ะๆๆๆ
และไม่ต้องรอนาน...มังกรชมถ้ำก็เข้าทำหน้าที่ต่อทันที....พอสัมผัสได้ถึงท่อนเนื้อร้อนผ่าวดันแทรกเข้ามา....
กูต้องนิ่วหน้าเพราะมันเจ็บจุกอึดอัดทุกทีสิน่า...ไอ้เรื่องนี้ก็เหมือนกันที่ต้องใช้ความพยายามอดทนให้มันผ่านพ้นไปให้ได้..
แม้จะทรมานเล็กน้อยในขั้นตอนนี้...แต่หลังจากนั้นโอยไม่อยากจะแซด....
“อุก!...อ๊าๆๆๆ!..” ไอ้พี่โต๋มันรู้หนทางดี...มีเดินหน้านิดถอยหลังหน่อย...แล้วก็ดันลึกเข้ามา
ก่อนจะถอยหลังตั้งหลักครั้งสุดท้าย ส่งท้ายทีเดียวพรวดมิดลำ...ไอ้ตะเกียงทำไง...ก็แค่ตั้งรับถ่างขาให้กว้างเข้าไว้....
มือจิกไหล่มันแน่นครางลั่น..ก่อนจะโดนมันปิดปากบดจูบดูดเสียงครางหายไปในคอมันแทน...
จากนั้นจังหวะดินโก้....รุมบ้า...ละตินอเมริกา...เทงโก้..ก็สลับสับเปลี่ยนควบคุมจากบั้นเอวไอ้พี่โต๋
บรรเลงเองล้วนๆ โดยกูให้ความร่วมมือเต็มที่ในการเด้งรับทุกจังหวะ...อย่าได้ยอมเป็นอันขาด..มันเปลี่ยนเสต็ปไหนมา...
กูก็ร่อนรับทุกเสต็ปเพื่อไม่ให้เสียเปรียบได้เปรียบ..กูครางลั่น..มันก็ครางสนั่น...ช่วยกันขับขานบรรเลงเพลงรัก
ก่อนโบกมือลาไทยแลนด์.....
ผ่านไปยกแรก..ยกสองต่อเนื่อง...ยกสามปิดท้าย...กูถึงได้นอนตายซากไม่มีแรงขยับอีกแล้ว...
เหมือนตัวนิ่มให้มันเอาไปซุกไว้ในอก...ตัวกูก็รู้หน้าที่เพราะคำคื่นนี้หมดเวลาได้เวลาพักยาวเสียที...มุดเข้าซุกอกมัน..
สูดกลิ่นอายความรักผสานกลิ่นตัวกรุ่นของหนุ่มรูปงามนามว่า...โตโต๋..สิงห์ราช...คนรักและแฟนอันถูกต้องที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่าย
ยอมรับมันเป็นลูกเขยของตระกูล.
วรเวทย์อัคนี.และกูเป็นสะใภ้เล็กของตระกูล..
สิงห์ราช.ด้วยประการละชะนี้
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ คราคร่ำไปด้วยครอบครัวกูครบองค์ ครอบครัวสิงห์ราชไม่มีขาดหาย...
สุดท้ายบรรดาพวกพ้องเพื่อนฝูง ตลอดจนรุ่นน้องที่โรงเรียนยกโขยงส่งเราทั้งคู่ ประหนึ่งนักกีฬาโอลิมปิก
ไปคว้าเหรียญทองกลับประเทศซะงั้น...
กูกับไอ้พี่โต๋..ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงที่มีอยู่อย่างจำกัด ยืนเป็นดาราดังท่ามกลางสายตา
ผู้เดินทางอีกนับร้อย..ให้บุคคลทุกคณะที่ว่า ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาบอกลา..กอด..โอบ..หอมแก้ม..จับมือ..
และเป็นครั้งแรกครั้งเดียว..ที่ไอ้พี่โต๋มันยอมให้คนอื่นได้กระทำการเช่นนี้กับร่างกายกูโดยมันไม่เหวี่ยง..
และกูเองก็ปล่อยให้มันได้มีโอกาสสัมผัสกับคนอื่น โดยกูไม่โกรธ
มาถึงวันนี้ตอนนี้...เพิ่งรู้ว่าเราสองคนเป็นที่รักของเพื่อนพ้องน้องพี่มากมาย...บรรดาแฟนคลับ
‘สิงห์ครองตะเกียง’ ร่วมร้อยชีวิต..ที่นำการ์ดอวยพร..ช่อดอกไม้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆมามอบให้..โดยไม่คิดกันเลยว่า
กูกับมันคงมีปัญญาเอาขึ้นเครื่องไปได้หรอก.....เดือดร้อนพ่อสิงห์ให้ลุงพีคนขับรถหอบไปเก็บท้ายรถขนกลับคฤหาสน์
สิงห์ราช...รอพวกกูปิดภาคเรียนบินกลับมาจัดการทีหลัง...ส่วนพวกของกินเล็กๆ น้อยๆ กับการ์ดอวยพร...กูรวบเก็บยัด
กระเป๋าสะพายไปไว้อ่านที่โน้นด้วย..
วินาทีที่เราทั้งคู่ต้องหันหลังเดินเข้าไปในส่วนต้องห้าม...ตามประกาศของสายการบิน..เป็นวินาทีที่
คลอเคล้าไปด้วยน้ำตา...ความอาวรณ์...สายสัมพันธ์เพื่อนพ้องน้องพี่...เสียงเพลงร้องส่งที่พวกมันเตรียมกันมา
แบบเซอร์ไพรส์...
คำสัญญา ก่อนจากกัน...ขอสัญญา...ฝากประทับตรึงตรา..จนกว่าจะพบกันใหม่ โบกมืออำลา..สัญญากันไว้อย่างไร...ขอให้เรามั่นคงจิตใจ..ก้าวไปสรรสร้างความดี โอ๋เพื่อนเอ๋ย...เคยร่วมสนุกกันมา...แต่เวลาต้องพาให้เราจากกัน..ไม่นานหรอกหนา เราคงได้มาพบกัน...ไม่มีสิ่งใดขวางกัน..เพราะเรามั่นในสัญญา หากแผ่นดิน...ไม่ฝังกาย...จะสุขจะทุกข์เพียงใด....น้อมกายยิ้มสู้ฟันฝ่า ร้อยรัดดวงใจ...มั่นในคำสัญญา..สร้างสรรเพื่อมวลประชา...นี่คือสัญญาของเรา...เสียงร้องประสานของทุกคน ทั้งเพื่อนกู..เพื่อนมัน..รุ่นน้อง..ยืนร้องด้วยรอยยิ้มและคราบน้ำตา...พาเอากูกับมันซึ้งใจเต็มตื้นไปหมด..น้ำตาเราก็รื้นไหลเป็นทางเช่นกัน...นี่แหละหนา..ความสัมพันธ์ที่ผูกพันธ์กันมาตลอด..ทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่า
คำว่าเพื่อน...รุ่นพี่...รุ่นน้อง...กูเลยตะโกนก้อง...พร้อมยกมือโบกกลับไป..ไอ้พี่โต๋มันก็ทำตามด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณครับทุกคน....สัญญา...จะกลับมา...ลาก่อน ” จากนั้นมันก็หันมาโอบไหล่กูพาเดินลับเข้าไปเตรียมตัวขึ้นเครื่อง..ท่ามกลางสายตาอาลัยของคนที่มาส่ง..อยากบอกว่า..
ไอ้ตะเกียงรักพวกมึงหวะ..
เพื่อน..
ชีวิตในวัยเรียนของกูกับไอ้พี่โต๋ปิดฉากลง...แต่ชีวิตคู่ในวัยอุดมศึกษา..ณ ต่างแดนกำลังเริ่มต้นขึ้น....
ใครต่างพูดเสมอว่า..อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน...จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด..กูได้ยินได้ฟังมาตลอด...และกูเองก็ไม่มีข้อโต้แย้ง..
เพราะไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตได้จริงๆ ใครรู้ล่วงหน้าก็เทพแล้วหละจริงไหม?...
คำว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด...คงเป็นบทพิสูจน์ที่ดีควรค่าแห่งการนำไปปฏิบัติจริงๆ..เป็นคำสอนของ
องค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า..ที่พระองค์ท่านทรงตรัสไว้ว่า...จงอยู่กับปัจจุบัน..เพราะอดีตที่ผ่านมาแล้วนั้น..เราไม่สามารถ
ย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้...อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง...เราจึงมิควรไปยึดติดกับมันมากนัก..ปัจจุบันต่างหาก..ที่เราควรดูแล
เอาใจใส่..ใช้สติปัญญาทำทุกวินาที..ทุกเวลาให้มีค่าและเกิดประโยชน์กับตนเองและผู้อื่นให้มากที่สุด..คำสอนนี้ช่างเป็น
สัจจะธรรมที่ไม่มีวันตาย..
ฉะนั้นอนาคตกูกับไอ้พี่โต๋จะเป็นยังไงไม่มีใครรู้...แต่ขณะนี้เวลานี้..มันกับกูยังเป็นคนรักของกันและกัน...
เพื่อมิให้อนาคตเราต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เราไม่อยากให้เป็น...จะยากอะไรกับการที่จะหันมาดูแลกันให้มากๆ..
รักกันให้มากขึ้นกว่าทุกวันที่ผ่านมา...กูกับมันคงแยกกันไม่ได้แน่ๆ..เพราะกูขาดมันไม่ได้...
ไฟตะเกียงย่อมดับเมื่อขาดน้ำมันฉันใด..ตะเกียงอย่างกูก็คงไร้หัวใจเมื่อขาดสิงห์โต๋เคียงคู่.. ...ขอได้รับความขอบคุณจาก..อินทรีย์...ผู้ให้เสียงภาษาไทยมาโดยตลอด..รักคนอ่านทุกคน...โดยเฉพาะเม้นท์ส่งบทอวสาน...ถ้าจะให้ดี..กดบวกให้เป็ดจะดีใจโคด(โลภหวะ)...ร่วมฉลองให้กับนิยาย
เรื่องยาวเรื่องแรกที่เดินทางมาถึงตอนจบใช้เลา 7 เดือนกว่า..ทุกรีฯ สำหรับตอนนี้..คนเขียนกดบวก 1+ เป็นการขอบคุณ
ที่อยู่ติดตามกันมาโดยตลอด...
โปรดติดตามผลงานที่บรรจงสร้างแบบมั่วๆ รั่วๆ ให้ได้ครื้นเครงกันต่อไป...อย่าเพิ่งนอยด์..NC ที่อ่อนยวบ
ไม่ร้อนแรงเลือดพุ่งเหมือนที่ผ่านมา...ถือคติร่วมรณรงค์กับทางเล้าฯ ลด..ละ..บทอย่างว่าให้เบาลง...แต่เชื่อเหอะว่า..
ยังไงก็คงเรียกเลือดจากทุกท่านไม่มากก็น้อย...คนอ่านอย่าหื่นเยอะ...คนเขียนไม่หื่นเลยสักนิด...จริงงงงงง...กร๊ากกกกกๆๆๆ..
หลบไปก่อนจะโดนยอดหน้า...บาย...
Luk.