- 2 -
“พี่ตระการ...พาพี่โต๋ออกไปเดี๋ยวนี้”
เสียงห้วนเลยกู พี่ตระการรีบเข้ามาพามันไป ทุกคนคงไม่เคยได้ยินน้ำเสียงดุดันของกูมาก่อน นั่นแสดงว่ากูไม่ต้องการ
ฟังอะไรอีกนอกจากให้ทำตามที่บอก..พ่อและพี่ๆ รู้ดีน้อยครั้งที่กูจะเข้าสู่โหมดนี้..
เพราะกูกำลังจะระเบิด
‘ตะเกียงเจ้าพายุ’ ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ดี หากกูโกรธจนถึงขีดสุด...เตรียมตัวไว้ให้ดี..และตอนนี้ความโกรธ
กูกำลังทะยานจนควบคุมไว้ไม่ได้แล้ว...ไอ้พี่โต๋มันกล้าดียังไงไม่รักตัว..ถึงฝืนจะใช้พลังไม่คิดถึงกูเลยงั้นสิ...
หากมันเป็นอะไรไปอีกคน...แล้วกูละจะรู้สึกยังไง...จะเจ็บปวดแค่ไหน....ไอ้พี่เทคเสียสละเพื่อกูมาคนหนึ่งแล้ว
กูคงแบกรับการเสียสละของมันได้อีกคนหรอกนะ...ทำไมใครๆ ถึงต้องปกป้องกูขนาดนี้ไม่รักชีวิตของตัวเองกันเลย...
ทั้งที่กูไม่ได้อ่อนแอดูแลตัวเองไม่ได้สักหน่อย...
หึ..ยัยปีศาจกรองกุมภ์...มึงกล้าทำให้คนที่กูรักบาดเจ็บ...กูเท่านั้นที่มีสิทธิ์เอาเลือดมันออก...
เลือดสิงห์ราชหลั่งเพราะมือกูเท่านั้น..ไม่ใช่มึง...กล้าทำให้มันเลือดออกถึงปานนี้...ชีวิตพี่ชายที่แสนดีของกูอีก..อย่าอยู่เลยมึง..
“
ตะเกียง..พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น...” ไอ้พี่โต๋มันยื้อแขนกูไว้ ไม่ยอมไปกับพี่ตระการที่พยายาม
มาพามันออกไปรวมกับคนอื่นๆ
“ออกไป!...ไปเดี๋ยวนี้” กูตะคอกเสียงดัง จนมันหน้าเสีย..คงคิดไม่ถึงว่ากูจะตะคอกมันได้...พี่ตระการรีบเข้ามาลากมันพร้อมกับบอกมันด้วยว่า
“
โต๋...ออกไปก่อนเชื่อพี่...ขืนช้าจะไม่ทันรีบไปเร็ว” มันเห็นท่าทางลุกรนของพี่ตระการ
ถึงยอมถอยออกไปโดยดี
กูกับยัยปีศาจจ้องตากันไม่กระพริบ ยัยแม่มดวาดมือรวบรวมพลังกะจะถล่มกูด้วยพลังเปิดทวาร
อีกรอบแน่นอน....หึ...คงสำเร็จหรอกอย่าหวัง..นึกละสิว่าไม่มีไอ้พี่โต๋...ใช้สิงห์โตคำรามสกัดพลังของมันแล้ว...ถ้าคิดเช่นนั้น
มึงคิดผิดมหันต์...เพราะตอนนี้พลังกู...ระเบิดแล้ว...
“ย๊ากกกก!!!!...วึ๊ดดดด!..บึ๊มๆๆๆ!”
ฝุ่นดินคลุ้งกระจาย ในขณะที่กูยืนหอบแฮ่กๆ!...เหงื่อกาบเต็มหน้า....พ่อเกริก..พี่ตระกูล..พี่ตระการ..
ทุกคนพากันวิ่งเข้าหาใหญ่...กูยกมือเป็นสัญญาณห้ามอย่ารุมมาก...ตอนนี้ต้องการอากาศอย่างเยอะ...ยอมรับเหนื่อยโคด..
เป็นเช่นนี้เสมอ...ครั้งใดที่ระเบิดพลังอัดมหาศาล...หลอมรวมลมปราณทั้งวรเวทย์อัคนีและลมปราณไทเก็กเข้าด้วยกัน
อย่างไม่เป็นเรื่องเป็นราวเหมือนธาตุไฟจะเข้าแทรก..มันจะกลายเป็นพลังมหาศาล...ที่ไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้...
ต้องระเบิดมันออกไปยังที่ใดที่หนึ่งนั่นแหละ...ถึงจะกลับเป็นปกติ..ไม่งั้นกูเองแหละที่จะตายเอาได้...
แม้จะปล่อยพลังไปแล้วแต่เหมือนกับผ่านการออกกำลังมาอย่างหนัก...เหนื่อยแทบหมดแรง...
พลังนี้คนในครอบครัวเรียกมันว่า
‘ตะเกียงเจ้าพายุ’ มันเกิดขึ้นมาเนื่องจากกูถูกพ่อเกริกเขี้ยวกร่ำ
ให้ฝึกฝีมือตั้งแต่เด็กเล็กๆ ไม่มีเวลาไปเล่นหัวเหมือนเด็กปกติทั่วไป...เพื่อนสนิทอย่าหวังว่ากูจะมีเหมือนคนอื่นเค้า...
ชีวิตวัยเด็กนอกจากเรียนแล้วยังต้องฝึกฝีมืออย่างหนักหนาสาหัส...ความกดดันต่างๆ ทำให้กูเก็บกด..
พอมีอะไรมากระตุ้นโทสะโมโหจนโกรธถึงขีดสุด...พลังกูจะแปรปรวนแล้วมันก็จะผสมปนเปคละเคล้ากลายเป็นพลังมหาศาล
ที่กูต้องหาทางระเบิดทิ้งอย่างที่เห็น...ส่วนผลงานนะหรือ..หึ..ไม่ขอบรรยายดูเอาเองแล้วกัน
โตโต๋.. ยอมรับตอนแรกผมน้อยใจน้องมาก...ที่เค้าตะคอกผมเสียงดังจนหน้าชา ผมรักและห่วง
ความปลอดภัยของน้องมากกว่าใคร รู้ดีว่าพลังเปิดทวารของกรองกุมภ์ร้ายกาจมากแค่ไหน...ผมใช้สิงห์พิโรธเข้าปะทะ
ยังบอบช้ำภายใน...พอฝืนใช้สิงห์ธนูอีกครั้งคราวนี้รู้เลยว่าหากผมดันทุรังใช้พลังเฮือกสุดท้าย ไม่พิการก็ตายแน่นอน
การใช้พลังลมปราณแต่ละครั้ง สูญสิ้นพลังชีวิตไปไม่น้อย ไม่ใช่ว่าจะใช้ก็ใช้ได้ตามใจนึก...ปกติร่างกาย
ที่สมบูรณ์แข็งแรงเต็มร้อย อัดพลังสี่ห้าครั้งก็หมดก๊อกแล้ว...ต้องพักทันที...หยุดยาวไปสามสี่วันถึงสามารถคืนพลังลมปราณ
ให้เป็นปกติ..แต่วันนี้ผมใช้ไปจนหมดแถมบอบช้ำอีก...เลยย้ำแย่หนักหนาเอาการ
แต่เมื่อน้องยืนกรานด้วยแววตาแข็งกร้าว แถมดูดุจนผมเองต้องยอมรับว่าไม่เคยเห็นแววตาเอาเรื่อง
ของตะเกียงลักษณะนี้มาก่อน...ซ้ำพี่ตระการยังลุกลี้ลุกรนให้ผมออกไปกลับแกจนได้...
ตะเกียงไม่แม้จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ..ตอนที่ผมหันหลังเดินออกมา...สายตาเอาแต่จ้องเขม็งกร้าว
มองกรองกุมภ์ไม่กระพริบ....
เหลียวกลับไปดู...ผมยอมรับว่าแอบเดินลมปราณเฮือกสุดท้าย ถึงตายก็ยอมเมื่อเห็นกรองกุมภ์วาดมือ
เดินพลังเปิดทวารกะทำลายพวกเราไม่เหลือซาก...เธอคงรู้ว่าไม่มีพลังสิงห์โตคำรามต่อต้านอีกแล้ว ต่อให้พี่เต้กับพ่อสิงห์
ร่วมมือกันก็ไม่อาจต้านพลังกรองกุมภ์ได้เด็ดขาด เหมือนเอาเข็มกระแทกกับหินผาประมาณนั้น..
แต่ที่ทำให้พวกเราต่างตะลึง เมื่อจู่ๆ ตะเกียงกำมือแน่นจนเส้นเลือดโปน ตะคอกเสียงดังสนั่นลั่นไปทั้งป่า...
พร้อมระเบิดพลังอัดมหาศาลออกไปถล่มกรองกุมภ์พร้อมสมุนกระเด็นกันระเนระนาดไม่เหลือสภาพ....
สิ่งที่นั้นพวกผมไม่ได้สนใจ ต่างพุ่งเข้าหาตะเกียงก่อนทันที หลังจากเห็นน้องเซจนเกือบทรุด แหงนหน้า
สูดหายใจกระหน่ำ หอบแฮ่กๆๆๆ..เหงื่อผุดเต็มหน้าจนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม...ผมกะรวบตัวน้องกอดไว้กันล้ม แต่น้องเหมือนรู้
ยกมือห้ามเอาไว้ เลยต้องยืนลุ้นอยู่ข้างๆ กว่าหน้าน้องจะค่อยกลับมามีสีเลือดกลับมาหายใจปกติได้ก็ใช้เวลากว่าห้านาที
ถึงได้พากันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก...
พ่อเกริกกับพวกพี่ๆ ของตะเกียงดูไม่ตกใจเท่าไหร่...เหมือนเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว....ตอนนี้ตะเกียง
ขยับก้าวเดินนำพวกเราทั้งหมดเข้าไปหากรองกุมภ์กับพวก..ซึ่งนอนกระจัดกระจายกันคนละทิศละทาง...ยัยปีศาจหงายหลัง
กระเด็นตกเก้าอี้นอนหายใจโรยริน...ไม่อยากเชื่อพลังของตะเกียงจะรุนแรงจนดูตะลึง...ลูกสมุนที่เหลือไม่แน่ใจว่าตายหรือ
มีชีวิตรอดอยู่กี่คน เพราะยังดูไม่รู้...
ผมรีบเข้าไปขนาบตีคู่น้องทันที กันไว้ก่อนหากผิดความคาดหมายจะได้ป้องกันน้องไว้ได้ทัน ตอนนี้น้องคง
หมดพลังไปไม่น้อย...
“
หึ..ตายยากจริงนะ...คนปกติโดนเต็มๆ แบบนี้คงไม่เหลือ...ดีเหมือนกันจะได้ให้มึงรู้จัก
ความทรมานบ้าง...ให้สาสมที่มึงเคยทรมานกูและเพื่อนๆ โดยเฉพาะพี่เทคมึงทรมานเขาแค่ไหน...อย่าว่ากูใจร้ายหละ...
สำหรับคนอย่างมึง..ลองลิ้มรสชาดความทรมานก่อนตายดูด้วยตัวเองเถอะ” พูดจบน้องยกมือที่สั่นเทาขึ้นจี้ลงกลาง
กระหม่อมของกรองกุมภ์..ซึ่งนอนเบิกตาโพลงจ้องหน้าตะเกียงอย่างอาฆาตมาดร้าย...มุมปากมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย...
หายใจหนักๆ..คงกำลังพยายามรวบรวมพลังปราณอยู่แน่ๆ แต่ตะเกียงก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอเดินพลังฟื้นฟูตนเองได้
ผมไม่รู้ว่าที่น้องสกัดจุดกลางกระหม่อมหมายความว่ายังไง....แต่เท่าที่ฟังน้องพูด คงไม่ใช่เรื่องดีใจ
สำหรับกรองกุมภ์เป็นแน่
“เห้ย!..ตะเกียง” ผมรีบรวบกอดน้องแนบอกเอาไว้ทั้งตัว เมื่อเห็นน้องกำลังจะทรุดลงไปกองบนพื้น...แสดงว่าน้องใช้พลังไปจนหมด..
หลังจากจี้กลางกระหม่อมกรองกุมภ์เสร็จแล้ว....โชคยังดีที่สติไม่ดับลงไปเสียก่อน..นี่คงดื้อฝืนใช้วรเวทย์อัคนีเฮือกสุดท้าย
จี้กระหม่อมกรองกุมภ์เป็นแน่...น้องเพียงแต่ยกยิ้มบางๆ ให้ผมตรงมุมปากเหมือนสำนึกผิด แต่ก็ยอมทิ้งน้ำหนัก
ตัวเอนซบอกผมซึ่งประคองกอดไว้แน่นโดยไม่ฝืน..กลายเป็นผมกึ่งประคองกึ่งอุ้มไปแล้ว...ขาน้องไม่มีแรงทรงตัวเลย
“กรี๊ดดด!!!..อร๊ากกก!!..โอย!!!” เสียงกรองกุมภ์หลุดร้องโหยหวนออกมาในที่สุด ทำให้ทุกคนมุ่งความสนใจกลับดูเธออีกครั้ง
พระเจ้า!..ตอนนี้
กรองกุมภ์หน้าบิดเบี้ยวตาเลือกโปนถลน...มือหงิกงอ..ร่างสั่นระริกเลือดซึมไหลออกปากออกจมูก ออกหู..ออกตา..
น่าจะเรียกได้ว่าออกทวารทั้งเก้าเลยก็ได้...กรี๊ดร้องโหยหวนทุรนทุรายอย่างทรมานสุดๆ ผมไม่รู้ว่าน้องทำอะไรกับกรองกุมภ์..
แต่เท่าที่เห็นมันดูน่าสังเวชเอามากๆ
กรองกุมภ์ร้องโหยหวนน้ำเสียงทรมาน เหมือนโดนใครเอาตะปูตอกนิ้วนับสิบๆ เล่มยังไงยังงั้น...
สภาพที่เห็นพาให้คนมองต่างบิดหน้าหนี..มันดูไม่ได้จริงๆ..
“โอยยย!!!....ฮืออออ!!!....อร๊ากกกก.....” กรองกุมภ์ตอนนี้ชวนให้ทุกคนเบือนหนีกับสิ่งที่เห็นกันทั้งนั้น พ่อเกริกเลยตัดสินใจจี้นิ้วตรงใต้คอก่อนที่เธอ
จะสำลักอากาศสุดท้ายกระตุกเฮือกๆ สองสามที
“เฮือก..เฮือกๆ.” แล้วค่อยแน่นิ่งลงไปในที่สุด..ขณะดวงตาเบิกโพลงอยู่อย่างงั้น พ่อเกริกเลยเอามือลูบปิดตาเธอลง..ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“
พอเถอะตะเกียง...แค่นี้ก็ทรมานมากแล้ว...ถือเสียว่าอโหสิต่อกันเถอะ...พ่อไม่อยากให้อาฆาต
พยาบาทกันอีก..ส่งเค้าไปดีกว่าให้ทรมานทวารทั้งเก้าตายอย่างน่าสมเพช...ลูกคงผูกใจโกรธแค้นมากสินะ
ถึงได้กล้าสกัดจุดมรณะทวารทั้งเก้าแบบนี้...มันดูโหดเหี้ยมเกินไป..พ่อขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย...สัญญากับพ่อนะตะเกียง
ว่าจะไม่ใช้มันอีกต่อไป...” พ่อเกริกลูบหัวน้องในอ้อมกอดผมช้าๆ พร้อมกับพูดขอคำยืนยันให้น้องรับปาก...
น้องน้ำตาไหลอาบแก้ม
![:m15:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/1.gif)
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาน้อง...นับแต่อยู่กันมาตะเกียงไม่เคยร้องเลยสักครั้ง...
น้องคงอัดอั้นจนทนไม่ไหว พ่อเกริกเห็นแบบนั้นใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาบนหน้าสวยของน้อง
ให้อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน..ดูอบอุ่นมากมาย
“ฮึก..ฮึก..ตะเกียงขอโทษครับพ่อ...สัญญาจะไม่ทำอีก...ครั้งนี้ขอโทษจริงๆ
![:m15:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/1.gif)
”
พอน้องพูดออกมาพ่อเกริกก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่น...ก่อนพยักหน้าให้อภัยในสิ่งที่น้องทำ...ผมเลยกอดกระชับน้องแน่นเข้าไปอีก...
เพื่อให้น้องรู้ว่าผมเข้าใจความรู้สึกของน้องดี เหมือนส่งกำลังใจปลอบน้องไปด้วย..น้องเงยหน้าสบตาผม..ผมเลยยิ้มหล่อ
ยืนยันให้อีกครั้ง น้องก็ยิ้มตอบ...ทันใดนั้น...
“ผลั๊ก!..ตุ๊บ!...เวร...คิดจะรอบกัดเหรอ..กูจับตาดูมึงตลอดแหละ..กะแล้วเชียวจิ้งจอก
มันต้องลอบกัดตอนเผลอแน่ๆ” ไอ้พรตครับ มันเตะด้วยทักษะเทควันโด้สายดำของมัน..เล่นเอามีดในมือของกรองเกย
ซึ่งลุกมาตอนไหนไม่ทราบ กะจะพุ่งเข้าแทงตะเกียงแน่นอน แต่ไอ้พรตมันเห็นเข้าเสียก่อนเลยวาดเท้าเตะ
จนมีดกระเด็นหลุดมือ แถมตามเข้าเตะกลางลำตัวกรองเกยหรือริต้าเต็มๆ ตีนมันเลย เล่นเอาเซหลุนๆ
ล้มกระแทกก้นจ้ำเบ้าอย่างจังไม่เป็นท่า
“ไอ้สัดพรต...มึงทำกู...ไอ้สัดหมา” เธอตะคอกด่าไอ้พรตเสียงดัง จนทุกคนพากันมอง ในขณะที่ไอ้พรตยืนจังก้ามาดเท่ห์..กรองเกยนั่งแอ่งแม่งบนพื้น
หน้าตาบูดเบี้ยว
“
ทำไมกูจะทำไม่ได้...มึงฝากรอยเท้าบนหน้ากูทั้งสองข้างหยามกูเล่า?..ไม่เคยมีใครกระทืบหน้า
เลือดกลบปากมาก่อน...มึงทำกูก่อนอย่านึกว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะยอมให้นะโว้ย!...” ไอ้พรตมันก็ไม่ยอม สวนกลับไม่แพ้กัน..
มันคงแค้นที่โดนกรองเกยกระทืบจนหน้าช้ำปากแตก...
ไม่ทันมีใครคาดคิด..จู่ๆกรองเกยก็สปริงตัวลุกพร้อมตวัดเท้าเตะเข้าใส่ไอ้พรต ดีที่ไอ้รันมันกระชากเมียมัน
หลบได้ทัน แต่ก็เฉียดโดนต้นแขนเลือดซิบจนได้..เพิ่งสังเกตุหัวรองเท้ากรองเกยมีมีดปลายแหลมโผล่ออกมา
เกือบสองนิ้ววาววับ
“
โอ้ย!..ระยำชิบหาย..พิษสงรอบตัวเลยนะอีห่า...ทำกูเลือดออกจนได้..ดีกูจะกระทืบให้จมตีนเลยนิ”
ว่าแล้วไม่ฟังเสียง มันปรี่เข้าหากรองเกยทันที ซึ่งเธอก็ไม่ได้ถอยตั้งท่าจะหวดเท้าเข้าใส่มันอีก...แต่ไอ้รันกับดึงเมียมัน
ไว้ได้ก่อนที่จะหน้ามืดพุ่งเข้าไปมือเปล่า..มันฮึดฮัดใหญ่ที่ไอ้รันขวางกอดรัดรั้งมันไว้...
“
เหี้ย..ห่ารันปล่อยกูสิหวะ..มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ยะมารัดกูทำไม...ไม่เห็นรึไงมันเอาเลือดกูออก..
กูจะเอาคืนปล่อยดิ” มันก็พยายามเหวี่ยงไอ้รันให้ปล่อยมันหลุดเพื่อจะเข้าไปอัดกรองเกย..แต่งานนี้ผมคิดว่าไอ้รันทำถูก..
ขืนปล่อยไอ้พรตสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปหาตีนที่มีมีดแหลมวาววับของกรองเกย..มันนั่นแหละจะจมกองเลือดเสียเอง....
พวกเราพากันยืนคุมสถานการณ์นิ่งๆ ถึงไงกรองเกยก็เป็นผู้หญิง คงไม่น่าดูชมนักหรอกหากจะให้ผู้ชาย
เข้าไปรุมเธอ...ส่วนสมุนที่บาดเจ็บปางตาย พวกทหารที่มาด้วยสิบกว่านาย พากันใส่กุญแจมือทยอยห้ามออกไปรวมกันแล้ว
เหลือแต่พวกผมกับกรองเกยนี่แหละ...ที่ยืนจ้องเอาเถิดกันอยู่
“
ชู่ๆๆ...ใจเย็นไว้พรตมึงใช้อารมณ์..เห็นป่าว?..รองเท้ามันมีมีด..มึงจะเอาเนื้อเข้าไปรับมีดหรือไง..
กูไม่ห้ามหรอกถ้ามึงจะเอานี้ไปด้วย” พูดจบไอ้รันมันเอาเสื้อเกราะยัดมือให้เมียมัน ไม่รู้ถอดของใครหรือยืมของทหาร
คนไหนมา พร้อมกับปล่อยแขนที่รั้งออกซะงั้น...ไอ้ห่ากุนซือเทพมึงเทพโคดหวะเพื่อน...
มีเตรียมโลว์ให้เมียตะหาก..คงเห็นแล้วว่าไอ้พรตมุ่งมั่นจะเล่นงานกรองเกย...มันคงไม่ห้ามขืนห้าม
จะกลายเป็นมันที่ไอ้พรตจะขบหัวแทนนะสิ..อารมณ์อยากเอาคืนขนาดนั้น เมื่อห้ามไม่ได้มันเลยช่วย...ยังไงในสายตา
พวกเราตอนนี้ กรองเกยได้รับบาดเจ็บจากพลังของตะเกียงไม่น้อยคงไม่ยากที่ไอ้พรตจะจัดการ...เพราะไอ้พรตเอง
มันก็ใช่ขี้ๆ เทควันโดสายดำเลยนะนั่น...
พอมันเห็นไอ้รันยอมปล่อยง่ายๆแบบนั้น เสือกหันไปค้อนผัวมันซะงั้นก่อนจะพูดพาฮาขำกลิ้งกันจนได้
“
เหี้ยแล้วมึง...ห้ามกูอีกหน่อยก็ไม่ได้...ไอ้นี่นิ..กูตายขึ้นมามึงคงมีความสุขเนอะ...สะดวกสิ
หมดภาระแล้วนิ..หาวิธีกำจัดกูง่ายนะไอ้เหี้ย..แต่กูดวงแข็งไม่ตายง่ายหรอกจะบอกให้..มึงอย่าหวังห่ารัน...ไอ้สาด”
พาเอาทุกคนขำกลิ้งกันเลย.
![:jul3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/1221836955_01.gif)
...มันเล่นงอนไอ้รันซะงั้น..ตกลงมันรั่วจริงใช่ไหมเนี่ยะ...ไอ้เหยี่ยวรั่ว..พวกไอ้บอมย์
พี่ชนะ ไอ้ชัด พี่เต้ พี่ตระกูล พี่ตระการ แม้แต่พ่อสิงห์กับพ่อเกริกยังอดอมยิ้มกลั้นขำกับ
ท่าทางไอ้พรตรั่วมันไม่ได้..
![ขำชัก :pigha2:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/pigha2.gif)
.บรรยากาศที่ตึงเครียดเลยผ่อนคลายลงไปเยอะ
ในขณะที่กรองเกยกับหงุดหงิดแทนซะงั้น
“ขำห่าไรกันนักหนา...ต่อให้กูเหลือตัวคนเดียว อย่าคิดว่าจะยอมพวกมึงเด็ดขาด” จู่ๆ เธอก็ขู่ฟ่อ
เหมือนหมาจนตรอกไม่มีผิด
“ฉันว่าเธอคิดใหม่ดีกว่าไหม?...ยอมมอบตัวก็ยังไม่สาย ดีกว่าสู้หัวชนฝาแล้วบาดเจ็บไปมากกว่านี้
ถึงยังไงก็ไม่เห็นหนทางชนะอยู่แล้วนึกดูให้ดี...พี่สาวเธอฝีมือดีแค่ไหนยังมีจุดจบอย่างที่เห็น
เธอยังจะเอาอะไรมาสู้อีกละนังหนู” พ่อสิงห์พูดเตือนสติกรองกุมภ์ให้ยั้งคิด
“
ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ...ฮ่าๆๆๆๆ....หน้าขำ..กูคงยอมให้พวกมึงได้สมหวังหรอก...จำไว้ไอ้ตะเกียง..
กูจะตามราวีอาฆาตพยาบาทมึงไปทุกภพทุกชาติ...ครั้งนี้ต่อให้พวกกูแพ้...แต่จิตวิญญาณกูไม่มีทางแพ้..
พวกมึงจำเอาไว้..
ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่าๆๆๆๆ.” และแล้วเลือดก็ไหลทะลักออกมุมปากเธอ ก่อนเธอจะแสยะยิ้มครั้งสุดท้าย
แล้วค่อยทรุดล้มลงขาดใจตายในที่สุด...พ่อสิงห์บอกว่าเธอตัดช่องน้อยกินยาพิษ..คงฝังไว้ตรงซอกฟันฆ่าตัวตายไปแล้ว...
พวกขบวนการเช่นนี้มักมีวิธีจัดการตนเองหากกลัวการทรมานที่จะได้รับ..เหมือนถูกฝึกมาก่อน
พวกเราจึงได้แต่ปลงสังเวชให้เธอ พวกที่หัวเอียงซ้ายรักอุดมการณ์ และพยาบาทมาดร้ายไม่จบสิ้น
วิญญาณคงได้ไปสู่สุขคติหรอก..แทนที่จะสงบกลับต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอด...
หลังจากนั้นพี่ชนะ กับหัวหน้าทหารทำหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ พ่อเกริกพ่อสิงห์ เลยพาพวกกูกลับมาฐาน
เพราะกูกับตะเกียงต้องพักฟื้นกันเป็นอาทิตย์..ครั้งนี้เราโชคดีที่ฝ่ายเราไม่มีใครเสียชีวิต...นอกจากนายทหารห้านายเท่านั้น
ซึ่งทางราชการจะปูนบำเหน็ดพร้อมกับเลื่อนขั้นให้ 10 ขั้น ซ้ำยังจะดูแลครอบครัวทหารหาญเหล่านั้นอย่างดีเยี่ยม....
ฮอร์ฯ ได้ทยอยลำเลียงนำพวกกูทั้งหมดกลับรีสอร์ทของไอ้บอมย์...ซึ่งมันก็จัดการสั่งพนักงานตระเตรียม
อาหารต้อนรับพวกกูไว้ล่วงหน้าก่อนจะไปถึง ส่วนศพไอ้พี่เทค ทหารขอนำไปไว้ที่ค่ายก่อนจะนำส่งครอบครัวในวันถัดไป...
ซึ่งตะเกียงยืนยันจะไปเคารพศพ พร้อมกับไปพบครอบครัวของไอ้พี่เทคมันด้วย....ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยพร้อมจะไปพบครอบครัว
และอยู่ร่วมพิธีศพจนเสร็จสิ้น...
พ่อสิงห์พ่อเกริกก็ไม่ขัดข้อง....คืนนี้ให้พวกเรานอนหลับพักผ่อนเอาแรงกันให้เต็มที่ เพื่อจะได้ร่วมพิธีอัญเชิญ
ศพไอ้พี่เทคไปที่วัดใกล้บ้านมันที่กรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้....คืนนี้ผมคิดว่าคงต้องนอนกอดน้องทั้งคืน...หลังจากเราผ่านเรื่องเลวร้าย
สาหัสมาแล้ว...ยิ่งทำให้ผมรู้ว่า...ตะเกียงดวงนี้...สำคัญกับผมมากแค่ไหน...ผมหวังว่าน้องจะทำใจได้ในเร็ววัน...
ผมรู้ว่าลึกๆน้องหดหู่เสียใจกับการจากไปของไอ้พี่เทคมาก...แต่คงช่วยได้แค่ยืนอยู่เคียงข้างเท่านั้น...เพราะถ้าเป็นผม
ก็คงไม่รีรอที่จะทำในสิ่งที่ไอ้พี่เทคมันทำเช่นกัน....ใครบ้างจะไม่รักตะเกียง.......
ใครรีไพฯ ให้กับตอนนี้...
จะกดบวก 1+ ให้กับทุกรีฯ เพื่อร่วมฉลองที่กรองกุมภ์ตายห่า
และร่วมฉลองอีกสองหน้าจะ 100 หน้า กับระยะเวลาร่วม 7 เดือนที่ตะเกียงออนไลท์มา
รักคนอ่านทุกคน...วันอังคารจะมาต่อน้องจอมให้นะค่ะ
ช่วยเม้นท์หน่อย ขอบคุณค่ะ
Luk.