Part 86
ลักพา....
.
.
.
.
“รีบเดินจังเลยอ่า...รอด้วยดิ...ไปด้วยคน” พอวิ่งตามมันทัน กูรีบบอกไอ้พี่พรตให้รอกูด้วย
มันหันมามอง ก่อนจะยิ้มกว้างซะตาหยี...หล่อได้อีกมึง..
“
อ้าว!..ตะเกียงไม่ซ้อมเหรอวันนี้?” ถามกูแหละ
“
อือ....” สั้นๆ ตอบไป
“ไม่สบายหรือเปล่า?” ง่ะ!...ถามอีกแล้ว...เดี๋ยวปั๊ด!ตอบซะนิ..เป็นเหมือนพี่แหละ..
ชิส์!..ดีป่าวหว่า?...
“
อือ...” ยังคงรักษามาตรฐานสั้นๆ เหมือนเดิม
“
หือ...เป็นหนักป่าวเนี่ยะเรา...ไมวันนี้พูดน้อยจริงเหะ” ยังไม่หายสงสัย
ก็นะ..กูดันพูดกุดซะขนาดนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกพี่...ป่ะ!...ไปทางโน้นดีกว่า...วิวดีด้วย..ไปดูพันธุ์ไม้เมืองเหนือกันดีก่า..”
ตัดบทชวนมันเดินไปตรงศาลาชมวิว ซึ่งสามารถมองเห็นเขาแต่ละลูกได้จากจุดนี้
ที่สำคัญดอกไม้เมืองเหนือบานสะพรั่งเต็มไปหมด ขนาดหน้าร้อนนะเนี่ย
แต่อากาศบนดอยลมโกรกเย็นสบาย ดอกบางชนิดนำเข้าจากต่างประเทศ..เค้าเอามาเพาะพันธุ์ที่นี่
บ้านไอ้พี่บอมย์นี่มันนักบริหารจริงๆ เพราะงี้รีสอร์ทมันถึงต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล
ก็เล่นลงทุนจัดสวนกันซะเลิศหรูอลังการขนาดนี้...
กูกะไอ้พี่พรต มาถึงจุดชมวิว..ต่างสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด
โอ้พระเจ้าจอห์ด!...มันยอดมาก....หายใจโครตโล่งจมูกเลยเว้ยเฮ้ย!...
“เป็นไง...อากาศดีมากเลยใช่ไหม?” ไอ้พี่พรตมันชวนคุย
“มากที่สุดเลยหละ...คิดได้ไงน้า?...โรงเรียนถึงเลือกมาเก็บตัวที่นี้...สุดยอดไปเลย..
ดีกว่าที่คาดไว้เยอะ...แล้วพี่หละ...ชอบป่าว?” กูถามมันบ้าง
“อืม...ชอบดิ..ชอบมากเลยแหละ...” มันตอบ
“
จริงดิ!....ตั้งกะเมื่อไหร่?” มันหันมามองหน้ากู ทำหน้าหมางง
ไม่เข้าใจที่กูพูดอะดิ...อิอิอิ....
“อืมจริง..แต่ไอ้ตั้งกะเมื่อไหร่เนี่ยะ!....ชักงงเหะ!...ตั้งกะมาถึงละมั้ง” มันก็ยังพาซื่อ
ไหนใครบอกไอ้พี่พรตเจ้าเล่ห์
‘เหยี่ยวเจ้าเล่ห์’ กูว่ามันเหมือน
‘เหยี่ยวซื่อบื้อมากกว่า’ “ไม่ใช่ม้าง....ก่อนหน้านั้นมากกว่า...ลองนึกดูดีดีดิพี่” ยังเล่นกะมันต่อ ถ้าเป็นไอ้พี่โต๋
มันจับไต๋กูได้...ตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว ไม่รอให้กูพาเข้าป่าลึกขนาดนี้หรอก....
5555!!!...
“ไม่หรอก...ก่อนหน้านั้นพี่ยังไม่เคยมา...ไม่รู้จักที่นี่เลยด้วยซ้ำ..จะนึกชอบได้ไงกัน”
ฮิฮิ...เห็นแล้วสงสารชะมัด คิ้วจรดกันแล้ว งงดิ.....
“ตะเกียงไม่ได้หมายถึงสถานที่....หมายถึงคนตะหาก” กูใบ้ให้แล้วน้า
“หา...หมายความว่าไง...หมายถึงคนนะ?” ยิ่งงงหนักเค้าไปใหญ่
ตอนนี้คิ้วเริ่มผูกโบว์แล้ว เอิ๊กกกกๆๆๆ!!..
“ทวนคำถาม..ตะเกียงถามพี่ว่า...ชอบป่าวใช่ไหม?” มันพยักหน้ารับ
“พี่ตอบว่าชอบมาก..ตะเกียงถามต่อว่า..ตั้งกะเมื่อไหร่?.” มันก็ยักหน้ารับอีก
“พี่ก็ตอบอีกว่า..ตั้งกะมาที่นี่...แต่ตะเกียงว่าไม่ใช่หรอก..พี่ปิดบังความจริงอยู่
พี่ชอบก่อนหน้านี้แล้วตะหาก” มันเริ่มจ้องกู..งงเต็กเข้าไปใหญ่
“ตะเกียงหมายถึงคน..ไม่ใช่สถานที่....”
“คน....ใคร?” หลุดปากถามแล้ว เข้าทางเว้ยเฮ้ย!..ชั่วโมงนี่เป็นวิชาล้วงความลับ
ควักหัวใจเหยี่ยวตีแผ่..อิอิอิ..
“
พี่รัน.” อัลล้า!...หน้าเหวอไปเลย...ว่าแล้วต้องมีอะไรในกอไผ่..หุหุหุ..
“คะ..คือ..ไม่นี่..เพื่อนก๊านนนน!!..มีไร..
ไม่มี๊!!” อู้ยยยๆๆ!!.สูงได้อีกเสียง
นี่ถ้าจีบปากสะบัดบ๊อบ...กูว่ากระเทยควายดีดีนี่เอง...ฮ่าๆๆ!!
“จริงดิ..” แหย่เล่นหน่อย
“
จริ๊งงงงๆๆๆ!!.” เสียงสูงทันที ส่ายหัวตามพรืด..ยืนยันให้กูเชื่อซะเต็มที่
กูคงเชื่อหรอก!..กร๊ากกกกๆๆๆ
“ไม่จริง...แล้วไมทำเสียงซะสูง...แล้วหน้าพี่อีก..ไมต้องแดงด้วย” เต็มๆ ใส่ไปไอ้ตะเกียง
มันส์เว้ยเฮ้ย!..ไล่ต้อนไอ้พี่พรตมันเนี่ยะ!..
“เออ..คือ..กะ..ก็....ก็ตะเกียงถามไรไม่รู้..พี่งง..ละ..เลยไม่เข้าใจ..ไม่คุยดีกว่า...
พอๆ..เปลี่ยนเรื่อง” ฮั่นแน่!..ไปไม่เป็นเลยมึงไอ้พี่พรต..เรื่องไรจะให้หลบ ไม่มีใครยอมเล่าให้กูฟัง
โทษกูไม่ได้...ถึงเวลาล้วงตับไอ้พี่พรตแล้ว อย่าหวังว่าจะเอาตัวรอดไปได้ง่ายๆ
ถ้ากูยังไม่ได้คำตอบที่ถูกใจ...หึหึหึ!..ชั่วร้ายชะมัดเลยวุ้ย!
“เอาตรงๆ เลยนะ...พี่กับพี่รันเป็นอะไรกัน....อะๆ..ห้ามบอกว่าเพื่อน..
ถ้าแบบนั้นตะเกียงจะมาคาดคั้นพี่ทำไม..อย่าทำไก๋...ตอบมาซะดีดี” กูรีบดักคอก่อนที่มัน
จะอ้าปากปฏิเสธมาเสียก่อน มันหุบปากฉับให้ไว..จ้องกูหน้าแดงเถือก..
“ทำไม..ตะเกียงถึงคิดยังงั้น?” ถามกูกลับอีก จัดไป
“อาการพี่สองคนมันฟ้อง” หน้าเหวอเข้าไปใหญ่ ถามกูเร็วกว่าเก่าอีก....
“
เฮ้ย!..พี่กับไอ้รันออกอาการขนาดนั้นเลยเหรอ..ตายห่า..ไม่ได้การแล้ว.
ไอ้เชี้ยรัน..กูว่าแล้ว...แม่ง..เพราะมึงคนเดียว..ขนาดตะเกียงยังปิดไม่มิด...
ตายโหง..ปานนี้แม่งไม่รู้กันทั้งทีมแล้วดิ” กูขำก๊าก!..ทันที..ท่าทางร้อนรนของไอ้พี่พรต
เหมือนหมาโดนไฟลนตูดเลยเว้ย! แม่ง..แค่นี้ก็หลุดหมด ไส้กี่ขดกี่ขด..ไม่ต้องสาวดูอีกแล้ว...
ตลกชิบเป๋ง...
“ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า!...พี่ไม่ต้องบอกตะเกียงก็ได้ แค่นี้พี่ก็สารภาพจนไม่เหลือแล้ว
ตะเกียงแค่อำเล่นหรอก ไม่ได้ดูออกขนาดนั้น สงสัยเฉยๆ พูดแค่นี้พี่ก็หลุดมาซะไม่เหลือซาก
ที่นี้จะบอกได้หรือยัง ว่าคบกันมาตั้งกะเมื่อไหร่?” พอกูเฉลยปุ๊ป!..มันแยกเขี้ยวใส่กูปั๊ป..
ตลกชะมัดไอ้พี่พรต..มิน่าหละ..ถึงเสร็จสิงห์รัน...เทพขนาดนั้นไอ้พี่พรตคงทันมันหรอก...
ขนาดกูพี่แกยังปล่อยไก่ตัวเบ่อเร่อ..นับประสาอะไรกะกุนซือเทพ....
สมแล้วที่มันจับคู่กะไอ้พี่รัน...ก๊ากกกๆๆ..
“ตะเกียงหนะ...ทำพี่ได้...พอเลย..รู้แล้วจะถามไรอีก” ทำแก้มป่องค้อนกูอีก...
น้านนนๆๆ...มีงอน..มีงอน..
“จะยอมบอกดีดีไหมเล่า...ตะเกียงอยากรู้..พี่เริ่มคบกันตั้งกะเมื่อไหร่...ถ้าไม่บอกนะ...
ตะเกียงจะ..” กูยังไม่ทันพูดจบเลย..มันรีบตะครุบปิดปากกูไว้ทันที
“อย่าพูด...ห้ามพูดเลย...บอกก็ได้..หลังงานกีฬาสี” แหม..ต้องให้ขู่
ว่าแล้ว..มันแปลกๆ ตั้งกะตอนกีฬาสีแล้วเหอะ...ถ้าไม่สังเกตุไม่รู้หรอกว่าสองคนนี่
ท่าทางแปลกๆตอนงานกีฬาสีกันแล้ว ที่แท้ก็แอบมีซัมซิ่งลองกันนี่เอง
“ตะเกียงพอใจแล้ว...แหมก็แค่เนี่ยะ!..ต้องให้ขู่...ถึงจะยอมบอก” กูแกล้งว่ามัน..
ดันหลับตาค้อนกูอีก ชักสาวแตกแล้วมึงไอ้พี่พรต
“พอใจแล้วดิ...งั้นป่ะ!...ไปกันทางโน้นดีก่า เดี๋ยวเราแวะไปรอที่ห้องอาหารเลย
นี่เกือบจะห้าโมงแล้ว คิดว่าอีกสักครู่พวกนั้นคงมารวมกันที่ห้องอาหารแหละ...”
ไอ้พี่พรตชวนกูเดินลัดสวนไม้ยืนต้น เหมือนสวนสาธารณะต้นไม้เยอะมาก ตัดออกไป
เป็นส่วนบริการห้องอาหารสำหรับลูกค้า อาหารกลางวันกับมื้อเย็นพวกเราต้องมาทานกันที่นี้
ส่วนอาหารเช้ามีบริการถึงที่พัก ให้ออร์เดอร์ล่วงหน้าตามรายการที่ทางรีสอร์ทจัดให้..
ว่าต้องการทานอะไร ส่วนใหญ่เป็นอาหารง่ายๆเบาๆ พวกข้าวต้ม ขนมปังไข่ดาว
อเมริกันเบรคฟัด กาแฟโอวัลติน น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ ฯลฯ แล้วแต่คนชอบ...
กูกับไอ้พี่พรต เดินคุยกันมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงกลางสวน
จู่ๆ กลุ่มชายฉกรรจ์กว่าสามสิบคน โผล่จากต้นไม้ตรงดิ่งเข้าห้อมล้อมพวกกูทันที
เรารีบหันหลังชนกันโดยอัตโนมัติ มันกระซิบบอกกูว่า..
“ตะเกียง...อย่าห่างตัวพี่..พยายามประกบติดพี่ไว้” โอ้!..ซึ้งน้ำใจมึงจริงๆ
สัญชาติญาณนักสู้ไม่ธรรมดา สมแล้วที่เป็นหัวหน้าแก๊งค์เหยี่ยวเวหา สามสิบต่อสอง...
หนักเอาการ..
“โทรบอกพวกเราด่วน...พี่จะยันมันไว้ก่อน” เป็นความคิดที่ดี..พอมันพูดปุ๊ป
กูล้วงโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ไอ้พี่โต๋ แต่ยังไม่ทันได้ทำ...
“หยุด..อย่าขยับ...โยนโทรศัพท์ลง...ไม่งั้นเราจะยิงขาเพื่อนคุณ”
ปืนสี่กระบอกจ้องตรงมาที่พวกกู สีดำมะเมื่อม...สวมท่อเก็บเสียงเรียบร้อย...
หึหึ..คราวนี้พวกมันเตรียมการมาดีจริงๆ ทั้งจำนวนคนและอาวุธ ยกกันมาเป็นกองทัพ
กะเอากูไปให้ได้ดิ สัญลักณ์เขี้ยวหมูป่าห้อยคอ..ก็รู้คือพวกที่ต้องการตัวกู..
“ต้องการอะไร?” กูพยายามชวนคุย ถ่วงเวลาไว้ เผื่อพวกนั้นเลิกซ้อมไว
ผ่านมาทางนี้ อาจมีโอกาสรอด...
“ไปกับเรา...ห้ามเล่นตุกติก..ไม่งั้นเพื่อนคุณตาย” แม่ง!...เอาไอ้พี่พรตมาขู่กูอีก
รู้หรอกพวกมึงไม่กล้าทำไรกูแน่นอน แค่อยากได้ตัวกูไปเปิดถ้ำ แต่ไอ้พี่พรตนี่ดิ
พวกเหี้ยนี่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องสนใจ มันเอาจริงแน่...
“ปล่อยเพื่อนกูก่อน...แล้วกูจะไปกับพวกมึง” ต่อรองให้มันปล่อยไอ้พี่พรต
บ๊ะ!ไอ้พี่บร้า..ดันเสือกหันมาหากูส่ายหัวพรืดๆๆๆ....นึกอยากเป็นพระเอกห่าไรตอนนี้เนี่ยะ...
“พี่ต้องไปบอกพวกเรามาช่วย จะมาติดแหงกสองคนไม่ได้..เข้าใจไหม” กูกระซิบ
อธิบายให้มันเข้าใจ ถึงพยักหน้ารับทราบ....วุ้ย!..
“
ไม่ได้! พวกคุณต้องไปกับเราทั้งสองคนนั่นแหละ...จัดการใส่กุญแจมือ
ปิดตาให้เรียบร้อย” ไอ้หัวหน้าคนนี้ฉลาดมาก มันกะเอาไอ้พี่พรตไปด้วย
เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองให้กูทำตามคำสั่งมันแน่นอน..หมดกันทีนี้
สมุนมันสี่คนตรงดิ่งเข้าหาเราทันทีสิ้นเสียงลูกพี่สั่ง หากลงมือกับไอ้พวกนี้ไม่เท่าไหร่
แต่พวกที่เหลืออีกยี่สิบกว่าคน มีปืนอีก..กูเสี่ยงไม่ได้เด็ดขาด คงต้องยอมมันไปก่อน....
พวกมันประชิดตัวจับมือเราไขว้หลังล๊อคกุญแจทันที ไอ้สองคนที่เหลือ
ล้วงผ้าแถบสีดำขึ้นผูกตาเราไว้ ไม่สามารถมองเห็นได้อีก กลิ่นไรเนี่ยะ?...
สายไปแล้ว..พวกมันเอาผ้าโป๊ะครึ่งปากครึ่งจมูกกูทันที พยายามขืนกลั้นหายใจไว้
แต่สุดท้ายก็ไม่ไหวต้องยอมสูดเอากลิ่นฉุนนี้เข้าไป สติสุดท้ายค่อยๆ ดับวูบลงไปในที่สุด....????
โดนเอาไปแล้ว..ทั้งสองคนเลยง่า.... ![:z3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/01.gif)
Luk.