Part 87
แผนหรือนี่....
.
.
.
.
อือ...มึนหัวจัง....กูลองสะบัดหัวไปมาช้าๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น
สำรวจความเป็นไปรอบด้าน
อ๊ะ!...มือยังถูกล๊อคไขว้หลังเหมือนเดิม
หือ...ข้อเท้าล๊อคด้วยโซ่ตรวนแน่นหนา.......
ใช่แล้ว..ข้อเท้ากูถูกล๊อคทิ้งให้นอนบนเตียงขนาดใหญ่ในห้องนอน..
ประตูหน้าต่างทุกบานปิดทึบหมด ดีหน่อยเป็นห้องแอร์อย่างดี ต้องบอกว่าดีมากเลยซะด้วยซ้ำ
ห้องน้ำมีในตัวเสร็จสรรพ มีทีวี ตู้เย็นครบอย่างหรูเลยก็ว่าได้ พวกมันคงจับตัวกูมาขังไว้ที่ไหนสักแห่ง
จริงสิ..ไอ้พี่พรตหละ..รีบมองหารอบๆไม่เห็นมัน...จัดท่านอนหงายหลับตา
เกร็งลมปราณช่องท้องตามหลักวิชาไทเก็ก...เด้งตัวขึ้นนั่ง
อึ๊บ!....ขยับก้าวลุกจากเตียง
ดีหน่อยมันล๊อคข้อเท้าข้างเดียว ปล่อยสายโซ่ยาวพอประมาณ สามารถเดินวนไปรอบๆได้
โซ่ขนาดน้องๆแขนเด็กหนักใช่น้อย....ไม่มีไอ้พี่พรต....มันต้องแยกพวกกูแน่ๆ......พยายามจะเดิน
ไปให้ถึงผนังเพื่อแนบหูฟัง แต่ไม่ได้ผล..มันปล่อยสายยาวไม่ถึง..ห่างอีกเป็นวา
หมดปัญญา...เดินกลับมานั่งห้อยขาบนเตียง...พวกมันวางแผนเอาตัวกูมา..
ครั้งนี้ถึงกับวางยาสลบเลยวุ้ย!...รัดกุมมาก พร้อมทั้งกำลังคนอาวุธ......กะไม่ให้พลาดเลยว่างั้น....
ขบวนการนี้น่ากลัวจริงๆ...ไม่ว่าจะมีใครหนุนหลังอยู่ก็ตาม ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
เฮ้อ!...หาทางติดต่อไอ้พี่โต๋ให้เร็วได้ดีที่สุด...ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าไหร่
พวกไอ้พี่โต๋จะรู้หรือยังว่ากูสองคนถูกจับตัวมา ปานนี้คงได้วุ่นวายตามหากันให้ควักแล้วแน่ๆ.......
ความคิดสะดุดลงทันที เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น..
“
ติ่ง..ต่อง!....สวัสดีค่ะ...คุณตะเกียง...ไม่ต้องแปลกใจ..ขณะนี้
เราคุยผ่านลำโพงชนิดพิเศษ...ซึ่งได้ติดตั้งไว้ในห้องพักของคุณ...ก่อนอื่นขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
ดิฉันชื่อ...โบนา...” กูพยายามมองหาว่าไอ้เสียงที่ได้ยินอยู่ในห้องมันออกมาจากตรงไหน
แต่ไม่สามารถจับทิศทางได้ เหมือนมันกังวาลไปทั่ว ดันจับที่มาไม่ได้ด้วยสิ...ยิ่งเสียงสะท้อนกลับ
ทำให้หาทิศทางลำบากเข้าไปอีก เลิกสนใจแม่งดีกว่า ลองสอบถามข้อมูลจากยัยโบนานี่ดู
เผื่อได้อะไรที่เป็นประโยชน์..
“ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน....” ถามมันไปหละ
“เสียใจค่ะ...คำถามนี้ดิฉันไม่สามารถตอบให้ได้....ต้องการให้เราดูแลเพิ่มเติมสิ่งใด....
ดิฉันพอพิจารณาจัดให้ได้ตามความเหมาะสม” หึ..ยัยนี่ฉลาดเป็นกรด ไม่หลงกลกูง่ายๆ....
“เพื่อนผมอีกคนหละ...พวกคุณทำอะไรกับเค้า?”
“เค้าสบายดี....ไม่ต้องห่วง....ตราบใดที่คุณไม่สร้างปัญหาและความยุ่งยากให้กับเรา...
ดิฉันรับประกันความปลอดภัยให้เลย...ไม่มีใครทำร้ายเค้าแม้แต่ปลายเล็บ” ชิ...ส่งยัยผู้หญิงปากดี
คนนี้มา..ช่างเลือกถูกคนจริง ยังกะนักการทูต...
“ผมต้องการให้ถอดกุญแจมือกับโซ่ที่ล่ามข้อเท้าออก....ในเมื่อพวกคุณขังผมไว้ในห้องแล้ว
ยังจะกลัวผมหนีไปไหนอีก” กูพยายามต่อรองมัน อย่างน้อยมือเท้าเป็นอิสระก่อน..
ก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร..ที่จะหาวิธีเอาตัวรอดต่อไป
“สิ่งที่คุณขอมา...เราให้ได้เต็มที่ คือถอดกุญแจมือให้เท่านั้น ส่วนโซ่ที่ล่ามข้อเท้า...
ต้องขอแสดงความเสียใจอีกครั้ง” บ๊ะ!....มันไม่ยอมถอดโซ่ให้กูเลยว่ะ!...แบบนี้ก็ใช่เท้าเสต็ปเทพ
ลานนาคาดเชือกไม่ได้ดิ...
“แล้วผมจะเข้าห้องน้ำได้ยังไง พวกคุณล่ามผมไว้แบบนี้..มันไม่ดูทารุณกรรมไปหน่อยเหรอ
ผมเป็นคนนะ..ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง...ควรให้เกียรติกันหน่อย” ยังไม่ยอมแพ้ต่อรองมันไปก่อน เผื่อมันใจอ่อน
“เรื่องนี้ทางเราทราบดี....ถึงต้องขออภัยอีกครั้ง แต่คุณเป็นคนอันตราย เราจึงไม่สามารถ
ไว้วางใจให้คุณมีอิสระทางร่างกายได้อย่างปกติ” แม่ง!..ฟังคำตอบมันดิ...อันตรายเหี้ยไร!...
“คุณหมายถึงอะไร...ที่ว่าผมเป็นคนอันตรายนะ..ผมก็แค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ
จะไปทำให้พวกคุณเดือดร้อนได้ไง”
“หากคุณคือ...ด.ช.สกลเกียง วรเวทย์อัคนี...หรือเรียกง่ายๆว่า
‘ตะเกียง’ เราถือว่าคุณเป็นบุคคลอันตรายสำหรับเรา ความเป็นอัจฉริยะภาพทางสมองซึ่งเหนือกว่าคนปกติธรรมดา
บวกฝีมือการต่อสู้ที่ไม่สามารถคาดเดาได้...ว่าคุณมีความสามารถสูงสุดระดับไหน ถึงล้มมือดีเกรด A
ของเราได้พร้อมกันทีเดียวถึงสามคน โดยไม่สามารถทำไรคุณได้แม้แต่น้อยแล้วละก็
นั่นหละคือบุคคลอันตรายสำหรับเรา” ยัยนี่มันเป็นใครกันแน่...คิดว่าไม่น่าจะเป็นนักการทูต
ธรรมดาเสียแล้ว...
เท่าที่ฟังๆมา ตำแหน่งในองค์กรนี้ไม่น่าจะกระจอก เล่นรู้ข้อมูลละเอียดหยิบขนาดนี้
สืบประวัติกูมาเสียดิบดี แสดงว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ขนาดความลับเรื่องความเป็นอัจฉริยะของกู
ใช่ว่าใครจะสามารถสืบได้ พวกมันยังรู้...ลึกล้ำจริงๆ
“พวกคุณต้องการอะไร..ถึงจับผมมา” ลองดูดิ..ว่ามันจะรู้อะไรอีก
“ถึงเวลา...ทางเราจะบอกคุณเอง ว่าเราต้องการให้คุณช่วยเหลือเรื่องใด....เพียงแต่
ตอนนี้...ดิฉันต้องรบกวนให้คุณพักผ่อนอยู่กับเราสักระยะหนึ่ง ไม่สิราวๆ เกือบสองเดือน..
หลังจากคุณช่วยเราทำภารกิจบางอย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว....เราจะคืนอิสระภาพแก่คุณทันที”
แม่ง!....ฟังซะดูดีเลยมึง...
“หึ...ผมคงอยู่กับคุณนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก...แล้วเพื่อนผมด้วย...อย่าบอก
พวกคุณคิดจะกักขังเค้าไว้แบบเดียวกับผม”
“คงต้องบอกว่าคุณเข้าใจถูกต้องแล้ว เราคงไม่สามารถให้อิสระแก่เพื่อนคุณได้....
เพราะเค้ามีความสำคัญกับเราเช่นกัน”
“เฮ้ย!..คุณทำแบบนั้นไม่ได้...ตกลงคุณต้องการอะไรจากพวกผมกันแน่
พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า...หากเหตุผลฟังขึ้น...ผมอาจช่วยเหลือคุณทันทีเลย ขอแค่คืนอิสรภาพให้กับเรา
ตกลงไหม?” กูพยายามหลอกล่อต่อรองมันดูก่อน
“ขอบคุณในเจตนาและความหวังดีของคุณอีกครั้ง ถึงแม้ตอนนี้คุณเต็มใจช่วยเหลือเรา
ก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี...เพราะคุณยังไม่พร้อมที่จะช่วยเราได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและระยะเวลาที่
ดิฉันบอกคุณไปแล้ว...เมื่อถึงเวลานั้น...เราต้องรบกวนขอรับความช่วยเหลือจากคุณแน่นอน..
ไม่ว่าคุณจะเต็มใจหรือไม่” บังคับกันชัดๆ ทำเป็นพูดเหมือนขอร้อง เชี้ย!...นึกว่ากูรู้ไม่ทันอะดิ
“พวกผมมีภารกิจสำคัญที่ต้องไปทำให้กับประเทศ ในอีกไม่กี่อาทิตย์ที่จะถึงนี้
คุณจะมากักขังพวกผมไว้ไม่ได้ ผมเชื่อว่าคุณตามไปจับผมมา จะบอกว่าไม่รู้ว่าพวกผมมาทำอะไรกันที่นี่..
คงไม่ใช่ละม้าง”
“เราทราบดี...และขอบอกว่าคุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการไปแข่งขันบาสเกตบอล
ที่เมืองปูซานประเทศเกาหลีอีกต่อไป เพราะแมทการแข่งขันรายการนี้ มันไม่มีจริงตั้งแต่แรก
ทุกอย่างเป็นแผนการที่วางไว้อย่างแนบเนียน เพื่อหลอกให้คุณไปที่นั่น แล้วพวกมันจะจัดการ
สังหารคุณ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดข้อครหาตามมาภายหลัง คุณจะถูกฆ่าสร้างหลักฐานให้เป็นอุบัติเหตุ...
เพราะฉะนั้น ทางที่ดีคุณควรขอบคุณเรา ที่นำตัวคุณมากักขังในที่ปลอดภัยแห่งนี้ ดิฉันการันตรีว่า
สถานที่แห่งนี้ จะไม่มีใครสามารถมาทำร้ายคุณได้อย่างแน่นอน”
ฟังยัยนี่พูด ผมชักงงแล้วเหะ....ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่...อย่าบอกนะว่าทุกอย่าง
ที่ทำมาทั้งหมดเป็นแผน...หากเป็นเช่นนั้น ทางโรงเรียนก็มีส่วนร่วมด้วยสิ..ก็เรื่องนี้ ผอ.เป็นคนออกโรง
ด้วยตัวเอง มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน
“ผมไม่เชื่อเรื่องที่คุณพูดหรอก...มันจะไม่มีการแข่งขันได้อย่างไร ในเมื่อรายการนี้
รัฐบาลออกหน้า คุณจะมาพูดซี้ซั้วโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้ ผมต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน
ไม่ใช่การพูดลอยๆ แบบนี้” ผมต่อว่าเธอไปหละ
“คุณฟังให้ดี ส่วนจะเชื่อหรือไม่แล้วแต่คุณ การแข่งขันที่ว่ามาจากคณะรัฐบาลจริง
ดิฉันไม่เถียง แต่เฉพาะหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น ที่มีผู้ใหญ่ระดับรัฐมนตรีท่านหนึ่งร่วมมือด้วย
ออกคำสั่งเท็จมายังโรงเรียนของคุณ คณะครูอาจารย์หรือผู้บริหารในโรงเรียนไม่มีส่วนรับรู้เรื่องนี้
พวกเค้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง สิ่งที่หน่วยงานภาครัฐหน่วยนี้รับคำสั่งมา เป้าหมายหลักคือแค่นำคุณไป
สังหารให้เรียบร้อย หลังจากวางแผนสังหารพลาดมาแล้วถึงสองครั้ง ทั้งใช้สัตว์มีพิษ
และหน่วยคอมมานโด แต่คุณก็ยังรอดปลอดภัย โครงการนี้คือแผนสำรองสุดท้าย
ที่พวกนั้นใช้เป็นไพ่ตายในมือ เพราะการที่สามารถพาคุณเดินทางออกนอกประเทศทั้งคณะ
ทำให้ง่ายต่อการลงมือในลักษณะฆ่าตกรรม มีความเสี่ยงที่จะพลาดน้อย หรือแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ
เมื่อคุณตกไปอยู่ในน้ำมือพวกมันแล้ว คุณไม่รอดแน่นอน รู้เช่นนี้แล้วพอเข้าใจหรือยัง
ทำไมเราต้องรีบชิงตัวคุณมาอยู่ในความดูแลของเราก่อน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไม่ทันการ..
เกิดฝ่ายตรงข้ามสังหารคุณสำเร็จ พวกเราก็หมดโอกาสที่รอคอยมากว่าสิบห้าปี”
เธอเริ่มหลุดออกมาเยอะแล้ว กูรู้ข้อมูลเหล่านี้แล้วตกใจไม่น้อย นี่เป็นตามที่พ่อสิงห์พูด
จริงๆ หรือนี่ ว่าหน่วยที่ลอบฆ่ากู...มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาล..ปานนี้พ่อสิงห์จะรู้หรือยัง
ว่าพวกเราหลงกลแผนของพวกมันเข้าเต็มๆ เฮ้อ!..ถอนหายใจรอบที่ร้อยละมั้ง....
“หากหมดคำถาม...ดิฉันขอตัวก่อน...ถึงเวลาอาหารจะมีคนของเราจัดสำรับไปให้คุณ
ถึงในห้องตลอดสามมื้อ เราจะบริการคุณอย่างดี หากต้องการทำธุระส่วนตัว สามารถแจ้งได้ตลอดเวลา
แค่คุณพูดขึ้นมาเฉยๆ จะมีคนของเราหย่อนพันธนาการโซ่ตรงข้อเท้าให้คุณ...อย่าเข้าใจว่าเรา
จะถอดออก...โซ่ชนิดนี้ สามารถปล่อยสายให้ยาวได้จนคุณสะดวกเดินเข้าไปถึงห้องน้ำ
อาบน้ำหรือทำธุระส่วนตัวได้ตามสะดวก”
“เฮ้ย!...งี้ผมก็ปิดประตูไม่ได้ดิ..พวกคุณก็เห็นหมดอะดิ..ไม่เอาหรอก
มันละเมิดสิทธิส่วนตัวกันเกินไป...ไหนบอกจะบริการผมอย่างดี นี่มันนักโทษชัดๆ” ผมว่าแม่งแหละ...
เรื่องไรจะยอม..ต้องหาทางให้ตนเองมีช่องว่างที่เป็นอิสระบ้างเผื่อหาโอกาสหนีได้
“ไม่ต้องกังวล ยอมรับเราติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในห้องคุณจริง ยกเว้นในห้องน้ำไม่ได้ติดไว้
ส่วนเรื่องประตูนั้น..ไม่ใช่ปัญหา คุณสามารถรูดม่านในห้องน้ำบังได้มิดชิดขณะทำธุระส่วนตัว
เพราะฉะนั้น..เราไม่ได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของคุณแต่ประการใด....ต้องขออภัยด้วย
ในความไม่สะดวกบ้าง..ซึ่งคุณต้องเข้าใจเราเช่นกัน...สำหรับคุณแล้ว..เราจัดให้คุณเป็นบุคคลอันตราย”
จบข่าว!..ยัยนี่มันไม่ได้โง่..องค์กรพวกมันมีคนฉลาดไม่น้อย ทุกอย่างถูกวางแผนมาล่วงหน้า
ทำงานกันเป็นระบบ เรื่องใหญ่แล้วซิกู..ตอนนี้เลิกคิดสักพัก หาไรใส่ท้องอาบน้ำเปลี่ยนผ้า
ให้สบายตัวก่อน...เดี๋ยวค่อยใช้หมอง..นั่งมาธิ..อิกคิวซัง..หาทางหนีทีไล่กันใหม่อีกที...
“ผมต้องการอาหาร...และเสื้อผ้าใหม่ด้วย...เดี๋ยวนี้..อ๋อ!..อีกเรื่อง..ผมอยากรู้ว่าผมมาอยู่ที่นี่
นานเท่าไหร่แล้ว” นั่นดิ..เกือบลืมไปเหมือนกัน มันไม่มีไรบอกเวลาให้กูเลยนิ...โทรศัพท์เป๋าตังค์
ของทุกอย่างยึดเอาไปหมด..
“เราจะจัดการให้คุณตามที่ต้องการ..ไม่เกินห้านาทีคุณจะได้รับทุกอย่างตามที่ร้องขอ
ส่วนเรื่องเวลา ขอแจ้งว่าเราจนถึงบัดนี้ผ่านไปแล้ว 12 ชั่วโมง” โฮ๊ะ!...ล่อไปวันหนึ่งแล้วอะดิ..
นี่คงเป็นเช้าวันใหม่ ถ้าผ่านไปสิบสองชั่วโมงจริง เพราะเมื่อวานกูโดนจับราวๆ ห้าโมงกว่าๆ
“แล้วเพื่อนผมหละ...จัดการให้เค้าเหมือนที่ผมขอไปนั่นแหละ” สั่งให้ไอ้พี่พรตมันด้วย
“รับทราบ เพื่อนคุณจะได้รับการดูแลเฉกเช่นเดียวกัน...หากไม่มีไรเพิ่มเติม
ดิฉันต้องขอตัว”
“เดี๋ยว!..อย่าเพิ่ง..ผมอยากรู้ว่า ทำไมพวกคุณไม่ขังเราไว้ด้วยกัน จะแยกห้องเราทำไม...”
ลองถามไปดิ...ว่าใช่คำตอบเดียวกับที่กูคิดหรือไม่
“เพื่อนคุณคือบุคคลอันตรายเช่นกัน จึงไม่สามารถนำคุณสองคนอยู่ร่วมกันได้
ที่สำคัญเค้าคือคนที่เราไว้ใช้ต่อรองกับคุณ หากคุณคิดไม่ซื่อ เพื่อนคุณจะได้รับอันตรายทันที..
อย่างหนึ่งที่จะบอกให้ได้รู้..เพื่อนคุณเป็นคนขี้โวยวายมาก...เราไม่สามารถพูดคุยกับเค้าได้เหมือนคุณ
เค้าทำให้ดิฉันปวดหัวที่สุด แตกต่างจากคุณที่คุยด้วยเหตุผลและยอมรับฟัง....แต่เพื่อนคุณไม่
เราไม่ได้ล่ามเขาไว้แม้แต่น้อย เขามีอิสระเดินได้ทั่วทั้งห้อง ยังโวยวายด่าทอไม่หยุด..
ดิฉันถึงบอกว่าแตกต่างคุณสิ้นเชิง” 5555!!!...ความรู้ใหม่นะเนี่ยะ...ไอ้พี่พรตคงโวยวายเยอะทีเดียว
ถึงขนาดยัยนักการทูตปวดหัวแล้วละก็ ใช่ย่อยเลยน้าไอ้พี่พรตมึง....หึหึหึ!...?????
มาต่อให้แล้วค่ะ...นู๋ขยันโพสให้ Fc อ่าน
แต่พักนี้ทำไมดูเม้นท์เงีบเหงาหร่อยหรอ ไม่คึกคักเหมือนเดิมเลยง่ะ
ขอกำลังใจหน่อย...นู๋ Lux สู้สู้!!!
Luk.