โอ้ เจ้าของเรื่องมาเอง นับเป็น 3 รีแล้วกัน
บทสรุปของคู่นี้มาแล้วนะครับ เชิญทัศนาได้เลยยยยยย
************************************************************************
เพล้ง............
“โอ้ยยย”
เสียงบางอย่างตกแตกกระทบพื้นตามด้วยเสียงร้องของบางคนดังขึ้น
“ตาวีย์เป็นอะไร”
แม่กระวีกระวาดเข้ามาดูตัวลูกชายที่นั่งกุมเท้าตัวเองหน้านิ่วด้วยความเจ็บจากเศษแก้วที่ปักคาอยู่จนเลือดไหลโชก
“จู่ๆแก้วมันก็ตกลงอ่ะแม่ วีย์เดินมาพอดีเลยเหยียบเข้าให้ โอ้ย”
ชายหนุ่มตอบมารดาก่อนจะร้องด้วยความเจ็บเมื่อดึงเศษแก้วออกจากฝ่าเท้า
“วีย์ อย่าเดินทางวันนี้เลยลูก ฤกษ์คงไม่ดี”
หญิงมีอายุบอกลูกชาย ด้วยความห่วงก่อนจะหลุดปากออกมา
“นี่คงมีใครไม่อยากให้วีย์ไป”
มีใครไม่อยากให้ไป .....ชายหนุ่มคิดตามคำบอกของแม่ พลันหัวใจห็คิดไปถึงใครอีกคน
...กานต์ให้วีย์ไปเถอะนะ วีย์สัญญาวีย์จะกลับมาหากานต์ เราจะนั่งดูงานที่เราร่วมกันสร้าง ถ้ากานต์รับรู้คำอธิษฐานและถ้ากานต์คอยมองวีย์อยู่จริงๆ กานต์กลับไปที่ๆกานต์จากมาเถอะนะ ที่นั่นมีคนที่รักกานต์รออยู่ แม่ไงกานต์ แม่กานต์ห่วงกานต์มาก กลับไปหาท่านนะ ไม่ต้องห่วงวีย์...
คำอธิษฐานของชายหนุ่มคงจะเป็นผล เมื่อภายในห้องผ่าตัด ทุกคนต่างมีรอยยิ้มและผ่อนลมหายใจกันอย่างโล่งอก การินทร์ถูกเปลี่ยนถ่ายหัวใจที่ถูกเตรียม สำรองไว้อย่างปลอดภัย อีกไม่นานคนไข้ที่นอนหมดสติก็คงจะฟื้นคืนมาในชีวิตใหม่ หัวใจดวงใหม่ที่ไม่บอบช้ำ
.
.
.
“จริงเหรอหมอ ลูกชายฉันไม่เป็นไรแล้วจริงๆเหรอขอบคุณนะคะ ขอบคุณมาก”
คนแรกที่โผเข้ามาหมอหลังได้รับรายงานผลการผ่าตัดคือหญิงสูงวัย
“ถ้าช้ากว่านี้ก็ไม่แน่หรอกครับ จริงๆคนที่คุณน้าควรจะขอบคุณก็น่าจะเป็น....”
หมอกลางคนจบประโยคเมื่อมองหาคนที่กำลังจะเอ่ยถึงไม่เจอ
“วีย์ไปธุระครับหมอ ถ้าวีย์รู้วีย์คงดีใจมาก ที่เป็นเหมือนคนชุบชีวิตใหม่ให้.......การินทร์”
ณภัทธิ์เอ่ยบอก และหยุดคำว่าคนรักเอาไว้เปลี่ยนเป็นเอ่ยชื่อคนที่เพิ่งรอดจากการผ่าตัดแทน ในใจก็นึกคิดอยากให้รณวีย์กลับมาฟังข่าวดีเร็วๆ
.
.
.
.
“เจอแล้ว เจอแล้ว เจอ นายปลายแล้ว”
ไอ้อ่องตะโกนอย่างดีใจเมื่อเจอร่างเจ้านายนอนหมดสติอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยว ก่อนจะระดมเหล่าคนงานช่วยกันยกร่างบอบช้ำนั้น
“โว้ย เจ้านายข้ายังไม่ตายโว้ย ไอ้อ่องดีใจที่สุดเลยนายปลาย ไอ้อ่องดีในที่สุดเลย”
ไอ้เตี้ยของปลายภูโห่ร้องด้วยความปีติเมื่อรับรู้ว่าเจ้านายยังมีลมหายใจอยู่
“นายปลายทำใจดีๆไว้นะครับ คุณวีย์กำลังจะมา นายปลายคงไม่อยากเห็นน้ำตาคุณวีย์ใช่มั๊ย ทำใจดีๆครับ เดี๋ยวไอ้อ่องจะพานายปลายไปให้หมอนาตรวจดูอาการ”
คนดีใจพูดไปตามประสาซื่อ ไม่รู้หรอกว่าร่างกายที่บอบช้ำนั่นจะได้ยินตนหรือไม่ ก่อนจะพูดไปอีกอย่างคะนองปาก
“เฟื่องฟ้า เธอไม่มีปัญญาเอาชีวิตเจ้านายไอ้อ่องไปได้หรอก ลืมแล้วเหรอว่าตรงเนี้ยคุณปลายไผ่เป็นคนอยู่มาก่อน คนดีๆเขาถึงได้รอดทุกคนไง”
เหล่าคนงานขนลุกซู่กับประโยคคะนองปากของไอ้เตี้ย จึงเร่งมือพาร่างเจ้านายไปในที่ที่ปลอดภัย โดยส่งให้หมอนาตรวจดูอาการเบื้องต้นก่อน
“เจ้านายอ่องไม่เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวก็ฟื้นแล้ว”
หมอนาบอกกับคนสนิทของคนที่นอนหลับอยู่ด้วยอาการบอบช้ำจากแรงกระแทก แต่เธอตรวจดูแล้วไม่มีส่วนไหนน่าเป็นห่วง
“จะไม่ส่งนายปลายไปให้หมอในเมืองตรวจดูหน่อยเหรอหมอนา”
ไอ้อ่องออกความเห็น ซึ่งหมอนาก็ตอบยิ้มๆ
“ให้เจ้าตัวเขาฟื้นขึ้นมาก่อน เจ้าตัวเขาจะไปก็ว่ากันอีกที รายนี้ไม่เหมือนคุณวีย์ รายนั้นน่ะเป็นตายเท่ากัน”
“เออพูดถึงคุณวีย์ ป่านนี้ถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
.
.
.
.
คนถูกพูดถึงตรงเข้าไปในอาณาเขตของหมอสาวชาวภูอย่างร้อนรนเมื่อรู้ข่าวจากไอ้อ่องระหว่างเดินทางว่าปลายภูอยู่ที่นี่
“พี่ภูเป็นไงบ้างครับหมอนา”
ชายหนุ่มถามหน้าตื่น
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ สายๆก็คงฟื้น”
“เหรอครับ ผมขอเข้าไปดูพี่ภูหน่อยนะครับ”
เมื่อหมอสาวพยักหน้า คนขอจึงรีบตรงเข้าไปดูอาการคนนอนนิ่ง ชายหนุ่มตรงเข้าไปจับมือใหญ่นั่นร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“คุณวีย์ร้องไห้ทำไม ปลายภูไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อยแค่บอบช้ำเท่านั้นเอง”
หมอสาวที่ตามเข้ามาเห็นเหตุการณ์เอ่ยอย่างแปลกใจปนตกใจ
“ไม่รู้สิครับ อยู่น้ำตาวีย์มันก็ไหลออกมาเอง”
คนร้องไห้ปฎิเสธก่อนปาดน้ำตาลวกๆ นี่มันอะไรกัน เขาเห็นคนที่นอนอยู่เป็นการินทร์ไปได้ยังไง ทันความคิด เสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กในกระเป๋าก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกดรับเมื่อเห็นเป็นเบอร์ณภัทธิ์ ก่อนจะแยกตัวออกไปคุย แล้ววิ่งกลับมาหาหมอนาอย่างคนมีความสุข
“หมอนาครับ วีย์ฝากพี่ภูไว้ก่อนนะครับ ผมคงต้องกลับกรุงเทพวันนี้ก่อน ไว้ทุกอย่างลงตัวผมจะกลับมาใหม่ครับ”
หมอสาวฟังถึงกับงง คนคนนี้เพิ่งมาถึงจะออกเดินทางอีกแล้วเหรอนี่ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง
“พักก่อนดีมั๊ยคุณวีย์ มีอะไรสำคัญนักเหรอถึงจะต้องรีบนัก”
รณวีย์ไม่ฟังคำทัดทานนั่น วิ่งไปออกคำสั่งกับไอ้อ่องที่รออยู่ด้านนอก
“อ่องไปส่งฉันที่เชิงภูที ฉันจะกลับกรุงเทพ”
“กลับกรุงเทพ เดี๋ยวนี้นี่นะครับคุณวีย์”
ไอ้อ่องทำหน้าเหรอหรา แต่รณวีย์ไม่สนใจ ก็เมื่อตะกี้ที่เขาคุยกับณภัทธิ์ ฝ่ายนั้นบอกการินทร์ฟื้นแล้ว และก็ถามถึงเขา ทุกคนบอกแค่ว่าเขาเหนื่อยที่ต้องวิ่งเต้น และก็หลับอยู่ที่บ้าน ที่กรุงเทพ ไม่ใช่ที่ภูปลายสาย เขาต้องรีบกลับไปดูอาการคนรัก ก็ดูสิ แค่ตื่นขึ้นมายังถามหาเขาเป็นคนแรก ถ้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ภูปลายสาย จะไม่โกรธจนหัวใจพิการขึ้นมาอีกเหรอ ส่วนปลายภู แค่ชายหนุ่มรับรู้ว่าไม่เป็นอะไรมากเขาก็เบาใจ เขาเชื่อว่าพี่บุญธรรมคนนี้ต้องเข้าใจเขา อย่างที่เคยเข้าใจ
หมอนายอมปล่อยรณวีย์ให้กลับกรุงเทพเมื่อเจ้าตัวยอมเล่าทุกอย่างให้ฟัง โดยให้ไอ้อ่องไปส่งที่เชิงภู ซึ่งเจ้าตัวก็อิดๆออดๆ
“ฝนตั้งเค้าท่าทางพายุจะเข้าด้วยนะหมอนา”
“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันให้คนงานคนอื่นไปส่งก็ได้”
รณวีย์ตัดบท หัวใจเขาร้อนรนอยู่กับคนรักจนไม่อยากรออะไรอีกแล้ว
“ก็ได้ก็ได้ครับ เดี๋ยวไอ้อ่องพาไป ขืนปล่อยคุณวีย์ไปกะคนอื่นแล้วนนายปลายตื่นขึ้นมาทราบเรื่องไอ้อ่องคงตายศพไม่สวยแน่”
“จะเดินทางแล้วยังมาพูดเรื่องตงเรื่องตาย อ่องนี่ปากไม่ดี”
หมอนาสะดุดใจอะไรบางอย่างจึงเอ่ยดุ ก่อนจะกำชับให้คนสนิทของปลายภูขับรถอย่างระมัดระวัง หากว่าเจอพายุก็ให้หยุดก่อน ซึ่งไอ้อ่องก็รับคำ แต่เอาเข้าจริงๆพอถึงสถานการณ์ที่คาดเอาไว้ ไอ้เตี้ยกลับไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เมื่อรณวีย์รั้นที่จะไปให้ถึงเชิงภูโดยเร็ว
“ทางลงเขามันลื่นและก็ชันนะครับคุณวีย์”
“ก็ค่อยขับไปก็ได้นี่อ่อง อย่าถึงกับต้องจอดเลยนะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าฝนจะหยุดตกเมื่อไหร่”
“ถึงช้าดีกว่าไม่ถึงนะครับคุณวีย์”
ไอ้อ่องหันมาสนทนาด้วยอารมณ์ที่เริ่มขุ่นเคือง จนลืมว่าตัวเองกำลังบังคับให้รถวิ่งนิ่งที่สุดอยู่ พลัน
“อ่อง!!!ระวัง”
คนรั้นร้องเตือนขึ้นสุดเสียงเมื่อมองผ่านม่านฝนเห็นรถคันใหญ่วิ่งสวนมาอย่างเร็ว ไอ้อ่องหันกลับไปมองแต่ก็ทำอะไรไม่ทันได้แต่อ้าปากค้างหน้าซีด ก่อนทุกอย่างจะหมุนคว้างทันทีที่เกิดแรงปะทะ คาวมแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้รถที่นั่งกันลงจากภูของคนงานกับเจ้านาย พลิกคว่ำตลบลงตามทางที่ลาดชัน!!!!...
.
.
.
.
.
.
“ผมฟื้นมาสัปดาห์แล้วนะครับ ทำไมวีย์ไม่มาเยี่ยมผมเลย”
การินทร์บ่นกับหญิงสูงวัยที่คอยมาเยี่ยมเขาเช้าเย็น นางก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ลูกชายถามหาเลยไม่รู้จะตอบว่ายังไง
“ทุกคนหลอกผมหรือเปล่า วีย์เขาไปไหน วีย์ไม่ได้อยู่กรุงเทพใช่มั๊ยแม่”
ชายหนุ่มถามมารดาเมื่อเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง ถ้ารณวีย์อยู่กรุงเทพจริงมีเหรอว่าเจ้าตัวจะไม่มาเยี่ยมเขา
“อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย เราเพิ่งพักฟื้นนะตากานต์ วีย์เขาคงยุ่งๆกับงานที่โรงเรียนนั่นแหละ”
หญิงสูงวัยเอ่ยไปอย่างงั้นเพื่อให้ลูกชายสบายใจ ซึ่งมันก็ได้ผล รณวีย์คล้อยตามไปด้วยอย่างง่าย
หรือหัวใจกำลังต่อต้านความจริงอะไรบางอย่าง..
.
.
.
.
.
สายตาที่ทอดมองคนนอนหลับอยู่บนเตียง ทำให้คนมองนึกอดสูใจ เขามาที่นี่ตามสัญญา สัญญาที่เขาเอ่ยไว้กับคนที่เขารักและหวังดี
การินทร์ค่อยลืมตาขึ้น วันนี้แล้วสินะ เป็นวันที่งานที่เขาร่วมกันทำกับรณวีย์จะเปิดฉากขึ้น นั่นไงรณวีย์กลับมาหาเขาแล้ว กลับมาเพื่อนั่งคู่เขาดูสิ่งที่ทำร่วมกัน
“วีย์ วีย์มาแล้วเหรอ ทำไมหายไปนานจัง งานยุ่งเหรอ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อสายตาพร่ามัวมองเห็นรอยยิ้มของคนที่เฝ้ารอคอยทุกลมหายใจยิ้มให้อยู่ตรงหน้า
“ผมไม่ใช่วีย์หรอกครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้น ทำให้ภาพคนคุ้นตาที่ยืนยิ้มให้หายไป กลายมาเป็นหนุ่มใหญ่อีกคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จักมายืนอยู่แทน
“คุณภู..”
การินทร์ครางชื่อคนที่ยืนอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา นี่มันอะไร ปลายภูมายืนอยู่ต่อหน้าเขา แล้วรณ่วีย์ล่ะ รณวีย์อยู่ไหน
“ไม่ต้องมองหาหรอก วีย์ไม่ได้อยู่ที่นี่”
อีกครั้งกับคำพูดนี้ หากเป็นคนอื่นพูดคนได้ยินจะไม่รู้สึกถูกกรีดใจเท่ากับมันออกมาจากปากปลายภู คราวที่แล้วก็แบบนี้ นี่มันอะไรกัน ผู้ชายคนนี้จะมาเล่นตลกอะไรกับเขาอีก
“วีย์อยู่ไหนครับ”
ชายหนุ่มฝืนใจถาม ทุกอย่างมันแปลกๆตั้งแต่ที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วคนที่เขาอยากเจอได้หายหน้าไปอย่างผิดวิสัย
“วีย์ เอ่อ วีย์ งานยุ่งอยู่น่ะครับมาหาคุณการินทร์ไม่ได้ เลยฝากผมมาขอโทษคุณ”
หนุ่มใหญ่พูดออกไปอย่างไม่ตรงความจริงนัก ก็ความจริงที่ว่ามันน่าจะทำให้คนที่เพิ่งผ่าตัดเปลี่ยนหัวสะเทือนเอาได้ ชายหนุ่มเลยเลี่ยงที่จะไม่พูด
“ไม่จริง นี่คุณภูจะมาเล่นตลกอะไรกับผม คุณมาอยู่นี่ได้ไง แล้วรู้ได้ไงว่าวีย์งานยุ่ง คุณปิดบังอะไรผมอยู่ วีย์อยู่ไหน วีย์อยู่ไหน บอกผมสิว่าวีย์อยู่ไหน”
คนนอนอยู่เริ่มเสียงดัง เริ่มสังหรณ์ใจไปในทางไม่ดี ทำไมคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ไม่ใช่คนที่หัวใจตามหา ทำไม
“ตากานต์ ตากานต์ เป็นอะไรลูก”
หญิงสูงวัยที่อยู่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงโวยวาย รีบตรงเข้าจับตัวลูกชาย เมื่อเห็นเจ้าตัวตาวาวมองคนที่มาแสดงตัวว่าเป็นพี่ชายบุญธรรมรณวีย์
“ออกไปก่อนนะคะคุณ”
นางบอกกับคนที่เพิ่งรู้จัก
“ผมไม่เป็นไรแม่ ผมเพียงต้องการรู้ว่าวีย์อยู่ไหน ทุกคนปิดบังอะไรผมอยู่ วีย์อยู่ไหนครับแม่ ทำไมวีย์ไม่มาเยี่ยมซักที แม่วีย์อยู่ไหนครับ วีย์อยู่ไหน”
การินทร์เหมือนคนเริ่มคลั่ง จนใครๆด้านนอกกรูเข้า ปลายภูสะเทือนใจ ไม่คิดว่าการินทร์จะผูกพันธ์กับน้องชายตนขนาดนี้ เขาก็อยากจะบอกชายหนุ่มที่ออกอาการคลั่งให้รู้เสียทีเหมือนกันว่ารณวีย์อยู่ที่ไหน แต่อาการเจ้าตัวไม่เอื้อที่เขาจะบอกเรื่องนั้น
“วีย์ตายแล้วใช่มั๊ยคุณภู”
ทุกคนในห้องอึ้งนิ่งไปเมื่อได้ยินคำถามที่หลุดอออกมาจากปากคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
“พูดอะไรอย่างนั้น ตากานต์ อยู่ๆไปแช่งตาวีย์เฮ้อ เรานี่”
แม่ติงลูกชาย แต่เหมือนฝ่ายนั้นจะไม่ฟัง
“ผมรู้แม่ ผมรู้ ถ้าวีย์ไม่ตาย คุณภูคงไม่มาหาผมถึงที่นี่ บอกผมสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ระหว่างที่ผมหลับอยู่ บอกผมสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ชายหนุ่มโวยวายอีกรอบ ทำเอาทุกคนในห้องเงียบกริบ ดูเหมือนว่าท่าทางทุกคนจะแทนคำตอบไปในทางที่เขาคิด การินทร์ถึงกับน้ำตาคลอ เมื่อคิดว่าเรื่องที่เขาสังหรณ์เป็นเรื่องจริง
“คุณกานต์ใจเย็นๆนะครับ ฟังผมนะ”
ปลายภูบอกอย่างสะเทือนใจ เขาคงต้องพูดความจริงเสียที เมื่อปิดบังไปก็ใช่ว่าอาการของการินทร์จะดีขึ้น
“วีย์ยังไม่ตายหรอกกานต์”
ไม่ใช่เสียงของหนุ่มใหญ่ที่ตั้งใจจะบอกความจริง แต่เป็นเสียงที่ดังมาจากทางด้านประตู ทุกคนหันไปมองแทบจะพร้อมกัน การินทร์น้ำไหลออกมาอย่างคนหมดความอดกลั้น นั่นเขาไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไป
รณวีย์ยืนมองเขาอยู่ ตรงนั้น โดยที่ข้างกายมีหมอสาวที่เขาเคยรู้จักยืนพยุงอยู่
“วีย์ วีย์จริงๆหรือเปล่า”
ชายหนุ่มเอ่ยถาม แทนคำตอบเจ้าของร่างนั้นเดินตรงเขามาหาเขาท่ามกลางความงุนงงของทุกคน โดยเฉพาะปลายภู หนุ่มใหญ่หันไปมองหมอนาเพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้
“อยู่ๆคุณวีย์ก็ฟื้นและรบเร้าจะมาที่นี่ให้ได้น่ะค่ะ นาเลยต้องมาเป็นเพื่อน”
หมอสาวอธิบายคร่าวๆ คนสงสัยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ใจหนึ่งก็ดีใจที่น้องชายบุญธรรมฟื้น แต่ใจหนึ่งก็แปลกใจ ก็ไหนหมอบอกว่าคนคนนี้จะหลับนิทราตลอดไปไง นี่คงไม่ใช่พลังแห่งรักที่สองคนสื่อถึงกันหรอกนะหนุ่มใหญ่นึกคิดย้อนเหตุการณ์ ในวันที่ตัวเองฟื้นคืนสติจากหลับไหล ก็แทบช็อคหลับไปอีกรอบเมื่อได้รับข่าวรถของคนสนิทคว่ำท่ามกลางพายุ ในซากรถนั้นมีอ่องกับรณวีย์ติดอยู่ ไอ้อ่องยังมีสติพอที่จะเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังได้ว่าก่อนรณวีย์จะหมดสติหลับใหลไป เจ้าตัวได้บอกเอาไว้ว่า
“อ่อง บอกพี่ภูนะว่า ถ้าฉันตายไป ให้พี่ภูไปขอโทษการินทร์แทนฉันนะ ที่ฉันไปไม่ทันเห็นชีวิตใหม่ของเขา นะอ่องนะ”
ไอ้อ่องในวันนั้นรับคำด้วยหยาดน้ำตา สภาพรณวีย์บอบช้ำอย่างหนัก จนสุดท้ายก็ฟุบหน้าหมดสติ
“สมองคนไข้กระทบกระเทือนอย่างหนัก เจ้าตัวอาจเป็นเจ้าชายนิทรา แต่หมอจะพยายามช่วยจนสุดความสามารถครับ”
ชายหนุ่มนึกถึงประโยคนี้ถึงกับตัวชา เขาเข้าไปมองร่างบอบช้ำที่หลับไหลของน้องบุญธรรมด้วยใจอดสู
“พี่สัญญาวีย์ พี่สัญญาว่าพี่จะไปบอกคนของวีย์ด้วยตัวพี่เอง”
หนุ่มใหญ่ถึงกับน้ำตาตกในวันนั้นเพราะสงสารในเส้นทางความรักที่หมอนาถ่ายทอดให้เขาฟังตามที่รณวีย์เคยบอกไว้
“วีย์กลับมาตามสัญญาแล้วกานต์ วีย์กลับมายินดีชีวิตใหม่ของกานต์”
คนที่เกือบจะเป็นเจ้าชายนิทราบอกคนรักด้วยรอยยิ้มที่มาพร้อมหยดน้ำที่เอ่ล้นรอบดวงตา กว่าอะไรจะลงตัวทั้งเขาและการินทร์ต้องผ่านอะๆรมากมาย ถึงแล้วสินะ ปลายทางของหัวใจที่ต่างคนต่างเดินตามหามัน.
.
.
.
.
.
ริ้วม่านสีแดงสดปิดฉากเบื้องหลังลงแล้วเรียบร้อย ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังสนั่นของผู้ที่ได้ชมเรื่องราวการแสดงที่ดำเนินไปกับฉากที่ตระการตา ดูมันช่างลงตัวสวยงามและน่าประทับใจอย่างที่สุด
สองหนุ่มเดินแยกออกมาจากกลุ่มคน เพื่อหามุมเงียบให้หัวใจได้คุยกันอย่างเต็มความคิดถึง
“ทำไมวีย์ใจร้ายจัง จะทำให้กานต์ช็อคไปถึงไหน”
การินทร์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน คนฟังก้มหน้ายอมรับ
“วีย์ขอโทษ วีย์ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้น”
“ช่างเถอะ บทพิสูจน์ของความรักมันมักทรหดแบบนี้เสมอแหละ”
“อืม แต่มันก็คุ้มนะ”
“คุ้มยังไง”
“ก็วีย์ได้รู้ได้เห็นไงว่าคนใจร้ายคนนึงเสียน้ำตาให้วีย์ขนาดไหน”
“ชอบเหรอที่เห็นกานต์ร้องไห้เจ็บปวด”
“ก็ชดเชยที่กานต์เคยทำกับวีย์ไว้ไง”
“แต่กานต์สำนึกผิดแล้วนะ”
“ผู้ร้ายกลับใจ ยังไงวีย์ก็ไม่เชื่อหรอก”
“ไม่เชื่อจริงอ่ะ”
“จริงสิ”
“งั้นเอานี่ไป ของขวัญสำหรับคนเก่งของกานต์”
รณวีย์มองม้วนกระดาษที่ผูกริบบิ้นสีสดใสอย่างตั้งใจ
“อะไร”
ชายหนุ่มเอ่ยถามคนยื่นให้
“ก็ที่กานต์เคยสัญญาว่าจะให้วีย์ นึกว่าจะไม่มีโอกาสซะแล้ว”
“อืมท่าทางทรงค่าแฮะ มันคืออะไรอ่ะ”
รณวีย์รับมาแล้วเอ่ยแซวล้อๆ มองสบตาคนให้
“เอาไว้เปิดดูก็รู้เองแหละ”
การินทร์บอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะจับมือคนเอ่ยแซวเดินจูงไปในเส้นทางที่เคยเดินทะเลาะกัน เถียงกัน ในวัยเด็ก
ถนนของหัวใจสิ้นสุดลงด้วยรอยยิ้มเสียที
.
.
.
.
.
.
อวสาน
ขอบคุณครับ
.
===============================================
จบลงไปอีกเรื่องนะครับ
ขอบคุณคุณบอย (อีกครั้ง) ที่เขียนเรื่องสนุกๆมาให้ได้ตามอ่านกัน จนน้ำตาไหลพรากกกกกกกก
ขอบคุณ คนอ่านทู๊กคน ทั้งที่แสดงตัวและไม่แสดงตัว ที่ตามอ่านกันมาจนจบ
และทั้งทวงทั้งเร่งคนโพสให้มาต่อเร็วๆ ชิส์ รักนะ
ขอบคุณ เล้าเป็ดที่อบอุ่น ที่ให้ได้รู้จักเพื่อนดีๆมากมาย
ขอบคุณครับ
ปล. โพสของคุณบอยจบล่ะ ได้ฤกษ์เขียนของตัวเองให้จบซะที