มาต่อก่อนกลับบ้านแค๊บบบบบบ
****************************************************
พระจันทร์คงกำลังนอนหลับ ผืนฟ้าคืนนี้จึงแต้มไปด้วยแสงดาว
หนึ่งคนกำลังนั่งห่อตัวต้านสายลมหนาวที่พัดเข้ามาเป็นระยะๆ เมื่อหัวใจไม่ยอมหลับ เจ้าตัวหรือจะหลับลง
รณวีย์ พาตัวเองออกมาเร่ร่อนท่ามกลางพายุหมอกนานนับชั่วโมง เมื่อไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้
ภาพที่การินทร์แสดงความดีใจเมื่อเจอคนรักอย่างเพียงฝนยังติดตาตามหลอกหลอนเขาอยู่ทุกๆนาที
..ทำไมจะต้องคิด ไม่เข้าใจ …
ทั้งๆที่เรื่องมันควรจะเป็นแบบนั้น การินทร์รักผู้หญิง การินทร์ไม่ได้สนใจเขาเลยซักนิด ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาเป็นได้แค่ตัวตลก หรือจะสำคัญบ้างก็ตอนที่ผู้ชายคนนั้นไม่มีใคร เขาไม่มีสิทธิ์เรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ชายหนุ่มแหงนหน้าไล่รอยรื้นบางอย่างให้หายไปจากดวงตา
ผู้ชายร้องไห้ใต้แสงดาว มันคงน่าอายและน่าสมเพช เขาต้องไม่เป็นแบบนั้น
แต่หัวใจยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งบีบคั้น รณวีย์ไม่อาจต้านอารมณ์อ่อนไหวได้ สุดท้ายน้ำตาชายหนุ่มก็ไหลออกมาอาบสองแก้ม เจ้าตัวพยายามกัดริมฝีปากแน่น ทั้งๆที่รู้ว่าหัวใจตอนนี้พังทลายลงไปจนไม่เหลือชิ้นดี เพราะความเหงาที่แล่นเข้ามาสู่หัวใจโดยไม่รู้ตัว
เหงา ทั้งหัวใจมันเหงา อยู่กับความเหงามานานแล้ว
เหงาเกินใครจะรู้ เหงา ทุกๆ อย่างดูเหงา
อยู่กับความหลังไม่ไปไหน ฉันเป็นคนอ่อนไหว
น้ำใส ๆ ก็ไหลก็รดลงมา เปียกหมอนไม่เคยจางหาย
อ้อมแขนที่รออยู่ที่ไหน ฉันต้องการ
ไม่รู้ว่าใครได้ยินฉันไหม ว่าเหงาในใจมันดังแค่ไหน
ได้ยินไหม ได้ยินไหม มันรุนแรงและทรมาน
อยากขอแค่ใครหนึ่งคนเท่านั้น ให้เขามีใจหนึ่งคืนให้ฉัน
อยู่กับฉัน กอดกับฉัน มีเพียงเราสองคนคืนเดียวก็พอ
ฉันไม่ต้องการรักแท้ แค่อยู่เป็นเพื่อนเพียงเท่านั้น
นั่งพูดคุยกับฉัน เพราะทั้งหัวใจก็พร้อม
ที่จะยอมแลกให้หมดใจ ขอแค่เพียงคืนนี้
น้ำใส ๆ ก็ไหลก็รดลงมา เปียกหมอนไม่เคยจากหาย
อ้อมแขนที่รออยู่ที่ไหน ฉันต้องการ
ไม่รู้ว่าใครได้ยินฉันไหม ว่าเหงาในใจมันดังแค่ไหน
ได้ยินไหม ได้ยินไหม มันรุนแรงและทรมาน
อยากขอแค่ใครหนึ่งคนเท่านั้น ให้เขามีใจหนึ่งคืนให้ฉัน
อยู่กับฉัน กอดกับฉัน มีเพียงเราสองคนคืนเดียวก็พอ……
.
.
.
.
.
.
“ คุณวี “
คนร้องไห้สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกทุ้มหูดังอยู่ทางด้านหลัง
“ เป็นอะไรครับ “
ปลายภูถามอย่างตกใจเมื่อแสงไฟลางๆส่องให้เห็นคราบน้ำตาของคนที่เขาเดินมาหา
รณวีย์ยิ้มแก้อายเมื่อไม่สามารถปกปิดรอยน้ำตาได้ทัน จะแก้ตัวยังไงก็คงจะไม่ขึ้นเมื่อคนทักเดินเข้ามาชิดกลัวตอนที่เขาลุกขึ้น
“ คุณภู ยังไม่นอนเหรอครับ “
ชายหนุ่มถามพลางปาดน้ำตาลวกๆ
“ นอนไม่หลับน่ะครับ เลยออกมาเดินเล่น เห็นเงานั่งอยู่นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็คุณวี ว่าแต่ยังไม่ตอบคำถามผมเลยนะครับ “
คนถูกถามตอบแล้วทวงในสิ่งที่ยังไม่รู้…รณวีย์ ร้องไห้ทำไม…
“ อะไรเหรอครับ ถามอะไรผมไว้เหรอ “
รณวีย์แกล้งสงสัยทั้งๆที่รู้ว่าก่อนหน้าโดนถามว่าอะไร แต่หัวใจไม่อยากตอบคำพูดจึงต้องเลี่ยงตาม
“ ก็ผมถามว่าคุณวีเป็นอะไรไปไงครับ ถึงได้น้ำตาซึมแบบนี้ “
ปลายภูทวนซ้ำ เขาต้องรู้สิว่ารณวีย์ร้องไห้ทำไม ในเมื่อเขาเริ่มจะผูกพันกับคนๆนี้แทนที่น้องชายของเขาแล้ว
“ ว่าไงครับ “
หนุ่มใหญ่ถามซ้ำ เมื่อคู่สนทนาเอาแต่เงียบ
“ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ เหงานิดหน่อย “
รณวีย์บอกในที่สุด ก่อนจะกลับลงไปนั่งที่เดิม ปลายภูตามลงไปนั่งเคียงข้างอย่างไม่ลังเล เขาน่าจะทำให้คนๆนี้หายเหงาได้บ้างแหละน่า
“ คิดถึงบ้านเหรอครับ “
ชายหนุ่มเริ่มสนทนา รณวีย์หันมาสบตาเขาแวบนึงก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วเอ่ย
“ ถ้าจะบอกว่าเรื่องอื่น คุณภูจะเชื่อผมหรือเปล่า “
“ อะไรล่ะครับ “
“ เรื่องผมกับการินทร์ “
หนุ่มใหญ่ขมวดคิ้วจ้องหน้าคนพูด เห็นแววตาหม่นเศร้าก็เริ่มจินตนาการก่อนจะเอื้อมมือไปกุมคนที่เขาเห็นว่าน้ำตาเจ้าตัวกำลังจะไหลออกมาอีกครั้ง
“ ท่าทางคุณวีแย่ๆนะครับ ผมว่าเข้าไปอาบน้ำนอนพักผ่อนก่อนดีกว่ามั๊ย “
เขารีบออกความเห็นแต่ฝ่ายนั้นกลับแย้งขึ้นมา
“ ไม่อยากรู้แล้วเหรอครับว่าผมร้องไห้เพราะอะไร “
“ สัญญามั๊ยล่ะครับว่าจะไม่ร้องไห้ “
“ ผมสัญญากับตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ “
“ อย่าเพิ่งประชดตัวเองสิครับ ใครๆก็มีเรื่องให้ต้องเสียใจทั้งนั้นผมเองก็เคยมี ว่าแต่เรื่องของคุณวีไปเกี่ยวกับนายการินทร์นั่นยังไงครับ เท่าที่จำได้คุณวีบอกว่าเขาเป็น…..”
“ แมสแซนเจอร์ “
คนอ่อนไหวต่อให้เมื่อปลายภูทิ้งช่วงที่จะเอ่ยในสิ่งที่เขาเคยโกหกเอาไว้ ท่าทางปลายภูก็ไม่เชื่อมาตั้งแต่ต้นเขารู้ดี แต่อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขารู้ว่าปลายภูไม่ใส่ใจและไม่ถือสาไม่ว่าเขาจะทำหรือจะพูดอะไร นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เขาจะระบายในทุกๆสิ่งที่อัดอั้นและเก็บกดมันมานาน
“ มีอะไรที่พอจะบอกผมได้ผมพร้อมที่จะรับฟังนะครับ “
ปลายภูบีบมือรณวีย์แน่นขึ้น มันทำให้คนที่จิตใจกำลังกระเจิดกระเจิงอบอุ่นขึ้นมาบ้างก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆออกมา
.
.
.
.
.
.
ใต้ฟ้าฝืนเดียวกัน ณ มุมหนึ่งของบ้านพักบนภู
เพียงฝนอิงแอบแนบชิดใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับการินทร์ ชายหนุ่มสังเกตว่าแววตาหญิงสาวดูมีความสุขอย่างประหลาดขัดแย้งกับเมื่อก่อน ระยะเวลาที่ห่างกันไปเพียงฝนจะคิดถึงเขาถึงเพียงนี้เชียวเหรอ
“ ฝนง่วงมั๊ย “
เขาถามเมื่อไม่มีอะไรที่จะชวนคุย ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจตัวเองถึงเควี้ยงคว้างขึ้นมาชอบกลทั้งๆที่ตอนนี้ได้สิ่งที่เป็นที่รักคืนมา แต่อะไรบางอย่างมันฟ้องว่าคนในอ้อมกอดตอนนี้แปลกๆไป
“ กานต์ง่วงแล้วหรือคะ “
เพียงฝนเงยหน้าขึ้นถามแต่อ้อมแขนกลับกอดรัดคนที่โดนถามแน่น
“ เปล่า ก็เห็นว่าฝนเพิ่งมาถึงไง กานต์ก็เลยอยากให้พักผ่อน เพราะนี่มันก็ดึกแล้ว “
“ แต่ฝน ยังไม่หายคิดถึงกานต์เลยนี่คะ ให้ฝนนอนกอดกานต์อีกซักนิดนะ “
“ มันแปลกๆนะฝน ถ้าใครรู้เข้าว่าไกลหูไกลตาผู้ใหญ่เราทำกันแบบนี้ ฝนจะแย่เอานะ “
“ ฝนเชื่อในความเป็นสุภาพบุรุษของกานต์ “
จบประโยคสายตาคนพูดดูเหม่อลอย การินทร์ให้เกรียรติเธอมาตลอด ระยะเวลาที่คบกัน ถ้าเธอไม่อนุญาต การินทร์ก็จะไม่แตะต้องตัวเธอแม้แต่ปลายก้อย
…เพียงฝนเธอมันตาบอดแท้ๆที่หลงผิดไปฝากชีวิตกับผู้ชายเห็นแก่ตัวคนอื่น …..
“ เป็นอะไรไปครับฝน “
การินทร์ติงเมื่อเห็นว่าคนที่โอบกอดเขาไว้กำลังเหม่อและแม้มริมฝีปากแน่นคล้ายๆว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
“ ปะ เปล่า ฝนง่วงแล้วล่ะ ฝนนอนนะ “
หญิงสาวพูดจบก็รีบพลิกกลายหันหลังให้คนถาม
..กานต์ ฝนจะบอกกานต์ยังไงดีว่าฝนท้อง….
ความเหนื่อยล้าและสับสนช่วยส่งให้หญิงสาวหลับลงไปง่ายดาย แต่ชายหนุ่มอย่างการินทร์กลับไม่อาจที่จะหลับลงไปได้
เพียงฝนดูต้องการเขาผิดจากที่เคยเป็น ยังไงๆเขาก็ดูออกว่าคนข้างๆตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแต่ความผูกพันเก่าๆที่เขาเคยมีมันก็ทำให้เขามองข้ามอาการแปลกไปเหล่านี้ได้ ดีซะอีกที่เพียงฝนรักเขา แล้วเฟื่องฟ้าล่ะ ถ้าได้รู้ว่าคนรักตัวจริงของเขากลับมาหาเขา และเขาก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ เขาจะบอกเฟื่องฟ้าว่ายังไง ชายหนุ่มกุมขมับ ถ้าพรุ่งนี้เช้า เฟื่องฟ้าเห็นเขาเดินคู่เพียงฝน เขาไม่อยากที่จะคิดในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
ผ้าห่มถูกสะบัดออกจากตัว ชายหนุ่มห่มผ้าผืนนั้นให้หญิงคนรักอย่างเพียงฝนก่อนที่จะพาตัวเองออกไปต้านลมหนาวด้านนอก
สายตาหันไปมองบ้านหลังที่อยู่ข้างหน้า เวลาที่สับสนแบบนี้เขามักจะคิดถึงรณวีย์ไม่รู้ทำไม
คนที่อยู่ข้างในจะหลับหรือยังไม่รู้ แต่ที่รู้เขาภาวนาให้ รณวีย์ยังไม่หลับ
การินทร์กำลังจะเดินไปยังจุดหมาย บ้านพักรณวีย์ แต่แล้วเขาต้องชงักเมื่อมองเห็นเงาลางๆของคนที่เดินมา ชายหนุ่มหลบในมุมมืด มองเงาที่เดินมาจนเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นใคร
ปลายภู กับ รณวีย์ กำลังเดินคู่กันมา สีหน้ารณวีย์เจือไปด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นรณวีณ์ถอดเสื้อคลุมตัวหนาส่งคืนให้ ปลายภู
…เสื้อตัวเองไม่มีหรือยังไงถึงไปอาศัยเสื้อนายนั่น ……
เขานึกค่อนแคะอยู่ในใจ อยากจะออกไปแขวะนัก ไอ้พวกสร้างภาพว่าตัวเองไม่ร่านผู้ชาย โธ่เอ้ย
“ อย่าคิดมากนะวี ลืมๆไปเถอะถือซะว่าโยนเรื่องเศร้าๆมาให้พี่แล้วก็แล้วกัน “
ปลายภูบอกคนตรงหน้ายิ้มๆ ความลับทุกอย่างถูกเปิดเผย รณวีย์กล้าที่จะบอกเขาเรื่องการินทร์ เขาก็ยอมที่จะบอกเรื่องราวของเขาที่เขาปิดมันเอาไว้ เมื่อได้คุยกันอย่างหมดเปลือก ชายหนุ่มดีใจที่รณวีย์อมรับที่จะเป็นน้องชายเขาแทนที่ปลายไผ่ ถึงแม้จะเป็นแค่ในนาม แต่แค่นี้เขาก็พอใจอย่างที่สุด
“ ครับพี่ภู “
รณวีย์ยิ้มรับ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมปลายภูถึงดีกับเขานัก อดีตในใจที่เจ็บปวดของเขาเทียบไม่ได้กับปลายภูเลยซักนิด ชายหนุ่มนึกละอายใจ จนสัญญากับตัวเองว่าต่อจากนี้จะลืมการินทร์ให้สิ้นไปจากใจเสียที เขามีแค่พี่ชายในนามที่ทำให้ชีวิตเขาดูมีคนห่วงใยก็น่าจะพอ
ปลายภู เดินแยกกลับไปแล้ว การินทร์ไม่รู้หรอกว่าสองคนพูดคุยอะไรกัน ชายหนุ่มรู้แต่ว่าตอนนี้ตัวเองขุ่นมัวกับภาพที่เห็นพอควร มันจะอะไรกันนักกันหนา พูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ได้ ทุเรศ ลูกกะตา