โอ๋ๆ ใครขาดน้ำตาล พรุ่งนี้เตรียมแก้วไว้ให้พร้อม
sayhi11 คนแรกใช่มั้ย จัดปะ
อรุณสวัสดิ์^^
***************************
ลมเหนือที่รัก
ตอน186 เก็ทค้าน
-----------------------------
get’s
ผมเก็ทครับ เราเพิ่งลงมาจากห้องข้างบนที่คอนโดพี่เหยี่ยว
ยังไม่มีแรงจะขยับไปไหนเนื่องเพราะไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก ที่สำคัญคือ
ช็อคกับความจริงที่เพิ่งได้รู้ได้เห็น กระแทกเต็มสองตา
ต่างคนต่างอยู่ในภวังค์ของตัวเองอยู่
พี่เจฟฟรี่กับพี่โจ๊กอยู่เชิงบันไดใกล้ระเบียง ติดผนังกันดั้มด้านโน้น
ฝั่งผมลูบหลังบีให้ซุกซับน้ำตาไหลอยู่ที่เดย์เบดด้านประตู
ใกล้กันคือพี่กาย ครองโซฟานอนแผ่หลาพาดแขนบังใบหน้าอยู่
แรกสุดผมเข้าใจว่าไอ้ลมอยู่หอพักละแวกนี้ ไม่คิดว่าอยู่กับพี่เหยี่ยวจริง
เพิ่งรู้ชัดก็ตอนพี่โจ๊กเผลอหลุดปากเมื่อเร็วๆ นี้เอง บีก็บอกอยู่เหมือนกันแต่ไม่เชื่อปักใจ
และไอ้ลมไม่เคยระบุจริงๆ เลยไม่ได้หาคำตอบจริงจังเท่าไร
ตราบที่มันยังไปเรียนสภาพสดใส มีจักรยานฟิกเกียร์คันเก่งคู่ใจ
ผมก็มีมารยาทพอไม่ละลาบละล้วงเพื่อนสนิทคนนี้
-----------------
นึกย้อนถึงวันก่อนๆ โน้น เหตุการณ์หลังผมไปถ่ายแบบที่ฮ่องกงกลับมา
ได้เงินก้อนแรกแล้วคาบข่าวร่าเริงบอกเล่าเพื่อน ถูกไอ้ลมสั่งให้ถอนออกมาใส่ซอง
ไปให้พ่อกับแม่ทันที ห้ามใช้เด็ดขาด
"ไปถอนออกมาให้หมดเลยเก็ท ไม่ก็ทำเช็คใส่ซองผูกโบดีๆ แล้วเอาไปให้พ่อกับแม่มึงเย็นนี้"
"ห๊ะ ทั้งหมดเลยเหรอ!?"
"เอ้อ เป็นลูกกตัญญูต้องทั้งหมด เย็นนี้ กูสั่ง ไม่มีต่อรอง ทำเลย" อ้าว ไอ้เพื่อนรัก
"เงินนี่นิดเดียวเอง แม่ให้เงินเดือนกูใช้ยังมากกว่านี้ด้วยซ้ำ" ผมท้วง เพราะแผนการในหัวงอกเงยหลายอย่าง มีเงินก็ต้องรีบใช้ซิครับ
"เก็ท มึงเชื่อกู มันไม่ใช่แค่ตัวเงิน พ่อแม่เขาดูมากกว่านั้น มึงจำที่กูเคยเล่าเรื่องกูกับแม่ไม่ได้เหรอ"
"เออ ก็ได้ เข้าใจ ไม่ต้องย้ำหรอก"
"ดี เย็นนี้นะ แบบหน้าระรื่นล่ะ แล้วโทรบอกกูด้วย" สั่งจริงว๊อย
"คร้าบ ไอ้คุณลูกกตัญญู" ผมรับปากจริงจัง นี่เป็นเพื่อนรึผู้คุมกฎวะ ไปเก็บกดจากไหนมาถึงมาลงตูมตามกันแบบนี้
ลมมันเท้าความเรื่องมันทำงานพิเศษงานแรก รับจ้างล้างจานในโรงเรียน
ตอน ม. 2 ให้ฟัง เดือนนั้นได้เงินร้อยกว่าบาทยกให้แม่หมด ทำเอาร้องไห้กันสองคนแม่ลูก
บอกแม่เอาซองวางหน้าหิ้งพระจนบัดนี้ เพื่อนเก็บมาเล่าให้ผมฟังด้วยความเป็นปลื้มอยู่นาน
แล้วสั่งผม หาเงินได้เองครั้งแรกสุดต้องยกให้พ่อกับแม่ก่อน
'กูมีแค่แม่คนเดียวยังปลื้มมากขนาดนี้ มึงมีทั้งพ่อ แม่ พี่ชายอีก กี่เท่าล่ะวะ...ต้องลองนะเว๊ยแล้วมึงจะรู้'
ผมจำประโยคกับหน้าตาสุขล้นโชว์พาวเป็นผู้ใหญ่ของมันได้ดี
เก่งนักเรื่องพูดอ้อมให้กำลังใจแต่กึ่งบังคับแกมเชิญชวนอยู่ในที
เพื่อนสาลิกาลิ้นทองของผม...ลมเหนือผู้คิดการไกลเป็นผู้ใหญ่กว่าใคร
------------------
แล้วเย็นนั้นผมก็ทำดังว่า เพียงแต่ไม่ใช่อย่างที่มันบอก ต้องเจ้าเล่ห์เล็กๆ
ตามสไตล์พี่ไอดอล พี่เหยี่ยวแนะนำครับ พ่อกับแม่น้ำตาซึม
พี่กายหัวเราะร่วนโอบกอด ตบบ่าน้องชายคนนี้ไปมาไม่หยุด
พ่อเอาไปเก็บในเซฟพร้อมเซ็นชื่อกำกับ เอาเทปกาวมาปิด
ชนิดจะไม่แกะออกเด็ดขาด บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสรวญเสเฮฮายิ่งกว่าปาร์ตี้แห่งความสุข
อาหารวันนั้นแยกแยะรสชาติไม่ออก เพราะมัน~อร่อยมาก^^
แทบอดใจรอที่จะโทรรายงานเพื่อนไม่ไหว...
"อ้ายยยย ล๊มมมม~555" ผมตะโกน รู้ว่ามันไม่ชอบแต่ยังทำ
"สัด หูกูเก็ท!"
"555 กูจัดการตามมึงสั่งแล้ว"
"อ้อ เยี่ยม ว่ามะ"
"แม่กูเช็ดน้ำตาป้อย พ่อเก็บเข้าเซฟไปแล้ว ไม่ดูด้วยซ้ำว่าเท่าไหร่ กูกินข้าวไม่รู้รสเลยว่ะ"
"เหรอ ไมวะ?"
"เพราะกู ปลื้มมากกกก อร่อยมากกกก 555"
"ตบรางวัลกูเลยเก็ท ไอเดียกู" นี่ล่ะเพื่อนผมตัวจริง รับฟังก่อนปล่อยให้พล่ามค่อยตามตลบหลังเม็ดเดียว
"ห่าน เพราะพี่เหยี่ยวกูหรอก" ผมแย้ง
"ไอ้เพื่อนนรก เดี๋ยวนี้มึงเชื่อพี่ไอดอลมึงมากกว่ากูเหรอวะ" เสียงไอ้ลมโวยเล็กๆ
"แหงดิ มึงบอกเช็คใบเดียวแต่ให้ทั้งหมด ต้องพี่เหยี่ยวนี่...กดเงินสดใส่ซองแค่เบาะๆ ไม่ต้องหมด เงินเหลือเพียบ 555" ผมสะใจ
"เออ จำไว้ ว่างๆ กูจะจับหักคอทั้งมึงทั้งพี่ไอดอลของมึงเลยว่ะ"
"โห ลม อย่างอนน่า พี่เหยี่ยวจะสอนกูด้วย ต้องวางแผนกันหน่อย"
"ตามใจ ได้คืบจะเอาศอกระวังดีๆ มีไรบอกป๋านะไอ้ลูกไก่...ว่าแต่ บี อยู่ไหนวะ?" ลมตัดบท
"อาบน้ำอยู่" ผมชายตาเข้าไปในห้องนอน เด็กน้อยน่ารักผิวขาวน่ากิน แค่คิดก็อดใจไม่ไหว
"อ้อ เมียไม่อยู่ ปล่อยเพื่อนกูลั้ลลา" เพื่อนในสายแซว
เพราะทราบเรื่องที่ผมขอพี่เหยี่ยวเล่นหุ้นให้ก่อนลงมือสอนจริงจัง
คงหลังจากนี้ซักระยะให้ผ่านโปรเรื่องเรียน เรื่องเล่นกีฬาของ ม. กับเรื่องงานนายแบบก่อน
กลายเป็นว่าผมปลื้มพี่เหยี่ยวมากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ
"ลม กูจะซื้อเชา ดี5 หรือพอลแฟรงค์ให้บีดีวะ?" ผมถามเรื่องของขวัญเซอร์ไพรสเด็กน้อย
จักรยานพับทรงสวยได้รางวัลดีไซน์การันตีจากยุโรป อีกยี่ห้อของลิงจ๋อหน้ากวน
ที่เด็กของผมสะสมแว่นตากับกระเป๋าอยู่
"รุ่นสีขาวที่มึงให้กูดูน่ะเหรอ" เพื่อนตื่นเต้น
"เออ แต่เด็กบอกทรงเหมือนผู้หญิง แต่กูชอบโครงมันสวยดี" ใจผมเทให้ DAHON มากกว่า
"เอาดิ กูหนับหนุน เดี๋ยวกูโทรบอกบอยเอาโบร์ชัวร์ของร้านมันมาเพิ่มด้วย"
"เยี่ยม พรุ่งนี้นะ"
เรื่องจักรยานไอ้ลมไวกว่าผมมาก มีบัดดี้บอยแห่งเอสไบค์เรียนคณะเดียวกัน
ได้ทีส่งเสริมกันเข้าไปใหญ่ คิดแผนว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว
กันท่าไอ้พวกปีเตอร์กับคนอื่นมาเกาะแกะช่วงผมวิ่งวอร์ม ทำเอาอยู่ไม่สุขเท่าไหร่
ตัวบีเองได้ออกกำลังกายด้วย จะได้ไม่ง๊องแง๊งเพราะไม่สบายบ่อยจนทำให้เป็นห่วง
(^^) กำไรเห็นๆ
"ได้ แต่ขอด่าหน่อย ได้เมียแล้วลืมเพื่อนนะมึง เมื่อเที่ยงวันก่อนพี่โจ๊กบ่นกะกู สองไชน่าดอลล์หายหัว" เพื่อนกับพี่โจ๊กเรียนคณะเดียวกัน คนละแต่ละคนสาขาวิชา
"แกเฉาปากอะดิ" ไม่ต้องเดาให้ยาก พี่ตากล้องจอมกวนแต่ขี้เหงาลึกๆ ไฮเปอร์ทำโน่นทำนี่เยอะแยะ
"นั่นแหละ ไม่มีคนลับฝีปาก กูฟังอยู่คนเดียวอานซะ" เสียงไอ้ลมหน่ายๆ แต่ปนหัวเราะขำ
"มิน่า เมื่อวานบึ่งมอไซค์ไปหากูถึงหอประชุมโน่น ซ้อมๆ อยู่หันมางง อ้าว พี่โจ๊กมาติดเด็กน้อยตอนไหนหว่า" ผมเล่ายาว เปี่ยมสุขไม่ปกปิด
เรื่องดีๆ กลุ่มคนรายล้อมดีๆ และที่สำคัญเพื่อนดีๆ เช่นลมเหนือ
จู่ๆ ก็นึกเป็นห่วงเพื่อนพันธุ์สงวนขึ้นมา...
"ลม แล้วมึงถึงหอยัง?"
"เฮ่ยๆๆ มาเรื่องนี้ได้ไง"
"กูแค่เป็นห่วง มึงกินอยู่ยังไง นอนที่ไหน?"
"ไม่ต้องห่วงเก็ท กูดูแลตัวเองได้" นี่ล่ะเพื่อน พยายามไม่ให้เป็นภาระ
"มึงไม่เคยบอกกูเลย หอมึงอยู่ตรงไหนกันแน่ อยู่ใกล้แค่นี้ก็ไม่พาไปดู"
"มึงพ่อก็รึเพื่อนกูเนี่ย จะครึ่งเทอมอยู่แล้วเพิ่งมาถาม 555"
"ไม่ต้องมาหัวเราะเลยลม มึงไม่เล่ากูก็นะ...มึงก็รู้" ผมไม่ต่อเพราะรู้จักเพื่อนคนนี้ดี
ลึกๆ แล้วมันขี้เกรงใจคน ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีเสียก่อน ย้ำบ่อยจนผมบ้าสิทธิส่วนบุคคลตามกัน
"เก็ท...มึงเพื่อนกู ย้ำว่ากูดูแลตัวเองได้ อย่างสบายมากๆ กูพวกสุขนิยม ถ้าต้องลำบากตัวเองกูไม่ทำเด็ดขาด มึงก็รู้"
"อืม..." ผมได้แต่รับฟัง
"มีอะไรมึงเป็นคนแรกที่กูคิดถึงเสมอ...เก็ท" ประโยคที่ซื้อใจผมหมดจด เลหลังยกดวง
นั่นล่ะลมเหนือ สุภาพ ไม่อ้อมค้อมและจี้ใจดำตรงเผง
เพื่อนคนนี้พูดจาภาษาพ่อขุน กู-มึงเฉพาะกับผม
พ่วงเพิ่มไอ้หมอกกับแก๊งไอ้เฟรมช่วง ม. 6 ก่อนจบนี่เอง
นอกนั้นใช้นายกับเรา ขนาดบอยและเพื่อนจักรยานที่สนิทด้วยยังใช้สรรพนามนี้ไม่เปลี่ยน
กับเพื่อนผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่ คุณ-ผม เหมือนห่างแต่ตามจริงถ้าใกล้ชิดลมจะดูแลเทคแคร์ดี
ชนิดผมเป็นชายเถื่อนถ่อยเทียบไม่ติด
.................
..................
ไม่เคยหลุดอารมณ์เสีย เป็นเจ้าชายมาดนิ่ง
ขีดกั้นระยะห่างไม่ยอมให้ใครล่วงล้ำได้ง่ายๆ
'กูเป็นแบบนี้ให้เห็น จะดี เลว สุภาพกับเขายังไงก็ทำอย่างงั้นเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยน เดี๋ยวเขาก็เกรงกูเองเชื่อดิ'
ลมเคยบอกผมเพราะเล่นถึงเนื้อถึงตัวกันบ่อย จนถูกหาว่าเป็นคู่เกย์
ที่ชอบเซอร์วิสสาววายเต็มโรงเรียน (รูปคลิปลามถึงนอกโรงเรียนด้วย ไม่อยากจะเล่า)
ทั้งที่นิสัยขี้หวงตัวของมันกับคนอื่นยังเต็มสิบคงเดิม
กับผมคนเดียวเท่านั้น...ที่ลมเข้าหาและไม่เคยระแวงระวัง
ว่ากันตามจริงแล้วคนเข้าหามันเยอะนะครับ ชนิดหัวกระไดไม่แห้ง
รูปร่างหน้าตาเป็นเลิศ ท่าทางสุภาพอ่อนโยน ไม่รวมการพูดจาเด็ดเดี่ยวของมัน
ดึงดูดเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันอย่างยิ่งยวด แต่กลับกริ่งเกรงไม่เข้าใกล้
เพราะความเสมอต้นเสมอปลาย วางตัวจัดไม่เปลี่ยน
ส่วนหนึ่งเพราะวิธีปฏิบัติกับบุคคลของมันด้วย กับคนทำนองต้องไม้ไหน
ต้องประมาณไหนถึงจะเอาอยู่ มักจะเล่าว่าถูกสอนจากบรรดาลุงป้าน้าอา พี่ๆ น้องๆ
เพื่อนร่วมก๊วนของแม่มาเล่าประสบการณ์ตรงอ้อมให้ฟัง
กลายเป็นว่าหล่อหลอมไอ้ลมให้เป็นผู้ใหญ่ทางความคิดตั้งแต่เด็กไปในตัว
เพื่อนกลายเป็นคนทันคน ดูเกมทะลุมากกว่าเสียอีก
แล้วโดนสอนมวยต่อมาอย่างช่วยไม่ได้ก็คือกระผม 'ไอ้เก็ทเพื่อนรัก' ของลมเหนือคนนี้
.....................
..........................
และเรื่องคาใจ...เรื่องที่บีเผยไต๋กับผม
เด็กกล้าท้าพนันชนิดที่คุณต้องอาย…เรื่องคนรักของลมจ๋า
ไม่ใช่แค่เด็กน้อยเก็บมาเล่า ข่าวคาวซุบซิบใน ม. ก็ว่อนไปทั่ว ‘เพื่อนผมเป็นคนของเหยี่ยว’
"ลม ตกลงมึงยังไงกับพี่เหยี่ยววะ?"
"เฮ๊ย!" เดาว่าโทรศัพท์ของเพื่อนฝั่งโน้นต้องหล่นจากมือแน่ๆ เพราะเสียงขาดหายไปเฉยๆ
"พี่ยา เอ-วาย เหยี่ยวขาว อาทิตย์ชิงดวง ไอดอลของกูน่ะ" ผมย้ำเพราะเห็นบีเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเลยเพิ่งนึกชื่อนี้ออก
"เหยี่ยวไหน๊!?" รู้ล่ะ หางเสียงสูงตื่นเต้นปิดไม่อยู่ขนาดนี้ ของจริงชัวร์ ผมจะได้กินพนันเด็กน้อยของแท้
"เออ ปิดเข้าไป จำไว้มึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อน!" ผมขู่
"อ่า เก็ท กู...มึงพูดงี้ดิวะ" ชัดเป๊ะ ไปไม่เป็นอย่างนี้ไม่ต้องถามเอาคำตอบก็รู้ล่ะ
"กูเป็นห่วง ช่วงนี้พวกเรายิ่งห่างๆ กันอยู่ด้วย"
คิวทองรัดตัว มันรับหน้าที่นักร้องวงดนตรีใหม่ของพี่เจฟฟรี่ ทางผมก็ยุ่งเรื่องลีด
บีก็งานเชียร์ ไกลกันโดยปริยาย
"เหอะ ได้ข่าวว่าวิดวะอยู่ใกล้ศิลป์สาดแค่ 30 เมตร พักเที่ยงทีไรเห็นหลังไวๆ นั่นไม่ใช่ซี้เก็ทกูเลยใช่มั้ยวะ!?" มีประชดเรื่องผมตามรับส่งอาหมวยเรียนบริหารฟากโน้นของ ม.
"555 ปากมึงนี่นะลม อยู่ใกล้ได้ดีด" ผมขำกับความช่างเยาะเย้ยถากถางไม่มีใครเกิน
"เอาน่าเก็ท มึงช่วยดูแลเด็กน้อยของกูดีๆ ก็พอ"
"เฮ๊ย นี่บีของกู ของมึงไรเล่า!?" มาวกหาคนตัวเล็กของผมได้ยังไง
"อะๆ อย่าเผลอล่ะ กูแทงข้างหลังมึงแน่"
"โว๊ย มึงนี่!" ผมโวย
"555"
ไม่รู้ว่าเป็นวิธีหลอกล่อให้ออกจากเป้าหมาย เพื่อนทำสำเร็จ
เพราะผมลืมเรื่องคำถามจะเอาเฉลยชื่อพี่ยา ชื่อนามของคนที่มันแอบรักไปเสียสนิทใจ
เราหยอกล้อกันต่อเล็กน้อย ลมแซวผมกับบีเรื่องบนเตียง เรื่องลับๆ
เราหัวเราะให้กัน...แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมหลุดประเด็นง่ายๆ
“ตกลงมึงไม่ต้องให้กูเป็นห่วงเรื่องมึงกับพี่เหยี่ยวใช่ไหม?” ผมกัดคอขาดตรงเผง ราชสีห์ล่าเหยื่อ
“ก็เออ กูจัดการได้” ห๊ะ-ห๊ะ-ห๊ะ ไอ้ลมว่าอะไรนะ!???
“แน่ๆๆ แน่ดิ” ผมติดอ่าง
“เหลือแค่บอกว่ารักเท่านั้นล่ะวะ”
จำไม่ได้ว่าอัดออกซิเจนเข้าปอดมากมายแค่ไหน หัวสมองว่างเปล่าขาวโพลน
ด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาหลากหลาย ในใจวนเวียนไปมา
‘ไม่น่าเชื่อ ในที่สุด เป็นความจริง ต้องใช่แน่ๆ’
คำพูดทำนองบอกเฉลยกึ่งสารภาพกลายๆ ปล่อยให้ผมคิดหาคำตอบสุดท้ายหัวแตกเอาเอง
มีลมเหนือคนเดียวในโลกที่หลอกล่อจนติดกับอย่างนี้ หนึ่งเดียวจริงๆ ไม่มีใครอื่น
“มึงๆๆๆ” ผมเหวอ
“กูรู้ว่ามึงจะไม่พูดอะไรกับใคร เพราะมึงรู้อยู่แล้ว ใช่ไหมเก็ท!”
“อ้า...” เพิ่งปรีเปรมว่าล้วงลูกเพื่อนรักได้หมาดๆ โดนตอกหน้าหงายกลับซ้ำถูกมัดมือชกทางโทรศัพท์
จังหวะก้อนเนื้อในทรวงอกเต้นเร็วแรงไม่เป็นส่ำ
ประโยคทิ้งท้ายของลมเหนือทำผมอึ้งทึ่งมึนงง รู้ว่าถูกสั่งให้เย็บปากแน่นหนา
ทราบนัยๆ ว่า ถ้าพูดบอกออกไปได้ตายหยั่งเขียด สภาพศพอนาถไม่มีชิ้นดี
ลมไม่เคยแสดงท่าทีโกรธจัดฟึดฟัดกับใครก็จริง แต่วิธีการเอาคืนของเพื่อนคนนี้
ช่างแสบสันต์ น่ากลัวถึงขีดมากๆ เป็นไปได้อย่าได้ลองเป็นอันขาด
มือถือถูกตัดสัญญาณตอนไหนก็ไม่รู้ จำได้แค่ว่าหลายนาทีที่พล่ามก่อนหน้า
ไม่เทียบเท่า 3-4 ประโยคจบสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ
............
................
นั่นเป็นช่วงตอนที่รับทราบความจริงจากปาก (อย่างอ้อมๆ) ของลมเหนือ
แต่ทว่าผมคล้ายลืมเลือนไปด้วยเพราะกิจกรรมทั้งหลายประดังประเดเข้ามา
ที่กว่านั้นคือผมเชื่อใจเพื่อนสนิทคนนี้มากกว่าสิ่งใด
กระทั่งวันนี้...ภาพในวีดีโอนั่น ถึงได้นึกออกว่าเพื่อนของผมหลงรักพี่เหยี่ยวคนนี้
มาเนิ่นนาน ไม่ใช่ระดับธรรมดาแต่ลึกซึ้งขั้นกว่าและฝังใจเนิ่นนานมาแล้ว
ตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งนาทีนี้ เหตุการณ์หมุนวนเวียนมาบรรจบให้ทั้งคู่พบเจอกันอย่างไม่น่าเชื่อ
...เพราะพรหมลิขิตแท้ๆ
ฟ้าส่งสองคนทั้งสองมาบนโลกใบนี้เพื่อเป็นคู่ของกันและกัน
ได้รักได้สมใจในเวลาเหมาะเจาะ แล้วสวรรค์จะใจร้าย
แยกพรากคนที่รักออกจากกันแบบนี้ได้อย่างไร
ผมคนหนึ่งล่ะที่จะยืนแถวหน้า...ขอค้านเต็มกำลัง!!!
V
V
V(ต่อ)


เครดิตรูปจาก บล็อคnycewheelsดอทคอม