เส้นบางๆ ... ที่กั้นระหว่างเรา
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เส้นบางๆ ... ที่กั้นระหว่างเรา  (อ่าน 140895 ครั้ง)

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
เรื่องนี้เขียนจบแล้วครับ  :a2: จะทยอยเอามาลงให้อ่านทุกวันนะครับ
รวมไปทั้งตอนพิเศษที่เพิ่งจะไปเจอมาเมื่อวานด้วย อิอิ
=============================================
-31-

การตัดสินใจนี้เล่นเอาผมเครียดจนนอนไม่หลับไปสองวันเลยครับ จนถึงไปปรึกษากับแม่ ซึ่งไม่นานผมก็ได้วิธีแก้ปัญหาที่น่าจะมาปรึกษาตั้งนานแล้ว นี่แหละครับที่เค้าเรียกว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน

ทันทีที่แม่รู้ ก็โทรไปหาเพื่อนที่รู้จักที่มหาลัย ขอให้ไปคุยเพื่อเลื่อนเวลาที่ผมต้องไปสอบสัมภาษณ์ให้ไปอยู่ในช่วงเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็คือห้าโมงครึ่งเย็น รวมไปทั้งโทรไปหาบราเดอร์ที่รู้จักกับที่บ้านให้ช่วยบอกกำชับกับทางคณะให้หน่อยว่าขอเลื่อน เนื่องจากมีเหตุจำเป็นจริงๆ (แอบใช้เส้นนิดหน่อย ไม่งั้นคงเลื่อนไม่ได้ อิอิ)

แล้วนั่นก็ทำให้ผมมีเวลาสอบภาษาอังกฤษประมาณสองชั่วโมง แล้วต้องรีบเผ่นไปแถวรามคำแหงภายในหนึ่งชั่วโมงเพื่อสอบสัมภาษณ์ต่อ เอาน่า ก็ยังดี เพราะยังมีเวลาได้ทำข้อสอบบ้างซึ่งผมคงไม่โง่ขนาดทำไม่ได้เลยหรอก

ผมก็กลัวเหมือนกันนะครับว่า ทำแบบนี้ไปจะทำให้เน่าทั้งสองที่ แต่ก็เป็นทางที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้แล้ว จากนี้ อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด เราก็คงได้แต่ยอมรับผลที่มันตามมาแหละครับ

ผมโทรไปบอกไอ้บาสเรื่องนี้ มันรับปากว่าจะมาขับรถมารับผมที่สถานที่สอบเอ็นซ์แถวจุฬา แล้วจะรีบบึ่งกลับไปมหาลัยภายในหนึ่งชั่วโมง
วันชี้ชะตาก็มาถึงจนได้ สำหรับวิชาอื่นๆ ผมก็ทำไปเต็มที่แล้ว จะติดที่ไหนก็ไม่รู้หรืออาจจะไม่ติดเลยก็ได้ แต่สำหรับภาษาอังกฤษวันนี้ มันก็ยากใช้ได้เลยครับ ทั้ง Grammar ทั้ง vocab โอ๊ย เครียด ไม่รู้เรื่องเลย พอออกจากห้องสอบก็รีบวิ่งไปหาไอ้บาสที่มานั่งรออยู่ที่โรงอาหารทันที

“เป็นไงมั่ง ต๋อง ทำได้รึเปล่า”

“ไม่รู้ว่ะ ทำไม่ค่อยได้เลยอ่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอ ถ้าไม่ติดก็ไปเรียนด้วยกัน”

“ว่าแต่ทำไมเมิงทำเสร็จเร็วจัง” ผมแปลกใจ เพราะไอ้บาสก็สอบเอ็นซ์เหมือนกันไงครับ ตามที่มันสัญญา ว่าปีนี้มันจะลองเอ็นซ์ด้วยกันอีกครั้ง

“ก็ทำไม่ค่อยได้ เลนออกมาเลย รีบไปเหอะ เดี๋ยวไม่ทัน” ไอ้บาสเร่งมาอีกครั้ง

อีก 40 นาทีต่อมาก็มาถึงมหาลัยที่ผมต้องมาสอบสัมภาษณ์ซึ่งสถานที่ผมใช้สอบก็คือ โรงละครของคณะที่ตึก E ชั้น 9 ซึ่งผมก็วิ่งตามหาให้ควั่กไปเลยครับ เพราะลิฟท์มันมีชั้น 8 หาชั้น 9 ไม่เจอ สอบตกแน่กูคราวนี้ จนเจอรุ่นพี่ใจดีคนนึงพาไป ซึ่งเค้าก็เป็นรุ่นพี่ในคณะที่ผมจะเข้าไปด้วย

“หวังว่าคงจะได้เจอกันนะครับ น้อง ...”

“ต๋องครับ พี่ ขอบคุณนะครับที่พามา”

“ไม่เป็นไรหรอก ที่นีมันทำคนงงมาหลายคนแล้ว”

พอผมรายงานตัวเสร็จก็ไม่เจอรุ่นพี่คนนนั้นแล้ว สงสัยจรีบ ผมเลยยังไม่ได้ถามว่าพี่เค้าชื่ออะไร หวังว่าผมคงสอบติดแล้วมาเรียนที่เดียวกับเค้านะ จะขอบคุณงามๆเลยครับ ถ้าไม่ได้เค้าผมคงแย่ เพราะห้องสอบสัมภาษณ์ไม่เจอ

ผมว่าที่นี่ผมคงไม่มีปัญหาหรอกครับ น่าจะได้แน่ๆ เพราะดูจากอาจารย์ที่สัมภาษณ์ผมก็ตอบได้ค่อนข้างดี ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ที่ต้องมีภาษาอังกฤษด้วย เพราะที่นี่การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดครับ ทุกวิชาเลย ถ้าไม่ได้เลยจะลำบากเอา ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมแอบหวั่นๆเหมือนกัน ภาษาไทยยังเรียนไม่ค่อยรอด จะเอาอะไรกับเรียนเป็ฯภาษาอังกฤษ แต่ก็คงสู้ตายล่ะครับ งานนี้

“เป็นไงมั่ง” ไอ้บาสถามผมทันทีที่ผมลงจากตึก

“น่าจะได้นะ ไม่มีปัญหาอะไร”

“ดีๆ จะได้มาเรียนที่เดียวกัน แต่เมิงน่าจะสอบเข้า BBA นะ จะได้อยู่คณะเดียวกันด้วย”

“เอาน่า มหาลัยเดียวกันก็น่าจะโอเคน่า กูไม่ชอบเรียนบริหารฯ ไม่ไหวว่ะ”

จากนี้ที่ผมทำได้ก็คือ นั่งรอผลสอบ ทั้งผลเอ็นซ์ ผลสอบที่ ABAC แล้วก็ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆม.ปลายที่เหลือให้เต็มที่อย่างใจจดจ่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2007 15:13:51 โดย ~ScAreD:SAcreD~ »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

.............อยากอ่านตอนพิเศษอ่ะ......... :m22: :m22:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
มารอตอนพิเศษด้วยคน  :a10: :a3: :a4:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
ตอนพิเศษ ขอตอนจบแล้วได้มั๊ยอ่ะ
มันไม่ได้มีฉากอัศจรรย์หรอกน่า แค่ไปเจอมันมาเฉยๆ แล้วก็มีกุ๊กกิ๊กนิดหน่อยเอง
เรื่องนี้ ตอนหน้าก็จะจบแล้ว ขอบคุณที่ตามอ่านกันมา แม้จะโพสไม่สม่ำเสมอเนื่องจากขี้เกียจแต่ง
ขออภัยด้วยและขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านนะครับ  o1
=================================================
-32-

เนื่องมาจากคุณนายแม่ของผมเป็นคนค่อนข้างกว้างขวาง เลยสามารถรู้ผลสอบก่อนคนทั่วๆไปประมาณ 2 วัน ซึ่งก็ยังไม่เป็นทางการอยู่ดี แต่ก็พอจะแน่ใจแล้วว่า ผมเอ็นซ์ติดแน่ๆ เพราะคะแนนสอบค่อนข้างดีใช้ได้เหมือนกัน ซึ่งก็จริงครับ ผมติดคณะที่เลือกเป็นอันดับสอง มนุษยฯ-สื่อสาร ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตามที่อยากได้ ส่วนที่ ABAC – Comm Arts Advertising ผมก็ติดเหมือนกันครับ เลยทำให้ต้องมาตัดสินใจอีกรอบว่าจะเลือกเรียนที่ไหน

ช่วงนี้ผมเลยไม่ได้ติดต่อกับไอ้บาสเลยครับ เพราะก็กลัวว่าคุยกับมันจะทำให้ผมตัดสินใจไขว้เขว ผมรู้ข่าวมาว่า มันเอ็นซ์ไม่ติดจากเพื่อนๆในกลุ่ม เลยคิดว่า มันน่าจะเรียนอยู่ที่เดิมนั่นแหละครับ

ผมตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่ แทนที่จะเป็นที่เชียงใหม่ ไม่ใช่เพราะมหาลัยที่โน้นไม่ดีนะครับ แต่ผมอยากเรียนที่กรุงเทพฯมากกว่า อีกอย่างไม่อยากทิ้งแม่ให้อยู่ที่นี่คนเดียว ถึงผมจะไม่ค่อยอยู่ แต่ก็ยังได้เห็นหน้ากันบ้างแหละครับ

การเลือกเรียนที่นี่ ผมต้องไปเข้า course ของมหาลัยจัดเอาไว้ให้เด็กใหม่ทุกคน เรียกว่า Intensive Course เพื่อเตรียมความพร้องก่อนเข้าเรียน และวัดผลภาษาอังกฤษและเลขด้วยว่าจะอยู่ระดับไหน

ทั้งการเรียนที่นี่ ทั้งต้องยุ่งกับเรื่องรับน้องที่ผมจะต้องเข้า Studio ของที่คณะเกือบทุกวัน เล่นเอาผมงอมไปเหมือนกันครับ ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย จนลืมไม่ได้ติดต่อกับไอ้บาสเลย

ผมได้เจอพี่คนที่พาผมไปที่ห้องสอบ และรู้ว่าพี่เค้าชื่ออะไรจนได้ พี่กุ๊ก ครับ ซึ่งโชคร้ายของพี่เค้าที่ได้ผมเป็นน้องรหัสพอดี แถมบ้านอยู่ไม่ไกลกันมาก ผมเลยได้อานิสงค์ติดรถพี่เค้ามาเรียนอยู่บ่อยๆ

เพื่อนๆที่นี่ก็ดีครับ สนุกและเป็นกันเองดี วันแรกๆผมก็ยังใส่ชุดนักเรียนมาเรียนนะครับ เพราะรู้สึกว่าอยากจะใส่มันให้นานที่สุดก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดนี้อีก แต่... ก็ใส่มาได้ไม่นานหรอกครับ ต้องเปลี่ยนไปใส่ชุดนักศึกษาแทน เพราะในคณะเองหรือเกือบทั้งมหาลัย คนใส่กางเกงน้ำตาล (โรงเรียนรัฐบาล) อย่างผมเนี่ย นับหัวแล้วมีไม่ถึง 5 คนเลย มีแต่กางเกงดำ กางเกงน้ำเงินทั้งนั้น เลยเกิดอาการกระดาก รีบไปหาเสื่อเชิ๊ต กางเกงสแล็กมาใส่เลยครับ

ที่นี่รับน้องกันไม่รุนแรงเท่าไหร่ ซึ่งก็ดีครับ ส่วนมากเป็นการทำความรู้จักกันเองในรุ่นและระหว่างรุ่นมากกว่า คณะผมเป็นคณะที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ทำให้จำนวนรุ่นพี่มีน้อย เลยต้องจำให้ได้ทั้งหมด ตั้งแต่รุ่น 1 ไล่ลงมาเลยทีเดียว แต่ส่วนมากผมก็ได้พี่กุ๊กที่เป็นพี่รหัสคอยช่วยอยู่ ไม่งั้นคงไม่รอดหรอกครับ ให้จำชื่อรุ่นพี่ให้ได้ทุกคนเนี่ย ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่นด้วย ไม่ใช่น้อยเลยครับ นรกชัดๆ

ผมใช้ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้ ห้องเรียน Studio บ้าน โดยที่ไม่ได้ติดต่อเพื่อนเก่าๆเท่าไหร่ เอาแต่สนุกกับชีวิตเด็ก Freshy ไปวันๆ สนุกกับการหาเพื่อนใหม่ๆ และกิจกรรมของคณะที่ผมไม่เคยได้เจอตอนเรียนมัธยม

กับไอ้บาสผมก็ไม่ได้โทรหามัน หรือติดต่อกับมันเลย ซึ่งนั่นเองก็ทำให้ผมถึงกับอึ้งทันที ที่ได้รับข่าวหลังจากที่เปิดเทอมไปแล้วว่า บาสไม่ได้เรียนอยู่ที่นี่แล้ว มันถูกรีไทด์หลังจากที่เรียนปี 1 จบเพราะเกรดของมันต่ำกว่า 1.5 และตอนนี้มันก็ย้ายไปเรียนที่ ม. เอกชนแห่งหนึ่งแถวๆรังสิตแล้ว

“บาส ทำไมเมิงไม่บอกกูล่ะ ว่าเมิงโดนรีไทด์น่ะ” ผมโทรไปโวยมัน หลังจากที่ผมรู้ข่าว

“แล้วเมิงไปอยู่ที่ไหนมา ไอ้ต๋อง เค้ารู้กันทั้งห้องแล้วว่า กูโดนรีไทด์ มีทั้งเลี้ยงปลอบใจกู อย่างไอ้แวนก็ไปเป็นเพื่อนกูหาที่เรียนใหม่ จนกูได้ที่เรียน”

“กูก็มีเรื่องของกูอยู่น่ะสิ ทั้งเรียน ทั้งรับน้อง แม่มยุ่งจะตาย เมิงก็รู้อยู่ว่าคณะกูมีรับน้อง แล้วทำไมเมิงไม่โทรบอกกูเรื่องนี้” จะว่าไป ผมก็เหมือนกำลังแก้ตัวอยู่แหละครับ

“แล้วทำไมเมิงไม่โทรหากูเองล่ะ”

“ก็กูเพิ่งบอกว่ากูยุ่ง กูจะไปตรัสรู้ได้ยังไงเล่า ว่าเมิงโดนรีไทด์น่ะ”

“ถ้าเมิงใส่ใจกูบ้างเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เมิงก็คงรู้ไปนานแล้วล่ะ”

คำๆนั้นที่ไอ้บาสพูดอกมาทำเอาผมสะอึกไปเหมือนกัน เพราะจะว่าไปอันที่จริง ผมก็ไม่เคยได้สนใจ หรือใส่ใจมันเท่าไหร่จริงๆนั่นแหล่ะครับ ก็ผมมันเป็นพวกไม่ชอบคุยโทรศัพท์ จะให้โทรไปถามสารทุกข์สุขดิบหรือคุยเรื่องโน้นนี้ ผมทำไม่ค่อยเป็น

ยิ่งผมไปเจอสังคมที่อิสระ เจอเพื่อนใหม่ๆ มันทำให้ผมห่างๆไปจากเพื่อนเก่าๆทุกคนจริงๆ เพราะอย่างตอนที่พวกมันนัดไปเขาใหญ่กัน ผมก็ไม่ได้ไปเพราะติดเรียน Intensive ที่นี่
ปรากฏว่าเพราะเรื่องนี้ทำให้ผมกับบาสยิ่งห่างกันออกไป ผมโกรธมันที่ไม่บอกว่าโดนรีไทด์ ทำให้ผมมาเรียนที่นี่คนเดียว ความฝันที่จะได้มาเรียนที่นี่กับมันพังทลาย

ส่วนมันก็โกรธผมเรื่องไม่ใส่ใจกัน ไม่สนใจตอนที่มันมีความทุกข์

สั้น – Flure

กี่วัน กี่คืน กี่ครั้ง ที่เราเคยสุขด้วยกัน
ตอนนั้น...ดั่งความฝัน

กี่เดือน กี่ปี เราสองผูกพัน
ฉันอยากกลับไปวันนั้น.... อีกสักครั้ง

มันจบลงไปแล้ว เธอจากฉัน...ไปแล้ว
สัมผัสที่เคยซึ้ง ยังติดตรึงในใจ....ของฉัน

เธอจะรู้ไหมว่าฉันต้องอ้างว้างสักแค่ไหน
หมดแล้ว ฉันไม่เหลืออะไร....อีกแล้ว
แต่อย่างน้อยฉันได้รู้จัก ความรักที่ลึกซึ้ง
ที่ฉันไม่เคยได้จากใคร เท่าเธอ... เท่าเธอ

กี่วัน ที่ตัวเธอนั้นจากไป
คงได้เจอะกัน อีกสักครั้ง

แม้จบลงไปแล้ว เธอจากฉัน...ไปแล้ว
สัมผัสที่เคยซึ้ง ยังติดตรึงในใจ....ของฉัน


ระยะห่างของผมกับบาสก็ยิ่งห่างกันออกไปทุกที เส้นบางๆที่เคยกั้นเราไว้ กลายเป็นรอยแยกที่ยากที่จะข้ามซะแล้ว เราสองคนไม่ได้คุยกันอีกเลย ขนาดไปเลี้ยงรุ่นหรือเพื่อนๆนัดกินข้าว ผมกับมันก็เลือกที่จะไม่ไป ถ้าอีกคนนึงไปร่วมงาน เลยกลายเป็นการรู้กันกลายๆในกลุ่มว่า งานไหนมีมัน จะต้องไม่มีผม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2007 14:49:27 โดย ~ScAreD:SAcreD~ »

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
อ้างถึง
เส้นบางๆที่เคยกั้นเราไว้
เส้นมันไม่บางแล้วนะ  มันหนาขึ้นไปเรื่อยๆ เฮ้อ :เฮ้อ:

anston

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้เข้ามาดู2วัน..มาต่อ2ตอนเลยเหรอเนี่ย.. o13
อุตส่าห์ฟันฝ่าอุปสรรคมาก็แล้ว..ยังไม่ได้เรียนที่เดียวกันอีก..
ต๋องก้อใจร้ายไปหน่อยนะ..มะแคร์ความรู้สึกของบาสบ้างเลย..
ยังงัยก็เพื่อนกันน๊า..มะง้อบ้างเหรอ :m21:
แล้วไงตอนนี้ถึงได้กลับมาคุยกันได้อีกหล่ะ..
ยังงัยก็รอตอนจบน๊า..ตอนพิเศษด้วย..อยากรู้แย้วววว :m23:

ปล.มิวายเพ้อถึงเอก(ตอน 31 )นะ..แหม..รักกันจริง.. :a14:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2007 03:18:40 โดย anston »

kimsumsoon

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ใช่เส้นบางๆแล้วค่ะ
แต่ว่ารักมันถึงทางตันแล้วต่างหาก

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...........มันถึงทางตันแล้วหรอ........... :o12: :o12:

ตามมาดู

  • บุคคลทั่วไป
มาทำหน้ที่แฟนขับที่ดี คือ
 1. ดันไม่ให้ตกหน้า 2 เด๋วเฮียแกจะน้อยใจ ..
 2 จับผิด อิอิ ... ช่วงนี้ in love ถึงขั้นแน่ๆ อิอิ

ผมโทรไปบอกไอ้เอกเรื่องนี้ มันรับปากว่าจะมาขับรถมารับผมที่สถานที่สอบเอ็นซ์แถวจุฬา แล้วจะรีบบึ่งกลับไปมหาลัยภายในหนึ่งชั่วโมง
วันชี้ชะตาก็มาถึงจนได้ สำหรับวิชาอื่นๆ ผมก็ทำไปเต็มที่แล้ว จะติดที่ไหนก็ไม่รู้หรืออาจจะไม่ติดเลยก็ได้ แต่สำหรับภาษาอังกฤษวันนี้ มันก็ยากใช้ได้เลยครับ ทั้ง Grammar ทั้ง vocab โอ๊ย เครียด ไม่รู้เรื่องเลย พอออกจากห้องสอบก็รีบวิ่งไปหาไอ้บาสที่มานั่งรออยู่ที่โรงอาหารทันที


 ปล อิจฉาคนมีฟามรัก ...  :m12:

anston

  • บุคคลทั่วไป
 o12ไหนว่าจะทยอยเอามาลงทุกวันงายยยย..
ไม่อยากทวงหรอกนะเนี่ย.. :m14:
แต่เห็นว่าเขียนจบแล้ว..ชิมะจ๊ะ o16

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
จากเส้นบางๆ ก็กลายมาเป็นเส้นหนาๆ 

คั่นกลางทั้งสองคนไปแล้ว

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
เหอ เหอ ผิดนิดผิดหน่อย  :m29: ตามตาดีจัง อิอิ
ไม่แก้ตัวครับ เอ๋อจริงๆ  :a6:

ตอนสุดท้ายแล้ว ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะครับ
================================
-33-


หลังจากนั้นผมก็ได้ยินมาว่า มันมีแฟนไปแล้ว แล้วหลังจากเรียนจบมันก็บินไปเรียนต่อโทที่อเมริกา ส่วนผมก็ยังคงเฮฮา บ้าพลังกับเพื่อนๆทั้งในคณะ ทั้งเพื่อนเก่ามาเรื่อยๆ จนวันนี้ วันที่ผมได้กลับมาเจอบาสอีกครั้ง หลังจากที่ผมไม่ได้เจอมันเลยเกือบ 10 ปี ความรู้สึกเดิมๆที่ผมเคยรู้สึกกับมันพร่างพรูออกมามากมาย จนผมอดไม่ได้ที่จะต้องระบายออกมาทางนิยายเรื่องนี้

มันทำให้ผมยิ่งเศร้าเข้าไปใหญ่ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่า มันมีความหมายในชีวิตของผมมากมายขนาดไหน ความสัมพันธ์ของผมกับมันที่คลุมเครืออยู่ระหว่างคำว่า “เพื่อน” กับ “คนรัก”

สำหรับคนบางคน เส้นบางๆเส้นนั้นมันอาจจะชัดเจนจนถึงขั้นเพื่อนก็คือเพื่อน ไม่มีวันทางที่จะเป็นคนรัก แต่บางคนความรักมักพัฒนาความสัมพันธ์มาจากคำว่า “เพื่อน”

ผมกับบาสเคยข้ามเส้นแบ่งนี้ระหว่างเขตแดนของมิตรภาพ มาจนถึงดินแดนแห่งความรัก เราสองคนมาไกลจนเกินที่จะกลับไปอยู่ในจุดเดิมอีก ความเจ็บปวด ความไม่เข้าใจกันมันก็เริ่มมาจากตรงนี้เอง

เราไม่ได้อยากย้อนกลับไปเป็นเพื่อนกัน แต่เราก็เลือกที่จะไม่พัฒนาความสัมพันธ์แบบนี้ต่อไป เพราะความกระอักกระอ่วนในใจของเราเอง ไม่กล้าที่จะจับมือกันเดินหน้าต่อไป ไม่แน่ใจในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน และเลือกที่จะเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ในใจ

“บาส เดือนธันวาไอ้ต้ามันจะแต่งงานนะ ที่หัวหิน เมิงจะไปรึเปล่า” ผมบอกมันหลังจากที่เรากำลังจะแยกย้ายกลับบ้านหลังเสร็จงานบวช

“ไม่รู้สิ คงต้องดูก่อนว่าว่างรึเปล่า แต่ช่วงนั้นน่าจะยุ่งนะ”

“ก็ถึงรีบบอกก่อนไง จะได้เคลียร์งาน”

“แล้วต๋องไปรึเปล่า”

“ไปดิ ถึงได้ชวนไง จะได้ไปเจอกันที่โน้น” ผมตอบกลับไปขณะที่มันจะขึ้นรถ

“บาส ไปได้รึยัง ร้อนนะ” ไอ้ชัชโวยวายมาจากในรถ

“เออ เดี๋ยวโทรคุยกันนะ ต๋อง เราไปก่อนนะ แล้วค่อยนัดเจอกัน” ไอ้บาสมุดตัวเข้าไปในรถพร้อมๆกับสตาร์ทรถขับออกไป

ผมมองรถของไอ้บาสที่ขับออกไปจากวัด ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะโทรหาผมได้ยังไง ทั้งๆที่มันไม่มีเบอร์มือถือผมซะหน่อย แล้วมันจะติดต่อผมได้ยังไง นู๋มาลีตะโกนมาถามเวลาว่ากี่โมงแล้ว แต่ในตอนนี้ผมคงไม่มีอารมณ์ตอบคำถามมันสักเท่าไหร่หรอก

เพราะผมไม่อยากมองนาฬิกาบนข้อมือเลย
เพราะตอนนี้เข็มนาฬิกามันเดินไปข้างหน้า
แต่ว่าผมอยากให้เวลาเดินถอยหลัง

“ไอ้ต๋อง กี่โมงแล้ว แกจะไปสยามด้วยกันรึเปล่า” เสียงของนู่มาลีโวยมาอีกครั้งทำให้ผมตื่นจากร่องรอยในอดีต

ในตอนต้นของเรื่อง ผมยกเอาประโยคที่สุนัขจิ้งจอกคุยกับเจ้าชายน้อยจากเรื่อง “เจ้าชายน้อย” มาอธิบายความรู้สึกของผมที่ได้รู้จักกับบาส

แต่ตอนนี้ เจ้าชายน้อยของผมเดินทางกลับไปดาว B612 ไปแล้วครับ บทสรุปของความรักครั้งนี้ผมคงไปคาดเดามันไม่ได้ เส้นบางๆที่กั้นผมไว้กับบาส หรือแม้แต่คำถามของบาสว่า ผมกับมันเป็นอะไร ถ้าไปถามบาส คำตอบที่ได้ของเราสองคนก็คงไม่เหมือนกันอยู่ดี

สำหรับใครที่อ่านเรื่องนี้ ผมอยากจะบอกแค่ว่า บอกเค้าไปเถอะครับ ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองให้มากกว่าความรู้สึกของคนอื่นๆ ผมเก็บความรู้สึกของตัวเองมาตลอด โดยที่ไม่กล้าบอกบาสออกไปว่า ผมชอบและแคร์มันมากมายแค่ไหน แล้วสิ่งที่ผมได้มาก็คือ ผมหมดสิทธ์ที่จะได้มีช่วงเวลาที่ดีๆกับมันนานกว่านี้

งานบวชในวันนี้ให้อะไรผมมากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก ผมรู้สึกว่า เมื่อเวลาที่เราสูญเสียใครไปบางคน ภาพที่เคยเห็นกันด้วยสายตามันก็ต้องจางและเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ภาพที่อยู่ในความทรงจำนั้น มันค่อยๆก่อตัวในหัวใจ ผมกับบาสต่างก็ได้เก็บความรู้สึกที่มีต่อกัน เก็บความสุขที่เคยมีร่วมกัน ภาพเหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องปรากฏกับสายตา เพราะมันจะอยู่ในใจเราไปตลอด และไม่มีวันที่จะลืมเลือน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นหน้าใครคนนั้นอีกก็ตาม

“เฮ้ย รอกูด้วยดิ นู๋มาลี กูไปสยามด้วย เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันแล้วดูหนังกันนะ” ผมตะโกนบอกมันไป แล้วก็ขับรถอกไปจากวัด

ความทรงจำสีขาว – ปาล์มมี่

ใครคนหนึ่งคนนั้น ในวันหนึ่งวันนั้น
เคยผูกพันกันซะมากมาย
พอวันที่ห่างเหิน มันก็เริ่มห่างหาย
เพียงแค่เพราะเราไม่เจอะกัน

ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักไส
หรืออะไรทั้งนั้น
เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น
รู้ว่ามันไม่ไปไหน

แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนี้
ในภาพทรงจำสีจางๆ
เหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนราง
บางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป

ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักไส
หรืออะไรทั้งนั้น
เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น
รู้ว่ามันไม่ไปไหน

แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนี้
ในภาพทรงจำสีจางๆ
เหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนราง
บางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป

ในความทรงจำสีจางๆ


=================================================
จบล่ะครับ เรื่องง่อยๆของผม  :a1:

ส่วนเรื่องตอนพิเศษที่เพิ่งผ่านมา เด๋วจะเขียนเอามาเล่าให้ฟังนะค๊าบบ

three

  • บุคคลทั่วไป
ได้อ่านเป็นครั้งแรกประทับใจมากๆครับผม :m3:
ขอบคุณมากๆนะครับที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านกัน  o1

T-Jang

  • บุคคลทั่วไป
มันคงเป็นพรหมลิขิตมากกว่าที่ทำให้ต๋องไม่บอกความรู้สึกบาสไปในวันก่อน



แต่ยังไงพอคิดถึงอดีตที่ดีๆต๋องก็ยังมีความสุขไม่ใช่เหรอ ถึงได้มาเขียนได้ในวันนี้ :undecided:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุดแล้วกันนะป๊อม

ส่วนอดีตก็เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีๆ ก็แล้วกัน

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
สู้ๆ ต่อไปค่ะ

 :a1: :a1:


รอตอนพิเศษๆ  :m18:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
อย่าคาดหวังอะไร XXX นะครับ
เพราะมันไม่มีหรอก 555
=====================================
-ตอนพิเศษ 1-

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากแคนาดาเชิญไปงานแต่งงานจากไอ้ต้า เพื่อนสมัยม.ปลายที่หัวหินครับ ไอ้ต้าเป็นเพื่อนกลุ่มๆเดียวกันนี่แหละครับ แต่บ้านมันโคดรวย ไปเรียนต่อแคนาดาทันทีที่เรียนจบม.ปลาย คราวนี้มันกลับมาจัดงานแต่งงานที่นี่ กับเจ้าสาวสุดสวยของมัน (ก็รุ่นน้องที่โรงเรียนพวกผมนั่นแหละครับ) มันเลยขอสร้างความลำบากให้เพื่อนๆนิดหนอย เพราะท่านอยากจะโรแมนติก จัดงานแต่งงานริมทะเลครับ ตามใจเจ้าสาว ไอ้พวกผมที่บังอิญเป็นเพื่อนแสนดี ก็ต้องถ่อไปถึงหัวหินดิครับ

ก่อนหน้านั้นผมกับคุณเอกเกิดอาการงอนกันเล็กน้อย เลยกะว่าจะให้เอกไปด้วย ขับรถกันไป 2 คน แล้วผมค่อยแว่บมางานแต่งงานไอ้ต้าสักสองชั่วโมง หลังจากนั้นผมค่อยไปฮันนีมูนส่วนตัวของผมเอง อิอิ

แต่มันดันผิดแผนอ่ะดิครับ เนื่องมาจากตอนแรกผมกะจะไปค้างที่ห้องเอกก่อน 1 คืน แล้วค่อยขับรถไปตอนเช้า แต่บังเอิ๊นมีโทรศัพท์เรียกตัวด่วนไปปฏิบัติภารกิจที่ อตก. ซะก่อน ทั้งๆที่คืนวันศุกร์ก็ซัดกันมารอบนึงแล้วนะ งานนี้ 2 คืนติดเลย ไอ้ผมมันก็ขัดเพื่อนไม่ค่อยเป็นด้วยสิ เลยโทรไปบอกว่า ขอไปเที่ยวก่อนคืนนี้ แล้วเด๋วพรุ่งนี้ไปรับ

“ไปตายอยู่ที่ร้านเหล้าเลย ไป วันพรุ่งนี้ไม่ต้องมารับนะ ไม่ไปด้วยแล้ว จะนอน” เป็นไงครับ คำตอบจากคุณชายเอกที่รักของผม เล่นเอาหน้าหงายไปเลย สรุปทริปฮันนีมูนของผมล่มครับ แฮะ แฮะ

เช้าวันนั้นเลยโทรไปหาเพื่อนๆคนอื่นๆว่าใครไปมั่ง จะขอติดรถแล้วไปนอนด้วยเลย ได้เรื่องครับ มีเพื่อนกิ๊ก สาว โน้ต ที่ขับรถไปด้วยกัน แล้วค้างกันที่คอนโดไอ้สาวเลย ผมเลยขอไปแจม อิอิ ตังค์อยู่ครบด้วย ไม่เปลืองดี
ผมขับรถไปหาสาวที่บ้านมันครับ แล้วเอารถมันไป ตอนที่ขับรถผมก็รู้สึกเคืองๆตา เลยเปลี่ยนให้ไอ้โน้ตมาขับ ส่วนผมขอโทรไปเช็คอาการเพื่อนในเล้าที่ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อคืนซะหน่อย

“เฮ้ย ร. เมิงเป็นอะไรรึเปล่าว่ะ กูผื่นขึ้นเต็มหน้าเลย สงสัยเพราะเหล้าเมื่อคืน เนี่ยเจ็บตาด้วย” ผมโทรไปถามเพื่อนในเล้าคนนึง

“โดนเหล้าปลอมเปล่าวะ เนี่ย เค้าบอกว่าแถวอตก.ระบาดด้วย กินแล้วระวังตาบอด” เชี้ย ไม่รู้จะด่ามันภาษาไหนดี กูยิ่งกลัวๆอยู่ มาขู่ซะงั้น

คงไม่ใช่หรอก นอนไม่พอมากกว่ามั๊ง ผมปลอบใจตัวเองหลังจากที่วางสายไป

ตาผมเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับผื่นแดงที่ใต้ตาเริ่มเห็นชัดจนเพื่อนๆที่นั่งมาด้วยกันถาม

“ไปหาหมอมั๊ย ต๋อง” กิ๊กถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอก เด๋วนอนก็หายแล้ว” ซึ่งผมหวังอย่างงั้นจริงๆนะ

“แล้วนี่งานนี้มีใครมามั่งอ่ะ ไอ้ต้ามาจัดงานซะไกลเลย ใครจะนอนคอนโดแกมั่งเนี่ย” ผมถามไปเพื่อหาเรื่องคุยระหว่างทาง เพราะดูๆแล้ว ไอ้โน้ตเมื่อคืนก็น่าจะหนักอยู่ เพราะดูตามันเนี่ย ไม่ต่ำกว่า 2 ขวดแน่นอน

“ที่รู้ก็มีพวกไอ้แวนอ่ะ มากันครบ แล้วก็พวกไอ้กอล์ฟนะ น่าจะค้างที่คอนโดชั้นหมด เพราะพวกมันโทรมาบอกแล้ว” อ้าว แล้วชื่อไอ้บาสล่ะ ผมสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

“แล้วก็มีเต๋ากับแฟนก็มานอนด้วยนะ” สาวบอกเพิ่มเติม

“โห แล้วจะนอนกันพอหรอ เด๋วกูไปนอนโรงแรมที่กูจองเอาไว้ก็ได้นะ” ผมเริ่มเกรงใจ เพราะผมเพิ่งโทรมาบอกมันเมื่อเช้านี่เอง

“จะบ้าหรอ ไม่เป็นไรหรอก เด๋วเมิงนอนห้องพวกกูก็ได้ ถือป่ะล่ะ” กิ๊กพูดอย่างไม่ได้รู้สึกเลยว่า พวกมันเป็นผู้หญิง

“เกรงใจพวกเมิงว่ะ กูเพิ่งมาแจมแบบนี้ พอดีเพื่อนกูมันเบี้ยวน่ะ โทษนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เออใช่ ไอ้บาสกับไอ้แวนมากันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ มันจะมาค้างด้วยรึเปล่า” สาวที่รัก ในที่สุด เมิงก็พูดถึงคนที่กูอยากรู้จนได้

“ไม่รู้ดิ เด๋วไปถึงค่อยโทรหาพวกมันก็ได้”
เรามาถึงชะอำประมาณ 11 โมงครึ่งครับ เลยกะจะแวะกินข้างเที่ยงกันที่นี่เลย แล้วค่อยเอาของไปไว้ที่คอนโดสาว พักผ่อนนิดหน่อย แล่วค่อยเปลี่ยนชุดไปงานแต่งงานกัน เพราะงานไอ้ต้าเริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็น

เรานั่งกินข้าวที่ร้านไทย-ญี่ปุ่นที่นึงที่ชะอำ จู่ๆ ในขณะที่พวกผมกำลังกินข้าวกันอยู่ โทรศัพท์ของสาวก็ดังขึ้น มันคุยอยู่สักพักพร้อมอธิบายทางมาที่ร้าน พอมันวางสาย มันก็หันมาบอกคนในโต๊ะว่า ไอ้บาสกับไอ้แวนจะมากินข้าวด้วย แล้วจะเอาของไปที่คอนโดสาวเลย เพราะมันจะนอนค้างด้วย

เยสสสสสส !!! ไอ้บาสมาค้างด้วย หุหุ ผมอดดีใจไม่ได้ แต่ไม่ได้แสดงออกไปจนนอกหน้านะครับ แต่ประโยคถัดมาเล่นเอาผมใจสลายไปเลย

“ไว้แวนค้างคนเดียว ส่วนไอ้บาสจะขับรถกลับเลยหลังจากงานแต่งงานเสร็จตอนสามทุ่ม” ไอ้สาวพูดต่อ

อ้าว เซ็งเป็ดเลยดิ (ขอยืมมาใช้หน่อยนะครับ เป็ด อิอิ) ได้ไงวะ

นั่งกินกันไปซักพัก ก็มีรถมาจอดหน้าร้านครับ แน่ๆเลยไอ้บาสชัวร์ แล้วก็ บิงโก ใช่จริงๆครับ ไอ้บาสของผมใส่เสื้อกล้ามพร้อมเสื้อเชิ้ตแขนสั้งคลุมเอาไว้ กับกางเกงสามส่วน น่ารักโคดๆ เดินเข้ามาในร้าน

“อ้าว ต๋องมาด้วยหรอ” ไอ้บาสทักผมทันทีที่เห็น

“แหม ไอ้บาสคนอื่นไม่ทักเลยนะ เมิง นั่งหัวโด่กันอยู่เนี่ยอีกตั้งสามคน” นู๋กิ๊กแขวะทันที

“ก็กำลังจะทักนี่ไง พวกเมิงนี่ อะไรกันวะ”

“ก็คนเค้าเคยสนิทกัน” นู๋สาวได้ทีแซวต่อ

ส่วนผมขอเงียบปากเอาไว้ดีกว่า เดี๋ยวยิ่งไปเถียงก็ยิ่งไปกันใหญ่

“กินอะไรกันมั่งอ่ะ กินด้วยคนดิ” ไอ้บาสไม่พูดเปล่า หยิบเอาส้อมไปจิ้มเนื่อในจากของผมเข้าปากหน้าตาเฉย

“อ้าว กูยิ่งหิวๆอยู่ สั่งเองดิวะ” ผมเริ่มเกิดอาการหวงของกิน

“แค่นี้ก็ต้องหวงด้วย สั่งเองก็ได้วะ” ไอ้บาสทำเป็นบ่นพร้อมหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวถัดไปข้างๆผม

“แล้วพวกเมิงมาทำไมกันตั้งแต่เมื่อวานวะ” ไอ้โน้ตถาม ในที่สุดมันก็ตื่นจนได้ เย้
“ไม่มีอะไรทำ เลยมานั่งกินเหล้ากับไอ้ต้ามัน” ไอ้แวนตอบแบบกวนตามประสามันแหละครับ

“แล้วไอ้ต้าเป็นไงมั่ง”

“ก็เหมือนเดิม ไม่ได้เจอมันตั้งนาน ไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่”

“เมิงจะกลับคืนนี้เลยหรอ บาส” นู๋สาวถามต่อ แหม วันนี้เมิงได้ใจกูมาก สาว ตรงประเด็นไปสองรอบล่ะ

“อือ” ไอ้บาสตอบมาสั้นๆ

“แล้วเมิงจะขับไหวหรอ ดึกแล้วนะน่ะ แล้วเด๋วก็ต้องซัดเหล้ากันด้วย”

“ทำไม เป็นห่วงหรอ จะได้ไม่กลับ”

“เออ ห่วงดิ ทางมันยิ่งเบี่ยงเยอะๆอยู่ ขับตอนกลางคืน เมาๆ มันอันตราย” ผมพูดเพราะเป็นห่วงมันจริงๆ

“ถ้างั้น กูค้างก็ได้ แต่ตอนนี้ขอถอนก่อน แวน เบียร์ม่ะ” ไอ้บาสหันไปชวนไอ้แวนกินเบียร์เป็นเพื่อน

กินเข้าไปนะ เมิง กูจะได้ไม่เสียเวลามานั่งมอม หึหึ

พอกินข้าวกันเสร็จ พวกผมก็เข้าไปที่คอนโดของนู๋สาวกันก่อนครับ ส่วนไอ้บาส ไอ้แวนแล้วก็ไอ้โน้ตขอไปช๊อปกันที่ Premium Outlet กันก่อนแล้วถึงตามเข้าไป

พวกผมมาถึงที่คอนโดของสาวตอนบ่ายสองครับ คอนโดมันมีทั้งหมดสามห้องนอน อยู่ชั้นสูงสุดเลย ลมรงได้ใจดีมากๆ สาวกับกิ๊กไปจองห้องนึง ส่วนผมขอจองอีกห้องก่อน พอจัดของ เอาสูทใส่ในตู้เสร็จ ไอ้ต๋องก็สลบไปเลยครับ ง่วงมากมายเพราะเมื่อคืนก็หนักใช้ได้เหมือนกัน แถมยังเจ็บๆตาดี ขอพักผ่อนก่อนดีกว่า

ผมตื่นมาอีกทีเพราะได้ยินเสียงกุกกักในห้องครับ ลืมตามาก็เห็นไอ้โน้ตกับไอ้บาสเอากระเป๋ามาวางในห้อง

“เสียงดังหรอ ตื่นเลย โทษวะ” ไอ้โน้ตพูดพลางนั่งลงบนตียงผม

“เปล่าหรอก แล้วได้อะไรมามั่งอ่ะ”ผมไม่ค่อยสนใจหรอกครับ ถามไปงั้นแหละ เพราะพรุ่งนี้พวกผมก็แวะกันอยู่แล้ว แค่ทักพอเป็นพิธีไม่ได้อยากรู้ กูขอนอนดีกว่า

“กูไม่ค่อยได้หรอก ไอ้บาสดิ ซื้อโคดเยอะเลย”

“ไปอาบน้ำก่อนไป  กูจะได้อาบต่อ” ไอ้บาสพูดกับไอ้โน้ตเบาๆ ผมได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำแล้วก็รู้สึกว่าเตียงผมยุบลงไป

“ต๋อง เหยิบหน่อย ขอนอนด้วคนดิ”

“เมิงไปนอนอีกเตียงดิ มันว่างไม่ใช่หรอ จะมาเบียดกูทำไมอ่ะ”

“ลืมตาหันไปดูก่อนเลย มันนอนได้ซะที่ไหนล่ะ” ไอ้บาสพูดจบ ก็จับหน้าผมหันไปดูอีกเตียงนึง มันจะว่างได้ยังไงล่ะ ก็คุณเล่นเอาของที่เพิ่งซื้อมาไปกองสุมๆกันซะขนาดนั้น มันคงจะมีที่นอนหรอ ท่าน

“งั้นนอนนี่ไป กูไปอาบน้ำอีกห้องก่อน เด๋วไม่ทัน” ผมพูดก่อนลุกไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำไปอาบอีกห้องนึง จากนั้นก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันนอนรึเปล่า เพราะผมไปเม้าท์กับพวกสาวๆในห้อง จนได้เวลาไปที่โรงแรมกัน ถึงเปิดประตูออกมานอห้อง

โห นายบาสของผมหล่อโคดๆในเสื้อสูท ข้างในสีฟ้าอ่อนๆครับ ไม่เคยเห็นมันใส่ชุดแบบนี้เลย เล่นเอาผมมองตาค้างไปเลย เฮ้อ ดูดีจัง

เราเอารถไปที่งานสองคันครับ รถแวนกับรถสาวเพราะไม่รู้ว่าต้องขนคนกลับกันมาอีกเท่าไหร่ ระหว่างทางไปโรงแรม ผมรู้สึกว่าตาผมมันแย่ลงไปเรื่อยๆ เพราะมันมีขี้ตาออกมาตลอดเลย แล้วยังเจ็บๆตาตลอดเวลาอีกด้วย เฮ้อ ชักเสียวๆที่ไอ้ ร. มันบอกแล้วดิ มันจะบอดมั๊ยเนี่ย

งานของไอ้ต้าจัดได้น่ารักมากๆครับ จัดกันริมทะเลเลย มันแต่เพื่อนๆและคนในครอบครัว เป็นงานเล็กๆ มีแค่ 9 โต๊ะเอง ที่เหลือจัดเป็นซุ้มอาหารต่างๆ มุมถ่ายรูปของบ่าว-สาว ของชำร่วย ในงานก็มีรูปของมันกับเจ้าสาววางเต็มไปหมดให้เพื่อนๆได้เลือกหยิบตามใจชอบ


ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
จะได้จบๆเนอะ เขียนเรื่องใหม่ดีก่า อิอิ  :a3:
===================================
- ตอนพิเศษ 2 –

ดอกกุหลาบสีขาว ทะเลสีฟ้า หาดทรายที่ไกลสุดตา ช่วยสร้างบรรยากาศให้งานแต่งงานของไอ้ต้าโรแมนติกแบบสุดๆ บทเพลงจากเวทีเล็กๆที่อยู่มุมนึงของงาน ส่งเสียงเพลงเพราะๆออกมากล่อมแขกที่มาร่วมงาน

เพื่อนเจ้าสาวมาบอกว่ากลุ่มเรานั่งอยู่ที่โต๊ะไหน แล้วส่งขวดเล็กๆมาให้พวกเรา กระซิบบอกว่า เป็นบับเบิ้ล (ฟองสบู่นั่นแหละครับ) เอาไว้เวลา บ่าว-สาวเดินเข้างาน โห น่ารักเชียว อย่างงี้ไอ้ต้าคิดไม่ได้แน่ๆ ไอเดียแฟนมันชัวร์ๆ แล้วเราก็เห็นมันเดินจูงมือเจ้าสาวเข้ามาในงาน ฟองสบู่ถูกเป่าไปทั่วทุกมุมโต๊ะรวมทั้งจากโต๊ะเราด้วย มันดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเพราะวันนี้เพื่อนๆในห้องมากันร่วมยี่สิบคน เยอะที่สุดตั้งแต่เรียบจบกันมา

จากนั้น มันก็ขึ้นเวทีประกาศให้กินกันก่อนเลยครับ เพราะทุกคนน่าจะหิวกันแล้ว ส่วนเรื่องพิธีการต่างๆ มันขอเป็นหลังจากทุกคนอิ่มดีกว่า จะได้สนุกกันสุดๆ รู้ใจเพื่อนจริงๆ เพราะทุกคนแขวนท้องมารอเลยครับ

กุ้ง กั้ง แซลมอน บรรดาอาหารทะเล พาสต้า สลัด และอีกมากมายทยอยลงท้องพวกผมไปอย่างไม่ต้องคิดมาก ไอ้บาสอาศัยจังหวะที่ไอ้โน้ตลุกไปตักอาหารรอบสอง มานั่งข้างๆผม แต่ว่าตอนนั้นผมไม่สนใจหรอ ตั้งหน้าตั้งตากินก่อน เพราะไอ้ต้ามากระซิบบอกว่า หัวละ 1,900 ต้องกินให้คุ้ม เหอ เหอ หัวละ200 พวกกูก็กินกันแบบนี้แหละครับ คุณเพื่อน

“ต๋อง ตาแดงจัง ไปล้างตาหน่อยดีกว่า” ไอ้บาสสะกิดหลังจากที่ผมซัดจานที่สองเสร็จ

“นั่นสิ ต๋อง เจ็บมั๊ยอ่ะ” กิ๊กหันมาถามหลังจากที่ซัดกั๊งตัวใหญ่หมด

“ก็ยังเจ็บๆอยู่นะ แต่รำคาญขี้ตามากกว่า มันออกเยอะเลยอ่ะ” ผมยกมือพยายามจะเช็ดขี้ตาออก แต่ไอ้บาสปัดมือผมออก แล้วเอากระดาษให้

“มือสกปรก เด๋วก็ยิ่งแดงหรอ”

“ค๊าบ” ผมรับกระดาษมันมาเช็ดที่ตา ซึ่งเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้ทุกคนเริ่มอิ่มกันแล้วครับ ไฟก็ดับลงพร้อมฉาย Presentation ของบ่าว-สาว คู้นี้รักกันมา 12 ปีครับ ตั้งแต่เรียนม.ปลาย พอไอ้ต้าเรียบจบ มันก็บินไปเรียนต่อที่แคนาดา ส่วนเจ้าสาวพอจบม.6 ก็ตามไปเรียนที่โน้นด้วย แล้วก็มาจนถึงวันนี้ที่พวกมันแต่งงานกันเนี่ยแหละครับ

ตอนนี้กลุ่มผมก็ซัดไวน์ไปหลายขวดแหละ ใครที่ไม่ถนัดไวน์ก็มีเบียร์เสิร์ฟตลอด เลยกรึ่มกันได้ที่มากๆ ว่าแล้วอ้แวนก็ขอทำลายบรรยากาศโรแมนติกด้วยการขึ้นไปร้องเพลง “ก่อน” บนเวที เสียงนรกแตกมากครับ แต่ไอ้บาสก็ไม่วางมาบีบมือ เมิงจะมาหวานอะไรเนี่ย เพื่อนๆอยู่นะเมิง เอาไว้สองต่อสองดิ กูจะหวานให้เลี่ยนเลย ยิ่งเมาๆอยู่ อิอิ กล้าอยู่แล้ว

แล้วก็มาถึงช่วงที่หวานสุดๆ ช่วงตัดเค้กครับ พอบ่าว-สาวตัดเค้กเสร็จ ก็มีดอกไม้ไฟจุดที่ริมทะเลเลย เพื่อนๆก็เอาไฟเย็นมาจุดกัน บรรยากาศน่ารักสุดๆ เห็นแล้วชักอยากแต่งงานเลยครับ

เราตกลงกันว่าจะกลับไปกินเหล้าที่คอนโดกันต่อ รวมไปถึงเจ้าบ่าวเองด้วย 555 คงไม่อยากพลาดเพื่อนเยอะ นานๆจะมีแบบนี้ที ห้องผมรวมตัวกันยากครับ กว่าจะได้มาเจอกันที คุณๆทั้งหลายก็ไม่ค่อยจะว่างกัน รวมทั้งตัวผมเองด้วย
พอถึงห้องก็ต้องจัดที่นอนกันใหม่ เพราะคนมาเพิ่มขึ้นอีกหลายคนเลย พอเลยหอบสัมภาระไปห้องสาว เพราะมันชวนไว้ตั้งแต่อยู่บนรถแล้วว่า นอนกับพวกมันได้ ที่มันชวนผมเพราะผมเป็นพวกนอนนิ่งๆครับ ไม่มีกรน มันเลยอนุญาตให้นอนด้วยได้ พวกคนอื่นที่เหลือก็ตั้งวงกันเลยครับ เหล้าเอามาตั้งกันเลย ให้เห็นๆว่ามีกี่ขวด เอาโซดาแช่ตู้เย็น เพราะงานนี้คงไม่มีน้ำแข็งครับ ซัดกันแบบนั้นเลย

ผมขอตัวอาบน้ำ ล้างตาก่อน เพราะตอนนี้มันเริ่มบวมจนแดงไปหมดแล้ว พอออกมาเลยเอาผ้าปิดตาเอาไว้ เห็ฯบรรดาสมาชิกเข้าประจำที่กันแล้ว ในมือมีกันคนละแก้ว พวกที่กรึ่มๆแล้วก็ไปนั่งคุยกันที่ระเบียง ส่งเสียงร้องเพลงแหกปากกัน ดังพอสมควรครับ แต่ไม่ค่อยเกรงใจใครเท่าไหร่ เพราะห้องของสาวอยู่ชั้นบนสุด ไม่น่าจะรบกวนคนอื่นเท่าไหร่

ผมจะเดินไปหาไอ้แวนก็เจอไอ้บาสยื่นแก้วมาให้

“ตาเป็นไงมั่ง ต๋อง”

“ไม่รู้สิ ยังเจ็บๆอยู่เลย เด๋วนอนก็คงจะหายมั๊ง”

“คืนนี้ก็อย่ากินเยอะนะ เด๋วก็ไม่หายหรอก”

“เอาน่า นานๆจะได้เจอพวกมันที”

ผมเดินไปนั่งที่โซฟาที่อยู่รอบนอกวงเหล้าออกมา เพราะขี้เกียจไปนั่งเบียด ตะโกนแข่งกับพวกมัน อีกอย่างพวกมันยังไม่ได้อาบน้ำด้วย นั่งกินชิวๆ ขำๆ ไปกับเรื่องเก่าๆของเราสมัยเรียน พอดูนาฬิกาอีกทีก็ตีสองแล้วครับ บางคนเลยขอตัวไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องขับรถกลับอีก ส่วนที่เหลืออยู่ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ

“เรายังไม่มีเบอร์มือถือต๋องเลย”

“อ้าวหรอ ไม่รู้ว่าไม่มีนิ”

“นั่นสิ ก็งงๆเหมือนกันว่าทำไมต๋องไม่ให้เรา”

“อ้าว ก็ขอจากเพื่อนคนอื่นดิ เค้าก็มีเบอร์กูกันทั้งห้องแหละ”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่ได้ขอจากเจ้าตัวเอง เอามาหน่อย ห้องเดียวกันจะได้โทรคุยกันไง”

“แค่เคยอยู่ห้องเดียวกันเนี่ยนะ เลยมาขอเบอร์กู”

“เอาเบอร์มาน่า อย่าเรื่องมากดิ ขอแค่เบอร์ 8 ตัวท้ายก็ได้ 2 เบอร์แรกเด๋วกูเดาเอง”

“เหอะ เหอะ ไอ้บ้า เอาไปเลย คิดได้ไงเนี่ย มุขนี้ กูยอมล่ะ” ผมบอกเบอร์มือถือไปแบบขำๆ จะโกรธเลยโกรธไม่ลงเลย อีกสักพักผมซัดไปอีกหลายแก้วเหมือนกัน ไอ้บาสดูเมามากๆ ส่วนผมก็เริ่มตึงๆมากแล้ว เลยขอตัวไปเดินเล่นริมทะเลก่อน ไอ้บาสเลยขอมาเดินเป็นเพื่อน เพราะมันดึกมากๆแล้ว เราลงมาเดินเล่นที่ริมทะเลกัน ไม่ได้เอ่ยปากคุยอะไรกันเลยครับ ได้ยินแต่เสียงคลื่น

“ขึ้นห้องเหอะ บาส เด๋วกูนอนล่ะ เจ็บตาโคดๆ”

“อือ” ไอ้บาสเดินตามมาโดยดี มันก็ดูมึนๆมากเหมือนกัน ดูจากท่าที่เดินแล้ว ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่แน่นอน จริงๆผมมีบางอย่างจะบอกมันเหมือนกัน ว่า ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะมีใครอยู่ และผมก็รู้ว่ามันก็มีใครอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ยังสำคัญกับผมเสมอ

ผมหยิบ iPod ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง หาเพลงที่ผมคิดว่าอยากบอกให้มันรู้ ถึงแม้ว่าไอ้บาสมันจะดูง่วงๆเมาๆแบบนี้แหละ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะรู้เรื่องรึเปล่า เวลามันสร่างเมาจะจำได้รึเปล่า ผมไม่สนใจหรอก ผมแค่รู้เอาไว้ในใจว่า ผมได้ให้มันฟังสิ่งที่ผมอยากบอกมันไปแล้ว

ช่วงชีวิต – Boyd

อาจจะสาย ที่ฉันเพิ่งจะคิดได้
สิ่งที่หาย คงไม่อาจย้อนมันคืนมาใหม่
วันนั้น ... วันที่เราพบกัน วันที่เรารักกัน
โอ้...วันนั้น อยากจะบอกเธอเหลือเกิน

และถ้าวันนั้น ถ้าฉันพูดกับเธอก่อน
ในวันนี้ ก็คงไม่เสียเธอไปแน่นอน
เธอรึฉัน... เราก็คงพบกัน เราก็คงรักกัน
โอ้...วันนั้น อยากจะกลับไปเหลือเกิน

อยากให้เธอรู้ ว่าเพลงนี้ ถูกเขียนออกมาหลังจากวันนั้น
ฉันมีความสุข ทุกเวลา...เหมือนฝันไป

และอยากให้รู้ สิ่งที่ฉันเก็บมันไว้ข้างใน
ช่วงชีวิตที่เคยมีเธอ คือช่วงเวลาที่ฉันเป็นสุขในหัวใจ

วันที่เราพบกัน วันที่เรารักกัน โอ้...วันนั้น อยากจะกลับไปเหลือเกิน

อยากให้เธอรู้ ว่าเพลงนี้ ถูกเขียนออกมาหลังจากวันนั้น
ฉันมีความสุข ทุกเวลา...เหมือนฝันไป

และอยากให้รู้ สิ่งที่ฉันเก็บมันไว้ข้างใน
ช่วงชีวิตที่เคยมีเธอ คือช่วงเวลาที่ฉันเป็นสุขในหัวใจ


ผมเอาหูฟังเสียบให้มันฟังหลังจากที่ออกมาเห็นมันนอนหลับอยู่ที่โซฟา ผมไม่ได้จะนอกใจอะไรไอ้เอกมันนะครับ ผมแค่อยากให้ไอ้บาสรู้เอาไว้ว่า ไม่ใช่ผมไม่ใส่ใจหรือไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันในช่วงม.ปลายที่เราผ่านมาด้วยกัน

พอเพลงจบ ผมก็เอาหูฟังออกแล้วเข้าในในห้อง ไม่ได้กะจะโรแมนติกอะไรหรอกครับ ความเมาพาไป เพื่อนๆคนอื่นๆเมาหลับกันไปเกือบหมดแล้ว ที่ยังเหลือก็เมาแหกร้องร้องเพลงกันอยู่ที่ระเบียง ไม่ได้มาสนใจพวกผมหรอก

ผมเข้ามานอนในห้อง สองสาวกับไอ้โน้ตหลับไปแล้ว ผมซุกตัวเข้าที่มุมของผมทันทีเหมือนกัน อาการเจ็บตายังไม่หายซะที ตอนที่ผมกำลังจะหลับ ก็เห็นไอ้บาสเปิดประตูเข้ามา

“ต๋อง นอนด้วยคนดิ ข้างนอกหนาวอ่ะ” มันกระซิบ

“เอาดิ” ผมเขยิบที่ให้มันนอนได้สะดวก มันดันตัวมาหนุนหมอนใบเดียวกับผมแล้วก็ตะแคงตัวมากอดครับ แล้วมันก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวคอผมนั่นแหละ ผมก็ให้มันกอดอยู่อย่างงั้นแหละครับ ไม่ได้เจอนานล่ะ สัมผัสนี้ ห่อหมกเมิงจะเหมือนเดิมรึเปล่าน๊า ชักสงสัย อิอิ แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลยจากนั้นนะครับ เพราะเพื่อนอยู่กันเต็มห้อง ถ้าไม่มีใครอยู่ดิ ไม่แน่ คืนนั้นไอ้บาสก็นอนกอดผมไปจนหลับไปทั้งคู่นั่นแหละครับ

เช้าวันนั้นผมตื่นมาก็เจ็บตาอย่างแรง แล้วก็ลืมตาไม่ขึ้นด้วยเพราะมีขี้ตาเยอะไปหมด นู๋สาวเห็นเลยพาผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลหัวหิน พอไปถึงก็ปรากฏว่าผมเป็นโรคตาแดงครับ โรคที่ปกติเด็กอนุบาลเค้าเป็นกัน แถมตอนนี้มันลามไปที่ตาอีกข้างด้วย หมอบอกให้ระวังติดกันด้วย เพราะมันติดกันค่อนข้างง่าย

กว่าผมกลับมาถึงคอนโด ไอ้บาสก็กลับกรุงเทพไปแล้วครับ เพราะมันมีธุระตอนเที่ยง เลยต้องรีบกลับไปก่อนเลยไม่ทันได้บอก ซวยแน่เมิง เมื่อคืนดันมานอนหมอนใบเดียวกะกู เป็นตาแดงก็ม่ายเกี่ยวนาเว้ย อิอิ ไปหาคนพยาบาลกันเองเถอะนะ เพื่อน

“คุณ ป่วยอ่ะ เป็นตาแดง 2 ข้างเลย” ผมโทรไปอ้อนไอ้เอกหลังจากกลับมาถึงกรุงเทพแล้ว

“ดี สมน้ำหน้า เที่ยวเก่งดีนัก”

“ใจร้ายอ่ะ ไม่มาดูหน่อยหรอ นี่ไม่สบายนะเนี่ย”

“แค่ตาแดงเอง อย่ามาสำออยน่า”

“ก็หยอดตาเองไม่เป็นอ่ะ มาหยอดให้หน่อยดิ”

“ไม่เอา หยอดเองดิ เด๋วติดอ่ะ”

งานนี้ ไอ้ต๋องได้แต่เศร้าครับ เป็นโรคติดต่อโดนสังคมรังเกียจ เลยต้องมานั่งเขียนนิยาย โพสนิยายอยู่บ้าน เพราะที่ทำงานเค้าก็ไม่ให้ไป เค้ากลัวติด มีแฟนก็ไม่มาดูแล เซ็ง เซ็ง เซ็ง เซ็ง มากมาย

จบดีกว่า






kimsumsoon

  • บุคคลทั่วไป
เอ่อออ

ตกลงว่าบาส เนี่ย อายุมากกว่าหรือน้อยกว่าคุณต๋อง คะ

แบบว่าคิ้มนึกถึงคำทำนายที่คุณต๋องไปดูมาน่ะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






anston

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
อืมมม..อยากรู้เหมือนกันน่ะ.. :impress:
ส่วนไอ้ตาแดงและตื่นมาขี้ตาแฉะเนี่ยเคยเป็นเหมือนกัน..
เป็นกันทั้งกลุ่มเลย..เห็นเพื่อนบอกว่าเหล้าปลอม..เลยเลิกไปร้านนั้นเลย..
เพลงที่ลงตอนสุดท้ายเนี่ยะ..ตรงกับคุณต๋องดีนะ..อยากฟังจังอ่ะ..
ขอบคุณนะที่มาเล่าสู่กันฟัง..ขอให้หายไวไวนะ :bye2:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
เหอ เหอ คงเลิกไปที่นั่นยากอ่ะครับ เพราะเป็นร้านโปรด ของอิเจ๊ และบรรดาเพื่อนๆ
 
อิอิ แต่สู้ตายอยู่แล้ว

ตอนนี้หายแล้วครับ :a9: ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ

คุมคิมครับ ไอ้บาสมันแก่กว่าผมสองปี พอดีผมเรียนค่อนข้างเร็วน่ะ
แต่คาดว่าคงไม่ใช่คนที่หมอดูบอกหรอก

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8

anston

  • บุคคลทั่วไป
 :try2:แหะแหะ..ร้านอะไรเหรอวันหลังจาได้ไปมั่ง..
เคยไปแถวนั้นไม่กี่ครั้งเอง..อายอ่ะ..มีแต่คนหน้าตาดีๆ..
ขี้เหร่อย่างเราเลยป๊อด.. :m23:

beta

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/
พี่ที่ทำงานก็เคยเป็นตาแดงเหมือนกัน แดงแบบเหมือนเส้นเลือดฝอยในตามันแตกด้วยอ่ะ น่ากลัวนะ :try2:

รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยนะคะ

 :a9: :a9: :a9: :a9:

BICHA

  • บุคคลทั่วไป
   วันนี้มาอ่านวันแรกอ่ะ ชอบ จางเยยอ่ะ
             

suregirl

  • บุคคลทั่วไป

anisongchanon

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องเล่า] เส้&#
«ตอบ #388 เมื่อ23-12-2007 19:09:53 »

 :oจบแบบนี้ได้ไงเนี่ย :serius2:

น่าจะสมหวังกันหน่อย :เฮ้อ:

ไม่หวายยยยยยยเลยคนเขียน o16

แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะคับ :m4:

ถึงจะผิดหวังก็เฮอะ o12


ไปละ คิคิ

ปล.1 น่าจะมีต่อภาค 2

ปล.2 ภาค 2 พี่บาสกับพี่ต๋องต้องอยู่ด้วยกันนะคับ   ไม่งั้น.....(ไม่อยากจะบอก  ฮึฮึ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2007 20:26:20 โดย *-*เด็กน้อย*-* »

^AugusZaa^

  • บุคคลทั่วไป
อะไร อะไร ก็ไม่ยิ่งใหญ่ และยืนยง
เท่ากับคำว่าเพื่อนเนอะครับ ว่ามั้ย

เพื่อน คนที่เราคุยได้ทุกเรื่อง
เพื่อน คนที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของเราในบางครั้ง
เพื่อน คนที่คอยปลอบใจ เมื่อเราเศร้า หรือร้องไห้
รักเพื่อนทุกคนจังคับ คิดถึงมากด้วย

แต่ เรื่องนี้นะคับ อยากให้พี่ต๋อง กับพี่บาส สมหวังกันจัง แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้เนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด