[End] Love (and) Lies #ลวงหลอกรัก, 12/05/64 [33th Lies, End Chapter: แค่มีเรา]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [End] Love (and) Lies #ลวงหลอกรัก, 12/05/64 [33th Lies, End Chapter: แค่มีเรา]  (อ่าน 19238 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เจ็บแล้ว เจ็บอีก

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
33th Lies

[The END Chapter]

: แค่มีเรา


ปราณันต์น้ำตานองทั้งสองแก้มเมื่อมองเห็นคามินไอออกมาเป็นเลือด ทำท่าจะหมดสติไม่หมดสติแหล่

“กรี๊ดดดดดดดดดดด”

ส่วนตัวพรวลัยก็กรีดร้องลั่นทันทีที่เห็นว่าคนที่ตัวเองทำร้ายกลายเป็นคามิน ทั้งที่คนที่เธอตั้งใจจะทำให้ตายคือปราณันต์ต่างหาก แต่มันกลับไม่เป็นอะไร นั่นยิ่งทำให้พรวลัยแค้นจนแทบกระอักยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นตัดสินจู่โจมเข้าหาปราณันต์อีกรอบ แต่ดีที่แทนคุณลงมาได้ทัน เลยพุ่งเข้าชาร์จตัวพรวลัยไว้ได้ก่อน

“ปล่อยฉัน ปล่อยฉันนน!! ฉันบอกให้ปล่อย ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่าไอ้ปราณันต์”

แทนคุณล็อคแขนพรวลัยไว้แน่น ในขณะที่ปราณันต์กำลังมองมาที่พรวลัยด้วยสายตาตระหนกตกใจ เพราะไม่คิดว่าพรวลัยจะกล้าทำถึงขนาดนี้

ปราณันต์ที่ตอนนี้นัยน์ตากลมโตถูกกลบไปด้วยม่านน้ำตา เพราะเห็นเลือดที่แดงฉานของคามิน ที่ยังไหลออกมาไม่หยุด

“ฮึก... คุณ คุณเจ็บมากไหม” ปราณันต์กอดคามินที่นอนอยู่กับพื้นไว้แน่น

"ไม่.. ไม่ต้องร้องไห้นะครับคนดี ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณปราณล่ะครับ... คุณปราณ เจ็บตรงไหนไหม"

และถึงแม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บ แต่คามินก็ยังคงเป็นห่วงปราณันต์มากกว่า และพยายามไล้มือข้างที่ไม่เจ็บลูบไปตามเนื้อตัวและใบหน้าของคนรักราวกับกำลังจะปลอบใจ

“ฮึก.. ฮืออ ผม.. ผมไม่เป็นอะไร” ปราณันต์พูดไปร้องไห้ไป เพราะตกใจที่ตอนนี้เลือดของคามินยังไหลไม่เลิก “แต่คุณ..คุณเลือดไหลเต็มไปหมดเลย ฮึก..”

ปราณันต์พยายามจะใช้มือเล็กๆ ของตัวเองกอดคามินไว้ แต่กลับกลายเป็นยิ่งทำให้คามินเจ็บหนักกว่าเดิม

“โอ๊ยยย” คามินร้องออกมาค่อนข้างเสียงดัง เพราะแรงกระแทกที่ถูกส่งมาตอนปะทะกับรถก็ไม่ใช่ว่าจะเบา ดังนั้นพอถูกปราณันต์สัมผัสแม้เพียงเบาๆ ก็ทำให้เจ็บร้าวไปทั้งตัวได้

ปราณันต์เองพอเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวลงเรื่อยๆ ของคามินยิ่งใจไม่ดี น้ำหูน้ำตายิ่งพาลไหลไม่หยุด จนสุดท้ายแม่บ้านคนที่ดูแลคอนโดของคามินก็วิ่งออกมาหลังจากที่ได้โทรแจ้งความและเรียกรถพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

“คุณปราณันต์คะ ดิฉันโทรแจ้งตำรวจและเรียกรถพยาบาลแล้ว คุณไม่ต้องห่วงนะคะ” เธอพยายามประคองปราณันต์ไว้ เพราะดูเหมือนคนรักของเจ้านาย จะดูตกใจ และทำอะไรไม่ถูกไปหมดทุกอย่าง

“ฮึก.. ให้เค้า ฮืออ ให้เค้ามาเร็วๆ ได้ไหมครับ คุณครามเลือดออกเต็มไปหมดเลย” ปราณันต์โวยวายเสียงดังเพราะทั้งใจเสีย ทั้งตกใจ กลัวคามินจะเป็นอะไรไปก็กลัว

และด้วยเสียงของปราณันต์ทำให้แทนคุณต้องหันมองเจ้านายตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบายใจอีกครั้ง เขาอยากจะเข้าไปหา ไปช่วยปราณันต์ดูแลคามิน แต่กลับเจอสายตาคมของคนที่เขากำลังเป็นห่วงปรามกลับมาว่าให้ทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น

“ฉัน.. ฉันไม่เป็นไร” คามินกัดฟันพูด “จับผู้หญิงคนนั้นไว้ อึก! อย่าให้พรวลัยเข้ามาใกล้คุณปราณได้อีก”

คามินสั่งคนสนิทเสียงกร้าว แม้จะเจ็บแค่ไหน แต่คามินจะไม่มีวันยอมให้พรวลัยมาทำร้ายหรือแตะต้องปราณันต์ของเขาได้อีกเด็ดขาด หรือต่อให้แม้คามินต้องได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ เขาก็ทนได้ แต่ปราณันต์และฝาแฝดจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่งั้นเขาได้ขาดใจตายแน่ๆ

“คะ.. คุณคราม ฮึก..” ส่วนปราณันต์นั้นยังคงดูเหมือนว่าจะหยุดน้ำตาตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ในสายตาของคนตัวเล็กมีแต่ใบหน้าซีดเซียวของคามินที่ปรากฎอยู่เท่านั้น เขาได้แต่ภาวนาให้รถพยาบาลมาไวๆ เพราะยิ่งคามินเจ็บมากเท่าไหร่ หัวใจของปราณันต์ก็เจ็บจนเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยเสียให้ได้

“คนดี.. ไม่ต้องร้องไห้นะครับ ผมยัง...ยังไหว” คามินข่มตากัดฟันกลั้นความเจ็บปวด เขาไม่อยากให้ปราณันต์เป็นห่วงไปมากกว่านี้

และทันใดนั้นเอง แสงไฟและเสียงไซเรนที่สะท้อนเข้ามาจากทางหางตา ก็ทำให้ปราณันต์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างดีใจทั้งที่น้ำตายังเปรอะเต็มสองแก้ม มือเล็กที่ชุ่มไปด้วยเลือดของคนรัก ยังคงกอดอีกฝ่ายไว้ไม่ปล่อย

“ฮึก.. รถพยาบาลมาแล้วครับ คุณอดทนหน่อยนะ”

“ทางนี้ค่ะทางนี้ คนเจ็บอยู่ทางนี้” แม่บ้านตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัย พลางโบกไม้โบกมือไม่หยุด โดยที่ปราณันต์ยังไม่ยอมละมือออกออกจากตัวคามินเลยแม้แต่วินาทีเดียว

“มาครับ ขอทางให้ผมพาคนเจ็บขึ้นรถพยาบาลหน่อยครับ”

เจ้าหน้าที่ขอให้ปราณันต์หลีกทาง และส่งคามินให้พวกเขาดูแลต่อ แต่ดูเหมือนปราณันต์ยังลังเล แววตากลมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตกใจ และไม่ไว้ใจ ทำให้คามินที่เห็นท่าทางแบบนั้นของปราณันต์ต้องรีบพูดออกมา เพราะไม่อยากให้ปราณันต์ตกอยู่ในสภาพช็อคมากแบบนี้นานไปกว่านี้

“ไปกับผมนะ... คุณปราณ ไม่...ไม่ต้องกลัว ผมปลอดภัยแล้ว” คามินพูดพร้อมนิ่วหน้าเพราะเจ็บไม่น้อย ซึ่งภาพที่เห็นทำให้ปราณันต์ตัดสินใจวิ่งนำทุกคนไปขึ้นรถพยาบาลทันที

“เร็วๆ หน่อยครับ ผมไม่อยากให้แฟนของผมเจ็บไปมากกว่านี้”

ปราณันต์พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ เจ้าหน้าที่เองก็ดูงงๆ เพราะเมื่อกี้ปราณันต์ยังดูงกๆ เงิ่นๆ อยู่เลย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าอาการช็อคอาจทำให้สติที่ควรมีหดหาย เจ้าหน้าที่เลยจัดแจงยกคนเจ็บอย่างคามินขึ้นใส่เปลแล้วพาขึ้นรถ โดยมีปราณันต์นั่งรอท่าอยู่แล้ว ซึ่งทางฝั่งพรวลัย พอได้เห็นภาพปราณันต์ประคองคามินนั่งในรถก็แทบจะเหมือนคนเสียสติ เธอกรีดร้องลั่นด้วยความไม่พอใจ

“กรี๊ดดดด แกจะไปไหน! ไอ้ปราณันต์ กรี๊ดดดด แก! แกจะพาคามินไปไหน คามินเป็นของฉัน!! เขาเป็นของฉัน!! กรี๊ดดดดด”

พรวลัยดิ้นพล่านๆ ทำให้แทนคุณต้องข่มตากัดฟันแน่น ในการกักตัวพรวลัยเอาไว้อย่างแน่นหนา เพราะตอนที่พรวลัยทำจะพุ่งเข้าหาปราณันต์อีกรอบ

และก่อนที่แทนคุณจะจับพรวลัยไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขี้น

แทนคุณลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ตำรวจมาได้ทันเวลา

ตำรวจตรงเข้ามาล็อคตัวพรวลัยไว้ก่อนจะพาออกไป ในขณะที่รถพยาบาลเตรียมจะออก พรวลัยที่กำลังกรีดร้องเสียสติก็กำลังถูกตำรวจคุมตัวไปอีกทาง

แทนคุณทันได้วิ่งไปหาคามินที่รถพยาบาลก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออก

“บอสครับ..” แทนคุณพูดได้แค่นั้นก็โดนคามินตัดบทเสียก่อนเพราะรู้ดีว่าแทนคุณจะพูดอะไรต่อ

“ฉัน... ไม่เป็นอะไร” คามินสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อข่มความเจ็บปวด ก่อนสั่งแทนคุณอย่างเฉียบขาด “นายต้องไปดูแลฝาแฝด หรืออย่างน้อยก็ต้องทำ อึก! ให้แน่ใจว่าพวกเด็กๆ ปลอดภัย แล้วค่อยตามไป”

แม้ใจจะห่วงคามินมาก แต่แทนคุณก็ขัดคำสั่งเจ้านายไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้มือข้างที่ไม่เจ็บของคามินก็มีมือเล็กๆ ของปราณันต์จับไว้แน่น และอีกเดี๋ยวถ้าถึงมือหมอแล้วก็คงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีก

“คุณแทนคุณ ผมฝากน้องด้วยนะครับ” ปราณันต์พูดทั้งที่ตาบวมช้ำ เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ทำให้ดูน่าสงสารและน่าทะนุถนอมยิ่งขึ้นไปอีก แทนคุณไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้านายของเขาถึงได้รักพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้นัก

“ผมก็ฝากบอสด้วยนะครับคุณปราณันต์” แทนคุณก้มศรีษะให้คนทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะถอยออกมาเพื่อให้รถได้แล่นออกพาเจ้านายเขาไปโรงพยาบาลต่อไป

.

.

.

ระยะเวลาที่ใช้เดินทางมาโรงพยาบาลกินเวลานานจนแทบจะชั่วชีวิตสำหรับปราณันต์ เลือดของคามินหยุดไหลแล้ว เพราะได้รับการปฐมพยาบาลจากเจ้าหน้าที่ประจำรถฉุกเฉิน แต่ดูเหมือนว่าน้ำตาของปราณันต์จะยังไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ

ปราณันต์ยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ ตอนมองไปที่ใบหน้าที่แทบจะไร้สีเลือดของคามินแล้วหัวใจของเขาก็เจ็บไปหมด ทำไมคามินต้องเสียสละตัวเองเพื่อเขาขนาดนั้น ถ้าคามินไม่เข้ามาขวางไว้ เขาคงโดนพรวลัยขับรถชนไปแล้ว แต่นี่เป็นเพราะคามินช่วยไว้ เขาเลยไม่เป็นอะไร แต่คามินดันต้องมาเจ็บตัวแทนแบบนี้ นั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กกว่ารู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

มือเล็กเอื้อมไปจับมือใหญ่ที่อบอุ่นเสมอของคามินไว้ แม้ในเวลาแบบนี้มือของคามินก็ยังให้ความรู้สึกปลอดภัยไม่เปลี่ยนแปลง

ปราณันต์ยกมือของคามินมาแนบไว้กับแก้มตัวเองเบาๆ พร้อมกับกระซิบถ้อยคำขอบคุณซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ

“คุณคราม.. ขอบคุณคุณมากนะครับ ขอบคุณ”

.

.

.

ในที่สุดช่วงเวลาที่แสนทรมานของปราณันต์ก็จบลง คามินเดินทางมาถึงโรงพยาบาลและถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดโดยด่วน ปราณันต์เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดอย่างเป็นห่วง จนกระทั่งอนาวิน กันต์กวี และนทนัชเดินทางมาถึงโรงพยาบาล เพราะรู้ว่าเกิดเรื่องกับปราณันต์ทันทีที่เดินทางกลับมาถึงกรุงเทพ

อนาวินวิ่งหน้าเริ่ดมาด้วยความกังวล เขากลัวว่าปราณันต์จะได้รับอันตราย คนอย่างพรวลัยไม่ธรรมดาเลยสักนิด และหลังจากที่เขาได้รู้คร่าวๆ จากปราณันต์ว่า การตายของคุณพ่อคุณแม่ของปราณันต์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นเขายิ่งกังวลไปใหญ่ ครั้นจะให้อยู่บ้านเฉยๆ เพื่อรอฟังข่าวคงไม่ไหว เลยต้องรีบออกมาหาเพื่อนสนิทกลางดึกที่โรงพยาบาลแบบนี้

และทันทีที่ปราณันต์และอนาวินเจอกัน ทั้งสองก็โผเข้าหากันทันที

“ไอ้ปราณ.. นายไม่ได้เป็นไรใช่ไหม” อนาวินถามเสียงหวั่นๆ เพราะกลัวเพื่อนจะได้รับบาดเจ็บ

“ฉันไม่เป็นไร แต่คุณคราม...” ปราณันต์ชะงักไปแล้วทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ นทนัชเลยต้องเข้ามาปรามไว้

“เขาไม่เป็นอะไรหรอกปราณ ถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้องร้องๆ”

นทนัชพยายามพูดให้ปราณันต์คลายความกังวลใจแต่ดูเหมือนก็จะไม่ได้ผลมากนัก

“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำไมหมอถึงไม่ออกมาสักทีล่ะครับ” มือเล็กกำเข้าหากันแน่นด้วยความไม่สบายใจ จนกระทั่งประตูห้องผ่าตัดเปิดออก

“คุณหมอครับๆ คุณครามเป็นยังไงบ้างครับ”

ปราณันต์ถลาเข้าไปหาแพทย์ผู้ผ่าตัดคนแรก ซึ่งหมอไม่ตอบคำถามปราณันต์ แต่กลับถามคำถามปราณันต์แทน

“คุณเกี่ยวข้องเป็นอะไรกับคนไข้ครับ”

ปราณันต์อึกอักทันทีที่ถูกถามแบบนั้น แต่เขาอยากรู้ว่าคามินเป็นยังไงมากกว่าที่จะมามัวมานึกถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างพวกเขาสองคน

“ผมเป็นแฟนครับ ผมเป็นคนรักของคุณคราม คุณหมอบอกผมเถอะครับว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”

อนาวินได้แต่เหลือบตามองกันต์กวีที่ซึมลงไปถนัดตาเมื่อได้ยินปราณันต์ตอบหมอแบบนั้น กันต์กวีเองก็มองกลับมา พร้อมกับรอยยิ้มเหนื่อยๆ รอยยิ้มที่พยายามจะบอกว่าตัวเองโอเคและไม่เป็นไร แต่ในความเป็นจริงคือตรงกันข้าม

“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ มีรอยฟกช้ำนิดหน่อย อวัยวะภายในยางส่วนกระทกระเทือนบ้าง แต่ไม่หนักมาก อาจจะต้องพักผ่อนหลายสัปดาห์หน่อย เพื่อค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกาย”

คุณหมอร่ายยาว ปราณันต์ฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง เพราะแค่ได้ยินว่าคนรักของตัวเองปลอดภัย ใจเขาก็ลอยไปอยู่ข้างเตียงของคามินแล้ว และเมื่อคุณหมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ ปราณันต์ก็แทบจะวิ่งเข้าไปคนแรกเลยด้วยซ้ำ

เวลานี้ปราณันต์นั่งเกาะขอบเตียงในห้องของโรงพยาบาลที่คามินนอนอยู่ไว้แน่น ตากลมที่กำลังบวมช้ำจ้องมองคนรักที่กำลังหลับเพราะเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดด้วยความเป็นห่วง ความรัก และความหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรก็รวมอยู่ในนั้นทั้งหมด ปราณันต์เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองรักคามินมากขนาดไหนก็ตอนนี้ ตอนที่ความเป็นความตายมาอยู่ตรงหน้า

และเหมือนคามินจะรับรู้ถึงความเป็นห่วงที่ปราณันต์มีให้เขาได้ เพราะตอนนี้คนที่นอนเจ็บอยู่กำลังขยับตัวช้าๆ ทำเอาปราณันต์ผวาเข้าหาคนรักในแทบจะทันทีทันใด

“อะ.. อื้อ!” เสียงทุ้มที่เคยมีเสน่ห์ ครางออกมาต่ำๆ ด้วยความเจ็บที่ตรงเข้าจู่โจมคามินทันทีที่ได้สติและขยับตัว ดูเหมือนว่าฤทธิ์ของยาชาจะจางลงไปมาก นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าคมคายเหยเกเพราะความเจ็บ

“อย่าเพิ่งขยับนะครับ คุณเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเอง นอนพักเฉยๆ ดีกว่านะ” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยถูกส่งมาจากปากอิ่ม คามินมองหน้าคนรักแล้วสงสารจับใจ ตอนนี้ใบหน้าสวยหวานของปราณันต์กำลังเศร้าหมองและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด น้ำใสทำท่าจะไหลออกมาจากตากลมที่บวมช้ำอีกรอบ จนคามินที่เห็นท่าไม่ดีจึงต้องรีบเอ่ยปลอบ

“ร้องไห้ทำไมครับ ไม่ดีใจหรอ ที่ผมไม่เป็นอะไรมาก” เสียงทุ้มถามเย้าๆ ด้วยริมฝีปากเปื้อนยิ้ม เขาไม่อยากให้ปราณันต์โทษตัวเอง

“ยังจะมา ฮึก! .. ตลกอีก” ปราณันต์ต่อว่าพลางกลั้นก้อนสะอื้น คนตัวเล็กรู้ดีว่าคามินจะเป็นห่วง ถ้าเห็นเขาร้องไห้ ปราณันต์ไม่อยากให้คนที่กำลังนอนเจ็บอยู่เป็นกังวล เลยพยายามห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดความสามารถ

“ผมตลกให้คุณปราณดู เพื่อที่จะบอกว่าคุณว่าผมไม่เป็นอะไร เจ็บแค่นี้ไกลหัวใจ คุณปราณก็เห็น”

ปราณันต์ไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยกมือใหญ่ของอีกฝ่ายขึ้นมาแนบแก้ม

“ขอบคุณคุณมากนะครับที่ปกป้องผม แต่คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม ผมขอร้อง” คนตัวเล็กกว่าพูดเสียงสั่น ครั้งนี้คามินอาจจะโชคดีที่บาดเจ็บไม่มาก แต่ถ้าครั้งต่อไปมันหนักหนากว่านี้ล่ะ...

ปราณันต์หลับตาลง พร้อมกับข่มความกลัวเอาไว้ลึกสุดใจ ถ้าคามินเป็นอะไรไป เขากับฝาแฝดจะอยู่ยังไง โดยเฉพาะตัวปราณันต์เอง เขาต้องอยู่ไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีคามิน

“คุณปราณครับมองหน้าผม” คามินพูดเสียงจริงจัง ดวงตาเรียวคมที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็งแต่ก็อบอุ่น จริงจังแต่ก็ปลอดภัย มองสบกับตากลมของปราณันต์ที่ตอนนี้แววนัยน์ตาสั่นไหวจนยากที่จะควบคุม


“ผมรักคุณมาก และผมรับปากเรื่องนี้กับคุณไม่ได้” คามินใช้มือที่ปราณันต์จับไปแนบ ไล้เบาๆ ที่แก้มนิ่มของคนคิดมาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม “ผมยอมตายแทนคุณ แทนฝาแฝดได้ แต่ผมอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้ เข้าใจผมใช่ไหมคุณปราณ”


น้ำใสไหลออกมาจากตากลมอีกครั้ง คราวนี้ปราณันต์ไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะเสียใจ แต่มันเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความซาบซึ้งใจต่างหาก

“ผมให้สัญญาแล้วว่าผมจะปกป้องคุณ ปกป้องน้องๆ ของคุณ ผมก็ต้องทำ... และอีกอย่างถึงผมไม่สัญญา ผมก็คงยอมให้ใครมาทำอะไรหัวใจของผมไม่ได้หรอก เข้าใจใช่ไหมครับคนดี”

คามินร่ายยาว น่าแปลกที่เขาควรจะเจ็บแผล แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น สภาพการบาดเจ็บทางร่างกายทำอะไรคามินไม่ได้เลยสักนิด เพราะตอนนี้กำลังใจของเขาดีมาก แค่ปราณันต์เป็นห่วงเป็นใยเขามากขนาดนี้เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

“คุณคราม งั้นผมขอให้คุณให้สัญญากับผมอีกอย่าง สัญญาว่าคุณจะไม่เป็นอะไร คุณจะอยู่กับผมและน้องๆ ตลอดไป คุณสัญญาได้ไหมครับ”

คามินยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวทั้งสองข้างเมื่อได้ยินคนเอาแต่ใจ ขอให้สัญญาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดทั้งที่น้ำตาเปรอะแก้มไปหมด นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ็บตัวอยู่ จะลุกไปจับมาจูบให้หนำใจแน่ๆ แต่สุดท้ายคามินก็ยอมรับปาก พยักหน้าให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

“ครับ ผมสัญญา” พอจบคำตอบ ปราณันต์ก็ยื่นใบหน้าไปจนติดคนป่วยที่กำลังนอนอยู่อย่างงงๆ เพราะไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกว่าจะทำอะไร พอรู้ตัวอีกที ริมฝีปากอิ่มก็ฉกลงมาจูบเบาๆ ที่ปากหยักของคามินเสียแล้ว


จุ๊บ~


“นั่นเป็นเพราะผมเองก็รักคุณมาก และคงอยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีคุณ”

เสียงหวานกระซิบบอก หลังจากผละริมฝีปากออกมา คามินยิ้มกว้างเมื่อได้ยินปราณันต์พูดแบบนั้น อีกฝ่ายที่เป็นคนพูดเองก็ยิ้มมีความสุขไปไม่น้อยกว่า และก็ได้แต่ช่วยกันภาวนาในใจให้เรื่องร้ายๆ หมดไปเสียที

.

.

.

คามินพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลได้สองสามอาทิตย์ โดยที่อาการดีขึ้นตามลำดับ แผลที่ผ่าตัดและอาการโดยรวมดีขึ้นมาก จนเกือบจะหายดี หมอลงความเห็นว่าน่าจะเป็นเพราะที่ผ่านคามินดูแลตัวเองอย่างดีทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ปราณันต์มาเฝ้าคามินทั้งวันทุกวัน บางวันก็เอาฝาแฝดมาด้วย ตอนแรกที่เด็กๆ มาแล้วเห็นคามินใส่ชุดโรงพยาบาลนอนอยู่เฉยๆ บนเตียง ไม่สามารถเล่นหรือลงจากเตียงมากอดมาหอมพวกแกได้เหมือนตอนที่ปกติ พวกเด็กๆ ก็ร้องไห้โยเยกันยกใหญ่ เพราะกลัวว่าคามินจะไม่สบายหนัก กว่าจะโอ๋ให้เข้าใจ ก็กอดก็ปลอบกันอยู่นาน ซึ่งมาสงบเอาจริงจังก็ตอนได้ที่ขึ้นไปสำรวจอาการพี่ครามเองบนเตียงด้วยตัวเองว่าพี่ครามไม่เป็นอะไรมากนั่นแหละถึงได้ยอมวางใจ และหยุดร้องไห้ได้

ส่วนอดีตท่านประธานแห่งเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้กับคุณแม่ของคามินก็มาเยี่ยมวันเดียวกับที่ฝาแฝดอยู่ด้วยพอดี เด็กๆ เลยดีใจกันยกใหญ่ที่ได้เจอคุณยายคนสวย ตรงกันข้ามกับปราณันต์เองที่ออกอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด กับคุณแม่ยังไม่เท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าท่านเอ็นดูเขาและฝาแฝดไม่น้อย แต่กับอดีตท่านประธานนี่สิ ปราณันต์ยังไม่เคยเจอกับท่านเลยสักครั้ง และอีกอย่างตัวปราณันต์เองก็คิดมากมาตลอดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้คามินเจ็บตัว ซึ่งคงไม่มีพ่อแม่ของลูกคนไหน ที่จะชอบคนที่ทำให้ลูกตัวเองเจ็บตัวอาการหนักขนาดนี้ แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นแบบที่ปราณันต์คิดเลยสักนิด เพราะสิ่งที่อดีตท่านประธานพูดทันทีที่เห็นคามินนอนป่วยอยู่บนเตียงคือ


‘ดี! เอาเลือดของไอ้เด็กหัวดื้อนี่ออกบ้าง เผื่อมันจะได้อวดดีให้น้อยลงหน่อย’


ส่วนคุณแม่เองก็พอกัน เพราะเธอพูดว่า


‘ถ้าน้องเจ็บตัวเพราะครามดูแลน้องไม่ดีล่ะก็ แม่จะเล่นงานให้หนักๆ เลย ปราณมาฟ้องแม่ได้นะลูก เข้าใจใช่ไหม’


ปราณันต์เองก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ยิ้มเจื่อนๆ ตอนได้ยินคุณพ่อและคุณแม่พูดแบบนั้น ส่วนคามินก็ไม่ได้ดูเสียอกเสียใจเท่าไหร่เมื่อได้ยินบิดาและมารดาพูดแบบนั้น ซึ่งคนตัวโตทำได้แต่นิ่วหน้าเพราะพ่อกับแม่พากันหลงปราณันต์ไปหมด ตอนแรกคามินคิดว่าแม่นี่หลงปราณันต์หนักแล้ว แต่ปรากฎว่าพออดีตท่านประธานแห่งเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้เจอปราณันต์เข้าไป กลับเอ็นดูคนตัวเล็กหนักกว่าแม่เขาเสียอีก

ช่วงแรกที่เจอกันก็มีบ้างที่ปราณันต์จะเกร็งๆ เพราะคนตัวเล็กเองก็ไม่มั่นใจว่าบิดาของคามินจะมองเขาในแง่ไหน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปราณันต์คือสาเหตุที่ทำให้คามินเลิกกับพรวลัย คนที่อดีตท่านประธานหมายมั่นปั้นมือจะให้ลูกชายแต่งงานด้วย เพื่อธุรกิจที่รุ่งเรืองและความมั่นคงในอนาคต แต่ปราณันต์กลับเดินเข้ามาในชีวิตของคามิน แล้วทำลายความฝันของอดีตท่านประธานพังไม่เป็นท่า จะให้ปราณันต์มั่นใจได้ยังไงว่าคุณพ่อของคามินจะชอบเขา

ซึ่งพอพูดถึงเรื่องนี้ อดีตท่านประธานกลับพูดแค่ว่า


‘อย่าไปเอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลย เรื่องแต่งงานเพื่อให้ธุรกิจมั่นคงน่ะมันแค่ผลพลอยได้ พ่อมั่นใจว่าต่อให้ไม่มีพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่น ครามมันก็คงดูแลเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้ได้เองอยู่แล้ว แต่เหตุผลจริงๆ ที่พ่อจับมันแต่งงานนั่นก็เพราะกลัวครามมันหาเมียไม่ได้มากกว่า เย็นชาก็เท่านั้น วันๆ ก็บ้าแต่งาน ถ้าไม่หาเมียให้ก็คงอยู่เป็นโสดไปจนตายไม่มีคนดูแลนั่นแหละ’

ก่อนที่ท่านประธานจะตบท้ายด้วยหมัดเด็ด


ใครจะไปคิดว่ามันจะหาคนที่จะมาอยู่ด้วยได้น่ารัก มารยาทดี แถมคุมมันได้อยู่หมัดขนาดนี้ ... ไอ้ลูกคนนี้นี่มันก็ร้ายไม่เบา หนำซ้ำมันยังพ่วงเอาไอ้เจ้าตัวน้อยทั้งสองนั่นมาให้กอด ให้อุ้ม ได้ชื่นใจอีก แล้วเรื่องอะไรพ่อถึงจะไม่ยอมรับปราณล่ะ หื้ม?’


ปราณันต์หน้าแดงก่ำตอนได้ยินอดีตท่านประธานพูดแบบนั้น ส่วนแม่ของคามินเองก็ยิ้มหน้าบานเพราะปลื้มปราณันต์เป็นทุนอยู่แล้วและที่ดูเหมือนที่ลงตัวที่สุดตอนนี้ก็เห็นจะเป็นฝาแฝดปัณณธรกับปุณณกันต์นั่นแหละ

เพราะตอนนี้ปราณันต์ต้องมาอยู่เฝ้าคามินที่โรงพยาบาลทุกวัน ครั้นจะให้แทนคุณดูแลฝาแฝดตลอดก็ไม่ได้เพราะมีงานที่ต้องทำแทนคามิน คุณพ่อและคุณแม่ของคามินเลยรับฝาแฝดไปอยู่ที่คฤหาสน์เสียด้วยเลย สร้างความพอใจให้ท่านทั้งสองเป็นอย่างมาก คนแก่สองคนอยู่ด้วยกันเหงาๆ แต่พอมีเจ้าตัวน้อยที่ทั้งฉลาดทั้งพูดเก่งไปอยู่เป็นเพื่อน ก็แทบจะทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองลืมลูกชายตัวเองไปโดยปริยาย และยิ่งช่วงนี้เด็กๆ ยังไม่เปิดเทอม ทำให้มีเวลาทุกวันไปอยู่กับพวกท่านได้ ซึ่งคามินเองก็ให้แทนคุณไปจัดการยกเลิกลาออกที่โรงเรียนเก่าของเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากพวกเด็กๆ หายไปแค่ช่วงปิดเทอมเลยไม่มีปัญหาอะไรยุ่งยากเท่าไหร่นัก

และตัวเด็กๆ เองก็ติดคุณยายกับคุณตาแจไม่ห่างเพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน พักหลังฝาแฝดเลยไม่ค่อยร้องจะมาหาคามินเท่าไหร่นัก แรกๆ คามินถึงกับน้อยใจเลยทีเดียวที่ปัณณธรกับปุณณกันต์ไม่สนใจตัวเองเท่าเมื่อก่อน จนเจ้าตัวแสบมาง้อถึงเตียงคนป่วย โดยการระดมจูบแก้มซ้ายขวา พร้อมกับตะโกนแทบลั่นโรงพยาบาลว่ารักพี่ครามที่สุดในโลกนั่นแหละ คามินถึงยิ้มหน้าบาน เลิกคิดมากได้

และบ่ายวันนี้ปราณันต์ก็มาเฝ้าคามินตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ คามินสัมผัสได้ว่าปราณันต์เหม่อลอยเป็นพิเศษ และในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามก็ดูเหมือนว่าพวกเพื่อนๆ ของทั้งสองฝ่าย ทั้งของฝั่งคามิน และฝั่งปราณันต์ จะเดินเข้ามาเยี่ยมเสียก่อน

ทั้งหกเดินเข้ามาพร้อมกัน นทนัช เมธัส อนาวิน สิปปกร เตชินท์ และกันต์กวี ซึ่งนั่นเรียกเอาสายตาประหลาดใจจากคามินและปราณันต์ได้ไม่น้อย

“นี่พวกคุณมาพร้อมกันหรอ?” ปราณันต์ถามขึ้นก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิท “นายมาพร้อมพวกเค้าหรอ”

อนาวินส่ายหน้าหวือพลางทำหน้าบูด “เจอกันข้างล่างโว้ย เห็นจุดหมายเดียวกัน เลยมาพร้อมกัน”

ปราณันต์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหันไปทางเมธัสและเตชินท์ที่ดูเงียบๆ และไม่ค่อยกล้าสบตาเขาเท่าไหร่นัก ตอนแรกปราณันต์ก็สงสัยว่าทั้งคู่เป็นอะไร แต่พอสักพักก็นึกขึ้นได้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย สงสัยอาจจะเข้าหน้ากันไม่ติด

“คุณเมธัส คุณเตชินท์ ทำตัวตามสบายเถอะครับ เรื่องมันแล้วไปแล้ว” ก่อนที่ปราณันต์จะพูดขำๆ “ผมเอาความโกรธไปลงที่คุณครามหมดแล้วครับ”

ซึ่งการกระทำและคำพูดของปราณันต์แบบนั้นทำให้สถานการณ์ในห้องดีขึ้นมาทันตา

“เฮีย เอ๊ย ผม.. ผมต้องขอโทษคุณปราณันต์อีกครั้งจริงๆ นะครับ ทั้งๆ ที่ผมเป็นพี่ที่สุด แต่กลับไม่ห้ามน้องๆ แถมยังลงไปเล่นพิเรนทร์ๆ กับพวกมันอีก เฮีย เอ๊ย ผมนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”

เมธัสร่ายขอโทษยาว และโดยที่ปราณันต์ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ก็มีเสียงใครบางคนดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“รู้ตัวก็ดี แก่จนป่านนี้ละยังเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง” ทุกคนหันไปมองนทนัชเป็นตาเดียว ซึ่งเป็นคนที่ต่อว่าเมธัสขึ้นมานั่นแหละ

ทุกคนดูจะตะลึงๆ ไป แต่แล้วจู่ๆ ก็...

“ฮะ.. ฮ่าๆๆๆ ฮ่ะๆๆๆ” มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมากลางปล้อง และที่น่าแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ เสียงหัวเราะนี้เป็นเสียงหัวเราะของคามิน

และก็เหมือนเป็นโรคติดต่อ พอมีคนนึงเริ่มหัวเราะคนต่อๆ ไปก็หัวเราะตามๆ กันเรื่อย จนกลายเป็นว่าตอนนี้ในห้องพิเศษที่คามินนอนพักรักษาตัวนั้น ระงมด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งแปดคน ที่กำลังมีความสุข เหมือนกับที่มิตรภาพได้เบ่งบานออกมาพร้อมๆ กัน

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


และตอนนี้ทุกคนก็กำลังนั่งกระจัดกระจายกันอยู่ในทิศทางของตัวเอง บรรยากาศในห้องดีขึ้นมากแล้ว ดูเหมือนว่าแค่ปราณันต์พูดว่า ‘ไม่เป็นไร’ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไรอย่างที่ปราณันต์พูดจริงๆ

ตาคมลอบมองคนรักอยู่อย่างสงสัย ปราณันต์ดูแปลกไปจริงๆ คามินไม่ได้คิดไปเอง ซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องเดียวที่คามินพอที่จะคิดออกว่าสามารถทำให้ปราณันต์วุ่นวายใจได้น่าจะเป็นเรื่องนี้เท่านั้น

“คุณปราณครับ” เสียงเรียกของคามินดังขึ้น ทำเอาปราณันต์ที่กำลังเหม่อๆ อยู่ สะดุ้งโหย่งขึ้นมาทันที

“มีอะไรหรอ คุณจะเอาอะไรรึป่าว หรือเจ็บแผลครับ” คนตัวเล็กกว่าลุกจากโซฟามาหาคามินที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วยทันที แต่คามินกลับส่ายหน้า แล้วถามปราณันต์ออกไปแทน

“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับคนดี แต่คุณปราณต่างหากที่เป็น ผมรู้สึกเหมือนคุณกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ”

คามินยื่นมือไปลูบแก้มนิ่มของคนรักที่กำลังคิ้วขมวดเบาๆ

“บอกผมหน่อยสิครับ คุณปราณเครียดอะไร หื้ม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างปลอบประโลม ซึ่งในขณะที่ปราณันต์กำลังลังเลว่าจะพูดดีรึป่าวนั้น เสียงของอนาวินก็ดังขึ้นสนับสนุน

“ผมก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่คุณจะถาม เห็นไอ้ปราณนั่งทำหน้าเหมือนคนท้องผูกตั้งแต่ผมเข้ามาแล้ว”

ปราณันต์ถอนหายใจ เพราะไม่ได้มีแค่คามินแล้วที่กำลังคาดคั้นให้เขาตอบ ตอนนี้มีอนาวินเข้ามาร่วมกดดันด้วย เห็นทีคงต้องถามออกไปตรงๆ เขาเองก็จะได้สบายใจเสียที

“เรื่องคุณพ่อกับคุณแม่ของผม” ปราณันต์ค่อยๆ เรียงลำดับคำพูดออกมาช้าๆ โดยมีคามินและอนาวินรอฟังอย่างตั้งใจ “เรื่องคุณพ่อกับคุณแม่ของผมที่คุณพรวลัยพูด มันหมายความว่ายังไงครับคุณคราม”

คามินถอนใจเฮือกใหญ่ทันที เขาเดาไว้แล้วว่าปราณันต์ต้องคาใจเรื่องนี้ คงคาใจมาหลายวันแล้ว แต่คงเพราะเห็นว่าเขาอาการยังไม่ดีขึ้น เลยไม่กล้าถาม

และตอนนี้ไม่ได้มีแค่ปราณันต์คนเดียวเท่านั้นที่สงสัย อนาวินก็ดูจะใช้สายตาแสดงคำถาม ถามเขากลับมาด้วยเช่นกัน และในขณะที่คามินกำลังจะอ้าปากตอบ สิปปกรก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

“คราม นายให้ฉันเป็นคนเล่าเรื่องนี้น่าจะดีกว่านะ เผื่อคุณปราณมีอะไรสงสัย ฉันว่าฉันน่าจะตอบได้ดีกว่านาย”

ปราณันต์คิดว่าเรื่องนี้คงคอขาดบาดตายพอสมควร เพราะคามินไม่มีท่าทีงี่เง่าหรือหึงหวงเลย ตอนที่สิปปกรเสนอตัวเข้ามาเล่าเรื่องสำคัญขนาดนี้แทน

“ได้ นายเล่า” แต่ก่อนที่จะได้เริ่ม คามินก็กระตุกข้อมือของปราณันต์ที่อยู่ข้างเตียงให้ทรุดลงมานั่งบนเตียงข้างๆ เขาที่กำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ “แต่คุณปราณต้องอยู่ข้างๆ ฉันแบบนี้ตอนเล่าก่อน ซึ่งนายก็รู้ว่าทำไม”

สิปปกรพยักหน้า ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมด ซึ่งตอนนี้กลุ่มเพื่อนที่ยืนกระจายกันอยู่รอบๆ ก็เข้ามาล้อมพร้อมฟังเรื่องทั้งหมดแล้วด้วยเช่นกัน

“ถ้าคุณปราณจำตอนนั้นได้ ที่ผมเคยเสนอตัวว่าจะช่วยคุณสืบเรื่องคดีคุณพ่อกับคุณแม่ ถ้าคุณต้องการ” สิปปกรถามเพื่อรำลึกความหลังซึ่งปราณันต์จำเรื่องนี้ได้ดี

“จำได้ครับ แต่ผมบอกไปแล้วนี่ครับว่าไม่เป็นไร” ปราณันต์ถามงงๆ มันควรจะจบไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสิ ทำไมยังยืดเยื้ออยู่อีก

“ประเด็นมันอยู่ที่ ผมกลับไม่ได้หยุดค้นหาอย่างที่คุณบอก ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า ผมอยากจะทำอะไรให้คุณบ้าง ผมเลยไปสืบข้อมูลคดีของคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเพิ่ม และพบว่ามีหลายช่องโหว่ ผมเลยตัดสินใจสืบไปเรื่อยๆ จนไปเจอข้อมูลและหลักฐานลับเข้า หลักฐานที่ชี้ไปว่า พรวลัยเป็นคนขับรถคันนั้น รถคันที่ชนรถของคุณพ่อและคุณแม่ของคุณปราณันต์ในคืนนั้น พอผมแน่ใจเลยมาปรึกษากับครามว่าจะทำยังไงกันดี ซึ่งวันที่ครามรู้เรื่องทั้งหมดก็คือวันที่คุณปราณตัดสินใจไปเชียงใหม่พอดี เรื่องนี้คุณปราณก็เลยยังไม่ทราบครับ"

พอสิปปกรพูดจบ ปราณันต์ก็ตัวสั่นน้ำตาไหลขึ้นมาทันที เขาอยากรู้มาตลอดว่าใครเป็นคนพรากบุคคลที่เขารักที่สุดในชีวิตไป ที่แท้ก็เป็นพรวลัย พรวลัยที่เขาพรากก็คามินมาจากเธอเช่นกัน

ปราณันต์นั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกทุกอย่างตีประดังประเดในหัวเข้ามาไม่หยุดหย่อน สุดท้ายที่ปราณันต์ทำได้ก็มีแค่เพียง นั่งน้ำตาไหลเงียบๆ เท่านั้น

ผ่านไปไม่นานร่างบางก็ได้รู้ถึงสัมผัสอบอุ่นที่โอบกอดอยู่ด้านหลัง สัมผัสที่ถ่ายทอดความอบอุ่น ปลอบใจ และเป็นสัมผัสที่ช่วยยืนยันว่าปราณันต์ยังมีคนที่รักและเป็นห่วงอยู่ตรงนี้อีกคน

“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไร”

และเพียงแค่สองคำของคามิน ก็ทำให้ปราณันต์โผเข้าหาร่างสูงเหมือนลูกนกที่กำลังปีกหัก ความจริงที่รู้ดูเหมือนจะถาโถมจนทำให้ปราณันต์แทบยืนไม่ไหว คนตัวบางสะอึกสะอื้นร้องไห้อยู่กับอกคามินจนน่าสงสาร ร่างสูงโอบกอดร่างที่กำลังสั่นเทาไว้ในอ้อมกอดแน่น และพยายามถ่ายทอดทุกความรู้สึกให้ปราณันต์ได้รู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาพร้อมจะอยู่ตรงนี้กับปราณันต์เสมอ และไม่มีวันที่จะทอดทิ้งปราณันต์ไปไหนเด็ดขาด

เพื่อนสนิทของทั้งคามินและปราณันต์ ทยอยพากันถอยออกไปนั่งห่างๆ เงียบๆ เปิดโอกาสให้ทั้งสองได้ปลอบประโลมกันให้เต็มที่ และหลังจากที่ปราณันต์ได้ใช้เวลาพักใหญ่ในการร้องไห้ คนตัวบางก็นั่งเงียบ ราวกับกำลังใช้ความคิดกับอะไรหลายอย่างอยู่ในใจ

“คุณปราณ มองผมหน่อยครับ” ใบหน้านวลหันมาช้าๆ ตามเสียงทุ้มของคนรัก ตากลมที่ใช้จ้องมองอีกฝ่ายบวมช้ำ จนคามินอดที่จะยกมือขึ้นไปลูบเบาๆ เพราะความสงสารไม่ได้

“ในช่วงระหว่างที่ผมตามหาคุณปราณ ไอ้สิบก็เตรียมทีมทนาย เตรียมหลักฐาน และเตรียมทุกอย่างในแง่กฎหมายไว้แล้ว ถ้าคุณปราณอยากจะฟ้องร้อง ผมจะจัดการทุกอย่างให้ ขอเพียงคุณบอก ผมยินดีจะทำตามทุกอย่างโดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้น”

คามินพูดออกมาตรงๆ ถึงเรื่องคดีความ เขาอยากให้ปราณันต์สบายใจว่าปราณันต์สามารถเอาผิดกับคนที่ทำให้คนที่ปราณันต์รักที่สุดในชีวิตต้องจากไปได้ ขอเพียงปราณันต์บอกเท่านั้น คามินก็ยินดีจะทำให้ทุกอย่าง

แต่ปราณันต์กลับนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามหรือไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบอะไรทั้งนั้น ซึ่งคนตัวโตกว่าก็เข้าใจว่าปราณันต์คงต้องการเวลาในการคิดทบทวนให้ดีก่อนจะตัดสินใจ จึงไม่ได้เร่งรัดหรือกดดันอะไรปราณันต์มากนัก เพียงแต่นั่งกุมมือเล็กไว้อยู่อย่างนั้น ให้ปราณันต์อุ่นใจว่ายังมีเขาอยู่ข้างๆ เสมอ

“ผม...” ในที่สุด เสียงหวานก็เอ่อยออกมาราวกับตัดสินใจแล้ว อกบางกระเพื่อมขึ้นและลงอย่างหนักแน่นและเชื่องช้า เพื่อเรียกความกล้า และความมั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองกำลังจะพูดออกไปนั้น ผ่านกระบวนการความคิดมาแล้วอย่างดี “ผม... จะไม่ฟ้องร้องครับ”

ทุกคนที่อยู่ในห้องมีปฏิกริยาแทบจะแบบเดียวกันทั้งห้อง นั่นคือแปลกใจว่าทำไมปราณันต์ถึงตัดสินใจแบบนั้น ยกเว้นสองคนที่ทำแค่เพียงระบายยิ้มออกมาบางๆ ราวกับคิดไว้แล้วว่าปราณันต์จะตัดสินใจแบบนี้

คามินและอนาวิน

เพราะทั้งสองคลุกคลีกับปราณันต์มาโดยตลอด เลยรู้ดีว่าปราณันต์คนนี้มีนิสัยยังไง แม้ปราณันต์จะเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง และไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาหรือเรื่องร้ายใดๆ ที่ถาโถมเข้ามา แต่ในอีกมุมที่อ่อนโยนของปราณันต์นั้นกลับมีมากกว่า ผู้ชายตัวเล็กๆ ร่างบางๆ คนนี้ มีจิตใจที่โอบอ้อมอารีและไม่คิดร้ายกับใครมากกว่าคนอื่นๆ แม้กระทั่งกับตัวคามินเอง ที่ทำร้าย และทำให้ปราณันต์เสียใจสารพัด ปราณันต์ยังคงให้อภัย และรักได้ไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้น นับภาษาอะไรกับพรวลัย ที่ปราณันต์เองก็ปักใจตลอดว่าตัวเองก็มีส่วนผิด ที่ทำให้ชีวิตพรวลัยเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น คามินจึงคิดไว้แต่แรกแล้ว ว่ายังไงปราณันต์ก็คงไม่ฟ้องร้องพรวลัยแน่ๆ ปราณันต์ไม่มีทางทำร้ายคนที่กำลังพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้หรอก

มือใหญ่ลูบเบาๆ ลงบนศีรษะทุยของคนรัก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และเข้าอกเข้าใจอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

“โอเคครับ ไม่ฟ้องร้อง” ปราณันต์หันไปมองคามินอย่างประหลาดใจที่อีกฝ่ายไม่ทัดทาน “แต่ในส่วนของตำรวจที่ต้องดำเนินคดีความ ผมคงไปขัดขวางอะไรไม่ได้ คุณปราณต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายนะครับ ตกลงไหม”

ใบหน้าหวานพยักขึ้นลง พร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างขอบคุณ แต่สุดท้ายก็อดถามออกไปไม่ได้อยู่ดี

“คุณครามไม่ถามหรอครับ ว่าทำไมผมไม่ฟ้องร้อง”

คามินส่ายหน้ายิ้มๆ พร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ครับ ผมบอกแล้วไง ว่าผมยินดีจะเคารพในการตัดสินใจของคุณปราณทุกเรื่อง ขอแค่คุณปราณบอก ผมจะไม่ติดใจหรือสงสัยอะไรทั้งนั้น”

ปราณันต์โผเข้ากอดคามินอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ในห้องมองภาพสองคนที่กำลังกอดกันด้วยความอบอุ่นใจ แม้หลายคนจะยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ปราณันต์ตัดสินใจเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเห็นว่าคามินเองก็ไม่ได้ทัดทานหรือโต้แย้งอะไร เพื่อนๆ เหล่านั้นเลยคิดว่า นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับปราณันต์แล้ว ขอเพียงปราณันต์เลือกแล้ว ทุกคนก็พร้อมจะเคารพและเชื่อในการตัดสินใจของปราณันต์

.

.

.

ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันจากออกจากโรงพยาบาลของคามิน เด็กๆ ฝาแฝด และคุณพ่อคุณแม่ของคามินยกขบวนกันมาหาจนแทบจะล้นห้องพักพิเศษในโรงพยาบาล โดยเฉพาะเจ้าฝาแฝดตัววุ่น ที่พยายามจะช่วยจับนั่นหยิบนี่ แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้อลหม่านยิ่งกว่าเดิม

“พี่คราม มาๆ ปัณณ์ช่วยยก พี่ครามไปนั่งเฉยๆ นะ เพราะพี่ครามไม่สบายอยู่” คามินขำเบาๆ ตอนที่ปัณณธรบอกจะช่วยยกกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ซึ่งหนักพอตัว แต่พอเห็นความตั้งใจจริงของเจ้าหนูน้อยแล้วเขาก็ไม่อยากจะขัด

“อ่ะ นี่ครับ พี่ครามขอบคุณปัณณ์มากๆ เลยนะ” ปัณณธรรับกระเป๋าจากคามินไปแล้วทำหน้ามุ่ย เพราะมันหนักมากทีเดียว เจ้าแฝดคนน้องเดินถือกระเป๋าไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ตะโกนเรียกแฝดคนพี่ลั่น

“พี่ปุณณ์ มาช่วยปัณณ์หน่อย ทำไมมันหนักจังก็ไม่รู้”

“มาปัณณ์ พี่จะช่วยเองนะ” ปุณณกันต์เองพอได้ยินน้องชายฝาแฝดเรียกก็รีบวิ่งปรู๊ดไปช่วยยก แต่ถึงแม้จะช่วยกันยก ก็ถือไปได้ไม่กี่ก้าว สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เอาวางไว้บนโซฟา แล้วมาอ้อนให้ปราณันต์ช่วยยกไปแทน

เจ้าหนูทั้งคู่เดินไปหาพี่ชายคนโตที่ตอนนี้กำลังเก็บของใช้จำเป็นของคามินลงกระเป๋าเป้ใบเก่งอยู่ ก่อนจะรำพึงรำพันกับคนเป็นพี่เบาๆ เพราะคงไม่อยากเสียหน้า

“พี่ปราณ มันหนักอ่ะ พวกเราถือไม่ไหวเลย” ปราณันต์หันมามองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังมุ่ยลง เพราะถือกระเป๋าไม่ไหว ก็ได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับความรู้มากและป่วนโลกของเด็กๆ พลางลูบศีรษะปลอบโยนไม่ให้พวกแกคิดมาก เพราะอย่างน้อยฝาแฝดก็มีน้ำใจที่จะช่วยหยิบจับนั่นนี่ แม้พละกำลังจะไม่เอื้อก็ตาม

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ปราณยกต่อให้ ปุณณ์กับปัณณ์ไปดูแลพี่ครามนะ เพราะพี่ครามกำลังป่วยอยู่ อาจจะอยากได้คนช่วยหยิบของหยิบอะไรให้ก็ได้”

ปราณันต์ปลอบใจน้องๆ ทั้งสอง เพราะไม่อยากให้พวกแกเสียกำลังใจ พลางมอบหมายงานใหม่ให้ทั้งคู่ เพื่อที่พวกเด็กๆ จะได้รู้สึกว่าอย่างน้อยตัวเองก็เป็นสำคัญ เป็นคนที่ทำอะไรเพื่อคามินที่กำลังป่วยอยู่ได้บ้าง นอกจากการนั่งเฉยๆ

แต่ดูเหมือนงานที่ปราณันต์มอบหมายไปจะผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อย เพราะปราณันต์ให้ฝาแฝดไปช่วยดูแลคามิน แต่กลับกลายเป็นว่าหนึ่งเด็กโข่งกับสองเด็กน้อย กลับเล่นเจี๊ยวจ๊าวกันแทนเสียอย่างนั้น ทำเอาปราณันต์ รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ ได้แต่ลอบส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู

หลังจากเก็บของเสร็จ ทุกคนก็พากันยกโขยงกลับคอนโดคามิน ซึ่งคุณแม่เองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ที่เจ้าลูกชายจะกลับไปอยู่คอนโด เพราะร่างกายก็ยังไม่หายดีเท่าที่ควร น่าจะมาอยู่ที่คฤหาสน์ เพราะยังไงก็มีคนรับใช้ช่วยคอยดูแลอยู่เต็มบ้าน แต่เจ้าลูกชายหัวดื้อกลับไม่ยอม บอกแค่เพียงว่า


‘ผมไม่ได้อยากให้ใครมาดูแลผมสักหน่อย มีแค่คุณปราณคนเดียวก็พอ’


บิดาและมารดาที่ได้ยินลูกชายตัวเองพูดแบบนั้นก็อดกลอกตามองบนไม่ได้ ส่วนคนที่ถูกเอ่ยพาดพิงถึงก็เอาแต่นั่งหน้าแดง หูแดง แก้มแดง เลยต้องแกล้งทำเป็นโมโห ด้วยการแอบหยิกคามินไปหนึ่งทีเป็นการกลบเกลื่อน

หลังจากจัดนั่นนี่เข้าที่เรียบร้อย คนเป็นแม่ก็รีบรวบรัดบอกเจ้าลูกชายตัวดี และพี่ชายของเจ้าหนูทั้งสองทันทีถึงความต้องการของตัวเอง

“คืนนี้แม่จะพาหลานไปนอนด้วยนะ เพราะอาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้ว พรุ่งนี้จะได้พาพวกแกไปซื้อของใช้เตรียมเข้าเรียนด้วย”

คุณแม่ของคามินพูดหน้าตาเฉย โดยมีอดีตท่านประธานหยักหน้าตามหงึกหงัก ราวกับเป็นลูกคู่ก็ไม่ปาน ส่วนปราณันต์ก็ได้แต่อ้าปากหวอเพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง มีแต่คามินเท่านั้นที่โวยวายออกมาเพราะไม่พอใจที่ถูกมัดมือชก

“ไม่ได้นะแม่ พักหลังฝาแฝดไปนอนที่คฤหาสน์บ่อยมาก ช่วงที่ผมอยู่โรงพยาบาลนี่ น่าจะไปทุกคืนเลยมั้ง ไม่รู้แหละ ผมเองก็คิดถึงเจ้าตัวแสบเหมือนกัน แม่ไว้เอาพวกแกไปวันหลังเถอะ”

ปราณันต์ลอบสบตากับคามินอย่างเอาใจช่วย แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดเองเพราะเกรงใจคุณท่านทั้งสอง แต่ช่วงหลังปราณันต์แทบไม่ได้นอนกอดเจ้าตัวเล็กทั้งคู่นี่เลย หวังใจอยู่ว่าถ้าคามินกลับจากโรงพยาบาล จะซื้อนิทานเรื่องใหม่มาอ่านให้พวกแกฟังก่อนนอน แต่พอคุณท่านบอกว่าอยากพาหลานไปนอนด้วย ปราณันต์เองก็เกิดพูดไม่ออกซะดื้อๆ

ส่วนเจ้าตัวแสบเจ้าของประเด็นที่กำลังถูกผู้ใหญ่แย่งตัวกันอยู่นั้น ก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก โน่น นั่งกินขนมเค้กที่คุณยายซื้อมาให้กันสบายใจเฉิบ

ในขณะที่แม่ลูกกำลังเถียงเรื่องสิทธิ์การได้นอนกอดฝาแฝดกันอยู่นั้น จู่ๆ อดีตท่านประธานแห่งเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้ก็เขยิบมานั่งข้างลูกชาย พร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกันสองคน

คามินตาวาวทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อของตัวเองบอก ซึ่งประโยคต่อมาที่คามินพูดทำเอาปราณันต์แทบล้มทั้งยืน

“แม่เอาเด็กๆ ไปก็ได้ ผมยอมละ” จู่ๆ คามินก็เกิดยอมขึ้นมาง่ายๆ เสียแบบนั้น แถมพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มอีกต่างหาก

“อ่าว คุณ!” กลับกลายเป็นปราณันต์ที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอกครับที่รัก ให้แม่เอาฝาแฝดไปสักคืนสองคืน เดี๋ยวพอเด็กๆ เปิดเทอมแม่จะได้ไม่มางอแง รบเร้าพาพวกแกไปอีก ตอนนี้ผมเลยเห็นว่ายอมไปก่อนน่าจะดีกว่า”

คามินพูดชักแม่น้ำทั้งห้าให้ปราณันต์ยอมตามใจ คนตัวเล็กรู้ดีว่าอดีตท่านประธานต้องยื่นข้อเสนออะไรให้คามินแน่ๆ ไม่งั้น คามินคงไม่ยอมให้เอาตัวปุณณกันต์กับปัณณธรไปง่ายๆ แบบนี้หรอก แต่ปราณันต์ก็ไม่อยากคาดคั้นอะไรเพราะเกรงใจผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ เลยต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะที่จริงก็เห็นใจคุณท่านไม่น้อย เพราะเดี๋ยวพอฝาแฝดเปิดเทอมแล้วท่านคงจะได้เจอเด็กๆ น้อยลง โปรเจ็กต์อ่านนิทานเรื่องใหม่ให้ฝาแฝดฟังเลยต้องพับไปโดยปริยาย

.

.

.

ปราณันต์จับฝาแฝดสะพายกระเป๋า พลางกำชับเจ้าหนูทั้งสองอย่างดี ก่อนที่จะพาไปส่งให้คุณแม่และคุณพ่อของคามินที่ยืนรออยู่ไม่ไกล

“ปุณณกันต์ ปัณณธร ไปอยู่กับคุณตาแล้วก็คุณยายห้ามดื้อห้ามซน และที่สำคัญต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านไม่ว่าจะเป็นใคร เข้าใจใช่ไหมครับ”

ผู้ใหญ่ทั้งสองที่ยืนฟังปราณันต์สอนน้องอยู่ไกลๆ แล้วอดประทับใจไม่ได้ พวกท่านรู้ดีว่าที่ปราณันต์บอกให้เด็กๆ เชื่อฟังผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านนั่นหมายรวมถึงคนรับใช้ และคนงานในบ้านด้วย ปราณันต์สอนให้น้องเคารพผู้อื่นที่วัยวุฒิ มากกว่าเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้บิดาและมารดาของคามินยิ่งรักและเอ็นดูปราณันต์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“เข้าใจครับ/เข้าใจครับ” เจ้าตัวน้อยก็ตอบประสานเสียงรับปากกันอย่างแข็งขัน ก่อนจะพูดเอาใจพี่ชายอย่างน่าจับฟัดให้จมอก

“พี่ปราณไม่ต้องคิดถึงพี่ปุณณ์กับปัณณ์มากนะครับ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว” ฝาแฝดคนน้องพูดจาฉอเลาะ พลางยิ้มหวานใส่พี่ชาย จนปราณันต์นึกหมั่นเขี้ยวจับเจ้าหนูมาระดมจูบแก้มซ้ายแก้มขวาไม่หยุด

ส่วนเจ้าคนพี่ก็ใช่ว่าจะน้อยหน้า “พี่ปราณกับพี่ครามดูแลกันดีๆ นะครับ เราสองคนไม่อยู่ห้ามทะเลาะกันนะรู้ไหม”

ซึ่งประโยคนี้ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสี่หลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดู ปุณณกันต์นี่มันปุณณกันต์จริงๆ

และหลังจากร่ำลาสั่งเสียกันเสร็จ คุณพ่อและคุณแม่ของคามินก็จัดแจงพาเจ้าฝาแฝดตัวน้อยทั้งสองกลับคฤหาสน์ไป เหลือทิ้งไว้แค่ปราณันต์กับคามินในห้องเท่านั้น

และทันทีที่ประตูงับปิดลง คามินก็ตรงเข้าจู่โจมปราณันต์ทันที

“คุณคราม เนื้อตัวยังไม่หายดีเลยนะครับ” ปราณันต์ปรามทันทีที่คามินพุ่งเข้ามากอดเขาเอาไว้เต็มอ้อมแขน แต่ก็ใช่ว่าคามินจะยอมปล่อยเสียเมื่อไหร่

“คิดถึงจะแย่แล้ว เนี่ย พ่อกับแม่อุตส่าห์เปิดทางให้ ผมจะปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปเฉยๆ ไม่ได้หรอกนะที่รัก” พอคามินพูดแบบนี้ ปราณันต์ก็รู้ทันทีว่าอดีตท่านประธานกระซิบกระซาบอะไรกับลูกชาย

แผนสูงทั้งพ่อทั้งลูกเลยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยกับคำว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเนี่ย

ปราณันต์พยายามขัดขืนแต่ก็ดูเหมือนว่าจะสู้แรงคามินที่ขนาดร่างกายไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ คนตัวโตจัดแจงดันเขามาที่โซฟา พอปราณันต์เสียหลักล้มลงไป คามินก็ตามมาคร่อมไว้ทันที

“ให้ผมรักคุณปราณได้ไหมครับ” คามินขอร้องเสียงกระเส่า ตาคมสบเข้ามาในตากลมอย่างแสดงความต้องการเต็มที่

ปราณันต์เองก็ไม่อยากจะปฏิเสธหัวใจตัวเองว่าเขาก็คิดถึงสัมผัสของคามินเหมือนกัน เพราะตั้งแต่คามินป่วย อย่าว่าแต่เรื่องเซ็กส์เลย แม้แต่จะกอดกันแต่ละทีนี่ยังคิดแล้วคิดอีกเพราะกลัวว่าจะทำให้แผลของคามินไม่หายขาดเสียที

“แต่คุณยังป่วยอยู่นะ” ซึ่งในขณะที่ปราณันต์กำลังปราม คามินก็ซุกไซ้ใบหน้าลงไปที่ซอกคอหอมๆ ขาวๆ ของปราณันต์เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น “คะ คุณคราม... อื้อ!”

คามินหันมาจูบปิดปากก่อนที่ปราณันต์จะได้พูดอะไรต่อ คนตัวโตป้อนจูบให้คนใต้ร่างอย่างร้อนแรง เพื่อหวังจะกระตุ้นให้อีกฝ่ายคล้อยตาม ก่อนจะถอนริมฝีปากออกแล้วลากลิ้นไปที่ใบหูนิ่มจากนั้นก็เลียเบาๆ พร้อมกับกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม

“ตัวผมเจ็บแต่อย่างอื่นของผมยังใช้งานได้ปกตินะครับที่รัก” คามินพูดพลางดุนดันอวัยวะกลางร่างกายไปที่หน้าขาปราณันต์เบาๆ ทำเอาคนที่ถูกดุนดันสะท้านด้วยความเขินอาย จากทั้งคำพูดลามกสองแง่สองง่ามที่คามินพูด และทั้งจากการกระทำที่คามินทำ

และยิ่งพอเห็นปราณันต์เขิน คามินยิ่งรุกหนัก “ว่าไงครับคนดี ผมรอให้คุณปราณ ตอบตกลงอยู่นะ”

ปราณันต์ไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยกแขนเรียวโอบรอบคอคามินไว้ พร้อมกับรั้งลงมาเบาๆ ให้แนบชิดกับใหน้าของตนเอง สายตาทั้งสองคู่สบมองกันอย่างหวานเชื่อม ประกายความต้องการและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านปรากฎอยู่แววตาของคนทั้งสองชัดเจน ... ซึ่งเท่านี้ก็ถือว่าเป็นคำตอบให้คามินได้มากพอแล้ว

.

.

.

ร่างกายเปลือยเปล่าของคนทั้งสองนอนตระกองกอดกันอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนา คามินจูบหน้าผากมนของปราณันต์ซ้ำๆ อย่างหลงใหล ในขณะที่ปราณันต์กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง สุดท้ายคามินจึงต้องถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

“คิดอะไรอยู่หรอครับ บอกผมได้ไหม?” ปราณันต์ลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบคามินอย่างหนักใจถึงสิ่งที่ตัวเองคิดและกังวล

“ผมอยากเจอคุณพรวลัย” คามินเผลอกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นทันทีหลังจากได้ยินปราณันต์บอกว่าอยากเจอพรวลัย ภาพตอนที่ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นขับรถพุ่งเข้ามาจะทำร้ายคนในอ้อมกอดของเขาหวนเข้ามาในมโนสำนึก นั่นทำให้คามินตอบปฏิเสธในทันควัน

“ไม่ได้ครับ คุณปราณจะอยากเจอผู้หญิงคนนั้นไปทำไม เธอคิดจะทำร้ายคุณปราณนะ” คามินห้ามเสียงแข็ง ยังไงเขาก็ไม่มีวันยอมให้ปราณันต์ไปเจอกับพรวลัยเด็ดขาด

“คุณครามครับ.. ตอนนี้คุณพรวลัยเธอติดคุกอยู่นะครับ เธอทำอะไรผมไม่ได้หรอก” ปราณันต์แย้ง ก่อนจะให้เหตุผล “บอกตรงๆ ผมไม่สบายใจเลย เรื่องระหว่างผมกับเธอมันดูติดค้างกันไปหมดทุกอย่าง ผมเลยอยากจะเคลียร์ให้มันจบๆ ไป จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมากอยู่แบบนี้”

คามินฟังแล้วอดยอมรับว่าเห็นด้วยไม่ได้ ตัวเขาเองก็อยากให้ปราณันต์รู้สึกปลดล็อคทุกสิ่งจากผู้หญิงคนนั้นเสียที แต่อีกใจเขาเองก็ห่วง เพียงแค่นึกถึงภาพวันนั้น มือคามินก็สั่นจนแทบจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว

“ผมรู้ ผมเข้าใจ แต่ผมก็อดห่วงคุณปราณไม่ได้ เฮ้อ...” คามินถอนหายใจยาว ก่อนที่เสียงหวานจะเสนอทางออกให้เจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้ได้สบายใจ

“งั้นเราไปด้วยกันดีไหม คุณกับผม ไปทำให้เรื่องคาราคาซังนี่มันจบลงสักที คุณโอเคไหมครับ”

ปราณันต์หว่านล้อมคนตัวโตด้วยเสียงอ่อนหวาน ไม่ใช่คามินจะไม่รู้ว่าปราณันต์กำลังพยายามแค่ไหนให้เขาใจอ่อน แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้คามินก็กำลังใจอ่อนจริงๆ อีกอย่างถ้ามีตัวเขาไปด้วย ก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมากเกินไป ยังไงซะ คามินก็มั่นใจ ว่าตัวเองจะสามารถดูแลและปกป้องปราณันต์ได้

“ตกลงครับ ไปก็ไป” คามินยอมรับปาก พร้อมกับยื่นเงื่อนไขหนึ่งข้อ “แต่คุณปราณต้องสัญญาก่อน ว่าจะอยู่ในสายตาผมตลอดเวลา และไม่ว่าเธอจะอยากคุยกับคุณส่วนตัวมากแค่ไหน คุณปราณก็ห้ามยอมตกลง ถ้าคุณปราณโอเคตามนี้ ผมก็อนุญาต”

พอได้ยินแบบนั้นปราณันต์ก็รีบตกลงโดยไม่ลังเล เอาเข้าจริงไม่ใช่ว่าเขาจะหายกลัวพรวลัยแล้ว อย่างน้อยมีคามินไปด้วยและอยู่ข้างๆ ตลอด ก็ยังอุ่นใจได้ ว่าเขาจะปลอดภัย

“ตกลงครับ ผมจะทำตามที่คุณขอทุกอย่างเลย” และด้วยความดีใจ ทำให้ปราณันต์ ยื่นหน้าไปจูบเบาๆ ที่แก้มสากทั้งสองข้างด้วยความรวดเร็ว “รางวัลสำหรับคนใจดีครับ”

ปราณันต์พูดด้วยรอยยิ้มกว้าง และนั่นทำให้ความรู้สึกบางอย่างของคามินถูกจุดติดอีกครั้ง

“แค่นี้ไม่พอหรอกครับคนดี ผมเป็นพวกทำดีหวังผล เพราะฉะนั้นขอรางวัลใหญ่กว่านี้หน่อย จะได้ไหมครับ” คามินกระซิบถามเสียงหวาน ซึ่งปราณันต์เองก็ตอบเสียงหวานยั่วเย้าคนตรงข้ามไม่แพ้กัน

“รางวัลน่ะรอคุณอยู่เสมอแหละ มันอยู่ที่ว่าคุณจะสามารถเอามันไปได้แค่ไหนมากกว่า”

รอยยิ้มซุกซนของคนทั้งคู่ปรากฎขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่ทั้งสองจะโผเข้าหา เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกันอีกครั้ง

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


ปราณันต์ยอมรับว่าตื่นเต้นไม่น้อย เขาเพิ่งเคยมาในสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก สถานคุมขังหญิงไม่ได้แย่มากขนาดเท่าที่ปราณันต์เคยเห็นในละคร หรือมันดีแค่เฉพาะจุดเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาก็ไม่รู้ อันนี้ปราณันต์ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

ส่วนคามินที่นั่งอยู่ข้างๆ ของตัวเองก็เอื้อมมือใหญ่มากุมมือเล็กไว้เบาๆ เมื่อเห็นพรวลัยถูกผู้คุมพาเดินออกมา เพื่อมาพบผู้ที่ขอเข้าเยี่ยมเธอในวันนี้ซึ่งก็คือคามินและปราณันต์

สภาพของพรวลัยดูดีมากกว่าครั้งสุดท้ายที่พบกันมาก เธอดูสดใสขึ้น ใบหน้าสวยหวานยามไม่ถูกปกคลุมไปด้วยเครื่องสำอางก็ทำให้ดูเยาว์วัยกว่าปกติ และที่สำคัญแววตาคุ้มคลั่งแบบที่เห็นในวันนั้นก็หายไปแล้วด้วย

“ที่นี่เขามีจิตแพทย์น่ะ ฉันต้องพบจิตแพทย์อาทิตย์ละสามครั้ง เพื่อรักษาอาการที่ตัวเองเป็น” พรวลัยพูดออกมาหลังจากที่ทรุดลงนั่งตรงข้ามเผชิญหน้ากับปราณันต์เรียบร้อยแล้วดูเหมือนว่าเธอกำลังตอบคำถามในสิ่งที่ปราณันต์สงสัยซึ่งถูกส่งผ่านออกมาจากแววตากลมอย่างชัดเจน

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้จะเสียมารยาท” ปราณันต์ค้อมศีรษะให้คนตรงข้าม เพราะไม่อยากให้พรวลัยคิดว่าเขากำลังละลาบละล้วงเรื่องของเธอ

“ช่างเถอะ มีอะไรก็ว่ามา ถ้าอยากจะมาเคลียร์เรื่องระหว่างเราสามคนให้จบ ก็เริ่มมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย ฉันไม่อยากเสียเวลา” พรวลัยเป็นคนเริ่ม ทำเอาปราณันต์กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ ก่อนที่จะพูดออกมาเช่นกัน

“ผม..” คามินกุมมือปราณันต์แน่นขึ้น เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะเริ่มพูด เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจ “ผมจะไม่ฟ้องร้องอะไรคุณพรวลัย ทุกย่างปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมาย ผมจะไม่สืบสาวให้เรื่องของพวกเรามันบานปลายมากยิ่งไปกว่านี้ บอกตามตรง ไม่ใช่ผมไม่แค้นหรือไม่เสียใจที่คุณมาพรากพ่อกับแม่ไปจากผม แต่ผมคิดว่าต่อให้ผมฟ้องร้องคุณให้ติดคุกนานกว่านี้ เสียชื่อเสียงมากกว่านี้ ก็คงไม่ได้ทำให้พ่อกับแม่ผมฟื้นขึ้นมาได้ และผมเองก็รู้ดีว่าตอนนี้ในใจของคุณก็คงจะเจ็บปวดและทรมานมาก กับทุกสิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นกับชีวิตคุณ บอกตามตรงถึงผมจะไม่ใช่คนดีเด่มาจากไหน แต่ผมก็ซ้ำเติมคุณไม่ลงจริงๆ”

ปราณันต์ยังคงพูดต่อ เหมือนพอได้เริ่มพูด ทุกอย่างที่อยู่ในใจก็ถูกเผยออกมาจนหมดสิ้น “อีกอย่าง ผมเองก็ทำไม่ดีกับคุณไว้ไม่น้อย ผมทำให้คุณเสียใจ ผมพรากผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณมาเป็นของตัวเอง ผมเองก็รู้สึกผิดในเรื่องนี้ ผมคิดว่าอย่างน้อย ผมก็อยากทำอะไรบ้างสักนิด เพื่อเป็นการขอโทษที่ผมทำให้คุณผิดหวังและเสียใจ ขอโทษนะครับ”

พอพูดจบปราณันต์ก็ค้อมศีรษะลงอีกรอบเพื่อเป็นการแสดงออกว่าเขาเสียใจมากแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ส่วนพรวลัยเองหลังจากได้ฟังปราณันต์พูด เธอก็นั่งนิ่งจนไม่มีใครดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายเธอก็เปิดปากพูดออกมาช้าๆ

“ก่อนอื่นเลยนะปราณันต์ ฉันคงขอโทษเธอไม่ได้” คามินรั้งปราณันต์เข้าหาตัวเองราวกับกำลังจะปกป้องทันที เมื่อได้ยินพรวลัยพูดแบบนั้น ซึ่งพรวลัยเองก็มองภาพตรงหน้าก่อนจะแค่นหัวเราะเบาๆ

“หึ! ใจเย็นๆ ค่ะครามฉันยังพูดไม่จบ .. ที่ฉันบอกว่าฉันคงขอโทษเธอไม่ได้นั่นเป็นเพราะ ฉันมันก็เป็นของแบบนี้แหละปราณันต์ ฉันเกิดมาไม่เคยต้องขอโทษใคร ฉันไม่เคยผิดหวัง ไม่เคยเสียใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้เสมอ เมื่อมีเธอเข้ามาแย่งของที่ฉันควรจะต้องได้ ถ้าฉันจะสติแตกมันก็ไม่แปลกเลยสักนิด เพราะฉะนั้นการที่เธอมาขอโทษฉัน นั่นมัน.. ก็ถูกแล้ว”

“พรวลัย!” คามินแผดเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความโกรธ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะพูดแบบนี้ แม้ปราณันต์จะทำและพูดดีกับเธอมากขนาดนั้นแล้วก็ตาม

“คุณ ใจเย็นๆ ฟังคุณพรวลัยให้จบก่อนสิ” ปราณันต์ปราม เพราะเขาคิดว่าสิ่งที่พรวลัยอยากพูดน่าจะมีมากกว่านั้น

“แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกเธอก็คือ..” พรวลัยยังพูดต่อไปโดยที่ไม่ได้สนใจท่าทีเกรี้ยวกราดของคามินสักนิด “แค่ขอโทษแล้วก็ขอให้ทุกอย่างระหว่างเรามันจบไปซะ ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องรู้สึกค้างคาอะไรกับฉันอีก เพราะในความเป็นจริงครามก็ไม่ได้สำคัญกับฉันมากขนาดนั้น ที่ฉันอยากได้เขามาก็เพราะฉันอยากจะเอาชนะ แต่ฉันไม่เคยรักเขาเลยสักนิด ดังนั้น ในวันนี้ที่เธอมาขอโทษฉัน ฉันก็จะรับไว้ แล้วก็เคลียร์เรื่องระหว่างเราสักที ฉันไม่อยากให้เธอมาเข้าใจผิดๆ ว่าเธอทำให้ฉันต้องสูญเสียคนที่ฉันรัก เพราะในความเป็นจริงแล้ว ฉันไม่เคยรักคามินเลยแม้แต่วินาทีเดียว”

ใบหน้าสวยหวานปรายตาไปมองคามินนิดๆ ก่อนจะยกมือเชิงขอโทษขอโพย “ขอโทษนะที่ต้องพูดตรงๆ หวังว่าคงไม่เสียความมั่นใจ”

ปราณันต์กลั้นขำ ตอนเห็นท่าทีแบบนั้นของพรวลัย และก่อนที่ปราณันต์ทำท่าจะพูดต่อ พรวลัยก็ตัดบทขึ้นมาเสียก่อน

“พอแล้ว ฉันไม่อยากคุยกับเธอสองคนแล้ว เอาเป็นว่า เรื่องระหว่างเราขอให้จบแค่ตรงนี้ และหวังว่าชาตินี้เราคงไม่ต้องมาพบมาเจอกันอีก... ขอโทษด้วยที่ฉันไม่ใช่คนดีแบบเธอขนาดนั้น ปราณันต์” พรวลัยลุกขึ้นยืนก่อนที่จะหันไปหาผู้คุมเพื่อส่งสัญญาณ “ฉันทำได้ดีสุดๆ ก็แค่นี้แหละ”

ปราณันต์ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าพรวลัยกำลังจะถูกผู้คุมพากลับเข้าห้องขัง “คุณพรวลัย...”

พรวลัยหันกลับมาพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้คนทั้งสอง

“เอาเป็นว่าฉันขอให้เธอทั้งสองคนมีความสุขก็แล้วกันนะ...” ก่อนที่พรวลัยจะหันไปสบตากลมของปราณันต์จริงจัง และปราณันต์ก็มั่นใจมากว่าเขาเห็นน้ำใสๆ เคลือบอยู่ในดวงตาเรียวสวยคู่นั้น “...แล้วก็ขอบคุณมากปราณันต์สำหรับสิ่งที่เธอทำ ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ฉันก็รู้ว่าที่เธอทำอยู่นั้นเรียกว่าความเมตตาและความดี แม้ฉันจะไม่คู่ควรจะได้รับ แต่ฉันก็ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริงๆ”

แล้วพรวลัยก็เดินหันหลังกลับออกไปพร้อมกับผู้คุม ทิ้งคามินที่กำลังโอบกอดปราณันต์ไว้ข้างหลัง ทิ้งเรื่องราวและความเจ็บปวดทั้งหมด เพื่อเป็นการบอกว่าเธอพร้อมจะเดินหน้าต่อไป โดยไม่ได้ติดค้างอะไรกับใครอีก ไม่ว่าจะป็นคามิน หรือปราณันต์ก็ตาม

.

.

.

ช่วงเวลาผ่านไป คดีความของพ่อกับแม่ของปราณันต์ถูกนำมาพิจารณาและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ศาลตัดสินให้พรวลัยจำคุกห้าปี ฐานขับรถโดยประมาทและทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต โดยที่ทางพรวลัยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายและค่าทำขวัญให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเป็นเงินจำนวนก้อนใหญ่พอสมควร ซึ่งนั่นคือบทสรุปของคดี และทางครอบครัวของพรวลัยเองก็ไม่ได้อุทธรณ์คดีหรืออะไรต่อ ซึ่งนั่นเป็นความต้องการของพรวลัย เพราะเธออยากจะชดใช้ในสิ่งที่เธอได้ทำไว้ ไม่อยากหนีหรือซุกซ่อนตัวเองไว้ใต้ร่มเงาของความไม่ถูกต้องอีกแล้ว

พอหลังจากทุกอย่างได้ข้อสรุป คามินก็มาพูดคุยกับปราณันต์จริงจัง เขาอยากคบกับปราณันต์แบบเปิดเผย อยากบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าปราณันต์คนนี้คือคนรักของคามิน แต่จากกระแสข่าวลบๆ ระหว่างเขากับปราณันต์แรกๆ ทำให้คามินไม่สบายใจนัก เพราะไม่รู้ว่าปราณันต์คิดยังไง วันนี้เขาจึงตั้งใจแล้วว่าอยากจะเคลียร์กับปราณันต์ให้รู้เรื่อง

“คุณปราณครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” ขณะที่ปราณันต์กำลังเตรียมอาหารเย็นสำหรับฝาแฝดและตัวคามินอยู่ครัว คนตัวโตเลยตัดสินใจพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“ว่าไงครับ คุณมีเรื่องอะไรหรอ” ปราณันต์ถามกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ คามินเลยกล้าที่จะเดินหน้าต่อ

“เรื่องของเรา ผมอยากทำให้มันชัดเจน” น้ำเสียงของคามินยามพูดฟังดูจริงจังเสียจนปราณันต์ต้องพักมือที่กำลังทำอาหารอยู่ แล้วเดินมานั่งเผชิญหน้ากับคามินที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าและแววตาเปื้อนยิ้ม

“ชัดเจนสำหรับใครครับ ถ้าสำหรับผม ผมรู้แล้วว่าคุณรักผมมาก คุณยอมเจ็บตัวแทนผม คุณดูแลผมอย่างดี ผมไม่คลางแคลงใจอะไรอีกแล้วกับเรื่องของเรา แต่ถ้าสำหรับคุณ ผมไม่แน่ใจว่าผมชัดเจนมากพอรึยัง” ปราณันต์พูดเรื่อยๆ ไม่ได้คิดจะกดดันหรือทำให้คามินรู้สึกไม่ดี

“ไม่เลยครับ สำหรับผม ผมก็รู้ว่าคุณปราณรักผมมาก คุณปราณให้อภัยคนโง่และคนนิสัยไม่ดีอย่างผมครั้งแล้วครั้งเล่า ผมไม่ติดใจอะไรเลยกับความรักของคุณ” คามินรีบตอบ เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้ปราณันต์เข้าใจอะไรผิด

“อ่าว แล้วคุณอยากให้เรื่องของเราชัดเจนสำหรับใครล่ะครับ” คนตัวบางเอียงคอถาม ซึ่งท่าทางแบบนั้นมันน่ารักเสียจนคามินอดยื่นหน้าไปจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอิ่มไม่ได้


จุ๊บ~


“เอ๊ะ คุณนี่” แล้วก็เป็นไปตามคาด เขาได้รับเสียงโวยวายของปราณันต์ไล่หลังมาตามระเบียบ

“ผมหมายถึงว่าอยากให้ชัดเจนสำหรับทุกคน ผมอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าคุณสำคัญสำหรับผม ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าคุณคือคนที่ผมรัก ผมไม่อยากให้ใครมาติดภาพ ว่าคุณแย่งผมมาจากพรวลัย อีกอย่าง...” คามินทำท่าจะร่ายยาวแต่ปราณันต์กลับตัดบทขึ้นมาก่อน

“คุณครามครับ ผมแคร์คุณมากกว่าใครทั้งหมดบนโลกนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ก็ได้ครับ มีแค่คุณ ผม ครอบครัวของเรา เพื่อนของเรา รับรู้กันแค่นี้ ผมก็โอเคมากๆ แล้ว”

ปราณันต์ลุกขึ้นเดินไปนั่งคร่อมบนตักแกร่งของคามินพลางยิ้มหวาน ยิ้มหวานที่กระตุกให้หัวใจของคามินเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งได้

“มันไม่ต้องชัดเจนสำหรับใครหรอกครับ แค่ชัดเจนสำหรับผมกับคุณก็พอ”

จบคำ ริมฝีปากอิ่มก็ยื่นไปจูบริมฝีปากหยักของคามินอย่างดูดดื่ม คนที่ไม่ประสีประสาเรื่องจูบในสมัยก่อนหายไปแล้ว มีแต่ปราณันต์คนใหม่ที่เรียนรู้การจูบมากจากคามินผู้ที่เป็นครูชั้นยอดได้อย่างดีไม่มีที่ติ

คามินขยับริมฝีปากรอรับให้ปราณันต์รุกล้ำเข้ามาสำรวจได้ตามใจชอบ และแน่นอนว่าปราณันต์ก็ไม่ทำให้คามินผิดหวัง ปากอิ่มเลาะเล็มดูดดึงริมฝีปากของคามินจนเกิดเสียงดังระงมไปทั้งห้อง ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ดูเหมือนว่าตอนนี้อารมณ์ของคามินเริ่มถูกจุดติดแล้ว มือใหญ่เริ่มล้วงเข้าไปผ่านชายเสื้อของปราณันต์ และขณะที่กำลังไต่ขึ้นสูงเพื่อจะไปทักทายยอดอกคนตัวเล็กกว่านั้น มือเล็กของปราณันต์ก็ตะปบไว้ได้ก่อน พร้อมๆ กับที่ริมฝีปากอิ่มผละออกจากริมฝีปากของคามินแบบไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว

ปราณันต์ยิ้มซุกซน ก่อนจะลุกขึ้นยืนแบบไม่สนใจเลยว่าตอนนี้อารมณ์ของคามินกำลังเตลิดไปถึงไหน

“อย่าซนสิครับ กับข้าวยังทำไม่เสร็จเลย”

คามินได้แต่มองตามขาเรียวยาวและสะโพกกลมๆ ที่เดินผละจากเขาไปอย่างเสียดาย บอกแล้วว่าไม่มีอีกแล้วปราณันต์คนที่ใสซื่อคนนั้นน่ะ

ปราณันต์หันมามองคามินที่กำลังมองมาทางเขาตาละห้อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อ

“ที่จริงผมก็ว่าจะมีเรื่องปรึกษาคุณอยู่เหมือนกัน”

“เรื่องอะไรล่ะครับ” คามินตอบเสียงหงอยๆ ตอนนี้ในหัวเขามีแต่ภาพปราณันต์ นอนครวญครางหมดเรี่ยวแรงอยู่ภายใต้อาณัติเขาเท่านั้นแหละ

“คุณว่าผมทำอาหารอร่อยไหม” จู่ๆ ปราณันต์ก็ถามขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คามินก็พยักหน้ารับช้าๆ ถึงจะงงๆ แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ปราณันต์เป็นคนที่ทำอาหารอร่อยจริงๆ น่าจะเป็นเพราะทำให้ฝาแฝดทานมาตั้งแต่เด็กๆ ปราณันต์เลยต้องสร้างสรรค์คิดเมนูใหม่ให้เด็กๆ อยู่เรื่อย ทั้งต้องได้ประโยชน์ และต้องอร่อย และต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อให้เด็กๆ ไม่เบื่อ นั่นทำให้ฝีมือทำอาหารของปราณันต์ แทบจะไม่น้อยหน้าเชฟในภัตตาคารใหญ่ๆ เลยทีเดียว

“คุณว่าผมเปิดร้านอาหารดีไหม ผมอยากเอาเงินที่ได้จากคุณพรวลัยมาตั้งตัว” ปราณันต์พูดยิ้มๆ เหมือนคนที่กำลังอยากจะทำตามความฝันของตัวเอง “ผมอยากมีร้านอาหารเล็กๆ สักร้าน ผมจะออกแบบและสร้างสรรค์ร้านของผมเองกับมือ”

คามินมองตามปราณันต์ที่กำลังพูดถึงสิ่งที่ตัวเองอยากทำอย่างมีความสุขแล้วอดยิ้มตามไม่ได้

“ผมมาลองคิดๆ ดู ถ้าผมทำร้านอาหาร มันก็เป็นกิจการของผมเอง ผมสามารถไปรับไปส่งฝาแฝดที่โรงเรียนได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนใคร หลังจากเด็กๆ เลิกเรียนแกก็สามารถมานั่งรออยู่กับผมได้ โดยไม่ต้องแกร่วอยู่ห้องลำพังในขณะที่ผมหรือคุณต้องออกไปทำงาน ผมคิดว่ามันน่าจะดีทั้งกับผม กับน้อง ผมเลยอยากปรึกษาว่าคุณคิดว่าดีไหมถ้าผมจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง”

คามินยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง ก่อนที่จะเดินไปกอดคนรักไว้แน่น พลางกระซิบบอกปราณันต์อย่างแสนรัก

“ไม่ว่าคุณปราณจะอยากทำอะไร ผมพร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ อะไรที่เป็นความฝัน ความหวัง ความต้องการของคุณปราณ สิ่งเหล่านั้นก็เป็นความฝัน ความหวัง และความต้องการของผมด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น คุณปราณอยากทำอะไร คุณปราณทำได้เลย ผมพร้อมจะสนับสนุนและอยู่ข้างๆ คุณตรงนี้ ไม่ทิ้งไปไหนหรอก”

คามินกดริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของคนรักราวกับอยากจะให้คำสัญญา โดยที่มีปราณันต์ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวโตที่เขารัก ก่อนที่คามินจะสำทับติดตลกอีกประโยค ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากปราณันต์ได้เป็นอย่างดี

“หรือต่อให้คุณจะไม่ทำอะไรเลยก็เถอะ เงินที่ผมมี เลี้ยงคุณกับน้องๆ ได้สบายๆ ไปทั้งชาติเลยแหละ”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีใครมาพูดแบบนี้กับปราณันต์เขาจะโกรธ แต่ตอนนี้มันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว นั่นเป็นเพราะปราณันต์เรียนรู้ที่จะรักและรับความรักจากคนอื่น มันไม่ได้หมายความว่าคนที่พูดแบบนี้จะดูถูกเขาเสมอไป บางทีปราณันต์ก็ต้องยอมอ่อนลงบ้าง เพื่อให้คนรักได้ทำหน้าที่ดูแลและเอาใจใส่ ให้เขาได้สบายใจว่าอย่างน้อยเขาก็ได้ทำเต็มที่ เพื่อให้อีกฝ่ายมีความสุข

ทั้งสองมองหน้ากันและกันก่อนจะยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงอนาคตข้างหน้าที่รอให้เขาจับมือพร้อมที่จะเผชิญไปด้วยกัน

.

.

.

ผ่านไปหลายเดือน และในเวลานี้ร้านอาหารเล็กๆ ของปราณันต์ถูกก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในที่สุด บรรยากาศของร้านออกแนวนั่งสบาย เป็นได้ทั้งคาเฟ่ และร้านอาหารสำหรับสังสรรค์ ปราณันต์บรรจงออกแบบทุกตารางนิ้วในร้านของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ลักษณะ บรรยากาศ หรือแม้กระทั่งของแต่งร้านชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปราณันต์ก็เลือกและจัดเรียงมันเองกับมือ

ส่วนเรื่องเมนูอาหารปราณันต์ก็ประดิษฐ์และสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ขึ้นมาหลายเมนู ส่วนใหญ่ก็เป็นเมนูที่เขาเคยทำให้ฝาแฝดทาน แล้วเอามาประยุกต์นั่นนี่อีกนิดหน่อย เพื่อให้เหมาะกับวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ ซึ่งดูแล้วแปลกใหม่ และน่าจะเรียกลูกค้าได้ไม่น้อย

และแล้ววันเปิดร้านก็มาถึง ปราณันต์เชิญอดีตท่านประธานและคุณแม่มาเป็นผู้ตัดริบบิ้นเปิดร้าน และนอกจากนี้ก็มีเพื่อนๆ ทั้งของเขาและคามินมาร่วมแสดงความยินดีกันครบ ส่วนฝาแฝดนี่ไม่ต้องพูดถึง เจ้าหนูตัวน้อยทั้งคู่วิ่งวุ่นดูแลคนนั้น ยกน้ำยกอาหารเสิร์ฟคนนี้ตั้งแต่เช้า พอมีคนถามว่าพี่ปราณจ้างเท่าไหร่ให้มาทำแบบนี้ เจ้าหนูก็ตอบอย่างภาคภูมิใจว่า


‘พี่ปราณไม่ได้จ้างครับ แต่เราสองคนเป็นหุ้นส่วนร้าน เลยต้องดูแลลูกค้าอย่างดี’


คนเป็นพี่ที่ได้ยินแบบนั้นก็อดขำไม่ได้ นี่ไม่รู้เลยว่าถ้าเด็กๆ รู้ว่าอาหารที่เสิร์ฟไปตั้งแต่เช้านี่ไม่ได้เงินสักบาท คุณหุ้นส่วนของร้านจะงอแงมากแค่ไหนกัน

การทำพิธีเปิดร้านใหม่เต็มไปด้วยความราบรื่น และเสร็จไปอย่างเรียบร้อย จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงเย็น ก็มีปาร์ตี้เล็กๆ ในร้านเกิดขึ้น โดยมีคุณหุ้นส่วนกิตติมศักดิ์ทั้งสองของร้านทำการแสดงเต้นในชุดหมีแพนด้าให้แขกที่มาร่วมงานดู เจ้าหนูฝาแฝดออกมาในชุดมีแพนด้าน้อยอ้วนๆ กลมๆ ป้อมๆ พร้อมกับมายักย้ายส่ายสะโพกกับก้นตึงๆ ให้พวกผู้ใหญ่ดู ทำเอาแขกที่มาร่วมงานขำกันท้องคัดท้องแข็งเลยทีเดียว

และพอเห็นว่าทุกคนกำลังง่วนกับการแสดงของฝาแฝดบนเวที ปราณันต์เลยค่อยๆ ลุกแยกออกมาเพื่อทำกับแกล้ม และอาหารทานเล่นเพิ่ม ให้ทุกคนทานต่อ

ซึ่งพอปราณันต์เดินแยกเข้าไปในครัว และกำลังเพลินๆ กับการทำอาหารอยู่นั้น เขาก็ได้รู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นตรงเข้ามากอดเขาจากด้านหลัง

“คุณปราณ..” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยไม่เรียกป่าว แต่คามินกลับกดจมูกโด่งเป็นสันลงบนแก้มนิ่มช้าๆ ด้วย

“อยากได้อะไรเพิ่มหรอครับ” ปราณันต์ถาม

“เปล่าครับ ผมไม่ได้อยากได้อะไร แค่อยากกอดคุณเฉยๆ วันนี้เราสองคนไม่ได้มีเวลาส่วนตัวด้วยกันเลยนะ” คามินพูดอ้อนๆ ปราณันต์รู้ดีว่าคามินไม่ได้น้อยใจอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแค่อยากจะอ้อนให้เขาเอาใจมากกว่า ซึ่งส่วนใหญ่ปราณันต์ก็ไม่เคยขัด เพราะเห็นว่าเป็นคนรักกัน ผลัดกันดูแลกัน ง้อกัน เอาใจกัน มันก็น่ารักอยู่ไม่น้อย และครั้งนี้ก็เช่นกัน ปราณันต์จึงเลือกที่จะพูดเสียงหวานใส่อีกฝ่าย

“งั้นมาครับ มากอดกัน แต่ผมตัวเหม็นหน่อยนะ” ปราณันต์พูดเย้าๆ พร้อมหันกลับมากางแขนเรียวออกกว้างรอให้คามินโผเข้ามาหา และแน่นอนว่าคามินก็แทบจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายในแทบจะทันทีทันใดเลยด้วยซ้ำ

“คุณปราณไม่เคยตัวเหม็นสักหน่อย หอมจะตาย หอมทุกซอกมุกมุมเลย" ไม่พูดเปล่าคามินกลับซุกจมูกลงไปบนแก้ม ตามซอกคอของคนตัวเล็กกว่าอย่างเอาแต่ใจ

คามินทั้งกอดทั้งหอมเขาอยู่แบบนั้นจนปราณันต์คิดว่าเดี๋ยวอีกสักพักจะต้องเลยเถิด ถ้าไม่ห้ามปรามกันไว้ก่อน

“ไม่เอาครับ คนอยู่ข้างนอกเยอะแยะเลยนะ”

คามินทำหน้ามุ่ย พลางผละออกช้าๆ ก่อนที่จะกอดเอวบางไว้หลวมๆ แล้วพูดอย่างออดอ้อน

“นี่ขนาดเปิดร้านวันแรก ยังไม่มีลูกค้า คุณปราณยังยุ่งขนาดนี้ ผมไม่อยากจะคิดถึงวันเปิดร้านจริงๆ จังๆ เลย คุณปราณต้องไม่มีเวลามาคอยจู๋จี๋กับผมแน่ๆ”

คนตัวโตพูดกระเง้ากระงอดเหมือนกับลูกหมาตัวโตๆ ทำเอาปราณันต์อดขำอย่างเอ็นดูไม่ได้ ก่อนจะถามคามินอย่างเอาใจ

“แล้วจะทำยังไงดีครับ งานก็ต้องทำ ไหนจะต้องจู๋จี๋กับคุณอีก” ปราณันต์ถามติดตลก แต่ไม่คิดว่าคามินจะจริงจัง เพราะจู่ๆ คนตัวโตกว่าก็เผยรอยยิ้มซุกซน พลางพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับปราณันต์อย่างตื่นเต้น

“ผมว่าเราน่าจะลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง... ในห้องครัวนี่ก็น่าสนนะ”

ตอนแรกปราณันต์ยังไม่เข้าใจเรื่องเปลี่ยนบรรยากาศที่คามินพูด แต่พอนึกเรียบเรียงในใจได้ ตากลมก็เบิกโตจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า มือเล็กฟาดลงบนต้นแขนแข็งแรงที่กำลังโอบกอดตัวเองอยู่อย่างไม่ออมมือ

“คุณนี่! ทำไมลามกแบบนี้นะ” เสียงหวานต่อว่าไปก็หน้าแดงไป แต่เอาเข้าจริงปากอิ่มก็อมยิ้ม เพราะแอบคิดอยู่ว่าคงจะน่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยถ้าได้ลองทำจริงๆ

“แหนะ คุณปราณแอบยิ้ม ผมเห็น” คามินแซว พลางกระซิบเสียงเจ้าเล่ห์ “น่านะ วันหลังลองกันดีไหม ผมว่าน่าตื่นเต้นออก”

“คุณนี่!!”

และก่อนที่ปราณันต์จะใจแตกคล้อยตามคามินไปมากกว่านี้ เจ้าหนูฝาแฝดก็วิ่งเจี๊ยวจ๊าวเข้ามาตามทั้งสองเสียก่อน

“พี่ครามมมม พี่ปราณณณ” เสียงปัณณธรน้อยลากยาว ทำเอาทั้งคู่ผละออกจากกันแทบไม่ทัน

“คุณตาพ่อกับคุณยายให้มาเรียกค้าบ บอกให้ออกไปทานข้าวกัน”

พอได้ยินปุณณกันต์บอกแบบนั้น ทั้งสองก็จูงมือเด็กฝาแฝดออกมาสมทบกับคนอื่นๆ ก่อนจะนั่งล้อมวงและทานอาหารกันอย่างมีความสุข

เสียงหัวเราะดังประสานและอบอวลไปทั่วร้านเล็กๆ ของปราณันต์ โดยมีคามินนั่งกุมมือปราณันต์ที่กำลังมองน้องชายฝาแฝดของตัวเองเจื้อยแจ้วเล่านู่นเล่านี่ให้คนอื่นฟังด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้คามินเห็นแล้วยิ้มตามได้ไม่ยาก เขาได้แต่คิดในใจอย่างมีความสุขว่า ขอแค่ปราณันต์ยิ้ม เขาก็จะยิ้มตามโดยไม่กังขา และถ้าปราณันต์ร้องไห้ เขาก็พร้อมจะโอบกอดคนๆ นี้ไว้และร้องไห้ไปพร้อมๆ กับคนที่เขารัก

ชีวิตนี้คามินคิดว่าตัวเองมีครบแล้ว เมื่อได้พบกับปราณันต์... ปราณันต์คนที่เข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตที่แสนเย็นชาของเขา ให้ได้รู้จักความรัก การเสียสละ และการมีชีวิตอยู่เพื่อใครสักคน

บางทีคามินก็อยากจะขอบคุณไอ้เพื่อนพิเรนทร์ของเขาที่ชวนเขาเล่นเกมบ้าๆ นั่น ถ้าเขาไม่ได้เริ่มเล่นเกมนั้น เขาก็คงไม่ได้มีปราณันต์ในชีวิตวันนี้ และถึงแม้ที่ผ่านมามันจะไม่ได้สวยงามและอาจมีอุปสรรคบ้างในบางครั้ง แต่เขาและปราณันต์ก็ฝ่าฟันมันมาจนได้มีความสุขในวันนี้ และคนที่คามินต้องขอบคุณมากที่สุดก็เห็นจะเป็นคนข้างๆ เขานี่แหละ


คนที่ให้อภัยแม้ว่าเขาจะทำผิดอย่างร้ายกาจ

คนที่รักทั้งๆ ที่เขามีข้อบกพร่องมากมาย

คนที่คอยดูแลเอาใจใส่แม้ว่าเขาจะเผลอใจร้ายไปในบางครั้ง

และคนๆ นั้นคือปราณันต์



คามินกระชับมือเล็กให้แน่นขึ้น ก่อนจะโน้มใบหน้าไปใกล้หูนิ่มของคนที่นั่งข้างๆ และกระซิบถ้อยคำหวานล้ำ ซึ่งถึงแม้เสียงรอบข้างของปราณันต์จะดังโหวกเหวกมากแค่ไหน แต่ปราณันต์กลับได้ยินคำนั้นจากคามินชัดเจนที่สุด


“ปราณันต์ครับ ผมรักคุณ”


และครั้งนี้มันไม่ใช่คำบอกรักที่บอกผ่านจากแค่ริมฝีปาก แต่มันคือคำบอกรักที่บอกผ่านมาทางสายตาคมคู่นั้นด้วย สายตาที่บอกปราณันต์ว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้รักคนที่อยู่ตรงหน้ามากแค่ไหน และนั่นทำให้ปราณันต์ไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะกระซิบคำนี้ตอบกลับไปเช่นกัน


“คามิน ผมก็รักคุณเหมือนกันครับ”


ไม่มีเกม ไม่มีการหลอกลวง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ อีกต่อไปทั้งนั้น ที่เหลือตอนนี้มีแค่ผู้ชายหนึ่งคน ที่รักผู้ชายอีกคนด้วยทั้งหมดของหัวใจซึ่งมาจากใจจริงๆ และมันจะเป็นอย่างนี้ตราบจนตลอดไปนานเท่านาน



- THE END -


------------------------------------------------------

Last Talk: ก็.. จบแล้วค่ะ จบลงไปแล้วววว อีกเรื่อง .. ขอบคุณมากๆ นะคะที่ติดตามกันมาจนถึงแช๊ปเตอร์นี้ ขอบคุณมากๆ เลยยยยย

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ทุกยอดโดเนทที่ส่งเข้ามา ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ถ้ามีคำไหนมากกว่าคำว่าขอบคุณเรายกให้ทุกคนหมดเลยยย

ก็.. อาจจะเขียนเรื่องใหม่อีกสักเรื่อง แต่แค่อาจจะนะคะ ถ้าว่างพอและมีกำลังใจ ถ้าเขียนเที่ยวนี้ก็คงจะเขียนใส่สต็อกไว้เยอะๆ แล้วค่อยเอามาลง ถ้ายังไงเราเอามาลงก็ฝากทุกคนติดตามและช่วยให้กำลังใจเหมือนที่ผ่านๆ มาด้วยน้าาา

ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยยยย ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ <3

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
สนุกมากค่า จะรออ่านผลงานใหม่ๆนะคะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ อีก 1 เรื่อง สนุกมากคับ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะครับ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
กว่าจะมาถึงวันนี้เจ็บกระดองใจไปหลายยก 55555 ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆและมาอัพในthaiboysให้ได้อ่านกันนะคะ น่ารัก  :katai2-1: :katai2-1: :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1: :L2: :3123: :L1: จะตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ  o13 o13

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ รอผลงานใหม่นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ samsung009

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด