(Part 6 : จบแล้วจ้า)
ผมที่ยังขยับไม่ได้ ถูกกอดอีกครั้ง ขณะกำลังเบี่ยงหน้าหนีเพราะไม่อยากจะจูบกับมันแล้ว เพราะทั้งเขินทั้งอาย แถมยังงอนมันด้วยที่ใช้วิธีบ้า ๆ ทำให้ผมเลิกโวยวายแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เลิกทำตัวคลุมเครือจนน่าหงุดหงิดนัก
แต่เจ้านัทไม่ได้จูบผมอีก เสียงนุ่มกระซิบข้างหูแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินดังขึ้นว่า “ฉันยอมบอกนายก่อนก็ได้ ว่าฉันรักนาย…ทีนี้นายบอกฉันหน่อยสิ ว่านายรักฉันบ้างไหม”
ผมหูฝาดไปรึเปล่า
เจ้านัทมันกำลังสารภาพรักกับผมใช่ไหมเนี่ย!!!
“ฉัน….”
ดวงตาคมเข้มที่จริงจังสุด ๆ จ้องผมตาไม่กระพริบ ลุ้นคำพูดประโยคนั้นจนแทบลืมหายใจ ท่าทางของเจ้าบ้านั่นทำให้ผมเขินเสียจนนอกจากแก้มที่แดงเรื่อ ยังแดงไปถึงหูทั้งสองข้างแล้วด้วยซ้ำ เลิกจ้องกันแบบนี้จะได้ไหม ใครจะไปพูดออกกันเล่า!
“ฉัน…ฉันไม่รักคนที่ทำค้าง ๆ คา ๆ แถมสารภาพรักก็ไม่ชัดถ้อยชัดคำหรอกนะ ทำอะไรไว้รับผิดชอบซะด้วยเลย!”
ใบหน้าคนฟังที่ตอนแรกมีเค้าแห่งความผิดหวัง กลับมีรอยยิ้มกว้างที่น่าดูนัก ท่าทางกระตือรือร้นสุด ๆ กลับมาอีกแล้ว พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่น่ากลัวเสียด้วย
“ถ้าฉันสารภาพรักให้นายได้ยินชัด ๆ แล้วทำให้นายเลิกอารมณ์ค้าง นายจะรักฉันไหม”
“อ…อื้ม……” ผมตอบรับเสียงแผ่ว เขินจนอยากจะมุดดินหนี แต่ตอนนี้ผมอยู่บนดาดฟ้า ไม่ใช่บนพื้น คงจะมุดลำบากอยู่ แถมเจ้าบ้านี่ยังมัด…จริงสิ
“แก้มัดได้แล้วนะ มันอึดอัดจะแย่แล้ว”
หากคนฟังกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอทำให้เลิกค้างก่อนแล้วกัน เสร็จแล้วจะแก้ให้นะ”
“ไม่นะ เอาออกเดี๋ยวนี้เลย…”
“น่า…ฉันรักนายนะเนย…ได้ยินไหม…ฉันรักนาย…”
ผมโวยวายไม่ออกไปเสียแล้ว ไอ้บ้านัทนี่ นึกจะสารภาพรัก ก็พูดไม่เลิกเลยนะ มันเขินนะ บอกแล้วไงว่ามันเขิน!!!
ริมฝีปากอุ่น ๆ นั้นหอมที่แก้มนุ่มของผมเบา ๆ ก่อนพูดต่อไปว่า “เวลานายโดนมัดแบบนี้ นายร้อนแรงที่สุดเลยนี่นา แถมยังอายได้น่ารักที่สุดในโลกด้วย ขอฉันเข้าไปในตัวนายอีกครั้งเถอะนะ” พูดไม่พูดเปล่า นิ้วคล่องแคล่วก็ค่อย ๆ แทรกเข้ามาอีกแล้ว ด้วยท่าที่ถูกจับยกขาข้างหนึ่งเหมือนเมื่อครู่ไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังขยับควานไปมาภายในเสียจนผมสะดุ้งเฮือก
“อ๊า…อย่ากวาดข้างในแบบนั้น…ไม่เอานิ้ว…ฉันอยากได้…”
“อยากได้อะไรล่ะ…คำสารภาพรัก…หรือจูบ…หรือว่าของ ๆ ฉัน?”
ผมมองมันก่อนจะยอมแพ้มันจนได้ ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นต่อเสียจนผมต้องยอมแพ้หรอกนะ แต่เพราะว่าผม…อยากให้เจ้านัท ทำทุกอย่างที่มันถามผมให้ครบอีกครั้งนี่นา
“ทั้งหมดนั่นแหละ ทำมาให้หมด แล้วฉันจะคิดอีกที ว่าจะรับรักนายไหม!”
เจ้านัทยิ้มน้อย ๆ ก่อนพูดต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นได้เลยขอรับ ทาสคนนี้จะทำให้ทุกอย่างที่นายท่านต้องการ”
คำพูดนั้นเล่นเอาผมพูดไม่ออกอีกครั้ง ได้แต่กัดริมฝีปากเบา ๆ ก่อนสั่งมันกลับว่า “ถ้างั้นก็รีบ ๆ ทำซะสิ”
พูดได้แค่นั้นก็ต้องหน้าแดงแล้ว เพราะคำพูดเบา ๆ ที่ตอบกลับ มันเป็นคำพูดที่ผมอยากได้ยินไม่รู้เบื่อ
“ฉันรักนาย…รักนายคนเดียว” ปากนั้นขยับเข้ามาใกล้ เสียงที่พร่ำบอกซึ่งมีเพียงผมที่ได้ยิน และร่างกายนี้…ที่จะเป็นของผมทั้งหมด
ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอีกครั้ง พร้อม ๆ กับการแทรกเข้ามาจากเบื้องล่างอย่างช้า ๆ แต่เติมเต็มจนถึงเบื้องลึก การขยับแผ่วเบาอย่างอ่อนโยนนั้นเสียดสีจนร่างกายรู้สึกดีนัก ผมขยับตัวตอบรับตามจังหวะที่ส่งผ่าน จังหวะร่วมของเราทั้งสอง ที่ทำให้เรา…รู้สึกดีร่วมกัน
ไม่ใช่แค่ร่างกายสักหน่อย ที่ต้องการกันและกัน
ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าใจของเราก็ต้องการกันและกันด้วย
“ฉันก็รักนาย” ผมกระซิบกลับ ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าหาล้ำลึกกว่าเดิม ร่างกายที่ไม่เป็นอิสระ ให้ความรู้สึกเหมือนถูกผูกมัดและเป็นเจ้าของได้ดีจริง ๆ
และในตอนนี้ ผมกลับเต็มใจให้ผูกมัดเสียด้วย
นานแค่ไหนก็จำไม่ได้ ที่พวกเราสนุกกันบนดาดฟ้าเสียจนสุดท้ายแล้วผมก็ได้แผลจากเจ้าเข็มขัดนั่นจนได้
ลิ้นนุ่มที่เลียไล้ที่ข้อมือ ตอนผมได้แต่นอนหมอบอยู่กับพื้นดาดฟ้า ทำให้ผมอดเขินอีกรอบไม่ได้ แต่ก็หมดแรงแล้วที่จะห้ามเจ้านัทมัน
“ขอโทษนะเนย” เสียงเจ้านัทดังขึ้นอย่างสำนึกผิด ที่ทำผมเจ็บ นาน ๆ ทีหรอก ที่มันจะขอโทษผม แต่วันนี้ดูมันใจดีเป็นพิเศษมากจริง ๆ
“ข้อมือน่ะ เดี๋ยวก็หาย แต่นายน่ะ ทำจนฉันเดินไม่ไหวแล้วนะ ต้องรับผิดชอบด้วย ที่นี่มันโรงเรียนนะ ไม่ใช่บ้านนาย ฉันกลับบ้านลำบากด้วย” ผมเริ่มประท้วงแกมอ้อน แน่ล่ะว่ามีโอกาสอ้อน เรื่องอะไรจะไม่ทำ
“เอาน่า ฉันรับผิดชอบแน่ มาสิ จะให้ฉันอุ้มหรือจะขี่หลังล่ะ”
“บ้า นายไม่ต้องอุ้มแบบนั้นอีกเลยนะ ฉันจะโดนแฟนคลับนายกระทืบตายก็เพราะทำแบบนี้” ผมพึมพำต่อว่าแก้เขิน หากเจ้านัทกลับหัวเราะ แต่ก่อนจะออกไป ผมก็รู้สึกว่ากำลังเผชิญปัญหาที่ใหญ่กว่าเสียแล้ว ก็สภาพผมตอนนี้ จะให้ใครเห็นได้ยังไงกัน
“เดี๋ยวก่อนนัท นายตั้งใจจะพาฉันไปที่ไหนน่ะ” ผมรีบถามมันทันที โดยยังไม่ยอมขึ้นขี่หลังมัน
คนฟังอมยิ้ม แล้วตอบว่า “ห้องพยาบาลน่ะสิ นายป่วยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้โรงเรียนยังไม่เลิก ยังไงก็ต้องที่นั่นแหละนะ”
ผมสะดุ้งด้วยความเขิน ขืนเข้าไปห้องพยาบาลก็ต้องโดนตรวจร่างกายน่ะสิ แล้วเจ้าบ้านี่ ดันฝากรอยจูบไว้เสียเต็มตัว แถมไหนจะตรงนั้นอีก ที่ปล่อยไว้ข้างในเสียเต็ม ผมไม่มีวันยอมให้เจ้าหื่นนี่ทำอะไรที่โรงเรียนอีกแล้ว
“เจ้าบ้า นายจะให้ฉันบอกอาจารย์ว่ายังไงกัน!” ผมพยายามจะหยุดมัน ที่คิดจะไปห้องพยาบาลอย่างตั้งใจเกินเหตุ
“เดี๋ยวก็แก้ตัวได้เองน่า ไม่เป็นไรหรอก” เจ้านัทพูดง่าย ๆ
“ไม่เอานะ ฉันไม่อยากเจอใครแล้ว ฉันอยากกลับบ้าน ข้างในของฉัน มันมีแต่ของ ๆ นายนะ ฉันทนให้หมดเวลาเรียนไม่ไหวหรอก” ผมพยายามอ้อนวอนด้วยน้ำตา
ใบหน้าแข็งแรงหันมายิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ “ถ้างั้นฉันจะโทรบอกให้คนมารับเอาไหมล่ะ แล้วก็ขออนุญาตพานายกลับบ้านด้วย แต่ว่า…ต้องเป็นบ้านฉันนะ วันนี้ปลอดคนไม่ต้องห่วง แล้วจะล้างให้สะอาดถึงส่วนลึกเลยรับรอง”
มันมีแผนแบบนี้แต่แรกแล้วสินะ ผมน่าจะรู้อยู่แล้ว ไม่งั้นมันคงไม่เสนอให้ไปห้องพยาบาลหน้าตาเฉยแบบนี้หรอก แต่ว่าผมเอง…ก็มีทางเลือกไม่มากนัก และมันก็…ฟังดูไม่เลวอยู่เหมือนกัน
“กะ…ก็ได้” ผมพึมพำตอบทั้งยังเขิน ๆ ด้วยรู้ดีว่าเจ้าบ้านี่แอบหวังรอบสองแหง ๆ แถมท่าทางจะในห้องน้ำเสียด้วย เจ้าหื่นนี่ชักติดใจเรื่องทำนอกสถานที่แล้วรึเปล่านะ
พอตัดสินใจได้ เจ้านัทก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นฉันว่าเรารอที่นี่ก่อนดีกว่านะ จะได้ไม่มีใครเห็น”
ผมมองเจ้านัทโทรศัพท์สั่งคนขับรถด้วยท่าทางของคุณหนูอันแสนน่าหมั่นไส้ แม้มันจะดูเท่มากก็ตามทีนั้นก่อนนึกขึ้นได้ พอเจ้านัทเลิกคุยโทรศัพท์ ผมจึงรีบถามขึ้นในทันที “เดี๋ยวสินัท ฉันยังสงสัย”
“อะไรอีกล่ะ” คนถามหันมามองผม ขณะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
“ทำไมวันนี้ นายถึงจูบฉันมากกว่าปกติ…แต่ก็ไม่ยอมจูบปากเสียที…หรือว่านายรู้…?”
คนฟังหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนพูดขึ้นว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่านายอยากให้ฉันทำอะไร แต่ฉันก็ไม่ยอมทำเพราะนายมันปากแข็งจนน่าหมั่นไส้นี่แหละ”
หน้าของผมแดงแป๊ดขึ้นอีกครั้ง เจ้าบ้านี่มัน…มันรู้อยู่แล้วงั้นรึ ว่าผมอยากให้จูบ!
ผมหลุดเสียงถามตะกุกตะกักออกไป “นะ…นายรู้ได้ยังไงกัน”
“ก็ถามเอาจากเจ้าพวกนั้นน่ะสิ นายคุยกับพวกเจ้าเอกนี่ ก่อนที่นายจะทำตัวแปลก ๆ ไป”
“นายรู้อยู่แล้ว…แล้วทำไม…ทำไม…นายถึงไม่เคย…”
คนถูกถามก้มหน้าเล็กน้อยอย่างเขิน ๆ ก่อนพูดขึ้นว่า “เพราะฉันรู้น่ะสิ ว่าการจูบปากมันเป็นการจูบเพื่อบอกรัก…ถ้าฉันทำได้ไม่ดี นายอาจจะปฏิเสธฉันก็ได้”
“นายหมายความว่า…”
คนถูกถามชักเขินมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ท่าทางนั้นน่ารักเสียจนผมเผลอใจเต้นอีกแล้ว
“…ใช่ ฉันน่ะ ไม่เคยจูบปากนายเลยสักครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะว่าฉันตั้งใจจะสนุกกับร่างกายของนายอย่างเดียวหรอกนะ ฉันก็แค่….ตั้งใจจะใช้มัน ตอนที่ฉันสารภาพ….เอ่อ…สารภาพรักกับนาย ดังนั้น ฉันจะต้องฝึกให้ดีจนนายประทับใจให้ได้เสียก่อน เพราะฉันไม่อยากถูกปฏิเสธ…”
พูดแล้วก็หันมายิ้มให้ก่อนถามกลับบ้าง
“ว่าแต่นายชอบจูบกับฉันไหม”
ผมชะงักอีกรอบ เจ้าบ้านี่ชอบตั้งคำถามน่าอายเสียจริง
“ถ้าไม่ชอบฉันจะจูบนายเหรอ งวดหน้าถ้าเราดูหนังกันแล้วทำเรื่องแบบนี้ แล้วนายไม่ยอมจูบฉันล่ะก็ ฉันจะไม่ทำกับนายอีกเลยคอยดู”
คนฟังหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า “ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชม ว่าฉันจูบเก่งนะ ว่าไง ระหว่างรอรถมารับ เรามาจูบกันอีกดีกว่าไหม” ถามพลางขยับเข้ามาใกล้อย่างกระตือรือร้นเต็มที่ ท่าทางมันคงเก็บกดจากการซุ่มฝึกจูบมายาวนานแหง ๆ
“บ้าสินายนี่ เราพึ่งทำ…”
ไม่ทันจะได้แย้งอะไร เราก็จูบกันต่อเสียแล้ว และกว่ารถของบ้านเจ้านัทจะมา ผมก็รู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งตัว ดูไม่สบายเสียจนขออนุญาตกลับบ้านได้อย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น
ไม่รู้ว่านั่นเป็นแผนของเจ้านัทหื่นรึเปล่า แต่คืนนั้นผมก็ฟังคำสารภาพรักแทบทั้งคืน จนสุดท้ายต้องหยุดเรียนวันรุ่งขึ้นเพราะป่วยเอาจริง ๆ เลยทีนี้
แต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้ ว่าจูบนั้นสำคัญแค่ไหน
ถ้าคุณมีคนรัก อย่าลืมให้เขาจูบคุณบ่อย ๆ ล่ะ แต่ก่อนจะจูบต้องหาทำเลเหมาะ ๆ ด้วยนะครับ อย่าเลียนแบบเจ้านัทหื่นนี่ ที่ทำให้ผมไข้กลับแถมแทบผิวลอก เพราะตากแดดบนดาดฟ้ามากเกินไป!
จบตอน จูบนั้นสำคัญไฉน?======================
จบแล้วนะคะสำหรับตอนนี้ ส่วนจะมีตอนอื่น ๆ อีกไหม คงแล้วแต่โอกาสและไอเดียละกันค่ะ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับคอมเมนต์ด้วยนะคะ ถ้าอยากให้มีต่ออีกก็ช่วยกันเมนต์เยอะ ๆ เน้อ ^^
ปล. ฝากนิยายเรื่องใหม่สองเรื่องที่กำลังแปะอยู่ด้วยค่ะ ถ้าสนใจไปอ่านกันได้นะคะ
>>
สืบเสน่หา แนวใสปิ๊งไร้เรท เรื่องราวของตำรวจหนุ่มกับคุณพระเอกหมอผี และหนูน้อยกุมารทองแสนน่ารัก
>>
หรรษาฆาตกรรม แนวหื่น+ฆาตกรรม โหดนิด ๆ หื่นมากหน่อย SM+อุปกรณ์ อ่านแล้วใช้วิจารณญาณนิดนึงนะคะ แนวนี้แรงหน่อยค่ะ ^^
ฝากไว้หน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ