รอบสุดท้ายของวัน อารมณ์เศร้ามากมาย ทำไงดี
**************************************************
เอ็มผละตัวออกมาจากอ้อมกอดของต่อมองสบตาแววตากังวลของนั่น
“กูอยากอยู่คนเดียวก่อน”
ต่อตัวชากับน้ำเสียงนิ่งๆนั่นส่ายหัวไม่รับรู้กับคำบอกของเอ็ม
“ไม่มีทางกูไม่มีทางปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวแน่”
“อย่าบีบคั้นกูต่อ”
“มึงต่างหากที่บีบคั้นกูมึงอยู่คนเดียวเดี๋ยวมึงก็ฟุ้งซ่านอีก”
“แล้วมึงจะแคร์อะไรที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะกูเหรอที่ตามมึงมาเพื่ออะไรก็ไม่รู้”
“กูรู้นะว่ามึงโกรธกูมึงอย่าโทษตัวเองดีกว่า”
“แล้วไงมึงก็ทำให้พี่สาวมึงมองกูเลวจนได้แล้วนิ”
“นี่มึงก็รู้ว่าที่พี่กูตบหน้ามึงเพราะใคร มึงจะมาพาลกูทำไม”
“มึงก็น่าจะรู้ตัวมึงดีว่าทำอะไรไว้กะกู”
เอ็มจะเดินหนีแต่ต่อรีบคว้ามือไว้เอ็มสะบัดจนหลุดกำลังจะสวนหมัดไปที่ใบหน้าต่ออีกครั้งที่วุ่นวายรั้งตัวเขาไว้ แต่ต้องชะงักมือค้างไว้เมื่อเห็นต่อยืนหลับตานิ่งเหมือนพร้อมที่จะรองรับอารมณ์โมโหของเอ็ม
“โธ่โว้ย!!!”
เอ็มเปลี่ยนเป็นลดมือลงมาผลักที่อกต่อสุดแรงจนคนโดนผลักล้มลงกับพื้นตรงหน้า เอ็มมองต่อที่กำลังพยุงตัวขึ้นด้วยอารมณ์สับสนโดยลืมสังเกตสีหน้าที่เจ็บปวดของต่อที่ลุกขึ้นแอบซ่อนมือไว้ข้างหลัง
ต่อบีบมือตัวเองแน่น ทั้งๆที่รู้สึกว่าเลือดอุ่นๆกำลังไหลอาบเต็มสองมือจากการโดนเศษแก้วทิ่มเอาเมื่อสักครู่
“เอ็ม..อย่าไล่กูไปไหนเลยนะ มึงจะไม่พูดหรือไม่สนใจกูก็ได้ แต่กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้นกูจะไม่ปล่อยให้มึงฟุ้งซ่านอีก”
ต่อกัดฟันแน่นเมื่อพูดจบเมื่อเริ่มปวดที่มือขึ้นมาแต่เอ็มยังไม่สังเกตเห็น
“เพื่ออะไร ยังไงกูก็ไม่ลืมสัญญาที่กูไว้ให้กับมึงหรอก”
เอ็มยิ้มหยันๆซึ่งต่อรู้ได้ทันทีว่ากำลังโดนประชด เขามองคนตรงหน้าอย่างเจ็บปวดในการกระทำของตัวเอง เอ็มคงจะโกรธเขามากที่จับได้ว่าเขาโกหก แต่เด็กหนุ่มก็ตอบโต้อะไรไม่ได้เมื่อเริ่มรู้สึกปวดมือหนักขึ้นจนปากเริ่มสั่นจากการเก็บอาการสองมือบีบเอาหากันแน่น
“โอ้ย!!”…
ต่อหลุดปากร้องออกมาเมื่อเริ่มทนไม่ไหวกับแผลที่โดนกด เอ็มเริ่มที่จะเอะใจ จึงเดินเข้าไปหาต่อที่เบี่ยงตัวหลบไปเรื่อยๆ
“มึงซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง”
เอ็มถามเมื่อต่อถอยห่างเขาไปเรื่อยๆ
“เปล่ามึงไปนั่งสงบอารมณ์ก่อนไปกู จะไม่กวนแล้วหายโกรธเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกะกู กูนั่งรอตรงนี้แหละ”
ต่อจะนั่งลงม้านั่งที่เขาถอยมาชนแต่เอ็มชิงที่จะดึงตัวเอาไว้ก่อนพร้อมๆกับคว้ามือต่อที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมาดู
“โอ้ย..”
ต่อร้องสุดเสียงเมื่อมือที่กุมแผลหลุดออกจากกันจนแผลเปิด เอ็มตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเลือดต่อไหลอาบมาที่มือเขา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหน้าซีดๆของต่อ รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจเมื่อนึกถึงภาพที่ต่อล้มไปกองที่พื้นก่อนที่จะลุกขึ้นมาเอามือไขว้หลังเพื่อซ่อนในสิ่งที่เกิดขึ้น
“แผลมันลึกมากเลยนะมึง”
เอ็มบอกเมื่อเห็นรอยแผลที่เปิดออก
“เฮ้ย..ไม่หรอกแค่นี้ใกลหัวใจ”
ต่อพยายามฝืนยิ้มบอกทั้งๆที่มือเริ่มสั่นเพราะความเจ็บเล่นไปถึงข้างใน เอ็มเองก็สัมผัสได้ถึงอาการเจ็บที่เกินจะฝืนของต่อเขามองต่ออย่างรู้สึกผิด
“อวดดีแล้วมันได้อะไรมานี่”
เอ็มรีบฉุดมือต่อไปที่รถเปิดประตูให้ต่อขึ้นไปนั่งก่อนจะรีบหาผ้าสะอาดมาพันแผลเอาไว้ลวกๆ
“เดี๋ยวกูพาไปทำแผลทนเจ็บหน่อยนะ”
เอ็มบอกเมื่อขึ้นไปนั่งข้างๆต่อ
“มึงคงเลิกเคืองกูแล้วใช่มั๊ย”
ต่อถามเบาๆเมื่อเอ็มขับรถพาเขาออกมา
“มึงเจ็บกูก็เจ็บกูขอโทษ”
เอ็มหันมาบอกคนข้างๆที่มองเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะไม่หายโกรธ
“แค่นี้กูก็ไม่เจ็บแล้ว”
ต่อบอกพลางยิ้มจางๆรู้สึกดีที่เห็นเอ็มแอบยิ้มที่มุมปากก่อนที่มือที่ว่างของเอ็มจะเอื้อมมายีหัวเขาเล่นเบาๆ
“ไอ้ตี๋เอ้ย..มึงนะมึงโดนกูทำขนาดนี้แล้วยังทนกูได้นะ”
“ก็กูรักมึงไง”
เอ็มชะงักมือเมื่อต่อบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ มือที่จับหัวต่อเมื่อสักครู่จึงเลื่อนมาจับมือต่อเบาๆ
“กูเชื่อมึงต่อกูเองก็ไม่ต่างไปจากมึง”
“แต่กูอยากได้ยินคำว่ารัก”
เอ็มหันมามองหน้าคนพูดที่มองเขาเหมือนรอคำตอบ
“รักครับ”
เอ็มบอกยิ้มๆต่อหลับตาเอนหลังลงที่เบาะ
“แค่นี้กูก็พร้อมที่อดทนและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อรักของเราได้แล้วล่ะ”
เอ็มนึกเห็นใจคนข้างๆขึ้นมา นึกถึงน้ำเสียงตะวาดและแววตาเอาเรื่องของต่อที่มองพี่สาวก่อนที่จะดึงเขาออกมาจากเหตุการณ์วุ่นวายนั่นนึกคิดว่ากลับไปต่อจะโดนอะไรบ้าง
“ถึงแล้วต่อ”
เอ็มเขย่าร่างต่อที่เผลอหลับไปต่องัวเงียตื่นมองคลินิคข้างหน้า
“นี่มันที่ที่กูเคยพามึงมาหาหมอวันแรกที่เจอกันนิ”
ต่อหันไปบอกเอ็ม
“ก็ไม่แปลกกูเริ่มรู้สึกดีกับมึงก็ที่นี่ไปเหอะ”
เอ็มลงรถลงไปก่อน ต่อยิ้มให้ตัวเองก่อนที่จะก้าวลงตามไปครั้งแรกเขามาเป็นเพื่อนคนป่วย แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับกันเอ็มนั่งส่งสายตายิ้มให้กำลังใจขณะที่เขากำลังเดินเข้าห้องทำแผล
.
.
.
“เรื่องมันเป็นไงเนี่ยเตย แม่งงหมดแล้ว”
แม่เข้ามาถามเตยที่นั่งหน้าบึ้งตึงกับพฤติกรรมน้องชายที่เหมือนตบหน้าเธอเข้าฉาดใหญ่
“จะอะไรซะอีกล่ะครับก็เพื่อนต่อรุมเราสองคนไง”
ตั้มออกความเห็น
“แต่เอ็มไม่น่าจะเป็นเด็กแบบนั้นนะ”
แม่เตยแย้งจนแม่ตั้มฉุนขึ้นมา
“อะไรกันนี่เธอคงไม่ได้หมายความว่าตาตั้มไปหาเรื่องก่อนหรอกนะ”
“ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้นเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ฟังความข้างเดียวมันใช้ได้ที่ไหนแล้วถ้าเกิดต่อโดนเอ็มทำร้ายจริงๆแล้วจะไปด้วยกันอีกทำไม”
แม่เตยพยายามอธิบายโดยที่ไม่รู้ว่าลูกสาวรู้คำตอบดีว่าทำไมน้องชายถึงได้จูงมือเอ็มให้ไปด้วยกัน
“แม่อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรในตัวลูกชายแม่เลยนะ เตยไม่อยากให้แม่เสียใจ”
เตยหันไปบอกกับแม่ก่อนจะแยกตัวไปที่ห้องตัวเองอย่างสับสน ยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้มมองตามพลางลอบยิ้มที่มุมปากที่เห็นทุกอย่างมันวุ่นวายอย่างที่เขาอยากให้เป็น
“อะไรของเขาลูกคนนี้”
แม่มองตามเตยอย่างไม่เข้าใจไม่ต่างกับพีที่นั่งคอตกนึกทบทวนเหตุการณ์ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเพิ่งเห็นเพื่อนชายของเขาทั้งสองได้จูงมือกันเดินไปต่อหน้าเหมือนคู่รักที่จูงมือกัน
.
.
.
“ไง หายเจ็บยัง”
เอ็มเอ่ยถามต่อขณะเดินออกจากคลีนิคด้วยกัน
“ยังว่ะตอนนี้ยังเจ็บอยู่เลย”
ต่อแกล้งบอกทั้งๆที่รู้สึกดีขึ้นมากมองเอ็มที่กำลังจับมือที่เป็นแผลของเขาขึ้นมาดู
“ไหนดูดิ”
“เฮ้ยไม่เอาคนมองนะมึง”
“ทีตอนจูงมือกูออกจากเธคไม่เห็นอายเลย”
เอ็มบอกล้อๆแต่ก็ยอมปล่อยมือต่อลง
“ก็กูกลัวมึงโกรธ”
“ทีโกหกกูน่ะไม่คิดหรอกนะ”
“มึงอย่าเอามันมาพูดอีกได้มั๊ย มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้ตั้งใจจะหลอกมึง ก็เธคนั่นกูไม่ได้อยากที่จะไปเหยียบด้วยซ้ำแต่ตั้มลากกูไปเอง”
“มึงเป็นควายหรือไงถึงให้เขาลากได้”
ต่อสะอึกในคำพูดตรงๆของเอ็มก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“รักกูจังนะมึงด่ากูแต่ละคำแรงๆทั้งนั้น”
“ทีหลังมึงก็อย่าโง่ละกัน ถ้ากูทำอย่างมึงบ้างมึงจะโกรธมั๊ย”
ต่อคิดตามคำพูดเอ็มก่อนจะชี้หน้าเอ็มขึ้นมา
“อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะมึง”
“ทีงี้ทำเป็นหึงไอ้เบื้อก”
เอ็มปัดมือออกแล้วเดินนำไปที่รถต่อจึงรีบเดินตาม
“ไปไหนดี”
เอ็มเอ่ยถามเมื่อยังไม่มีจุดหมายที่จะไป
“ไปส่งกูที่หอแล้วมึงก็กลับบ้านเหอะ เดี๋ยวพ่อกะแม่มึงคิดมากอีกที่มึงไม่ยอมอยู่ติดบ้าน”
เอ็มถอนหายใจ
“ทำไมการที่เราจะทำอะไรเราต้องคอยแคร์คนอื่นด้วยนะ”
“สักวันเราคงจะทำอะไรได้ตามใจตัวเองเชื่อกูนะเอ็ม”
“กูจะรอวันนั้น”
สองคนยิ้มให้กันอย่างเหงาๆก่อนที่เอ็มจะไปส่งต่อที่หอแล้วแวะกลับบ้านตัวเอง