ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญ...กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0...............................................................
@@@WRITER'S TALK@@@
:pig2:สวัสดีค่า นักอ่านทุกท่าน :L2:วันนี้มีนิยายเรื่องใหม่กันนะคะ
เรื่องนี้มีนักเขียนสองคนค่า
kuruma & p.k.a
คู่เก่าเจ้าเดิม ... ส่วนคนโพสต์เรื่องนี้ p.k.a รับหน้าที่โพสต์เองค่า
ถ้ายังไงแล้ว ก็ขอฝากนวนิยายเรื่องนี้เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
..............................................................
"RRRR RRRR "เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำงานขนาดใหญ่ของตึกสำนักงานใจกลางกรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ชายหนุ่มผมสีดำละจากกองเอกสารตรงหน้าแล้วกดรับโทรศัพท์ทันทีที่เห็นหมายเลขที่คุ้นเคย
" มีอะไรให้รับใช้หรือครับ คุณตา" เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นเรียบๆหมายเลขที่เห็นทำให้เขากรอกภาษาไทยลงไปตามสายอย่างไม่ลังเล ริมฝีปากที่หากดูเพียงผิวเผินจะรู้สึกเหมือนกำลังยิ้มหยันอยู่นั้นหยักขึ้นน้อยๆ ปลายนิ้วเคาะเบาๆลงบนผิวหน้าเรียบของโต้ะทำงาน รอฟังคำตอบจากปลายสาย
"รับใช้? นี่แกเห็นตาเป็นลูกค้าตั้งแต่เมื่อไรกัน เจ้าทัช" เสียงทรงอำนาจของชายวัยชราดังขึ้นจากปลายสาย ได้ยินเสียงกระแอมไอดังให้ยินเล็กน้อย
" ก็ปรกติ เวลาคุณตาโทรมาหาผม ก็ต้องมีเรื่องให้ผมรับใช้ตลอดนี่ครับ" ทัช หรือ อินทัช หัวเราะออกมาเล็กน้อยแม้จะได้ยินเสียงกระแอมไอนั่นแต่เขาก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินซะ
"เอาเป็นว่า ครั้งนี้ตาโทรมาใช้ให้แกกลับมาเมืองไทยก็แล้วกัน" เสียงที่แหบแห้งอ่อนแรงไปตามวัยของภูธรดังตอบลงไปตามสายโทรศัพท์
"ผมยังต้องเคลียร์งานทางนี้นะครับ ธุรกิจเรากำลังไปได้สวย " อินทัชปฏิเสธผู้เป็นตาทันที
"
ธุรกิจ โอ้ย อย่าเอาคำนี้มาอ้างเลย ฉันรู้ว่าแกจัดการได้ ขาดทุนซักสองสามร้อยล้านตาไม่ว่าหรอก กลับมานี่เป็นคำสั่ง จะได้กลับรวมญาติให้มันครบๆเสียงที ทั้งแม่ทั้งน้าแกก็รออยู่เนี่ย กลับมาภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นตาจะปลดแกออกจากตำแหน่งผู้บริหาร"
" ปลดผมแล้ว คุณตาจะกลับมาทำไหวหรือครับนั่น " ชายหนุ่มไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆเลย เพราะตนเองเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูล การฝึกให้ตนเองมีเขี้ยวเล็บ เพื่อให้ดำเนินธุรกิจจนประสบความสำเร็จ ทำให้มันติดเป็นนิสัย
“ว่าแต่เมื่อกี้ ตาพูดว่าอะไรนะครับ
น้า?...น้าที่ไหน ผมไม่มีน้า...ตามีแม่เป็นลูกคนเดียวนี่นา” พลันนึกเอะใจกับคำพูดของตาจึงได้ถามออกไปเช่นนั้น
"ฮ่ะๆ " ตัวของผู้ที่ได้ชื่อว่าตานั้นรู้ดีถึงนิสัยของหลานชายเพียงคนเดียวคนนี้ดี ...ไม่เคยอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ แต่ก็นึกเสียดายอยู่ในทีที่เจ้าหลานชายคนเดียวมาทำตัวอย่างกับเขาเป็นลูกค้าของบริษัทกันเสียอย่างนี้ อินทัชเป็นลูกชายของรุ่งนภาลูกสาวคนเดียวของเขาเอง พ่อของอินทัชเสียไปตั้งแต่ยังเด็ก เขากับรุ่งนภาก็คอยเลี้ยงดูมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ทำให้รู้สึกว่าคิดผิดเล็กๆที่เลี้ยงหลานมาให้เป็นนักธุรกิจมากกว่าจะเลี้ยงให้มาเป็นหลานที่จะมาคอยดูแลเอาใจคนแก่เฒ่าในบั้นปลายชีวิต
"ก็ตาถึงได้บอกไงล่ะว่าให้แกกลับมา...แกน่ะอยู่เมืองนอกนานจนไม่รู้อะไรมากเกินไปแล้ว กลับมาซะ และแกจะรู้เอง...อีกอย่างตอนนี้ ตาน่ะมีลูกชายคนใหม่แล้ว ไม่ต้องรอแกก็ได้ ปลดแกออกให้ลูกชายทำแทน ฮ่ะๆ"เสียงของท่านตาหัวเราะอย่างขี้เล่นผ่านสายโทรศัพท์
"
ลูกชาย! " คำพูดของตาทำให้เขาทวนคำพูดนั้นอย่างตกใจ
"ก็ ใช่น่ะซิ่ กลับมาได้แล้ว พอๆ ตาไปล่ะ เดี๋ยวจะพา
"ลูกชาย" ไปดูบริษัท ห้องทำงานแกตาก็ว่าจะยกให้ด้วยนะเนี่ย ฮ่ะๆ "ว่าแล้วชายชราขี้เล่นอย่างภูธรก็วางหูโทรศัพท์ไป ทิ้งให้หลานชายหัวแก้วหัวแหวนต้องยืนงงอยู่กับเสียงสัญญาณถี่ๆของโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไป
อินทัชกดโทรศัพท์แล้วโยนใส่โซฟายาวภายในห้องอย่างไม่สบอารมณ์ คิ้วเรียวขมวดแน่น อาจจะเป็นจริงอย่างที่คุณตาภูธรของเขาว่า เขาอาจจะไม่ได้กลับเมืองไทยมานานเกินไปก็เป็นได้ อยู่ๆตาที่อายุอานามปาเข้าไปเกือบจะเจ็ดสิบห้าของเขาก็จะไปปั้มลูกชายที่ไหนมาได้โตทันใช้ ตัวเขาเองปีนี้ก็อายุสามสิบสองเข้าไปแล้ว...อยู่ๆจะมีน้ามาให้ทันใช้ได้ยังไงกันคิดอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด
..ลูกชายคนใหม่งั้นเหรอ?..
...............................................
เสียงเพลงอึกทึกดังออกมาจากผับหรูแห่งหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนใจกลางมหานครกรุงเทพฯ สถานที่ซึ่งผู้มีอันจะกินทั้งหลายเพิ่งจะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ เข้ามาสู่สังคมกลางคืนของเมืองแห่งแสงสี ร่างเพรียวในชุดสูทลำลองสีดำสนิท ยืนยักย้ายไปตามจังหวะเพลงอยู่ที่กลางฟลอร์เต้นรำนั้นดูจะเป็นที่ดึงดูดสายตาของใครหลายๆคน
"คนนั้นใครน่ะ... "เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งถาม
"ไม่รู้ซิ่ เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน" เสียงอีกคนตอบ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครมาจากไหน แต่ภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ทั้งใบหน้าสวยและวิธีการใช้จ่ายเงินของเจ้าของเรือนผมสีดำยาวประบ่าคนนั้นก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วเสียแล้ว
"คุณยูครับ...จะรับอะไรอีกดีครับ" เสียงผู้จัดการของร้านเดินเข้ามาถามเมื่อร่างเพรียวนั้นเดินกลับมานั่งตรงที่นั่งที่จับจองเอาไว้ล่วงหน้า ใบหน้าสวยได้รูปของชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการร้านด้วยดวงตากลมเป็นประกาย บนผิวแก้มนั้นมีเม็ดเหงื่อเกาะพราว
"อืม...ขออะไรชื่นใจๆนะ...ขอแรงๆ และแพงๆ...แจกให้กับคนทุกคนในร้านด้วยบอกว่า ยูเลี้ยง" เสียงหวานหูดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่พาลทำให้ใจของคนฟังสั่นไหว ก่อนจะต้องรีบพยักหน้ารับคำหันไปส่งสัญญาณให้เด็กในร้านรีบไปจัดการสรรหามาให้ทันที
...นานๆจะมีแขกใจป้ำแบบนี้มาเสียที... "อ๊ะ... " เสียงนุ่มอุทานเบาๆ เมื่อเหลือบไปเห็นใครที่ไม่คุ้นตาเดินเข้ามาในร้าน ท่าทางที่ดูไม่ค่อยจะอารมณ์ดีเท่าที่ควรของชายหนุ่มผมร่างสูงคนนั้นดูจะขัดต่ออารมณ์ที่อยากจะสนุกของเขาในคืนนี้เสียเหลือเกิน มือบางแตะแขนของผู้จัดการเอาไว้เล็กน้อย
"แล้วก็คนนั้น...ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไร ก็จัดให้เขาไปเลยนะ บอกไปว่า “ยู” เป็นคนเลี้ยง" ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางว่าพลางยิ้มอย่างนึกสนุก
“ครับๆ ได้ครับ คุณยู” ผู้จัดการร้านว่ารีบเดินไปรับแขกที่เข้ามาใหม่ทันที “สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ...ไม่ทราบจะรับอะไรดีครับ”
" มาร์ตินี่ " ชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่สั่งเครื่องดื่มทันทีที่นั่งลงที่เคาท์เตอร์ เขาไม่ได้สนใจใครเลยซักนิด คิ้วคมทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเพราะอารมณ์ที่ขุ่นมัวหลังจากที่นั่งเครื่องบินหลายช่วงโมงแล้วกลับไปรับรู้ความจริงทั้งหมดเมื่อกลับไปที่บ้านใหญ่ของคุณตาภูธร ในตอนนี้เขาจึงอยากดื่มเท่านั้น
….ตาบ้า...แก่จะตายอยู่แล้วยังจะไปสรรหาลูกมาเพิ่มอีก....
....น่าโมโหเป็นบ้า ทำอะไรไม่ปรึกษาหลานเลย..... ไม่นานนักบาร์เทนเดอร์ก็จัดการเสริฟแก้วมาร์ตินี่ให้กับอีกฝ่าย ขัดจังหวะอารมณ์ที่ขุ่นมัวนั้นให้เหลือเป็นเพียงแค่ความแปลกใจเมื่อได้ยินคำของบาร์เทนเดอร์
"แก้วนี้ฟรีครับ" ซึ่งสายตาของของบาร์เทนเดอร์ก็ทำให้อินทัชข้าใจได้ทันที
" ใครเป็นคนจ่าย? " ริมฝีปากได้รูปยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"คุณยูครับ" ว่าแล้วก็บุ้ยใบ้ไปทางร่างบางที่นุ่งอยู่ตรงโต๊ะที่หัวมุม เงามืดสลัวและแสงไฟวูบวาบทำให้มองเห็นหน้าของคนที่บาร์เทนเดอร์ว่าไม่ชัดเจนนักจากจุดที่เขานั่งอยู่ ดวงตาสีเข้มมองตามหาเจ้าของเหล้าแก้วนี้ ร่างโปร่งของคนที่นั่งตรงมุม ผมยาวประบ่าสวย ทำให้เขายิ้มอย่างถูกใจก่อนจะถือแก้วเหล้านั้นแล้วเดินไปหาคนที่เลี้ยงเหล้าทันที
" ว่างไหมครับ? " เสียงทุ้มนุ่มของอินทัชเอ่ยถาม แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะรอคำตอบ เขานั่งลงข้างๆ ร่างบางนั้นก่อนที่คนที่ชื่อ “ยู” คนนี้จะได้ตอบอะไรเสียอีก
" ในเมื่อเลี้ยงเหล้าผมแล้ว ก็ให้เกียรติดื่มเป็นเพื่อนผมซักแก้วนะครับ " แก้วในมือของ “ยู” ยกขึ้นเล็กน้อยนั่นดูจะเป็นคำตอบได้ดี ชายหนุ่มยกแก้วมาตินี่ขึ้นจิบก่อนจะยกมือขึ้นไล้กับปอยผมนุ่มของอีกฝ่าย เมื่อเจ้าของร่างโปร่งไม่ได้ขยับออกห่าง มือนั้นก็กลับไล้ไปที่แก้มแทน
" คุณมาบ่อยหรือเปล่า? " เสียงทุ่มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูท่ามกลางเสียงเพลงดังอึกทึก
"ก็....นิดหน่อย" เสียงเจ้าของเรือนผมยาวนั้นตอบเบาๆเสียงใส แบบผู้ชายไม่ได้ทำให้อินทัชชะงักเลยแม้แต่น้อย
" ก็ดีครับผมจะได้มาบ่อยๆ..ดีไหม " ริมฝีปากได้รูปแตะกับผิวแก้มใสนั้นเบาๆ สัมผัสแผ่วผ่านนั้นทำให้ชายหนุ่มร่างบางนั้นหัวเราะออกมาน้อยๆ
"แค่คุณมาวันแรก...ยังขนาดนี้...มาบ่อยเข้าผมคงหมดทั้งตัว"เสียงยูว่า มือเรียวไล้เบาๆบนหัวเข่าของชายอีกคน
" ผมอยากตอบแทนเรื่องเหล้า " นิ้วเรียวแตะที่แก้มอีกฝ่าย "ไว้คราวหน้า ให้ผมเลี้ยงคุณบ้างสิ"
"คุณก็มาอีกก็แล้วกัน...ผมจะได้ให้คุณเลี้ยง..."ริมฝีปากได้รูปแย้มยิ้มมือเรียวไล้เล่นเบาๆบนท่อนแขนของอีกฝ่าย เสื้อเชิ๊ตเนื้อดีนั้นทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายก็มีฐานะเหมือนกัน
"ว่าแต่ผมเองก็คงจะอยากรู้ชื่อเหมือนกันนะ คนที่จะมาเลี้ยงผมเนี่ย"
" เรียกผมว่า ทัชก็แล้วกัน "อินทัชไม่ได้บอกชื่อจริงเสียงจริงออกไป เขายังคงเป็นความไม่ไว้ใจใครอยู่ดี .. จะเอาอะไรมาก กับคนที่เจอกลางคืน.. ชื่อนั้นเรียกเสียงหัวเราะคิกคักได้จากร่างบางนั้นไม่น้อย
"ทัช...ชื่อเหมือนนักร้อบสมัยก่อนนะครับ...เรียกผมว่ายูก็แล้วกัน"
" ยินดีที่รู้จัก "มือแกร่งจับมือบางนั้นขึ้นมาแตะริมฝีปากตนเบาๆ
"ฮ่ะๆ ...ไม่ต้องมาทำเป็นฝรั่งเลย ผมรู้ว่าคุณเป็นคนไทย" ยูหัวเราะหากแต่ก็ไม่ได้ชักมือกลับแต่อย่างใด
" สร้าง First Impression ไง "ชายหนุ่มบอกแล้วปล่อยมืออีกฝ่าย
"ฮ่ะๆ...ถ้าอย่างนั้นผมคงให้คะแนนคุณ ซัก 9.5 จากเต็ม 10"ยูนะว่าพลางลุกขึ้นยืน “เลยเที่ยงคืนแล้ว ผมคงจะต้องกลับซะที” ริมฝีปากได้รูปท่ามกลางแสงไฟสลัวนั้นแย้มยิ้ม
" หมดเวลา
ซินเดอเรล่าแล้วเหรอ " อินทัชถามพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
"คงใช่...."ชายหนุ่มร่างบางว่าก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบเบาๆที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย
"ไว้เจ้าชายไปตามหาเอาก็แล้วกัน...ลาก่อน" มือเรียวยัดอะไรบางอย่างใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่ายก่อนที่จะเดินจากไป
ชายหนุ่มมองตามร่างนั้นไป และเพียงแต่ร่างบางนั้นออกจากร้านไปเท่านั้น หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามานั่งข้างๆทันที ทำให้เขาไม่มีเวลาใส่ใจกับอะไรก็ตามที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทแม้แต่น้อย
............................................
เสียงบานประตูไม้เนื้อดีเปิดออกช้าๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเท้าในรองเท้าสลิปเปอร์ดังชวนหนวกหูทุกครั้งที่คนใส่ก้าวเท้า ก่อนที่ผ้าม่านสีเข้มเนื้อเบาจะถูกเลื่อนออกปล่อยให้แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบกับร่างที่ดูจะยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในฟูกนอน
"คุณชายคะ อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ "
" อือ รู้แล้ว..ขอบใจ " ชายหนุ่มตอบกลับเสียงงัวเงียก่อนจะลุกจากเตียงนอนที่ไม่ได้กลับมานอนเสียนาน แล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับแล้วเดินออกจากห้องนอนไป ปล่อยให้สาวใช้จัดการเตียงให้เหมือนอย่างที่เคยทำ
เสียงเดินพร้อมเสียงผิวปากที่ดังมาจากบันไดจากชั้นสองของบ้านหลังใหญ่นั้นดังก้องตรงช่องบันได ทำให้คนที่นั่งรออยู่ที่ห้องอาหารรู้ได้ไม่ยากเลยว่าหลานชายหัวแก้วหัวแหวนตื่นนอนแล้ว
"ตื่นซักที ปล่อยให้รออยู่ได้ตั้งนาน " เสียงภูธรว่า ก่อนจะมีเสียงเครื่องยนต์ขยับเมื่อชายชราขยับเก้าอี้ไฟฟ้าด้วยมือที่วางอยู่บนคันโยก ชายชรานั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะอาหารตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องอาหาร
"เอ้านั่งซะซิ่ แล้วก็นั่น ตาจะแนะนำให้รู้จัก
"น้า"ของแก เจ้ารัน...ลูกชายคนใหม่ของตาเอง " มือผอมเกร็งของชายชราผายไปยังชายหนุ่มร่างบางผมยาวมัดรวบครึ่งหัวในชุดเสื้อเชิ๊ตสีออ่อนดูสบายตาที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก
"อรุณสวัสดิ์ "
หลานชาย"" เสียงนุ่มเอ่ยทักทายพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรบนใบหน้าสวยได้รูป ดวงตากลมใต้กรอบแว่นสีเงินนั้นดูเป็นสดใสชวนมอง ตรงกันข้ามกับดวงตาสีเข้มของอินทัชที่มองอีกฝ่ายเพียงปราดเดียวด้วยสายตาเย็นชาแล้วนั่งลงฝั่งตรงกันข้าม
" ผมคงรับไม่ไหวหรอกครับ คุณตา " ชายหนุ่มเอ่ยสองมือประสานบนหน้าโต้ะดวงตาคมจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งติดจะมองอย่างเหยียดๆเสียด้วยซ้ำ
" หมอนี่...เด็กกว่าผมเป็นสิบปีได้มั้ง "
"ฮ่ะๆๆ " เสียงคุณตาหัวเราะ ใบหน้าที่มีรอยของกาลเวลานั่นยับย่นไปเมื่อริมฝีปากคู่นั้นขยับ
"ตาก็ว่าแบบงั้นล่ะ แต่มันคงดีกว่าหากจะให้เจ้ารันนี่มาเป็นน้องบุญธรรมใช่ไหมล่ะ จะรับไม่รับตาไม่รู้ แต่ให้รู้ไว้ว่า เขาเป็นลูกของตานับจากนี้ไป และ ตาก็จะให้เขาจัดการบริษัทด้วย" มือของคุณตาตบลงบนบ่าบางๆของชายหนุ่มที่ยังคงนั่งยิ้มสงบปากสงบคำ ดวงตาที่หันไปมองตาของตัวเองอย่างประจบประแจงแบบนั้นทำให้อินทัชรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
" จัดการบริษัท? " อินทัชทวนคำของผู้เป็นตา
"เจ้าทัชนี่...หูแกตึงกว่าปู่เรอะ เอาล่ะ รู้เรื่องกันแล้วไปคุยกันเอาเอง ...เอ้า รัน กินข้าวเถอะลูก" ว่าแล้วคุณตาก็หันไปหาชายหนุ่มร่างบางพลางยิ้มให้อย่างเอ็นดู
"ครับ คุณพ่อ " เจ้าของชื่อยิ้มรับว่าพลาง ยกถ้วยน้ำชาให้ตาของอินทัชก่อนจะหันไปจัดการกับอาหารเช้าสุดหรูอย่างเงียบๆ เห็นแบบนั้นยิ่งทนดูไม่ไหว อินทัชลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารทันที
"ผมแค่มาทักทายคุณตา ปกติ ผมไม่ทานอาหารเช้าครับ ขอตัว
"อินทัช คุณพ่ออยากจะทานข้าวกับเธอนะ " เสียงรันดังขึ้น โทนเสียงนั้นดูไม่ค่อยจะพอใจนักกับการที่อีกฝ่ายลุกขึ้นไปอย่างนั้น
แต่อินทัชกลับไม่สนใจเสียงนั่นแม้แต่น้อย เขาเดินออกจากห้องไปทันที แน่นอนด้วยว่าอารมณ์โมโหอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะปู่ที่ทำอะไรตามใจแล้วยังจะต้องมาเจอกับ เด็กอวดดีที่ไหนก็ไม่รู้มาใช้ภาษาแบบนั้นกับตัวเอง...คิดได้แบบนั้นก็เดินกลับไปขึ้นไปชั้นบนจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเอง ออกจากห้องไปทันที เขาไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคากับเด็กคนนั้นหรอก...เป็นใครมาจากไหนกันมาถึงก็มาลอยหน้าลอยตาประจบประแจงคุณตาของเขาแบบนั้น
.........
ไม่อยู่เมืองไทยเข้าหน่อย พวกคนที่บ้านนี้บ้ากันไปหมดแล้ว...........
ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงรถสปอร์ตคันงามของหนุ่มนักธรุกิจที่เพิ่งจะกลับมาจากออสเตรีเลียคนนั้นบึ่งออกจากบ้านไป เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ เมื่อหันไปมองจากหน้าต่างของห้องอาหารแล้วเห็นรถคันงามนั้นแล่นออกไป ชายหนุ่มร่างบางหันไปหาชายชราที่ดูจะยังคงอารมณ์ดีไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
"คุณพ่อฮะ...ผม...ไม่แน่ใจนักว่ามันจะไปได้สวย สำหรับ ผม กับเขา ... "ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้าของบุคคลที่สามนั้นดูหนักใจอยู่ไม่น้อย
“นี่แค่เ
จอหน้ากันไม่กี่ครั้งเองนะฮะ...”
"ฮ่ะๆ เรื่องแบบนี้ มีถมเถไป...เอาเป็นว่าเดี๋ยวทั้งเรากับเจ้านั่นก็จะชินกันไปเองนั่นล่ะ...กินข้าวได้แล้วรัน...เอ้อหยิบขนมปังนั่นให้หน่อยซิ่...ทาแยมให้พ่อด้วยนะ " ภูธรว่าพลางชี้ไปยังขนมปังที่วางอยู่ห่างออกไป
“ครับๆ....” ลูกชายคนใหม่ของภูธรรับคำพร้อมรอยยิ้ม “คุณพ่อเองก็อย่าทานของหวานเยอะนะครับ...เดี๋ยวคุณหมอจะดุเอานะครับ”
“เออน่า...ทาไปเถอะแยมน่ะพ่อชอบ เร็วๆ หิวแล้วๆ” ไม่วายคนแก่ยังจะอ้อนทำให้ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
..............................................................
...บางทีผมอาจจะต้อง ผูกสัมพันธ์น้าหลานกันเล็กน้อย... ผู้เป็นน้ายังจำได้กับคำที่พูดไว้กับพ่อบุญธรรม ภูธร เป็นคนรักเก่าของคุณย่า หากจะให้พูดคงเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อนัก เมื่ออยู่ๆ ก็มีเศรษฐีวัยชรา มาขอคนที่ไม่รู้จักมักจี่ไปเป็นลูกบุญธรรมด้วยเพียงเพราะว่าหน้าตาของเขานั้นละม้ายคล้ายกับย่า สมัยยังสาวๆ เป็นใครได้ยินเรื่องนี้เข้าก็คงจะรีบเข้ามาหาเขาทำตาโต พลางบอกว่า
...นี่มันหนูตกถังข้าวสารชัดๆ... ก็อาจจะเป็นจริงเช่นนั้น ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะบรรจงกดปลายนิ้วลงบนออดหน้าประตูห้องในคอนโดหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมืองที่ซึ่งเขาสอบถามมาจากทางแม่บ้านของที่บ้านแล้วว่าเป็นที่พักอีกแห่งหนึ่งของอินทัช "หลานชาย” ของตัวเอง
"Ting Tong" เจ้าของห้องเปิดประตูให้ทันที เพราะเขานัดสาวสวยที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่ไม่กี่วันมาที่ห้อง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่าใครมา
"คุณตาให้เอาเอกสารมอบอำนาจมาให้เซ็นรึไง? " อินทัชเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ซักเท่าไร เมื่อเห็นว่า “น้าชาย” ที่อายุน้อยกว่าเกือบสิบปีมายืนยิ้มอยู่ที่หน้าห้องแบบนี้ ชายหนุ่มร่างเล็กมัดผมรวบครึ่งศรีษะ ยกปลายนิ้วขยับแว่นกรอบเงินที่สวมอยู่เล็กน้อย
"ก็นะ...เนี่ยกำลังว่าอยากจะขอที่ดินเพิ่มพอดี เอาเอกสารมาให้เซ็นโอนให้เลยซะดีไหม” รันเอ่ยประชด “ ...ทีนี้จะให้น้าเข้าไปได้หรือยัง" ภาษาที่พูดกับอีกฝ่ายนั้นดูจะไม่ได้นึกถึงอายุที่แตกต่างกันเกือบจะสิบปีระหว่างตัวเองและอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มร่างบางยืนมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
"ฉันไม่คิดจะมีน้าเด็กกว่า " ถึงสีหน้าจะไม่ยินดีต้อนรับแต่อินทัชก็ขยับเปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาด้านใน จังหวะนั้นเองที่กลิ่นโคโลญจน์หอมหวานลอยเข้ามาแต่ที่ปลายจมูก แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยได้กลิ่นนี้ที่ไหน
"น้าก็ไม่เคยคิดว่าจะมีหลานเกิดก่อนเกือบสิบปีแบบนี้เหมือนกัน" ชายหนุ่มร่างบางยิ้ม ยามที่เขาหันกลับผมที่ถูกผูกไว้ด้านหลังนั้นสะบัดไปมาเล็กน้อย
"นี่นาย...ไม่กระดากปากบ้างรึไง ฉันแก่กว่านายเป็นสิบปีนะ " อินทัชส่ายหน้าอย่างระอากับท่าทางของคนอายุน้อยกว่าก่อนจะเดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นมาโยนให้กับแขกที่เขาไม่ได้เชิญให้มาเยือน
" กินๆแล้วก็รีบๆไปซะ "
"โยนให้แบบนี้แล้วยังไล่กลับเนี่ยนะ ...เธอนี่ช่างเป็นเจ้าบ้านที่ใช้ไม่ได้จริงๆเลยนะ อินทัช" ชายหนุ่มร่างบางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเปิดเบียร์กระป๋องนั้นขึ้นดื่ม
" คุณตาใช้ให้มาเช็คพฤติกรรมรึไง " อินทัชถามอย่างไม่พอใจนัก
"ก็.... " ชายหนุ่มร่างบางยักไหล่
"อาจจะใช่ น้าแค่อยากรู้ว่า คนที่อยู่ๆก็ได้มาเป็นหลานนี่ จะเป็นคนยังไงก็เท่านั้นเอง " ดวงตาภายใต้กรอบแว่นจ้อมมองอีกฝ่ายก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้ม
" สนไปทำไม ในเมื่อ คุณตาเขามอบกิจการนี้ให้นายแล้ว "ชายหนุ่มชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
" ทำให้หมดล่ะ บริษัทของคุณตาน่ะมันมีไม่น้อยหรอกนะ "
"มอบกิจการ ฮ่ะๆ... อืม... ถ้าเธอยังทำพฤติกรรมแบบนี้อยู่ล่ะก็นะ " เสียงหวานนั่นยังคงเจื้อยแจ้ว รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรยังคงมีให้อย่างไม่ขาดสายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้าถือกระป๋องเบียร์ไว้ด้วยสองมือสายตามองสำรวจไปทั่วคอนโดของอีกฝ่าย ใหญ่โตโอ่โถงอยู่ไม่น้อย
....สมแล้วที่เป็นหลานเศรษฐี....
" นายขู่ฉันรึไง ไอ้หนู? " มือแกร่งทุบโต๊ะดังปัง
" พฤติกรรมในเวลาส่วนตัว ไม่ได้เป็นปัจจัยของการทำธุรกิจให้เกิดผล และพฤติกรรมดีๆ ในธุรกิจ ก็ไม่ได้ทำให้นายประสบความสำเร็จหรอก " ท่าทางอินทัชจะเริ่มหมดอารมณ์จะญาติดีด้วยกับท่าทียียวนกวนประสาทของอีกฝ่ายแล้ว ใบหน้าคมของชายหนุ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ
"ขู่? เจ้าหนู?...เธอกำลังพูดกับคนที่เป็นน้าของเธออยู่ อินทัช แม้ว่าอายุจะต่างกัน แต่ น้า ก็ยังเป็นน้า เป็นน้องของแม่ ...เธอคิดว่า พูดกับน้องของแม่แบบนี้ได้อย่างนั้นเหรอ" ทั้งๆที่อีกฝ่ายกำลังระเบิดอารมณ์แต่ รันยังคงยิ้ม ดวงตาสวยภายใต้กรอบแว่นนั่นยังไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรที่จะมองเห็นได้ก็มีเพียงรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าก็เท่านั้น
" ฉันไม่ยอมรับนาย ..และไม่มีทางยอมรับ เด็กที่ไม่รู้กำพืดอย่างนาย " อินทัชยกมือชี้หน้าของอีกฝ่ายอย่างเหลืออด ชายหนุ่มขบฟันกรามแน่น " กลับไปซะ " เสียงคำรามเล็ดลอดไรฟันออกมา หากเป็นใครมาฟังคงได้รู้สึกหนาวสันหลัง ท่าทางแบบนั้นไม่ได้ล้อเล่นเลย
"ก็กะว่า...จะมาเชื่อมสัมพันธ์ "น้าหลาน" เสียหน่อย...มาแป๊บๆ ก็จะไล่กลับแล้ว...แย่จังนะ" มือเรียวค่อยวางกระป๋องเบียร์ลงบนแก้วโต๊ะกระจกตรงหน้าที่อินทัชนั่งอยู่ ร่างเพรียวก้มลงมามองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย พลางทำหน้าผิดหวัง
" นายหลอกคนอย่างคุณตาได้ แต่หลอกฉันไม่ได้แน่ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม จำไว้ "ชายหนุ่มย้ำมือแกร่งที่วางอยู่บนหน้าขากำแน่น คนตรงหน้ากำลังกวนประสาทเขาอย่างถึงที่สุด แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อเสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน
"โอ๊ะ...มีแขกมาเยี่ยมแน่ะ..." รันยังคงยิ้มดูก็รู้ว่าพยายามที่จะทำท่าตกใจ "เดินไปรับซิ่ อาจจะเป็นสาวที่นัดเอาไว้เมื่อคืนก็ได้" ชายหนุ่มผมยาวปัดนิ้วของอีกฝ่ายออกจากหน้าก่อนจะพยักเพยิดไปทางประตู
“นายเองก็รีบกลับๆไปได้แล้วเหมือนกัน” อินทัชฉวยโอกาสนั้นคว้าแขนของร่างบางเอาไว้แล้วลุกขึ้น ลากแขนอีกฝ่ายไปที่ประตูทันที และเมื่อเปิดประตู คนที่ยืนรออยู่นั้นก็เป็นหญิงสาวที่เขานัดไว้จริงๆ
"อุ้ย..สวัสดีค่ะ...อ๊ะ วันนี้มีเพื่อนด้วยเหรอคะ " เสียงหญิงสาวร่างเล็กแต่งหน้าจัดจ้านในเสื้อผ้าแนวเกาหลีรัดร่างฟิตแน่นไปทั้งตัวดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก ท่าทางเหมือนจะดื่มอะไรบางอย่างมา
"เขา กำลังจะกลับน่ะ..คุณเข้ามาสิ "มือแกร่งของอินทัชผลักคุณน้าเมื่อวานซืนของเขาออกจากห้องอย่างแรง เขาตั้งใจจะเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าแต่ก็จำไม่ค่อยได้ว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร
ชายหนุ่มผมสีเข็มที่ถูกผลักสวนทางออกมานั้น แม้ว่าจะมีภาพลักษณ์ ที่เปลี่ยนไปมากจากครั้งสุดท้ายที่เคยเห็น แต่หลังจากหลายๆครั้งที่ได้เห็นโดยบังเอิญตามสถานบันเทิงยามค่ำคืนต่างๆของกรุงเทพก็ทำให้สาวนักเที่ยวอย่างผู้หญิงคนนี้ มั่นใจมากทีเดียว
"
เอ๊ะ...คุณยูใช่ไหมคะ "
.......................................to be con
EDIT: เปลี่ยน "ปู่" ให้ถูกเป็น "ตา" ค่ะ ต้องขออภัยในความเบลอ เรื่องการนับญาติของตัวเอง ...
(แต่จะว่าไปคาแรกเตอร์น่าจะถูกเรียกว่าปู่นะ มันได้อารมณ์ดี) 
และแก้ชื่อตัวละครที่พิมพ์ผิดค่ะ...