ถึงทีนายอัศวิน (END) โดย mam หงุดหงิด… หงิดหงิดครับผมหงุดหงิด เมื่อเช้าก็เกือบเตะปากไอ้ไวไปหนนึงแล้ว โทษนะครับ
โอ้ย!!!หงุดหงิดโว้ย!!!~ :เฮ้อ:เฮ่อ~…… ระบายไปได้หน่อย
ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้หงุดหงิดเป็นหมาบ้าแบบนี้ ลงไปเตะบอลก็ไม่หายจนแทบจะเตะปากเพื่อนแทน ว๊อยยยยยยยย~
ผมล้มตัวลงนอนมองฟ้าไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้พวกไอ้ไวไอ้กิตลงไปเตะบอลแก้บ้ากันพลาง ๆ
“ไม่ลงไปเล่นบอลเหรอครับ?” ………….
“………….”
“หรือว่าอารมณ์ไม่ดีอยู่?”
“…………”
“………….” ไอ้พี่ศรนั่งลงข้าง ๆ ผม
“…ติดผมเหรอ?”
“ครับ?”
ยังมาทำเป็นไม่ได้ยินอีก
“อ๋อ… เปล่าหรอกครับ พี่หยุดไปทำธุระน่ะ ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”
“ผมไม่ได้เป็นห่วงซักหน่อย!!” จะบ้าเรอะ!! ใครจะไปห่วงฟะ!!! ถามเฉย ๆ เพราะจะ…..จะ….. โอ้ย!~ จะอะไรก็ช่างมันเหอะ ….เหลือบไปมองหน้าเห็นกำลังยิ้มเศร้า ๆ แล้วมันเจ็บแปล๊บในอกยังไงไม่รู้แฮะ
“…..ผมช่วยแก้ปัญหาไม่ได้แต่รับฟังได้นะ….”
อย่าหันมายิ้มแบบนี้เด่ะ
“ช่วยได้สิครับ พี่อุตส่าห์กลับบ้านไปบอกพ่อให้เตรียมไปขอน้องอัศเชียวนะ”
ยังจะมาพูดเล่นอีก
“ผมจริงจังนะ!!!”
พี่ศรเงยหน้ามองฟ้าแล้วล้มตัวลงนอนบ้าง “พี่กลับไปเลือกอนาคตน่ะครับ”
“…!!?…”
“พี่อยู่ม. 6 แล้ว จำเป็นต้องคิดว่าอนาคตจะทำอะไรต่อไป พ่อกับแม่ต้องการให้พี่เรียนบริหารเพื่อรับตำแหน่งเจ้าของบริษัทแทนท่านน่ะครับ แต่พี่อยากจะเรียนแพทย์มากกว่า”
“เรียนหมอก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เรียนหมอก็เป็นผู้บริหารด้วยได้”
“ไม่ได้หรอกครับ… ถ้าพี่จะทำงานตรงนี้พี่ต้องไปเรียนการบริหารโดยตรงที่ต่างประเทศ”
“ก็ดีนี่นา”
“ไม่ดีหรอกครับ ถ้าไปพี่ก็ต้องห่างจากน้องอัศ”
ไอ้!!!!~……..
“จะ!!~…….”
“ฟังก่อนสิครับ สิ่งที่พี่พูดกับน้องอัศมาตลอดนี่พี่จริงจังกับมันนะครับ พี่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบที่รู้สึกกับน้องอัศมาก่อน พี่ไม่คิดจะรู้สึกแบบนี้กับใครและไม่ต้องการจะรู้สึกกับใครนอกจากน้องอัศด้วย พี่จะไม่ทิ้งเวลาดี ๆ ที่เราจะมีให้กันไปเพื่ออนาคตที่ยังมองไม่เห็น”
“…………” คำพูดของเขาทำเอาผมพูดไม่ออก …พี่จุ้ยรู้สึกแบบผมรึเปล่าตอนไอ้รบไปบอกรักอย่างนี้
“ผม…….”
“วู้~ คู่นั้นน่ะจะบอกรักกันก็หาที่โรแมนติกกว่านี้หน่อยครับ กลางแดดมันร้อน!~ พวกผมร้อนครับร้อน!!~” ไอ้หมากิตตะโกนเสียงดังลั่น …..
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอายกับคำแซวของเพื่อน ๆ จนไม่กล้ามองหน้าพี่ศร อยู่ ๆ ไอ้พี่บ้านี่ก็ดึงมือผมให้ลุกวิ่งตามไปจนแทบจะกลายเป็นลากผมมากกว่าดึง
กว่าจะหยุดวิ่งได้ก็เล่นเอาหอบ อย่างกับวิ่งรอบสนามแน่ะ เล่นบอลก็ไม่ได้เล่นทำไมวิ่งเร็วอย่างนี้ฟะ
ไอ้พี่ศรหันหน้ามาจ้องหน้าผมดึงมือผมขึ้นไปกุม
“….พี่รู้นะครับว่าน้องอัศยังไม่พร้อมที่จะให้คำตอบกับความรู้สึกของพี่ตอนนี้ พี่เองก็ไม่คิดจะให้น้องอัศให้คำตอบพี่ตอนนี้ สิ่งที่พี่อยากให้น้องอัศทำก็คือรับรู้ความรู้สึกของพี่และค่อย ๆ คิดพิจารณามัน ค่อย ๆ ถามตัวเองว่ารู้สึกยังไงกับพี่ แล้วอีกสองปีนะครับ อีกสองปีพี่จะขอคำตอบจากน้องอัศ….”
“……….” ผมจะพูดอะไร?…. ผมจะพูดอะไรดี?….
“..!!!..”
อยู่ ๆ ไอ้พี่บ้านี่ก็ชะโงกหน้ามาหอมแก้มผม!!!
“ขอให้พี่ไว้เป็นกำลังใจนะครับ”
ยังจะมาขอทำแป๊ะอะไรฟะ หอมไปแล้วมาขอมันจะปฏิเสธได้ที่ไหนเล่าไอ้บ้านี่!!!!
“พี่รักน้องอัศนะครับ….”
รู้แล้วว๊อย~ ไม่ต้องบอกบ่อยหรอก!!!
“พี่ต้องกลับห้องเรียนแล้ว น้องอัศก็อย่าตากแดดนานนะครับเดี๋ยวไข้กลับ”
ไอ้ทุเรศนี่!!~ ก่อนไปยังมาหอมแก้มอีกทีอีก ว๊อย!~ อยากเตะคน!!~
อย่ามองผมแบบนั้นสิ บอกว่าอย่ามองไงผมก็เขิน เอ้ย!! รำคาญเป็นนะ อย่ามองดิ๊~
.
..
…
…..
พวกคุณเคยเห็นใครที่มีความอดทนเป็นเยี่ยมมั้ย?
เนี่ย…ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าผมเนี่ยคนนึง ไอ้เจ้าคนเพี้ยน ๆ คนนี้เคยบอกว่าให้เวลาผมคิดคำตอบในการบอกรักของเขาสองปี พอครบปุ๊บคนเพี้ยน ๆ นั่นก็มาทวงคำตอบทันที…
ครับ…จากวันนั้นจนวันนี้ก็สองปีพอดิบพอดี
“ว่ายังไงครับน้องอัศ ให้คำตอบพี่ได้หรือยัง?” ---“---
“คนที่บ้านพี่เขาขอคำตอบที่บอกรักชาวบ้านเขาไว้กลางถนนเหรอ?”
ใช่ครับ! ผมยืนอยู่กลางถนน หน้าหมู่บ้านไอ้ไวซะด้วย
เมื่อคืนผมฉลองกับไอ้ไว ไอ้กิต และน้องเฉื่อยหนักไปหน่อยจนต้องค้างบ้านไอ้ไว ตื่นเช้ามาก็เห็นหมาเดือนสิบสองสองตัวกัดกันเลยต้องรีบออกมาด้วยความรำคาญดั๊นมาเจอคนช่วยสร้างความรำคาญอีก
“ขอที่อื่นก็ได้ครับถ้าน้องอัศสัญญาว่าจะไม่โยกโย้”
ใครไปบอกฟะ แล้วทีนี้จะเลี่ยงยังไงล่ะเนี่ย…
“……….” ไอ้พี่ศรดึงมือผมไปกุมไว้ “น้องอัศครับ พี่รั….”
“ไปพูดที่บ้าน”
เชื่อผมสิว่านายคนนี้ต้องบ้าแน่ ๆ เดินยิ้มจนปากแทบจะถึงหูอยู่แล้ว ผมยังไม่ทันให้คำตอบเลยมาทำเป็นรู้ดี
พอมาถึงบ้านไอ้พี่ศรก็ยิ้มอย่างกับกินคนบ้าเข้าไปซัก 30 คน
“ผมยังไม่ได้ตอบเลยนะ” -- --
“พี่คิดว่าพี่น่าจะได้คำตอบที่ดีครับ”
“แล้วถ้าไม่ล่ะ?”
“……..”
เฮ้ย!!~ ๆ อยู่ ๆ เดินเข้ามาหาทำไมฟะ!!? อย่านะ!! สู้นะโว้ย! อ๊า~ มือ ๆ จะดึงไปทำม๊ายยยย!!~
“น้องอัศรังเกียจพี่จริง ๆ เหรอครับ?….”
อย่าทำสายตาแบบนั้นได้มั้ย!~ มันเจ็บ…
“ผม….”
“พี่รักน้องอัศนะครับ รัก…”
อ๊าก!!~ ทุกท่านครับ! ไอ้พี่บ้านี่มันหอมแก้มผม!!
“..ป…”
โอ้ย!~ ไอ้บ้านี่! ปากไวเป็นลิงเลยจูบอยู่ได้ ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะฟะทั้งที่ตัวก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร
“พี่รักน้องอัศจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับ ถ้าน้องอัศไม่รับรักพี่ พี่ก็ไม่รู้จะหายใจยังไง…”
ไอ้น้ำเน่า!! ทำไมพูดคำเน่า ๆ ได้หน้าตาเฉยอย่างนี้ …
เอ… ไม่เฉยสิ ทำไมพูดคำเน่า ๆ ไปจูบชาวบ้านเขาแบบนี้!! ใช่ ๆ ทำไมทำแบบนี้!!
เฮ้ย!!!~~~~~~~ เฮ้ย!!~~~~~~~~ เข้ามาในห้องนอนตั้งแต่เมื่อร๊ายยยยยยยยย!!!
“เดี๋ยว!!!!!!~ พี่จะทำอะไร!!!? จะปล้ำผมเหรอ!!! อย่านะ!!!!! ถ้าทำอย่างนั้นผมจะเกลียดพี่จริง ๆ ด้วย”
พอผมพูดออกไปไอ้เจ้าคนที่กอดผมอยู่ก็ตัวแข็งทื่อ พี่ศรค่อย ๆ ปล่อยผมหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่….. ทำไมผมเจ็บแบบนี้!?~
“พี่ขอโทษครับ”
อะไรน่ะ? แค่นี้เหรอ? ทำไมพูดง่ายจังอ่ะ? เดินออกไปจากห้องผมหน้าตาเฉยเลย ….นั่น…ออกจากบ้านไปแล้ว อะไร….นี่มันอะไรกันน่ะ?……………………
“อัศ พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย?” เสียงพี่จุ้ยมาเคาะประตูห้องผมตอนหัวค่ำ
“เชิญครับ”
พี่จุ้ยเดินเข้ามาแล้วก็ปิดประตูห้องเบา ๆ
“อัศไม่ออกไปกินข้าว แม่เขาเป็นห่วงนะ” พี่จุ้ยเดินมานั่งข้าง ๆ ผมเอามือลูบหัว
“ผมกินไม่ลง”
“มีอะไรบอกพี่ได้มั้ย? เผื่อพี่จะช่วยได้”
“ผม…………”
ผมตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้พี่จุ้ยฟัง อย่างน้อยผมได้ระบายความรู้สึกผมอาจจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
พี่จุ้ยฟังเงียบ ๆ แล้วก็ลูบหัวผมเบามือจนผมรู้สึกอยากจะร้องไห้ พอพี่จุ้ยฟังจบก็ถอนหายใจ
“ช่างเป็นพี่น้องที่ไม่เหมือนกันเลยน้า~”
ผมเงยหน้ามองพี่จุ้ย พี่จุ้ยก็ยิ้มหวาน
“รบไม่เคยที่จะสงสัยหัวใจตัวเองหรือว่าหัวใจพี่เลย เขาตรงไปตรงมากับความรู้สึก เขารู้สึกยังไงเขาก็บอกพี่อย่างนั้น ตรงจนพี่ยังตกใจเลยล่ะ” พี่จุ้ยหัวเราะเบา ๆ
“รบมันบอกรักพี่ยังไงเหรอครับ?”
พี่จุ้ยทำหน้านึกอมยิ้มนิด ๆ น่ารักจังแฮะ
“ก็…. ทื่อ ๆ ตามประสาเขานั่นล่ะนะ อยู่ ๆ เขาก็ไปซื้อดอกไม้มาช่อใหญ่มาคุกเข่าตรงหน้าพี่ที่ยืนอยู่กลางห้างฯ แล้วก็พูดว่า กรุณารักผมตอบด้วยเถอะครับ”
“กลางห้างฯ!!!”
“ใช่ วันอาทิตย์เสียด้วยนะ คนเต็มห้างฯเลย แถมยังเป็นกุหลาบแดงทั้งช่ออีกต่างหาก”
“พี่จุ้ยไม่อายเขาเหรอ?”
“อายสิ แต่มันรู้สึกดีใจมากกว่า อย่างกับว่าหัวใจมันจะกระเด็นออกมานอกอกเลยล่ะ”
“แล้วพี่…. ไม่รู้สึกว่ามันแปลก ๆ บ้างเหรอครับ?”
“แรก ๆ ก็รู้สึกอย่างนั้น แต่ว่าไอ้ตรงนี้ที่มันเต็นตูมตามอยู่นี่สิที่มันบอกว่าเรารู้สึกยังไงกับเขา” พี่จุ้ยเอามือจับที่หน้าอกซ้าย
“แล้วอัศล่ะ? เวลาที่ศรเขากอดอัศน่ะตรงนี้อัศรู้สึกยังไง?” พี่จุ้ยเอามือจับหน้าอกผมบ้าง
“มันก็……..จริง ๆ แล้วผมก็โอเคนะไม่ว่าจะหญิงจะชายผมก็รับได้อยู่แล้ว แต่ผมรู้สึกว่าคนเป็นเกย์มักจะไม่ค่อยมีความสุขนัก”
“อัศดูตรงไหนล่ะ? อัศเห็นพี่กับรบไม่มีความสุขตรงไหนล่ะ?”
“ก็หลาย ๆ อย่าง”
“นั่นเพราะอัศเก็บมันมาตั้งกฎเกณฑ์ต่างหาก รบไม่เคยกังวลกับเรื่องพวกนี้ รู้ไหมเพราะอะไร? เพราะรบเขาเชื่อมั่นในหัวใจของเขากับพี่ยังไงล่ะ เขาบอกว่าเขารักพี่เขาก็หมายความตามนั้นและไม่ว่าใครจะไม่เห็นด้วยยังไงหรือไม่เขาก็ไม่สนใจ เขารู้ว่าพี่รักเขาเขาก็เชื่อมั่นในตัวพี่มาตลอด เขารู้ว่าพ่อกับแม่ของอัศจะรับได้ที่เขากับพี่เป็นเกย์เขาก็รับพี่เข้ามาอยู่ด้วยเพราะแน่ใจอย่างนั้น แล้วอัศล่ะ? อัศรับไม่ได้รึเปล่าที่รบกับพี่รักกัน?”
“เปล่าครับ”
“แล้วอัศเห็นว่าพี่กับรบไม่มีความสุขตรงไหนล่ะ?”
“ก็พี่จุ้ยยังโดนที่บ้าน…..”
“อ๋อ เรื่องบ้านพี่น่ะเหรอ เรื่องบ้านพี่น่ะมันแก้ไม่ได้หรอก เขารับไม่ได้ก็คือเขารับไม่ได้ แต่ที่บ้านของอัศไม่ใช่นี่ พี่เชื่อนะไม่ว่าใครก็ตามที่รู้สึกดี ๆ กับอัศและอัศรู้สึกดี ๆ ตอบด้วยล่ะก็พ่อกับแม่ของอัศจะต้องยินดีต้อนรับเขาแน่ ๆ อัศมีคนที่คอยเข้าใจอย่างพ่อแม่ มีรบ มีเพื่อน ๆ อีกหลายคนแล้วก็ยังมีพี่ อัศไม่เห็นจะต้องใส่ใจคนอื่นเลย”
นั่นสินะ… จะว่าไปแล้วเรื่องก็ง่าย ๆ แค่นี้เอง ผมไปคิดอะไรตั้งเยอะแยะนะ
“ขอบคุณครับพี่จุ้ย” ผมกอดพี่จุ้ยพี่จุ้ยก็กอดผมตอบเบา ๆ
“ทีนี้ก็ให้คำตอบเขาได้แล้วนะ อย่าปากแข็งกับหัวใจตัวเองอีกล่ะ”
“สงสัยจะยากครับ ผมมันดื้อหัวชนฝาซะด้วยสิ”
พี่จุ้ยเขกหัวผมเบา ๆ “ไป.. ไปกินข้าวซะ แม่เขาเป็นห่วงนะอุตส่าห์ไล่พ่อให้ไปซื้อเป็ดย่างเจ้าอร่อยมารออัศด้วย”
“น่าสงสารพ่อนะ แต่ผมก็อยากกินเป็ดย่างด้วยสิ”
พี่จุ้ยเอามือขยี้หัวผมเบา ๆ แล้วก็จูงมือผมไปกินข้าว
ขอประทานโทษครับท่าน… ไม่ทราบจะให้ผมไปชั้นไหนถึงจะเจอห้องกรรมการบริษัทครับเนี่ย ตึกอะไรฟะสูงชะลูด!!! คอนโดแม่ผมยังไม่สูงขนาดนี้เลย!!
“ไม่ทราบมาพบใครคะ?”
โทษนะครับคุณประชาสัมพันธ์ ผมพบผู้บริหารนะครับไม่ได้มาจับจองที่ร้องเพลงวางขัน ไม่ต้องทำสายตาเหยียดหยามขนาดนั้นก็ได้
“ผมมาขอพบคุณศรชัยครับ”
“ศรชัยแผนกบัญชีหรือว่าศรชัยแผนกวิศวกรรมคะ?”
โห~ สงสัยจะหลายศรชัยจัด
“ศรชัยกรรมการบริษัทครับ”
“…………”
ไม่ต้องทำตาพองขนาดนั้นก็ได้ครับพี่ ผมกลัวแล้วครับ
“นัดไว้รึเปล่าคะ ถ้าไม่ได้นัดไว้คงให้เข้าพบไม่ได้ค่ะท่านมีงานมาก”
ประชาสัมพันธ์บริษัทนี้เขาทำหน้าที่เลขาด้วยรึไงเนี่ย?
“รบกวนช่วยโทรขึ้นไปบอกท่านว่าอัศวินมาขอพบด้วยครับ”
“………..”
เออนะ ยังจะนั่งเฉยอีก ผมชักรู้สึกไม่ชอบหน้ายัยคนนี้ขึ้นมาตะหงิด ๆ
“ช่วยโทรไปบอกว่าอัศวินมาขอพบด้วยครับ”
“………” ก็ยังเฉย
“ผมบอกให้โทรขึ้นไปบอกไอ้พี่ศรเดี๋ยวนี้ว่าผมมาหา!!!! ถ้าไม่ลงมาภายใน 10 นาทีจะไม่ได้เห็นหน้าผมตลอดชีวิต!!!!!”
ผมตบโต๊ะประชาสัมพันธ์แรงจนมือชานั่นแหละคุณเธอถึงจะยอมโทรได้
8 นาทีต่อมาไอ้พี่ศรก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากลิฟท์ 8 นาทีจริง ๆ ผมนั่งจับเวลาอยู่ ถ้า 10 แล้วยังไม่มารับรองว่าไม่ได้เจอหน้าอัศวินตลอดชีวิตแน่
“น้องอัศ!!!….. พี่……”
ผมรีบยกมือห้ามก่อนที่คนพูดไปหอบไปจะขาดใจตายเพราะหายใจไม่ทันซะก่อน
“ผมอยากคุยด้วย พอจะมีเวลามั้ย?”
พี่ศรหันไปหายัยประชาสัมพันธ์ “อรอุมา โทรขึ้นไปบอกนิรันดร์ว่าผมยกเลิกนัดวันนี้ทั้งหมดให้เขาจัดการให้ด้วย”
“ค่ะท่าน”
โฮ่!~ ทีนี้ล่ะก้มหน้าก้มตาเชียวนะ
“น้องอัศจะมาทำไมไม่โทรมาบอกพี่ก่อนล่ะ?”
“ผมมาขอพบ… ถ้ามีเวลาก็คุยถ้าไม่มีเวลาผมก็จะกลับ”
“พี่มีเวลาให้น้องอัศเสมอนะครับ”
“เหรอ….”
ผมเดินออกมาจากตึกพี่ศรก็เดินตามออกมา
“น้องอัศมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอครับ?”
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
ผมโบกแท็กซี่ที่หน้าบริษัทแล้วก็ดันพี่ศรเข้าไปในรถ ผมจะพาไปคุยที่ไหนดีล่ะเนี่ย คงต้องเป็นที่ที่คนน้อย ๆ หน่อยเกิดบ้าขึ้นมาผมจะได้ไม่อายเขา
ผมพาพี่ศรเข้ามาในร้านอาหารริมบึงข้าง ๆ ทาง วันนี้เป็นวันธรรมดาคนเลยน้อย ค่อยยังชั่วถ้าคนเยอะผมคงแย่
“น้องอัศมีอะไรรึเปล่าครับ?”
“ไม่เปิดคลีนิคแล้วเหรอ?”
คลีนิครักษาเด็ก ๆ น่ะครับพี่ศรเคยพูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่าอยากเปิด
“คงอีกซักพักล่ะครับ พี่ต้องทำงานให้พ่อกับแม่ซักระยะก่อน แล้วน้องอัศล่ะครับ? วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ?”
“ถ้ามีผมคงไม่มาพบพี่หรอกนะ”
“…อารมณ์ไม่ดีเหรอครับ?”
ยังจะมายิ้มอีก ผมลุกเดินไปพยายามทำสมาธิ ผมจะพูดยังไงดีล่ะ? เดินไปซื้อขนมปังมาแถวนึงแล้วก็โยนให้ปลาไปทั้งแถวเลย ให้มันไปแย่งกันเอาเอง
“…น้องอัศ?…” พี่ศรเดินมาจับแขนผมเบา ๆ
“…เรื่องที่เคยคุยกัน… ผม…. โอเค”
“เรื่องอะไรครับ?”
ยังมาทำเป็นไม่รู้อีก จะให้พูดยังไงว๊อยยยยยยยยย ไอ้บ้า!!~
“ช่างมันเถอะ”
ผมพยายามจะเดินเลี่ยงไปไอ้พี่ศรก็ดึงแขนผมไว้ หันมาจ้องหน้าผมนิ่ง อย่าจ้องอย่างงั้นดิ โธ่ว๊อย อย่าจ้องดิ๊!~
“น้องอัศ!!!” อยู่ ๆ ก็ยิ้มกว้างจนปากแทบจะถึงรูหู
“น้องอัศ!~ๆๆๆ”
โอ้ย~ จะเรียกทำไมเยอะแยะฟะ เฮ้ย!!!~ จะมาอุ้มทำม๊ายยยยย!!~
“น้องอัศ พี่รักน้องอัศครับ… รัก…รัก…รัก…รักเหลือเกิน”
พอ ๆ จูบจนเปียกไปทั้งหน้าแล้ว
“พี่!! ปล่อย!~ อายเข….อื้อ….”
ผมยังพูดไม่ทันจบดีไอ้พี่บ้านี่ก็จูบปากผมเข้าเต็ม ๆ กว่าจะยอมปล่อยก็เล่นเอาผมแทบจะหายใจไม่ออกตาย
“น้องอัศครับ….”
จะเรียกทำไมอีกฟะ
“พี่รักน้องอัศครับ”
รู้แล้ว!~
“กว่าจะได้น้องอัศมาเป็นแฟน ช่างนานเหลือเกิน”
“ใครเป็นแฟนพี่!!?”
นั่น เหวอเลย ดี สมน้ำหน้า
“น้องอัศ!!?”
“ผมไม่ใช่แฟนพี่ซักหน่อย …..ก็แค่….ตกลงคบด้วยเท่านั้นเอง”
ยิ้มอีกแล้ว จะยิ้มทำไมนักหนาเล่า!~
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่แฟนก็ไม่ใช่แฟน พี่รู้ว่าน้องอัศขี้อาย”
กอดผมแล้วโยกใหญ่ บ้ารึเปล่าเนี่ย
“ใครขี้อาย!!! ผมไม่ได้ขี้อายนะ!!~”
“ครับพี่รู้”
“ผมไม่ได้เป็นแฟนพี่ด้วย”
“ครับพี่รู้”
“……ผม….”
“ครับ พี่รู้ แค่นี้พี่ก็มีความสุขแล้วครับ”
“ผม…..”
“………”
“ผม..รัก..พี่”
ไอ้บ้า!!! จะหัวเราะทำไมฟะ คนเขาก็อายเป็นเหมือนกันนะ
“ครับ พี่รู้ พี่ก็รักน้องอัศ จะรักให้มากขึ้น ๆ ตลอดไปเลยครับ”
เชอะ…. ให้มันจริงหอะ อย่าให้รู้ว่าไปทำแบบนี้กับใครอีกก็แล้วกัน พ่อจะอาละวาดให้บ้านแตกเลย เชอะ!!….
“พี่รักน้องอัศครับ” พี่ศรจูบหน้าผากผมเบา ๆ
“ผมก็รักพี่……”
……………………………………..END………………………………….
ส่วนตอนพิเศษต๊ะไว้คราวหน้านะจ๊ะ