ชีส 5 (END) โดย mam“ชีส~….” ไวถอนปากออกไปมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วก็ก้มมาจูบหน้าผากผมไล่ลงมาถึงแก้มเรื่อยลงไปแถว ๆ คอ
แปลก… ไวแปลกไป… ไวเป็นอะไร?… ตัวผมเองก็รู้สึกแปลก ๆ ไม่รู้มันเป็นอะไรรู้แต่ว่ามันร้อนรู้สึกเวียนหัวไปหมด ตาลาย ๆ เหมือนในหัวจะระเบิด
“น้องเฉื่อย!~ ไอ้ไวฟื้นยัง?” อยู่ ๆ กิตก็เปิดประตูผั่วะเข้ามา
“…………”
“…………”
ทุกคนหยุดนิ่งชะงักกันไปหมด ผมรีบลุกเดินลงไปชั้นล่าง
“มึงจะเข้ามาทำไมวะ!!!?” ไวโวยวายเสียงดังลั่น
“กูก็เข้ามาดูมึงสิวะ!! ใครเขาจะไปรู้ว่ามึงฟัดน้องเฉื่อยอยู่!!”
“แม่ง!!! โผล่พรวดเข้ามาดูเด๊ะ!! เสียเส้นหมด!!!”
“เส้นหื่นมึงแตกเสือกมาเกี่ยวอะไรกับกูล่ะ!! มึงดันเมาแอ๋กูก็มาดูเด่ะว่าจะช่วยอะไรได้มั่ง!!”
“งั้นมึงมาดูตีนกูเลยว่าเป็นไงมั่ง!!!”
“อย่านึกว่ามึงมีตีนคนเดียวนะโว้ย!! กูก็มีเหมือนกัน มาสิวะ!!”
“………….”
สองคนนั้นตีกันเสียงดังโครมครามลั่นบ้าน
ผมรู้แล้วว่าลุงวิทย์ขอไวเรื่องอะไร ผมลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ตลอดมาผมไม่เคยนึกถึงว่าไวจะ…..
ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนที่รักกัน แต่ว่า…. ผมกับไวเป็นผู้ชายทั้งคู่ ….แล้วมัน…. ผมไม่รู้…..ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงที่ผู้ชายรักกันแล้วมีอะไรกันได้ ผมนอนอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกจนเช้าไม่กล้ากลับไปนอนที่ห้องไว
เช้านี้ผมลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้บรรดาพวกที่สลบอยู่ข้างบน เผื่อตื่นมาแล้วจะหิวกัน
“ชีส…” เสียงไวเรียกข้างหลังทำเอาผมอดสะดุ้งไม่ได้
หันไปมองเห็นไวยืนมองผมอยู่ขอบตาเขียวไปทั้งเบ้า แก้มแดงบวมปากแตกด้วย ผมรีบหาผ้าชุบน้ำอุ่นไปประคบ
“คืนนี้กลับไปนอนที่ห้องนะ…” ไวจับมือผมไว้แน่นจนผมต้องหยุดมือที่กำลังประคบหน้าเขาอยู่
“…ไว…”
“เราสัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรที่ชีสไม่ชอบอีก จะรอ จะรอจนกว่าชีสจะพร้อมจะเห็นใจเรา” ไวมองผมตาละห้อย
ที่ผมกลัวไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำอะไรที่ผมไม่ชอบแต่เพราะผมชอบน่ะสิ มันวาบหวาม ร้อนรุ่ม แต่รู้สึกดีจนบอกไม่ถูก ….นี่ผมเพี้ยนไปรึเปล่าที่รู้สึกอย่างนี้น่ะ….
ผมเดินเข้าไปกอดเอวไวซบหน้ากับอกไว ไม่อยากให้ไวเห็นเลยมันต้องแดงไปหมดแล้วแน่ ๆ
ผมพยักหน้าช้า ๆ ไวกอดผมหมับทันทีสองมือไวจับแก้มผมทั้งสองข้างให้เงยขึ้นมองหน้า แล้วอยู่ ๆ ไวก็ก้มมาหอมแก้มผมแรง ๆ ทั้งสองข้าง
“ขอบคุณนะชีส ที่รัก….”
ไอ้บ้านี่!!! มาเรียกที่รักเฉยเลย ผมชกอกไวไปทีนึงแต่ดูท่าทางเจ้าตัวจะไม่เจ็บหัวเราะใหญ่
“ขอโทษครับคุณเพื่อน กูหิวข้าว ช่วยหาข้าวหรือว่าอาหารมายัดปากกูหน่อยได้มั้ยครับ”
ผมเพิ่งจะรู้สึกว่ากิตกับอัศยืนกอดอกมองอยู่ข้างหลัง ผมรีบถอยห่างจากไวหันหลังกลับไปทำกับข้าวต่อ
ลุกมาก็ไม่ยอมบอกยืนมองอยู่ได้ น่าอายจะตาย…
“ขอโทษครับไอ้คุณเพื่อน มึงจะกรุณาไม่ขัดจังหวะกูซักครั้งได้มั้ยครับ”
“โอ้!~ ไม่ได้หรอกครับ เพราะการปกป้องน้องเฉื่อยคืองานของพวกกู” กิตกับอัศพูดไปหัวเราะไปแล้วก็รีบวิ่งหนีไวที่ไปวิ่งไล่เตะเพื่อนซะทั่วบ้าน
พอกินข้าวเสร็จได้ซักพักน้องเอ๋อก็วิ่งเข้าบ้านไวมาด้วยสีหน้าตื่น ๆ
“พี่กิต!!!”
“นนท์ มาได้ไง!!!?”
น้องเอ๋อรีบวิ่งมานั่งข้าง ๆ กิต
“พี่ไวโทรไปบอกครับว่าพี่ตกบันไดอาการหนักมาก ตกบันไดแล้วทำไมตาเขียวแบบนี้ล่ะ?” น้องเอ๋อแตะแผลที่หน้ากิต แต่พอแตะทีเจ้าตัวก็สะดุ้งที
“พอดีไม่ได้ตกบันไดอย่างเดียว โดนหมามันกัดด้วยน่ะ” กิตยังนั่งทำตาหวานยิ้มกับน้องเอ๋อปล่อยให้แฟนดูแผลต่อไป
“หมา!? บ้านพี่ไวไม่ได้เลี้ยงหมาซักหน่อย…”
“โอ้ย!~ เบื่อ ๆ น้ำตาลท่วมบ้านละโว้ย~” อยู่ ๆ อัศก็ลุกขึ้นมาโวยวายเดินไปเข้าห้องน้ำ
“พี่อัศเขาเป็นอะไรครับ?” น้องเอ๋อหันมาถามผม
“หมาเดือนสิบสองน่ะน้อง ไม่มีอะไรหรอก” ไวตอบยิ้มกว้าง
ปกติก็เป็นคนที่ว่องไวสมชื่อหรอกนะ แต่ทำไมหลบขวดแชมพูที่อัศเขวี้ยงออกมาจากห้องน้ำไม่พ้นก็ไม่รู้ ขวดแชมพูกระแทกหัวดังป๊อกเลย
“หมาบ้านพ่อมึงสิ!! กลับแล้วโว้ย ขี้เกียจอยู่ปัดมด” อัศเดินไปหน้าประตูใส่รองเท้าเรียบร้อยทำท่าจะเดินออกไป
“พี่อัศครับ เมื่อกี้ผมเห็นพี่ศรเดินอยู่แถว ๆ หน้าหมู่บ้าน…” พอน้องเอ๋อบอกเท่านั้นอัศก็สะดุ้งสุดตัว
“กลับดี ๆ นะโว้ย กูขี้เกียจไปกวาดมดหน้าหมู่บ้าน” ไวยังไม่วายล้ออัศ อัศหันมาชูนิ้วกลางให้ไวแล้วก็เดินออกไป
“ไปนนท์ เราก็กลับกันบ้างดีกว่า ขี้เกียจอยู่กัดกับหมา”
“หมา?”
“หมาเดือนสิบสอง”
ไวเอาสมุดโทรศัพท์เขวี้ยงกิต แต่กิตหลบได้หัวเราะลั่นจูงมือน้องเอ๋อวิ่งออกไปจากบ้าน
พอเพื่อน ๆ กลับกันไปหมดแล้วผมก็ไปจัดการหาผ้าชุบน้ำอุ่นมาประคบหน้าให้เจ้าคนที่นอนหนุนตักอยู่
สาย ๆ ลุงวิทย์ก็กลับมา พอเดินเข้าบ้านมาแล้วเห็นหน้าลูกชายผิดปกติก็หันมามองตรง ๆ
“ไปโดนอะไรมา?”
“ทะเลาะกับกิตครับ” ผมตอบไปลุงวิทย์ก็ทำคิ้วขมวด
“เรื่องอะไร?”
ผมไม่ได้ตอบไป อย่าว่าแต่ตอบเลยแค่ตาก็ยังไม่กล้าสบกับลุงวิทย์เลย แต่ไวสิหน้าหงิกทำเสียงฮึดฮัดหันไปมองทางอื่น
“อ๋อ~ รู้ล่ะ… ดีแล้ว สมน้ำหน้า” แล้วลุงวิทย์ก็เดินขึ้นข้างบนไป
ทำไมรู้เร็วจังล่ะ? ผมยังไม่ได้บอกอะไรเลยนะ รู้ได้ยังไง?
พักหลัง ๆ มานี้ผมเริ่มรู้สึกว่าไวทำตัวแปลก ๆ เวลาผมคุยกับเพื่อน ๆ โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชายไวจะชอบคอยมาป้วนเปี้ยนวุ่นวายนัวเนียอยู่นั่นล่ะ
มายืนเกล้าจุกบนหัวผมบ้าง มานั่งซ้อนหลังเอาคางเกยไหล่ก็ทำ มุดมานอนหนุนตักซะเฉย ๆ ก็มี จนผมคิดว่าเพื่อน ๆ คงเริ่มทำใจกับไวแล้วล่ะ ตอนคุยกับเพื่อนผู้หญิงก็ไม่เท่าไหร่แท้ ๆ
“นันต์…”
ระหว่างที่จะเดินออกจากประตูมหาวิทยาลัยก็ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกข้างหลัง หันไปดูเห็นเอกเพื่อนที่เรียนด้วยกันวิ่งตามมา
“มีอะไรเหรอ?”
“กุ้งบอกว่านันต์จดเลคเช่อร์อาจารย์มงคลไว้หมดเลยจะมาขอยืมหน่อย”
ผมหยิบสมุดส่งให้เอก แต่ดูท่าทางคนข้าง ๆ ผมจะไม่ชอบเท่าไหร่ ตาเขียวปั๊ด
“เฮ่ย!~ แค่ยืมเลคเช่อร์น่าอย่ามองงี้สิวะ” เอกหันไปบอกไวที่มองตาขวาง
“ขอยืมเลคเช่อร์บ้านมึงเขาจับมือกันเหรอวะไอ้เอก”
อ้าว!~ แล้วนี่เอกมาจับมือผมตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย? ไวดึงมือผมกลับไปจับไว้เอง
“แม่งโคตรหวงเลยว่ะ นิดหน่อยก็ไม่ได้”
“ไม่ได้โว้ย!~”
“เออ ๆ นันต์พรุ่งนี้คืนให้นะ ขอบใจ” เอกวิ่งกลับไปแล้ว แต่…ไวยังไม่ปล่อยมือผมซักที
“ปล่อยได้แล้วมั้ง…” ไวจูงมือผมเดินออกนอกประตูไม่พูดซักคำ เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย?….
กลับมาถึงบ้านก็เห็นน้องเอ๋อนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าประตู
“อ้าว!~ น้องเอ๋อ มีอะไรถึงได้มาซะบ่ายเลย ไม่มีเรียนเหรอ?” ไวทักแล้วก็เดินไปเปิดประตูให้เดินเข้าไปในบ้าน
“พรุ่งนี้ที่โรงเรียนมีงานครับ อาจารย์ให้ช่วยกันเตรียมงานแต่เพื่อน ๆ ไล่ผมกลับบ้านก่อน”
อ้าว!? …แต่ผมว่าผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมถูกไล่กลับบ้าน ก็เดิน ๆ ไปน้องเขาสะดุดโน่นนี่เดินชนประตูก็มี แบบนี้อยู่ช่วยงานไม่ได้หรอก
น้องเอ๋อนั่งที่โซฟาผมก็หาน้ำให้น้องเขาแล้วเข้าไปนั่งใกล้ ๆ
“มีอะไรเหรอ?”
น้องเอ๋อทำหน้าเศร้า ๆ แล้วเงยหน้ามองพวกผมตาแดง ๆ
“ผม…ผมคิดว่า…พี่กิตคงจะมีคนอื่นแล้ว…”
อะไรนะ!!?
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ!?” ไวคิ้วขมวด
“ก็…พักหลัง ๆ นี่พี่กิตไม่โทรหาผมเลย ผมโทรไปก็บอกว่างานยุ่งไม่มีเวลาคุย เพื่อนบอกว่าเคยเห็นพี่กิตเดินหัวเราะกับผู้หญิงในห้างฯ ด้วย” เสียงน้องเขาสั่น ๆ เหมือนจะร้องไห้
“คงจะงานยุ่งจริง ๆ ล่ะมั้ง ผู้หญิงคนนั้นก็คงเป็นแค่เพื่อนแหล่ะ ไอ้กิตมันชอบผู้หญิงที่ไหนกัน” ไวพยายามปลอบน้องเอ๋อ
“นั่นสิ ไม่ไปมีใครง่าย ๆ หรอก เห็นมันรักน้องออก” ผมพยายามลูบหัวน้องเขาเบา ๆ
“แต่ว่าถ้าพี่กิตเขามีแฟนใหม่ แล้วเป็นผู้หญิงด้วยก็……” พูดได้แค่นั้นน้ำตาก็หยดแล้ว
ผมดึงน้องเขามากอดเบา ๆ ไวลุกไปหยิบโทรศัพท์โทรหากิต
“ไอ้กิตเหรอ? กูเองนะ…. เออ ไอ้ว่องไวของมึงนี่แหล่ะ” คงมีว่องไวหลายคนล่ะมั้ง
“ตอนนี้สุดที่รักของมึงอยู่ที่บ้านกูอาการหนักมาก มึงรีบมาดูหน่อย …เออน่า มึงรีบมาดูเหอะ กูไม่ใช่หมอจะรู้ได้ไง …เออ….มาเร็ว ๆ ล่ะ” แล้วไวก็วางสายไป
“พี่ไวโทรไปเรียกพี่กิตมาทำไมครับ? พี่กิตอาจจะไม่ว่างก็ได้ ผมไม่อยากรบกวนพี่เขา…”
“ว่างไม่ว่างพี่ไม่รู้ แต่ถ้าบอกว่านนท์อาการหนักแล้วมันไม่มามีเคืองแน่”
“กำลังจะมาเหรอ?” ผมหันไปถามไว ไวก็พยักหน้าตอบ
ไม่นานเกินรอ แค่ยี่สิบกว่านาทีรถของกิตก็จอดหน้าบ้านพร้อมกับเจ้าตัวกระโดดลงจากรถวิ่งพรวดพราดเข้ามาในบ้าน
“นนท์!!!” กิตมองหาน้องเอ๋อหน้าตาตื่น พอเห็นว่านั่งอยู่กับผมก็ถอนหายใจยาวทรุดนั่งลงกับพื้นหอบแฮ่ก
“ไอ้ไว มึงหลอกกูทำไมวะเนี่ย?”
“กูหลอกอะไรมึง แหกตาดูเด๊ะว่าน้องมึงเป็นอะไร” กิตหันมามองน้องเอ๋อแล้วก็เดินเข้ามาหา
“ร้องไห้!!? ร้องทำไมนนท์?” กิตปาดน้ำตาสองข้างแก้มให้น้องเขาแล้วดึงเข้าไปกอด
“จะทำไม ก็นึกว่ามึงมีคนใหม่น่ะสิ”
“เฮ้ย!!!” กิตร้องเสียงหลง
“ทำไมคิดอะไรแบบนั้น!!!?”
“….ก็…พี่กิต….ไม่ค่อยมีเวลาให้ผม โทรไปก็บอกแต่ว่าไม่ว่าง ๆ แล้วเพื่อนผมก็เห็นพี่ไปเดินห้างฯ กับผู้หญิงด้วย” น้องเอ๋อพูดไปก็น้ำตาหยดไปกิตปาดน้ำตาเป็นพัลวันถอนหายใจอีกครั้ง
“แล้วเพื่อนไม่ได้บอกรึไงว่าเห็นพี่เดินที่แผนกไหน?” น้องเอ๋อสายหน้า
“สายรายงานไม่ละเอียดไม่ขอรับผิดครับผม พี่ไปเดินกับผู้หญิงจริง แต่เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันไปหาซื้อถุงมือยางสำหรับใช้ผ่าตัด อาทิตย์หน้ามีเรียนผ่ากระเพาะปัสสาวะอาจารย์ใหญ่”
น้องเอ๋อหยุดร้องไห้มองตาแป๋ว
“ก็บอกแล้วไงว่างานยุ่งจริง ๆ แต่หลังจากหมดเทอมนี้ก็สบายแล้ว” กิตยิ้มให้น้องเขา คงสบายใจกันแล้วสินะ
“เดี๋ยวปิดเทอมนี้พี่จะพานนท์ไปเที่ยวนะ”
“เออ… ไปเที่ยวให้ไกล ๆ พวกกูหน่อยนะ เรื่องแค่นี้เสือกทำเป็นเรื่องใหญ่จะเป็นจะตาย เดี๋ยวพ่อจับเชือดทั้งพี่ทั้งน้องเลย” ไวพูดแบบโมโห
“แค่นี้เองมึงจะอะไรนักหนาวะ ไม่ได้จู๋จี๋กันสองต่อสองไม่กี่นาทีไม่ตายหรอกมึง”
กิตจูงมือน้องเอ๋อลุกไปที่หน้าประตู
“ไม่รบกวนก็ได้วะ เชิญมึงทรมานกับนรกที่แอ้มไม่ได้ของมึงต่อไปเถอะ”
“ไอ้เวรนี่!!”
กิตจูงมือน้องเขาเดินออกไป
เฮ่อ~ ทำเอาตกอกตกใจหมดเจ้าคู่นี้นี่….
อาทิตย์นี้ผมต้องอยู่กับไวสองคนเพราะลุงวิทย์ไปต่างประเทศ อาหารการกินของเราสองคนก็เลยเป็นอาหารง่าย ๆ ผมตั้งใจว่าจะไปยกยอเอาปลามาทอดกินกัน บ่อหลังบ้านไม่ค่อยได้ไปตกปลามากินปลาเต็มบ่อไปหมด
อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงกดออดหน้าบ้าน ผมโผล่หน้าไปดูก็เห็นผู้ชายยืนอยู่หน้าประตู
ผู้ชายคนนั้นผมจำได้ดี ใครจะไปลืมคนที่หนีแม่ไปแต่งงานใหม่ทิ้งผมให้แม่ดูแลจนป่านนี้
“…..ชีส….”
ใช่ครับ! เขาเรียกผม ผมเดินไปไหว้เขาที่หน้าประตู แล้วเชิญเข้าไปนั่งในบ้าน
“ชีสจำพ่อได้มั้ย?”
“จำได้ครับ”
“แม่ไม่อยู่เหรอ?”
“แม่อยู่เชียงรายครับ”
“ไปทำงานที่โน่นเหรอ?”
“แม่แต่งงานแล้วไปอยู่ที่โน่นครับ”
“แต่งงาน!! แล้วปล่อยให้ชีสอยู่บ้านนี้คนเดียวเนี่ยนะ!!!”
ดูเขาพูดเหมือนกับเขาโกรธ อยู่ ๆ ไวก็เดินเข้ามา เขาทำหน้าเครียดแล้วมานั่งกับผม
“แม่ไม่ได้ปล่อยให้ผมอยู่บ้านคนเดียวครับ ผมอยู่บ้านไว”
ผมจับมือไวไว้ ตอนนี้อารมณ์ผมไม่ปกติอย่างมาก ผมกำลังพยายามควบคุม ไวรู้ดีเขากำมือผมไว้แน่น
“เอาลูกไปไว้บ้านใครแล้วไปแต่งงานใหม่อย่างนั้นเหรอ!!!?”
“ไม่ใช่บ้านใครครับ ชีสไปอยู่กับผม” ไวพูดขึ้นมา
“แล้วเธอเป็นใคร พ่อลูกเขาจะคุยกัน” เขามองตาขวาง
“ผมเป็นแฟนชีสครับ เป็นเจ้าของบ้านที่ชีสอยู่ตอนนี้”
“เหลวไหล!!! ชีสเป็นผู้ชายจะมีแฟนเป็นผู้ชายได้ยังไง แม่เลี้ยงมายังไงถึงได้เป็นแบบนี้!” ครับ เขาโกรธ ดูเหมือนโกรธ
“แม่จะเลี้ยงผมมายังไงผมว่าพ่อก็ไม่น่าจะเกี่ยว แม่เลี้ยงผมมาคนเดียว แล้วก็เลี้ยงได้ดีด้วย”
“อย่ามาพูดกับพ่ออย่างนี้นะชีส!”
“แล้วพ่อมาที่นี่ต้องการอะไรครับ?” ผมพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด
“พ่อจะพาชีสไปอยู่ที่บ้านพ่อ อยู่ที่นี่ได้ยังไงคนเดียว แล้วยังไปอยู่บ้านไอ้บ้านี่อีก!”
“ไม่ไปครับ แล้วไวก็ไม่ใช่ไอ้บ้า ไวเป็นแฟนผม”
“ชีส!! ชีสต้องไปอยู่บ้านพ่อ นี่เป็นคำสั่ง!”
เขาลืมอะไรไปรึเปล่า?
“ชีสไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งคุณครับ ชีสอายุ 20 แล้ว ไม่ใช่ผู้เยาว์ที่ต้องมีผู้ปกครองคอยควบคุม แล้วอีกอย่างนึงคุณไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับชีส” ไวพูดกับพ่อด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ กอดเอวผมไว้แน่น
“ทำไมจะไม่มี ชีสเป็นลูกของฉันนะ!!!”
“คุณไม่ได้เลี้ยงดูชีสมา คุณไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับน้าอรด้วย คุณแค่ส่งค่าเลี้ยงดูชีสให้เพราะกฎหมายกำหนดเท่านั้น อีกอย่างนึงผมว่ามันไม่สมควรที่คุณจะมาพาชีสไปให้ภรรยากับลูกสาวคุณใช้งาน”
“อะไรนะ!!?”
ไวจ้องหน้าเขา
“ผมได้ยินภรรยาและลูกสาวคุณที่อยู่บนรถพูดชัดเจนว่าจะให้คุณพาชีสไปรับใช้เขา ผมว่าไม่มีความจำเป็นที่ชีสจะต้องไปรับใช้ภรรยากับลูกใหม่ของคนที่ไม่ได้คิดจะเลี้ยงเขาอย่างจริงจัง”
“อย่ามาพูดอะไรเลอะเทอะนะ”
“ไม่หรอกครับ ผมพูดความจริงที่ได้ยินชัดแจ่มแจ้ง ถ้าคุณคิดว่าคุณส่งค่าเลี้ยงดูมาให้ชีสเพื่อที่ว่าคุณจะเอาตัวชีสไปให้ภรรยาใหม่คุณใช้งานละก็ค่าเลี้ยงดูที่คุณส่งมาให้ชีสทั้งหมดผมจะใช้คืนให้”
“เธอมีปัญญารึไง!? เงินไม่ใช่น้อย ๆ นะ”
“เงินตกค้างในบัญชีของผมผมว่ายังจะมากกว่าที่คุณส่งมาให้ชีสเสียด้วยซ้ำ แต่ที่จริงเงินส่วนนี้คุณไม่สมควรได้คืนหรอกเพราะถ้าพูดตามกฎหมายแล้วเงินก้อนนี้คุณจะต้องจ่ายให้น้าอรเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูชีสอยู่แล้ว”
เขากำมือแน่นจ้องไวเขม็งแล้วก็ผลุนผลันลุกออกไป
ไวดึงผมไปกอดลูบหัวผมเบา ๆ
“ขอโทษนะที่เราทะเลาะกับพ่อชีส…”
“ไม่หรอก ถ้าไวไม่พูดเราคงจะพูดหนักกว่านี้แน่ ๆ ”
ดีแล้วที่ผมมีไวอยู่ตรงนี้ ดีเหลือเกินที่ผมมีอ้อมกอดไวที่อบอุ่นนี้ ผมกอดไวไว้ซบหน้ากับอกอุ่น ๆ ของไว ในอ้อมแขนนี้ผมร้องไห้ได้โดยที่ไม่ต้องกลัวอะไร อ้อมแขนที่เป็นของผมคนเดียว….
ลุงวิทย์เตรียมตำแหน่งในบริษัทไว้ให้ผมตั้งแต่ผมยังเรียนไม่จบช่วงฝึกงานผมก็เลยไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต้องฝึกเลยมากกว่าแต่ว่าผมยังขอลุงวิทย์ไว้ว่าขอให้ผมได้ฝึกตามหลักสูตรลุงวิทย์ถึงได้ยอม
สอบเสร็จผมโทรไปบอกแม่ว่าเรียนจบแล้วผมจะไปเที่ยวที่โน่นไวก็ร้องขอตามไปด้วย รู้สึกว่าทางบ้านโน้นยินดีกันมากที่ผมจะไปเที่ยวแล้วยังจะพาแฟนไปด้วย
ผมได้คุยกับที่บ้านโน้นบ่อยเพราะแม่โทรคุยกับผมบ่อยมากและผมเองก็เคยได้คุยกับคุณภาครู้สึกว่าเขาเป็นคนใจดีมาก จากการคุยผมคิดว่าเขาคงอยากมีลูกชายเพราะเขามีแต่ลูกสาวสองคนฝาแฝดเสียด้วย น้องออนซ์น้องอั้มก็น่ารักคุยสนุก ไวยังแอบงอน ๆ ผมกลัวผมจะรักน้องมากกว่าตัวเอง จริง ๆ เลยนายคนนี้น่ะ
ทางที่ไปไร่ก็ขรุขระตามประสาทางขึ้นเขาน่ะครับ รถที่เรานั่งไปเป็นรถแลนด์โรเวอร์เจอก้อนหินทีก็กระแทกทีกว่าจะถึงไร่ก็ก้นกระแทกจนเจ็บไปหมด พอรถจอดหน้าบ้านผมก็ลงจากรถ
“พี่ชีส~…” น้องออนซ์น้องอั้มวิ่งเข้ามาโถมกอดผม
น้องเขาเป็นผู้หญิงครับแต่ไม่ค่อยถือตัวเท่าไหร่ ตอนที่ผมบอกไปว่าผมจะพาแฟนไปด้วยน้องเขาก็ตื่นเต้นกัน แถมพอบอกว่าแฟนเป็นผู้ชายเท่านั้นก็กรี๊ดกร๊าดดีใจกันใหญ่ มันน่าดีใจตรงไหนที่พี่ชายมีแฟนเป็นผู้ชาย?
“พี่ไวใช่มั้ยคะ?” น้องออนซ์ถาม พอไวพยักหน้าทั้งสองคนก็กรี๊ดกร๊าดกันอีก
“ชีส เป็นยังไงบ้างลูก? ไร่ของเรา…” คุณภาคกับแม่เดินออกมาจากบ้าน ผมกับไวเข้าไปไหว้
“สวยมากครับ น่าอยู่”
“มาอยู่ที่นี่เลยสิ พาไวมาอยู่ด้วยก็ได้”
“ผมต้องทำงานที่บริษัทพ่อครับ ชีสก็ทำอยู่ด้วย” ไวตอบแทนเสร็จสรรพ
“เหรอ แต่ถ้าว่าง ๆ มาเที่ยวมาอยู่ที่นี่ได้นะ ที่นี่ก็บ้านชีสบ้านไวเหมือนกัน”
“ขอบคุณครับ”
คนงานในบ้านมาช่วยกันยกกระเป๋าของผมขึ้นไปไว้บนบ้าน
“พี่ชีส พี่ไว ไปเที่ยวในไร่กันนะคะ” น้องออนซ์กับน้องอั้มจูงมือผมกับไวไปชมไร่
ที่นี่ทำไร่หลายอย่าง ไร่องุ่นก็มี ทำไร่สตรอเบอร์รี่ด้วย แล้วยังมีผลไม้อีกหลายอย่าง แถมยังมีโรงเลี้ยงม้าอยู่อีกด้านนึง ออนซ์กับอั้มพยายามสอนผมขี่ม้าแต่คงเหนื่อยหน่อยเพราะม้ากับผมเข้ากันไม่ค่อยได้ซักเท่าไหร่
อีกคนที่น่าสงสารพอกันก็คือครูสอนขี่ม้าที่ต้องทำใจกับนักเรียนคนนี้ซักหน่อย ไม่แน่ว่าในอีกซัก 4-5 ปีผมอาจจะขี่ม้าเป็นก็ได้ ผิดกับอีกคนขี่ม้าอย่างกับเข้าแข่ง ขี่ไปซะรอบลานเชียว น้องทั้งสองคนตบมือกันใหญ่ที่เห็นไวขี่ม้าเก่ง
ตกลงว่าตั้งแต่มาถึงไร่จนค่ำผมเพิ่งได้พักตอนค่ำ ๆ นี่เอง
อาหารเย็นนี่คุณภาคสั่งให้แม่ครัวทำอาหารภาคกลางเผื่อว่าผมกับไวจะกินอาหารพื้นเมืองไม่ได้ ผมต้องยอมรับเลยว่าแม่ครัวที่นี่ทำอาหารอร่อย แถมยังทำอาหารได้หลายชาติอีกด้วย ไม่ว่าอาหารจีน อาหารญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน ทำได้หมด ยังคุยอวดผมว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารญี่ปุ่นให้ผมกิน
“เอ้าเด็ก ๆ เข้านอนได้แล้ว มารบกวนพี่เขาจนดึก” คุณภาคเดินมาเรียกน้อง ๆ ที่มานั่งคุยกับผมอยู่ให้ไปนอน
น้องออนซ์กับน้องอั้มลุกมาหอมแก้มผมกับไวคนละทีแล้วก็ขอตัวไปนอน ผมกับไวยังคงนอนห้องเดียวกันครับ สงสัยมันจะติดเป็นนิสัยไปแล้วว่าถ้าไม่ได้นอนด้วยกันแล้วนอนไม่หลับ
“ทำไมหน้าหงิกอีกล่ะ หงิกมาตั้งแต่หัดขี่ม้าแล้ว”
ใช่ครับ พ่อคนเก่งนี่หน้าหงิกมาตั้งแต่เริ่มหัดขี่มาจนตอนนี้ก็ยังหงิกอยู่
“ทำไมชีสจะต้องไปหัดกับเขาด้วยล่ะ หัดกับเราก็ได้”
อ้าว~
“จะหัดกับไวได้ยังไงก็ในเมื่อหัดวันเดียวกัน แถมครูสอนเขาก็เชี่ยวชาญมากกว่า คอยแนะได้ว่าตรงไหนถูกตรงไหนผิด”
เจ้าตัวยังคงหน้าหงิกอยู่
“ทำไมอีกล่ะ?”
“…..เราไม่ชอบให้เขาประคองชีสขึ้นม้า”
แล้วกัน…
“ก็ถ้าไม่ประคองแล้วเราจะขึ้นม้าได้ยังไง”
“…………..”
“….ไว… มีเหตุผลหน่อยสิ” ไวหันมามองผมดึงมือผมไปจูบเบา ๆ
“เราไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวชีสทั้งนั้นแหล่ะ”
เออนะ…. แฟนผม ครูสอนขี่ม้าเขาเป็นผู้ชายเหมือนกันเนี่ยนะ คิดอะไรเยอะแยะจริง
“ไว… เรามาเที่ยวกันนะ มาสนุกกันอย่าคิดอะไรมากสิ”
ไวปล่อยมือผมเดินกลับไปนั่งที่ปลายเตียงหันหลังให้ผม เฮ่อ~ ลองว่าพ่อคุณจะงอนละก็ ง้อยากจริง ๆ
“ไว….. อย่างอนสิครับ นะ… ถ้าเลิกงอนอยากได้อะไรจะให้หมดเลย…” ผมเดินเข้าไปกอดคอจากด้านหลัง
“จริงนะ….”
“จริง เลิกงอนนะ” ผมก้มไปมองหน้าไวก็ชักรู้สึกแปลก ๆ ทำไมยิ้มอย่างนั้นล่ะ…. ผมยังไม่ทันคิดอะไรได้มากกว่านั้นไวก็ดึงตัวผมลงนอนบนเตียง
“สัญญาแล้วนะว่าจะให้ เราเลิกงอนก็ได้แต่เราอยากได้ชีส”
เจ้าตัวโตนี่เท้าแขนคร่อมผมอยู่
“ไว!!!”
“…ชีส… นี่มันก็หลายปีแล้วนะ ชีสยังไม่เชื่อใจเรายังไม่เห็นใจเราอีกเหรอ….” สีหน้าไวเศร้า ๆ มองผมนิ่ง ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกว่าผมไม่กล้าสบตาไว
“เปล่า…. ….ไม่ใช่ไม่เห็นใจ….แต่มันกลัว….”
ไวขยับขึ้นมานอนทับผมดึงมือผมไปจูบทั้งหน้ามือหลังมือ
“กลัวอะไร? ชีสไม่ชอบเราไม่รักเราเหรอ? แต่เรารักชีสนะ รักมาก….” ไวยังคงจูบไปทั่วหน้าผม
“ก็รัก แต่ว่าเรื่องรักกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกันนี่นา”
“ก็เรื่องเดียวกันแหล่ะ เรารักชีส เราก็อยากจะกอดชีสอยากจะจูบชีส” พูดจบก็ไม่ยอมฟังผมพูดอะไรอีกก้มลงมาจูบปากผมจนผมหัวหมุนไปหมด รู้สึกว่ามือร้อน ๆ ของไวสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อ
“ไว!!!” ผมดันตัวไวออกห่างทั้ง ๆ ที่แรงแทบจะไม่มีอยู่แล้ว แต่ไวก็หยุดมองหน้าผม
“ทำไมล่ะชีส? ป่านนี้แล้ว….ยังไม่ได้อีกเหรอ? ทรมานนะชีส ทรมานมาก…” มือไวลูบแก้มผมเบา ๆ สายตาดูเจ็บปวด
ไวถอนหายใจยาวค่อย ๆ ถอยไป
“เอ่อ….” ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรั้งแขนไวไว้ มันไม่ทันรู้ตัว รู้แต่ว่าถึงผมจะกลัวแต่ผมก็ชอบสัมผัสของไวที่แตะตัวผม มันรู้สึกถึงความรักที่มีอย่างมากมาย
“ชีส….” ไวขยับเข้ามาหาผมอีกครั้ง ….จูบที่อ่อนโยน แต่จูบวันนี้ช่างอ่อนหวานกว่าปกติมากจนผมแทบจะละลายลงไปตรงนี้
“รักนะชีส รัก…” ไวกระซิบบอกผมเบา ๆ จูบแผ่วไปทั่วหน้าผมไล่ไปถึงคอกระทั่งใบหูก็ไม่เว้น
“อื้อ!~… ไว…”
ผมไม่ทันรู้ตัวว่าไวแกะกระดุมเสื้อผมออกหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ลิ้นของไวที่ลากไปทั่วหน้าอกผมทำเอาผมหัวหมุนแทบดึงสติไม่อยู่
ผมไม่รู้หรอกว่าผู้ชายเขาจะมีอะไรกันได้ยังไง แล้วก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะน่ากลัวด้วยจากที่เคยเห็นภาพในหนังสือของไวใต้เตียง แต่ว่าสัมผัสจากมือของไวมันช่างขัดแย้งกับความคิดของผม มือไวอุ่น…อุ่นจนร้อน แตะตรงไหนทีผมก็รู้สึกวูบวาบไปหมด ไม่รู้ว่าคำรักของไวที่บอกอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่าที่ทำให้ผมเริ่มที่จะกลัวน้อยลง
ไวค่อย ๆ เลือนตัวลงไปถอดกางเกงชุดนอนของผมออกปากก็ยังคอยจูบไปทั้งตัวผม
“อือ~” ผมรู้สึกวูบวาบไปหมด ไวจูบไปทั่วตัวผมไม่เว้นแม้แต่ปลายนิ้วเท้า
“อา~…. ไว…อย่า…” ผมพยายามห้ามซึ่งไวก็ยอมหยุด เขาขยับตัวขึ้นมาอีกครั้ง อยู่ ๆ ผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะลิ้นร้อน ๆ ของไวที่แตะกลางตัวผม
“อ๊ะ!!! วะ…ไว!!….อื้อ!!!….”
ไวยังคลอเคลียอยู่ที่กลางตัวผม สัมผัสของไวทำเอาผมหัวหมุนติ้ว ร้อนอย่างกับสมองจะไหม้
“ชีส….”
“อ๊ะ!!! อ้า!!!!~”
วะ…ไว….ไวทำอะไร!?… ผมรู้สึกวูบอย่างกับกำลังเล่นรถไฟเหาะตีลังกาที่สูงมาก ๆ พยายามเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นปากของไวที่ครอบอยู่บนน้องชายผม ทำไม!?… เวลาจะมีอะไรกันต้องทำเรื่องน่าอายขนาดนี้เลยเหรอ!?… ร้อน…ทั้งตัวทั้งในหัวร้อนอย่างกับจะระเบิด
“อ๊า!!!~….” แล้วความร้อนในสมองมันก็ระเบิดออกมา ผมนอนหอบเหนื่อยหมดแรงไปซะเฉย ๆ อย่างกับไปวิ่งรอบภูเขามาซักสามลูกอย่างนั้นล่ะ
“ชีส….รัก…” ไวเลื่อนตัวขึ้นมามองหน้าผมจูบเบา ๆ ที่ซอกคอก่อนจะค่อย ๆ พลิกตัวผมให้นอนคว่ำลง
“อือ… ไว… ทำอะไร?…”
ไวไม่ตอบแต่จูบไปทั่วหลังผมจนรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงที่ไวจูบ เข่าของไวค่อย ๆ ดันข้อพับที่ขาของผมให้ค่อย ๆ ยกสะโพกขึ้น
“อื้อ!!!” ผมพยายามกัดนิ้วไว้ไม่ให้ร้องเพราะลิ้นของไวที่ลากไปตามร่องสะโพกผมจนชื้นไปหมด
“เรารักชีสนะ….รักมาก…” ไวก้มมากระซิบข้างหูผมแนบลำตัวเข้ากับตัวผม
ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันแข็งเสียดสีอยู่แถว ๆ สะโพก อยู่ ๆ ไวก็ค่อย ๆ สอดอะไรบางอย่างเข้ามาในตัวผมมันทำให้ผมรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว ลิ้นของไวไล้เบา ๆ อยู่ที่หลังหูผม รู้สึกถึงสิ่งที่แทรกเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก มันร้อนชื้นจนชุ่มไปหมด จนเมื่อแทรกเข้ามาเพิ่มเป็นครั้งที่สามผมก็เริ่มรู้สึกอึดอัด
ไวค่อย ๆ ถอนมันออกไปเขาทาอะไรบางอย่างที่สะโพกผม มันเย็นและลื่นมาก
“ไว?…” ไวก้มลงมาจูบเบาที่กลางหลังผม
“…เราจะเข้าไปในตัวชีสแล้วนะ…” เสียงไวแหบสั่น ๆ ไวค่อย ๆ กดบางสิ่งเข้ามาในตัวผม มัน…มันไม่เหมือนเมื่อกี้ ขนาดของมันใหญ่กว่ามากแล้วยังร้อน….
“ไว!!! เจ็บ!!… หยุด…”
ไวกอดผมแน่นจูบไปทั่วต้นคอผม
“ชีสอย่าเกร็งนะที่รัก ผ่อนคลาย…”
ผมพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ผ่อนแรงลง ไวกดผมให้นอนลงกับเตียงพยายามแทรกตัวเข้ามาอีกครั้งทีละนิด ทั้ง ๆ ที่มันเจ็บมากแต่ทำไมผมถึงทนได้?… จนมันเข้ามาทั้งหมดหน้าท้องของไวแนบอยู่กับสะโพกผม มือไวลูบไปทั่วหน้าอกผมปากก็จูบไปตามซอกคอตามไหล่ผม พอผมเริ่มคลายเจ็บไวก็เริ่มขยับตัวเบา ๆ ผมรู้สึกเหมือนจะถูกดูดวิญญาณออกจากร่างทุกครั้งที่ไวแทรกตัวเข้ามาและถอนออก จากที่เจ็บก็เริ่มรู้สึกวูบวาบมากขึ้น
“ชีส…รักชีส~….” เสียงไวแผ่ว ๆ อยู่ที่ข้างหู ทั้ง ๆ ที่มันก็น่าอายแต่ผมกลับไม่อยากให้ไวหยุด
“อือ….อา….เรา…เราก็รักไว…”
ไวเริ่มโถมตัวเข้าหาผมแรงมากขึ้น จูบที่ต้นคอที่หลังผมแรง ๆ จนเจ็บจี๊ด ในสมองผมตอนนี้มันเบลอไปหมด ร้อน…ร้อนจนแทบทนไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกวนเวียนอัดอั้นอยู่จนแทบจะระเบิด
“ชีส…รัก…รัก…” ไวเร่งแทรกตัวเข้ามาหาผมแรงขึ้น ผมรู้สึกเหมือนสติกำลังจะหลุดลอยไป ทั้งมือทั้งปากไวทำเอาความคิดผมเตลิดไปไกลจนรั้งไม่อยู่
“อ้า!~….เรา…เราก็…รัก…รักไว…อื้อ!!”
สภาพรอบตัวหมุนติ้วพอ ๆ กับสมองผม สายตาพร่าเลือนจนมองอะไรไม่รู้เรื่อง ความร้อนทำให้สมองผมใกล้ระเบิดเต็มที มันเหมือนกับกำลังพุ่งไปในอวกาศที่เต็มไปด้วยดาวมากมายด้วยความเร็วสูง
“อ๊า!!!!~….”
อยู่ ๆ ความรู้สึกทั้งมวลก็ดับมืดลงเมื่อมาถึงปลายทางพร้อมกับที่ไวโถมเข้ามาเป็นครั้งสุดท้าย ดวงดาวพราวระยับเต็มเปลือกตาไปหมด ของเหลวบางอย่างเอ่อล้นอยู่ในตัวผม รู้สึกถึงร่างกายที่หนักอึ้งของตัวเองกับน้ำหนักของไวที่ทับลงมา
“เรารักชีส…” ไวกระซิบเบา ๆ ข้างหูแล้วจูบแก้มผม
ตอนนี้ผมไม่มีแรงแม้แต่จะตอบรับเขา เรี่ยวแรงไม่รู้ว่ามันหายไปไหนหมด รู้สึกเหมือนกับอากาศไม่พอจะหายใจ ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจนไม่อยากจะลืมตาอีก
ไวพลิกตัวผมกลับมานอนในท่าที่สบายแล้วกอดผมไว้
“หลับซะนะชีส ฝันดีที่รัก…” ผมรู้สึกถึงริมฝีปากที่จูบเบา ๆ บนหน้าผากก่อนที่จะเริ่มเลือนลางจนไม่รู้สึกอะไรอีก….
“………….” อือ…เสียงอะไรน่ะ?
“….คงเหนื่อยมาจากเมื่อวานน่ะครับเลยเพลีย ๆ ” เสียงไว?
“นั่นสินะ เมื่อวานก็ทั้งหัดขี่ม้าทั้งไปทัวร์ไร่ทั้ง ๆ ที่เพิ่งมาถึง ให้นอนพักให้เต็มที่ล่ะ” เสียงคุณภาค?
“ครับ…” คุยอะไรกัน? อยากลืมตามองแต่เปลือกตาหนักจัง
“เอ้อ!~ จริงสิ หลังไร่องุ่นทางโน้นเข้าป่าไปนิดมีธารน้ำตกนะ เป็นธารเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก บางทีถ้าไปเล่นน้ำเย็นอากาศบริสุทธิ์ซักหน่อยอาจจะดีขึ้นก็ได้” หือ?
“ครับ เดี๋ยวชีสตื่นแล้วผมจะลองพาไปดูครับ” ….เสียงเดินห่างออกไป ร่างกายขยับไม่ได้อย่างใจเลย
“ชีส…. ลุกไหวมั้ย?” เสียงไวเรียกอยู่ข้างหูกับจมูกที่ก้มมาหอมแก้มผมแรง ๆ ทำให้ผมต้องพยายามลืมตา
“ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะเอาข้าวมาให้กิน สาย ๆ เราไปเที่ยวน้ำตกกัน” ไวอุ้มผมเดินเข้าห้องน้ำ
ไม่รู้ว่าไวเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่อุ่นดีจัง จากที่ปวดเมื่ออยู่ค่อยคลายลงเยอะเลย ไววักน้ำลูบตัวผมไปก็หอมแก้มผมไปด้วย กว่าจะอาบน้ำเสร็จแก้มผมก็ช้ำแล้ว
ไวอุ้มผมมาวางไว้บนเตียงช่วยใส่เสื้อผ้าให้ดันหมอนให้ผมพิงไว้ก่อนจะลุกขึ้น
“รอแป๊บนะ เดี๋ยวไปเอาข้าวมาให้” ไวก้มลงมาเอาปากแตะปากผมแล้วก็เดินออกไป
ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อคืนไวก็เริ่มนัวเนียกับผมมากขึ้น ป้อนข้าวให้ตลอด ชอบกอดชอบจูบทุกครั้งที่เผลอ มันก็ไม่ใช่ว่าผมจะรู้สึกไม่ดีหรอกนะแต่ว่ามันน่าอาย ถึงจะไม่ได้ทำให้ใครเห็นแต่ก็น่าจะอายตัวเองบ้าง
ผมได้นอนอยู่อีกพักใหญ่ไวก็ชวนออกไปดูธารน้ำตกกัน ที่จริงแล้วผมไม่อยากจะขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำเพราะรู้สึกระบมยังไงก็ไม่รู้ แต่เห็นคุณภาคบอกว่าสวยและน้ำเย็นมากก็เลยอยากลองไปดู …แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครว่างพาไปเลย
ออนซ์กับอั้มยังบ่นอยากไปด้วยแต่ติดว่าต้องเรียนเปียโน ผมกับไวเลยต้องไปกันเอง แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือเราต้องขี่ม้าไปเพราะรถไม่ว่างซักคัน
นี่ผมต้องขี่ม้าไปเหรอเนี่ย?… แค่คิดก็ท้อแล้ว แต่ไวบอกว่าจะขี่ไปเองแล้วให้ผมนั่งม้าไปตัวเดียวกัน ค่อยยังชั่ว…ไม่อย่างนั้นผมคงได้ตกมาอยู่แถว ๆ ซอกไหนของป่าก็ไม่รู้
แต่ก็อีกนั่นล่ะ อะไรมันก็ไม่ได้ดีเสมอไป ขี่ม้าสะโพกมันก็ต้องกระแทกกับอานม้าผมก็ยิ่งเจ็บหนักเข้าไปอีก ออกมาได้ซักหน่อยไวก็เอาผ้าเช็ดตัวที่จะเอาไปเล่นน้ำปูบนตักแล้วดึงผมไปนั่งตัก ก็ค่อยยังชั่วขึ้นแต่ว่าอายคนงานในไร่นี่สิมองกันเป็นแถวเลย ….กว่าจะพ้นไร่มาได้ผมก็แทบจะเอาหน้าซุกแผงคอม้า
....
.
กำ...มันคงยาวไปมั้ง
ก็เลยโดนตัดฉับเลย