ซี่รี่ย์สั้น Seasons of the sea : ฤดูรักสองเรา แฮบปี้เอนดิ้งอีกละครับ สนุกนา 21/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

อ่านกันจบแล้วอยากทราบนะครับว่าชอบคู่ไหนที่สุด

หยุนกับเค
6 (42.9%)
สรกับเบน
3 (21.4%)
ซันกับกิต(ไอ้เผือก&ไอ้ลิง)
5 (35.7%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 7

ผู้เขียน หัวข้อ: ซี่รี่ย์สั้น Seasons of the sea : ฤดูรักสองเรา แฮบปี้เอนดิ้งอีกละครับ สนุกนา 21/12  (อ่าน 30636 ครั้ง)

Shin_i_chi

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าผมเป็นสรนะ
หุหุ ไอ่เบน คุณเมิงเสร็จกุแน่ๆ
เมินกุดีนัก ละก็จัดการ(หมายถึง แกล้งมันนะครับ) แต่จะด้วยวิธีใดค่อยว่ากันครับ

veerapat19691

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ดีคราบพี่น็อต....ขอแทนตัวเองว่าชัดแล้วกันคราบ...คงไม่ว่านะคราบพี่น็อต...
ชัดสบายดีคราบ....ตอนนี้ก็ใกล้จะสอบแล้วแหละคราบ...แล้วพี่ละคราบ...สู้ๆนะ

ส่วนนิยายเรื่องใหม่...อ่านแล้วคราบ...น่าสนใจครับ....และถูกใจ....ถ้าผมเดาไม่ผิด...ต้องเป็นสรกะเบนใช่ปะพี่.....เพราะเจอกันครั้งแรกแล้วรู้สึกแบบว่าไม่ถูกขตานะ.......สันนิฐานคราบ...หุหุ....แต่ผมว่าต้องใช่แน่ๆ...555+...
มาต่อเร็วๆนะคราบ....น้องชายคนดีจะคอยติดตามครับ :bye2: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ดีคราบพี่น็อต....ขอแทนตัวเองว่าชัดแล้วกันคราบ...คงไม่ว่านะคราบพี่น็อต...
ชัดสบายดีคราบ....ตอนนี้ก็ใกล้จะสอบแล้วแหละคราบ...แล้วพี่ละคราบ...สู้ๆนะ

ส่วนนิยายเรื่องใหม่...อ่านแล้วคราบ...น่าสนใจครับ....และถูกใจ....ถ้าผมเดาไม่ผิด...ต้องเป็นสรกะเบนใช่ปะพี่.....เพราะเจอกันครั้งแรกแล้วรู้สึกแบบว่าไม่ถูกขตานะ.......สันนิฐานคราบ...หุหุ....แต่ผมว่าต้องใช่แน่ๆ...555+...
มาต่อเร็วๆนะคราบ....น้องชายคนดีจะคอยติดตามครับ :bye2: :กอด1: :L2:

ครับ ไม่ว่าหรอกครับชัด

ว่าแต่ก็ลองเดาๆไปนะ  ตอนหน้าก็ได้รู้ละ o13

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
และแล้วตอนต่อไปก็มาถึงราวกับมีเวทมนตร์เสกให้ปรากฏ อิอิ o13

ติดตามอ่านกันได้เลยคร้าบ

Chapter 2

Winter together(ต่อ)


                        *************

         วันรุ่งขึ้นผมก็เลยต้องออกมาหาพี่บัติก่อนที่จะมาเข้างาน    เพราะว่าอยากจะรีบมาบอกกับแกก่อนเรื่องห้อง    ผมเลยเดินเข้าไปหาแกที่ครัว

         " พี่บัติครับ  คืองี้...  อย่าหาว่าผมเรื่องมากเลยนะ   แต่ผมขอย้ายห้องโดยไม่ระบุสาเหตุได้ป่าวครับ"   ผมลองขอร้องพี่เค้าทันที    ทั้งที่ก็กลัวแกจะหาว่าผมเรื่องมากอยู่นะ

         " ฮ่าๆๆ  พี่ก็ว่าแล้ว   ว่าเอ็งต้องมาบอกยังงี้    แต่ก็ไม่นึกว่ะ   ว่าจะเร็วยังงี้นะ   คืนเดียวเอง"   พี่บัติแกหัวเราะอย่างอารมณ์ดี   ทำเอาผมก็งงไปนิดนึง    นี่สงสัยว่าแกก็คงจะรู้ผลล่วงหน้าอยู่แล้วสิเนี่ย

         " อ้าว  อะไรอ่ะครับพี่  นี่พี่ก็รู้อยู่แล้วเหรอ   ว่ามันจะเป็นงี้อ่ะครับ   แล้วไหงยังจะให้ผมไปอยู่กับมันอีกละครับเนี่ย"  ผมบ่นอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

         " ก็พอดีมันไม่มีห้องว่างแล้วนะ ล่าสุดพนักงานอีกคนมันก็เพิ่งขอย้ายหนีจากห้องนั้นมาเหมือนกัน   เลยเหลือแค่ห้องนั้นแล้วที่มีเตียงว่างน่ะ  เอ็งทนๆอยู่กะมันไปก่อนแล้วกัน ได้มั๊ย แล้วถ้ามีห้องว่างเพิ่มค่อยย้ายไป นะๆ"  พี่บัติถึงกับอ้อนวอนผมเลย  

         " โห....   พี่  ยังงี้ผมจะไหวเหรอ   เกิดอยู่ๆไปทนมันไม่ไหวคงได้ต่อยกะมันไปซะก่อนอ่ะครับ   ไอ้มนุษย์ไม่สังคมโลกเนี่ย   ไม่รู้มันเกิดมาจากเกาะร้างไม่มีผู้คนรึไงนะ    แม่ง  ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ใดๆเลยอ่ะพี่"   ผมยังคงบ่นกับพี่บัติอย่างเซ็งๆ

         " เอาน่า...  ไอ้สร  ยังไงก็ทนไปก่อนนะ   ไอ้เบนมันก็เป็นอย่างนี้เองน่ะ   แต่มันก็ไม่มีอะไรจริงๆ   เพราะที่มันเป็นแบบนี้ก็น่าสงสารมันอยู่แหละ"  ผมฟังพี่บัติแล้วก็สงสัยทันทีเลย

         " คือ...  แฟนมันเพิ่งตายไปนะ  เมื่อสี่เดือนก่อนได้  มันขี่มอไซค์ให้แฟนมันซ้อนออกไปที่หาดแล้วพอกลับมาก็โดนรถกระบะมาชน    ตัวมันก็เจ็บมากอยู่   แต่แฟนมันตายคาที่เลยนะ   ตายอยู่ข้างๆมันเลย     มันก็เห็นแล้วนะว่าเค้าตายแต่มันก็ยังอุ้มแฟนมันมาร้องให้คนช่วยอยู่อย่างนั้น    สงสารมันว่ะ   คงช๊อคมากๆนะ"   สิ่งที่พี่บัติเล่าให้ฟังทำเอาผมอึ้งตัวชาไปเลยนะครับ   อะไรมันจะรันทดเป็นละครเศร้าขนาดนี้

         " หลังจากนั้นมามันก็นอนซมอยู่ที่โรงพยาบาลไม่พูดไม่คุยกับใครเลยเกือบเดือน   พ่อกับแม่มันก็เป็นห่วงมันมาก  มาเฝ้ามันตลอด     พี่เองก็สงสารมันจริงๆกลัวว่ามันจะเป็นบ้าเป็นบอไปซะแล้ว     แต่หลังจากนั้นมันก็ดีขึ้นนะ   พูดคุยบ้าง  แต่ก็น้อยมาก  บางทีก็ไม่พูดไปซะเฉยๆอย่างไม่มีเหตุผลเหมือนที่เอ็งเห็นแหละ    หรือว่ามันจะบ๊องๆไปซะก็ไม่รู้นะ"  

         " เออว่ะ  พี่  พอรู้งี้แล้วผมก็พอจะเข้าใจมันละ   มันก็คงยังเสียใจน่ะนะ  ก็โอเคแหละครับ   ทีแรกผมนึกว่ามันกวนทีนหรือมันคิดว่ามันแน่  มันเจ๋งอะไรแบบนี้นะ    เกือบมีเรื่องแล้วมั๊ยล่ะ    งั้นต่อไปผมก็จะไม่ถือสามันแล้วละกัน"   ผมบอกกับพี่บัติไป   ก็รู้สึกไม่ค่อยดีนิดนึงนะครับ    ที่ไม่เข้าใจมันตั้งแต่แรกแล้วไปถือโกรธมันซะอย่างนั้น

         ตอนนี้เลยมานึกย้อนถึงตัวเองนะว่านี่เรายังโชคดีกว่ามันเยอะที่โดนมาแค่นี้     ถ้าขืนผมต้องเจอแบบมันอย่างนี้นะ    ผมคงได้เป็นบ้าเป็นบอไปยิ่งกว่ามันแน่ๆเลย

         "เอ้อ  งั้นเอางี้   พี่ขออะไรเอ็งอย่างนึงละกัน    ช่วยลองชวนๆมันคุย  ลองตีสนิทเป็นเพื่อนกับมันดูหน่อยนะ   พี่สงสารมันว่ะ   เมื่อก่อนน่ะมันก็เป็นคนดีมากนะ  ทำงานก็ดี   แต่ว่ามันคงเสียใจมากจนเปลี่ยนไปเลยยังงี้  เผื่อว่านะ   ถ้ามันได้มีเอ็งเป็นเพื่อนมันอาจจะดีขึ้นมั่งก็ได้นะ   ลองดูได้มั๊ยวะ"

         " อืม  จะดีเหรอพี่    ผมไม่แน่ใจอ่ะ   เห็นมันแบบนี้แล้วผมก็ไม่รู้จะไปเริ่มคุยอะไรกับมันดีนะ   กลัวมันไม่ยอมรับผมน่ะ   พี่พอมีวิธีอะไรดีๆมั๊ยล่ะครับ"

         " ก็.... ไม่รู้ดิ   งั้นเอ็งก็ลองดูสถานการณ์ไปก่อนก็ได้   เพราะพี่เองก็ยังนึกไม่ออกน่ะ"   พี่บัติส่ายหน้า  

         " ครับๆ  งั้นผมจะลองดูแล้วกัน   แต่ไม่รู้จะไหวมั๊ยนะพี่   ลองดูกันไปแล้วกันครับ"  ผมยอมรับปากพี่เค้าไป  

         ที่จริงผมก็นึกๆอยากจะช่วยมันอยู่แล้วล่ะ   แต่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะหาทางผูกมิตรกับมันได้ยังไง    ในเมื่อมันก็คงจะปิดตัวเองจากโลกภายนอกของมันไปอย่างนี้นะ   แล้วจะทำยังไงดีนะนี่เรา

                              -

                              -

         บ่ายวันนั้นผมก็รีบมาเข้างานก่อนเวลานิดนึง แต่ผมก็ไม่เห็นไอ้เบนมันอยู่ที่ห้องเหมือนว่ามันจะออกมาก่อนผมนานแล้ว   จนผมก็ไปเจอมันเตรียมของอยู่ในครัวเลยเลี่ยงออกมาก่อนครับ    เพราะก็ยังไม่รู้จะไปคุยอะไรกับมันนะ

         จากนั้นผมก็เลยลองออกไปเดินสำรวจดูแถวๆหลังครัวนั้น    ก็พบว่ามันถูกจัดไว้เป็นเหมือนที่เก็บของชั่วคราวแบบนั้นเพราะมีโต๊ะเก้าอี้จากคาเฟ่ที่ชำรุดวางกองอยู่ข้างๆผนังครัว   แต่แถวนั้นก็มีต้นไม้ร่มรื่นดีอยู่  และมีม้านั่งวางอยู่ใกล้ๆกันด้วย  และที่สำคัญมันก็อยู่ริมทะเลเลยนะครับ แน่นอนว่ามันก็เป็นวิวที่สวยมากนั่นแหละ

         ผมเพลิดเพลินอยู่กับวิวและบรรยากาศแสนสบายนั้นอยู่พักนึง     ก็เลยจุดบุหรี่มาสูบอย่างสบายอารมณ์แล้วก็นั่งลงที่ม้านั่งนั้น    ได้ที่สิงสถิตย์แล้วสิเรา    ยังงี้ระหว่างพักเบรคก็แวะมานั่งนี่แหละ   อยู่ใกล้ๆกับห้องพักดีซะด้วยสิ

         ค่ำนั้นผมก็ทำงานไปอย่างเต็มที่เลยครับ    ช่วยเค้าเสิร์ฟและรับออร์เดอร์ลูกค้าไปอย่างสนุกสนานเลย   และระหว่างที่ผมเข้าไปยกอาหารที่ในครัว   ก็ยังคอยมองไอ้เบนมันเรื่อยๆ   ก็เห็นว่ามันตั้งใจทำงานดีมาก    และก็ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวดีจริงๆ  

         แต่ก็ยังคงนึกไม่ออกนะ   ว่าจะไปชวนมันคุยอะไรดี   และจะหาวิธีอะไรไปผูกมิตรกับมันได้มั่งนะ  

                              -

                              -

         ช่วงพักเบรคนั้นผมก็เลยเดินไปกินข้าวกับพี่บัติที่โรงอาหารพนักงาน    จากนั้นผมก็เดินมาหวังจะมานั่งเล่นที่ลานหลังครัวนั้น   แต่แล้วก็ต้องมาพบว่ามีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว  ซึ่งก็คือไอ้เบนนั่นเองครับ

         ผมเลยเดินมาซุ่มยืนดูมันอยู่ตรงหลังเสาใกล้ๆกันนั้น   เห็นมันนั่งอยู่เงียบๆฟังเพลงจากมือถือของมันไปเรื่อยๆอยู่ตรงนั้น   ตามันก็ได้แต่เหม่อมองไปยังทะเลเบื้องหน้าอยู่อย่างเศร้าหมองเต็มที   มันก็คงจะยังเสียใจและคิดถึงแฟนของมันน่ะนะครับ  

         เวลาที่ผมเห็นมันอย่างนี้แล้ว   ผมยิ่งรู้สึกสงสารมันมากจริงๆ    ทำให้เข้าใจมันเลยนะว่าที่มันทำตัวแบบนี้ก็แค่เพราะมันคงยังทำใจเรื่องแฟนมันไม่ได้ก็เท่านั้นเอง    มันถึงได้แต่ซังกะตายไปวันๆจนไม่อยากรับรู้อะไรภายนอกอีกแล้วนะ

         ตอนนี้ผมเลยลังเลยิ่งขึ้นทั้งที่อยากจะเข้าไปลองคุยกับมัน    แต่อีกใจก็รู้สึกว่าควรปล่อยให้มันอยู่อย่างนี้คนเดียวจะดีกว่ามั๊ย   แต่จนแล้วจนรอดผมก็รู้สึกว่าผมน่าจะลองเสี่ยงดูหน่อยนะ

         " เอ่อ...อ  เราขอนั่งด้วยได้มั๊ย"   ผมเข้าไปเอ่ยกับมันอย่างยากเย็น  แล้วก็ยืนเก้ๆกังๆอยู่     จนมันหันมามองผมอย่างงงๆ

         " อ๋อ  ก็นั่งสิ   เรากำลังจะไปพอดีอ่ะ"   มันพูดตัดบทไปดื้อๆแล้วก็ขยับเตรียมตัวจะลุกขึ้น

         " อ้าว   เฮ้ย   เดี๋ยวดิ   จะไปไหนล่ะ   คุยกันก่อนดิ  เราอยากคุยกะนายอ่ะ   ไหนๆก็ได้มาทำงานด้วยกันนอนห้องเดียวกันแล้วนะ  จะได้สนิทกันไว้ไง   ไม่ดีเหรอ"      ผมก็อ้างไป    โห... นี่ผมง้อสุดๆเลยนะ  ขนาดแฟนเก่าผมยังไม่เคยง้อเค้าขนาดนี้เลยนะ

         " เอ่อ... ก็ไม่หรอก   เราคุยไม่เก่งว่ะ   นายจะเบื่อเปล่าๆนะ"   มันเกาหัวแล้วก็อ้างออกมาแบบนี้  

         " เออ น่า... เราไม่เบื่อหรอก  นอกจากนายจะรังเกียจไม่อยากคุยน่ะ"   ผมยังตื้อมันต่อ  ยังดีนะที่มันไม่บอกว่ารังเกียจน่ะครับ   ไม่งั้นก็คงจบข่าว

         " เปล่าหรอก   เราเป็นยังงี้เอง   คือ... เราไม่ค่อยอยากไปยุ่งกับใครน่ะ   โดยมากก็จะอยู่คนเดียวเงียบๆน่ะ"  

         " ก็นั่นแหละ   เราก็ไม่ได้ว่าจะมารบกวนอะไรนายนะ   แค่อยากจะคุยด้วยจะได้เป็นเพื่อนกันไว้   เราอ่ะ  กะว่าจะทำอยู่นี่อีกนานเลยนะ   เพราะเราชอบที่นี่จริงๆเลยอยากอยู่ให้นานๆเลยน่ะ"    ผมพูดไปก็ยิ้มไปอย่างสบายอารมณ์    จนรู้สึกว่ามันคงจะเริ่มสนใจผมขึ้นบ้างแล้ว  

         " อ้าว   แล้วจริงๆทำไมนายถึงมาทำที่นี่ล่ะ    ทำไมไม่หางานที่ในกรุงเทพฯทำไปล่ะ   มันใกล้บ้านไม่ใช่เหรอ"   มันเริ่มถามผมกลับแล้ว  

         " ก็..... นายอยากรู้สาเหตุจริงๆมั๊ยล่ะ   ถ้าเป็นคนอื่นนะ   เราก็คงบอกว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศเพราะเบื่อเมืองกรุงไง    แต่ว่าความเป็นจริงน่ะ   มันคือว่าเราแค่อยากหนีคนบางคนก็เท่านั้นเอง"     ผมบอกแล้วก็เว้นช่วงไว้เป็นปริศนาเพื่อเร้าความสนใจของมัน    และตอนนี้ท่าทางของมันก็คงอยากรู้เต็มทีแล้วครับ    เพียงแต่มันคงยังไม่กล้าถามผมตรงๆเท่านั้นแหละ

         " แล้วนายล่ะ   เบน   นายมาทำงานที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ละ"   ผมแกล้งถามมันกลับไปทันทีเมื่อเห็นว่ามันคงไม่กล้าเอ่ยปากถามผมหรอก    ถ้างั้นกูก็จะเฉลยเองนี่แหละ

         " อ๋อ  ก็ตอนที่เราเรียนจบเราก็หางาน   พอดีมาสมัครที่นี่กับแฟนแล้วได้   ก็เลยมาเข้ามาทำเลย  นี่ก็เกือบปีแล้วล่ะ"   หลังจากที่มันเอ่ยถึงแฟนแววตาของมันก็หมองลงไปทันทีจนเห็นได้เลยครับ    ผมเลยไม่ถามมันต่อ

         " อืมๆ   ไอ้ที่เราว่าเราหนีบางคน   ก็เพราะว่าเราไม่อยากทนทำอยู่ที่เดิมน่ะ    แฟนเก่าเราเค้าไปมีคนอื่นแล้ว   ซึ่งที่จริงมันก็ไม่ใช่เป็นคนอื่นเพราะว่าคนๆนั้นมันคือเพื่อนรักเราเองน่ะ    ถึงต้องหนีมาแบบนี้ไง   ขืนให้เรายังทำอยู่ที่นั่นก็ต้องมาทนเห็นกันทุกๆวันคงไม่ไหวหรอกนะ   เลยให้พี่บัติแกช่วยฝากเข้ามาที่นี่ไง"   ผมเริ่มเฉลยความจริงให้มันฟังเอง   เพราะรอไปถึงพรุ่งนี้มันก็คงไม่ถามผมหรอก

         " ดีนะที่เราได้มาที่นี่น่ะ   จะได้เริ่มต้นใหม่ซะเลยนะ   แล้วเราก็จะดีใจมากนะถ้านายกับเราจะได้เป็นเพื่อนกันน่ะ   เพราะต่อไปก็ต้องอยู่กันไปอีกนานไง"   ผมบอกแล้วก็มองดูท่าทีมันไป   แต่ก็เห็นมันทำหน้าเหมือนกับว่าลังเลมาก

         " โห...   นี่นายต้องคิดมากอย่างนั้นเลยเหรอ   เรื่องจะเป็นเพื่อนกะเราเนี่ย"    ผมบอกแล้วก็ยิ้มเหมือนกับแซวมัน

         " เปล่า...  ไม่ใช่หรอกนะ   นายน่ะกำลังจะมาเริ่มต้นที่นี่   แต่เราน่ะกำลังจะไปจากที่นี่แล้วนะ   เพราะเรามาคิดดูแล้วว่าคงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องไปซะทีน่ะ"   มันเอ่ยแล้วก็เหม่อมองไปยังทะเลเบื้องหน้าอีกครั้งนึง     ส่วนผมเองสิครับ    ใจหายไปเลยนะ

         " เอ้อ....  ออกมากันนานแล้วนะ   กลับไปทำงานกันต่อเหอะ"   มันบอกแล้วก็ลุกออกไปเลย   ผมเองไม่ทันได้พูดอะไรอีกก็เลยได้แค่เดินตามมันกลับไปทำงาน

                              -

                              -

         ขณะที่ผมทำงานต่อแต่ใจก็ยังนึกถึงคำพูดของมัน    ว่านี่มันคิดจะลาออกไปจากนี่แล้วเหรอ   พอจะมีทางอะไรทำให้มันเปลี่ยนใจมั๊ยนะ   ซึ่งก็แปลกดีที่ผมเริ่มรู้สึกอาลัยอาวรณ์มันขึ้นมาอย่างนี้

         " แล้วพี่ว่าไงอ่ะครับ   มันว่ามันกำลังจะลาออกไปแล้วอย่างนี้นะ"   ผมถามพี่บัติหลังจากที่ได้เล่าให้แกฟังแล้ว

         " เฮ้อ.... ยังไงดีล่ะ    ไม่อยากให้มันลาออกนะ   แต่พี่ก็สงสารมันแหละ   ถ้ามันยังอยู่ที่นี่มันก็คงนึกถึงเแต่แฟนมันน่ะนะ   งั้นเอ็งก็คุยกับมันให้ดีที่สุดแล้วกัน   ยังไงซะก็ยังพอมีเวลาก่อนที่มันจะลาออกไปนี่น่ะ   ลองดูแล้วกัน"   พี่บัติบอกเหมือนเริ่มถอดใจ   แต่ก็มีท่าทีว่ายังพอมีหวังบ้าง

         " ก็โอเคแหละครับพี่   ผมจะลองดูแล้วกันนะ   ก่อนที่มันจะลาออกไปน่ะ"  ผมได้แต่บอกพี่บัติอย่างไม่ค่อยมั่นใจเลย   แต่ก็ตั้งใจแล้วว่าจะทำเท่าที่ทำได้แล้วกัน

                              -

                              -

         ตั้งแต่วันนั้นมาผมเองก็ยังคงพยายามหาเรื่องไปคุยกับมันบ้าง   แต่ตัวมันเองก็ยังคงคุยกับผมไปอย่างงั้นๆ  ก็คงเพราะมันยังไม่เปิดใจที่จะรับผมหรือใครๆอยู่ดีนั่นเอง    จนผมเองก็เริ่มท้อๆบ้างแล้ว

         ที่จริงแล้วผมอยากบอกมันตรงๆไปเลยว่าอย่าลาออกเลยนะ  อะไรที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถอะ  แต่ก็นั่นแหละครับ   จะไปบอกมันได้ไงในเมื่อผมเองก็ยังลาออกมาเพราะหนีคนบางคนเหมือนกันนะ    เฮ้อ...  เซ็งเลยนะครับนี่  ที่ตอนนี้ผมไม่มีเหตุผลอะไรดีๆพอจะไปเปลี่ยนใจมันได้เลย

         " ไงจ๊ะ  พนักงานใหม่  เป็นไงบ้างล่ะเรา   ทำงานที่นี่เป็นไงบ้าง"  เสียงพี่บีเจ้าของรีสอร์ทที่กำลังเอ่ยทักผมนั้น   ทำให้ผมหันกลับไปมอง

         " อ๋อ  สวัสดีครับพี่   ก็ดีอ่ะครับ   ทุกๆคนที่นี่เป็นกันเองดีมากๆเลย   แล้วก็ผมชอบที่นี่มากเลยนะครับ   ทะเลก็สวยน่าอยู่มากๆ"  ผมตอบไปก็ยิ้มไป

         " อืมๆ  ดีจ้ะ  ชอบก็อยู่นานๆเลยนะ  ว่าแต่ว่าพี่อยากรู้จังว่าทำไมเราไม่ทำงานในกรุงเทพต่อล่ะ   แล้วนึกยังไงถึงมาสมัครที่นี่เหรอ"  

         " ก็ที่จริงผมอยากมาทำที่ต่างจังหวัดอย่างนี้นานแล้วครับ   ผมชอบทะเลอ่ะพี่   แต่แฟนผมตอนนั้นเค้ายังอยากทำงานในกรุงเทพฯนะ   ก็เลยตามใจเค้า   แต่ว่าตอนนี้โสดแล้วครับ   เลยทำตามใจอยากได้นะ"  คำตอบนี้ของผมทำเอาพี่บีแกยิ้มแป้นเลยทีเดียวครับ

         " อ้าว  แหม  โสดอยู่เหรอจ๊ะเนี่ย   แล้วอย่างนี้ไม่เหงาแย่เหรอมาอยู่ทำงานที่นี่คนเดียวอย่างเนี้ย   น่าสงสารจังเลยนะ"   พี่บีบอกแล้วก็จับมือผมมาบีบเบาๆ   โห..  นี่แกกะหยอดผมเต็มที่เลยนะเนี่ย   ทำไงดีวะกู....

         แต่พอดีลูกค้าที่โต๊ะคนนึงหันมาเรียกผมพอดี   ตอนนั้นผมแทบอยากกระโดดจูบเค้าเลยนะที่ช่วยชีวิตผมไว้ได้ทันท่วงที    เพราะพอได้จังหวะนี้ผมก็เลยรีบชิ่งไปจากพี่บีเค้าทันทีครับ

         แต่ที่จริงผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรแกหรอกครับ   แกออกจะใจดีกับเรานี่นะ   แล้วผมว่าจริงๆแกก็คงไม่ได้หวังจะมาอะไรกับผมจริงๆจังๆหรอก   คงจะเพียงแค่เล่นๆมากกว่า

         ซึ่งนั่นก็เล่นเอาผมเสียววูบๆไปอยู่ดีนะ    เฮ้อ....

                              -

                              -

         หลายวันผ่านไปแต่ผมก็ยังหาทางที่จะเปลี่ยนใจมันไม่ได้เลย      แม้จะแค่อยากให้มันอยู่ที่นี่ต่อไปก่อนก็ยังดี     แต่ก็ไม่รู้จะชักแม่น้ำที่ไหนมาเป็นเหตุผลให้มันไม่ลาออกไปนะ

         จนกระทั่งมีอยู่วันนึงผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก   ก็เลยว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำ   แต่พอมองไปที่เตียงมันก็ไม่เห็นมันแล้ว    ผมเลยเดินไปห้องน้ำเพราะคิดว่ามันอาจจะไปที่นั่น    แต่ก็ไม่เห็นเงามันเลย   จนผมนึกอะไรขึ้นมาได้เลยลองเดินไปที่ลานหลังครัวที่เคยเห็นมันนั่งเล่น  ก็พบว่ามันอยู่ตรงนั้นจริงๆ

         ตอนแรกผมก็ไม่กล้าเข้าไปนะ   เลยยืนมองมันอยู่ใกล้ๆตรงนั้น  ก็เห็นมันนั่งฟังเพลงแล้วมองเหม่อไปที่ทะเลอยู่  สายลมหนาวพัดวูบมาจนมันกอดอกด้วยความหนาว   แต่จากแสงจันทร์สว่างนั้นก็ทำให้ผมได้เห็นว่าตอนนี้มีน้ำตาไหลอาบแก้มมันเลยครับ  แล้วมันก็นั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้อยู่ตรงนั้นเอง

         ตอนนั้นผมบอกตรงๆว่าอยากจะเข้าไปกอดมันไว้เพื่อปลอบมันนะ   แต่ก็คงทำไม่ได้หรอก  เพราะเห็นมันอารมณ์นี้แล้วถ้าเราไปยุ่งมันอาจจะโกรธก็ได้     ก็เลยได้แต่นึกสงสารมันอยู่อย่างนั้น

         แต่ว่าขณะที่ผมมองมันนั่งก้มหน้านั้น    อยู่ดีๆมันก็เริ่มเอามือมากุมที่ท้องมันเหมือนคนปวดท้อง   แล้วล้มตัวลงไปนอนกับม้านั่งนั้น   จนโทรศัพท์ของมันก็หล่นลงไปบนพื้นข้างๆนั้นเอง    ผมเห็นแล้วก็ตกใจมากเลยวิ่งเข้าไปดูมัน

         " เฮ้ยๆ   เบน  นายเป็นอะไรวะ   ปวดท้องเหรอ"   ผมประคองมันให้นั่ง   มันก็เลยกอดผมไว้แน่นเหมือนมันดีใจที่เห็นผม

         " โอย....ย  เราปวดท้องน่ะ   พาเราไปห้องพยาบาลหน่อยนะ   โอย......ย  เจ็บว่ะ"   มันบอกด้วยสีหน้าที่ดูจะเจ็บปวดมากจริงๆ   ผมเลยรีบพยุงมันเดินไปห้องพยาบาลทันที  

         พอไปถึงพี่รินที่เค้าเป็นคนดูแลห้องพยาบาลก็รีบมาดูอาการมันเลยครับ   แล้วก็ให้ไอ้เบนนอนลงบนเตียง   ผมเองก็ห่วงมันมากไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่

         " เอ้า  นี่จ้ะ  ปวดกระเพาะเหมือนเดิมใช่มั๊ย   งั้นกินยานี่ก่อน  แล้วถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆค่อยออกไปหาหมอนะ"  พี่รินบอกให้มันกินยา   แล้วก็ให้มันนอนนิ่งๆดูอาการ    แต่ผมดูๆจากที่พี่เค้าบอกแล้วเหมือนกับว่ามันจะเคยเป็นอย่างนี้มาแล้วนะ   เพราะพี่เค้ารู้ทันทีว่ามันปวดกระเพาะน่ะ

         จากนั้นผมก็นั่งดูอาการมันอยู่ข้างๆเตียงนั้น    มันก็ยังนอนเอามือกุมท้องอยู่    แต่พอสักแป๊บมันก็คงดีขึ้นแล้ว   เลยหันมาหาผม

         " เออ... สร  เราขอบใจนายมากเลยนะเว้ย   ที่ช่วยเรานะ   นี่ถ้านายไม่มาเจอเราคงแย่ว่ะ   ขอบใจจริงๆ"   มันบอกแล้วก็เอื้อมมือมาจับมือผมที่วางบนเตียงอย่างซึ้งน้ำใจ

         " โอ๊ย....  ไม่เป็นไรหรอก   ก็เพื่อนกันนี่หว่า   เรื่องแค่นี้เอง   แล้วนายดีขึ้นแล้วใช่ปะ"   ผมถามมันอย่างห่วงๆ  

         " ก็ดีขึ้นนะ   เฮ้ย   แต่โทรศัพท์เรา    ไม่อยู่อ่ะ..   สงสัยมันคงตกอยู่แถวนั้นมั๊ง   งั้นนายช่วยกลับไปหยิบให้เราหน่อยได้มั๊ย"   มันขอร้องผม

         " เอ้อ  ได้ๆ   งั้นนอนรออยู่นี่แหละนะ"    ผมว่าแล้วก็รีบเดินจากห้องพยาบาลกลับไปที่หลังครัว    ก็พบว่าโทรศัพท์ของมันก็ตกอยู่ตรงนั้นจริงๆ   ก็เลยหยิบขึ้นมา

         แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าที่เห็นๆมันฟังเพลงจากโทรศัพท์นี่ตลอดเวลานั่นมันฟังอะไรของมันกันแน่นะ   ผมก็เลยลองถือวิสาสะเปิดดูไฟล์เพลงของมันในเครื่อง   แต่ดูเท่าไหร่ๆผมก็เห็นว่าเพลงในรายการเล่นของมันมีเพลงอยู่แค่เพลงเดียวเองครับ   ก็คือ เพลง"สุดที่รัก" ของ Retrospect น่ะ    ซึ่งพอลองเปิดฟังดูผมก็เห็นว่าเนื้อเพลงมันกล่าวถึงความรู้สึกคิดถึงคนรักที่ตายจากไปนะ    

         แล้วนี่มันตั้งเพลงนี้ไว้แค่เพลงเดียวเลยนั่นหมายความว่ามันฟังเพลงนี้วนกลับไปมาทั้งวันทั้งคืนเลยนะครับ     นี่แค่คิดผมก็ยังขนลุกเลย   ทำไมมันถึงเป็นเอามากขนาดนี้นะ   แล้วจะไม่ให้มันเศร้าซึม  อมทุกข์แบบนั้นได้ยังไง   ในเมื่อมันกรอกหูตัวเองด้วยเพลงเศร้าๆอย่างนี้ตลอดเวลาน่ะ

         พอรู้อย่างนี้แล้วผมก็เลยเริ่มคิดว่านี่ผมก็คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วจริงๆ     ผมเลยเก็บโทรศัพท์ของมันไว้แล้วก็รีบเดินกลับไปหามันที่ห้องพยาบาล    แต่พอไปถึงก็เห็นว่ามันหลับไปซะแล้ว   ผมก็เลยนั่งลงไปข้างๆเตียงมันแล้วเอ่ยถามพี่รินเรื่องอาการของมัน

         " อ๋อ  เบนมันเป็นโรคกระเพาะน่ะ    เพราะว่ากินอาหารไม่เป็นเวลา  แล้วก็มีความเครียดสูงด้วยก็เลยอาการแย่ลงและมีปวดมากเป็นบางครั้งแบบนี้แหละนะ"   พี่รินอธิบายอาการมันให้ฟัง    ผมก็เลยสรุปเรื่องได้ว่าก็คงเพราะมันเป็นแบบนี้นี่แหละ     เล่นฟังไอ้เพลงนั้นตลอดเวลา  แล้วมันจะไม่เป็นทุกข์เศร้าหมองจนเครียดมากได้ไงอ่ะ   แล้วนี่เวลากินก็คงไม่อยากกินเท่าไหร่   และทำให้กินไม่เป็นเวลาไปด้วยนะ

         แค่ผมคิดเอาเองนี่ผมก็กุมขมับแล้วครับ  นี่มันทำร้ายตัวมันเองแท้ๆ  ตอนนั้นผมเข้าใจเลยว่า  ไอ้คำว่า "ตรอมใจ" เนี่ย   มันคงจะเป็นอย่างนี้นี่เอง   แล้วก็ยิ่งไม่แปลกใจนะ  ว่าทำไมเค้าถึงว่ากันว่าคนเราตรอมใจจนตายได้เลย    

         สงสารก็แต่พ่อแม่มันน่ะครับ   เค้าก็คงทุกข์ใจไม่ต่างกับมัน   ลูกชายเหมือนกับตายทั้งเป็นอยู่อย่างนี้นะ   แล้วนี่ที่มันทำอยู่ทุกๆวันนี้ก็บั่นทอนร่างกายและจิตใจตัวมันเองลงไปเรื่อยๆ   ในที่สุดถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ผมว่าสักวันถ้ามันไม่ตายไปก่อนมันก็คงจะต้องเป็นบ้าไปแน่ๆ   ผมกลัวจริงๆนะ

         เพราะงั้นผมว่าผมคงต้องช่วยมันให้ได้   ก่อนอื่นเลยผมคงต้องให้มันเลิกฟังเพลงนี่ไปซะก่อน    งั้นผมคงยังไม่คืนโทรศัพท์นี่ให้มันดีกว่า   จะแอบเก็บไว้ที่ไหนก่อนนะ   แค่สักช่วงนี้ก่อนแล้วก็ได้   จะดูว่าถ้ามันเลิกฟังเพลงนี้มันอาจจะดีขึ้นมั่ง  อย่างน้อยๆก็คงไม่จิตตกไปกว่านี้นะ

         แล้วผมก็เลยปล่อยให้มันนอนที่ห้องพยาบาลไปก่อน   ส่วนตัวเองก็กลับมานอนที่ห้องต่อจนถึงตอนสายๆ     จากนั้นผมก็รีบกลับไปดูมัน

         "เฮ้ย   เราหลับไปจนเช้าเลยเหรอ     เอ้อ  แล้วโทรศัพท์เราอ่ะ   นายหาเจอมั๊ย"   มันตื่นมาพอดี แล้วก็ถามถึงโทรศัพท์มันทันทีอย่างที่ผมคิดไว้เลยครับ

         " อ๋อ... เอ่อ... คือเราหาไม่เจอว่ะ    สงสัยมีใครเก็บไปมั๊ง   เดี๋ยวลองไปถามหาที่ออฟฟิศดิ    เผื่อจะมีใครเก็บเอาไปส่งนะ"   ผมแก้ตัวไปก่อน    มันก็ทำหน้าเหวอๆ

         " โอ๊ย..   ทำไงดีวะ ไม่รู้ใครจะเก็บไปส่งที่ออฟฟิศรึเปล่าอ่ะ  กลัวหายว่ะ"   มันบ่นอย่างเสียดาย

         " ก็....  นายมีอะไรสำคัญในเครื่องรึเปล่าล่ะ   เห็นกังวลจัง    ยังกะว่ามีคลิปโป๊อยู่ในนั้นเยอะแน่ะ"    ผมเลยแกล้งแซวมันไปเลย  

         " เฮ่ย...  บ้า.....  ไม่มีหรอกน่ะ  คลิปอ่ะ  เออ....  งั้นเดี๋ยวเราลองไปถามที่ออฟฟิศเค้าดูนะ"   มันปฏิเสธ   แล้วก็ลุกจากเตียงกลับไปที่ห้องพักกับผม

                              -

                              -

         บ่ายวันนั้นก่อนมาเข้างานมันก็เลยมาถามที่ออฟฟิศ    แต่เค้าก็บอกว่าไม่มีใครเก็บมาส่ง    มันก็เลยยิ่งกังวล     แต่ไอ้คนที่กังวลยิ่งกว่าน่ะคือผมตะหากละครับ

         ตอนนี้ผมกลัวสุดๆเลยนะ    ขืนมันรู้ว่าผมเอาไปซ่อนรับรองมันคงฆ่าผมแหง    คิดถูกมั๊ยวะเรา   หาเรื่องจริงๆเล๊ย

         แต่ก็เอาเหอะ    ก็อยากช่วยมันนี่ครับ   ว่าแต่ทำไมผมถึงต้องอยากทำอะไรๆเพื่อมันขนาดนี้นะ

         ก็นั่นน่ะสิ   จริงอยู่ที่ผมรับปากพี่บัติไว้ว่าจะช่วยมัน   แต่เราก็ไม่น่าต้องลงทุนอะไรขนาดนี้นี่หว่า    เกิดถ้ามันจับได้ผมจะทำไงน่ะ   มันคุ้มมั๊ยเนี่ย  

         และผมก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี     ที่หลังๆมานี้ผมก็สงสารมันและเข้าใจมันมากขึ้น    เห็นมันแล้วก็รู้สึกห่วงมันมาก   สงสัยผมคงเริ่มผูกพันกับมันแล้วมั๊ง   แล้วนอกจากนั้นผมก็อยากมีมันอยู่ใกล้ๆ    เพราะว่ามีมันแล้วผมก็รู้สึกดีนะ  เฮ่ย...

         นี่มัน....บ้าแล้วว.......  ทำไมเรารู้สึกยังงี้ไปได้วะ   นี่มันเหมือนความรู้สึกของคนที่เค้าชอบกันเลยนี่    สงสัยผมคงจะเบลอมากไปละ   สับสนซะขนาดนี้ได้ไง

         แล้วตกลงนี่จะเอาไงดี    สงสัยผมคงต้องรีบหาทางคืนโทรศัพท์ให้มันโดยเร็วซะแล้ว    ก่อนที่มันจะจับได้นะ


         ไม่งั้นผมตายแน่.....................

                            *****************                  


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2010 23:39:28 โดย Goodfellas »

spok1234

  • บุคคลทั่วไป
ความ รู้ สึก นี้ ยัง ไง เนี่ย

ช่วย ให้ หาย เศร้า ที นะ

รัก กัน ๆ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ดีพี่น็อต...ชัดได้อ่านครึ่งเดียวเอง...โดนไล่แล้วคราบ....เดียวมาอ่านต่อหลังเรียนเสร็จแล้วกันคราบ....

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
มาอ่านต่อแล้วคราบ...อ่านแล้วซึ่งคราบ.....รักกันไวๆน๊า....เป็นกำลังใจช่วย......

มาต่อเร็วนะคราบพี่น็อต...เดียวชัดจะรอคราบ.... :bye2: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
วันนี้ว่างเลยรีบแวะมาเสกตอนต่อไปให้อ่านกันละครับ  

เป็นตอบจบของบทที่2 นะคร้าบ  

Chapter 2

Winter together(จบแล้วคร้าบ)
                        

                                                     *************      

         ตอนพักเบรคนั้นผมก็เลยว่าจะหาจังหวะหลบหน้ามันไปก่อน   ขี้เกียจมานั่งกังวลเรื่องมัน    แต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะมันมาเรียกผมไว้ซะก่อน    
   
         " เออ  เราขอยืมมือถือนายหน่อยดิ   อยากลองโทรเข้าเครื่องดูอ่ะ  เผื่อมันยังตกอยู่แถวหลังครัวนะ"   มันบอก  ผมก็เลยต้องยอมให้มันยืมไปโดยดีแล้วเดินตามมันไปที่หลังครัวนั้น    จากนั้นมันก็พยายามโทรเข้าเครื่องอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมา

         ก็แหงละครับ   ผมซ่อนไว้ในลิ้นชักที่ห้องแล้ว   แต่ว่าดันลืมปิดเครื่องมันเนี่ยดิ    ไม่น่าสะเพร่าเลย   แต่คงไม่เป็นไรน่า    ผมคงไม่ซวยขนาดนั้น

         " แม่งเอ๊ย   มันหายไปไหนวะ   น่าจะตกอยู่แถวนี้นี่หว่า   ใครแม่งมาเอาไปนะ   อย่าให้กูรู้นะมึง"  มันบ่นออกมาอย่างเคียดแค้น    ผมฟังแล้วก็ถึงกับเหงื่อตก   ตัวแข็งเลยครับ     ทำไงดีว้า...

         พอเลิกงานกลับมาที่ห้องผมก็เลยต้องทำตัวเนียนๆเหมือนไม่มีอะไร   กะว่าพรุ่งนี้ผมจะทำเป็นไปถามที่ออฟฟิศแล้วมาบอกมันว่ามีคนเก็บมาส่งให้พอดีก็แล้วกัน    หวังว่ามันคงจะไม่สงสัยนะ

         แต่แล้วขณะที่ผมกำลังจะนุ่งผ้าเช็ดตัวจะออกไปอาบน้ำนั้น    โทรศัพท์เจ้ากรรมของมันที่ผมซ่อนไว้ก็ดันส่งเสียงดังออกมาจากลิ้นชักโต๊ะของผมลั่นเลย    ทำไมผมซวยยังงี้วะ   ไม่รู้ใครดันโทรมาเข้าเครื่องมันพอดีเลยอ่ะ

         " เฮ้ย  นั่นมันเสียงโทรศัพท์เรานี่"   มันบอกทันทีที่ได้ยินเข้าแล้วก็พุ่งตัวมาที่ลิ้นชักของผมทันที     ผมเองก็ตกใจมากแต่จะไปขวางมันก็ไม่ทัน   เพราะมันไปเปิดลิ้นชักผมซะแล้ว

         " ทำไมโทรศัพท์เรามันมาอยู่นี่วะ   นายเอามาซ่อนเหรอ   ทำงี้ทำไมวะ"   มันโวยวายลั่น    ท่าทางมันโกรธมากและในขณะที่ผมทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นมันก็ดันตัวผมไปจนติดประตูตู้เสื้อผ้าเลย

         " เฮ้ยๆ   นายฟังเราก่อน   เราแค่อยากจะ...."  ผมพยายามจะอธิบายกับมัน   แต่ดูจากสีหน้ามันแล้วก็คิดว่าคงไม่มีประโยชน์

         " ไม่ฟังแล้วโว้ย......  สัด   มึงนี่  แม่ง   กูอุตส่าห์ไว้ใจ    มาขโมยของกูซะงั้น     ยังงี้มันอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วเว้ย"   มันตะคอกใส่หน้าผมด้วยความโกรธ   จนผมก็เริ่มเดือดขึ้นมาบ้างแล้ว    เลยผลักมันออกไป

         " ก็ฟังก่อนดิวะ   กูแค่อยากจะช่วยไม่ให้มึงต้องมาฟังไอ้เพลงเศร้าๆนั่นกรอกหูอยู่ตลอดหรอกนะ   ถึงต้องเอามาเก็บไว้ก่อน    มึงจะฟังให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ   ดูตัวมึงเองดิ๊   ใกล้บ้าเข้าไปทุกทีแล้ว"    ผมตะคอกมันกลับไปบ้างด้วยความเหลืออด    ขึ้นมึงขึ้นกูกันอย่างไม่ต้องเกรงใจกันเลยครับทีนี้    

         " แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วย    เที่ยวมาเปิดดูมือถือคนอื่นเนี่ย   จะมากไปแล้วนะมึง"   มันบอกแล้วก็กำโทรศัพท์ไว้แน่น   เสียงโทรศัพท์ก็ตัดไปแล้ว   เพราะมันยังไม่ได้รับซะที

         " ก็เพราะว่ามึงเป็นอย่างนี้ไงล่ะ   กูถึงจะพยายามช่วย   พี่บัติเค้าฝากฝังกูไว้หรอกนะ  ไม่ใช่ว่ากูอยากยุ่งกับมึงนักหนาหรอก    รู้มั่งมั๊ยว่าใครๆเค้าห่วงมึงกันน่ะ   หึ....   แต่มึงคงไม่สนสินะ   เพราะมึงก็คงได้แต่โศกาอาดูรกับเมียมึงเนี่ย    ต่อให้มึงเสียใจจนตายน่ะ   เค้าก็ไม่ฟื้นขึ้นมาได้หรอกนะ"  

         " ผัวะ"  เสียงมันต่อยหน้าผมเต็มๆจนผมงี้หน้าหงายลงไปนั่งเลยครับ  ผ้าขนหนูที่ผมนุ่งอยู่ก็หลุดลงไปกองที่พื้นจนผมเหลือแต่กางเกงใน   ยิ่งทำให้ผมเดือดดาลหนักเข้าไปอีก    แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ามันมีน้ำตานองหน้าเลย    ทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาที่พูดกับมันแรงไป

         " แล้วมึงจะทำไมวะ   มึงมายุ่งอะไรด้วย  ฮือๆ....   ถึงเค้าจะตายไปแล้ว   ทำไมกูจะคิดถึงเค้าไม่ได้วะ  ก็ที่เค้าตายไปน่ะก็เพราะกู   กูมันไม่ดีเองอ่ะ  ฮือๆๆ"   มันสะอื้นแล้วก็รำพึงรำพันออกมาจนผมใจเสียไปเลยครับ    จากนั้นมันก็เปิดประตูห้องวิ่งออกไปเลย

         ผมเองก็ตกใจมากเลยรีบวิ่งตามมันออกไปทั้งๆที่นุ่งแค่กางเกงในตัวเดียวอยู่    แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจแล้วล่ะ   เป็นห่วงมันมากที่สุดแล้วนะ    

         มันยังคงวิ่งตรงไปที่ทะเลข้างหน้าเหมือนบ้าคลั่งเสียสติไปแล้ว     ผมก็รีบวิ่งไล่ลุยน้ำตามมันไปจนถึงตัวมันแล้วก็กระโดดคว้าตัวมันไว้แต่มันก็ยังดิ้นไปมาจนผมต้องกอดล๊อคตัวมันไว้ในอ้อมกอดแน่นเลย

         " ปล่อยกูเลยนะ   ปล่อยกู...  ฮือๆ..   กูจะตามไปหาแฟนกู   กูไม่อยากอยู่แล้ว   พอกันที   ปล่อยเว้ยยย....ย"  มันยังดิ้นพยายามจะสลัดผมให้หลุดให้ได้     จนผมเริ่มโมโหเลยต่อยมันไปทีนึงแล้วก็กระชากตัวมันมาเขย่าอย่างแรง

         " มึงคิดว่ามึงตายแล้วทุกอย่างมันจะจบเหรอ   แล้วพ่อแม่มึงล่ะ  เค้าจะเป็นไงมึงไม่เคยนึกถึงเค้าเลยใช่มั๊ย"  ผมตะโกนใส่หน้ามันหวังจะให้มันได้สติ   แต่มันก็ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักเลย

         " ถึงมึงจะไม่รักตัวเองยังไงมึงก็ต้องนึกถึงเค้าบ้าง    เค้าจะเสียใจแค่ไหนวะ   ถ้ามึงตายไปน่ะ   กูขอล่ะนะ  มึงเลิกทำแบบนี้ได้มั๊ย"   ผมพูดไปก็เริ่มร้องไห้ไปแล้วก็กอดมันไว้แน่นเลย    มันก็เลยกอดผมไว้แน่นเหมือนกัน

         ชั่วขณะนั้นจะด้วยอารมณ์หรืออะไรก็ตามแต่    การที่ผมสบตากับมันอยู่นิ่งๆอย่างนั้น   ทำให้ผมรู้สึกว่าร่างกายผมมันร้อนวูบวาบไปหมด

         จนผมเริ่มรู้สึกห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะก้มหน้าเข้าไปใกล้หน้ามันมากขึ้นๆ   และเริ่มรู้สึกดีที่ได้มองหน้ามันใกล้ๆอย่างนี้ซะแล้วนะ    ริมฝีปากนั้นของมันสั่นๆอยู่เล็กน้อยอาจจะเพราะความหนาวที่เกิดขึ้นจากน้ำทะเลน่ะเอง

         และแล้วผมก็ห้ามใจตัวเองไว้ไม่ได้อีกแล้ว   เลยปล่อยให้ตัวเองก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากนั้นของมันจนได้   ตอนนั้นใจผมคิดเพียงแค่ว่าผมอยากทำแบบนี้นะ   ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน   ไม่ได้รังเกียจหรือนึกว่ามันเป็นผู้ชายเหมือนผมด้วยซ้ำไป

         ก็แค่ว่าอยากจูบมันนั่นแหละนะ    ใจข้างในผมมันสั่งมาแบบนั้นจริงๆ..............

                                       -

                                       -

         หลังจากนั้นพอสติของเราเริ่มกลับมาบ้างแล้ว    ความอายก็มาเยือนสิครับ    ผมกับมันก็เลยรีบผละออกจากกัน   แล้วผมก็พยักหน้าให้มันขึ้นจากน้ำ    จากนั้นก็เดินหนาวๆกลับมาที่ห้องกัน   โดยไม่ได้พูดอะไรกันเลยครับ

         ยังดีนะที่ว่ามันดึกมากแล้วเลยไม่มีใครออกมาเห็นเราสองคนเดินกลับมาจากทะเลในสภาพที่คนนึงใส่ขาสั้นตัวเดียว   ส่วนอีกคนนี่หนักเลยครับ   ใส่กางเกงในตัวเดียวเลย    ไม่งั้นสงสัยคงได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งวันพรุ่งนี้ชัวร์

         พอกลับมาในห้องเราก็ยังคงเขินไม่เลิก  แต่ผมก็เดินไปดูแผลที่ผมต่อยมันไปก็พบว่าเป็นรอยช้ำๆแต่ไม่เป็นไรมาก

            " เจ็บมากรึเปล่าวะ  โทษทีนะเว้ย"  ผมเชยคางมันขึ้นมา  มันก็ยิ้มให้

            " ไม่เป็นไรหรอกว่ะ  กูก็ขอโทษเหมือนกันนะ  กูโมโหมากไปเองนะ"

            " เออ กูไม่ดีเองแหละ  ไปพูดแบบนั้นกะมึง  แต่อยากให้มึงคิดได้จริงๆน่ะ  ตอนนี้มึงเข้าใจกูแล้วนะ  เออ  แต่ตอนนี้น่ะ ไปอาบน้ำกันก่อนเหอะว่ะ ขืนนอนไปเลยยังงี้คงขี้เกลือขึ้นนะ"   ผมว่าแล้วก็ลุกขึ้น  ส่วนมันก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากตู้แล้วก็หันมาหาผม

         " เอ่อ ไอ้สร  เมื่อกี๊นี้......."  มันเริ่มเอ่ยปากแต่ยังไม่ทันจบ  ผมก็ยกมือห้ามไว้

         " เออ..  มึงไม่ต้องพูดแล้ว   กูถามมึงคำเดียว   มึงรังเกียจกูมั๊ย    ตอนนี้กูว่ากูชอบมึงน่ะ  โอเคมั๊ย   แล้วก็ไม่ต้องลังเลแล้วนะ   ไม่ต้องคิดว่าอารมณ์พาไปด้วย    สำหรับกูน่ะ  ไม่ใช่แค่นั้นแน่ๆ   เพราะใจกูคิดงั้นจริงๆ"  มันฟังแล้วก็คงอึ้งไปเลยนะ   เพราะตอนนี้มันก็ได้แต่จ้องหน้าผมอยู่

         " แต่สำหรับมึง   กูก็ไม่รู้นะ   ว่าจริงๆมึงคิดยังไง   ก็ลองถามใจตัวมึงอีกทีละกัน   แต่ถ้ามึงแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ชอบกูจริงๆก็ไม่เป็นไรหรอก   เออ..  ไม่พูดมากแล้วดีกว่า   เขินๆว่ะ  ไปอาบน้ำกันเหอะ"    ผมรีบพูดบอกมันซะเร็วเลยด้วยความรู้สึกที่เหมือนยังเขินๆแล้วก็รีบเดินออกไปอาบน้ำที่ห้องน้ำเลย  

         มานึกๆดูแล้วผมเองก็ไม่ได้ถึงกับมั่นใจอะไรมากมายขนาดนั้นนะว่านี่ผมรักชอบมันจริงๆเหรอ    ในเมื่อผมว่าผมก็ยังเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ยังไม่ถึงขั้นจะเป็นเกย์ไปหรอกมั๊ง    เพียงแต่คนอย่างผมน่ะชอบทำอะไรให้มันชัดเจนไป    ใช่คือใช่  ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่    อะไรที่มันคลุมเครือเนี่ยผมไม่ชอบเอาเลยจริงๆ

         เพราะสำหรับตอนนี้ผมก็แค่รู้สึกดีๆกับมันอย่างมาก    แล้วถ้านั่นมันคือความรู้สึกแบบเกย์ก็ช่างมันดิ   แค่ผมมีความสุขที่คิดแบบนี้ผมก็ไม่สนอะไรแล้วล่ะ    จะคิดมากไปทำไมให้มันเปลืองหัวเปล่าๆละครับ

         " เฮ้ย   สร  กูขอถามมึงสักอย่างนะ..."   มันเอ่ยถามผมอีกหลังจากที่กลับมาจากอาบน้ำ

         " เออ...  ว่ามา"   ผมหันไปตอบ

         " ทำไมมึงถึงมาชอบกูล่ะวะ    ทั้งๆที่เมื่อก่อนมึงก็อาจจะไม่ชอบหน้ากูด้วยซ้ำไปนะ    เพราะกูก็ทำไม่ดีกะมึงไว้ตั้งแต่แรกนี่หว่า"  

         " อืม   รู้ตัวเหมือนกันเหรอวะ   ว่ามึงกวนทีนกูไว้มากน่ะ   ตอนนั้นกูหมั่นไส้มึงมากเลย   ยังคิดว่าสงสัยมึงจะลองดีกูซะแล้ว   แต่พอคุยกะพี่บัติเค้าก็เลยรู้ว่ามึงเป็นแบบนี้เพราะว่ามึงก็เสียใจมากน่ะ  จนพี่เค้าเลยบอกให้กูช่วยมาเป็นเพื่อนกับมึงหน่อย"   ผมเริ่มเล่าความจริงอีกด้านทีมันยังไม่รู้ให้มันฟัง

         " แล้วกูก็รับปากพี่เค้าไป   เผื่อว่าอาจจะช่วยให้มึงดีขึ้นและทำใจได้มั่งนะ   ก็เลยตั้งใจว่าจะพูดคุยและทำดีๆกะมึง    แต่พอทำๆไปมันก็....  ไม่รู้ดิ   มันผูกพันอ่ะ   จากที่แรกๆกูสงสารมึงนะ  จนตอนนี้กูก็รู้สึกดีๆกะมึงว่ะ   และกูก็ยืนยันนะว่ากูคิดแบบนี้จริงๆ   ไม่ใช่เพราะอารมณ์พาไปแน่ๆ  กูมั่นใจว่ะ"  ผมสรุปแล้วก็หันไปยิ้มให้มัน    มันก็เลยยิ้มตอบแล้วจับไหล่ผมเบาๆ

         " เออ  กูขอบใจมากว่ะ   นี่กูก็ไม่รู้เลยนะ   ว่ามึงหวังดีกะกูมาตลอด   โทษทีนะเว้ยที่ว่ามึงนะ   มึงพูดถูกแล้วล่ะ    กูปล่อยให้ตัวเองรู้สึกผิดอยู่นานเกินไปแล้วจริงๆ   ไม่ได้นึกเลยว่ามีคนห่วงกูอยู่โดยเฉพาะพ่อแม่กูน่ะ   กูนี่มันแย่จริงๆว่ะ"  

         " มึงรู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว   งั้นต่อไปก็ขอให้มึงกลับมาเป็นคนเดิมซะทีนะ    ที่ผ่านๆมามึงบั่นทอนตัวเองมามากพอแล้วว่ะ   ให้มันจบไปแค่นั้นแล้วกัน  พ่อแม่มึงก็จะได้ไม่ต้องห่วงมึงนะ   แล้วที่สำคัญกูอ่ะก็รักมึงนะเว้ย   ไม่อยากให้มึงต้องเป็นอะไรไป  เข้าใจมั๊ย"   ผมบอกกำชับมันอีกครั้งเพื่อจะย้ำให้มันเข้าใจความรู้สึกของผม

         และดูว่ามันก็คงรู้ซึ้งและเข้าใจความรักความหวังดีของผมแล้ว   มันเลยก้มหน้าเอาหน้าผากมาชนกับผมไว้เหมือนจะขอบคุณผม   ผมเลยหลับตาไปกับมันนิ่งๆอยู่อย่างนั้นเพราะมันรู้สึกดีจริงๆนะครับ

         แล้วมันก็เริ่มจูบผมอย่างช้าๆ   ริมฝีปากเราสั่นไปด้วยอารมณ์ปรารถนาที่เริ่มพลุ่งพล่านอยู่ข้างใน    จากนั้นผมก็รั้งตัวมันนอนลงไปบนเตียงด้วยกัน   ผิวกายที่เริ่มอุ่นจนร้อนของเรานั้นก็ยิ่งทำให้เราเตลิดไปจนเหมือนกับทุกอย่างที่เห็นรอบข้างมันพร่าเลือนไปหมด

         ผมพรมจูบไล่ไปตามหน้าและคอของมันในขณะที่มือของมันก็ลูบไล่ไปทั่วร่างผมอยู่   จนผมต้องเผลอครางไปกับสัมผัสจากมือนั้น    ส่วนมันก็เผลอครางออกมาเบาๆเหมือนกันในขณะที่ผมจูบไซ้ที่ซอกคอแหละหูของมัน   แล้วผมก็ลูบที่แก้มของมันเบาๆ  มองสบตามันนิ่ง

         " ถ้ามึงยังไม่แน่ใจจริงๆ  จะหยุดไว้แค่นี้ก็ได้นะ   กูเข้าใจมึงว่ะ"  ผมบอกมันที่ข้างหู   แต่มันก็ยังคงจูบผมอยู่

         " ไม่หรอก   กูมั่นใจแล้วว่ะ สร  ให้มันเป็นแบบนี้แหละ   เพราะกูต้องการมึงจริงๆและกูแน่ใจที่สุดแล้วนะ"   คำตอบของมันที่กระซิบข้างหูผมและสายตาเว้าวอนนั้นทำให้ผมต้องยิ้มออกมา     แล้วบทรักของเราก็ดำเนินต่อไปและครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งอารมณ์ของเราได้อีกแล้วครับ

         ผมจูบไปทั่วแถวคอและไหล่ของมันพลางลูบไล้แผ่นหลังแกร่งที่ร้อนรุ่มนั้นของมัน    แล้วผมก็เริ่มรุกกับมันก่อนอย่างนุ่มนวลจนมันต้องร้องครางออกมาอย่างลืมตัวและบิดตัวไปมาเหมือนทรมานอย่างมาก    ทว่าเป็นความทรมานด้วยความสุขสมจากผม    

         จากนั้นมันก็เป็นฝ่ายเริ่มกับผมบ้าง    ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านอะไรเลย   ไม่ได้คิดแม้แต่ว่านี่เราเป็นผู้ชายนะ  จะมายอมโดนอะไรแบบนี้ได้ไง    เพราะผมก็คิดแค่ว่าผมรักมันและมันเองก็รักผมก็เท่านั้น

         แล้วอารมณ์ของเราก็ยิ่งโหมปะทุมากขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนจะลุกไหม้ออกมาเผาร่างของเราให้มอดไป   ผมกับมันยังคงถลำลึกและดื่มด่ำไปกับอารมณ์รักที่รุนแรงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ     จนกระทั่งเราสองคนต่างก็ไปถึงจุดแห่งความสุขสมนั้นไปด้วยกันทั้งคู่  

                              -

                              -

         ผมและมันนอนลงบนเตียงอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อนในขณะที่หัวใจของเราเต้นในจังหวะที่ช้าลง    แต่เรายังคงหอบหายใจถี่และมีเหงื่อที่ผุดขึ้นทั่วร่างของเราจนชุ่มไปหมด

         เป็นการร่วมรักอีกครั้งนึงที่ผมรู้สึกว่าดีมากๆและอาจจะดีกว่าทุกๆครั้งที่ผมเคยมีอะไรกับแฟนผมด้วยซ้ำไปนะ    เหมือนกับว่านี่แหละเป็นอะไรที่ผมต้องการมันอย่างแท้จริง    และผมได้ค้นพบมันแล้วล่ะ    แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะคิดเหมือนผมมั๊ยนะ

         แล้วผมก็พลิกตัวมานอนกอดกับมันและลูบผมของมันอย่างทะนุถนอม     มันก็เงยหน้ามามองตาผมแล้วก็ยิ้มให้

         " มึงคงไม่เสียใจนะเว้ย   กับที่เราทำกันไปนี่น่ะ"  ผมเริ่มถามมัน   ในใจก็นึกไปถึงคำตอบของมันแล้ว

         " ไม่เลยว่ะ   กูดีใจด้วยซ้ำไปนะ    และกูมีความสุขมากนะเว้ย  แล้วมึงล่ะ  เสียใจมั๊ยวะ"  มันถามผมกลับ

         " กูน่ะ   ไม่เสียใจอยู่แล้ว   เพราะว่าคนอย่างกู   ถ้าแน่ใจแล้วก็จะต้องเป็นไปตามนั้นแหละ   ต่อไปนี้เราก็อยู่กันไปยังงี้แหละนะ    ไม่ต้องให้ใครมันรู้ก็ได้   มากคนก็มากความกูก็ไม่ชอบว่ะ  โอเคนะเว้ย"  ผมบอกแล้วก็ยิ้มไปกับมัน  

         ตอนนี้ผมก็โล่งใจขึ้นอย่างมากที่ทุกๆอย่างกำลังจะดีขึ้นอย่างที่ผมหวังไว้จริงๆ    ผมช่วยให้มันพ้นฝันร้ายอันนั้นแล้วพร้อมๆกับที่ตัวเองก็ไม่ต้องไปนึกถึงเรื่องคนบางคนที่ทำให้ปวดใจอีก

         เพราะตอนนี้เราสองคนต่างก็มีความรักใหม่เข้ามาแทนที่แล้วครับ   และเราก็จะได้เริ่มต้นใหม่ไปด้วยกันนะ   ทุกๆอย่างน่าจะจะเป็นไปได้ด้วยดี    ผมหวังเช่นนั้นจริงๆ...............

                              -

                              -

         หลังจากวันนั้นทุกคนในที่ทำงานก็ได้พบกับการเปลี่ยนแปลงไปของไอ้เบนจนต้องแปลกใจไปตามๆกัน    เพราะมันกลับมาเป็นคนเดิมที่ร่าเริงเหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว    พี่บัติแกเลยถามผมใหญ่ว่าไปคุยกันยังไง   ถึงเปลี่ยนมันได้ขนาดนี้

         ตอนนั้นผมก็อยากบอกแกนะว่า   ของแบบนี้แค่นั่งคุยน่ะ   มันไม่ได้ผลหรอก   ต้องนอนคุยนะครับ   ถึงจะเห็นผลชะงัด   แต่ก็ไม่ดีกว่าครับ    ให้เรารู้กันไปแค่สองคนนี่แหละ

         เพราะอย่างที่บอกนะครับว่าผมไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งไปเปล่าๆ    ที่ทำงานนี่มีกันอยู่แค่นี้ขืนรู้คนนึงก็คงได้รู้กันทั่วรีสอร์ทแน่     แต่จะว่าไปสักวันนึงก็คงต้องมีคนรู้อยู่ดีนะ   ซึ่งก็ช่างเหอะ   ผมแคร์ซะที่ไหนล่ะ   ที่นี่มันไม่ได้มีกฎห้ามพนักงานรักกันนี่   ถึงจะเป็นเพศเดียวกันก็เหอะนะ

         พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็เลยนึกไปถึงพี่บีที่สุดแสนใจดีของผมนะ    ขืนแกรู้ว่าผมมีไรกับไอ้เบนแกจะว่าไงหว่า   ยิ่งแกเหล่ๆผมอยู่นะ   ก็ใครจะไปนึกล่ะครับ  ว่าผู้ชายเราพอมาใกล้ชิดกันมากๆเข้ามันก็อาจกลายเป็นรักกันแบบนี้ไปได้เหมือนกันนะ

                              -

                              -

         จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ครบปีแล้วนะครับ    ฤดูหนาวมาเยือนอีกครั้งแล้ว   ทะเลยามนี้จึงมีท้องฟ้าที่ดูมัวหม่นไม่สดใสเหมือนหน้าร้อน   แต่ผมก็ชอบนะ   มันอาจจะดูเหงาๆแต่อย่างน้อยอากาศมันก็ไม่ร้อนเกินไปน่ะ

         ที่ผ่านมาผมได้อยู่กับมันอย่างเป็นสุขในทุกๆวัน   ทำงานร่วมกัน   นอนห้องเดียวกัน   จนกลายเป็นความเคยชินของผม   เหมือนกับเราเป็นส่วนนึงของกันและกันไปแล้ว

         จนตอนนี้ผมก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นกัปตันแล้วนะครับ  แล้ววันก่อนก็มีเด็กรุ่นน้องของพี่บีสองคนเค้ามาช่วยทำงานในคาเฟ่โดยให้ผมเป็นคนดูแล    ก็รู้สึกเท่ดีนะครับ   ที่มีรุ่นน้องมานับถือนะ

         เด็กสองคนนั้นเค้าก็ดูสนิทกันดีมากๆ   เหมือนผมกับไอ้เบนเลย   จนผมก็อดคิดไม่ได้นะว่าเค้าอาจจะมีอะไรๆต่อกันเหมือนกับผมกับไอ้เบนด้วยซ้ำนะ    

         ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง   ผมก็ขอให้ "ความรัก" จงเจริญก็แล้วกันนะ   เพราะมันทำให้ทุกอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้เป็นไปได้จริงๆนะครับ

                              -
   
                              -

         ยามบ่ายๆเวลาพักของผมนั้น   ผมก็ยังคงชอบมานั่งเล่นที่หลังครัวเหมือนเดิม   เหมือนกับในวันนี้ที่ผมมานั่งสูบบุหรี่สบายอารมณ์อยู่     สายตาผมมองไปยังทะเลสวยที่แม้จะหม่นหมองไปบ้างเพราะเป็นฤดูหนาวนั้น    แล้วก็นึกไปถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกที่ผมได้มาถึงที่นี่และมาพบกับมัน   จนกระทั่งได้มารักกับมันอย่างนี้

         " นั่งเพลินเลยนะมึง   คิดอะไรอยู่วะ"  มันเดินยิ้มมาแต่ไกลก่อนที่จะมานั่งลงข้างๆผม

         " ก็คิดไปเรื่อยๆน่ะ   คิดถึงเรื่องเก่าๆตั้งแต่วันแรกที่กูมาถึงที่นี่เลยนะ แล้วก็มาเจอไอ้กุ๊กบ้าๆคนนึงว่ะ    แม่ง  โคตรจะกวนทีนเลยนะ   ฮ่าๆๆ"

         " เอ่า  สัดนี่   มาด่ากูซะงั้น   ถ้ากูบ้าแล้วเสือกมารักทำไมล่ะ"  มันบอกแล้วแกล้งทำเหมือนงอนๆไป     ผมก็เลยโอบไหล่มันไว้แล้วซบไหล่มันอย่างเอาใจ

         " เอาน่า....  ถึงมึงจะบ้าแต่กูก็รักว่ะ  นะจ๊ะที่รัก"   ผมแหย่มันแล้วก็หัวเราะไปด้วยกันอย่างสบายใจและอบอุ่นที่ข้างในใจจริงๆ

         ไอ้ที่เค้าพูดๆกันว่า   ถ้าเรามีคนที่รักอยู่เคียงข้างแล้ว   ต่อให้เป็นหน้าหนาวที่หนาวสักแค่ไหนแต่ก็จะยังอบอุ่นได้ เนี่ย  ผมเคยคิดนะว่า   มันน้ำเน่าสิ้นดีเลย    จะอุ่นเข้าไปได้ยังไงวะ   ไม่ได้เกี่ยวเลยเหอะ

         แต่พอถึงวันนี้ที่ได้อยู่กับมันอย่างนี้แล้ว    ผมถึงได้เข้าใจว่าไอ้ความอบอุ่นที่ว่านั้นมันเป็นยังไง

         เพราะมันเป็นความรู้สึกที่อยู่ข้างในและมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่จะรู้สึกได้จริงๆ

         เฮ้อ......  น้ำเน่าไปรึเปล่านะนี่    แต่ไม่ดิ  ผมโรแมนติกตะหากล่ะครับ

         และจากนี้ไปผมก็คงไม่ต้องกลัวอากาศหนาวในหน้าหนาวอีกแล้วสินะ

         ก็เพราะผมมีมันไง..........................

                        **********************

                   Chapter Ended
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2010 00:40:48 โดย Goodfellas »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องน่ารักๆแบบนี้ อ่านแล้วไม่อึดอัดคับข้องใจ
 :pig4:จ้ะที่แบ่งปันเรื่องน่ารักเบาให้ได้แอบหวานในใจ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
^
^
^
จิ้มคุณนายแก้ว 555

ยินดีกับความรักด้วยคนนะคะ

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
มีความสุขกับการเริ่มต้นใหม่
+1

Shin_i_chi

  • บุคคลทั่วไป
น่าร้ากกกกกก
สรกะเบน ไม่คิดว่าจะลงเอยด้วยกันได้

ปอลิง พี่น้อต แต่ง NC ด้วย หุหุ

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13

Killua

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณที่เอาเรื่องราวมาแบ่งปันนะคะ น่ารักมากอ่ะ
จะรอตอนต่อๆไปนะคะ

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
แวะมาขอบคุณผู้อ่านครับ
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนหน้ากำลังเขียนเพิ่มอยู่  ก็รออีกสักพักนะครับผม

รับรองว่าอ่านแล้วก็สนุกเหมือนกันนะ o13

spok1234

  • บุคคลทั่วไป
คำ เดียว ครับ

"น่า ร๊ากกกกก"

อิจ ฉา อยาก มี มั้ง

(เกิด กิ เลส)

ฮ่า ๆ

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
เข้ามาบอกว่า เด๋วพิตมาอ่านค่ะ
พรุ่งนี้สอบแต่เช้าอ่านหนังสือก่อนน้อ  :bye2:

ออฟไลน์ rainy_naja

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีดี \\(^^)//  (>/////<)

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
กอดน้องพิตแรงๆ :กอด1:

ที่มาช่วยดันครับ

และขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านด้วยครับผม
 :pig4:

ออฟไลน์ papa

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 818
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-3
สนุกมากค่ะ น่ารักกันจัง 

ความรักจงเจริญ  ชอบคำนี้อ่ะ  o13

รอคู่ต่อไปค่า :bye2:

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
หวานๆ น่ารักๆ
ช่วยให้หายหนาว(ใจ)ได้ไปเยอะเลยค่ะ    :L2:

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
ตามเข้ามาอ่านด้วยคนครับ
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเพลินน่าติดตาม
ขอบคุณนะครับสำหรับนิยายสนุกๆ o13
แล้วจะรอซีรี่ย์ต่อไปครับ....

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด