+ G A M E R L O V E R +
แฟนผมเป็นโอตาคุเกมครับ!
3
"เฮ้ย..ทำไมคนมันเยอะขึ้นวะ?"
เด็กหนุ่มร่างสันทัดหันไปถามเพื่อนพลางดูดเปปซี่จ๊วบจ๊าบราวไม่ได้ใส่ใจกับคำถามนั้นมากนัก อีกฝ่ายก็อยู่ในระหว่างเพลิดเพลินกับชานมไข่มุกที่อร่อยสมราคาเลยตอบได้แค่ว่า
"…ไม่รู้ว่ะ"
"มึงก็ชะโงกดูหน่อยสิฟะไอ้ดอย! โง่ป่ะเนี่ย!"
"อ้อกูลืมไป" ยอดดอยเหลือบสายตามองคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะว่า
"…มึงเตี้ย" "สาดดดดดดดดดดดดด"
"ว้อยยย!! อย่าเหยียบเท้ากู แล้วนี่เราจะไปถึงตัวไอ้กอล์ฟเมื่อไหร่ฟะ คนเยอะยังกะหนอน ปกติมันไม่เยอะงี้นี่"
“ก็เมื่อกี้กูก็พูดแบบนี้อะ!”
“ครับนายน้อย กูผิดเอง"
"แล้วมันเล่นอะไรอยู่วะเนี่ย....?"
"แปปดิ คนเยอะขนาดนี้กูจะ…เฮ้ยๆ! มึง
เสียง…ฟังเสียงดิ๊~"
ท่ามกลางเหล่ากองเชียร์ที่เบียบดเสียดแออัดและเริ่มส่งเสียงเซ็งเซ่แข่งกับคู่ดวลที่อยู่ตรงเครื่องเกมคุ้นเคยที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ก็ยังอดไม่ได้ที่จะได้ยินเสียงรัวไม้สองเอคโค่ที่แทบจะพร้อมเพียงกัน แล้วจึงเห็นได้ว่ากลุ่มคนดูกระจายจากตู้เกมนั้นนั่นเอง
ตึงๆๆๆๆแกรกแกรกแกรกตึงๆๆๆๆๆตูมๆ..แกรกตูมแกรก..ตึง...!! คิมปล่อยให้เฟรนซ์ฟรายด์ในมือร่วงลงไปอยู่ที่พื้น แล้วกล้ำกลืนฝืนพูด
"..ให้มึงทาย"
"…….กางเกงน้ำเงินนั่นไอ้กอล์ฟชัวร์" ดอยไหวไหล่ รู้สึกเสียดายเฟรนซ์ฟรายด์นิดๆ
"…แล้วอีกคนใคร?"
"…….ถ้ากูรู้กูก็พูดไปแล้วไอ้แสรดด"
"เด็กม.ปลายคนนั้นชื่อ 'กอล์ฟ' หรอ?" เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นจากด้านหลังให้สองหนุ่มต้องหันควับไปมอง ปะทะสายตาหนุ่มเจ้าทะเล้นที่ยังฉีกยิ้มกว้างอยู่เบื้องหลังพอดิบพอดี
แน่นอนมันเป็นหน้าที่จอมโวยวายที่จะหาเรื่อง
"แล้วมันเรื่องอะไรของ......" "อ้อ ฮะ เพื่อนโรงเรียนเดียวกัน" นายยอดดอยอธิบายใช้มืออุดปากเพื่อนปากเสียของตัวเองได้ทันท่วงที เคราะห์ดีที่โจ้เองก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรมากนัก
"ฮะๆ ไม่เป็นไร อีกคนนั่นก็เพื่อนพี่เหมือนกัน ชื่อ 'ข้าวโอ้ต'.."
"เอ๊ะ? ข้าวโอ้ต?" คิมแย้งเสียงหลง "ใช่คนที่ใช้ชื่อว่า OTTO ป่าววะ? ที่ดวลกับไอ้กอล์ฟมันบ่อยๆเมื่อสัปดาห์ก่อน"
"เอ๊ะ? งั้นกอล์ฟนี่ก็ 'MINAMI' เองหรอกหรอ?"
ชายหนุ่มทวนคำอย่างไม่เชื่อหู แต่ก็ต้องหลุบยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้เมื่อพบว่าโลกเรานี่มันช่างกลมเกินคาด..ไม่สิ...ถ้าคนรักเกมเหมือนกันมาเล่นที่เดียวกันบ่อยๆก็คงมีบ้างที่จะบังเอิญเจอกันนั่นแหละ แต่ก็ไม่น่าเชื่ออยู่ดี
…คิดไปเองรึเปล่าว่าเหมือนพรหมลิขิตบันดาลชักพา?
……….
….ไม่หรอกมั้ง... ตึง!!! "ชนะ!!" ร่างโปร่งบางตะโกนออกมาสุดแรงเกิดเมื่อจังหวะ 'ตึง' สุดท้ายกับสกอร์ที่ห่างกับกลองสีฟ้าไปไม่ถึงหนึ่งพัน กระนั้นคนที่คว้าชัยก็ยังเป็นเขาอยู่ดี
เสียงเพลงบรรเลงจบดังขึ้นพร้อมๆกับคำว่า Perfect! จากทั้งสองฝ่าย แทบคะแนนสีทองวิ้งวับเด่นหรา แม้ตีไม่ได้100%เต็มแต่ครั้งนี้บรรเลงถึงความยากระดับ 'แมวผี' ที่ไม่ใช่เพียงต้นไผ่ต้นไม้อีกต่อไป อันที่จริงทั้งคู่ก็เพิ่งลองเล่นระดับนี้เป็นครั้งแรก..ทำได้เกิน80%นับเป็นความเก่งกาจที่ยากหาใครเทียมแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานเสียงปรบมือให้กำลังใจทั้งสองฝ่ายก็ดังกระหึ่ม บ้างเริ่มสนใจจะต่อคิวตี ไม่เว้นแม้แต่พนักงานแลกเหรียญที่หยิบจับทำการค้ามือเป็นระวิง
กอล์ฟยิ้มให้กับความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ หยาดเหงื่อเม็ดบางผุดพรายตามไรผมและแผ่นหลังกว้างใต้ชุดนักเรียนมัธยมปลาย พร้อมสอดไม้กลองเก็บทั้งยังไม่ละสายตาจาก 'คนชนะ' ที่หัวเราะเอิ้กอ้ากอยู่ข้างๆกันเลยแม้แต่น้อย..
…ตัวก็นิดเดียว..แต่ถึกชะมัด... ร่างสูงกว่าสะบัดข้อมือตัวเองหวังจะให้หายเคล็ด ในขณะที่ผู้สูงวัยกว่าหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาไม่สมวัยเลยสักนิด
"…อีกรอบป่ะ!" ..กับคำท้า..ที่ทำเอาเกือบหลุดหัวเราะ.. เด็กหนุ่มส่ายหน้า "พักหน่อยก็ดีครับ"
ผิดคาด แทนที่ร่างเล็กกว่าจะเป็นฝ่ายพูดคำว่า
'โหยย อ่อนว่ะ' ออกมา ข้าวโอ้ตกลับถลาไปซบเก้าอี้แข่งรถตู้ถัดไปซะเอง
"ก็ดี"
..ถ้าทำได้คงอยากสบถออกมาไม่เป็นภาษา ติดอยู่ที่ว่านี่มันที่สาธารณะและคนก็..เยอะมากกว่าทุกๆครั้ง..
….แฮ่ก…โอ้ย... ชายหนุ่มใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่หน้า ความอ่อนล้าหลังเล่นเกมที่ต้องใช้ประสาทตาและสัมผัสมือเยอะเป็นพิเศษ ไอ้อาการตาพร่าลายแบบนี้คงไม่ได้คิดไปเองจริงๆ...
..เหนื่อยชะมัด..
….ไม่ใช่แค่เพราะออกแรงไปมากหรอก...เพียงแต่........ พรืดดดดดด!!!!!
หมับบ!! "เฮ้ยย ไอ้โอ้ต!!" โจ้แหวกฝูงชนสาวเท้าเข้ามาแทบจะในทันทีที่เห็นร่างเล็กๆของเพื่อนสนิทตนเองทรุดฮวบลงไปต่อหน้าต่อตา แล้วจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่า 'คู่แข่ง' คนนั้นคว้าตัวไว้ก่อนที่จะถึงพื้นได้อย่างทันท่วงที
เด็กหนุ่มร่างสูงเบือนสายตาขึ้นมามองอาคันตุกะผู้เข้ามาใหม่ แล้วพยักหน้าน้อยๆทักทาย
"เพื่อนผมเอง" โจ้อธิบายทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะเป็นฝ่ายดึงแขนข้าวโอ้ตขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้อย่างรวกๆ "ขอบคุณมากนะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
..ท่าทางไหวไหล่สบายๆแบบนั้นดูกวนตีนได้ที่..แต่โจ้กลับนึกขำกับอุปนิสัยลึกๆนั้น..
กอล์ฟไม่ได้ใส่ใจกับรอยยิ้มเลศนัยของอีกฝ่าย แล้วทำท่าอึกอัก
"ท่าทางพี่เค้าจะเหนื่อย..มาก.."
"อ้อออ อาการแบบนี้มันเป็นบ่อยแล้วละ เรียกว่า 'บ่วงหลุด'.." ชายหนุ่มร่างสูงอธิบายพร้อมรอยยิ้มหวาน "เวลามีอะไรกลุ้มๆไม่เคลียร์สักทีหมอนี่จะนอนไม่หลับ นี่ก็อดหลับอดนอนมาอาทิตย์นึงได้เพื่อปิดโปรเจค แล้วก็....เพิ่ง 'ชนะ' แบบ 'ชัดเจน' อีก"
ท้ายประโยคทำให้คนฟังเลิกคิ้ว "เมื่อกี้พี่เค้าก็เบิร์นเอาท์ชนะไปแล้ว.."
"ถ้าร่างกายมันไหวมันก็คงเล่นแม่งทุกเกมละ ฮ่ะๆ"
..ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน.. กอล์ฟยิ้มบาง หลุบสายตามองคนนอนหลับตาพริ้มพิงผนักอยู่บนเก้าอี้เครื่องเล่น ดวงหน้าขาวซีดดูเหมือนจะซีดยิ่งขึ้นไปอีก..พลันให้กลีบปากสีส้มแบบนั้นเข้มขึ้นถนัดตา คิ้วดกโก่งสวยรับกับเรือนผมสั้นแบบมีไสตล์..นี่ถ้าข้อมือบางๆนั่นใหญ่กว่านี้นิดหน่อยคงฟาดไม่เลี้ยง..
…อดนอนหรอ..
……นี่ถ้าสภาพสมบูรณ์พร้อมจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียวนะ... "อ้อ พี่ชื่อ 'โจ้'....นี่ 'ข้าวโอ้ต' ทำงานบริษัทเดียวกันน่ะ"
เสียงทุ้มขัดขึ้นเรียกให้อีกฝ่ายละสายตาจากร่างโปร่งนั่นได้ ก่อนจะเอ่ยบ้าง
"กอล์ฟครับ"
"รู้แล้วล่ะ ดอยกับคิมบอก"
สองนามคุ้นหูทำให้คู่สนทนาหันกลับไปมอง เจอสองหนุ่มเพื่อนซี้โบกมือทักทายมาแต่ไกล ก่อนจะหันกลับไปปาลูกบอลต่อ
"แล้วนี่พี่จะกลับกันเลยป่ะคับ?"
"อ้อ…คงกลับบริ-.....เฮ้ยแย่ละ! ไอ้กระป๋องกับกังหันมันเอารถไป.....! อ่า…ช่างเหอะ แท๊กซี่ก็แท๊กซี่...." โจ้ลูบศีรษะตัวเองแล้วตัดสินใจได้ในประโยคเดียว(แบบที่ใครฟังก็ไม่ค่อยเก็ทเท่าไหร่) เขาหันกลับไปดึงแขนเพื่อนรักให้กึ่งยืน แล้วว่า "ช่วยเอามันขึ้นหลังพี่หน่อยดิ"
"อ้อ ฮะ"
เด็กหนุ่มขยับตัวช่วยยกคนหลับขึ้นมาตามคำว่า
"…ฮึบ"
เมื่อเห้นท่าทางเซซัดขนาดหนัก เด็กหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะถาม "ไหวเปล่าครับ?"
"…..ไม่ไหว....-_-''.." โจ้สารภาพผิด ปล่อยให้อีกฝ่ายลงไปนั่งตามเดิม
"ไม่ได้หมายความว่ามันหนักหรอกนะ...พอดีพี่ก็อดนอนพอๆกับมันน่ะแหละ...หน้ามืดเลยเมื่อกี้.....โอ้ย..ควานดันตก....แปปนึง...มีน้ำปะ?..."
กลายเป็นลงไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆด้วยเสียอย่างนั้นพร้อมยกมือนวดขมับตัวเอง ประจวบเหมาะที่เด็กหนุ่มกางเกงน้ำเงินอีกสองคนเดินเข้ามาพอดี จัดแจงยื่นเปปซี่ที่เหลือก้นๆให้
"แต้งส์~"
..มันโคตรจะเป็นสภาวะจำยอมที่ทำให้พูด.. "ผมช่วยพาไปถึงแท๊กซี่มั้ยฮะ?"
"อ่อ ไม่เป็นไร...รบกวน.....เอ้ย! ไม่สิ ก็ดีนะ ฮ่าๆๆ"
..กลับคำอย่างรวดเร็ว.. กอล์ฟหัวเราะ รู้สึกถูกชะตากับหนุ่มสถาปนิกอารมณ์ดีคนนี้อย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาหรือท่าทางบ้าๆบอๆนั่นก็ตาม ที่สำคัญ..เป็นเพื่อนกับ 'คนๆนี้' ซะด้วยสิ...
คราวนี้ถึงตาเด็กหนุ่มสองคนต้องช่วยนำข้าวโอ้ตขึ้นหลังเพื่อนตัวสูง เขาย่อตัวเล็กน้อยกระชับอีกฝ่ายบนหลัง
"ไหวเปล่าวะ?" ดอยถามด้วยความเป็นห่วง
"ไหวๆ"
..ข้อมือเคล็ดจากตีกลองเมื่อกี้อยู่เลยแหะ.. แต่เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพราะไอ้คนที่อยู่บนหลังที่ก็ผอมซะแทบเหลือแต่กระดูก น้ำหนักไม่ได้มากไปกว่าลูกพี่ลูกน้องที่บ้านสักเท่าไหร่ ทว่าเรื่องความขายหน้าน่ะอีกเรื่อง เนื่องจากแบกคนสลบออกจากห้างสรรพสินค้าน่ะมันยังไงๆอยู่..ใช่ คนมองเต็มที่เลยละ!
แต่งานถนัดของกอล์ฟคือการตีหน้าตาย จนคนที่อายน่ะคือคนที่มองเสียมากกว่า
"เหนื่อยเปล่ามึง ผลัดกับกูมะ?"
"ไม่เป็นไรๆ สบายๆ"
"กูก็ถามไปงั้นแหละ..พอเป็นพิธี"
“ฟายยยย ไม่คิดจะช่วยเพื่อนเลยรึไงวะ?”
“มึงก็ช่วยสิไอ้สัส"
“ไม่เป็นไร" คำพูดที่ทำให้เพื่อนรักทั้งสองชะงักงัน ด้วยไม่เคยคิดว่าคนพูดจะพูดขัดบทสนทนากับใครเขาเป็น
เด็กหนุ่มขยับยิ้มกว้าง กระชับคนตัวเล็กบนแผ่นหลัง
“กูไหว สบายมาก" “ขอโทษทีที่รบกวนนะน้องกอล์ฟ" โจ้ว่า "แต่ไม่ไหวจริงๆว่ะ ความดันตกล่ะ..ไว้เจองวดหน้าเจอกันต้องทักนะเดี๋ยวพวกพี่เลี้ยงข้าวตอบแทนเอง"
เพื่อนรักทั้งสองตาลุกวาว “จริงเหรอครับ!!”
“พี่หมายถึงกอล์ฟน่ะ ไม่ใช่คิมกับดอย"
“เฮ้ยยย"
“ล้อเล่นน่ะ ฮ่าๆๆ"
“เดี๋ยวนะ" คิมชูนิ้วสองนิ้วแล้วยกขึ้นทาบที่ตา "ผมขอแสกนหน้าจดจำพี่โจ้ไว้ก่อน บัญชีนี้ต้องเก็บทบต้นคิดดอกเป็นรายชั่วโมง...”
“ไม่ต้องจำมากหรอก! ฮ่าๆๆ คนอายุรุ่นพี่ที่เดินแถวเกมเซ็นเตอร์มีไม่มากนักหรอก เชื่อสิ..."
“ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ครับ ไม่เป็นไรหรอก" กอล์ฟรีบแจ้ง "แค่นี้เอง ช่วยกันได้"
“ไม่หรอก กอล์ฟน่ะเป็นถึง 'MINAMI' เชียวนะ!”
โจ้หัวเราะร่วน ก่อนจะอธิบาย
"ก็ต้องมีบริการพิเศษให้กับคู่แข่งตัวฉกาจของเพื่อนพี่สักหน่อยอยู่แล้วน่ะ..อุตส่าห์ทำให้มันลืมตาตื่นทำงานเป็นเครื่องจักรได้ตลอดวันโดยอารมณ์ไม่ขุ่นมัวมาตั้งหลายครั้ง เป็นหนี้ชีวิตของพี่กับน้องๆในบริษัทอีกเยอะ"
คนฟังไม่เข้าใจ แต่เลือกที่จะไม่ถาม
ผิดกับคนแอบฟังที่ไม่เข้าใจ กลับถามชัด
“ผมไม่เข้าใจอ่ะพี่โจ้?"
เด็กหนุ่มร่างผอมสูงถอนใจ “...มึงไม่ต้องเข้าใจสักเรื่องก็ได้ว่ะคิม"
“ขัดลาภกูจริงว่ะไอ้ดอย!”
“พวกพี่ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำน่ะ" สถาปนิกหนุ่มดูไม่ลำบากใจที่ต้องอธิบายสักนิด ซ้ำยังยิ้มกว้างยินดี "อดนอน3-4วันนี่เรื่องปกติมากเลย และทุกครั้งที่อดนอนไอ้โอ้ตมันก็จะหงุดหงิด ต้องมาเล่นเกมเซ็นเตอร์คลายเครียด...แล้วพอเจอ MINAMI เล่นกับมันด้วย มันก็หายเครียดไงล่ะ"
“อ้ออออ"
“...ถ้ามึงไม่เข้าใจก็ไม่ต้อง
'อ้อ' ตามน้ำหรอกนะ..”
“มึงเลิกแซวกูสักสิบนาทีเหอะไอ้ดอย"
“กูจับผิดมึงได้นี่ทำมาโกรธกลบเกลื่อนนะ"
“โอ้ยไอ้...!!”
“เอาน่าเด็กๆ มันเข้าใจยากเกินไปจริงๆล่ะนะ ฮ่าๆๆ"
ดูเหมือนทั้งสามคนที่ต่างวัยกันจะเข้าขากันได้มากกว่าที่คิด โจ้เองก็ให้บรรยากาศสบาย เพราะความอารมณ์ดีเป็นกันเองในระดับที่ไม่ว่าใครเห็นก็อยากจะเข้าใกล้..นี่อาจเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้คนหน้าบูดอย่างข้าวโอ้ตกลายเป็นเพื่อนสนิทด้วยก็เป็นได้ ส่วนนายคิมกับนายยอดดอยก็ขึ้นชื่อเรื่องตลกดูโอประจำโรงเรียน ไม่ใช่เรื่องยากถ้าคนอัธยาศรัยดีๆ2-3คนจะสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว..
กอล์ฟไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินแม้จะเป็นคนพูดไม่เก่ง เขามักจะหาความสุขจากการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เพียงแค่ครั้งนี้มีใครบางคนที่เขาเพิ่งเจอเป็นครั้งแรกอยู่บนหลังเท่านั้นเอง..
“...เอา...อีก...ตา....” เสียงแหบพึมพำอยู่บนไหล่ทำให้เด็กหนุ่มเบือนสายตาไปมอง ถึงได้หลุดยิ้มกับคำละเมอที่โคตรจะส่องานอดิเรกแบบนี้
..น่าสนใจชะมัด..
..ทำอะไรมา..ถึงได้เล่นเกมเก่งขนาดนี้นะ... พนักงานบริษัทนิสัยแปลกๆในชุดสูท รูปร่างผอมบางเหมือนเด็กขาดสารอาหาร โครงหน้าก็เรียกว่าดูดีใช่เล่น...ถ้ามีกล้ามกว่านี้หน่อยสาวๆคงกรี๊ดได้สบาย(ถ้าแก้นิสัยดุชิบหายนั่นไปได้น่ะนะ)..แถมยังเกรียนเกมเหมือนเด็กรุ่นๆไม่ได้เข้ากับเครื่องแต่งกายและนิสัยเลยสักนิด
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าคู่แข่งแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ และเขาก็ซ่อนความดีใจไว้ไม่มิด
ก่อนจะกระซิบกลับไป
“ไว้แก้มือครั้งหน้านะครับ คุณOTTO”+ G A M E R L O V E R +
[/i]
..อย่างไรก็ตาม..ข้าวโอ้ตรู้สึกไม่พอใจนักที่ตื่นมาบนโซฟาของบริษัท.. ชายหนุ่มสอดสายตาไปรอบๆห้องทำงานที่ว่างเปล่า และรู้ดีว่าเพื่อนร่วมงานทั้งหมดคงกลับไปนอนพักผ่อนเรียบร้อยแล้วหลังจากทำงานหามรุ่งหามค่ำมาเป็นอาทิตย์ การพักฟื้นต้องใช้เวลาก็จริง..แต่พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นขึ้นมาเริ่มวันอันแสนโหดร้ายอีกครั้ง เป็นเรื่องน่ายินดีที่เขาตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบรุ่งสางเพราะท้องร้องเสียก่อน
การทำงานล่วงเวลาเช่นนี้พวกเขาไม่เคยได้รับOT หรือบางทีเงินจำนวนนั้นอาจจะนำไปแลกกับค่าไฟที่ต้องกินนอนอยู่บริษัทก็เป็นได้ ข้อดีคือค่าอาหารช่วงนี้เบิกได้เนี่ยแหละ..
“คุณโอ้ต!” เจ้าของนามหันไปตามเสียงเรียก พี่ยามประจำตึกที่เดินขึ้นมาตรวจตราแต่เช้าตรู่เปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้ววางถุงน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ไว้บนโต๊ะที่เยื้องโซฟาไปหน่อย
“คุณโจ้แกวานให้ผมซื้อให้คุณน่ะครับ" “โอ้ ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มยังไม่ลุกขึ้นจากโซฟา "….เงินไอ้โจ้มันจ่ายแล้วใช่มั้ยฮะ?”
“เรียบร้อยแล้วครับ อ้อ! คุณโจ้เตือนว่าให้อาบน้ำด้วยครับ"
“ครับ..ครับ.."
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนอนอยู่แถมตอบรับแบบขอไปทีเช่นนั้น ยามเฝ้าประตูก็อึกอัก
“..เอ่อ..คุณโจ้บอกให้ผมเห็นกับตาครับว่าคุณโอ้ตเข้าห้องน้ำแล้วครับ"
“โอยยยย เพื่อนหรือแม่กูวะเนี่ยยย" คนโดนสั่งอิดออด ดิ้นอยู่นานกว่าจะลุกขึ้น "แล้วนี่โจ้มันไปไหนอ่ะครับ?”
“กลับไปนอนบ้านสิครับ! ใครจะกินนอนที่บริษัทแบบคุณโอ้ตกัน”
ข้าวโอ้ตไม่เถียง หรืออันที่จริงคือเขาไม่รู้จะเถียงว่ายังไง ที่จริงก็เคยตั้งใจว่าคงจะเปิดเช่าห้องคอนโดที่ตัวเองซื้อมา และย้ายสำมะโนครัวมาที่บริษัทแทนเสียท่าทางจะคุ้มค่ามากกว่า พอจะกลับบ้านค่อยไปบ้านพี่สาวคนสนิท...ใช่ แผนนี้ดูเหมือนจะดีถ้าไม่โดนใครต่อใครด่าเอาเสียก่อน
ร่างผอมบางเคลื่อนตัวไปหน้าห้องน้ำอย่างยืดยาดโดยพาดผ้าขนหนูไว้บนบ่า หันกลับมาพยักหน้าให้ยามกะกลางคืนที่ผันตัวมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กตัวโตอย่างเขาเล็กน้อยเป็นเชิงยืนยัน และเข้าปฏิบัติภารกิจส่วนตัวของตัวเองต่อไป
“อุ๊บ...” เมื่อน้ำอุ่นสัมผัสมือ..ความแสบก็แล่นริ้วขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว
พอเขาก้มลงไปก็เจอแผลพองเป็นตุ่มน้ำที่มือทั้งสองข้าง จึงได้ถอนหายใจ..เมื่อวานคงจะตีมันเพลินจนลืมตัว ดีนะที่ไม่ทำแตกเหวอะหวะจะได้โดนเชื้อโรครุมทึ้ง ไว้ไอ้กระป๋องน้อยมาค่อยให้มันเจาะและก็ทำแผลให้..รุ่นน้องคนนั้นชอบทำอะไรแปลกๆแบบนี้แหละ..
..แย่ชะมัด..
..ถ้าเอาผ้ามาพันมือตอนไปตีนี่จะดูโอเว่อร์ไปมั้ยนะ..
..หรือจะไปซื้อถุงมือมาใส่?
…....ไม่นะ..ยังไงก็ดูเว่อร์เกินไปอยู่ดี.. “อาาา อยากตีอีกจริงว้อยยย ไม่น่าเผลอหลับก่อนเลยยย!!”
เขาทึ้งหัวตัวเองอย่างเหลืออดแล้วสะบัดหน้าไปมา นึกแค้นใจพลังชีวิตที่เหลือน้อยเสียเหลือเกินเมื่อวาน ที่หลับไปไม่ใช่เพราะสาเหตุอะไรเลยนอกไปจากทำงานหนักมาหลายวัน แล้วปลดปล่อยสุดพลังจนหมดลม
...หืม? ชายหนุ่มขมวดคิ้วทำจมูกฟุดฟิด กลิ่นอะไรบางอย่างติดจมูก..และดูท่าทางจะไม่หายไปง่ายๆแน่ๆ..
...กลิ่นอะไรฟะ? จะบอกว่าเป็นกลิ่นโคโลญจน์ก็ไม่ใช่ มันไม่ได้ฉุนแรงขนาดนั้น..เพียงแต่เป็นกลิ่นเหงื่ออ่อนๆผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไรสักอย่างที่...ประหลาด..นิดหน่อย..
ข้าวโอ้ตขยี้จมูกตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันหายไปเสียเท่าไหร่ ไม่นานเขาก็เลิกคิดเรื่องนั้น และเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการคิดเรื่องง่ายๆซึ่งทำเป็นกิจวัตรประจำวันที่ว่า...
..เย็นนี้ไปอีกสักทีดีกว่า..TBC==========
เค็มจนเปรี้ยวแล้วค่ะเรื่องนี้ ดองไว้ปีกว่า ขออัพหน่อยน้า 55555