@ คิง สงสัยจะอัดอั้นไว้นาน หาเวลาไปเอาออกบ้างก็ดีนะ ถ้าไม่อยากผูกพัน ก็ลองไปเที่ยวเซาว์น่าดูก็ได้ แต่พี่ก็ไม่เคยไปนะครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มีอยู่ที่ไหนบ้าง ถ้ามีโอกาสไป ก็มาเล่าให้ฟังหน่อยก็ดี รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามนิ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นสัญญาณที่ดีว่า น้องคิงมันยังใช้งานได้อยู่ ถึงมันจะคึกไปหน่อยก็ตาม 55555
พี่คิดว่า หลายคนก็คงจะเป็นคล้าย ๆ กับคิงแหละครับ ที่มีช่วงเวลาหนึ่งที่เราจะหมกมุ่นกับเรื่องใต้สะดือมากเป็นพิเศษ มันเป็นธรรมชาติของผู้ชายนะ พี่ว่า ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกครับ (
กระซิบ : พี่ก็เคยเป็น)
@ ปาล์ม ดีใจด้วยนะครับที่หาหอพักได้เร็วทันใจ ที่ทรูเขามีระบบการทำงานที่เป็นระบบระเบียบดีมากบริษัทหนึ่งเลยครับ เหมาะสำหรับเป็นที่ทำงานเริ่มต้นของน้อง ๆ ที่จบใหม่ แต่ต้องทำใจนิดนึงเรื่องเงินเดือน ที่ค่อนข้างจะอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยของตลาดแรงงานไปนิด อาจเป็นเพราะเขามีคนเยอะและมีหลากหลายธุรกิจ เลยทำให้เขาไม่สามารถจ่ายค่าจ้างได้มากไปกว่านี้ สวัสดิการก็โอเคนะครับ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ถ้าคิดว่า จะทำงานเพื่อเรียนรู้ระบบการทำงานและหาประสบการณ์ก่อน ก็เหมาะสมครับ ลองทำไปก่อนสัก 1-2 ปี แล้วค่อยเปลี่ยนที่ใหม่ แนะนำนิดนึงว่า ไม่ควรเปลี่ยนงานบ่อยในช่วง 1-2 ปีแรกของการทำงาน เพราะมันจะทำให้ profile ของเราดูไม่ดี เวลาไปสมัครงานที่ใหม่ เขาจะดูว่า เรามีความผูกพันต่อองค์กรมากน้อยแค่ไหน จากระยะเวลาในการทำงานของแต่ละที่ด้วยครับ
ป.ล. มีข่าวจากวงในว่า สิ้นปีนี้ จะมีหลายบริษัทที่จะเลย์ออฟพนักงาน ยิ่งค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ มีหวังต้นปีหน้า อาจเป็นปีแห่งความเศร้าของคนหลายคนเลยแหละ เพราะฉะนั้น จงดีใจเถิดที่มีงานทำ ถ้าตราบใดเรายังไม่สามารถมีกิจการของตนเองได้ ซึ่งพี่เห็นด้วยกับผู้ใหญ่หลายคนที่บอกว่า จะเป็นเจ้าของกิจการนั้นไม่ยาก แต่จะทำให้กิจการอยู่รอดได้นั้นยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะการแข่งขันสูงและสภาพเศรษฐกิจยังผันผวนอยู่แบบนี้ เพราะฉะนั้น ก่อนจะเป็นเจ้าของกิจการของตนเอง ก็ควรเป็นลูกน้องเขามาก่อน จะได้เข้าใจความรู้สึกของลูกน้อง ขณะเดียวกัน ในฐานะเจ้าของกิจการ เราก็ต้องสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการของธุรกิจและความต้องการของลูกน้อง รวมถึงต้องบริหารต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในภาวะสมดุลด้วย ไม่ใช่ว่า ลูกน้องกินอิ่ม แต่ธุรกิจท้องแห้ง อย่างนี้ก็ไปไม่รอด อยากบอกว่า ตอนนี้ถ้ามีโอกาสควรรีบไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมด้วยก็ดีครับ หรือจะไปเรียนภาษาที่สาม เช่น ภาษาจีนกลาง ญี่ปุ่น หรือเยอรมัน ไว้ก็ดี หรือจะเรียนโทเพิ่มก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะในปี 2015 จะเป็นปีที่กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ จะเปิดเสรีทางการค้าอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการหลั่งไหลเข้ามาทำงานของแรงงานต่างชาติในระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงานอีกต่อไป ก็ลองคิดดูแล้วกันว่า จะมีคนไทยตกงานเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ แต่ทุกอย่างมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันอาจเป็นโอกาสทางธุรกิจของใครอีกหลายคน แต่ก็เป็นอุปสรรคของคนไทยส่วนใหญ่ ที่ถนัดกับการเป็นลูกจ้างมากกว่าเจ้าของกิจการ เพราะถ้าพูดถึงภาษาอังกฤษ เราก็สู้คนสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลย์เซียไม่ได้ เพราะที่นั่นเขาจัดภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร พูดถึงทักษะทางคอมพิวเตอร์ ขณะที่บ้านเรายังเถียงกันไม่จบเรื่อง 3G ขณะที่ชาวบ้านเขาจะเปลี่ยนเป็น 4G กันแล้ว ขนาดเวียดนามยังมี 3G ก่อนเราเลย พูดแล้วมันเศร้า
คนไทยเรามักชอบพูดปลอบใจกันเองว่า ก็เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครนี่นา แล้วภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ภาษาแม่ของเราด้วย มันก็ใช่ครับ แต่ถ้าเราไม่ปรับตัวให้ตามกระแสโลก เราจะไม่มีที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้นะครับ ผมไม่อยากให้ชาติเราต้องถูกกลืนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์โลก เหลือเพียงหลักฐานในอดีตว่า เคยมีชื่อประเทศไทยอยู่สารบบประเทศของโลกด้วย เหมือนอย่างจักรวรรดิ์โรมันอันยิ่งใหญ่ ที่ตอนนี้เหลือเพียงแต่ชื่อ และภาษาละตินที่เป็นภาษาแม่ของโรมัน ก็เป็นภาษาที่ตายแล้ว คือ ไม่มีใครใช้แล้ว ยกเว้นเอามาเป็นชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น
จบเรื่องเครียดแล้ว ขอมาที่เรื่องคึกคักหน่อยเถอะ อยากเล่าสู่กันฟังน่ะครับ
เมื่อวันก่อนพี่ไปจ่ายค่าบัตรเครดิต KTC เจอน้องผู้ชายคนหนึ่งนั่งเป็น Cashier เก็บเงิน ซึ่งปกติแคชเชียร์ส่วนใหญ่ จะเป็นผู้หญิง แต่นี่เพิ่งเห็นมีผู้ชายมานั่งเก็บเงิน หน้าตาน่ารักมากเลย หน้าขาวเรียวได้รูป ไม่มีสิวหรือจุดด่างดำเลย ขนตายาวเป็นแพ ปากนิด จมูกหน่อย หน้าสวยหวานกว่าผู้หญิงบางคนอีก แล้วก็ตัดผมทรงเกาหลี ๆ หน่อย เข้ากับหน้าเค้ามากเลย ซึ่งปกติพี่จะไม่ค่อยใส่ใจมองผู้ชายสักเท่าไหร่ แต่คนนี้นี่ อืม! มันสะดุดตาน่ะครับ ตอนที่รอเรียกคิว พี่ก็แอบภาวนาในใจว่า ขอให้ได้น้องผู้ชายคนนั้นทีเถอะ
แล้วคำภาวนาของพี่ก็เป็นจริง พอถึงคิวพี่ ก็ได้น้องเค้าพอดี ก็มีโอกาสได้คุยกันสองสามคำ (ไม่กล้าคุยมาก เพราะแฟนพี่ไปด้วย) ก็ได้รู้ว่า น้องเค้านอกจากหน้าสวยแล้วยังเสียงดีอีกต่างหาก เวลาร้องครางนี่ คงได้อารมณ์ดีชะมัด (แอบหื่นนิดนึง หุหุ
) นี่ถ้ายังไม่มีแฟน พี่คงทาบไปแล้วล่ะ เพราะเห็นน้องผู้ชายหลายคน แอบเหล่ ๆ น้องเค้าอยู่เหมือนกัน ก็เลยได้แต่เก็บมาฝันอยู่คนเดียว
ขอจบพี่ปุ้ม (ภาคหื่น) ไว้แต่เพียงเท่านี้ เผื่อจะทำให้บรรยากาศในเช้าวันอาทิตย์มันกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง