==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้  (อ่าน 955340 ครั้ง)

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
สำหรับปาล์มคงจะนิ่งๆ แค่ส่งสายตาแต่ไม่ทำอะไรมาก แบบว่าเป็นคนอายอ่ะ

ไม่กล้าเข้าหาใครก่อน หรือเข้าไปคุยกับใครก่อน ถ้าเกิดชอบใครก็จะแบบว่า

อายไม่กล้าไปคุยกับเค้า ยิ่งถ้าเค้าเข้ามาคุยก็จะคุยนะ แต่จะแบบว่าคุยแบบไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่

 :serius2: :serius2:

chocolate

  • บุคคลทั่วไป
อีโมนี้ เขิล รึเสียดายที่พลาดอะพี่ปาล์ม 55555

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
มันทุกอย่างแหละบูมเอ๊ย ทุกอย่างรุมประดาดั่ง

 :o12: :o12:

chocolate

  • บุคคลทั่วไป
เอาแบบนี้พี่ปาล์ม ใครสบตาเราถือว่าได่เสียกันแล้ว ต้องรับผิดชอบเรา 55555

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
แล้วก็..รู้สึกว่าวันสองวันมานี้ จะมีแต่เฉพาะหนุ่มๆ เข้ามารีนะครับ หรือว่า..ผมควรจะเปลี่ยนหัวทู้เป็น 'ผู้ชายเค้าจะคุยกัน' ดี 555 ฟังแล้วเหมือนคุยกันในวงเหล้ายังไงไม่รู้สิครับ แต่ชอบชื่อนี้อ่ะ
ลองเปลี่ยนเป็น "เรื่องที่รุกเค้าคุยกัน" ดูสิ อาจมีรับมาอ่านเพียบก็ได้ 55555

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
บูมเจออะไรเหรอ ทำไมเราอ่านไม่เจอ หรือ เราอ่านข้ามไป ?  :m28:

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าเจอคนถูกใจ เราจะทำอย่างไร สำหรับผมนะมองค์ประกอบคือ

- เจอกันที่ไหน มีโอกาสได้เจอกันอีกรึเปล่า ? เช่นเจอตามห้าง ตามร้านอาหาร ตามสถานที่เที่ยว โอกาสเจอกันอีกมีน้อยมากแน่ ๆ ทางเลือกมีอยู่ 2 ทางคือ หนึ่ง...ไม่ต้องทำอะไร ถ้าเราจะต้องคู่กันจริง ๆ เดี๋ยวก็มีโอกาสได้เจอกันอีกนั่นแหละ สอง...หาเรื่องเข้าไปทำความรู้จัก เข้าไปพูดคุย โดยไม่เข้าไปทื่อ ๆ แต่ต้องดูสภาพแวดล้อมประกอบด้วยว่าเราจะยกเรื่องไหนขึ้นมาคุยได้บ้าง

- สถานที่เจอมีโอกาสที่เราจะได้เจอเขาอีกแน่ ๆ เช่น เขาทำงานอยู่ในตึกของเรา อยู่ที่ตึกข้าง ๆ เป็นเพื่อนของเพื่อน  หรือทำงานอยู่ที่ในที่ที่เราไปใช้บริการประจำอยู่แล้ว แบบหลังนี้ผมจะเริ่มด้วยการแค่มอง ๆ ก่อน หลังจากนั้น ยิ้มทักทายบ้างตามโอกาส และ หาโอกาสพูดคุยในที่สุด ... ผมไม่ชอบคนเข้ามาหาผมแบบจู่โจมแบบมันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ ผมก็จะไม่จู่โจมเข้่าหาเขาเหมือนกัน ถ้าเข้าไปไปไม่ถูกที่ถูกเวลา อาจได้ของแถมเป็นหมัด ศอก เข่า กลับมาไม่ทันรู้ตัวก็ได้  :laugh:


ประสบการณ์ส่วนตัว ผมจะเจอคนที่ถูกใจ ในสถานที่ ที่มีโอกาสได้เจอกันน้อยมากกว่า แต่โดยส่วนใหญ่ผมเลือกที่จะไม่เข้าไปคุยนะ แต่มีแค่บางเคสเท่านั้นแหละ ที่เข้าไปคุย  :o8: ส่วนแบบที่ 2 นี่ตอนนี้กำลังเจออยู่ แต่กว่าจะเริ่มลงมือ ไม่รู้ว่า มจคปดก หรือ เปล่านะ  :m29:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
ผมเหมือนพี่แจ๊คเลย เพราะต้องมองๆๆๆๆ จนกว่าจะชัวร์ 555
ก็ตัวเราเองยังกลัวคนจู่โจม คนที่เราจะ้้เข้าหาก็ "น่าจะกลัว" เหมือนกัน

ผมเจอน้องที่โรงเรียน ตอนที่เ็ห็นก็>>ไอ้ตัวเล็กนี่น่ารักว่ะ<< ด้วยความคะนองปากก็หันไปบอกกับเพื่อนเลย "คนนี้ของกู" (ดีที่เขาไม่รู้ ถ้ารู้ตอนนั้นสงสัยวิ่งหนี) แปลกที่เพื่อนผมไม่มีใครทักหรือพูดว่า นี่เด็กผู้ชายนะโว้ยสักคน มีแต่หัวเราะแล้วก็บอกว่า เลวแล้วมึงตัวกะเปี๊ยกเดียว
แต่ก็มองๆๆ ส่งยิ้มสวมมาดคุณพี่แสนดี จนเพื่อนแซวว่า มคปด.แน่มึง ก็ตอนนั้นเขาเด็กจริงๆแหละ ม1 เอง ที่สำคัญคือผมเพิ่งมานึกได้หลังจากที่แอบมองเขาอยู่พักหนึ่งว่า เขาเป็นเด็กผู้ชาย ก็เลยคิดว่า "ผมคงเด็กเกินกว่าจะแยกออกระหว่างความรักแบบพี่ชายกับคนรัก"
(ขออภัยอย่าเพิ่งเลี่ยนจนวิ่งไปอ้วก)
พอคิดอย่างนี้ผมก็ไปเรื่อยดื่ม กิน เที่ยว แล้วก็ไม่รู้ยังไงสุดท้ายผมก็ยังคงหาเรื่องเข้าไปวุ่นวายกับเขาอีก
การใช้เวลาคิดว่าผมเป็นอะไร แ้ล้วเขาเป็นเหมือนผมมั้ย ไปจนถึงแล้วเขาจะรักผมหรือเปล่า เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก
แต่ตอนที่ผมทำเนียนพาเขาเข้าบ้านเนี่ย ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
เพราะก่อนหน้านั้นผมเริ่มหนีเที่ยว จนพ่อเตือนแต่ก็นะ ฟังผ่านไป จนกระทั่งประโยคเด็ดมาุถึงในวันหนึ่ง พ่อบอกว่า คนดีๆอยู่ในที่ดีๆ แวบแรกคือแล้วพ่อจะให้ผมเข้าวัดตั้งแต่ตอนนี้น่ะนะ แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเขาแล้วไม่กล้าเถียง จนเมื่อกลับมาคิด ผมก็กลับไปบอกกับเขาว่า ผมคิดว่าผมเจอคนที่ทำให้ผมรู้สึกอยากเป็นผู้ให้ อยากทำตัวให้ดีขึ้น เพียงแต่ว่าเขายังเด็กแล้วที่สำคัญเขาเป็นผู้ชาย พ่อเงียบไปแล้วก็บอกให้ผมพาเข้าบ้าน (พ่อช่างรู้จักลูกชายตัวเองดีจริงๆ5555)
ทีนี้พอจะไปดัีกเขาที่เรียนพิิเศษก็กลับไปคิดใหม่ว่า เฮ้ย เขาเป็นน้องชายไม่ใช่เหรอ เอา่ไงวะ แต่ก็เถียงตัวเองอีกว่าคนนี้แหละจะคนไหนอีก
พี่นึกภาพเทวดากับปีศาจที่นั่งอยู่ที่ไหล่เราออกมั้ยครับ แบบนั้นเลย
พอไปดักเจอก็เนียนให้เขาไปนั่งอ่านหนังสือรอข้างสนามบอล เสร็จแล้วไปกินข้าวบ้านผม ไปมันทั้งแก๊งค์น่ะแหละ
ตอนที่ผมแอบชี้บอกพ่อว่า ไอ้ตัวเล็กนั่นแหละคือคนที่ผมมีความรู้สึกพิเศษให้ เป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกอยากเป็นผู้ให้ แล้วผมก็ห่วงเขามากกว่าคนอื่น แต่ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจทั้งความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็ความรู้สึกของเขา
พ่อบอกว่า ทางเดินอีกยาวไกล ค่อยทำความรู้จักกันไป ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะใส่แหวนที่มีรูปแบบเหมือนกัน แต่ในความรู้สึกก็คือเรายังอยู่ในระหว่างการทำความรู้จักตัวเอง ไปพร้อมกับการทำความรู้จักกัน
ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ จะเป็นยังไง รู้ก็แต่ว่าวันนี้ผมมีความสุขกับการทำให้เขาครับ.

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
คุณพ่อไจฟ์ เข้าใจลูกชายจัง ยอมรับความเป็นไปแบบง่ายดาย ต่างกับของผมลิบลับ เดี๋ยวไว้เรียบเรียงคำพูดก่อน แล้วจะเล่าให้ฟัง วันที่ผมสารภาพว่าแฟนผมเป็นผู้ชาย คนในครอบครัวผม รวมถึงพ่อแม่ มีท่าทีอย่างไรกันบ้าง นิยายน้ำเน่าดี ๆ นี่เอง  :m15:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
พอมานึกย้อนนะพี่ ผมว่าตอนนั้นพ่อผมคิดแค่ว่า ยังไงก็ได้ให้ผมหยุดเกเรน่ะ 5555
แล้วทีก็เป็นเหมือนน้องชายผมด้วยเค้ากวนไปเรื่อย เพราะไม่รู้แผนผมว่าพามาบ้านทำไม พอเย็นลงก็ร้องจะกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวแม่เป็นห่วง
แต่ลึกๆพ่อก็คงอยากให้ผมมีแฟนเป็นผู้หญิงมากกว่าเพราะผมก็ลูกคนเดียว
เพียงแต่ว่า พูดออกมาแล้วนี่ว่า ขอแค่เป็นคนที่จะเข้ามาทำให้ผมดีขึ้น

ตรงข้ามกับฝั่งบ้านที ที่แม่กับพี่สาวเค้าจะรู้เองจากการกระทำของผม แต่คนที่รับไม่ได้ก็มี แรงต่อต้านจากฝั่งบ้านทีน่ะแรงจนถ้าเป็นวันหยุดหรือปิดเทอมน้องต้องมาอยู่บ้านผม...ตอนกลางวัน....(คิดอะไรอยู่น่ะ ผมรู้นะ...5555)

ผมก็คิดเหมือนกันว่า ผมกับทีน่ะโชคดีที่พ่อแม่ผม กับ แม่ของทียอมรับในสิ่งที่เราเป็น ทำให้เราอยู่ติดบ้าน คือถ้าเขาคัดค้านหรือทำเหมือนเรากำลังทำอะไรที่มันเป็นบาปมหันต์ หรือผิดกฎหมาย เราก็คงไปที่อื่น ทีนี้พอเราอยู่ติดบ้านไม่บ้านผมก็บ้านน้อง ผู้ใหญ่ก็ได้รับรู้ไปด้วยว่า เราไม่ได้ทำอะไรประหลาดหรือว่าน่ากลัวน่ะครับ
  

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
+1 ให้บูม  o13  ตอบได้เด็ดขาดจริง  o13

ขอตอบมั้ง  นอกจากเคยแกล้งเพื่อนตอน ม3แล้ว  นอกนั้นไม่เคยเข้าหาใครเลย  ไม่ใช่เพราะกลัวหรืออะไร  แต่ว่า ให้เวลาพาไปจะดีกว่า เพราะไขว่คว้าไปคิดว่าคงไม่ใช่เนื้อคู่กัน ต่อเมื่อเจอกันแล้วจะทำอย่างไรต่อ ก็ให้ใจนำพาแล้วกัน  :o8:

จะบอกว่า ตอน ม.2-ม.3 ชอบเพื่อนคนนึงในห้อง คือคนนี้ตอน ประถมก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน เป็นลูกคุณครูด้วย ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้จักกันนะ แต่เห็นแล้วมันติดตาบอกไม่ถูก  พอขึ้น ม.2 ไอ้นี่มาอยู่ห้องเดียว แต่ไม่เคยได้คุย  เราก็มองดูห่างๆ จนกระทั่ง ม.3 ช่วงนั้นเพื่อนในห้อง(ม.ต้นชายล้วน) มีแฟนกันเยอะมาก เราก็เลยคิดว่าไปแหย่ๆมันดีกว่านะ  เช่นตอน เรียนบาส ก็ เรียกชื่อมัน แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง  ตอนเรียน วิทย์ก็นั่งหลังมัน ทำเป็นสะกิดไม่ให้มันรู้ตัว  จำได้ว่าต่อมาเพื่อนสาวในห้องแกล้งไปแซวมันมั้ง ไอ้นี่ถึงได้รู้  ช่วงนั้นไอ้หัวเกรียนในห้องมันชอบแกล้งถกกางเกงพละ  5555  มันก็โดนนะแบบจะๆแล้วเราเสือกหันหน้าไปทางนั้นพอดี แบบว่า ขาวเว่อ  กกนสีเขียวจำได้เลย :haun4:  และครั้งนึงมันโดนอุ้มถูกจับแก้ผ้า  แต่เราไม่ไปมุงมันนะ ขนาดเพื่อนเชียร์กันใหญ่   พอปีใหม่เด็กในห้องเริ่มเขียน แฟรนชิปกันแล้ว เราก็ให้มันเขียนด้วย  มีมาบอกด้วยว่า  "กรูอยากฆ่าตรูสสสสสส  แล้วก็วาดรูปประกอบมา"  เป็นไปตามคาดหมาย  พอขึ้น ม.ปลาย(สหะ) มันได้อยู่ห้อง 1 ห้องเด็กโครงการวิทย์  เราอยู่ห้อง 7 ตั้งแต่ขึ้นมปลายก็ไม่ได้ ไปสุงสิงมันอีกเลย  ปล่อยมันไว้อย่างนั้นดีแล้ว  :กอด1:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
พี่แจ๊คครับบูมเจอคุณป้ามหาภัยจ้องเขมือบครับ

พี่กิมตี๋แล้วตกลงคนที่แกล้งตอน ม 3 นี่คือคนเดียวกับที่แอบชอบหรือเปล่าพี่

พี่มายครับ (ใช่มั้ยครับ) เรื่องเล่าของผมดราม่าไม่ได้ เพราะจะมีคนร้องไห้เวลาที่เค้าส่องบอร์ด เลยต้องออกแนวรวบรัดเหลือแต่ตอนดีๆนี่แหละ 
นะ...จำไว้แต่ตอนที่มีแต่เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มก็พอ

^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2010 12:21:43 โดย jivetea »

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
/\
/\
/\
คนเดียวกันจร้า  :กอด1:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
โห แล้วเขียนอย่างนี้ใน FS เนี่ยนะ
 o22

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ถือว่า พ่อไจฟ์กะแม่ที เป็นผู้ใหญ่ที่ใจกว้างมากกกกก เลยครับ ที่ยอมรับได้
เพราะส่วนใหญ่ ตอนแรกจะทำใจรับได้ยาก จนกว่าจะเห็นว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย
และก็ไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อ ให้เขาได้รู้สึกอับอาย นั่นก็อาจทำให้เขาทำใจยอมรับได้เร็วขึ้นน่ะครับ

สำหรับผม อาจจะค่อนข้างโชคดี(นิดนึง) ที่พ่อแม่ของเราสองคนต่างเสียหมดแล้ว ตอนที่เราตกลงคบกัน
ก็เลยไม่ต้องเจอเรื่องกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็มีแรงต่อต้านเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ไม่มี
ส่วนใหญ่มาจากป้า ๆ น้า ๆ ผม และพี่น้องของคุณชายเค้ามากกว่า
เพราะผมเป็นลูกคนเดียว ครอบครัวทางฝั่งผม มีลูกผู้ชายน้อย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมากกว่า
พอผมมีแฟนเป็นผู้ชายและพาไปแนะนำให้ญาติ ๆ รู้จัก เค้าก็ออกอาการอึ้ง ๆ งง ๆ
ปนวางตัวไม่ถูก เพราะที่บ้านผมไม่เคยมีใครมีประวัติรักเพศเดียวกันมาก่อน เพิ่งมีผมเป็นคนแรกนี่แหละ
แล้วผมก็ยังเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงและไม่ได้ออกอาการตุ๊ดแตกให้เห็นเลยสักนิด
(อันนี้ เป็นความเข้าใจผิดของผู้ใหญ่ส่วนใหญ่น่ะครับว่า คนที่เป็นเกย์ จะต้องมีอาการตุ้งติ้ง ปากจัด
จีบปากจีบคอ ลอยหน้าลอยตา ซึ่งสงสัยว่า คงจะดูละครหลังข่าวมากไปหน่อย 5555)

ส่วนแฟนผมเค้าเป็นพี่ชายคนโตที่เป็น Idol ของน้อง ๆ และความหวังของครอบครัว
เขาเป็นกำลังหลักในการดูแลครอบครัวเขาน่ะครับ ประกอบด้วย แม่เลี้ยงที่มีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของเขา (พ่อแฟนผมเขาเป็นพระยาเทครัว กวาดทั้งพี่ทั้งน้อง แต่ทีละคนนะครับ) พี่สาว 1 น้องสาว 1 และน้องชายอีก 5 แล้วด้วยความที่เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ผมยังจำได้ดีถึงวันที่เขาพาผมไปแนะนำกับที่บ้าน ผลก็คือ น้องชายคนโตที่ถัดจากเขาไป ลุกขึ้นชี้หน้าด่าผม หาว่าผมมาทำให้พี่ชายเขาเบี่ยงเบน (โอ้ มายก๊อด กรูต่างหากที่พี่มรึงมาทำให้เบี่ยงเบน) แล้วก็พุ่งเข้ามาจะทำร้ายผม ดีที่แฟนผมเขาเข้ามากันเอาไว้ก่อน ส่วนแม่เลี้ยงเค้าเป็นลมไปเลยล่ะครับ เดือดร้อนต้องปฐมพยาบาลกันยกใหญ่ ส่วนน้องชายคนอื่น ก็มีอาการอึ้งปนงง เหมือนยังตั้งสติไม่ได้ น่าแปลกที่พี่สาวกับน้องสาวเขา กลับตั้งสติได้ดีกว่าและทำใจยอมรับได้เร็วกว่า ซึ่งผมก็ได้อาศัยสองคนนี้ในการประสานสัมพันธ์กับน้องคนอื่น ๆ ของเขาน่ะครับ

เราต้องใช้เวลาเป็นปีเหมือนกันครับ กว่าจะให้ญาติทั้งสองฝ่ายยอมรับความสัมพันธ์ของเราได้
แล้วก็จะมีคำถามตามมาติด ๆ ก็คือ "ไม่คิดจะแต่งงานมีลูกมีเมียจริง ๆ หรือ" "หน้าตาก็ดี เสียดายไม่น่าเล่นกันเองเลย" "จะอยู่กันไปได้สักกี่น้ำ" "ระวังนะ พวกนี้ยิ่งรักแรง เกลียดแรงอยู่ด้วย เดี๋ยวก็เป็นศพนอนอืดคนเดียวหรอก" ประมาณนี้แหละครับ

แฟนผมเขาจะใช้วิธี "ใช้ความจริงใจ สยบแรงต่อต้าน" ไม่ว่าน้องเขาจะพูดยังไง เขาก็เฉย
ไม่โต้เถียง จนน้องเขารามือไปเอง จนถึงทุกวันนี้ น้องชายคนโตเขาก็ยังหาเรื่องพูดจากระทบกระเทียบ
ผมอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ผมก็จะเฉยเสีย ถือว่า เสียงนกเสียงกา แล้วก็เห็นแก่หน้าแฟนผมด้วย
ทั้ง ๆ ที่ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เป็นคนใจเย็นอะไรนะครับ ออกติดจะใจร้อนเอาแต่ใจตามประสาลูกโทนด้วยซ้ำ
เวลามีงานอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย พวกผมก็พยายามเข้ามาช่วยเหลือในงาน มีส่วนร่วม หรือ จัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ แล้วต่อหน้าคนอื่น เราก็จะทำตัวเหมือนเพื่อนผู้ชายทั่วไป
ไม่ได้แสดงตัวว่า เป็นแฟนกัน หรือทำอะไรประเจิดประเจ้อให้เขาเห็นน่ะครับ
ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราสองคน เพราะปกติเราก็ทำต้วเหมือนเพื่อนกันอยู่แล้ว

พี่เอาใจช่วยไจฟ์ให้สามารถชนะใจคนที่บ้านทีให้ได้ในเร็ววันนะครับ
ตอนนี้ เขาอาจมองว่า ไจฟ์กะทีคบกันตามกระแสวัยรุ่น เดี๋ยวพอต่างคนต่างโตเป็นผู้ใหญ่
มีสังคมกว้างขึ้น ก็คงกลับมาเป็นผู้ชายเต็มตัวเหมือนเดิม ตอนนี้ ไจฟ์คงต้องทำตัวเป็นที่พึ่งทางอารมณ์
ให้ที รอให้น้องทีผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่นไปก่อน เรื่องอื่น ๆ ค่อยว่ากันอีกที หุหุ :z1:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
บ้านน้องที่พี่สาวเค้าออกอาการงงแต่ก็ยอมรับได้ก่อนเหมือนบ้านแฟนพี่ปุ้มเลยครับ แล้วคนที่ด่าๆๆๆ จนผมต้องหันไปถามน้องว่า ให้พี่กลับไปก่อนมั้ยก็คือป้าและน้าของเค้า เหมือนกันเลย ดีที่พี่สาวเค้าออกรับไว้ว่า ถ้าผมกับทำอะไรที่มันสร้างความอับอายก็ว่าไปอย่าง นี่ทุกคนก็เห็นมาตลอดเวลาที่ผมมาบ้านนี้แล้วผมก็ทำให้ทุกอย่าง แม้แต่ซ่อมก๊อกน้ำ แล้วผมก็ไม่ได้พาน้องไปเกเรที่ไหน
สรุปว่าเราทุึกคนล้วนใช้แผนสงบสยบการเคลื่อนไหวเหมือนกัน 5555
ส่วนแม่้ทีนี่ ผมว่าเพราะพื้นฐานครอบครัวเขาด้วยน่ะครับ ที่ทำให้แม่เขายอมรับผม..ก็ไม่เชิงยอมรับนะครับตอนแรกที่เขาเห็นผม...พยายาม...จับมือน้องน่ะ เขาอึ้งๆ แล้วไปถามพี่สาว ผ่านไปนานเหมือนกัน เขาถึงว่า ชายหญิงคบกันใช่ว่าไม่มีปัญหา ขอแค่อย่าทำเป็นเล่นก็พอ



chocolate

  • บุคคลทั่วไป
นะ + คำตอบไหนละพี่กึมตี๋ 555

เย้ๆๆๆ พรุ่งนี้ได้ไปเที่ยวแล้วววว

chocolate

  • บุคคลทั่วไป
คับพี่ ไม่หยุดเราก็หยุดเอง กร๊ากกกก โดดแม่ม ซะ ใครจะทำไม อย่างมากก็ไล่ออก 5555

chocolate

  • บุคคลทั่วไป
เรียนเหมือนถาปัตทุกประการ แต่มีเรียนครูเพิ่มปีนึง แต่จบมาไม่ได้วุฒิ สถ สน หรืออะไรก็แล้วแต่เหมือนของถาปัตฝังเพียวเค้าจบ

แต่เราจะได้ คอบ และ ครู สองใบ 

แต่ต่อไป ครุฯ จะไม่มีเรียน5ปีแล้วนะ จะเรียน6ปีแทนและจบโทเลย อิจฉารุ่นน้อง ฮือๆ มันได้ตั้งเยอะ แถมได้ข่าวเค้าจะเพิ่มวุฒิถาปัตให้อีก เราเรียนมาตั้ง5ปี ได้นิดเดียวเอง ไม่คุ้มๆ 5555

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับผมนะครับ มันเริ่มจากผมพาเจมส์ และ เพื่อน ๆ ของผม ไปเที่ยวที่บ้านผมครับ

ท้าวความนิดหนึ่งนะครับ ครอบครัวผม เป็นครอบครัวคนจีนครับ อากง กับ อาม่า เป็นลูกคนจีนโดยกำเนิด ที่เกิดในประเทศไทย แล้วแต่งงานกัน ได้เป็นเตี่ย (พ่อ) ผมขึ้นมา ดังนั้นครอบครัวผมตั้งแต่รุ่นอากง อาม่า และเตี่ยผม เป็นต้นมา จะพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างชัด ไม่เหมือนครอบครัวคนจีนทั่วไปที่พูดไม่ชัด อากงอาม่า ทำการค้าในพระนคร แต่ไม่รุ่ง เลยหอบเงินก้อนสุดท้าย ไปตั้งรกรากนอกพระนคร ที่จังหวัดใกล้ ๆ กทม. นี่แหละ แล้วก็ซื้อที่นา ที่สวน เพื่อทำสวนทำไร่ ดังนั้นครอบครัวผมจึงมีอาชีพทำการเกษตรเป็นหลัก

บ้านผมตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ บนเส้นทางหลวงระหว่างจังหวัด 2 จังหวัด มีที่ดินตรงที่ตั้งบ้านติด 2 แปลง แต่ไม่ติดกัน เพราะคั่นด้วยที่ดินของคนอื่นก่อน และมีที่นาที่อยู่หางไปอีก ตำบลหนึ่งอีกหลายสิบไร่เหมือนกัน

ดังนั้นบ้านผม จะรายล้อมไปด้วยต้นไม้ และที่ดินส่วนใหญ่ในบริเวณใกล้ ๆ บ้าน จะไม่ใช่ที่นา แต่จะเป็นสวนผลไม้ ได้แม่ มะม่วง ขนุน ฝรั่ง ส้มโอ และอีกหลาย ๆ ชนิด ปะปนกันอยู่ และก็จะแบ่งบางส่วนปลูกพริก ผักชี มะเขือ ตามแต่ฤดูกาล และตลาดด้วย

เตี่ยผม เป็นลูกชายโต ทั้งพี่น้องทั้งหมด 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 แต่งงานกับแม่ผมซึ่งเป็นคนไทยโดยกำเนิด เป็นคนในพื้นที่ ที่ดินบริเวณที่บ้านผมตั้งอยู่รวมถึงสวนทั้งหมด อากงยกให้เตี่ยผม ส่วนบริเวณอื่น ๆ ก็ยกให้แต่ละคนไป

เตี่ยผมมีลูกทั้งหมด 6 คน  ผมมีพี่สาว 2 คน พี่ชาย 3 คน ส่วนผมเป็นน้องเล็กคนสุดท้อง ในช่วงที่ผมเกิดมา ความเจริญมันเข้ามาบ้านผมแล้ว ไฟฟ้าเข้าบ้าน มีโทรศัพท์ มีโทรทัศน์ ราคาพืชผลการเกษตรดีขึ้น ผมจะไม่ค่อยรับรู้ความลำบากเหมือนพี่ ๆ ของผมเท่าไรนัก แต่พ่อแม่ก็ไม่ด้ตามใจนัก แต่ถ้าเทียบกับพี่ ๆ ผมก็ถือว่าท่านปล่อยลงมาเยอะ

วกกลับมา เนื่องจากบ้านผมเป็นบ้านสวน รวมถึงญาติ ๆ ของผมด้วย และอยู่ไม่ห่าง กทม. มาก นั่งรถทัวประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง ผมจึงชวนเพื่อน ๆ ผม รวมถึงเจมส์ไปเที่ยวที่บ้านผมบ่อย ๆ มีผลไม้ มีอาหาร ให้กินตลอด เวลาเทศกาล ตรุษจีน สารทจีน ผมก็พาเพือนไปเที่ยวบ้าน ก็ได้อั่งเปาติดไม้ติดมือกันบ้างนิดหน่อย  :laugh:

แล้วบ้านนอก หลาย ๆ คน คงพอนึกภาพออก บ้านส่วนใหญ่จะเป็นบ้านชั้นเดียว มีหน้าบ้านกว้าง ในบ้านแถบหนึ่งก็จะเป็นห้องโถงกว้าง ๆ เลย แล้วก็มีห้องนอนประมาณ 3-4 ห้อง เมื่อห้องน้อย ดังนั้น ห้องนอนพวกผม จึงต้องกันพาร์ติชั่นกันเองภายใน ก็ใช้สู้เสื้อผ้านั่นแหละกั้น เวลาไปเที่ยวบ้าน เพื่อนผมมันก็จะนอนกันที่โถงข้างนอกนั่นแหละ ตอนแรกผมก็จะให้เจมส์เข้ามานอนในห้องกับผมด้วย แต่เจมส์บอกนอนข้างนอกนั่นแหละ เดี๋ยวจะมีคนที่บ้านผมสงสัยทำไมได้รับอภิสิทธิ์ให้ได้นอนในห้องคนเดียว +555

จนขึ้นปี 2 ผมก็ยังกลับบ้านปกติเฉลี่ยนเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อนผมนาน ๆ มันก็จะพากันมาเที่ยวกันที แต่ทุกครั้ง เจมส์ก็จะกลับไปกับผมด้วย ด้วยเหตุนี้กระมัง จึงเริ่มมีหลายคนสงสัย อาจจะเพราะผมยังไม่ระมัดระวังตัวพอ เลยทำให้ให้ผู้ใหญ๋สังเกตได้

พี่ชายผมเป็นคนแรกที่พูดเปรย ๆ กับผม ผมก็ยังปฏิเสธหน้าตายว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน ไม่มีไร และ 2-3 ครั้งต่อมา ผมไม่ได้พาเจมส์ไปด้วย แม่ก็ถามว่าไม่พาเจมส์ไปด้วยเหรอ คือเจมส์ไปจนเกือบจะเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวผมไปแล้ว  :o8: หลังจากนั้นผมก็พาเจมส์ไปตามปกติ ผมก็ว่าไม่ได้แสดงอาการอะไรกับเจมส์นะ แต่เหมือนผู้ใหญ่เขาจับพิรุธได้ แต่ผมก็ยังทำหน้ามึนอยู่

จนจะจบปี 2 นั่นแหละ ก็ตั้งใจจะบอกตอนช่วงปิดเทอม .. วันหนึ่งผมกลับบ้านคนเดียว มาถึงผมก็โทรคุยกับเจมส์ตามปกติ ว่าถึงบ้านแล้ว อะไรประมาณนี้แหละ ... จนที่บ้านผมเขาเรียกผมเข้าไปคุยด้วย ประกอบด้วย เตี่ย แม่ พี่ชายคนรองที่คอยจับพิรุธผม และ พี่สาวผมทั้ง 2 คน ... แล้วเขาก็คาดคั้นผมเรื่องผมกับเจมส์ว่าเป็นอะไรกันแน่ ... จนเราเปิดปากสารภาพนั่นแหละ ว่าผมกับเจมส์เป็นแฟนกัน เราคบกันมา 2 ปี แล้ว เราเป็นแฟนกันมาตลอดแหละ แล้วก็บอกใช่ครับ ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แม้ก่อนหน้านั้นผมจะเคยมีแฟนเป็นผูหญิงก็เถอะ

แม่ผมนี่ร้องไห้ฟูมฟายใหญ่เลย ส่วนพ่อผมนี่ โกรธหน้าดำหน้าแดง ระเบิดคำด่าต่าง  ๆ ใส่ผม แต่ตอนนั้นผมไม่โกรธ ได้แต่นั่งก้มหน้า ร้องไห้ พี่สาวก็ดูจะอึ้งเล็กน้อย แต่พี่ชายผมเฉย ๆ เพราะเขามั่นใจมาแต่แรกแล้วว่าผมกับเจมส์ไม่ใช่เพื่อนกันธรรมดา เขามาบอกผมทีหลังว่า เขาก็มีเพื่อนเป็นชายชอบชายเลยสังเกตอาการของผมกับเจมส์ออก

แล้วพ่อกับแม่ ก็คิดไปไกล เขาหาว่า ต่อไป ผมจะต้องแต่งหน้า ทาปาก เป็นตุ๊ด จีบปากจีบคอ แต่งหญิง ทำนม ตามที่เขาเคยเห็น ... ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่ว่าต่อไปจะต้องตุ้งติ้ง ผมก็บอกว่าไม่ใช่ ผมไม่ใช่ตุ๊ด กะเทย ผมก็ผู้ชายนี่แหละ ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ เขาไม่เชื่อ

หลังจากนั้นผมก็ไม่กลับบ้านอีกเลย จนปิดเทอม เจมส์ก็กลับบ้านที่ เชียงใหม่ ผมก็กลับมาอยู่บ้านปิดเทอมนั้น แม่พูดกับผมแล้ว ดีขึ้นมาก แต่ก็ยังทำหน้าบึ้งตึงใส่ผม ถามคำตอบคำ แต่ที่ผมอึดอัดก็คือ พ่อหลบหน้าผม ไม่พูดกับผม หรือทำผมเป็น อากาศธาตุ ไม่มีตัวตนในบ้าน แต่ผมก็โทรคุยโทรปรึกษา ระบายกับเจมส์ และ เพื่อน ๆ ผมตลอด จนใกล้ ๆ เปิดเทอม แม่ถึงบอกผมว่า แม่ไม่โกรธผมแล้ว แต่ขอเวลาแม่ทำใจหน่อย จนผมลากลับ กทม. ผมก็ไหว้ลาพ่อปกติ พ่อก็รับไหว้ แต่ก็ยังไม่พูดกับผม !!!

จนปี 3 เรียนไปได้ประมาณ 2 เดือน พี่ชายก็โทรมาเล่าให้ฟังประมาณว่า ผมเริ่มหายโกรธแล้ว มีแอบถามแม่เป็นระยะ ๆ ว่า ผมเป็นยังไงบ้าง ทุกข์ใจใหม ขัดสนอะไรใหม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่ก็ยังปากแข็งบอกว่าไม่ให้อภัย ตลอดปี 3 เทอมหนึ่ง ผมกลับบ้านคนเดียวตลอด ไม่อยากให้พ่อทุกข์เวลาเห็นเจมส์ พ่อยังหมือนเดิม ทำเหมือนผมไมมีตัวตน แต่ก็คอยถามแม่ตลอดอีกนั่นแหละว่าเงินพอใช้ใหม เรียนปี 3 แล้ว ค่าใช้จ่ายมันเยอะ

จนใกล้ ๆ สอบนั่นแหละ อาทิตย์ก่อนสอบผมหอบหนังสือกลับไปอ่านที่บ้าน อยากไปอ่านในสวนที่บ้านเงียบ ๆ และก็อยากให้พ่อเห็นหน้าบ่อย ๆ ด้วย ก่อนกลับมาสอบ อยู่ดี ๆ พ่อก็พูดกับผม "ปิดเทอมนี้ พาแฟนแกมาเที่ยวบ้านบ้างก็ได้นะ" ขอบอกว่าตอนนั้นน้ำเน่ามาก บ่อน้ำตาผมทะลัก โผกอดพ่อ ร้องไห้ฟูมฟาย เหมือนเด็กขี้แยเลยอ่ะ ยังจำวันนั้นได้อยู่เลย

หลังจากนั้นอะไรหลาย ๆ อย่าง มันก็เริ่มดีขึ้น ก็ดีมาจนถึงตอนนี้ ... แต่ในกลุ่มญาติ ๆ ผม พอเขารู้ว่าผมชอบผู้ชาย มีแฟนเป็นผู้ชาย เขาก็ยังแอนตี้และต่อต้านผมจนทุกวันนี้ แต่ผมก็สนใจอะไรแล้วล่ะ

สิ่งหนึ่งที่ผมพิสูจน์ได้ก็คือ ผมไม่เคยนำเรื่องเสื่อมเสียไปทำให้พ่อแม่เสียหน้า (นอกจากลุกชอบผู้ชาย) ไม่ได้แต่งหน้า ทาปาก แต่งหญิง ทำนม อย่างที่เขากังวล ... ผมทำงานเก็บเงิน สร้างเนื้อสร้างตัวได้

เจมส์เป็นที่รักของครอบครัวผมด้วย ดังนั้นแม้ผมจะเลิกกับเขามาได้หลายปีแล้ว ครอบครัวผมก็ยังถามถึงเขาบ่อย ๆ และยังให้ผมต่อสายคุยกับเขาอยู่บ่อย ๆ เลย .... แล้วคำถามยอดฮิตที่โดนตลอดก็คือ "แจ็ค ลูกจะกลับมาชอบหรือแต่งงานกับผู้หญิงได้หรือเปล่า ?" ก็ได้แต่ตอบไปว่า มันเป็นเรื่องของอนาคต


อ่านแล้ว เหมือนนิยายน้ำเน่าเนอะ แต่นี่แหละ มันคือชีวิต รวมเบ็ดเสร็จ กว่าพ่อจะยอมเปิดปากคุยกับผมอีกคั้ง ก็ประมาณ 8 เดือนได้

ส่วนครอบครัวฝั่งเจมส์ เขายอมรับได้ไวกว่าผม แต่แปลกตรงที่ครอบครัวเจมส์ พ่อยอมรับได้ก่อนแม่ แม่ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะยอมรับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2010 14:59:11 โดย @#Jackie#@ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
แวบมาทักทาย  :z2:
วันนี้ น่าจะมีเวลาว่างกันนะ อยู่กันหลายคนเลย
ที่นี่แดดออกจัดตั้งแต่เช้า จากไม่มีแดดมาเป็นอาทิตย์ ๆ

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
คือตอนนั้นก้ไม่เข้าใจว่า จะคาดคั้นกับเราทำไม เมื่อเราบอกความจริงไป ก็ทำใจกันไม่ได้ ... แต่มาตอนนี้ เข้าใจว่า เขาก็อาจจะแค่คิดไปเอง และหวังจะได้ยินคำปฏเสธ จากเรา แต่เราดันยอมรับ เลยกลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมา


เสริมอีกนิด หลังจากผมเลิกกับเจมส์ ผมก็มีคนโน้นคนนี้ผ่านเข้ามาในชีวิตบ้างนะ แต่ก็เหมือนไปกันไม่ได้ บางคนเราก็ขอเลิกก่อน บางคนเขาก็ขอเลิกกับเราก่อน จนเหนื่อยใจและอยุ่เป็นโสดมาเป็นปีแล้ว และก็รู้สึก Happy ดี ... แต่ทุกคนที่ผมคบหลังเลิกกับเจมส์ไป ไม่เคยมีคนไหนที่ผมพาไปบ้านอีกเลย ... ดังนั้นแม่ก็เข้าใจว่า ลูกชายโสดตลอดดดดดดด  :laugh:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
บูม   ไปเที่ยวไหนเหรอ พรุ่งนี้ยังไม่หยุดนะ
ไจฟ์  พี่มายถูกแล้วจ้ะ พี่อ่านเรื่องของเราแล้วรู้สึกน่ารักดี
ปุ้ม    มายตามอ่านเรื่องคุณปุ้มหลายกระทู้เหมือนกัน เป็นส่วนหนึ่งในความประทับใจจนตัดสินใจสมัครสมาชิกมาคุยด้วยน่ะ
กิมตี๋   แล้วตอนนี้แอบชอบใครป่ะ
@ มาย  ฟังแล้วปลื้มใจจนตัวลอยเลยนะนี่  :m2:  ไม่คิดว่า จะมีแฟนคลับกับเขาด้วย แต่ยังไงก็คิดถูกแล้วครับ ที่สมัครสมาชิกมาคุยด้วยกัน อย่างน้อยก็แบ่งปันประสบการณ์ ความคิดเห็นและให้กำลังใจซึ่งกันและกันก็ยังดีครับ สมัยนี้ ยิ่งอยู่ในเมืองใหญ่ ยิ่งเหงาเปล่าเปลี่ยว ยิ่งกว่าอยู่ต่างจังหวัดซะอีก
@ คิง  สงสัยคิงต้องเลี้ยงข้าวพี่แล้วล่ะ ที่หาสมาชิกมาเพิ่มได้อีกแล้ว 5555
@ บูม เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามี ครุสถาปัตย์ด้วย เออ! เดี๋ยวนี้มีคณะแปลก ๆ เกิดขึ้นเยอะเลยแฮะ เมื่อวันก่อนก็เพิ่งได้ยิน ครุวิศวะ สงสัยอีกหน่อยคงมี ครุแพทยศาสตร์ ด้วยแน่ ๆ เรียนมาเพื่อเป็นอาจารย์สอนสถาปัตย์เหรอครับ ให้แถลงไขให้ความรู้ผู้เฒ่าหน่อยเหอะ

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
นั่งรถรอเข้าเมืองกรุง เพื่อไปเป็นเด็กเต๊ปอีกรอบ อิอิ

ปล.หวังว่าคนกรุงเทพคงได้เจอกันอีกไม่นาน

 :z1: :z1:

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
บูม อันนี้ >>> :laugh: อยู่อย่างสวยๆ เด๋วเค้าก็เดินมาหา กร๊ากกกกกกกกกก  :laugh:

มาย    ตอนนี้ม่แอบชอบใคร  ไม่มีใครให้แอบ  

ไจฟ์    พอเอาแฟรนชิปมาอ่าน  เราฉีกหน้าที่มันเขียนทิ้งเลย (เผาด้วยหรือเปล่าจำมะได้แล้ว)  5555  ทุกวันนี้สมุดเล่มนั้น(ขนาด 4''*4'')หายไปแล้ว พร้อมกล่องสมบัติอนุรักษ์ความหลัง (แม่จัดบ้านใหม่เลยเอามันไปทิ้งโดยที่ไม่รู้ว่าในกล่องมีอะไรซ่อนอยู่)  :o12:

แจ็ค    ไจฟ์   พี่ปุ้ม   ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร  :กอด1:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
แวบมาทักทาย  :z2:
วันนี้ น่าจะมีเวลาว่างกันนะ อยู่กันหลายคนเลย
ที่นี่แดดออกจัดตั้งแต่เช้า จากไม่มีแดดมาเป็นอาทิตย์ ๆ
ดีจังที่ฝนไม่ตก ที่กรุงเทพฯ ไม่มีแดดมาสองสามวันแล้ว
อากาศขมุกขมัวยังไงไม่รู้ บรรยากาศชวนง่วงนอนและชวนให้เสียตัวเป็นอย่างยิ่ง

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
พี่กิมตี๋ ลองมีใครมาเขียน FS ผมว่าเกลียดผม ผมก็ฉีกทิ้งเหมือนกัน
พี่แจ๊คครับ โสดดดดดดดดดดด เหรอครับ 5555
พี่ปุ้มครับ บรรยากาศแบบนี้ ต้องลานเบียร์ครับ
บูม มั่นใจเดี๋ยวมันก็เข้ามาเอง....
พี่เนะ มาไวเครมเร็ว


@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
ก็ไม่เชิงโสดหรอก ไจฟ์ ก็เพียงแค่ ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ หรือ ที่ใช่ ก็แค่นั้นเอง ไม่รีบร้อนด้วย  :m19:

ยึดคติ ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาน  :o8:

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
บูม   ไปเที่ยวไหนเหรอ พรุ่งนี้ยังไม่หยุดนะ
ไจฟ์  พี่มายถูกแล้วจ้ะ พี่อ่านเรื่องของเราแล้วรู้สึกน่ารักดี
ปุ้ม    มายตามอ่านเรื่องคุณปุ้มหลายกระทู้เหมือนกัน เป็นส่วนหนึ่งในความประทับใจจนตัดสินใจสมัครสมาชิกมาคุยด้วยน่ะ
กิมตี๋   แล้วตอนนี้แอบชอบใครป่ะ

@ คิง  สงสัยคิงต้องเลี้ยงข้าวพี่แล้วล่ะ ที่หาสมาชิกมาเพิ่มได้อีกแล้ว 5555

^
^
^
ได้ครัึบพี่ ไว้โอกาสเหมาะๆ เดี๋ยวผมเลี้ยงพี่เอง บั๊ดเจ๊ดไม่เกินห้าพันนะครับพี่(ต่อมื้อ) ผมเลี้ยงหรูๆ ไม่ไหวนะ



เฮ้อ ดู 365 วันแล้วตรงกับชีวิตตัวเองเลย ปากแข็ง ปากหนัก เหมือนเคน ยิ่งตอนเดินเข้าบ้านแล้วเห็นความทรงจำต่างๆ ที่มีนางเอกอยู่ด้วย ยิ่งเป๊ะ  :sad11:


greenoak

  • บุคคลทั่วไป
อีกแล้ว เคน

ระบายความรู้สึกผ่านไดรี่เหมือนอีกแล้ว
'ที่ไม่พูด เพราะคิดว่าการกระทำมันชัดอยู่แล้ว'


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด