@ A MiRaClE wOrKeR //// ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @ <<TrAcK 13>> 22/11/2010
ในวันที่สองของโฮมสเตย์ จิตงาม ดูการเลี้ยงไหม โดยการช่วยการเก็บใบหม่อนหลังโรงเลี้ยงมาใช้ตัวไหมกิน โรงเลี้ยงหม่อนไหมทำเอาสาว ๆ ขนลุกขนชัน ตัวหนอนกระดืบยั๊วะเยี๊ยะเต็มไปหมด กัดกินใบหม่อนอย่างเอร็ดอร่อย ดูการสาวไหมและการถักทอผ้าไหมที่บรรจงอย่างประณีต ออกมางดงาม นี่แหละภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำทุกอย่างทุกขั้นตอนด้วยสองมือมีอุปกรณ์ช่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผ้าไหมชนิดต่าง ๆ ที่ย้อมและถักทอเสร็จแล้ว ถูกแขวนและวางเป็นระเบียบเรียบร้อย ยังมีงานฝีมือที่ทำด้วยไหมพรม เช่น กระเป๋าใส่โทรศัพท์ กระเป๋านสะพาย รวมถึงพวงกุญแจน่ารัก ๆ บรรดาลูกทัวร์พากันหมดไปหลายตังค์ในการซื้อของฝาก พาเที่ยวชมผักกางมุ้ง ที่ข้างในเป็นผักกาด และผักนานาชนิด ที่แทงหน่อ ชูช่อขึ้นมาจากพื้นดิน และมีการเดินเยี่ยมชมตามบ้านที่มีอาชีพเสริมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการถักแห สานไซ แม้กระทั่งการหัดทำคันเบ็ดที่ใช้กันเมื่อวาน ลูกทัวร์สนุกสนานกันเต็มที่เพราะชาวบ้านให้ความรู้ การแนะนำในด้านที่ตนถนัด และเป็นเรื่องที่บางครั้งคนมีความรู้สูงไม่รู้ เพราะเป็นภูมิปัญญาที่ชาวบ้านตกทอดกันมา
การนำทัวร์ส่วนมากจะเป็นจีนที่เป็นคนแนะนำให้ความรู้ และมีร่างใหญ่เสริมบ้างตามที่รู้ โฮมสเตย์ที่มีแหล่งธรรมชาติที่สวยงาม ชาวบ้านที่ใจดี เป็นกันเอง วิธีชีวิตแบบชาวบ้านจริง ๆ หากินกับธรรมชาติ เกื้อกูลกัน ไม่ได้ทำลายอย่างเดียว
ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน หลังจากที่เปิดโฮมสเตย์ ข่าวท้องถิ่น และการเขียนบทความของลูกทัวร์ วิทยุชุมชน ลงข่าวและประชาสัมพันธ์กันอย่างหนาแน่น ทำให้เป็นที่รู้จักของนักท่องโฮมสเตย์ได้ไม่ยาก มีการสร้างเว็บไซต์เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติและแนะนำผลิตภัณฑ์ภายในหมู่บ้าน ทำให้มีรายได้กระจายในหมู่บ้านจิตงามมากขึ้น สินค้าถูกเพิ่มอัตราการผลิต โฮมสเตย์จิตงาม จึงเป็นแหล่งพักผ่อนที่ขึ้นชื่อในเวลาไม่นาน
มือเรียวยาวหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กขึ้นมากดรับ หลังจากที่อิดออดอ้อนคนที่นั่งบนเก้าอี้หวายตัวยาว เด้งตัวลุกขึ้นจากตักนุ่ม
“สวัสดีค่ะคุณอาท สบายดีเหรอคะ” เสียงใสของหญิงสาวทำให้อัครเทพต้องเดินห่างออกมาจากร่างบางที่นั่งดูทีวีพร้อมกับกำลังปลอกผลไม้อยู่
“ครับ เอ่อ นี่ใครครับ”
“แหมจำกันไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ญาเองค่ะ ก็ญาคิดถึงคุณอาทนี่คะ”อัครเทพถึงกับชะงัก ไม่คิดไม่ฝันว่าวิรัญญาจะกล้าโทรมาหาเขา ทั้งที่เบอร์นี้เป็นเบอร์ส่วนตัว ตอนติดต่องานกันที่บริษัทก็เป็นเบอร์ของบริษัทที่เปิดสำหรับผู้บริหารแล้ววิรัญญาได้เบอร์นี้มาได้ยังไง
“ครับ แล้วคุณได้เบอร์ผมมายังไงครับ”
“ก็คุณแม่คุณให้ญามาค่ะบอกว่าให้ญาโทรหาคุณบ้าง แล้วนี่ได้ข่าวว่าเปิดโฮมสเตย์ เหรอคะ” ปลายสายที่พยายามเปิดบทสนทนา ร่างสูงหันไปมองคนที่นั่งปลอกฝรั่งที่พึ่งเก็บมาจากหลังบ้านก่อนหน้านั้น หันขึ้นมามองเขาแล้วส่งยิ้มให้ รอยยิ้มที่แทบจะลืมคนในสาย
“คุณมีอะไรสำคัญรึเปล่าครับ พอดีผมไม่ว่างน่ะครับ” ไม่อยากคุยอะไรไปมากกว่านี้ ไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงที่มีจริตเต็มร้อย
“นี่ญาอุตส่าห์เป็นห่วงนะคะ ไปอยู่บ้านนอกคอกนา บรรยากาศเหม็น ๆ จะอยู่ได้รึเปล่า” เสียงแวดตอบกลับจนอัครเทพต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่อยากโต้ตอบมาก เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นเพศแม่ เดินกลับไปนอนหนุนตักนุ่มทั้งที่มือยังถือโทรศัพท์
“ผมสบายดี อยู่ได้ ที่นี่ไม่มีมลพิษอะไร ไม่มีกลิ่นเหม็น ๆ อย่างที่คุณว่า ผมว่าคุณวีรญาไม่ต้องโทรหาผมหรอกครับเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะตอนนี้ผมก็ไม่ได้ติดต่องานกับคุณแล้ว เราคงไม่มีเรื่องต้องคุยกัน” เสียงขรึมตอบกลับมองหน้าใส ๆ ของร่างบางที่ก้มมองหน้าเขาอยู่ คงเพราะได้ยินชื่อนั้น อัครเทพซุกหน้าเข้าหาหน้าท้องนุ่มแล้วกอดเอวบางไว้ ยื่นโทรศัพท์ให้จีนรับแทน ...........เอาโทรศัพท์มาแนบหูอย่างเงอะงะ ยังงง ๆ ที่อยู่ดี ๆ ร่างสูงก็ยื่นโทรศัพท์มาให้
“นี่คุณอาท คุณโดนของรึเปล่าคะ คุณหลงมันมากจนลืมคนทางนี้ ลืมญา ลืมเพื่อน ลืมครอบครัวเลยเหรอคะ มันน่าเกลียดจริง ๆ มันมีอะไรดี คุณอาทถึงติดใจนัก ญาอยากรู้นักเชียว” เสียงแหลมที่ได้ยินช่างไม่เหมาะกับรูปร่างหน้าตา ชาติตระกูลซักนิด วาจาที่ทำให้คนฟังถึงกับขุ่นใจ ก้มมองต้นเหตุที่ยังนอนหนุนตักหน้าซุกตัวเขาอยู่
“พี่อาทไม่ได้โดนของหรอกครับ แต่โดนใจมากกว่าและถ้าไม่มีดีอย่างคุณว่าคงไม่ต้องลำบากคุณคอยโทรหาของ ๆ คนอื่นอย่างนี้ ส่วนครอบครัวกับเพื่อนผมคิดว่าพี่อาทไม่ลืมหรอกครับ ส่วนกับบางคน ผมว่าคงไม่ได้อยู่ในความทรงจำตั้งแต่ตอนแรกแล้วล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็แค่นี้นะครับ” มือบางกดวางไม่สนใจว่าคูสายจะกรีดร้องยังไง พวกชะนีสารผสมที่บาร์บี้บอกว่าเกลียดยิ่งกว่าจิ้งจกกิ้งกือซะอีก................ ก้มมองคนที่ยังกอดไม่ปล่อย
“คุณวีรญาโทรมามีธุระอะไรรึเปล่าครับ” เสียงเข้มขึ้นจนอัครเทพต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันเห็นว่าแม่ให้โทรมาถามข่าว” ตอบไปตามจริง มองหน้านวลที่ขมวดคิ้วจนแทบจะผูกโบว์ ก็อดจะหัวเราะท่าทาง และยังคำพูดก่อนหน้านั้นอีก
“พี่อาทหัวเราะอะไร นี่จีนไม่ใช่ตัวตลกนะ” ฟาดมือลงไปที่ต้นแขนแน่น อารมณ์เขากำลังกรุ่นอยู่แท้ ๆ กลับมาหัวเราะกันได้ ถึงจะรู้ว่าคนบนตักไม่ได้คิดอะไรแต่ก็อดหึงเล็ก ๆ ไม่ได้
“พี่เจ็บนะเนี่ย ... แต่จีนรู้ได้ยังไงเนี่ยว่าโดนใจพี่” คำพูดและสีหน้าล้อเลียนทำให้คนที่ลืมตัวพูดออกไป ถึงกับหน้าแดงเรื่อ
“จีนก็เดาเอา รึว่าไม่โดนก็ขอโทษละกันที่โมเม”
“ใครว่าล่ะ พี่อ่ะโดนใจ แต่คนที่โดนของน่าจะเป็นจีนนะครับ” พูดแล้วมองหน้าคนที่ถลึงตาใส่อย่างน่ารัก อย่างนี้ไม่ต้องเสกของอะไรใส่หรอก แค่นี้ก็มัดใจเขาได้หมดทั้งนิสัยใจคอ รูปร่างหน้าตา มันพร้อมสรรพไปทุกอย่าง
“นี่ก็จะครบกำหนดแล้วนะครับ สิ่งที่เราทำไปไม่รู้ว่าครอบครัวพี่จะพอใจรึเปล่า” คำพูดที่ออกจากปากเล็กและสีหน้ากังวล ทำให้ร่างสูงต้องจับมือเล็กที่พึ่งปล่อยโทรศัพท์ขึ้นมากระชับแล้วสูดความหอมจากมือนุ่มเบา ๆ
“เราทำดีที่สุดแล้วนี่ครับ จีนอย่าพึ่งกังวล พี่เคยบอกแล้วไงว่าอย่าพึ่งกลัวสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ยังไงพี่ก็ไม่มีวันทิ้งจีนเด็ดขาด”
“ ไม่ได้หรอกครับพอถึงเวลาถ้าครอบครัวพี่อาทไม่พอใจ พี่ก็ต้องกลับไป จีนยังเคยคิดเลยว่าถ้าพวกท่านไม่ยอมรับจีน ทำให้ดียังไงท่านก็ไม่ยอมรับอยู่ดี” ยังจำคำพูดคำสัญญาที่เอ่ยไว้กับประธานบริษัท ถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ จีนก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ไม่ใช่ไม่เตรียมใจแต่ยังไม่อยากคิดถึง
“พ่อแม่พี่ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลนะ เชื่อพี่สิ ฮึ” เสียงทุ้มปลอบใจทำให้จีนรู้สึกใจชื้นและใจเย็นขึ้น คงต้องให้เป็นไปตามที่มันจะเป็นเพราะบังคับอะไรไม่ได้ แค่ตอนนี้ก็มีความสุขจนล้นขอกอบโกยให้มากที่สุดแล้วกัน
*****************************************************************************
“เอ เอาลูกฝั่งขวาด้วย” ตากลมมองลูกหว้าฝั่งขวามือของเพื่อนรัก แล้วบอกให้เพื่อนรู้ตำแหน่ง ต้นหว้าในสวนต้นไม่สูงมากแต่ก็ปีนกันได้ และตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่บนต้นหว้าทั้งคู่ เอหันไปทางทิศทางที่เพื่อนชี้นิ้วมา แล้วเอื้อมมือไปปลิดมาทั้งพวง หันไปมองไอ้ตัวเล็กที่ขึ้นมาแต่ไม่กล้าไต่ ต้องนั่งอยู่บนกิ่งสามง่ามเฉย ๆ บอกให้รอข้างล่างก็ไม่ยอมจะขึ้นมาด้วยลำบากต้องอุ้มส่งขึ้นมา ไม่พ้นตอนลงก็ต้องคอยรับลงอีก
“เอลงเถอะได้เยอะแล้วเที่ยงกว่าแล้ว พี่จีนบอกว่ามีขนมจีนน้ำยาเขียวหวานด้วยนะ” พยักหน้าชวนเพื่อนตัวใหญ่ที่เอื้อมมือไปเด็ดเพิ่ม เอหันมามองแล้วพยักหน้า ไต่ลงไปจนกิ่งต่ำสุดกระโดดลงไปบนพื้นดินอย่างรวดเร็วปล่อยให้คนขี้กลัวค่อยกระดึบจับกิ่งนั้นนี้ให้วุ่นวาย กว่าจะถึงกิ่งต่ำก็เล่นซะขาสั่นกลัวแต่ไม่อยากอยู่ข้างล่างคนเดียว
“โดดลงมาดิ” บอกคนที่นั่งหย่อนขาไม่ยอมกระโดด ซ้ำยังส่ายหัวดิกไม่ยอมกระโดดลงมา
“งั้นอยู่นี่ ไม่ต้องกลับบ้านหรอก เดี๋ยวเอเอาข้าวเอาน้ำมาส่งนะ” พูดแล้วแกล้งหันหลังจะกลับ
“เอ!! มารับจิวลงเดี๋ยวนี้นะ เอเป็นคนส่งจิวขึ้นมานะ” คำพูดที่ดูเหมือนมีเหตุผล แต่เป็นเหตุผลที่น่าหัวเราะชะมัด กลายเป็นคนผิดทั้ง ๆ ที่ทำตามทำออดอ้อน
“อ้าว ก็จิวบอกว่าอยากขึ้นเอก็ส่งขึ้นไป อยากขึ้นไปเองก็ลงเองได้สิ”
“เอ รับหน่อยสิไม่งั้นจิวจะกระโดดลงไปให้หาหักตาย แล้วจะไปหลอกเอเป็นคนแรกเลย” คำขู่แสนจะน่ากลัว
“ขาหักไม่ถึงตายหรอก ถ้าคอหักไม่แน่” ยังไม่ยอมเข้าไปหา
“เอ!!!” ร่างเล็กกางแขนกระโดดลงมา ทำเอาเอตกใจต้องถลาเข้าไปรับคนเล่นอะไรแผลง ๆ ทันได้โอบรัดร่างบางไว้แต่ก็ล้มกลิ้งไปด้วยกัน
“จิวทำอะไรฮะ!!”ตวาดเสียงดังจนคนในอ้อมกอดตกใจ
“ก็จิวอยากกลับบ้านแล้ว ทำไมเอไม่มารับจิวซักที” เสียงอ่อย รู้ว่าตัวเองทำมันไม่ถูก แต่เขารู้ว่ายังไงเพื่อนตัวใหญ่ก็ต้องรับเขาทัน
“แล้วเป็นอะไรรึเปล่า” อดเป็นห่วงไม่ได้
“เปล่าแล้วเอล่ะ เป็นยังไงบ้าง โกรธจิวรึเปล่า” เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังค่อมตัวเองอยู่
“เปล่า ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ”
“จิวรักเอที่สุดเลย” ไม่พูดเปล่ายังเอาแขนวาดกอดคนตัวใหญ่ดึงลงไปทาบทับร่างเล็กที่นอนอยู่แล้วกอดซะสุดแรงจนแทบหายใจไม่ออก แต่อาการเริ่มจะไม่ดี เอรู้ตัวว่าตัวเองรู้สึกกับเพื่อนแบบแปลก ๆ หัวใจเต้นแทบจะทะลุ ร่างนุ่มนิ่มที่จับกอดกันตั้งเท่าไหร่ แต่ร่างบางนี่จะรู้ไหมว่าเค้าเป็นเพื่อนที่คิดไม่ซื่อซะแล้ว
“เอ่อ จิว เอหายใจไม่ออก ปล่อยก่อนสิ” ร่างเล็กยอมปล่อย แล้วดึงกันลุกขึ้น
“ป่ะ กลับบ้านกัน” หันมายิ้มให้เพื่อนรักก่อนจะจูงมือกันเดิน
“เอ จิวเมื่อยแล้วขี่หลังได้ป่ะ” หยุดเดินแล้วหันมาอ้อนเพื่อน ก็แค่อยากอ้อน
“แล้วถ้าเอเมื่อย แล้วเอขี่หลังจิวได้เปล่าล่ะ”
“ได้ยังไง จิวจะแบกเอได้ยังไงไหว ตัวเบ่อเร่อแน่ะ” ทำตาโตเหมือนกับร่างสูงจะขอขี่จริง ๆ
“เอพูดเล่นน่ะ มาสิเร็ว ๆ ก่อนจะเปลี่ยนใจ” พูดพร้อมกับย่อลง ร่างเล็กกอดคอเพื่อนแล้วขี่หลังเสร็จสรรพ
“เอใจดีจัง นอกจากย่ากับพี่จีน จิวรักเอที่สุดเลย แล้วก็รักน้าอ้อย รักน้านงค์ รักทุกคนที่ดีกับจิว พี่จีน แล้วก็ย่า” พูดขณะที่ร่างสูงกำลังเดินไปเรื่อย ๆ
“แสดงว่ารักเอเท่าทุกคนน่ะสิ ไม่เห็นมากที่สุดเลย”
“เปล่านะ ก็รักเอที่สุด แล้ว คนอื่นก็ค่อย ๆ ลดลงไปไง” รีบปฏิเสธกลัวเพื่อนรักน้อยใจ แล้วซบหน้าบนหลังใหญ่ แต่ทำให้คนตัวใหญ่แอบยิ้มดีใจ คนบนหลังจะรู้ไหมว่าเขาก็รักเพื่อนที่สุด แต่มันก็อาจจะคนละความหมาย พวกเขายังเด็กสำหรับเรื่องพวกนี้ ขอเวลาอีกหน่อย อาจจะรู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกยังไง
“อ้าวจิวเป็นอะไรทำไมถึงมาอย่างนี้ล่ะ” เป็นย่าที่ทักขึ้นหลังจากที่ทาปูนแดงลงในใบพลู ทำให้จีนที่นั่งในบ้านออกมาดูด้วย
“เป็นอะไรกันเหรอ” ถามออกไปที่เห็นน้องรักยิ้มเผล่ ขณะที่ยังเกาะอยู่บนหลังเพื่อนอยู่
“เปล่าครับแค่จิวเมื่อยขี้เกลียดเดิน” พูดพร้อมกับลงจากหลังเพื่อนรัก
“โห สบายไปเปล่าไอ้ตัวดี เอก็ตามใจกันเข้าไปเหนื่อยตัวเองเปล่า ๆ “ ตำหนิน้องกลาย ๆ แต่ก็เข้าใจดีว่าเอตามใจไอ้ตัวเล็กนี่เพราะอะไร
“พี่จีนอ่ะ จิวหิวแล้วนะ ไหนอ่ะขนมจีนน้ำยาอ่ะ” รีบเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินมาอ้อนพี่ชาย มือเล็กกอดเอวซุกหน้าลงไปบนบ่าบาง
“อยู่ในครัว ไปหามาแบ่งเอกินด้วย พี่กับย่ากินแล้ว เพราะย่าต้องกินยา” พูดแล้วลูบหัวน้องชายขี้อ้อนที่กอดเป็นลูกลิงไม่ยอมปล่อย
“คร๊าบบบบบบบบ พี่สาว”
“จิว!!” ยังไม่ทันจะได้ว่า น้องรักก็วิ่งหายไปในบ้าน
“เอ พรุ่งนี้ทัวร์เข้านะ พี่รบกวนเรื่องเดิมนะ” หันมาพูดกับเพื่อนน้องที่เหมือนน้องชายอีกคน
“ครับพี่จีน แล้วนี่พี่อาทล่ะครับยังไม่เห็นเลย” เอ่ยถาม เพราะยังไม่เห็นพี่ชายที่ตอนนี้สนิทกันมากขึ้น
“ไปหาลุงทัศน์น่ะ คงเตรียมตัวกันนั่นแหละ ช่วงนี้กลุ่มทัวร์แทบนะเกือบทั้งอาทิตย์ว่าจะหากิจกรรมที่จะให้ลูกทัวร์ทำที่ทำให้พัฒนาหมู่บ้านเราด้วย”
“ครับพี่ ช่วงนี้น้ำเริ่มแห้งแล้วคงใส่เบ็ดได้อีกไม่นาน”
“อืม เห็นว่าจะประชุมชาวบ้านอีกทีว่าจะมีกิจกรรมอะไรเพิ่มเติมน่ะ” คงต้องปรับเปลี่ยนเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลและให้เหมาะสมที่สุด ไม่เดือดร้อนชาวบ้าน
การรับทัวร์วันนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น ตอนนี้เป็นช่วงที่ให้ลูกทัวร์พัก น้านงค์และน้าอ้อยเตรียมอาหารกันอยู่ ส่วนสองเพื่อนซี้ช่วยกันเตรียมต้นสมุนไพรที่จะให้ลูกทัวร์ช่วยกันปลูกเป็นอีกโครงการที่คิดขึ้นมาเพื่อเป็นการทำประโยชน์ให้หมู่บ้านด้วย
“พี่จีน พี่อาท มีลูกทัวร์มาครับ บอกว่ามาแยกจากกลุ่มเมื่อครู่” จิววิ่งมาบอก อาทกับจีนที่กำลังเตรียมข้อมูลกันอยู่ต้องไปดูหน้าบ้าน บุคคลที่อยู่หน้าบ้านทำให้ทั้งคู่ถึงกับตกใจ
“พ่อ แม่........”
*******************************************************