บทที่ 55 ผู้เขียนปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเริ่ม ไม่เห็นใครเจอที่ผิดเลยซักคน เลยรีบกลับไปแก้
สุขสันต์วันเด็กนะครับ
Guy Chapter 56
หลังจากทานอาหารเย็นด้วยกัน นรธีร์ขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระส่วนตัว เชิงชายจึงอาสาจะเป็นคนล้างจานแต่กายค้านว่าจะทำเอง
“กายเจ็บขาอยู่ ทำไม่สะดวก” เชิงชายให้เหตุผล
“ก็ทำมาตั้งหลายวัน” กายแย้ง “ชายเองก็เถอะ ดูท่าทางเหนื่อยๆ ไม่สบายหรือเปล่า”
“เปล่า” เชิงชายส่ายหน้า
“กินยาตามหมอสั่งหรือเปล่าชาย” กายถาม
“เป็นห่วงชายเหรอ”
“ก็เป็นห่วงสิ ถามแบบนี้ได้ยังไง” กายทำเสียงดุ “ชายดูซูบลงนะ”
“พักหลังมันนอนไม่ค่อยหลับ”
“ทำไม”
“ไม่รู้” เชิงชายส่ายหน้าแล้วหยิบถ้วยและจานเดินไปที่อ่างล้างจาน
“จำที่บอกได้ไหมว่าให้ดูแลตัวเองดีๆ”
“ได้สิ ชายก็ดูแลตัวเองดีอยู่ กายนั่นล่ะ ไปทำงานถึงกับขาหักต้องเข้าเฝือก”
“มันเป็นอุบัติเหตุ” กายพูดเบาๆ มองขาขวาของตัวเองในเฝือกแล้วต้องถอนหายใจเฮือกใจ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้พักยาว”
เชิงชายล้างจานเสร็จแล้วจึงเดินเข้ามาเก็บของจุกจิกซึ่งวางอยู่รอบๆ โซฟาหน้าโทรทัศน์ กายห้ามไม่ให้ทำแต่เชิงชายก็ยังดันทุรัง
“ชายไม่ได้ป่วยถึงกับทำอะไรไม่ได้นะกาย” เชิงชายพูด
“ทำไมหอบหายใจแรง” กายหรี่ตามองอีกฝ่าย
“คงร้อนมั๊ง” เชิงชายยักไหล่แล้วบอกว่าจะไปล้างหน้าในห้องน้ำ กายปิดโทรทัศน์แล้วพยายามเดินไปหยิบหนังสือที่ตู้หนังสือใกล้กับประตูห้องพัก ครั้นอ่านหนังสือได้ประมาณห้าหน้าก็รู้สึกแปลกใจเพราะเชิงชายยังไม่ออกมาจากห้องน้ำเสียที
กายส่งเสียงเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบจากเชิงชาย
กายยันตัวลุกขึ้นยืน หยิบไม้ค้ำแล้วเดินโขยกเขยกไปที่ประตูห้องน้ำ ยกมือเคาะและเรียกเชิงชายแต่คนที่อยู่ในห้องก็ยังไม่ขานรับเช่นเคยจึงลองใช้มือหมุนลูกบิดเปิดประตู
โชคดีที่เชิงชายไม่ได้ล๊อคประตูห้องน้ำ
“ชาย” กายร้องเสียงดังเมื่อเห็นว่าคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำนอนขดตัวหมดสติอยู่บนพื้น
สายตาของกายจับอยู่ที่ประตูบานใหญ่สีขาว รอแพทย์หรือพยาบาลเดินออกมาจากห้องนั้นด้วยใจจดจ่อ เมื่อพบเชิงชายหมดสติอยู่ในห้องน้ำเขาพยายามจะช่วยเชิงชายแต่สภาพของตัวเองนั้นทำได้เพียงแค่ขยับตัวเชิงชายให้นอนแผ่ยืดแขนและขาเท่านั้น
กายโทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือจากนรธีร์แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ในเวลานั้น เขาเห็นชื่อของคเชนทร์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ในรายการหมายเลขเรียกเข้าหมายเลขล่าสุด นิ้วจึงกดปุ่มโทรศัพท์ออกโดยอัตโนมัติ
แต่คนที่รับสายกลับเป็นคนอื่น
กายถอนหายใจยาวอีกครั้ง เสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังขึ้นว่า
“ถึงมือหมอแล้ว วางใจได้”
“ครับ” กายพยักหน้า แต่ยังคงขมวดคิ้ว รู้สึกกังวลใจเหมือนเดิม
“คุณห่วงคุณเชิงชายมาก”
“เรารู้จักกันมานานครับ” กายตอบ
“ในฐานะเพื่อน หรือว่า...”
“เพื่อนร่วมงานครับ”
“งั้นหรือ”
“ครับ” กายพยักหน้า
“แล้วคเชนทร์ล่ะว่ายังไง”
“คุณพฤศหมายความว่ายังไงครับ” กายหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่พูดกับเขา
“คเชนทร์รู้ใช่ไหมว่าคุณสนิทกับคุณเชิงชายมานาน”
“ทำไมหรือครับ”
“เปล่า” พฤศยักไหล่ ปรายตามองกายแวบหนึ่งแล้วพูดต่อ “คุณคงคิดว่าผมละลาบละล้วง”
“ไม่ใช่ครับ”
“ผมแค่อยากรู้”
“ผมเข้าใจครับ”
“คุณคิดยังไงกับคเชนทร์” พฤศเลิกคิ้ว “อ้อ คุณคงเรียกเขาว่าเคนนี่แล้วสินะ”
“เป็นบางครั้งครับ” กายอดประชดไม่ได้
“เคนนี่เป็นคนน่ารัก เป็นคนสนุกสนานร่าเริง มีชีวิตชีวา อยู่ใกล้ๆ เขาคุณไม่เบื่อหรอก” พฤศพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“ครับ” กายขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าพฤศจะพูดถึงคเชนทร์แบบนี้ทำไม
“ไม่ดุเหมือนผม”
“ความจริง ท่าน....เอ่อ คุณพฤศก็ไม่ดุเท่าไหร่ ผมเข้าใจว่าคุณต้องวางตัวให้น่าเกรงขาม”
“คุณดูเกร็งๆ เวลาอยู่ใกล้ผม ผ่อนคลายบ้างสิ”
“ผมไม่ได้เกร็ง”
“งั้นหรือ” พฤศก้มลงมองมือของกายซึ่งกำลังกำแน่น
“ก็คุณเป็นเจ้านาย เป็นประธานบริษัท ผมก็ต้องแสดงออกถึงความเคารพ” กายให้เหตุผล
“คเชนทร์เป็นรองประธาน แทบไม่ต่างกันเลย”
“คุณคเชนทร์ขี้เล่น”
“คุณก็เลยเข้ากับเขาได้ดี” พฤศพยักหน้า “ผมเข้าใจ แต่ว่าตอนนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นเจ้านายคุณแล้ว ที่บอกว่าเกร็ง ผมหมายถึงตอนนี้”
“ครับ” กายไม่รู้จะตอบอย่างไรดี พยายามคิดให้ทันคำพูดของพฤศ และอดบ่นให้พฤศในใจไม่ได้ว่าพูดอะไรเข้าใจยาก
ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พฤศหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อรับสายและพูดเสียงเนือยๆ ว่า
“คเชนทร์ เราอยู่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ถ้าจะมาเอาโทรศัพท์ก็มาเอาที่นี่”
“...”
“คุณเชิงชายเพื่อนคุณกายไม่สบาย คุณกายโทรหานายแต่นายลืมโทรศัพท์ไว้กับเรา ก็เลยมาช่วย”
“...”
การสนทนาสั้นๆ จบลง พฤศหันมาบอกกายว่าคเชนทร์กำลังเดินทางมา อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง กายพยักหน้า และทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของคเชนทร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง พฤศรับสายโดยไม่พูดอะไร กายได้ยินเสียงอู้อี้ในโทรศัพท์ จากนั้นพฤศจึงยื่นโทรศัพท์ของคเชนทร์ให้กายด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณจนกว่าเคนนี่จะมาถึง” พฤศพูดขึ้นเมื่อกายคุยกับคเชนทร์เสร็จแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้แต่พฤศส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นแสดงท่าทางว่าให้กายเก็บเอาไว้
“ขอบคุณครับ แต่ความจริงผมอยู่คนเดียวก็ได้ครับ ถ้าคุณพฤศมีธุระก็...”
“ไม่เป็นไร ไม่มีธุระ”
“ขอบคุณคุณพฤศอีกครั้งนะครับที่ช่วยเหลือ ครั้งที่แล้วก็ที่หัวหิน คราวนี้ก็เพื่อนผม”
“ไม่เป็นไร ผมยินดี” พฤศพูดสั้นๆ
กายมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพฤศแล้วก้มลงมองขาขวาของตัวเองซึ่งอยู่ในเฝือก ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรต่อ พฤศเป็นคนพูดน้อยและอ่านยาก
...แต่ทำไมตอนนี้เขากลับไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดเหมือนตอนที่ทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน...
“คิดจะกลับไปทำงานที่ Megatrex อีกหรือเปล่า” จู่ๆ พฤศก็ถามขึ้นมา
“อะไรนะครับ”
“คิดจะกลับไปทำงานกับเราอีกไหม”
“ผมคิดว่าตัวเองคงเหมาะกับอาชีพไกด์มากกว่าครับ” กายตอบ
“คุณเป็นคนที่มีความสามารถ ถ้าตั้งใจมากๆ ก็อาจจะแทนที่คุณการุณย์ได้”
“แทนที่คุณการุณย์” กายทวนคำพูด
“เขามีงานสอนและงานวิจัยเยอะ และท่าทางจะชอบมากกว่างานประจำที่บริษัท คุณการุณย์อาจอยู่กับเราอีกไม่นาน ผมอยากได้คนเก่งๆ”
“ผมไม่กล้าเทียบตัวเองกับคุณการุณย์หรอกครับ”
“ลองเอาไปคิดซักหน่อย” พฤศหันมามองกาย “อ้อ เรื่องนี่อย่าเพิ่งคุยกับคเชนทร์”
“ทำไมหรือครับ”
“ไม่มีอะไร แค่อย่าเพิ่งคุย” พฤศพูด
...บอกว่าอย่าเพิ่งคุยก็ทำตามที่บอกเถอะน่า...กายคิดอยู่ในใจว่าพฤศหมายความว่าอย่างนี้มากกว่า
“เอ่อ...”
“ว่าไง” พฤศเลิกคิ้ว
“เอ่อ...ครับ”
“หิวหรือยัง ผมว่าไปหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า”
“ยังครับ” กายตอบ
“เอายังงี้ คุณเดินไม่สะดวก ผมจะไปหาอะไรมาให้ทาน”
...ก็คนบอกว่าไม่หิว ทำไมท่านประธานชอบเอาแต่สั่ง ดื้อรั้นพอๆ กับคเชนทร์เลยนะเนี่ย...
“นั่งอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน” คราวนี้พฤศ 'สั่ง' อย่างชัดเจนแล้วลุกขึ้น เดินจากไปช้าๆ กายมองตามแล้วอดบ่นพึมพำไม่ได้
“ขาเป็นแบบนี้จะให้ไปไหนล่ะท่าน”
*** พัก *** ยังไม่จบบท ***คนเขียนเหนื่อยพิมพ์
***
ต่อครับ (อิ อิ โทษที คนเขียนชักจะเบลอ)
“ขาเป็นแบบนี้จะให้ไปไหนล่ะท่าน”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคเชนทร์ก็มาถึงโรงพยาบาล พฤศกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ใกล้กับหน้าต่าง คเชนทร์โบกมือให้พฤศแล้วเดินเข้ามาหากายซึ่งยื่นโทรศัพท์ให้ทันทีที่คเชนทร์นั่งลงข้างๆ
“วันนี้ผมยุ่งมาก” คเชนทร์พูด “พอเสร็จงานก็นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ ”
“ท่านประธานคงยุ่งเหมือนกันใช่ไหมครับ แต่ต้องมาช่วยผม”
“ผมเลยต้องยุ่งเป็นสองเท่าไงล่ะ” คเชนทร์หัวเราะ “แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมมาถึงแล้ว จะได้ให้เขาไปทำงานต่อ”
“เย็นแล้วนะครับ”
“ผู้บริหารไม่มีกำหนดเวลาทำงานแน่นอนหรอกครับ ถ้ามีงานก็ต้องทำ”
“แล้วตอนนี้ยังมีงานหรือครับ” กายถาม
“ไม่มี” คเชนทร์ส่ายหน้า “แต่ผมจะให้เขาไป”
พฤศเดินเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งสอง คเชนทร์กล่าวขอบใจที่ช่วยเหลือกายและเพื่อน พฤศตอบว่าไม่เป็นไรและยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ คเชนทร์รีบพูดขึ้นมาว่า
“นายมีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ไม่มี”
“อ้าว นึกว่ามี” คเชนทร์เลิกคิ้ว “ตอนนี้เรามาถึงแล้ว คงไม่รบกวนอะไรนายอีก”
“ได้” พฤศตอบเบาๆ หันไปมองกายแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าให้ก่อนจะเดินจากไปช้าๆ คเชนทร์มองตาม กายถอนหายใจเบาๆ อีกครั้งคเชนทร์จึงหันมาถาม
“ห่วงเขามากหรือกาย”
“โธ่ ก็ห่วงสิครับ เชิงชายเขาเป็นลูคีเมียนะครับคุณคเชนทร์”
“เคนนี่” คเชนทร์รีบพูด “เมื่อไหร่จะเรียกผมแบบสนิทกันซะที เลิกเรียกผมว่าคุณคเชนทร์ซะที แบบนั้นเรียกพฤศดีกว่า”
“มันยังรู้สึกกระดากปากอยู่นี่นา”
“เรียกบ่อยๆ เข้าเดี๋ยวก็ชิน” คเชนทร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า “กาย บอกผมได้ไหมว่าเขาเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ผมจะได้สบายใจ”
“ผมกับเชิงชายไม่ได้มีอะไรกันครับ เรารู้จักกันมานาน ทำงานบริษัททัวร์ด้วยกันมาตั้งหลายปี”
“เขาหลงรักคุณเหมือนผมหรือคนอื่นๆ หรือเปล่า” คเชนทร์ถามตรงๆ
“เอ่อ...” กายอ้ำอึ้ง
“คุณไม่ได้เลือกเขาใช่ไหมกาย”
“อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้ไหมครับ” กายก้มหน้า
“ได้” คเชนทร์ตอบแล้วก้มลงมองกล่องผลไม้และของว่างที่วางอยู่บนเก้าอี้ถัดไป “นี่หรือที่พฤศไปหามาให้คุณทาน”
“ครับ”
“ช่างทำเป็นนะ” คเชนทร์หัวเราะเบาๆ
“หมายความว่ายังไงครับ” กายถาม
“ก็หมายความว่า ปกติพฤศเขาไม่ทำอะไรแบบนี้นะสิ” คเชนทร์ยังคงก้มมองกล่องผลไม้
“งั้นหรือครับ”
“คุณคิดยังไงกับพฤศ” คเชนทร์ถามขึ้นหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง
“เปล่านี่ครับ”
“ความจริงพฤศก็เป็นคนนิสัยดี น่าคบ และอ่อนโยนก็เป็น ไม่ได้ดุและเย็นชาแบบที่คนทั่วๆ ไปเห็นหรอก นั่นเป็นเพราะเขาพยายามทำตัวให้เป็นแบบนั้นต่างหาก”
“คุณมาบอกผมทำไม” กายพึมพำเบาๆ และมองไปทางอื่น
“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกให้คุณรู้ไว้” คเชนทร์ยักไหล่ “และที่สำคัญ พฤศเป็นลูกผู้ชาย พูดคำไหนเป็นคำนั้น ไว้ใจได้ ผมรู้จักกับเขามานาน”
“แต่ท่าทางเขาไม่ค่อยชอบหน้าผม ตอนทำงานที่บริษัทก็แสดงออกชัดเจน”
“ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน คุณไม่ใช่กายคนเดิมที่ทำงานเป็นล่ามและนักแปลแล้ว” คเชนทร์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้และยกขวาขึ้นไขว่ห้าง “พฤศเขามองคุณต่างไป”
“หมายความว่ายังไงครับ” กายหันไปถามคเชนทร์
“จำได้ไหม คุณเคยบ่นว่าพฤศมีอคติต่อคุณ” คเชนทร์หันมาสบตากับกาย “แต่ตอนนี้เขาไม่คิดแบบนั้นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขารู้ว่าคุณเป็นคนที่ผมรัก”
“เขารู้...”
“ผมบอกเขาแล้ว” คเชนทร์ยิ้มมุมปาก “ผมแสดงจุดยืนของผมอย่างชัดเจน”
“แล้วท่านประธานมาเกี่ยวอะไรด้วยครับ” กายอยากรู้
“คงจะ...” คเชนทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง กรอกตาไปมาแล้วพูดต่อว่า “เตรียมตัวเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายผมมั๊ง”
“คุณคเชนทร์” กายเรียกคเชนทร์เสียงเข้ม
“เคนนี่ บอกว่าชื่อเคนนี่ เมื่อไหร่จะเรียกผมว่าเคนนี่ซะทีล่ะที่รัก”
“คุณคเชนทร์” กายเน้นเสียง
“เคนนี่” คเชนทร์พูดสวน “เคนนี่ที่รัก”
“ใครเป็นที่รักคุณ”
“ก็ใครล่ะที่ผมรัก” คเชนทร์เอียงหน้ามาใกล้กาย “แล้วคุณก็เริ่มรักผมได้แล้ว อีกไม่นานก็วันเกิดผม ผมอยากได้ของขวัญพิเศษ”
::: End of Chapter 56 :::