เดือนหน้าเจอกันครับ
รอกายกลับจากเมกาก่อน
ฮ่า ฮ่า
แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกคราบ ความจริงไม่ค่อยชอบทำให้ใครอารมค้างหรอกนะแต่ที่ช้าเพราะมีเหตผลหลายอย่างอ่ะแต่ต่อจากนี้ไปก็จะเร็วขึ้นแล้วครับ เพราะเรื่องมันกำลังจะเข้มข้น มาถึงครึ่งเรื่องแล้วครับ คราวนี้เรื่องจะไปแบบไวๆแล้วนะ เรื่องนี้รับรองว่าเลือดทะลักเอาคอหอยของอีตาคฑาวุธเป็นประกันได้เลย
Guy Chapter 26
วันทำงานที่น่าเบื่อกำลังจะผ่านไปได้ครึ่งวัน ความจริงกายน่าจะดีใจที่ไม่มีงานมอบหมายยากๆ ให้ทำแข่งกับเวลา แต่ครั้นพอมีงานแปลเอกสารจากแผนกกฏหมายเพียงสิบหน้าโดยมีกำหนดส่งงานก่อนเวลาเลิกงาน กายกลับรู้สึกเบื่อเพราะเป็นงานที่ง่ายเกินไป เขาทำงานใกล้จะเสร็จแล้วทั้งที่ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง ดังนั้น จึงตั้งใจว่าจะกลับมาทำงานแปลที่เหลืออีกสองหน้ากระดาษให้เสร็จหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน
กายรู้สึกแปลกใจ ถึงเวลาพักแล้วแต่พนักงานส่วนมากยังคงนั่งทำงานกันอยู่อย่างเคร่งเครียด
...สงสัยโดนท่านประธานแกล้งให้ทำงานด่วน...
...ไม่ใช่หรอก ถ้าจะโดนแกล้งก็คงมีแต่ไอ้กายนี่ล่ะ แล้ววันนี้ไม่มีงาน 'หิน' ให้ทำก็อาจจะเรียกว่าโดนแกล้งก็ได้ ท่านประธานคงตั้งใจทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่สำคัญ ทำแต่งานแปลง่ายๆ เสร็จแล้วก็นั่งหายใจทิ้งเฉยๆ รองานชิ้นต่อไป...
กายยักไหล่ สลัดความคิดเรื่องโดนแกล้งออกไปแล้วเปลี่ยนเส้นทางเดินอ้อมไปอีกด้านเพื่อจะเดินผ่านห้องทำงานของคเชนทร์ เขาอยากจะรู้ว่า หากเจ้านายไม่อยู่ เลขานุการจะนั่งเฝ้าหน้าห้องไม่ยอมลุกไปไหนหรือไม่
ผิดคาด กายเห็นชนกอยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางกำลังงานยุ่งเพราะขมวดคิ้ว มือซ้ายเกาศรีษะอย่างหงุดหงิด ก่อนจะค้นหาอะไรบางอย่างจากกองเอกสารบนโต๊ะทำงาน
...นึกจะเป็นแบบแมวไม่อยู่หนูร่าเริง แต่คุณชนกนี่เฝ้าหน้าห้องเจ้านายไม่ไปไหนเลย เหมือนยักษ์วัดโพธิ์ผนึกกำลังกับยักษ์วัดแจ้ง กลายเป็นยักษ์ขมูขีเฝ้าห้องทำงานของเจ้านาย...
กายอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับความคิดของตัวเอง แต่ทันใดนั้นก็ต้องหยุดชะงักเพราะเกือบชนกับใครคนหนึ่ง ผู้ชายร่่างสูงโปร่งคนนั้นก็ชะงักเช่นกัน ชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีสวมเสื้อเชิ้ทลายทางสีฟ้าสลับขาว กางเกงพอดีตัวสีดำ มาดเนี้ยบเหมือนนายแบบ
กายรู้นึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้จึงพยายามคิดว่าเคยเห็นหน้าชายหนุ่มคนนี้มาก่อนหรือไม่ ฝ่ายนั้นก็คงจะรู้สึกเหมือนกันเพราะจ้องหน้ากายพร้อมกับหรี่ตา แต่ไม่นานก็เบิกตากว้างและพูดว่า
“คุณนั่นเอง ใช่แล้ว ใช่จริงๆ ด้วย คุณนั่นเอง คุณมาทำอะไรอยู่หน้าห้องทำงานเคนนี่”
...เคนนี่...คเชณทร์...
“ผมทำงานที่นี่” กายตอบเบาๆ
“อ๋อ...” ชายหนุ่มมาดเท่กอดอก เอียงหน้ามองกายอยู่ชั่วอึดใจแล้วพูดลากเสียงยาว “เข้าใจแล้้ว อย่างนี้นี่เอง มิน่า”
“อะไรครับ” กายเลิกคิ้ว
“แต่อย่าคิดนะว่าเรื่องมันจะผ่านไปเฉยๆ ใครทำอะไรไว้เดี๋ยวก็ได้เห็นดีกัน ประวัติศาสตร์มันมักจะซ้ำรอย” ชายหนุ่มมาดเนี้ยบจ้องหน้ากาย สายตาไม่เป็นมิตร “เคนนี่มีเจ้าของแล้ว รู้ไว้ซะด้วย อย่าใช้วิธีสกปรกแบบนั้นอีก อย่าเข้ามายุ่งกับเคนนี่ อย่า แม้ แต่ จะ คิด”
“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร” กายส่ายหน้าแล้วเดินเลี่ยงไปเพราะไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด ผู้ชายคนนี้ไม่เป็นมิตรและท่าทางเป็นคนอารมณ์ร้าย ที่สำคัญ เขาไม่อยากจะมีเรื่องกับคนแบบนี้ในสถานที่ทำงาน
“สำส่อน”
กายหันไปมองด้านหลังแวบหนึ่งเพราะได้ยินชายหนุ่มคนนั้นด่าเบาๆ แต่คนที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของรองประธานบริษัทผลักประตูเข้าไปในออฟฟิสเสียแล้วพร้อมกับพูดเสียงดังฟังชัด
“คุณชนก ผมมาหาเคนนี่ ว่างหรือเปล่่า”
“เคนนี่ไม่อยู่ ไปต่างประเทศ” เสียงชนกตอบ
“อ้าว ไปต่างประเทศ ทำไมผมไม่รู้” ชายหนุ่มที่มาพบคเชนทร์อุทานด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“คุณต้องรู้ด้วยหรือ” ชนกตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของกาย เขาอยากจะหยุดเดินแล้วฟังชายหนุ่มสองซึ่งเขาคิดว่าคงกำลังจะเปิดฉากปะทะคารมกันแบบไม่มีใครยอมใคร
...เผลอๆ อาจจะได้ดูผู้ชายตบกัน ระหว่างเลขาหวงเจ้านาย กับ 'เจ้าของ' ของเจ้านาย...
แต่ความคิดนั้นก็แวบหายไป กายคิดว่าจะรีบทานอาหารกลางวันแล้วกลับมาทำงานให้เสร็จดีกว่าเพื่อที่จะมีเวลาในตอนบ่ายเหลือเยอะๆ
...เผื่อจะโดนแกล้งให้แปลงานด่วน...
คนในร้านอาหารค่อนข้างบางตาต่างจากทุกวันซึ่งมักจะเต็มทุกโต๊ะ กายกำลังตักอาหารช้อนแรกเข้าปากแต่ก็ต้องชะงัก อ้าปากค้าง ตาโต
“คุณทหารเมฆ” กายพึมพำแล้ววางช้อนลง
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” นาวาอากาศตรีเมฆยิ้มกว้าง นั่งลงตรงข้ามกาย
“มาได้ยังไงครับ” กายถาม
“ผมมาธุระครับผม”
“อ๋อ...” กายพนักหน้าทั้งที่ไม่เข้าใจว่านาวาอากาศตรีเมฆในชุดเครื่องแบบเต็มยศจะมาทำธุระอะไรที่อาคารสำนักงานกลางกรุงแห่งนี้
“ผมเห็นคุณกายตั้งแต่ออกจากลิฟท์แล้วครับ เลยรีบเดินตาม คุณกายเดินเร็วเหมือนกันนะครับผม พักกลางวันหนึ่งชั่วโมงไม่ใช่หรือครับ ร้านอาหารก็อยู่ชั้นหนึ่งของตึก ทำไมดูเร่งรีบครับผม”
“งานเยอะครับ” กายโกหก
“ว้า เสียดายจัง นึกว่าจะได้คุยกับคุณกายนานๆ” เมฆทำหน้าเสียดาย
“ก็คุยได้ครับ ไม่ได้รีบจนไม่มีเวลาจะคุยหรอกครับ” กายยิ้มบางๆ “ว่าแต่ว่า มาธุระอะไรที่นี่หรือครับ”
“เรื่อง F-35 ครับผม เอาพาสปอร์ตมาให้ทำบริษัทคุณกายทำวีซ่า” นาวาอากาศตรีเมฆตอบ ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มราวกับมีความสุขยิ่งนัก “ผมตื่นเต้นมากครับผมที่จะได้ไปทดลองขับ F-35”
“ผมก็ตื่นเต้นที่จะได้ไปเป็นล่าม” กายพูดเบาๆ แล้วตักอาหารเข้าปากและเคี้ยวช้าๆ
“ผมนับวันรอให้ถึงวันเดินทางจนแทบจะทนไม่ไหวแล้วครับผม” นายทหารหนุ่มพูดช้าเนิบนาย นัยน์ตาพราวระยับเมื่อมองชายหนุ่มในชุดพนักงานออฟฟิสที่นั่งอยู่ตรงหน้า “เหลือเวลาอีก 21 วัน”
“จำได้แม่นขนาดนั้นเลยหรือครับ” กายพึมพำแล้วเปลี่ยงเรื่อง “อ้อ คุณเมฆจะทานอะไรดีครับ หิวหรือยัง”
“ผมคิดถึงคุณมาก” นายทหารหนุ่มพูดสวนกลับมา ใบหน้าเรียบนิ่ง เคร่งขรึม น้ำเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่น
“หือ” กายทำเสียงในลำคอ
“ตั้งแต่กลับจากไปเที่ยวทะเลคราวโน้นเราก็ห่างกัน คุณกายคงไม่ได้กำลังหลบหน้าผมนะครับ”
“เปล่านี่ครับ” กายส่ายหน้า
“เรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้คิดว่าเป็นการสนุกกันเล่นเฉยๆ นะครับผม ไม่ใช่ว่ามีอะไรกันไม่กี่ครั้ง เสร็จแล้วต่างก็ต่างไป”
...ตายล่ะหว่า เอาไงดีเนี่ย จะมาทำแบบว่า 'คุณครับ ผมได้เสียกับคุณแล้ว ผมพร้อมจะรับผิดชอบ' เลยหรือ...
...อย่าบอกนะว่าคุณทหารเมฆค่อนข้างหัวโบราณ รักจริงหวังแต่ง ขออยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า...
“เอ่อ...” กายไม่รู้จะพูดอะไร
“ผมอยากจะสานต่อความสัมพันธ์” นาวาอากาศตรีเมฆพูดต่อ
“สานต่อความสัมพันธ์” กายพึมพำ
“ผมอยากให้เราสองคนได้มีโอกาสเรียนรู้กัน”
“เรียนรู้กัน” กายทวนคำ
“ผมชอบคุณมากนะครับผม ผมมั่นใจว่า ถ้าเราได้...”
“เอ่อ เดี๋ยวครับเดี๋ยว” กายเริ่มจะตั้งสติได้ “คุณเมฆครับ ที่พูดอย่างนี้หมายความว่าจะจีบผมหรือครับ”
“ใช่ครับผม” น.ต. เมฆพยักหน้า
“เอางั้นเลยหรือ ทำไมเร็วอย่างนี้” กายพึมพำเบาๆ
“คุณกายคงไม่มีใครอยู่ใช่ไหมครับผม ผมอยากให้พิจารณาผมได้ไหมครับ ผมโสดมานานแล้ว คิดว่าน่าจะถึงเวลามีคู่ อายุผมก็ไม่น้อย ผมไม่อยากปล่อยเวลาให้ผ่านไป ผมไตร่ตรองดูแล้้ว เวลาอยู่กับคุณกายผมมีความสุขมากครับผม และยิ่งเราได้มีอะไรกันแล้วก็ยิ่งจะเป็นหลักประกันได้ด”
“หลักประกันงั้นหรือครับ เกี่ยวอะไรด้วย” กายถาม
“ผมขอยอมรับตรงๆ นะครับผม” น.ต. เมฆพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง หนักแหน่งแบบทหาร “ผมเองก็เคยผ่านใครมาบ้าง แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะทำให้ผมนั่งคิดนอนคิด อาลัยอาวรณ์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเราสองคน ทำยังไงผมก็ลืมเรื่องที่ชายหาดเย็นวันนั้นไม่ลง ไหนจะเรื่องที่โรงแรมและเรื่องในรถ มันติดตาผม มันค้างอยู่ในใจ ผ่านมาหลายวัน ผมเลยตัดสินใจว่า เอาล่ะ เดินหน้าลุยเลย”
“จะลุยเลยหรือ” กายทำหน้าเหรอหรา
“ให้โอกาสผมนะครับ คุณกายจะไม่ผิดหวังในตัวผมแน่นอนครับผม” น.ต. เมฆยื่นมือออกมา ทำท่าจะคว้ามือกายไปกุมไว้ แต่กลับวางมือบนโต๊ะแล้วเคาะเบาๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “ผมเป็นคนจริงจัง ทำอะไรก็ทุ่มสุดตัว และไม่เคยท้อแม้แต่นิดเดียว”
นรธีร์ถือโอกาสขณะที่กายกำลังนั่งเหม่อ หยิบสมุดรายงานผลตรวจสุขภาพประจำปีของเพื่อนรุ่นน้องออกมาดู เขาแอบเห็นกายสอดสมุดเล็กๆ เล่มนี้ไว้ในนิตยสาร National Geographic ทำให้รู้สึกสงสัยว่าเพื่อนรุ่นน้องของเขาอาจกำลังกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องผลตรวจสุขภาพเพราะกายทำท่าทางเหม่อลอยจนน่่าแปลกใจ
“กาย ทานอะไรดี” นรธีร์ถามขึ้นมาเบาๆ พลางพลิกดูสมุดตรวจสุขภาพของกายทีละหน้า
“อะไรก็ได้” กายตอบพึมพำ
“เอาอะไรเปรี้ยวๆ หวานๆ นะ” นรธีร์ถามอีก
“อือ” กายพยักหน้าช้าๆ สายตายังคงมองออกไปนอกร้านอาหาร ทำให้นรธีร์ยิ่งมั่นใจว่าเพื่อนรุ่นน้องซึ่งรู้จักกันมานานกำลังหนักใจกับเรื่องบางเรื่องอย่ามากเพราะรู้ดีว่ากายไม่ชอบทานอาหารรสเปรี้ยวหรือรสหวาน
...มันก็สุขภาพดีนี่นา ผลตรวจทุกอย่างก็โอเ้ค ถ้ามันไม่กังวลเรื่องสุขภาพแล้วจะมีเรื่องอะไร...
...หรือว่าเรื่องรัก เหม่อแบบนี้ต้องเรื่องความรักแน่ๆ...
“ไอ้ชายมันบ่นคิดถึงแกจนเบื่อจะฟังอยู่แล้ว มันจะเป็นจะตายเข้าทุกวัน รู้จักกันมานาน ไม่รู้ยังไง อยู่ดีๆ ก็ทำแบบว่า ชีวิตนี้ขาดกายไม่ได้ซะยังงั้น รู้หรือเปล่า มันกำลังอดมือกินมื้อ เก็บเงินจะซื้อบ้าน บอกว่าจะเอาไว้อยู่กับกาย”
“เหรอ” กายพูดเบาๆ
“เป็นเอามาก” นรธีร์พึมพำ
“ใช่ ชายมันบ้า” กายตอบเสียงเนือยๆ
...ฉันว่าแกต่างหาก เป็นเอามาก แบบนี้ทนไม่ไหว ต้องขอเสือกเรื่องของพวกแกซะหน่อย สองคนนี้เมื่อไหร่มันจะเอากันซะที รำคาญฉิบหาย ไอ้กายก็ทำตัวเป็นโคตรหล่อเลือกได้แต่ไม่ยอมเลือกอยู่นั่นล่ะ ส่วนไอ้เชิงชายก็จะเอาอยู่แต่คนเดียว คนอื่นมีเป็นร้อยเป็นพันไม่ยอมหันไปมอง...
...มอมยาอีแล้วจับมันนอนด้วยกันเลยดีไหมวะ...
บทที่26ยังมะจบนะคับแต่ง่วงแล้วอ่ะ ขอไปนอนก่อนนะ ตั้งสี่ทุ่มสิบห้าแล้ว ต้องตื่นแต่เช้าเช่นเคยเพราะต้องพาน้องหมาออกไปเดินออกกรรมลังกาย ราตรีสวาทครับผม