ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้ก้องภพไม่กล้าขยับตัวก้าวเข้าไปหาเพื่อน ก็บรรยากาศมันเหมือนคู่รักไม่มีผิด มันอะไรกันวะเนี่ย ไอ้นัสมันผู้ชาย คุณหินก็ผู้ชาย แล้วทำไมมาจับมือถือแขนดูดเลียกันแบบนั้นละ
ก้องภพยืนตะลึงมองอย่างเงียบๆ ชั่วครู่ สิ่งที่เห็นไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นๆได้เลย นอกจากคนรักกัน มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง ไอ้นัส!
ร่างผอมบางคิดจะก้าวเท้าเข้าไปหาเพื่อนถ้าไม่มีมือๆหนึ่ง มาตะปบลงบนบ่าซะก่อน ก้องภพสะดุ้งแล้วจึงหันกลับไปมองข้างหลังก็พบภาคภูมิยืนอยู่ ใบหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ
“นายเห็นรึเปล่า” ร่างเล็กถามคนข้างหลังลืมความเป็นอริไปชั่วขณะ เพื่อจะขอคำยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป
ภาคภูมิพยักหน้าตอบรับช้าๆ ยืนยันในสิ่งที่ก้องภพเห็น ก็เดินตามหลังเข้ามา เห็นเจ้านี่ยืนแข็งเป็นหุ่น พอเหลือบมองตรงเข้าไปในครัวตามสายตาคนตัวเล็ก ก็เห็นฉากเด็ดที่ทำให้เจ้าหนูนี่ยืนตะลึงงงอยู่นี่ไง
ที่นี่รู้แล้วละสิ ภาคภูมินึกขำในใจ
“พะ..............เพื่อน...........” ก่อนก้องภพจะได้ส่งเสียงถามอะไรออกไปให้คนในครัวได้ยิน ภาคภูมิก็ล๊อกคอลากเจ้าตัวยุ่งเดินออกไปหน้าบ้านเสียก่อนที่วงจะแตก
“เพื่อนนายเป็นเกย์?” พอถึงหน้าบ้านก้องภพก็สลัดตัวออกจากการยึดจับ แล้วทำหน้าเครียดใส่ร่างสูง
“เปล่า” ร่างสูงยกยิ้มบางๆมองคนตัวเล็กชักดิ้นชักงอเป็นใส้เดือนถูกน้ำร้อน
“แต่ที่เห็นเมื่อกี้......................แล้วคุณหินก็มีลูกแล้วด้วยอะ” ก้องภพทำหน้าสับสนวุ่นวายใจเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก จนภาคภูมิอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้งจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบเหมือนจะปลอบให้อีกฝ่ายปลงเสียเถอะ
“ความรักมันไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพศใดเพศหนึ่งหรอกนะ” พูดออกไปยังไม่ทันจบประโยค เจ้าเด็กไร้มารยาทก็ทำตาโตเท่าไข่ห่านอีกรอบ ก่อนจะขึ้นเสียงดังลั่น
“ก็โฮโมนั้นละ!”
“แล้วไงละ ถ้าเพื่อนนายโอเค ก็ไม่มีปัญหาไม่ใช้รึงัย”
“ห๊า!”
ไอ้บ้า! เพื่อนฉันไม่ใช่เกย์นะโว้ย ก้องภพคิดอย่างเดือดดาล ฉันจะไปถามไอ้นัสให้รู้เรื่องกันไปเลย แกนะแก พูดออกไม่ได้
ก่อนจะได้พาตัวเองเข้าไปถามหาความจริงกับเพื่อน ก็ถูกร่างสูงคว้าตัวไว้ แล้วลากไปยัดใส่รถที่จอดรอรับพวกเขาไปส่งที่ท่ารถในตัวเมืองชุมพร จากนั้นภาคภูมิก็สั่งให้คนขับสตาร์ทรถออกเดินทางทันที พลางเหลียวมาตะโกนบอกลาเจ้าของบ้านโหวกเหวกแล้วจากไปด้วยความรวดเร็ว ไม่ทันให้คนที่ยังตั้งตัวไม่ติดอย่างก้องภพได้กระโดดกลับลงมา ส่วนคนในบ้านเมื่อได้ยินเสียงภาคภูมิ
ตะโกนบอกลาก็ได้แต่มองตากันปริบๆ แล้วรีบเดินออกมาดู ก็เห็นแต่ท้ายรถไหวๆพร้อมฝุ่นควันจางๆ
“อะไรของเขากันน่ะ” ภูผาและวนัสพึมพำออกมาพร้อมกัน
\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\
กว่าภาคภูมิจะถูลู่ถูกังลากก้องภพที่ดื้อแพ่งขึ้นรถทัวร์สำเร็จ ก็เล่นเอาเหงื่อตก จนเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากเมืองชุมพรไปไกลพอสมควรที่ร่างสูงคิดว่า เจ้าเด็กแสบนี่จะไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก จึงได้ปล่อยมือที่ยึดจับอีกฝ่ายไว้แน่นกันหนีออก
ร่างผอมบางรีบสะบัดมือหนีพลางหันหน้าเข้าหากระจกใสมองสองข้างทาง เพราะไม่อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายต่อไป ด้วยถูกภาคภูมิบังคับให้นั่งคู่กัน และอีกฝ่ายก็นั่งเก้าอี้ข้างทางเดินปิดกั้นทางหนีไว้ จึงได้แต่นั่งทำหน้าปั้นปึ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ถึงจะสาธยายความรู้สึกนึกคิดตอนนี้ได้หมด
“ช๊อกไปเลยเรอะ”
เสียงหัวเราะแบบถากถางทำให้ร่างบางหันขวับไปถลึงตาใส่คนนั่งข้างๆทันที
“ถ้าเพื่อนเป็นเกย์จะเลิกคบกับเพื่อนไปเลยรึไง” ภาคภูมิหันมองใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความกังวลเต็มตา
“พูดบ้าๆ เจ้านั้นจะเป็นยังไงก็ยังเป็นเพื่อนฉันวันยังค่ำ อย่ามาทำปากเสียนะ” ก้องภพตอบแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แล้วสะบัดหน้าหนีอีกฝ่ายแทบจะทันที เขาไม่อยากจะคุยกับไอ้บ้านี่อีกแม้แต่คำเดียว เพราะไอ้บ้านี่มันต้องรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแน่ๆ มีเขาที่โง่ดูไม่ออกอยู่คนเดียว โธ่เอ้ย! ไอ้นัสนะไอ้นัส
ก้องภพมองสีเขียวพร่าเลือนข้างทางเมื่อรถวิ่งผ่านอย่างรู้สึกหนักศีรษะ ถึงจะตกใจ แปลกใจ ไม่อยากเชื่อแค่ไหน แต่วนัสก็ยังเป็นเพื่อนเขาวันยังค่ำ
และนี่คือความรู้สึกเนื้อแท้ในใจเขา ถ้าเพื่อนมีความสุขเขาก็มีความสุข เพียงแต่เมื่อกี้มันตกใจเท่านั้นละ พอมีเวลาได้คิดทบทวนก็ทำให้เขาสงบใจได้มากขึ้น ดีแล้วที่เมื่อกี้ไม่โพงพางเข้าไปถามให้เพื่อนได้กระดาก จะว่าไปก็เพราะถูกเจ้าบ้านี่ลากออกมานั้นละ แต่ฉันไม่คิดขอบคุณหรอกนะ ว่าแต่เพื่อนเขาไปรักไปชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นเคยระแคะระคายมาก่อน คบกันมาตั้งนานก็รู้ว่าเจ้านัสมันไม่ใช่เกย์แน่นอน แล้วทำไมละ? ถูกบังคับรึเปล่าวะ เท่าที่มองก็คงไม่ใช่
รึเพราะคุณภูผา........................
คิดๆไปคุณภูผาก็เป็นคนดี มีน้ำใจ ไม่เจ้าชู้อีกต่างหาก แถมมีลูกไว้สืบสกุลเสร็จสรรพเรียบร้อย หน้าที่การงานตลอดจนถึงฐานะก็มั่งคง ไม่มีตรงไหนให้ตำหนิได้เลย แล้วถ้าพวกเขาทั้งคู่มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน คนอย่างเขาจะเอาเหตุผมอะไรไปห้ามละ เรื่องเพศนะหรือ.....................งี่เง่า
คนเราจะอยู่กับใครสักคนตลอดชีวิตได้ มันคงไม่กำหนดว่าต้องเป็นผู้หญิงกับผู้ชายเท่านั้น มันยังมีเหตุผลอื่นอีกมากมากก่ายกองที่จะทำให้คนเราอยู่ด้วยกันได้ เพราะฉะนั้นอย่าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาคิดขว้างให้เหนื่อยจะดีกว่า
ถ้าคุณภูผารักเพื่อนเขาจริง เขาก็ไม่คิดจะห้ามหรอก ถึงแม้จะรู้สึกพิกลอยู่ก็ตาม อีกทั้งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของวนัสเองด้วย ถ้าเพื่อนเขาเลือกทางนี้เขาก็ยอมรับ แต่เท่าที่ฟังจากปากเพื่อนเล่า คุณภูผาก็ดีกับเพื่อนเขามากแถมยังเผื่อแผ่มายังเขาด้วยอีกต่างหาก ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้คงไม่มาหลอกเพื่อนเขาหรอก
ถ้างั้นเขาควรจะรอ รอให้วนัสเป็นฝ่ายบอกเขาเองดีกว่า ถ้าพร้อม เพื่อนเขาต้องไม่คิดจะปิดบังกันแน่ๆ
เฮ้อ.......................เป็นคุณภูผาหรอกนะ ถึงได้วางใจ เมื่อคิดได้อย่างคนปลงตก ก้องภพก็เหลือบมองคนข้างๆที่นั่งหลับตากอดอกไว้เพียงหลวมๆ
ดีนะที่ไม่ใช่เจ้านี่ ไม่งั้นจะค้านให้หัวชนฝาเชียวละ
“มีอะไร” อยู่ๆคนที่หลับตานิ่ง จนก้องภพคิดว่าหลับไปแล้วลืมตาขึ้น ทำเอาร่างบางตั้งตัวไม่ติด เผลอทำหน้าเหวอๆออกไป
“ทำไม เกิดอาการรังเกียจเกย์ขึ้นมากะทันหันรึไง” ภาคภูมิเห็นคนตัวผอมทำหน้าพิกลจึงได้ถามแบบเสียดสีออกไป
“ถ้าเป็นเกย์ปากเสียอย่างนายก็คงงั้นละ” ไม่พูดเปล่า ก้องภพยังทำท่าขยับหนีจนชิดติดกระจกรถ จนภาคภูมิเกิดอาการอยากบีบคออีกฝ่ายขึ้นมา
“ตอนนายเกิด แม่นายเคยบอกนายบ้างมั้ยว่า เห็นผีแอบมาเจาะปากนายตอนหลับน่ะ”
“ปากนายสิ” ก้องภพต่อปากไม่ลดละให้อีกฝ่ายถลึงตามองอย่างไม่สนใจ
ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวถึงกรุงเทพก็ให้เดินกลับซะนี่ วอนซะแล้วเอ็ง
เพราะยิ่งพูดยิ่งทะเลาะกัน จนผู้โดยสารคนอื่นเริ่มหันมามองเป็นระยะๆ ทำให้ทั้งคู่ต่างหันหน้าหนี นั่งเงียบกันไปตลอด 7 ชั่วโมงที่เดินทางจนถึงกรุงเทพ
เมื่อสิ้นสุดระยะทางที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ก้องภพที่นั่งห้อยเท้ามาตลอดจนเลือดไหลเวียนไม่สะดวกทำให้ขาบวมขึ้นมาอีก เจ้าตัวจึงไม่สามารถทรงตัวเดินได้มั่งคงเมื่อลงจากรถทัวร์สองชั้น ทำให้ก้องภพต้องอาศัยยืมไหล่ของภาคภูมิเกาะลงจากรถอย่างเสียไม่ได้ และร่างสูงเองก็ทำหน้าเรียบเฉยประคองร่างผอมบางลงจากรถ โดยไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกมาให้ระคายหูคนตัวเล็กอย่างเคย
แปลก.................. ก้องภพเหลือบมองอีกฝ่ายที่เงียบไปอย่างผิดปกติ เหมือน.........เหมือนคนไม่มีหัวใจยังไงก็ไม่รู้
รถยนต์ยี่ห้อ AUDI สีดำวาวเคลื่อนเข้ามาใกล้เมื่อพวกเขาลงจากรถทัวร์มายืนคอยได้ไม่ถึงอึดใจ คนขับรถรูปร่างสูงผอมรีบลงมาคว้ากระเป๋าของภาคภูมิและก้องภพนำไปไว้ท้ายรถให้เสร็จสรรพ ส่วนผู้เป็นเจ้านายก็เปิดประตูหลังพยุงร่างผอมบางเข้าไปนั่ง ก่อนจะตามเข้าไปนั่งข้างๆภายหลัง
“ไปคอนโดฉันก่อน แล้วค่อยไปส่งเด็กนี่” ภาคภูมิสั่งคนขับรถตัวเองเสร็จสรรพ แล้วจึงนั่งปั้นหน้านิ่งเท้าค้างมองออกไปนอกตัวรถยังกับมาคนเดียว จนคนนั่งข้างๆอดนึกแขวะในใจไม่ได้
เก๊กชะมัด
ร่างสูงนั่งมองความอึกทึกคึกโครมในเมืองกรุงด้วยใจหดหู่ขึ้นมาอีกครั้ง เขาตั้งใจจะหนีจากเหตุการณ์เดิมๆสิ่งเดิมๆ จึงได้ไปหาภูผาที่ชุมพร และมันก็ช่วยให้เขาลืมความทุกข์โศกได้จริงๆ แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น พอกลับมาพบเจอสิ่งแวดล้อมเก่าๆ เขาก็เริ่มคิดถึงช่วงเวลาที่บั่นทอนจิตใจนั้นอีก มันยังเจ็บยอกในอกไม่หาย ไม่รักก็บอกกันสิ อย่าทำเหมือนเขาเป็นคนน่าสมเพชแบบนี้ ไม่อยากจะกลับมาเลย................... เปลี่ยนคอนโดใหม่ดีมั้ยนะ
ท่ามกลางความคิดคำนึง เสียงโทรศัพท์ของคนข้างๆก็ดังขึ้น ฉุดเรียกสติของภาคภูมิกลับมา
“อืม ถึงกรุงเทพแล้ว นี่กำลังอยู่บนรถเพื่อนคุณหินน่ะ อือ..........ไม่ต้องห่วง ถึงแล้วละ บาย” ร่างบางเก็บโทรศัพท์เข้าที่ ก็หันมองคนที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว
“นัสโทรมาเหรอ” ภาคภูมิถามเสียงเรียบ
“อือ” ก้องภพรับคำแบบสั้นกุด
รักกันดีจริงเพื่อนคู่นี้ ไม่เห็นไอ้หินมันจะห่วงเขาแบบนี้บ้างเลย ปานนี้มันคงเพลินกับน้องนัสอยู่ละมัง คิดแล้วก็อิจฉามันจริงๆ
ร่างสูงหน้าบึ้งโดยไม่รู้ตัว ทำให้ก้องภพฉงนกับอารมณ์แปรปรวนของอีกฝ่าย จนเผลอพึมพำสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเบาๆ
“ดีแล้ว ที่ไม่ใช่นาย”
เสียงคนผอมๆพึมพำ แต่อีกฝ่ายเกิดหูดีขึ้นมากะทันหันจนต้องเลิกคิ้วขึ้นถาม
“อะไรที่ว่า ดีแล้วของนายกัน”
“ก็ดีแล้วที่เป็นคุณภูผา ไม่ใช่นาย” ปากบางตอบกลับทันควันตามที่ใจคิด ยิ่งทำให้ภาคภูมิจ้องมองเขม่งยังใบหน้ากลมๆที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ด้วยความสงสัย
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องเพื่อนฉันไง ดีนะที่เจ้านัสมันมีใจให้กับคุณหินไม่ใช่นาย ไม่งั้นมันต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่” คนพูดยังเชิดคางใส่ร่างสูงราวกับมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างยิ่ง
แต่ร่างผอมๆจะรู้มั้ยว่า แค่คำพูดไม่คิดหน้าคิดหลังของตนจะไปกระทบใจพรุนๆของอีกฝ่าย ที่ยังไม่พร้อมจะรับการวิจารณ์ใดๆเข้าอย่างจัง
“แล้วฉันกับไอ้หินมันต่างกันตรงไหน ถึงเลือกฉันแล้วน้ำตาจะต้องเช็ดหัวเข่า” น่าแปลกที่คนพูดกลับสงบใจถามได้อย่างราบเรียบ..................ราวก่อนเกิดพายุ
TBC
มาต่อเเล้ว

ขอบคุณมากค่ะทุกท่าน น่ารักกันอีกเเย้ว

เดี๋ยวมาต่อให้พรุ่งนี้ค่ำๆ จะได้ไม่ค้าง