หลังจากไปแข่งโครงงานมาแล้วนะครับ โครงงานของเราได้รางวัลชมเชยมาหมดเลย ก็ดีใจครับถึงค่าตอบแทนจะไม่มากมายอะไร แต่เราก็ดีใจที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนและทำดีที่สุดแล้ว
ตอนนี้เข้าสู่เทอมที่2 แล้ว พวกเราก็กำลังเตรียมตัวหาที่เรียนกัน พี่ม.6 ก็ด้วยผมเลยอดไม่ค่อยได้เห็นพี่พลเลย (ว้า แย่จัง) ที่จริงแล้วเราไม่ค่อยได้เครียดเรื่องที่เรียนมากหรอกครับ ก็ส่วนใหญ่ก็จะต่อที่นี่กันหมดครับ มีไม่กี่คนที่จะย้ายไปเรียนวิทยาลัยอาชีวะ ส่วนมากเราให้ความสนใจกับการเขียนเฟรนด์ชิพมากกว่า
เช้าวันหนึ่ง คาบที่1และ2 ไม่มีเรียนก็เลยพากันไปนั่งที่สนาม คุยกันเรื่อยไปและก็เขียนเฟรนด์ชิพด้วย แล้วก็เกิดเรื่องขึ้น
“ไอ้เอก มึงว่าไง มึงจะไปกะกูไหม” ไอ้โจ้แหกปากพูดกะไอ้เอก
“กูยังไม่ได้คุยกะพ่อกูเลย” ไอ้เอกตอบแบบเซ็งๆ
“มึงละไอ้นัท จะไปไหม” ไอ้เอกย้อนถามไอ้นัทบ้าง
“กูคงไม่ได้ไปว๊ะ พ่อกูไม่ให้ไปโว้ย”นัททำหน้าเศร้าเล็กน้อย
“พวกมึงรีบตัดสินใจนะโว้ย กูจะได้บอกพ่อกู”ไอ้โจ้พูด
“มึงพูดเรื่องไรกันว๊ะ กูไม่เห็นรู้เรื่อง”ผมถามพวกมันครับ งงมาก
“ก็ไปเรียนต่อไงในเมืองไงมึง ไม่รู้เหรอ”ไอ้โจ้ตอบผม
“เหรอ”ผมตอบได้แค่นั้นจริงๆครับ
ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรครับ เหมือนจะโกรธแต่ก็ไม่ใช่มั้ง ผมรู้สึกสับสน ในหัวมันมืดไปหมด ไม่อยากรับรู้ ไม่ได้อยากได้ยิน พวกมันจะไม่เรียนต่อที่นี่เหรอ งั้นผมกะไอ้เอกก็ต้องห่างกันอะดิ ผมทำใจไม่ได้เพราะผมไม่เคยคิดเรื่องนี้ครับ เท่านั้นแหละน้ำตาผมก็ไหล รีบวิ่งไปห้องน้ำ ไม่อยากให้เพื่อนผิดสังเกต วันนั้นผมเลยแกล้งป่วยไม่ขึ้นเรียน นอนอยู่ที่ห้องพยาบาล
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ค่อยพูดกะไอ้เอกเท่าไหร่ พยายามหลบหน้ามัน ผมคิดดูแล้วผมไม่ได้โกรธมันหรอกครับคงแค่น้อยใจมันเท่านั้น ก็คบกันมาตั้งนาน แค่เรื่องที่มันจะไปเรียนต่อที่ใหนมันยังไม่เคยคุยกะผมเลย ถ้ามันบอกกะผมซักนิด ปรึกษาผมซักหน่อยผมก็คงไม่ทำอย่างนี้หรอก
“ทำไมมึงต้องหลบหน้ากูด้วย” มาแล้วครับไอ้เอกเล่นกูแบบจู่โจมเลยนะมึง
“ใครหลบหน้ามึงมิทราบ”ผมเลยกวนมันไป
“สุนัขบางตัวมั้ง”ดูมันพูดดิ กูก็ขึ้นดิคราวนี้
“รู้ว่าเป็นสุนัข มึงจะยืนเห่ากะมันทำไม”ผมพูดพร้อมกำลังจะเดินหนีแต่มันก็ดึงกระเป๋าผมไว้
“เดี๋ยว มึงต้องคุยกะกูให้รู้เรื่องก่อน มึงโกรธอะไรกู”มันไม่ยอมให้ผมไป
“กูไม่มีอะไรจะคุยกะมึง หลีกกูจะไปห้องสมุด”
“ถ้ากูไม่รู้สาเหตุที่มึงเป็นแบบนี้ กูไม่ให้มึงไปหรอก”มันยังไม่ยอมครับ
“มึงสนใจกูด้วยเหรอ”
“ทำไมกูจะไม่สนหละ มึงเพื่อนกูนะ”
“เพื่อนเหรอ ฮะ...กะอีแค่มึงจะไปเรียนต่อที่ไหนกูยังไม่รู้เลย”
“อ๋อ ที่แท้ก็เรื่องนี้เองใช่ไหม ก็มันยังไม่แน่ใจนี่หว่าใครจะกล้าบอก”
“แล้วมึงจะรอให้ย้ายก่อนหรือไง มึงถึงจะบอกกูหนะ”
“กูกำลังจะบอกมึงไง รอมันชัวร์กว่านี้ก่อนดิ เอาเป็นว่ากูขอโทษละกันนะ”
“ไม่รู้โว้ย อยากทำไรก็เชิญ ใครจะไปที่ไหนก็ช่าง กูจะเรียนที่นี่”
ผมก็กระชากกระเป๋าคืน แล้วเดินออกมาโดยไม่สนใจมันอีกเลย
นี่ก็ผ่านมา 2 อาทิตย์แล้วซินะที่ไม่ยอมคุยกะไอ้เอก เพื่อนมันก็แปลกใจว่าทำไมผมกะเอกไม่คุยกัน ผมก็ว่าไม่มีอะไร ปฏิเสธไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุดๆไอ้เอกมันก็ทนไม่ได้ มันก็เลยต้องมาง้อผม
“ที มึงอยู่อะเปล่า”มันมาตะโกนเรียกผมครับ
“มึงมาทำไม”ตอนนั้นผมเฝ้าร้านให้แม่
“เอ่อ...มึงจะเรียนสายไรว๊ะ”มันถาม
เกี่ยวไรกะมึง ผมไม่คุยกะมันดีหรอก
“เอ่อน่า บอกกูหน่อย”มันดูจริงจังขึ้น
“วิทย์-คณิต มีไร”
“โห..จะเรียนไหวเหรอว๊ะ”อ้าวไอ้นี่เรื่องไรมาดูถูกกู ไม่ไหวแล้วครับโมโหแล้ว
“แล้วไปหนักส่วนไหนของมึงหะ มึงไปไกลๆเลยนะก่อนที่มึงจะโดนตีนกู ไป๊”ผมตะโกนไล่มัน
“เดี๋ยว มึงฟังกูก่อนดิ กูไม่ได้หมายถึงมึง กูหมายถึงกูจะเรียนไหวไหมเนี่ย”
“หะ หมายความว่าไง มันไปเกี่ยวไรกะมึง”งงดิครับ
“ก็พ่อกูให้กูเรียนที่นี่ ไม่ให้ไปต่อในเมือง เค้าเป็นห่วงกู”
“จริงเหรอ” ออกดีใจเล็กน้อย อิอิ
“ก็จริงดิว๊ะ”แล้วผมก็ยิ้มครับ
“ยิ้มไรว๊ะ” มันถามครับ
“ไม่มีไร”แฮ่ๆ กูจะบอกได้ไงว่ากูดีใจที่มึงจะอยู่กะกู
จากวันนั้นผมกะไอ้เอกก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิมครับ
