Rrrrrrrrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำเอามือที่กำลังปลดเซพขึ้นไกเตรียมบุกอีกครั้งชะงัก คาร์เนโร่ขมวดคิ้ว เขาครางในลำคอเบาๆเมื่อได้เสียงร้องของโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าซ้าย นัยน์ตาสีเขียวสดจ้องมองรอบกายที่ยังคงมีเพียงความมืดสลัวสลับกับเงาของพรรณไม้ที่โชยพัดตามลม ก่อนจะมองไปด้านหน้าที่ผู้เป็นพี่กำลังเตรียมแยกออกไปอ้อมด้านข้างของคฤหาสถ์
คาร์เนโร่มองดูจอ มันขึ้นชื่อว่า
" Clark Rozenberg " นึกถึงคำพูดของพี่ชายเรื่องการส่งข่าวขึ้นมาได้ คาร์โลร้องเรียกคนที่เดินนำไปเบาๆให้ฝ่ายนั้นหันมาหา เขายื่นโทรศัพท์ให้ มองสีหน้าสงสัยของเล็กซิสเพียงแว๊บเดียว พอฝ่ายนั้นมองหน้าจอก็กดรับ พร้อมกับหมอบตัวราบลงกับพื้น ให้เขารีบไปฟังใกล้ๆเพราะอยากรู้ข่าวของน้องชายไม่แพ้กัน
" ว่าไงครับ? "
"...เจอตัวแล้ว " นั่นคงเป็นข่าวดี พี่ชายจึงมองหน้าเขาแล้วพยักหน้าด้วยท่าทีเเช่มชื่นขึ้น คาร์โลจึงยิ้มรับอย่างคนมีกำลังใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ
"..แล้ว...จะกลับมาเมื่อไหร่? " อเล็กซิสอยากให้น้องชายกลับมาให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากจะเสี่ยงโชคกับการเฝ้าฝันเชื่อถือเรื่องข้อตกลงของตนกับกลุ่มคนที่ไม่เคยเห็นชื่อ และอารมณ์ขึ้นๆลงๆของน้องชายอีกแล้ว
"..........." ทว่า....ปลายสายกลับเงียบกริบ..
" คุณอา...รีบหน่อย ตอนนี้ผมกำลังบุก ไม่มีเวลามากนะ ! " อเล็กซิสกระซิบบอกอย่างเร่งร้อน เผื่ออีกฝ่ายมีปัญหา เขาจะได้รีบคุยและตกลงกันให้จบๆเสียที
"...แกให้เวลาได้มากแค่ไหน ? "คลาร์ก โรเซนเบิร์กถามออกมาเบาๆ หลังจากนิ่งฟังเสียงร้อนรนของหลานชายจากปลายสาย..
" อะไร? " อเล็กซิสขมวดคิ้ว สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดเมื่อแว่วเสียงปืนและเสียงเอะอะโวยวายที่ชวนให้หัวใจเต้นระทึกหวาดหวั่น
" ...ให้เวลากับน้องชายแกในการ"จัดการ"ตัวเอง ได้แค่ไหน อเล็กซิส "
" ....หมะ...."
" ...อย่าเพิ่งถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น เอาเป็นว่าแกต้องการให้ฉันพาน้องชายแกกลับภายในกี่วัน อย่าบอกว่าเร็วที่สุด เพราะเวลาของคนเรามันไม่เท่ากัน ! " เสียงของคลาร์กตัดบทคำถามของตนเสียงก่อน อเล็กซิสเม้มปากแน่น จ้องหน้าคาร์เนโร่ที่มองมาด้วยสีหน้าอยากรู้ มันเงี่ยหูฟังทั้งยังถือปืนมองซ้ายขวาคอยระแวดระวังให้ตัวเขาอยู่กรายๆ
" ห้าวัน ต้องมาถึง " อเล็กซิสเม้มปากแน่น ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
" รวมไป-กลับ ...ห้ามช้ากว่านี้? " คลาร์กเอ่ยทวนคำถามสั้นๆ
" ห้าวันเท่านั้น ..นี่คือคำสั่ง !! " เพาะชินกับการสั่งคนนั้นคนนี้ไปหมดเสียแน่ อเล็กซิสจึงได้ออกปากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาสำนึกได้ว่าเขาสั่งคนที่ไม่เคยคิดจะรับฟังตัวเองไปเสียแล้ว..
..แว่วเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายมาจากปลายสายยิ่งชวนให้หวั่นๆ คลาร์ก โรเซนเบิร์กขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่เดาใจยากนักหนาและแต่เดิมเขาก็ไม่ค่อยถูกกับคุณอาคนนี้อยู่แล้ว ถ้าหากต้องมาทะเลาะกันตอนนี้คงต้องเรียกว่าแย่ถึงแย่ที่สุด ไอ้การจะมาขัดแย้งกันทั้งที่มีศัตรูรอบด้านมันช่างน่าปวดหัวนัก !!
" ...เห็นว่าแกกำลังยุ่ง ฉันจะทำไม่ได้ยินไอ้คำสั่งนั่นก็ได้...ห้าวันตามนี้.. " คลาร์กรับคำก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ ครุ่นคิด เมื่อแว่วเสียงปืนดังมาจากปลายสาย.. "ว่าแต่ ตอนนี้ถึงไหนแล้ว "
" กำลังจะเข้าไปในสวน.." อเล็กซิสกระซิบตอบ เขาผุดลุกขึ้นอีกครั้ง คว้าปืนยาวในมือมากระชับแน่น
" ..ระวังตัวด้วย " คลาร์กถอนหายใจ ตอบอีกฝ่ายสั้นๆ "....แล้วก็....อย่าฆ่านะ..."
" อะไรนะ? " คราวนี้อเล็กวิสขมวดคิ้วแน่น สีหน้าข้องใจ เขาถามซ้ำ เผื่อจะได้ยินประโยคหลังของผู้เป็นอาผิดไป
" อย่าฆ่า..."
" ทำไม ? มีอะไรอีก ! " คราวนี้ไม่ได้ฟังผิดแน่แท้ อเล็กซิสคำรามกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นขวางและไม่เข้าใจอย่างยิ่งยวด คิดจะมาเป็นพ่อพระขัดความต้องการของเขางั้นเหรือ? ถึงได้ออกปากพูดแบบนั้น
" ...วู่วามแล้วแกจะเสียใจภายหลัง...และ....เก็บเขาเอาไว้ให้น้องชายแก..."
" คุณอา..."
" ฉันจะพามันกลับไป แลกกับการที่แกไว้ชีวิตเฟรเดริโก้ วาลกัสไว้ในฐานะที่สร้างบทเรียนราคาแพงให้พวกแกทั้งครอบครัว อย่าคิดตุกติก ไม่อยากนั้น แกอาจจะต้องเสียใจภายหลัง "
ปลายสายตัดไปแล้ว ทว่าใจความนั้นกลับทำให้อเล็กซิสขมวดคิ้วแน่น เขาจ้องมองโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูในมืออย่างงวยงงปนไม่พอใจ สับสนกับคำสั่งอันไม่รู้ที่มาที่ไปของผู้เป็นอา คนที่รู้จุดประสงค์ของการมาของเขาดี..แล้วเหตุใดถึงคิดจะมาห้าม...
อยากจะถามให้มากกว่านี้แต่เสียงปืนและเสียงระเบิดที่ใกล้เข้ามาทำให้ไม่อาจจะคิดอะไรได้ดั่งใจ อเล็กซิสเม้มปากแน่น ก้มตัวลงและแทรกตัวผ่านพุ่มไม้ทึบเพื่อเดินทางเลียบเข้าไปบริเวณด้านในของสวนหน้าบ้านด้วยใจระทึก..ฝ่ามือสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นพอใจ และคาดหวัง..
ใกล้จะรุกไล่สำเร็จ ใกล้จะได้ประกาศชัยชนะแล้ว..
ถึงตอนนั้น เมื่อเจอหน้า จะระงับอารมณ์ได้หรือไม่ จะไว้ชีวิตมันไหม ค่อยคิดก็แล้วกัน !!
.............
" คุณอเล็กซิสกำลังบุกขึ้นไปที่ซิซิลี " แกเร็ต เคย์ ทวนคำพูดของเจ้าของประโยคที่กอดอก พิงเบาะหลังของรถ ใบหน้าสงบนิ่ง
" ฉันโทรไปเมื่อคืน...พวกมันลงไปแล้ว พร้อมกับคาร์โล....นั่นล่ะ " คลาร์กรับคำเบาๆ พลางถอนใจ สีหน้าเคร่งไม่น้อย นั่นทำให้ผู้ฟังขมวดคิ้วจางๆด้วยความกังวลไม่ต่างกัน
แกเร็ตนึกไปถึงยามค่ำคืนของเมื่อวาน ตัวเขาออกไปคุยกับคาวัลโลแล้วออกมาพบคลาร์กยืนรออยู่ คนตรงหน้าเขาเอ่ยพูดถึงเรื่องบางอย่างที่ทราบมาเล็กน้อยบอกสั้นๆแค่ว่ามี”เรื่อง”ให้คิดอีก ทว่าก็ไม่มีคำเล่าขานใดออกจากปาก แน่นอนว่าเมื่อคลาร์กไม่เล่า แกเร็ตก็ไม่คิดจะถาม เขาจึงเข้านอนและทิ้งความสงสัยนั้นไว้เสีย เพราะถึงอย่างไร หากมันสำคัญและต้องรู้ ที่สุดคลาร์กก็จะบอกให้ทราบอยู่ดี
นึกไม่ถึงว่ายามเช้าคลาร์กจะออกปากเล่าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แท้จริงสาเหตุที่เจ้าตัวออกมาเดินเพ่นพ่านหลังจากกดโทรศัพท์ไปหาคนโน้นคนนี้เมื่อคืน ไม่ใช่เพราะห่วงหรือสนใจว่าเขาจะคุยอะไรกับคาวัลโล แต่เพราะความไม่สบายใจที่ทิ้งตะกอนไว้ในหัวใจต่างหาก
"..แล้ว....คุณคิดว่า...." แกเร็ตขมวดคิ้วจางๆ กับผลของการต่อสู้ที่ยังคงไม่ปรากฏ
" ....ไม่รู้ " คลาร์กพ่นลมหายใจเฮือก ท่าทีกังวลพอตัว นั่นยิ่งทำให้แกเร็ตขมวดคิ้วแน่นขึ้น
" จะบอกคาวัลโลไหม? " เขาเอ่ยถาม และเสนอทางเลือกให้กับผู้ปกครองของตน หากแต่คลาร์กที่ยังคงหลับตานิ่งทำแค่เปิดเปลือกตาใช้ดวงตาสีบรูเน็ตคู่นั้นจ้องมองเขาครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า
" ไม่.....เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่ได้เลย จะไปเพิ่มให้มันปวดหัวตายอีกทำไม "
เหมือนจะห่วง? รึเปล่า ...เรื่องนี้แกเร็ตสุดจะคาดเดา ชายหนุ่มมองหน้าคนพูดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวไม่มีท่าทีจะพูดอะไรออกมาอีกก็ถอนหายใจยาว ไพล่นึกไปถึงผู้ที่ถูกเอ่ยถึง คาวัลโล วาลกัส ผู้นำของเขา คนที่เมื่อพบหน้ากันยามเช้ายังคงมีท่าทีเงียบนิ่งซึมเซา เจ้าตัวเอาแต่เหม่อมองไปที่ผู้ชายคนนั้นไม่ห่างเดินจ้ำไปไม่เหลียวหลังมามองหรือพูดคุยกับเขาและคลาร์กที่ถูกเชิญมานั่งรถอีกคันเสียด้วยซ้ำ..
...ตกลงกันไม่ได้...? นี่คงเป็นสาเหตุที่แน่นอนและชัดเจนอยู่ในตัวเองแล้ว แกเร็ตก็พอจะรู้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ..ที่สำคัญกว่าจะตกลงกันยังไง คือจะกลับยังไงให้ทันการนี่สิ...
" เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ? " แกเร็ตเอ่ยถามชายหนุ่มผมทองที่นั่งเงียบอยู่ข้างกาย คลาร์ก โรเซนเบิร์ก ฟังแล้วไหวไหล่ถอนหายใจแรง...และเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตาทอดมองไปยังชายสองคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้า ผู้ที่กำลังจ้องมองเขาสองคนด้วยแววตาระวังระไว ซึ่งเจ้าของดวงตาสีบรูเน็ตก็จับจ้องไปด้วยแววตาวาววับกร้าวเเข็งไม่ต่างกัน...
"...ถ้ามากกว่าสามวัน ฉันไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ "
คำกล่าวของคลาร์กไม่ต่างอะไรกับคำขู่อาฆาต..แกเร็ตเม้มปากแน่น จ้องมองใบหน้าของคนพูดที่ฉายแววเอาจริง ทั้งยังสบมองดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มสองคนในชุดเสื้อคลุมของคนอาหรับเขม็ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีภาพนั้นไปมองยังกระจกด้านข้าง ที่สะท้อนภาพผืนทรายกว้างใหญ่สุดลุกหูลูกตา...
...ถ้าภายในสามวันไม่ยอมกลับไป คลาร์ก โรเซนเบิร์ก จะก่อเรื่องอะไรก็สุดจะรู้
ผู้ชายคนนี้ไม่มีคำว่าปราณี สำหรับเรื่องที่ตัวเองอยากได้และ”ต้อง”ได้ หากถูกขัดใจ ไม่เป็นไปตามที่หวัง ..จะก่อความวุ่นวาย วางแผนหักหลัง ทำร้าย จะเชือดคอใครสักคนสองคนเพื่อให้เรื่องมันเป็นแบบที่ต้องการ คลาร์กก็ไม่เคยลังเลอยู่แล้ว..เขาก็รู้...
และนิสัยแบบนี้ไม่ใช่หรือที่มันถ่ายทอดไปยังคนถูกสอนอย่างคาวัลโลแทบทุกกระเบียด แม้ยามนี้เจ้าตัวจะแปรเปลี่ยนไปเพราะผู้ชายคนนั้น แต่สำหรับคลาร์กแล้ว คนที่จะเปลี่ยนใจให้เลิกคิด หรือเปลี่ยนความตั้งใจเหล่านี้ คงไม่มี...
ไม่มีใครสามารถทำให้คลาร์ก โรเซนเบิร์ก เปลี่ยนนิสัย หรือกระทั่งเปลี่ยนเป้าหมายและอุดมการณ์ของตัวเองได้หรอก...คนที่พยายามมาทั้งชีวิตแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จอย่างแกเร็ต เคย์คนนี้รู้ดี..
..แต่ก่อนจะมาคิดถึงเรื่องของตัวเองหรือเรื่องของคนข้างตัว ตอนนี้ที่ควรจะสนใจคือเรื่ององคาวัลโลและฝั่งพี่ชายที่ผลของการบุกโจมตียังไม่เป็นผลต่างหาก
...แกเร็ตถอนหายใจเฮือกจ้องมองกระจกด้านข้างที่ทิวทัศน์แปรเปลี่ยนจากทะเลทรายกว้างสุดลุกหูลูกตาเป็นพื้นที่เมืองที่เริ่มหนาแน่นและทันสมัยขึ้นทีละน้อย สภาพบ้านเมืองที่เริ่มกลับเข้าสู่ยุคปัจจุบันไม่ใช่ทะเลทรายที่ชวนให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงสามร้อยปีก่อน ทำให้เขาผ่อนลมหายใจลง
เอี๊ยด ! “ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก? “ ล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนแรงๆเสียจนแกเร็ตแทบจะหน้าคว่ำ เขาหันมองคนข้างกายที่ยกมือยันเบาะหน้าไว้ ลืมตาโพลงแล้วสถบอุบ ก่อนจะตวัดสายตาไปยังด้านหน้าที่ปรากฏภาพรถหลายคันจอดติดกันเป็นแนวยาว และถัดออกไปไม่มากนัก คือกลุ่มควันสีดำที่ลอยเอื่อยขึ้นจากพื้นดินสู่ชั้นบรรยากาศ...
สองหนุ่มคู่หูต่างวัยหันขวับมามองสบตากันทันทีด้วยสีหน้าตกตะลึงไม่น้อย แกเร็ตจ้องมองภาพเบื้องหน้าพร้อมกันนั้นก็เงี่ยหูฟังสำเนียงพูดรัวเร็วเร่งรีบผ่านวิทยุสื่อสารในตัวรถอย่างครุ่นคิด
...ต่อให้ฟังไม่ออก...แต่สำเนียงพูดแสดงอารมณ์ออกมาเช่นไรก็อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ดีพอกัน
“...แบบนี้ก็คงไม่ลำบากฉันแล้วสินะ “ เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอของคนข้างกายที่เปลี่ยนอิริยาบถจากตะลังงันมาเป็นยิ้มกริ่มเริงร่าชวนปวดหัวนัก แกเร็ตถอนหายใจเฮือก ก่อนจะตวัดสายตามองด้านหลัง ที่ปรากฏร่างอันเคยคุ้นของคาวัลโล วาลกัสและชายผู้เป็นกษัตริย์ของที่นี่เดินออกมาจากตัวรถด้วยสีหน้ายุ่งยากไม่ต่างกัน..
...จะเกิดอะไรขึ้นอีกก็สุดจะคาดเดา..
แกเร็ต เคย์ถอนหายใจพลางดันแว่นกรอบหนาที่ตนเองสวมไว้เบาๆ ทางฝั่ง อเล็กซิสก็รบกันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ทราบ แล้วฝั่งคาวัลโลจะกลับไม่กลับจะไปไม่ไปยังไงก็ยังคาราคาซังไม่เลิก..
...ไอ้สถานการณ์แบบนี้ คนที่ยังยิ้มร่าอยู่ได้ มันต้องมีปัญหาแน่ๆ
คิดแล้วแกเร็ตก็หันขวับไปจ้องหน้า คลาร์ก โรเซนเบิร์กผู้ที่กำลังผิวปากออกมาอย่างเริงรื่น สีหน้าแสนสุขสบายนัก
หรือสิ่งที่เกิดขึ้น..อยู่ในแผนลากคาวัลโลกลับบ้านกัน?
แกเร็ตขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด คลาร์กนั้นมักติดนิสัยทำอะไรเอาแต่ใจโดยไม่นึกถึงคนอื่น แต่ถ้าก่อเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆและคนที่นี้รู้หรือแม้แต่ผู้ชายคนนั้นรู้ คาวัลโลจะได้กลับบ้านด้วยสภาพแบบไหน..เขาแทบไม่อยากจะคิด...
..........
กลับมาแล้วคะ แฮะๆ

ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะคะที่หายไปซะครึ่งเดือน เหอๆ เอาเป็นว่ายอมรับผิดแล้วกัน และตอนนี้เรากลับมาแล้วววววว
ตอนนี้คาวี่กับอัลหาย ..

ฝั่งอิตาลีกำลังระอุ คุณพี่อเล็กซิสแอบร้ายนิดๆ แกแอบวางแผนล่อลวงคาร์โลสินะ เหอๆ
ส่วนคุณอา...คิดจะทำอะไรเพื่อลากคาวี่กลับ คงต้องรอดูกันต่อไป
ปล. พรุ่งนี้อัพแบดกาย และวันถัดไปเราจะอัพคาวี่ต่อ (คอมโบ้ทดแทบที่หายตัวไป ฮี่ๆ ) ฉากบู้ต้องอ่านต่อเนื่องสิถึงจะมันส์
