สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑  (อ่าน 221579 ครั้ง)

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องสิวๆ อย่าได้ไปใส่ใจ

ถูกคร้าบ ชะนีน้อยนางนี้ไม่ได้เป็นประเด็นหรอกนะครับ เขารักกันมั่นคงขนาดนั้น

ขำพี่แก้ว ถ้ารุ่นอาจารย์นางน้อยนี่ แสดงว่าสวยนะครับ อิอิ เพราะนางยังสวยสะพรั่งอยู่ อิอิ อยู่เมืองจันท์นี่เองนะ

อ่านเมนตืมาเพิ่งเห็น ของคุณ ซอมบี้นี่ล่ะ วะฮ่าฮ่า มีคนเป็นทีมเค้าแล้วหนึ่งขา แว้กกกก ดีใจ

ไม่รู้อ้ะ เดาเอา ถ้าคุณอิ๊ก อยู่ในวัยของบอทของน้ำ ก็เป็นลูกศิษย์คุณครูนางน้อยไง พี่เลยลองเทียบดู เพราะดูๆตาม
สภาวการณ์ต่างๆน่ะจ้ะ  เอ๊ะ.. รึพี่จะเลยไปแล้วก็ไม่รู้ เพราะ ณ ปัจจุบันมันเลยเวลาสะพรั่งมานานแล้วอะดี๊ หุ หุ หุ
เอิ่ม..ถ้ายัยนกไม่ใช่บุคคลผู้ซึ่งทำให้บอทเปลี่ยนไป แล้วอะไรเป็นตัวทำปฏิกิริยาให้เกิดสนิมในน้ำค้างกันล่ะ
อยากรู้ไวๆจังคุณอิ๊ก



ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
"เอาเถอะมึง อย่าไปคิดมากเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด กูว่าใครมันก็ไม่มีอิทธิพลกับความรักของมึงสองคนหรอก ตราบใดที่มึงสองคนยังรักกันอยู่ ไม่มีใครมาทำอะไรพวกมึงได้หรอก เชื่อกู"

ชอบท่อนนี้ของเล็ก
แต่แอบกลัว ใจน้ำจัง ดูเริ่มจะสั่นไหว  :serius2: ถ้าใจไม่มั่นคง เกิดมีเรื่องมากระทบ ถึงจะไม่เป็นความจริงอาจจะเป๋ได้ และตอนนั้น มาม่าอาจจะซองแตก

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

แต่เมื่อก่อนชอบกิน ช้างน้อย ซองเล็กๆ ขยำๆ ให้ข้างในแตกก่อน แล้วค่อยฉีกซอง กินหลังห้องเรียน แซ่บเน้  :laugh:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๑๗

ปุจฉา ดวงตาเปรียบดังหน้าต่างของหัวใจ แล้วสิ่งใดเปรียบได้กับประตูของหัวใจ

ปีนี้บ้านของน้ำจัดงานบุญบั้งไฟก่อนบ้านใหญ่ น้ำกับบอทเอ่ยปากชวนเพื่อนๆต่างหมู่บ้านมาที่บ้านของตนในวันงาน งานประเพณีบุญบั้งไฟนี้มีกันสองวัน ส่วนใหญ่จะนิยมจัดขึ้นในวันเสาร์อาทิตย์ ทุกปีจะมีผ้าป่าสามัคคีจากกรุงเทพฯมาเป็นสองถึงสามรถบัส ปีนี้เห็นพ่อถาวรบอกว่าจะมีรถบัสมาถึงสามคัน ตอนกลางคืนในคืนวันแห่จะมีหมอลำซิ่งเป็นมหรสพสมโภช ส่วนตอนกลางวันในวันจุดจะก็มีหมอลำซิ่งอีก ซึ่งงานบุญบั้งไฟนับว่าเป็นงานค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว งานวันแรกตอนเช้าถึงตอนกลางวันจะไม่มีอะไรมาก ส่วนมากแต่ละบ้านก็รอรับขบวนผ้าป่าจากกรุงเทพฯ ใครที่มีลูกหลานไปทำงานทำการอยู่ที่กรุงเทพฯก็จะตั้งหน้าตั้งตารอรับรถบัส ส่วนใครที่ไม่มีลูกหลานก็จะเปิดบ้านรับแขกเพราะชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆจะมากิน ต้องเรียกว่ากินเพราะมีการล้มวัวเพื่อเลี้ยงคนเลยทีเดียว ถ้าบ้านไหนมีหน้ามีตาเพื่อนฝูงเยอะหน่อยก็ซื้อเนื้อเป็นตัว แต่ถ้าบ้านไหนไม่ค่อยมีเพื่อนต่างหมู่บ้านก็ซื้อไม่เยอะ การล้มวัวนี้จะเป็นการลงขันกันวัวหนึ่งตัวอาจจะลงขันกันถึงห้าถึงหกครัวเรือน อย่างบ้านของน้ำเนื่องด้วยมารดาเป็นนางพยาบาล พ่อเป็นภารโรงถือว่าเหมาวัวเป็นตัวเลยก็ว่าได้ งานนี้เป็นงานบุญกินฟรีตลอดงาน ทั้งเหล้ายาปลาปิ้งมีไม่อั้น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องสิ้นเปลืองกันโดยที่ไม่ได้อะไร แต่พอมาตอนหลังรู้มาว่าเวลาบ้านอื่นเขามีงานบุญบั้งไฟ พ่อถาวรเองก็ไปอีกอย่างเหมือนมันเป็นการกระชับความสัมพันธ์อีกทางหนึ่งนั่นเอง บ่ายคล้อยของวันแรกก็จะมีการแห่บั้งไฟซึ่งเป็นขบวนนางรำจากคณะรำต่างๆมาอวดมาประชันแข่งขันกัน มีการมอบรางวัลเป็นเงินสด ถ้าหมู่บ้านไหนโก้หน่อยก็อาจจะมีถ้วยรางวัลให้ เหมือนหมู่บ้านของน้ำเองมีถ้วยรางวัลถึงสามใบ ที่รู้เพราะพ่อถาวรของน้ำเองเป็นคนไปจัดหามา

ส่วนตอนกลางคืนของวันแห่บั้งไฟก็จะมีมหรสพตลอดทั้งคืน งานนี้เป็นงานสกปรกอย่างที่แม่บุญช่วยบอกไม่เหมือนสงกรานต์ที่สาดน้ำล้างกันท่าเดียว แต่งานนี้ถ้าปีไหนฝนตกตอนวันงานพอดีก็นับว่าเป็นโชคถือเป็นฤกษ์ดีเพราะจุดประสงค์ของงานประเพณีบุญบั้งไฟคือการบูชาพญาแถนเพื่อทำการขอฝนให้ตกต้องตามฤดูการ ถ้าฝนตกลงมาทำให้เป็นเลนเป็นโคลน พวกที่เมาเหล้าหรือที่เรียกว่าขี้เหล้าก็จะสนุกสนานกับการหามกันลงโคลนตมไป เล่นอยู่อย่างนั้นถึงเช้า พอเช้าวันจุดบั้งไฟก็เล่นกันอีก สองวันนี้ไม่ต้องอาบน้ำกันเลยก็ว่าได้

ส่วนวันจุดบั้งไฟก็จะออกไปรวมกันที่นาใกล้ๆหมู่บ้าน มีฐานจุดบั้งไฟอยู่ห่างออกไป การจุดบั้งไฟมาพร้อมกับการพนันขันแข่ง มีการจับเวลาว่าบั้งไฟของใครจะขึ้นสูงและลอยตัวอยู่ในอากาศนานกว่ากัน ใครได้เวลาเยอะสุดก็ได้เงินรางวัลไป แต่การจุดบั้งไฟก็อันตรายปีนั้นที่จังหวัดมีคนตายเพราะการจุดบั้งไฟนี้หลายคนเพราะบั้งไฟเกิดเปลี่ยนทิศแทนที่จะขึ้นไปบนฟ้าแต่กลับหันมาทางคนเสีย

"อีเล็กมึงแวะมารับกูหน่อยสิ วันเสาร์น่ะ"

เอ๋ร้องบอกเล็กตอนเย็นวันศุกร์

"อ้าว มึงไม่ให้ผัวมึงมารับวะ ไอ้ไก่ก็มีรถเครื่อง มึงไปรับมันหน่อยสิไอ้ไก่"

เล็กโพล่งขึ้นกลางวง เพื่อนๆเห็นเป็นเรื่องตลกเพราะไม่คิดว่าจะเป็นจริงจัง เพราะคนที่รู้ก็มีอยู่ไม่กี่คน เอ๋อายหน้าแดง ส่วนไก่ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน

"ผัวขา มารับน้องเอ๋หน่อยนะคะ"

เอ๋ก็เล่นไปตามน้ำไม่อยากจะให้ใครสงสัย

"เออ น้ำ รวมตัวกันกี่โมงล่ะ"

กาญจน์ถามขึ้น

"เอาสิบโมงก็ได้มึง แม่นิ่มทำเหล้าไหไว้ด้วยนะ หวานเชียว"

"มีข้าวหมากไหมมึง อยากกิน"

ฝนถามบ้าง น้ำพยักหน้า เรื่องการทำเหล้าไหและข้าวหมากนี้แม่นิ่มเองก็ไม่น้อยหน้าใคร แตเวลาทำต้องแอบถึงที่สุด เพราะถ้าตำรวจรู้ถือว่าซวยไปโดนจับเข้าตะรางไปได้ง่ายๆ แม่นิ่มเอาไหเหล้าไปซ่อนไว้ที่กระท่อมเก็บฟางท้ายบ้านไม่มีใครรู้นอกจากพ่อถาวรกับแม่บุญช่วย เพราะแม้แต่บอทเองก็ไม่รู้ว่าแม่ของตนเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน

"ไอ้บอท กูว่าอีนั่นมันตอดไม่เลิกนะมึง ดูมันสิหน้าด้านจริงๆ กะจะแดกมึงให้ได้ว่างั้น"

เดือนบุ้ยปากไปทางน้องนกที่ยิ้มหวานมาแต่ไกลแต่ไม่กล้าเข้ามาเพราะรู้กิตติศัพท์ของห้องนี้ชั้นนี้ดีว่าปากร้ายเพียงใด

"กูก็เซ็งว่ะ ใครจะไปแดกลงวะ ขนาดบอกแล้วนะว่ามีเมียแล้วมันยังไม่สน"

บอทเองก็ทำหน้าเซ็งส่ายหน้าอยู่

"ให้กูช่วยไหมล่ะมึง"

ฝนเอ่ยขึ้นทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน

"มึงจะทำยังไง"

ถามขึ้นพร้อมกันอีก

"ก็ให้กูแสดงละครเป็นแฟนไอ้บอทสิมึง ง่ายจะตาย แค่นี้มันก็ไม่กล้าเข้ามาวอแวแล้วล่ะ มันรู้จักกูดี"

ฝนเองเป็นคนแรง หน้าตาสะสวยผิวขาวผมหยิกโดยไม่ต้องดัด ผิวถือว่าขาวกว่าชาวบ้านชาวเมืองเขา เรื่องหาเรื่องคนนี่ก็ไม่ได้น้อยหน้า พอๆกับเล็ก

"เออ น่าจะสนุกว่ะ เอาเลยมึง"

เล็กบอกแล้วหันมามองทางน้ำที่นั่งนิ่งอยู่ น้ำเองพยักหน้าไม่รู้จะแสดงอาการอะไรออกมาดี

"อุ๊ย บอทอ่ะ พาฝนไปกินน้ำหน่อยสิจ๊ะ"

ฝนเองก็ได้ใจนัก พูดจบเริ่มเล่นเลยเกาะแขนบอทจูงลากไปทางโรงอาหาร ส่วนเพื่อนก็อมยิ้มกลั้นหัวเราะกันอยู่

"พี่บอทคะ ไหนบอกแฟนเรียนคนละโรงเรียนไงคะ นี่"

น้องนกเองดูเป็นคนกล้ามาก แต่เท่าที่สังเกตจะกล้าเฉพาะเรื่องแบบนี้แต่เวลาให้ออกไปหน้าเสาธงหรือไปหน้าหอประชุมเวลาอาจารย์เรียกแทบจะเอาอะไรมางัดออกไปเพราะอาย

"อุ๊ย หญิงจ๋า พี่นี่ล่ะแฟนบอท ทำไมจ๊ะ อ๊ะๆ อย่าบอกนะว่าเราชอบบอท ว้าย บอทอ่ะบอกแล้วอย่าไปหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ตายจริงน้องเขาเยเข้าใจผิด อยากกินเลยเห็นไหม"

เน้นคำสุดท้ายแล้วถลึงตาใส่น้องนก ฝนเองเป็นคนที่ตาโตมากเวลาถลึงตาหรือตกใจตาจะเด่นกว่าอะไรบนดวงหน้า

"ก็คนมันหล่อนี่จ๊ะ ทำไงได้ ไปกินน้ำเถอะที่รัก"

ไม่ยอมแพ้เช่นกัน น้องนกทำหน้าไม่ถูก

"อ๊ะๆ อย่าคิดอะไรไปไกลนะคะหญิง ถ้าจะงัดกับพี่คิดให้ดีนะคะ"

ฝนหันมาพูดย้ำตอกตะปูปิดฝาโลงให้เรียบร้อย น้องนกวิ่งตัวสั่นไปหาเพื่อนๆที่ลุ้นอยู่ เป็นกันทั้งก๊วน

"โห มึงแน่มากฝน"

บอทเอ่ยปากชม

"ไม่รู้ล่ะ มึงเลี้ยงสาโทกูเยอะๆด้วย ลาบอีกนะมึง"

"เรื่องแค่นี้สบายมาก"

พอขากลับบ้านบอทมาเล่าให้น้ำฟังน้ำเองถึงกับหัวเราะออกมา

"ดีจังอีฝน ไม่ต้องออกแรงเลยนะเนี่ย"

"อีเด็กนี่ก็แปลกเนอะ ไม่เล่นด้วยก็ยังมาวอแวอยู่นั่นล่ะ"

"ก็คนมันจะเอานี่บอท ของๆใครมันไม่สนใจหรอก อย่าไปเล่นกับมันเชียวล่ะ"

"คร้าบ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ท่าทางจะหลวมแล้วนะนั่นน่ะ"

"บ้า บอทไปว่าเขา มันไม่ดีหลวมไม่หลวมก็อย่าไปวุ่นวายดิ"

"อิอิ อ้าวก็พูดจริงนี่ ของเรานะยังฟิตๆแน่นๆอยู่เลย ไม่เอาคนอื่นหรอก"

"บ้า"

หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที น้ำเองหัวใจสั่นไหวอยู่ แม้ตอนที่ฝนออกตัวว่าจะช่วยกันท่าให้ ใจนั้นก็ยังไหว ทั้งที่รู้ว่าไม่มีอะไรแต่ทำใจไม่ได้อยู่ดีที่เห็นคนอื่นมาเกาะแข้งเกาะขาบอท

ฝนแรกของปีตกลงตั้งแต่กลางเดือนเมษายนหลังจากสงกรานต์ แต่ตอนนั้นตกแค่ไม่นาน ต้นเดือนมิถุนายนสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาพอสมควร ที่ไหนพอมีน้ำขังก็ไปเพาะกล้าข้าวเอาไว้แล้วเตรียมตัวที่จะทำนาต่อไป เพราะพอหลังจากงานบุญบั้งไฟฝนก็จะเทลงมาไม่ลืมหูลืมตา กล้าใครโตก่อนก็ได้ปักดำก่อน พ่อถาวรกับแม่นิ่มเองก็ไปจัดการเรียบร้อยล้วที่นาแม่นิ่ม บอทกับน้ำเองนั่นล่ะที่เป็นคนไปไถให้ กล้าเริ่มตั้งต้นแล้วรอแค่น้ำมาก็หว่านปุ๋ยเร่งให้โตแล้วค่อยไปถอนมาปักดำ

พอเดินกลับบ้านผ่านหน้าบ้านของยายหน่องคนที่ไปอยู่อเมริกา ก็เห็นคนแน่นบ้านไปหมด มีแม่นิ่มกับแม่บุญช่วยอยู่ด้วย

"อ้าวน้ำ บอท เลิกโรงเรียนแล้วเหรอลูก นี่ไงยายหน่อง ไอ้น้ำน่ะ อยากเห็นไม่ใช่เหรอ"

แม่บุญช่วยร้องทักออกมา น้ำหยุดเดินและเดินเข้าไปในบ้านพร้อมบอท

"โตไวจังนะ พอโตขึ้นแล้วมันหล่อนะเนี่ย ทั้งสองคน คนไหนน้ำ คนไหนบอท"

น้ำกับบอทยกมือไหว้แทบไม่ทัน ไม่ใช่ไหว้คนเดียวทั้งบ้าน เพราะตระกูลของยายหน่องมีลูกเจ็ดคน ไปอยู่อเมริกากันห้าคน อีกสองคนเป็นนายธนาคารเสียคนหนึ่งประจำสาขาใหญ่ของธนาคารที่มีสัญลักษณ์เป็นชฏาทองอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนอีกคนเป็นตำรวจยศจ่าโท อยู่ที่กรุงเทพฯด้วยเช่นกัน บ้านหลังนี้จึงปล่อยทิ้งว่างไว้ไม่มีคนอยู่

"ไอ้นี่น้ำ ไอ้นี่บอท"

แม่นิ่มเป็นคนแจง ยายหน่องหยักหน้ายิ้มให้

"ท่าทางเอาการเอางานนะเนี่ย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะลูก กับมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวค่อยขึ้นมาคุยกับยาย หมูๆเอาขนมกับเสื้อมาให้หลานหน่อยซิ"

ยายหน่องร้องเรียกลูกสาว สักพักก็เดินออกมาพร้อมห่อขนมขนาดใหญ่กับเสื้อยืดคนละตัว น้ำกับบอทยกมือไหว้

"โห น่ากินว่ะน้ำ ขนมนอกเชียวนะ"

"อืม เดี๋ยวเก็บไว้ให้พวกนั้นกินด้วยดีกว่า"

ทั้งสองเดินกลับบ้านไปแล้วดีใจกับของที่ได้ เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายชื่อเมืองแอลเอสีสดใสทั้งสองตัวใส่ได้พอเหมาะพอดี คืนนั้นทั้งพ่อถาวรและแม่บุญช่วยรวมถึงแม่นิ่มก็ขลุกอยู่บ้านยายหน่องทั้ง คืนไม่รู้ว่ากลับมาเมื่อไหร่เพราะน้ำไปนอนกับบอทหาข้าวหาปลากินกันเอง จนรุ่งเช้าสะดุ้งตื่นเพราะเสียงจอแจดังอยู่ใต้ถุนบ้านแต่เช้า เสียงแม่นิ่มกับแม่บุญช่วยนั่นเองทั้งสองเตรียมตัวไปวัดทำบุญกันแต่เรียกกัน คุยกันเหมือนคุยกันกับคนสักสิบคน

"โหแม่เอะอะอะไรแต่เช้า"

บอทเดินลงมาจากบนเรือนพอเห็นว่ามีแต่แม่นิ่มกับแม่บุญช่วยกำลังเตรียม ข้าวต้มมัด กับขนมใส่ไส้รวมถึงอาหารคาวหวานใส่ลงในตะกร้าก็เอ่ยขึ้น

"อะไรล่ะไอ้บอท นี่มันจะสายแล้ว พอดีเลยไปเอาแตงโมที่ไร่ให้แม่หน่อย"

"อ้าว ได้ทีใช้เลยนะแม่ เอามาเมื่อวานไม่ใช่เหรอแตงโมน่ะ"

"มันลูกเล็ก ลูกที่แม่เอากิ่งไม้คลุมไว้น่ะ เอาลูกนั้นล่ะ"

สรุปก็ต้องปลุกน้ำให้ออกไปไร่ไปเอาแตงโมด้วยกัน แต่ไปเร็วมาเร็วหน่อยเพราะพ่อถาวรให้ใช้รถเครื่อง ตอนเช้ายังไม่มีธุระไปไหน และคงอยู่บ้านทั้งวันเพราะแขกเหรื่อคงมาเต็มบ้านตั้งแต่เช้า บอทเอากระสอบปุ๋ยไปใส่แตงโมที่ไร่ได้แตงโมกลับมาหลายลูกมีแต่ลูกเขื่องๆ ลูกโตสุดก็ผ่าเอาไปวัด ก่อนหน้างานบุญต้องช่วยกันไปหาหญ้ามาเตรียมไว้ให้วัวในคอกให้พอเพียงสำหรับ สองวัน หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จน้ำเองก็ขลุกอยู่แต่กับบอทที่บ้านรอเพื่อนของตนมาเหมือนกัน เตรียมอาหารการกินเอาไว้เต็มที่เหล้าสาโทก็ไปเอามาเตรียมใส่กระติกไว้แล้ว ส่วนข้าวหมากก็อยู่บนชานใส่ไว้ในกระด้ง ผลหมากรากไม้ที่ได้มาจากบ้านยายนิ่มรวมทั้งพ่อถาวรออกไปซื้อมาเตียมไว้ทั้ง เงาะ มังคุดและทุเรียนก็แบ่งไว้ให้สองบ้านเพื่อรับรองแขกของใครของมัน งานนี้พ่อถาวรลงทุนไปหลายอยู่เหมือนกัน

"น้ำอีเล็กกับอีเอ๋มาแล้ว"

บอทร้องบอกน้ำที่กำลังจัดของใส่ถาดสังกะสีเตรียมลงมาให้เพื่อน

"แล้วอีฝนกับอีกาญน์ล่ะมึง"

"เดี๋ยวมันตามมา มันแวะบ้านไอ้ไก่ก่อน คิดว่าเราน่าจะมารวมตัวกันที่นี่ ไอ้ไก่ญาติมันเต็มบ้านไม่สะดวกว่ะ"

เล็กบอกแล้วหาที่จอดรถ ส่วนเอ๋เองก็ปรี่ขึ้นบ้านมาโผเข้าหาข้าวหมากก่อนสิ่งอื่น

"หวานดีมึง"

"ไอ้ติ๊กล่ะ"

"มันไปรับไอ้ต้อม คงลากอีเดือนมาด้วยล่ะ"

"อืม มึงอย่าเพิ่งล่วงหน้าไปก่อนเพื่อนดิ เดี๋ยวก็อิ่มก่อนหรอกมึง ไปหั่นเนื้อโน่น เพื่อนมาจะได้ทำกันเลย"

น้ำบอกเพราะเห็นเอ๋กำลังจะจ้วงอีกห่อ

"โห ของกินเยอะนี่หว่า มีขนมนอกด้วยนะมึง"

เล็กร้องขึ้นหลังจากเห็นน้ำกับเอ๋ยกถาดใส่ของกินลงไป

"ของยายหน่อง เขามาจากเมกา กูกับบอทได้เสื้อคนละตัวด้วยนะ"

"จริงดิ โหใส่เสื้อนอกเลยนะมึง"

"แหม เสื้อนอกมันก็ทำจากผ้าเหมือนกันนั่นล่ะ สีสวยสู้ของมึงไม่ได้หรอก มันสีขาวเปื้อนง่าย"

"เออ ไหนเนื้ออ่ะกูจะได้หั่นรอ"

เล็กบอกแล้วนั่งบนแคร่อย่างทะมัดทะแมง

"บ้านมึงนี่คนเยอะดีนะน้ำ มีครูมาด้วย"

"เป็นเรื่องปกติมึง กูถึงไม่อยากไปบ้านไง คนเยอะขี้เกียจยกมือไหว้คน"

"เขาจะมาวุ่นวายกับเราไหมล่ะ"

"บ้าดิมึง พ่อกูเขารู้ ไม่หรอก หั่นๆ เดี๋ยวพวกนั้นมาจะได้เอาสาโทมาให้ชิม"

ทั้งสี่คนช่วยกันหั่นเนื้อเตรียมไว้ทำลาบ เอ๋เองก็ไปปรุงต้มเครื่องใน จนเพื่อนๆมากันครบแล้วถึงลงมือปรุง โดยคนที่ปรุงก็เป็นไก่เช่นเคย

"โหใบส่องฟ้างามๆทั้งนั้นเลย ตอนผ่านมากูเห็นยอดมะตูมอ่อนตรงท้ายโรงเรียนประถมน่ะมึงจะเอาไหมจะได้ไปเอา"

ติ๊กร้องบอก ใบส่องฟ้าเป็นพรรณไม้ชนิดหนึ่งกลิ่นฉุนแรง กลิ่นคล้ายๆเครื่องพะโล้ใบสีเขียวสดขึ้นตามป่าหรือหัวนาเอามากินกับน้ำพริก หรือลาบช่วยดับกลิ่นคาวได้เป็นอย่างดี ติ๊กกับเดือนอาสาไปเก็บยอดมะตูมที่โรงเรียนประถมมาให้ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็ล่วงหน้าไปก่อน มีลาบ ต้มแซ่บเครื่องใน ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน ที่สำคัญเหล้าสาโทและข้าวหมาก กินไปคุยเรื่องคนนั้นคนนี้สนุกสนาน จนบ่ายคล้อย บางคนกินแล้วง่วงก็ไปงีบที่ใต้ต้นมะม่วงปูเสื่อนอนกัน ตื่นขึ้นมาก็มากินใหม่ พอเสียงกลองยาวเริ่มดังแว่วมาตอนประมาณสีโมงเย็นก็พากันเตรียมตัวออกไปดูเขาแห่บั้งไฟ กรอกเหล้าสาโทใส่ขวดน้ำอัดลมไปด้วยสองสามขวด พากันสีดำที่ติดตามก้นหม้อมาทาหน้าให้เข้ากับรรยากาศ

"ว้าย ไอ้บ้ามาทาทำไมเยอะแยะ ชั้นก็ไม่สวยน่ะสิ"

เอ๋ขาประจำร้องขึ้นเมื่อติ๊กเอาถ่านที่ติดอยู่เต็มมือมาลูบหน้าขาววอกของเอ๋

"อีนี่ เขาทากันทั้งนั้น จะมาสวยมางามอะไรตอนนี้"

"ว่าไม่ได้หรอกนะมึง เผื่อเจอใครเข้าตา"

"แหมตลอดเวลานะมึง"

ประโยคท้ายเสียงเบาบางลงเพราะกลัวว่าไก่ะได้ยิน เมื่อพร้อมแล้วก็ออกไปยังวัด ขบวนนางรำคณะต่างๆตั้งแถวยาว หางแถวไปทางโรงเรียน ปีนี้มีคณะรำมาร่วมงานถึง ๗ คณะรวมคณะของโรงเรียนด้วย พอเสียงกลองยาวเสียงพิณดังขึ้นก็พากันฟ้อนรำอย่างสนุกสนาน ไปคอยมั่วตามหลังคณะนางรำ

"ไปคณะของโรงเรียนกันดีกว่ามึง"

เดือนชวน แต่เพื่อนๆส่ายหน้ากันทุกคน

"ไม่อยากไปยุ่งมึง โน่นไปฟ้อนกับคณะกลองตุ้มกลุ่มแม่บ้าน หมู่ ๘ ดีกว่า เฮ้ย นั่นป้ากู ไปๆ"

น้ำร้องขึ้นแล้วพาเพื่อนๆเข้าไปร่วมฟ้อนกลองตุ้มกับป้าของตัวเอง การฟ้อนกลองตุ้มจะตีอยู่จังหวะเดียว ไม่ได้หวังเอารางวัลอะไรกับเขา เสียงตีกลอง ตุ้ม ตุ้ม วิธีฟ้อนรำก็ทำมือไปตามเสียงกลอง ดูแล้วน่าขันนัก แต่พวกแม่บ้านรุ่นป้าๆจะนิยมฟ้อนกลองตุ้มกันแต่งหน้าแต่งตัวแบบลืมแก่ไปเลยทีเดียว

"อ้าว น้ำ มาๆกินเบียร์กับป้า พี่ยนต์เขามาจากกรุงเทพฯ"

พอเห็นหน้าหลานก็ร้องเรียกกอดคอให้เข้าไปกินเบียร์

"ไหนล่ะป้าพี่ยนต์น่ะ น้ำจะไถเบียร์กิน"

น้ำพูดติดตลกแต่ป้ากวักมือเรียกลูกชายที่คอยถ่ายรูปแม่ของตนอยู่ไม่ไกลให้เข้ามาหา

"ดีพี่ยนต์ โหหล่อขึ้นตั้งเยอะแน่ะ จำไม่ได้นะเนี่ย"

"พูดแบบนี้มึงจะไถเบียร์กูใช่ไหม ไปๆไปเอา"

น้ำยิ้มออกมาสรุปก็ได้เบียร์ช้างมาครึ่งโหลให้เพื่อนช่วยกันถือ คณะมั่วซั่วของน้ำและเพื่อนก็วนเวียนอยู่กับคณะกลองตุ้มไม่ได้ไปไหนไกล

"เฮ้ย มึงดูไอ้ต้าดิ แหมแอบจับมือกันนะมึง"

เดือนบุ้ยปากไปทางครูสอนชีวะ ที่เรียกไอ้แบบนี้เพราะมีเหตุตอนที่เข้าเรียนชั้น ม ๔ ใหม่ๆพออาจารย์ต้าเดินเข้ามาในห้องเห็นนักเรียนชั้น ม ๔ มีแค่ ๒๐ คนก็เบะปากแล้วก็พูดจาถากถางไปตามประสา แต่ที่ไม่นับถือกันเพราะเขาเคยพูดว่ารุ่นนี้เป็นแกะดำของโรงเรียน ที่อื่นไม่เอาแล้วถึงต้องมาเรียนที่นี่ แต่สิ่งนั้นมันล่วงเลยมาแล้ว ตอนนี้ไม่ได้คิดติดใจอะไรเพราะเขาเองก็ได้รับผลกรรมของเขาไปแล้ว เนื่องด้วยทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด เด็กนักเรียนที่คั่วด้วยเกิดท้องขึ้นมา จำเป็นต้องออกจากการเป็นครู พอหลายปีให้หลังได้ยินจากเพื่อนว่าครูต้าเองไปเป็นยามอยู่แถวชลบุรี ได้ฟังแล้วก็น่าสงสาร เรียนจบครูมาแท้ๆแต่ด้วยประวัติคงเสียหรือแกประชดชีวิตก็ไม่อาจทราบได้

"อุ๊ยน้ำ ใครวะมึงหล่อมาก"

ลากเสียงท้ายประโยค เมื่อเอ๋แลไปเห็นชายหนุ่มที่คงเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ

"ไหน อ้อ น้ากูเองมึง เป็นนายธนาคารอยู่กรุงเทพฯ"

"ต๊าย หล่อ คงจะแซ่บนะมึง"

"อีห่า เมียเขาเดินตามนั่นมึงไม่เห็นเหรอ"

"อ้าว ทำไมล่ะ จะกินผัวเขานี่ไม่ได้กินเมียเขา"

พูดหน้าตาเฉย เชิดหน้าใส่น้ำหันไปมองคอแทบหักสายตาแสดงอาการออกมาอย่างปิดบังไม่ได้

"เออดี กูจะไปบอกไอ้ไก่"

"บ้ามึง กูล้อเล่นไปอย่างนั้นล่ะ ไปเอาสาโทดีกว่า เบียร์ขมแล้ว"

เดินหนีไปทันที น้ำส่ายหน้าไม่ได้ถือสาหาความเพราะรู้ว่าเอ๋เป็นคนดีแต่พูดไม่ทำจริงจังอะไร

"นี่พวกมึง ไม่ต้องกลับบ้านหรอกกูว่า คืนนี้อยู่ดูหมอลำซิ่งด้วยกันเลย พรุ่งนี้เย็นค่อยกลับ"

บอทเอ่ยเมื่อการแห่บั้งไฟเสร็จลง คณะที่ชนะได้รางวัลที่หนึ่งก็คณะน้าของไก่การรำเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงทั้งเสียงกลองเสียงพิณระทึกใจยิ่งนัก ส่วนที่ได้ที่สองเป็นคณะมาจากบ้านโพนทัน ส่วนคณะจากโรงเรียนได้รางวัลพิเศษ

"เออ ดีเหมือนกันขึ้เกียจกลับบ้าน"

เล็กเอ่ยขึ้นแล้วเดินขึ้นเรือนไปเอาถาดข้าวหมากลงมาแจกเพื่อนๆ

"แต่กูยังไม่ได้บอกแม่เลยมึง เดี๋ยวกลับไปทำงนบ้านช่วยแม่ก่อนเดี๋ยวกลับมา"

เดือนแจงเหตุผล เพราะบ้านของเดือนกับพวกที่อยู่บ้านใหญ่ไม่ไกลจากบ้านของน้ำมากนัก กลับไปอาบน้ำทำงานบ้านก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ไม่สาย แต่คนที่อยู่บ้านไกล มีเล็ก กาญจน์ กรุง ต่างพากันอยู่ที่บ้านของบอทเพราะกลับลำบาก ที่จริงหลังจากแห่บั่งไฟเสร็จป้าของน้ำพาทุกคนไปแห่กลองตุ้มในบ้านระแวกวัดรวมมาถึงบ้านของน้ำด้วยเพื่อไถกินเหล้ากินขนมฟรี

"โอ้หะโอละโอ้หะโอ ขอเหล้าเด็ดละเพิ่นให้เหล้าโท ขอเหล้าโทนำเพิ่นจักแก้ว เพิ่นให้แล้วก็จะให้พร ให้ลูกเจ้าดก ให้กกขาใหญ่ ให้เส้นขนดก ตกลงลากดิน โอ้หะโอละโอ้หะโอ"

"ให้พรอะไรวะมึงให้เส้นขนดก ประหลาดแท้"

เล็กถามขึ้นทำหน้าแสยง น้ำเองก็ตอบไม่ได้แต่มารู้ภายหลังว่ามันเป็นคำคล้องจองเพื่อให้บรรยากาศรื่นเริงขึ้นเท่านั้นเอง งานบุญบั้งไฟมีประจำทุกปี แต่ละปีกลิ่นอายไม่เหมือนกัน แต่ละปีความรู้สึกแตกต่างกัน แต่จำได้ว่าปีนั้นสนุกและมีความสุขมากที่สุดเท่าที่ชีวิตและความทรงจำจะระลึกย้อนกลับไปได้

วิสัชนา ถ้าดวงตาทั้งสองคือหน้าต่างแห่งใจ ปากนั้นไม่ใช่ฤๅคือประตูของใจ จะอ้าปากเปิดรับสิ่งใดเข้ามาในใจ หรือจะปิดปากไม่รับสิ่งใดเข้ามาในใจ


เขียนโดย eiky


ปล บรรยายไปเรื่อยๆนะคร้าบ ไม่เน้นอะไรมากมาย ตอนนี้อ่านแบบสบายใจได้ และคงอีกหลายตอน ไม่ต้องกลัวน้า กลิ่นมันยังไม่มาหรอกคร้าบ ผมเองไม่ชอบ มาม่า ชอบ ไวไวซองแดงมาดกว่า แซ่บบบบบ กว่า ขอบอก ฮ่าๆๆๆๆ

ขอบคุณทุกเมนต์นะครับ :กอด1: อ่านแล้วอบอุ่นจัง อบอุ่นจริงๆเหมือนเจอเพื่อนเก่า เวอร์ไปไหม แต่จริงๆนะ รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ :L2:

ปล พิเศษ น้องมิเดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้วเหรอครับ แต่ก่อนเห็นมาได้เฉพาะคืนวัน พฤหัสถึงเย็นวันอาทิตย์ ดีใจๆ อิอิ :L2: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:53:50 โดย eiky »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มจ่ะ.........................

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ชอบตอนน้องน้ำไปไถเบียร์พี่กินฟรีจัง ดูฮาๆดี
อยากลองหาโอกาสไปงานบุญบั้งไฟดูบ้างจังน่าจะสนุกไม่ใช่น้อย

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
ชอบตอนน้องน้ำไปไถเบียร์พี่กินฟรีจัง ดูฮาๆดี
อยากลองหาโอกาสไปงานบุญบั้งไฟดูบ้างจังน่าจะสนุกไม่ใช่น้อย

หรือจะจัดทริปดี น้องลาส้ม อิอิ ครายจาไปยกมือขึ้น อิอิ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
โห รอบนี้มายาวถูกใจมาก  o13 ว่าแต่ฝนนี้แค่ช่วยเพื่อนพอนะ อย่ามากไปกว่านี้ เสียงทุกทางกลัวน้องน้ำช้ำใจ  :impress2:

humanculus

  • บุคคลทั่วไป
ถึง  คุณอิ้กกี้ที่รัก


รักตายละ


คิดถึงคิดตึ้งงงงง    อ่านแล้วเสียวไปตามๆกัน   คืออ่านแล้วมีความสุข แต่คิดว่าพอถึงดราม่า   กรุเตรียมผ้าเช็ดหน้า

ไว้ได้เลยยยยย



ขอบคุณสำหรับ ทุกอย่างที่ให้มา ขอบคุณที่เรามีเรา  เออ  ออกทะเลแล้ว   5555


เอาเป็นว่า   มีความสุข   จนคำสุดท้าย  เลยเหอะ  รักกันๆ  แค่สองคำเธอให้ฉันฉันให้เธอ  (เวอร์ไปไหมคนดี)

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
จะมาม่า ไวไว ยำยำ อะไรก้ไม่อยากได้ทั้งน้านนนนนนนนนนนนนน
ขอให้น้ำหับบอทรักกันอย่างสงบสุขเถอะ...

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
ชีวิตต่างจังหวัดน่าสนุกนะคะ มีเทศกาลรื่นเริงอยู่หลายเทศกาลเลย
อยู่ในกรุงเทพฯ ไม่มีเทศกาล บรรยากาศ ภาพสายสัมพันธ์ของคนในชุมชนแบบนี้เลย


ปล พิเศษ น้องมิเดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้วเหรอครับ แต่ก่อนเห็นมาได้เฉพาะคืนวัน พฤหัสถึงเย็นวันอาทิตย์ ดีใจๆ อิอิ :L2: :กอด1:

ช่วงนี้ปิดเทอมค่ะ ไม่ต้องไปเข้าชั้นเรียน ปั่นแต่รายงาน สงสัยอาจารย์คงคิดว่าปิดเทอมเดี๋ยวเด็กๆ ไม่มีอะไรทำแล้วจะเบื่อ เลยกองรายงานมาให้ซะ...:sad4:

ปล. แลดูแฟนๆ นิยายเรื่องนี้จะกลัวฉากดราม่ากันจังเลยนะคะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ I_ARMS

  • >*<
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ไวไว อร่อยแค่ไหนก็ไม่เอา --*

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วอยากไปจุดบั้งไฟบ้างเน้ออ....ท่าจะสนุกดีแท้...

พูดถึงสาโทแล้วเปรี้ยวปาก น้ำลายสอ... o13

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
จะมาม่า แึค่ไหน อีป้า แก่ ๆ บ่อยั่น เพราะ ร้องสะใจไปแล้ว กับเรื่อง ให้รักนำทางใจ 555

เรื่องนั้นเรื่องเดียว ทำป้า เผาเต่า ปี่แตก ไป 3 วัน จนคนข้าง ๆ มันถาม ว่า ทำไมงานเครียดมากเหรอ

พักร้อนไหม แล้วคุณ ๆ คิดว่าดิชั้นจะตอบความจริงเหรอ 555 ว่า อ่านนิยายแล้วจิตตก

ผลพวงคือ คนข้าง ๆ เอาใจสารพัด งานบ้านทำให้หมดทุกอย่าง เป็นคุณนายนอนชี้นิ้ว ไป 3 วัน

แต่วันที่ 4 ความแตก 555

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
อ่านรวดหลายตอนเลย ฮ่าๆ  ^^

ชอบครับ รออ่านต่ออยู่นะ

By DekMorPai

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
บรรยากาศดูคึกครื้นดีจังคุณอิ๊ก น่าสนุกดี
ทั้งบรรยากาศ ทั้งอาหาร เอามาหลอกล่อให้เบนความสนใจจากมาม่าตลอด  :laugh:


อย่างที่คุณอิ๊กเคยบอกไว้ว่าไม่นิยมความพลัดพราก (ซึ่งคนอ่านก็ไม่นิยมความพลัดพรากเช่นกัน ถ้าไม่จำเป็น คริคริ)
ฉะนั้น ดราม่าแค่ไหน จัดหนักได้เลย  ไม่หวั่น!
 :a1:

แต่ตอนนี้เกิดความสงสัย เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองและเดาร้อยแปดถึงจุดเปลี่ยนให้ดราม่า..
 :a3:

ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เสียวแปลกๆๆ

หวานอ่ะมันหวานอยู่นะ

แต่ก็ยังเสียวแปลกๆ

ิอิอิ o13

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
เอามาม่าไปบริจาคชาวบ้านตามจังหวัดที่น้ำท่วมกันก่อนนะคะคุณอิ๊ก  อย่าเพิ่งเอามาแจกชาวเล้าค่ะ ยังไม่อยากกินค่ะ  :laugh:
ช่วงนี้กินเจ งดมาม่าสักระยะค่ะ  :m20:

คุณอิ๊กอัพบ่อยมาก ชอบๆ  :L1:
 :กอด1:ขอบคุณค่ะ  :call:

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวมั่งจัง  o13
ไม่เคยไปไหนไกลจากภาคกลางเลย  :เฮ้อ:

 :กอด1:คุณอิ๊ก :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
มารอตอนใหม่ค่ะคุณอิ๊กกี้ วันนี้มาต่อไหมคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
มารอตอนใหม่ค่ะคุณอิ๊กกี้ วันนี้มาต่อไหมคะ  :กอด1:

น้องมิคร้าบ วันนี้คงไม่ทันอ่ะ พยายามเขียนแต่เขียนผิดเขียนถูก เลยพักก่อน พรุ่งนี้น้ากะว่าน่าจะลงหลังเที่ยงคืน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
กรรม รอต่อไป 555

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
มารอตอนใหม่ค่ะคุณอิ๊กกี้ วันนี้มาต่อไหมคะ  :กอด1:

น้องมิคร้าบ วันนี้คงไม่ทันอ่ะ พยายามเขียนแต่เขียนผิดเขียนถูก เลยพักก่อน พรุ่งนี้น้ากะว่าน่าจะลงหลังเที่ยงคืน

โอเค รับทราบค่ะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
จะมาม่า จะไวไว หรือยำยำ ก็จะอ่านเหมือนเดิม

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
กว่าจะเข้ามาอ่านอีกได้
เลือดแถบกระเด็นๆ
ยุ่งมากๆเลย แงะ

มาอ่านต่อแล้วนะ 55
แอบเสียวม่าม่า และไวไวหก
เดี๋ยวมันจะลวกซะ  :กอด1:

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
น้องน้ำจ๋า.......ญาติเยอะจัง...น่ากลัวยังไงไม่รู้...
จะเป็นตัวแปรให้น้ำกับบอทต้องห่างกันไหมอ่ะ....... :confuse:
ต้องสะสมความหวานเอาไว้มาก ๆ หน่อย...เอ๊า..ฮึบ ๆ .. :z2:

อ่านไป...ซึมซับบรรยากาศดี ๆ ไป...มีความสุขจัง...
 :pig4: น้อง eiky  :L1:
รักกัน ๆ น้า.....

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๑๘

ปุจฉา สิ่งใดมองไม่เห็นด้วยตาแต่สัมผัสมันได้ด้วยหัวใจ

ตอนกลางคืนที่ลานวัดมีวงหมอลำซิ่งมาตั้งวงตั้งแต่ตอนแห่บั้งไฟตั้งแต่เย็นแล้ว พอประมาณสองทุ่มกว่าๆเสียงดนตรีก็ดังแว่วออกมาจากในวัด หมอลำซิ่งนี้แตกต่างจากหมอลำหมู่ที่มากันเป็นคณะใหญ่ เพราะหมอลำซิ่งเองจะมีคนร้องชายหญิงฝ่ายละคนเท่านั้นหางเครื่องอีกสี่ห้าคน สมัยก่อนแม่นิ่มบอกว่าหมอลำซิ่งจะมีนักร้องฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงแล้วก็หมอแคนเท่านั้นเวลาไปลำที่ไหนก็จะขี่ม้าไป ผ่านหมู่บ้านไหนคนก็จะมามุงดูด้วยความตื่นเต้น ถือว่าโด่งดังเหมือนดารามากในสมัยนั้น เวลาลำก็ลำบนแคร่ไม้ไผ่ธรรมดาไม่ได้มีเวทีอะไร แต่ปัจจุบันวงหมอลำซิ่งก็จัดทำเวทีใหญ่โตไม่น้อยหน้าหมอลำหมู่เลย ที่จริงไม่น่าว่าจะเรียกว่าหมอลำ เพราะจะร้องเพลงอย่างเดียวตั้งแต่เปิดการแสดงจนรุ่งสาง ร้องเพลงคนนั้นคนนี้แล้วก็เกี้ยวพาราสีกันแต่ผู้คนก็ชอบดูเพราะถูกใจพวกขี้เมาเป็นยิ่งนัก

"อีพวกนั้นทำไมยังไม่มาวะ เสียงดนตรีขึ้นแล้ว โอ๊ยคัน"

กาญจน์ทำท่าตัวสั่นนั่งไม่ติดแคร่

"เกินไปอีกาญจน์ รออีกหน่อย เต้นให้ถึงเช้านะมึง"

กรุงเอ่ยขึ้นจากปกติเป็นคนไม่ค่อยพูด

"เจอกันค่า รู้จักกาญจนาพร ศรวิชัยน้อยไป"

"อีบ้า ชื่อใครวะ หมอลำเหรอ"

เล็กหัวเราะขึ้นแล้วยกขันสาโทเข้าปาก

"ไม่รู้โว้ย พูดไปงั้นล่ะ ว่าแต่น้ำมีเบียร์อีกไหม เอามายกสักขวดซิ"

"มีเดี๋ยวไปเอามาให้"

เมื่อตอนต้นปีที่บ้านของน้ำซื้อตู้เย็นขนาดหกคิวมีโครงการว่าจะออกรถกระบะอีกปีหน้าเพราะพ่อถาวรจะร่วมกู้กับกองทุนของทางโรงเรียน บ้านแม่นิ่มเวลามีอะไรแช่เย็นก็จะเอาไปฝากที่ตู้เย็นบ้านของน้ำเวลาจะใช้ค่อยมาเอา เสียงแขกเหรื่อยังจอแจกันอยู่หน้าบ้านของน้ำทั้งครูชั้นประถม เพื่อนๆของพ่อถาวรและแม่บุญช่วยจากต่างบ้าน น้ำไปชะเง้อคอมองอยู่รั้งข้างบ้าน พอดีเห็นน้องชายจึงกวักมือเรียก

"หินๆ หยิบเบียร์ให้พี่สองขวดดิ"

"ทำไมไม่มาเอาเองล่ะพี่น้ำ"

"คนเยอะกูขี้เกียจคุย เร็วๆอย่าพูดมาก"

หินสะบัดหน้าไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินเข้าไปในบ้านหยิบเบียร์มาให้พี่ชายแต่โดยดี สักพักเพื่อนคนอื่นๆก็มารวมตัวกัน หาข้าวหาปลามาให้เพื่อนๆกินกะว่ากินเสร็จจะออกไปวัดกัน แต่ฝนก็เทลงมา

"อ้าวฝนตกว่ะ เซ็งเลย"

เดือนบ่นเพราะดูท่าฝนจะตกลงมาหนักเอาการ

"เดี๋ยวมันก็หยุดมึง มาเล่นไพ่กันดีไหม เล่นไพ่กินสาโทกัน"

เอ๋ออกความคิดเพราะตอนนั้นไม่มีกิจกรรมอะไรทำแล้ว

"เออดีเหมือนกัน ใครจะเป็นจ้าว"

"เวียนกันสิมึง จะได้กินกันทุกคน"

บอทบอกแล้วพาเพื่อนๆขึ้นไปตั้งวงบนบ้าน เสียงเฮฮาแข่งกับฝน มีการกินสาโทกันจนชนิดที่หน้าแดงไปตามๆกัน สายฝนที่โปรยปรายกระหน่ำลงมากระทบหลังคาสังกะสีมันช่างน่าฟังยิ่งนัก เสียงดังสม่ำเสมอไม่น่ารำคาญแต่อย่างใด ยิ่งเวลานอนแล้วฝนตกฟังเสียงนั้นยิ่งทำให้หลับสนิทเคลิบเคลิ้มไปได้ แม้จะไม่ชอบหน้าฝนเท่าใดนักแต่ก็มีสิ่งนี้เองที่ชอบ ยิ่งได้นอนกอดคนที่รักความสุขมันก็อยู่แค่นี้เอง

พอฝนหยุดก็พากันออกไปดูหมอลำซิ่งเอ๋กับกาญจน์เต้นไปตั้งแต่ออกจากบ้านเพราะเมา ทุกคนต่างเมากันถ้วนหน้า เดินผ่านหน้าบ้านยายหน่อง น้าคนที่เป็นตำรวจก็เรียกน้ำไปให้เงินไปซื้อเบียร์แจกเพื่อนๆอีก ลาภลอยมาแต่ไกล พอไปถึงวัดก็พากันไปอยู่ใต้ต้นมะขามไม่เข้าใกล้หน้าเวทีมากนักเพราะหน้าเวทีถูกจับจองไปด้วยพวกขี้เหล้าแน่นขนัดอยู่ เล่นกันรุนแรงจนบางทีคิดว่าทะเลาะกัน คนแก่กับลูกเด็กเล็กแดงก็นั่งอยู่ไกลๆ พอไปยืนใต้ต้นมะขามได้ก็เต้นกันกระหน่ำไม่มีใครยอมใคร การเต้นก็จะเน้นเต้นแบบลูกทุ่งไม่ได้ออกเสตปลีลาเหมือนการไปเที่ยวตามผับตามบาร์ เต้นเอามันเต้นยังไงก็ได้ให้ข้ามคืน สาโทหมดไปแล้วแต่เบียร์มีให้กินไม่ขาดเพราะน้ำกับบอทเองคอยไปไถบรรดาญาติที่มาจากเมืองกรุง

พอรุ่งเช้าก็ลากกันกลับมานอนกองรวมกันอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้านของบอท มีบางส่วนขึ้นไปนอนบนบ้าน แม่นิ่มก็ไม่ว่าอะไรใจดีทำกับข้าวให้กินตอนเช้าอีกต่างหาก

"กูจะมีแรงเต้นไหมเนี่ย โอยปวดตัว"

เดือนอวดครวญในตอนเช้าเพราะเมื่อคืนส่ายมากไปหน่อย

"ไหวสิมึง ไม่ไหวก็นอนเฝ้าบ้านนี่ล่ะ"

"ว้ายตาย มึงสินอนน่ะไอ้ติ๊ก แค่นี้สิวสิว เอาสาโทมาเพิ่มพลังให้มันหน่อยสิน้ำ อีนี่พอเหล้าเข้าปากก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม"

เอ๋บอกเพื่อนๆพากันหัวเราะ เดือนเองก็มองหาแต่สาโท วันจุดบั้งไฟจะเริ่มจุดกันประมาณสายๆ สถานที่จุดก็ที่นาท้ายหมู่บ้านที่ตอนนี้มีร้านค้าตั้งแถวกันเรียงรายแล้ว เวทีหมอลำซิ่งหันหน้าเข้ามาทางหมู่บ้านตั้งใจจะก่อกวนพวกที่ไม่ออกมาดูให้อยู่ติดบ้านไม่ได้ บั้งไฟที่มาแข่งขันไม่ได้มีเฉพาะแต่บั้งไฟของบ้านตัวเองเท่านั้น หมู่บ้านในระแวกใกล้เคียงหรืออำเภอที่ทำบั้งไฟล่ารางวัลก็แห่มาร่วมแข่งขัน มีพิธีกรภาคสนามคอยพูดนั่นพูดนี่ให้บรรยากาศแลดูอึกทึกครึกโครมไปอีกเท่าตัว วันจุดบั้งไฟนี้ชาวบ้านจะไม่มีใครออกไปทุ่งนากัน เหมือนเป็นที่รู้กันว่ามันอันตราย ส่วนมากก็จะออกมาดูบั้งไฟและหมอลำซิ่ง เสียงดนตรีเริ่มกระหึ่มดังขึ้นประมาณสิบโมง เพื่อนๆของน้ำยังงัวเงียหน้าตาแลดูไม่น่าจะไหว แต่พอกินข้าวเสร็จก็พากันเดินตามกันออกไปทุ่งนา

"แดดร้อนว่ะมึง เต้นไปก็ไม่สนุกหรอกกูว่า กลับไปนอนก่อนดีไหม เย็นๆค่อยออกมา"

ฝนเสนอความคิดอีกครั้ง

"แป๊บสิมึง ไปนั่งกินส้มตำเผ็ดๆก่อนค่อยกลับไปนอน เออแต่แดดร้อนจริงๆนั่นล่ะ"

เดือนเห็นด้วย สรุปพากันไปกินส้มตำกับน้าเพ็ญที่ขายของอยู่ที่โรงเรียนและสนิทกันกับห้องของน้ำเป็นอย่างดี สั่งพิเศษคือเผ็ดแบบลืมผัวเห็นกาญจน์บอก เผ็ดยังไงให้ลืมผัวก็ให้จำนวนพริกเยอะกว่าเส้นมะละกอ น้าเพ็ญเองก็รู้กันจัดมาตามคำขอ พอกินก็น้ำหูน้ำตาไหลกันทุกคน นั่งดูเขาร้องเพลงอยู่สักพักก็กลับเข้ามานอน พอแดดร่มลมตกประมาณสี่โมงเย็นก็พากันออกไปใหม่อีกรอบ คราวนี้เต้นกันกระจาย น้ำกับบอทเองก็คอยมองหาญาติตลอดเจอใครก็เข้าไปไถขอเบียร์ น้ำเองญาติเยอะทั้งป้า น้า อา ลุง มองไปทางไหนก็เจอ ส่วนบอทญาติไม่เยอะน้ำจึงเป็นคนออกโรงเอง ได้เบียร์มาพอสมควรเมากันหน้าแดงทุกคนกว่าจะแยกย้ายกันกลับก็มืดพอดี

"น้ำขึ้นไปหายายหน่องหน่อยสิ เห็นเค้าถามหา"

แม่บุญช่วยบอกน้ำตอนค่ำหลังจากที่กินข้าวเสร็จ บอทกลับไปอาบน้ำที่บ้านส่วนน้ำเองก็อาบน้ำเสร็จกำลังจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

"มีอะไรเหรอแม่"

"ก็เขาอยากคุย ไปอยู่เมืองนอกเมืองนามานานก็อยากคุยกับหลานบ้างสิ"

"อืม เดี๋ยวน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ว่าแต่แม่ไปโม้อะไรไว้เยอะป่ะเนี่ย"

"โม้อะไร ไม่มีหรอก ไปๆรีบไปเดี๋ยวแกจะรอนาน"

น้ำดักคอมารดาไว้เพราะรู้ดีว่ารายนี้ขาโม้เยินยอลูกชายเสียจนน้ำเองรู้สึกว่ามันเกินจริง พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินขึ้นไปยังบ้านยายหน่อง ลูกหลานเขานั่งกันอยู่เต็มบ้าน ตอนแรกชักไม่แน่ใจที่จะเดินเข้าบ้าน เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบสถานที่ที่มีคนจอแจกันอยู่มากนักแม้จะเป็นญาติก็จริงแต่ก็ใช่ว่าจะได้เจอหน้ากันทุกวัน

"อ้าวมาแล้วเหรอน้ำ มาๆมานั่งกับยายหน่อย"

"ครับ"

น้ำหลุบตาลงก้มตัวเดินไปนั่งที่โต๊ะหน้าบ้านของยายหน่อง ตอนนั้นมีน้าอ้วนกับยายหน่องนั่งอยู่ ส่วนข้างในบ้านก็จอแจคุยกันเสียงดังอยู่

"เห็นแม่บุญบอกว่าเราเรียนดีเหรอ"

คิดไว้ไม่มีผิดว่าแม่ของตนต้องโม้แตกกระจายข่าวเอาไว้แน่ๆ

"ไม่เก่งมากหรอกครับ น้ำพอไปได้"

"น้ำจบ ม ๖ แล้วอยากเรียนต่อที่ไหน"

น้าอ้วนถามขึ้น

"น้ำว่าจะลองเอ็นฯเข้า ม เกษตรน่ะครับน้าอ้วน"

"อืม ดีๆ ไม่อยากไปเรียนที่เมกาเหรอ"

เหมือนหูแว่วน้ำทำตาโตขึ้นมามองหน้าญาติทั้งสอง

"อยากไปเรียนที่เมกาไหมล่ะ ตาพลกับน้องพลอยก็เรียนอยู่นะ"

ชื่อที่เอ่ยคือลูกของน้าอ้วนเอง น้ำเม้มปากแน่นใจเต้นแรง

"ยังไม่ได้คิดเลยครับ น้ำว่าถ้าน้ำไปเรียนไกลๆค่าใช้จ่ายก็เยอะสงสารพ่อกับแม่ ไหนจะน้องอีก"

"เข้าท่าๆ แต่เราไปเรียนที่โน่นเราก็ทำงานไปด้วยสิน้ำ ตาพลกับน้องพลอยก็ทำอยู่ร้านอาหารไทย ไม่หนักหรอก"

น้ำสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก ไม่รู้ทำไมรู้สึกหวั่นไหว แม้ในใจจะค้านไม่ว่ายังไงก็จะไม่ไป จะไม่ไปจากที่นี่ ไม่ไปจากพ่อแม่ จะไม่หนีจากบอทคนที่รักสุดใจไปไหน พอกลับจากบ้านยายหน่องน้ำก็ดูเหมือนครุ่นคิดใบหน้าเครียด

"เป็นอะไรไปน้ำ หน้าเครียดเชียว"

บอทถามขึ้นก่อนเข้านอน

"อ้อ ไม่มีอะไรหรอกคงมึนสาโทน่ะบอท นอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนอีก"

"สองสามวันมานี่เราไม่ได้กอดกันเลยเนอะ คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว"

พอตัวถึงฟูกบอทก็เบียดกายเข้ากอดกอดร่างของน้ำไว้ น้ำเองกระชับมือของบอทให้แน่นกับอก

"น้ำก็คิดถึงบอท คิดถึงมาก"

พยายามสะบัดความคิดที่วิ่งเข้ามาให้หลุดไปจากหัว เรื่องในวันข้างหน้ามันยังไม่เกิดอย่าเพิ่งไปคิด ความปรารถนาดีของญาตินั้นซึ้งใจนักแต่บางอย่างมันก็ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายกว่าว่าจะอยู่หรือไป คนที่กำลังกอดร่างอยู่นี้นี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญให้น้ำตัดสินใจได้ง่ายขึ้นโดยที่ไม่ต้องลังเล

พอหน้าเทศกาลผ่านพ้นไปฤดูการปักดำก็รออยู่ไม่มีเวลามากพอให้นิ่งเฉยอยู่ได้ น้ำกับบอทไปโรงเรียนตามปกติ พอเลิกเรียนก็รีบลงไปไถนาไว้ให้พ่อถาวรกับแม่นิ่ม อยู่จนค่ำมืดค่อยกลับบ้าน ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปนาแต่เช้า การปักดำนี่ลำบากกว่าการเก็บเกี่ยวเพราะเวลาปักดำต้นกล้าต้องลงไปแช่ในน้ำทั้งวัน ก้มอยู่อย่างนั้นหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน แดดร้อนก็ไม่หวั่นฝนตกก็ไม่ถอย ถ้าช้านายิ่งจะเสร็จช้ากว่าคนอื่นเขาต้องรีบทำ จ้างวานได้ก็ทำหาแรงให้เพื่อนบ้านมาลงแขกช่วยได้ก็ต้องรีบเร่ง นาของน้ำเสร็จไปตั้งแต่อาทิตย์แรกเพราะพ่อถาวรจ้างคนช่วย พอเสร็จจากนาของตนก็ไปช่วยขลุกอยู่แต่นาของแม่นิ่มที่มีถึงสามนา พระพิรุณโปรยปรายลงมาเกือบทุกวันทั้งเช้ากลางวันเย็น พื้นดินก็ชื้นแฉะไปด้วยน้ำเจิ่งนอง ในป่าเองมีเห็ดต่างๆ มีผลหมากรากไม้ละลานตาอยู่ มีลูกลำดวนเป็นพวงสีม่วงแก่ระย้าอยู่เต็มต้น ลูกเงาะป่า ลิ้นจี่ป่า เห็ดก็มีมากมายหลายชนิด นับว่าลืมกุ้งหอยปูปลาไปได้เลยทีเดียว

"กูล่ะเบื่อฝน จะตกทำไมเนี่ย มาโรงเรียนลำบากว่ะ"

เล็กบ่นแต่เช้าพอเจอหน้าน้ำกับบอทที่เดินกางร่มมาด้วยกันแม้จะถือร่มคนละอันแต่ก็เดินตัวติดกันไม่ยอมห่าง

"หน้าฝนนี่มึง ฝนมันก็ต้องตกดิวะ เออไหนบอกจะเอาเม็ดบัวมาให้กู"

น้ำทวงที่เล็กกับเพื่อนที่อยู่บ้านไกลบ่นกันเพราะเวลามาโรงเรียนจะเอารองเท้าถุงเท้ารวมทั้งกระโปรงนักเรียนใส่ในกระเป๋ามาเอาถุงพลาสติกใบใหญ่ห่ออีกทีหนึ่ง ใส่กางเกงขาสั้นเอาผ้ายางกันฝนคลุมตัวมาลำบากยากเข็ญถ้าวันไหนฝนตกแต่เช้า วันนั้นต้องรีบมาจอดรถที่บ้านเพื่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นกระโปรงสวมรองเท้าให้ถูกระเบียบ

"อยู่ในกระเป๋า นี่น้ำมึงทำการบ้านของอาจารย์แววมาป่าววะลอกหน่อย"

"ถึงห้องแล้วค่อยลอกดิมึง กูก็ยังไม่ได้ลอก"

บอทบอกแล้วยิ้มแหยๆให้น้ำ

"บอกให้หัดทำก็ไม่ยอมเห็นไหมจะลอกท่าเดียว"

"อ้าวน้ำเก่งอยู่แล้วนี่ จะทำไปทำไมอ่ะ ยังไงน้ำก็ไม่ไปไหนจากบอทอยู่แล้วนี่"

ตอกย้ำความรู้สึกให้มั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่าจะไม่ไปไหน จะไม่ไปไหนจริงๆ ยิ่งนานวันยิ่งผูกพันธ์ ยิ่งอยู่ใกล้หัวใจมันยิ่งหลอมรวมกัน บางอย่างไม่ต้องพูดแค่มองตากันก็เข้าใจแล้ว จะให้หนีไปไหนได้ จะให้ต้องพลัดพรากจากกันไปที่แห่งใดอีก คงไม่ยอม ไม่มีทาง

"เรียงความวันสุนทรภู่ ทำไมต้องบังคับด้วยวะจารย์บลน่ะ กูยิ่งเขียนไม่เก่งอยู่ด้วย"

หลังจากคาบวิชาภาษาไทยวิชาสุดท้ายก่อนพักกลางวันเดือนเองก็บ่นออกมา

"คงไม่ค่อยมีใครส่งมั้งแก เอาน่าส่งๆไปเถอะจารย์บลบอกว่ามันเป็นคะแนนด้วยนี่"

"นั่นล่ะตัวปัญหาจะให้เริ่มเขียนยังไงดีวะ สุทรภู่ประดู่ชัย อะไรงี้เหรอ"

"บ้ามึง เขียนเอาประวัติรวมๆกันไปสิ ผสมกับความคิดของตนเอง ยกมาสักเรื่อง สักวรรคก็ได้ในบทกลอนน่ะ"

น้ำอธิบายแต่เดือนเองยังทำหน้าเซ็งอยู่

"น้ำนี่เก่งเนอะ เรียนก็เก่ง เราว่าน้ำเอ็นฯติดแหงๆเลยอ่ะ"

"พอกันล่ะมึง หนังสือกูไม่ค่อยได้อ่านไปแต่นา แต่มึงก็เก่งเลขกว่ากูนี่ เลขน่ะมึงก็รู้ว่ากูไม่ค่อยถนัด"

พอขึ้นชั้น ม ๕ ก็เริ่มพากันคิดเรื่องเรียนต่อแต่คุยกันซีเรียสไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เฮฮากันไปเรื่องอื่นเสีย รุ่นนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องเอ็นฯสักเท่าไรนัก รด ก็ไม่เรียนเพราะคิดว่าเสียเวลาเรียน ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนอย่างที่บอกไว้เลย ไม่เอาอะไรทั้งนั้น เอาแต่เพื่อนกับอาจารย์นางน้อย และตอน ม ๕ เองมีอาจารย์บลสอดแทรกเข้ามา แม้ภายนอกจะดูเข้มงวดกับการสอน แต่นอกเวลาเรียนกลับเห็นว่าเป็นที่ปรึกษาที่ดีมากคนหนึ่ง

"น้ำ ครูว่าเธอมีพรสวรรค์ในการเขียนนะ อย่าทิ้งนะน้ำลองเขียนไปเรื่อยๆ ลองส่งไปให้สำนักพิมพ์เขาอ่านดู พยายามอ่านหนังสือของนักเขียนมีชื่อให้เยอะๆ ในห้องสมุดก็มี เราจะได้พัฒนาฝีมือ"

อาจารย์บลบอกหลังจากที่น้ำไปส่งเรียงความหลังจากที่กวาดตาอ่านไม่นานอาจารย์บลก็เอ่ยขึ้น

"โหจารย์ผมเขียนดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ"

"ครูไม่ได้บอกว่าเธอเขียนดีนี่น้ำ ครูบอกว่าสำนวนการเขียนของเธอมันแปลกดีไม่ซ้ำใคร มันน่าสนใจ ถ้าเธอฝึกฝนให้มากๆ มันจะเป็นผลดีกับตัวเธอนะ"

"ครับ ผมจะพยายาม"

น้ำยิ้มออกมาในใจรู้สึกประหลาด เรื่องเรียนมีคนชมมาเยอะแล้วแต่ไม่เคยรู้สึกดีใจแบบนี้มาก่อน เรื่องเขียนหนังสือไม่เคยติดอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย ที่เขียนเรียงความไปเขียนออกแนวประชดประชันอาจารย์บลเสียอีก เพราะเปิดหัวเรียงความมาก็บอกว่า "เคยนึกบ้างไหมว่าถ้าภาษาเราไม่มีบทกลอน ไม่มีทำนองเสนาะ ภาษาไทยเราจะน่าอ่าน น่าฟังไหม แล้วเคยนึกไหมว่าใครเป็นต้นความคิดหรือครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้แขนงนี้ อาจจะมีมานมนานแล้ว แต่ในที่นี่จะกล่าวถึงสุนทรภู่ เราเรียนบทกลอนกาพท์เห่เรือของท่าน เคยถามตัวเองไหมว่าเราได้อะไรจากการท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองอยู่ ท่องเพราะกลัวอาจารย์คนสอน หรือท่องเพราะต้องการเรียนให้ได้คะแนนดีๆเพียงเท่านั้น ถ้าเราตั้งใจอ่านและทำความเข้าใจในแต่ละบทแต่ละบาทของบทกลอนเราจะเห็นได้ว่าท่านเองได้ให้แง่คิดต่างๆไว้มากมาย แง่คิดที่ไม่เคยล้าสมัยไปเลยไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด จะหักอื่นขืนหักก็จักได้ หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก สารพัดตัดขาดประหลาดนัก แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ เห็นจะจริงตามคำท่านสุนทรภู่ทุกถ้อยคำ"

การเขียนเรียงความแนวนี้ไม่เคยมีมาก่อนในโรงเรียนมัธยมของน้ำ นับว่าเป็นเรียงความที่แปลกแหวกแนวเขียนไปในแนวเสียดสี พอวันสุนทรภู่มาถึง น้ำเองก็ได้รับรางวัลที่สาม แต่น่าประหลาดที่รางวัลที่สามอย่างน้ำกลับได้เป็นคนไปอ่านเรียงความของตนต่อหน้าเพื่อนๆนักเรียน ทั้งที่คนที่ได้ที่หนึ่งและสองไม่ได้รับเกียรตินี้ พออ่านเพื่อนๆก็ฮือฮา นอกจากกิจกรรมการประกวดเรียงความบทกลอนแล้ว ยังมีการประกวดจัดบอร์ดของห้องต่างๆ ซึ่งห้องของน้ำเองเอ๋ก็จัดการกับฝน จัดได้อย่างน่าทึ่งเพราะเอาผ้าขาวม้าสีสันสดใสมันมัดลวดทำเป็นดอกไม้ประดับประดาอยู่ ใครเห็นก็ร้องออกมาเพราะจับใจเหลือเกิน ห้องของน้ำเองมีการแต่งกายเป็นนางในวรรคดีอยู่หลายคน มีกาญจน์แต่งเป็นนางผีเสื้อสมุทร ฝนแต่งเป็นนางวันทอง ติ๊กแต่งเป็นพระอภัยมณี ได้รางวัลกันทั้งสามคน นับเป็นอีกงานที่สร้างชื่อเสียงให้โดยเฉพาะอาจารย์นางน้อยที่หน้าบานเชิดกว่าใคร

"ต้องให้ได้อย่างนี้น้ำ เป็นไงล่ะ ยุคมืด เป็นไงล่ะแกะดำ ฮ่าๆ ห้องกูกวาดมาทุกรางวัล กลอนมึงก็ได้ที่หนึ่ง อีเดือนก็ได้ที่สอง สะใจว่ะ ไหนจะบอร์ดอีก เรียงความ แต่งกายอีก โว้ยสะใจ"

เอ๋กรี๊ดออกมาเมื่อมารวมตัวกันที่ห้อง วันนั้นเป็นอีกวันหนึ่งที่เห็นเพื่อนๆทุกคนรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แววตาที่โดนกดดันกระแนะกระแหนมาโดยตลอดมันฉายแววมีค่าออกมาจากดวงตาของเพื่อนทุกคน ย้อนหวนกลับไป ความรักความผูหพันธ์เหล่านั้นอยากให้มันเป็นเหมือนหินผาจังเลย หินผาที่โดนแม้แสงสุริยันกล้า ฤๅวายุร้ายก็กร่อนได้เพียงน้อยนิด ทำไมความผูกพันธ์ของคนเรามันไม่เป็นอย่างนั้นบ้าง มันเลือนหายไปไหนเสียแล้ว หรือว่ามันยังอยู่ที่เดิมแต่เราเองที่เป็นคนเดินหนีห่างมันออกมาไกลแสนไกล

หลับตาลงฟังเสียงฝนสาดซัด    เหมือนจะพัดพาใจน้อยให้ลอยลิ่ว

ลืมตาขึ้นกลางดึกก็ใจหวิว       เหมือนหินกิ่วลมกร่อนกัดเซาะไป

ย่ำเท้าไปในโคลนตมรู้สึกชื้น    สะดุ้งตื่นจากหลับฝันก็หวั่นไหว

วาดมือไปในอากาศก็แสนไกล   ดังใจลอยบนอากาศสุดคาดเอย



วิสัชนา สิ่งนั้นใช่ความรักไม่ใช่ฤๅ

เขียนโดย อิ๊กกี้


ปล เบื่อไหมครับกับการบรรยายซ้ำไปซ้ำมา แต่คงอีกไม่นานน้า ใจเย็นๆ เดี๋ยวเรามาค่อยๆระทึกไปพรอ้มๆกัน เรื่องนี้สัญญาว่าจะจัดหนักๆแล้วจะไม่เขียนแนวเศร้าอีก แต่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะตายจากกัน คนเขียนเองรังเกียจนิยายแบบนี้ มันมีความเจ็บปวดอื่นอีกที่เจ็บกว่าการแค่ตายหายจากกัน อิอิ แววตาเอ็ม+เอส ส่องประกาย วิ้งๆๆๆ :monkeysad:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:54:31 โดย eiky »

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
 o18 แอบย่องมาดึกๆดื่นๆนะคะคุณอิ๊ก


น้ำจะได้ไปเรียนต่อที่อเมริกาหรือนี่ ไม่แน่ๆ
อ่านจบเดาเพิ่มอีกเป็นร้อย ฮ่าๆๆๆ

บรรยายมาได้อีกเรื่อยๆล่ะ อ่านยังไม่เบื่อ
ชอบด้วย อ่านจบรอบแรก รอบสองกูเกิ้ลกระจาย

 
รับรู้ถึงออร่าSMในตัวคุณอิ๊กเปล่งประกายมาแต่ไกลเลย   :laugh:
โดยส่วนตัวคนอ่านชอบอ่านนิยายเชิงดราม่านะแต่ขอแบบตอนจบให้ได้คู่กันหน่อยเหอะ
เพราะยังไงก็ยังคงเป็นนิยายอ่ะ รู้สึกแบบนั้น
มันไม่เหมือนความจริงที่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องยอมรับให้ได้และยอมรับให้ไหว ..
เพราะถ้าไม่ไหวคุณก็ไม่มีชีวิตรอดบนโลกนี้หรอก - -"
และพูดถึงความเจ็บปวดเหรอ..
อะไรก็ไม่สนุกเท่าการทรมานให้ตายทั้งเป็นมั้ง
ยิ่งกรณีคนที่ทำอะไรเลวร้ายไว้สารพัดแล้วถูกเอาคืนแบบสาสมนะ แซ่บ!
ถ้าสำนึกได้ก็ควรค่าแก่การถูกให้อภัย
แต่ถ้าไม่..




 :-[ วันนี้เหมือนพล่ามเกินขอบเขตเนื้อเรื่องแหะ ไร้สาระ อย่าได้ใส่ใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2010 02:01:43 โดย knightofbabylon »

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
o18 แอบย่องมาดึกๆดื่นๆนะคะคุณอิ๊ก


น้ำจะได้ไปเรียนต่อที่อเมริกาหรือนี่ ไม่แน่ๆ
อ่านจบเดาเพิ่มอีกเป็นร้อย ฮ่าๆๆๆ

บรรยายมาได้อีกเรื่อยๆล่ะ อ่านยังไม่เบื่อ
ชอบด้วย อ่านจบรอบแรก รอบสองกูเกิ้ลกระจาย

 
รับรู้ถึงออร่าSMในตัวคุณอิ๊กเปล่งประกายมาแต่ไกลเลย   :laugh:
โดยส่วนตัวคนอ่านชอบอ่านนิยายเชิงดราม่านะแต่ขอแบบตอนจบให้ได้คู่กันหน่อยเหอะ
เพราะยังไงก็ยังคงเป็นนิยายอ่ะ รู้สึกแบบนั้น
มันไม่เหมือนความจริงที่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องยอมรับให้ได้และยอมรับให้ไหว ..
เพราะถ้าไม่ไหวคุณก็ไม่มีชีวิตรอดบนโลกนี้หรอก - -"
และพูดถึงความเจ็บปวดเหรอ..
อะไรก็ไม่สนุกเท่าการทรมานให้ตายทั้งเป็นมั้ง
ยิ่งกรณีคนที่ทำอะไรเลวร้ายไว้สารพัดแล้วถูกเอาคืนแบบสาสมนะ แซ่บ!
ถ้าสำนึกได้ก็ควรค่าแก่การถูกให้อภัย
แต่ถ้าไม่..
 :-[ วันนี้เหมือนพล่ามเกินขอบเขตเนื้อเรื่องแหะ ไร้สาระ อย่าได้ใส่ใจ

แสดงว่าคนอ่านก็นอนดึกนะเนี่ย 5555 ผมทำงานคร้าบ ทำงานเสร็จเลยมานั่งปั่น เดี๋ยวไปปั่นคุณพี่เฟียตต่อ อิอิ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :z3: จะจัดหนักเลยหรอ กลัวนะเนี่ย จะหนักช่วงไหน ถ้าหายไปก็อย่าเคืองกันนา  :laugh: รอให้คลี่คลายแล้วจะกลับมา อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด