สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑  (อ่าน 221620 ครั้ง)

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
เห้ออ คาดเดาว่า บอทคงจะไปได้หญิงแล้วลืมน้ำ โอ๊ยยย ฟุ้งซ่าน ยิ่งอ่านก็กลัวเศร้า แต่ก็ยังรอทุกวันเนะ

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
เข้ามาคอยตอนใหม่ค่ะ  :3129:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๙


ปุจฉา อันขอบฟ้าสิ้นสุดลงที่ใดหนอ

๒๗ ตุลาคม

ไม่ได้เขียนไดอารี่มานาน ไม่ว่างเลย ช่วงเวลาที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองเลยว่ามันมีแต่สิ่งดีๆที่ผ่านเข้ามในชีวิตช่วงนี้ มีความสุขมาก มากจริงๆ ตอนแรกกูคิดว่ากูจะคิดไปเองฝ่ายเดียวเสียอีกที่แอบรักมึง แต่พอรู้ว่ามึงเองก็รู้สึกเหมือนกันกับกู ดีใจว่ะ ดีใจมาก ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะรักกันได้มากขนาดนี้ มันมากเสียจนอยากให้มันอยู่แบบนี้ตลอดไป รู้ไหมว่าเวลามีมึงอยู่ข้างๆชีวิตนี้กูไม่ขออะไรอีกแล้ว เวลาที่ได้ยินเสียงมึงกูรู้สึกมีพลังขึ้นมา เวลาที่ได้กลิ่นกายมึงหัวใจกูเต้นแรง กูรักมึงมากนะ นี่ก็ใกล้จะถึงวันเกิดกูแล้ว ไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษว่ะ แต่อยากอยู่กับมึงแค่สองคนเท่านั้นพอ ตอนนี้ที่โรงเรียนก็เรื่อยๆ มีความสุขดีว่ะมีความสุขที่ไม่มีใครรู้เรื่องของเรา นอกจากอีเล็ก อยากเขียนไว้เยอะๆนะความรู้สึกดีๆที่มีกับมึง แต่คิดอะไรไม่ออกเลยว่ะ มันเต็มใจล้นใจเหลือเกิน ไปล่ะมึงเรียกแล้ว

ลมหนาวที่พัดเข้ามาตั้งแต่ตอนกลางเดือนทำให้น้ำในนาแห้งแล้ว พื้นดินเริ่มแตกระแหง ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มการเก็บเกี่ยวเต็มที่แล้ว เพราะถ้าข้าวสุกแล้วปล่อยไว้นานต้นข้าวจะแห้งกรอบรวงข้าวจะหักออกจากต้นข้าว ทำให้ลำบากในการเก็บเกี่ยว ใครที่พอหาเพื่อนบ้านมาลงแขกได้ก็จะไปขอแรงมา อย่างเช่นแม่นิ่มได้ไปช่วยเพื่อนบ้านเอาไว้หลายเจ้าแล้วตอนที่นาของตนน้ำยังไม่แห้ง พอถึงคิวของนาตัวเองในวันเสาร์นี้ก็ไปขอแรงเพื่อนบ้านมาช่วยเกี่ยว นาของน้ำยังไม่ได้ลงเกี่ยวข้าวเพราะน้ำยังไม่แห้งดีรออีกสักหนึ่งอาทิตย์พ่อถาวรจึงจะจ้างคนมาช่วยเกี่ยวและขนขึ้นมาลานตรงท้ายบ้าน พอตีข้าวเสร็จก็จะได้เก็บฟางไว้ที่เก็บเลย

ตอนเลิกเรียนงานบ้านก็ยังคงเดิม แต่มีกิจกรรมเพิ่มมาอีกอย่างคือการหาหญ้าให้วัวในคอก เพราะแม่นิ่มและแม่บุญช่วยต่างก็ไปเกี่ยวข้าวอยู่ที่นาทั้งวันไม่มีเวลาจะหาหญ้า จะมีก็ตอนค่ำเกี่ยวเอาฟางข้าวมาหอบสองหอบ หญ้าในหน้าหนาวจะอาศัยหญ้าตามสวนตามไร่เพราะในนาหญ้ายังไม่ขึ้น เย็นนี้ก็เช่นกันบอทร้องเรียกน้ำอยู่ใต้ถุนบ้าน พอเลิกเรียนมาก็ทำงานบ้านพอเสร็จน้ำก็ขึ้นมาเขียนไดอารี่ข้างบนบ้าน ส่วนหินก็ไปเก็บผักเอามาไว้เตรียมทำกับข้าวเย็น

"พี่น้ำเก็บผักกระโดนมาด้วยนะ จะทำลาบปลาดุก"

น้องชายบอกพี่ชายก่อนที่น้ำจะนั่งซ้อนรถเครื่องที่บอทเป็นคนขับ พอถึงหน้านาพ่อถาวรเองก็จะเอารถเครื่องไปที่โรงเรียนในตอนเช้า เอากลับมาจอดทิ้งไว้ที่บ้านในอนเย็นแล้วก็รีบลงนาไปช่วยแม่บุญช่วยกับแม่นิ่ม น้ำจึงมีโอกาสได้ใช้รถเครื่องก็ตอนเลิกเรียนนี่เอง ส่วนคนขับก็เป็นบอททุกที

"รีบไปเถอะบอท วันนี้การบ้านเยอะต้องรีบกลับมาทำ"

น้ำใส่กางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตเก่าๆตัวเดิมที่เคยใส่เวลาไปเกี่ยวหญ้า บอทเองก็เช่นกัน ทั้งสองบึ่งรถไปยังไร่ของน้ำพอเกี่ยวหญ้าใส่กระสอบปุ๋ยพอแล้วก็กลับขากลับจะลำบากหน่อยเพราะน้ำต้องเอากระสอบอุ้มไว้และเอายัดไว้ด้านหน้าบอทอีกกระสอบจะ กระดุกกระดิกตัวไม่ได้แต่จากไร่มาที่บ้านใช้เวลาไม่นานมากนักพอกลับถึงบ้าน ก็ลงไปนาต่อไปดูตาข่ายดักปลา ลมหนาวพัดสายน้ำในห้วยกระเพื่อมเป็นคลื่นลูกเล็กใหญ่ บอทกับน้ำลงไปลอยคออยู่ในห้วยแล้ว แสงแดดยามเย็นสาดแสงเย็นนวลตามากระทบพื้นน้ำที่มีร่างของเด็กสองคนลอยคออยู่นั้นแวววับจับตา เสียงหัวเราะหยอกล้อกันดังมาเป็นระยะ พอขึ้นจากน้ำก็เดินไปตามริมห้วยหาเก็บยอดผักบุ้งนากลับบ้านด้วย ปลาที่ติดตาข่ายส่วนมากเป็นปลาหมอตัวเขื่องๆกับปลารากกล้วย ขนาดก็พอใช้ได้ส่วนมากปลารากกล้วยจะนิยมนำไปประกอบอาหารโดยการทอดเนื่องจาก ตัวเล็กเรียวยาวก้างไม่แข็ง ถ้าทอดกรอบสามารถกินได้ทั้งตัว

"นาน้ำข้าวเหลืองสุกแล้วนี่พ่อถาจะเกี่ยววันไหน"

บอทถามขึ้นตอนเดินผ่านนาของน้ำไปยังรถเครื่องที่จอดไว้ปลายนา

"คงอาทิตย์หน้าล่ะ กำลังหาคนอยู่"

"ดีจังนะ พ่อถามีเงินจ้างคน เราสิต้องทำเองกับแม่ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่"

ระบายออกมาสายตามองออกไปไกลแสนไกล น้ำเองรู้ดีว่าเพื่อนมีปมด้อยในเรื่องนี้ไม่อยากจะซ้ำเติม แต่อยากให้กำลังใจเสียมากกว่า

"ก็รีบจ้างคนให้เสร็จแล้วก็ไปช่วยบอทกับแม่นิ่มไง"

"พ่อแม่ของน้ำดีกับเรามากเลยนะ ไม่รู้จะตอบแทนยังไงดี"

น้ำเสียงยิ่งสลดลงอีก น้ำเดินไปบีบบ่าเพื่อน

"ก็แค่บอทเป็นเพื่อนรักเราตลอดไปแค่นี้ก็พอไง"

บอทหันมาจ้องตาคู่งามสีน้ำตามยามเมื่อต้องแสงอัสดงของดวงอาทิตย์สุดท้ายของวัน มันงามระยับน้ำตาลอ่อนทอประกายทองออกมา บอทฉายรอยยิ้มออกมา

"แค่เพื่อนเองเหรอน้ำ ไม่ให้เป็นแฟนเหรอ"

น้ำยิ้มออกมาตีบ่าเพื่อนไปทีหนึ่ง

"บ้าเหรอบอท พูดอะไรก็ไม่รู้ เขินนะ"

"อ้าว หรือไม่อยากให้เราเป็นแฟนเหรอน้ำ หรือเราเป็นได้แค่เพื่อน"

จี้จะเอาคำตอบให้ได้ น้ำเองเม้มปากแน่น

"บอทไม่รู้ตัวเหรอว่าบอทเป็นมากกว่าเพื่อน บอทคือทุกอย่างของน้ำ แต่น้ำไม่ได้เรียกร้องอะไร แค่นี้น้ำก็มีความสุขมากแล้ว"

คำพูดที่ลอยออกไปจากปากผ่านลมหนาวมันแว่วไปกระทบหู คนฟังฉายรอยยิ้มออกมา

"แต่เราไม่เอาแค่นี้นะ เราอยากจะเป็นแฟนของน้ำ เราจะอยู่ด้วยกันจนแก่จนตายจากกันไปข้างนึงเลย"

"บอท"

มันสุขใจชื่นฉ่ำใจเหลือคณา รื้นน้ำตาเอ่อออกมา กินใจหวายวาบเข้าไปในกลางทรวง

"เรารักน้ำนะ รักมาก"

แสงใดในโลกนี้จะสว่างจ้าส่องประกายเจิดจ้าได้เท่าแสงที่ฉายออกจากใจ ความหวานใดในใต้หล้าจะวาบหวานซาบซ่านได้เท่าลมปากคนชายคนรัก รักเหลือเกิน

"แค่นี้ก็ร้องไห้เหรอน้ำ ฮ่าๆๆ เเราพูดจริงนะเนี่ย"

"บอท น้ำขอกอดหน่อย"

พูดออกไปเสียงสั่น ปากระริกไหวอยู่พยายามกลั้นแรงดันจากภายในเอาไว้ไม่ให้มันพวยพุ่งออกมา

"หือ"

บอทดึงตัวของน้ำเข้าไปสวมกอดแน่น

"คนดีอย่าร้องนะ เรารักน้ำนะ รักทุกวัน น้ำคืออากาศที่เราหายใจ"

พลันน้ำตาก็ทะลักไหลออกมา กอดร่างของบอทเอาไว้แน่น ให้ความรู้สึกถ่ายทอดความในใจ ให้ความอุ่นจากกายบอกรักคนที่กอด ลมหนาวพัดบางเบาในตอนหัวค่ำแสงสุริยากำลังจะลับฟ้า แสงสีส้มแดงระบายอยู่ทั่วทั้งฟ้าเงาของเด็กชายสองคนถูกฉายทาบทับไปยังแผ่น ท้องทุ่งรวงทองเงายาวที่กอดรัดกันอยู่ฉายออกมาท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสวยงาม งามจับใจ เหมือนในภาพวาด

"เออไอ้น้ำ นามึงเสร็จแล้วใช่ไหมวะ แล้วของไอ้บอทล่ะ"

เล็กถามขึ้นตอนกลางวันหลังจากเรียนเสร็จกำลังเดินไปที่สนามบาสฯ ส่วนบอทเดินไปที่สนามตะกร้อที่อยู่ข้างกัน หน้าหนาวน้ำเองชอบทุกอย่าง ทั้งบรรยากาศ สายลม แสงอาทิตย์ แต่อย่างหนึ่งที่ไม่ชอบคือดอกกระถินณรงค์ สีเหลืองเป็นพวงอยู่เต็มต้นรายล้อมไปทั่วทั้งโรงเรียน สีเหลืองสวยจับอยู่เต็มต้น แต่กลิ่นของมันเคยทำให้น้ำเวียนหัวเป็นลมล้มพับมาแล้ว ถ้าใครเห็นเด็กชายคนหนึ่งเอาพันคอผืนโตมามัดปิดจมูกไว้อย่าได้สงสัยเพราะดอกของต้นไม้ชนิดนี้นั่นเอง บอทเองก็เคยแกล้งน้ำโดยหักเอาดอกกระถินณรงค์ไปซุกไว้ที่โต๊ะเรียนเป็นกำใหญ่ น้ำเองพอเห็นก็งอนไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียว เพื่อนๆในห้องทุกคนก็รู้พักหลังมาไม่มีใครแกล้งแล้วเพราะเห็นท่าทางของน้ำ ที่ท่าทางจะไม่ไหวจริงๆกับดอกไม้ชนิดนี้

"ของกูเสร็จแล้ว บอทยัง"

"เหรอ เสาร์อาทิตย์นี้กูว่าจะไปช่วย"

"จริงเหรอ ไปดิมึงกูจะได้ต้มปลาให้กิน"

"โห ขอเป็นผัดเผ็ดปลาไหลได้ไหมวะ เปรี้ยวปาก"

"ได้ดิมึง บอทมันคงดีใจที่มึงจะไปช่วย"

"เอ้ย ไม่ใช่กูคนเดียว อีเอ๋ กับไอ้ไก่ก็จะไปพวกมันนาเสร็จหมดแล้ว"

"ขอบใจนะเล็ก"

น้ำพูดออกมาจากใจ เพื่อนๆเองก็รู้ว่าบอทเองไม่มีพ่ออยู่กับแม่สองคน ทั้งนายังเยอะกว่าคนอื่นเขาอีก ตอนเรียนมัธยมต้นเคยมีคนล้อเลียนบอท แต่คนที่เดือดคือน้ำถึงขั้นต่อยตีกันเลย จากนั้นมาจึงไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก

"เพื่อนกันไม่ช่วยกันแล้วใครจะช่วยวะ มึงเตรียมปลาไหลไว้ก็แล้วกัน"

พอถึงวันเสาร์เพื่อนๆก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่บ้านของบอทแต่เช้า เล็กกับเอ๋จะค้างด้วยที่นา แต่ซุ้มยังไม่ได้ทำเพราะนาแรกของบอทเพิ่งจะเก็บเกี่ยวเสร็จ ตอนกลางวันจ้างให้เขาไปขนไปรวมกันที่นาท้ายบ้าน ซุ้มนอนนาที่สร้างเป็นเพิงขึ้นใช้นอนเฝ้ากองข้าวเวลากลางคืน ส่วนมากบอทกับน้ำจะเป็นคนไปนอนเฝ้า ทำโดยเอาไม้ไผ่มาก่อเป็นโครงปลายต่ำทางเข้าทำสูงขึ้นหน่อย เอาซังข้าวมามัดโดยรอบให้หนาๆกันลม มุงด้วยซังข้าวหนาอีกเช่นกันกันน้ำค้างในเวลากลางคืน พอเสร็จก็เอาซังข้าวปูรองเอาเสื่อที่สานด้วยกกมาปูทับอีกที

"โห อีเอ๋มึงจะห่อไปไหนเนี่ย ไม่เห็นอะไรเลยว่ะ เห็นแต่ตา"

บอทร้องขึ้นเมื่อเห็นหน้าเพื่อนชายที่กระเดียดออกไปทางหญิงห่อตัวห่อหน้ามิดชิดราวกับจะไม่ให้แสงหรือแม้แต่ลมพัดผ่านเข้าไปกระทบร่างได้เลย

"ไม่ได้หรอกย่ะ เดี๋ยวดำ โบกครีมมาเรียบร้อย"

"เวอร์แล้วมึง ห่อดีแค่ไหนก็ไม่มีใครขอดูของมึงหรอกอีเอ๋"

เล็กเสริมอีกคนเสียงหัวเราะดังก้องขึ้นมา

"อีเล็ก ของดีไม่จำเป็นต้องไปโชว์ใครนี่ยะ ทำไมล่ะ ผิวชั้น ชั้นจะดูแลมันก็เรื่องของชั้น พวกแกไม่ดูแลรักษาก็ช่างพวกแกสิ"

"จ้า แม่คนสวย สวยอยู่คนเดียวมึงนี่ล่ะ เร็วรีบไปสอยมะละกอ"

ไก่ร้องบอกก่อนที่จะลากแขนให้เดินตามไปสอยมะละกอเพื่อทำกินกันในตอนบ่าย ตอนเช้าต่างคนต่างกินข้าวมาแล้วจากบ้าน ตอนบ่ายๆค่อยกินข้าวเที่ยงกัน ส่วนตอนตะวันโพล้เพล้ค่อยออกไปหาปลาไหลมาไว้ผัดเผ็ดกินในตอนค่ำ คนที่ไปหาก็เป็นบอทกับน้ำ ส่วนเพื่อนๆก็ทำงานต่อไป

ท้องฟ้าที่เปิดกว้างครามสดใสตั้งแต่เช้าแสดงให้รู้ว่าวันนี้แดดในตอนกลางวันจะต้องร้อนเปรี้ยงแน่นอน แม้จะเป็นหน้าหนาวแต่ตอนกลางวันก็ร้อนจัดอยู่ดี พอถึงนาก็พากันลงเกี่ยวข้าว เล็กเอาวิทยุทรานซิสเตอร์มาจากบ้านใช้ถ่านไฟฉายก้อนใหญ่ๆใส่เพื่อฟังวิทยุ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ช่อง ส่วนมากจะเปิดหมอลำ แต่เล็กก็จัดแจงทำเสาอากาศให้ยาวขึ้นมาอีกเตรียมมาจากบ้าน วิทยุจึงรับช่องที่ตนเองอยากฟังได้ พอเกี่ยวข้าวไปก็คุยกันหยอกล้อกันอยู่อย่างสนุกสนาน เสียงวิทยุแว่วไปตามลม วันที่ทุกคนมาช่วยกันแบบนี้การทำงานจึงรุดคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว พอบ่ายโมงน้ำกับบอทก็ขึ้นจากนาไปก่อนใคร เพราะต้องไปหาปลามาทำกับข้าวเที่ยงมาเลี้ยงเพื่อนๆ ที่หาปลาคือบ่อที่ขุดไว้ตรงหัวนาเป็นหลุมขนาดกว้าง บอทฉวยแหติดมือไปน้ำเองก็ถือข้องตามไปด้วย

"โหต้มปลาช่อน น่ากินว่ะ อีเอ๋มึงตำอร่อยๆนะส้มตำน่ะ"

พอถึงเวลาพักก็ขึ้นมาช่วยกันทำกับข้าว เล็กมาส่องดูเพื่อนทั้งสองที่กำลังต้มน้ำรอใส่ปลาช่อนที่หั่นเป็นแว่นๆเตรียมไว้

"ไม่ต้องห่วงค่า ลูกแม่ค้าขายส้มตำมาเอง เตรียมเลียเล็บได้เลยอีเล็ก"

"กูจะรอ รีบๆเถอะหิวแล้ว"

"ไอ้ไก่มึงมาปรุงหน่อยดิ มึงทำต้มปลาอร่อย"

น้ำเรียกเพื่อนมาปรุงรสให้เพราะเพื่อนคนนี้มีชื่อในเรื่องทำอาหาร ไปที่ไหนมีแต่คนวานร้องขอให้ปรุงให้ ต้มปลาช่อนทำแบบง่ายๆ เน้นกินร้อนๆไม่พิธีรีตองอะไรมาก ใส่หัวหอมกระเทียมตะไคร้ลงไปรอในหม้อ ใส่มะขามเปียกใส่เกลือ รอให้น้ำเดือดก็เอาปลาช่อนที่หั่นเป็นแว่นๆลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาน้ำตาล และที่ขาดไม่ได้คือผงชูรส ตบท้ายด้วยใบกะเพราสวนที่ปลูกไว้แทบทุกนาเพื่อเอาไว้ทำอาหารกินกัน ใบกะเพรานามันหอมแรงกว่าใบกะเพราบ้าน ใบเล็กๆไม่ใหญ่มากต้นก็ออกสีม่วงๆ แต่กลิ่นหอมกลบทุกอย่างในหม้อ เอ๋เองก็กำลังง่วนอยู่กับการปรุงส้มตำที่ตนเองภูมิใจนำเสนอ ผู้ใหญ่ขึ้นจากนาแล้ว ปูพื้นด้วยใบตองตักอาหารออกมาวางเรียงราย เสร็จแล้วก็ลงมือกินกัน

"ขอบใจมากนะลูกที่มาช่วย"

แม่นิ่มเอ่ยขึ้นตอนจะเริ่มลงมือกินข้าว

"ไม่เป็นไรค่าแม่ พวกหนูเต็มใจ"

เอ๋จีบปากจีบคอพูดออกไป แล้วจ้วงส้มตำฝีมือตัวเองต่อ มีแต่คนชมว่าอร่อย เจ้าตัวก็หน้าบานคุยจ้ออยู่

"เต็มใจนะแม่บ่นนั่นบ่นนี่ ร้อนบ้าง คันบ้าง"

"แหมอีเล็ก ก็คนผิวอ่อนบางอย่างเอ๋น่ะมาให้ทำแบบนี้ก็มีบ้างนะยะ"

"จ้าแม่ผิวอ่อนบาง"

เพื่อนๆร้องขึ้นพร้อมกัน เอ่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เสียงหัวเราะดังทั่งทั้งท้องทุ่ง พอกินข้าวเสร็จก็พักไม่ถึงชั่วโมงก็ลงนาต่อ ระหว่างเกี่ยวข้าวไม่มีใครอู้ไปพัก มีนั่งกินน้ำบ้างแต่ไม่นาน งานจึงเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว พอเย็นผู้ใหญ่กลับกันไปแล้ว

"ไอ้ไก่มึงไม่นอนเหรอวะ"

เล็กถามขึ้นตอนที่เดินรวมกลุ่มกันไปที่บ่อ

"นอนก็ได้วะ กูกลัวอีเอ๋มันจะกินกูอ่ะดิ"

"ฮ่าๆ ไอ้บ้า กูอยู่มึงไม่ต้องกลัวหรอกน่า มึงจะกินมันเหรออีเอ๋"

เล็กร้องไปถามเอ๋ที่เดินสะดีดสะดิ้งตามหลังน้ำกับบอทไป

"ว้าย กล่าวหา น่ากินตายล่ะมึงน่ะไอ้ไก่ แต่ถ้ามึงอยากจะกินกูก็ไม่ว่าน้า"

"ถุย"

เสียงครากถุยดังออกมาพร้อมกันสี่เสียง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ หยอกล้อกันจนไปถึงบ่อขุด บอทกับน้ำเป็นคนลงเอาอีจู้หรือที่ดักปลาไหลไปวางไว้ตรงริมบ่อ ที่ดักคือดักเผื่อพรุ่งนี้เช้า แต่ถ้าจะเอาปลาไหลตอนนี้ต้องเอาเหล็กแหลมแทงเอาตามผนังบ่อ บอทเองชำนาญในด้านนี้แทงไปแทงมาก็ได้ปลาไหลสองตัว ขนาดก็ย่อมๆไม่ใหญ่มาก เพื่อนๆก็ให้กำลังใจอยู่บนริมปากบ่อ ทำท่าขยะแขยงเมื่อเห็นตัวปลาไหล นับเป็นเรื่องปกติ แต่พอผัดเผ็ดมาเสร็จแทบจะลืมท่าทางที่ทำไปเสียสิ้น พอได้ปลาไหลกับปลาหมอมาก็ให้ไก่เอาไปจัดการ ส่วนบอทกับน้ำรวมถึงเล็กก็ไปช่วยกันทำซุ้มเพื่อนนอนคืนนี้ เอ๋เป็นคนไปเกี่ยวซังข้าวมาให้ บ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมไปทำแต่โดยดี พอได้ซังข้าวตามที่ต้องการก็มาช่วยเพื่อนๆทำซุ้มกันจนเสร็จ พอเสร็จไก่ก็ทำผัดเผ็ดเสร็จพอดี พากันรอข้าวเหนียวที่หินจะเอามาส่งให้ พอหินมาก็พากันกินข้าว มีหินนั่งกินด้วย เสียงคุยกันอย่างสนุกสนาน แสงสว่างที่ใช้คือไฟจากหม้อแบตเตอร์รี่ที่ชาร์จมาจนเต็ม

"น้ำ ท่าทางไอ้บอทมันรักมึงมากนะ นี่จะมีอะไรมาพรากพวกมึงออกจากกันไหมเนี่ย"

เล็กถามขึ้นตอนที่อยู่กันสองคน เพื่อนอีกสามคนเดินตามบอทไปเกี่ยวข้าวต่ออีกก่อนจะไปอาบน้ำที่บ่อ

"ไม่รู้ดิมึง กูเองก็รักมันมาก"

"อืม คิดเผื่อไว้หน่อยก็ดีนะมึง พ่อแม่มึงยังไม่รู้ไม่ใช่เหรอ"

เล็กพูดสะกิดใจ น้ำระบายลมหายใจออกมาครุ่นคิดอยู่ สีหน้าแววตาแสดงความหนักใจออกมา

"เอาน่ามึงกูพุดไปอย่างนั้นล่ะ พ่อแม่มึงเขารักมึงเขาต้องเข้าใจล่ะ"

"อืม เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกเล็ก เพราะยังไงกูก็คิดว่ากูจะรักมันจนวันตาย"

"น้ำ"

ร้องออกมาเสียงหลงเพราะคำพูดของน้ำมันสอดคล้องกับสีหน้าสายตาที่จ้องมองตอซังข้าวอยู่ ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของน้ำอีก แสงจันทราฉายแสงนวลตาออกมาพอให้เห็นต้นข้าว เสียงร้องเพลงขับขานกล่อมท้องทุ่งดังแว่วผสานกับเสียงของว่าวจุฬาที่ขึ้นลอยลมอยู่เหนือท้องฟ้างามประดับประดาไปด้วยอัญมณียามค่ำคืน ระยิบพราวระยับทาทั่วแผ่นฟ้า ดึกพอสมควรจึงพากันไปอาบน้ำมานอน แต่ก่อนนอนก็พากันล้อมวงจี่ข้าวกินกันก่อน ไก่เอากีตาร์โปร่งมาดีดด้วย พากันร้องเพลงอยู่จนดึกดื่นกว่าจะนอน

"ถ้าเธอเลือกอยู่กับเขา ตัวฉันคุกเข่าสั่นไหว ใจนักเลงมันปวดร้าวเจียนตาย ปล่อยเธอไปตามใจเะอต้องการ จะยอมให้สั่งและตัดสิน ว่าฉันต้องถูกทอดทิ้ง เรานั้นมันไม่อาจฝืนความจริงได้แต่ยิ้มอวยพรให้ไปดี"

เสียงร้องเพลงดังขึ้นแข่งกับเสียงลม ทุกคนไปซุกร่างรวมกันในซุ้มร้องเพลงอย่างสนุกสนานพอเหนื่อยอ่อนก็พากันนอน

เสาร์อาทิตย์ผ่านไป พอไปโรงเรียนก็เรียนตามปกติ เพื่อนๆทุกคนในห้องเริ่มจะสนิทกันมากขึ้น ทำงานเกี่ยวกับการเรียนก็ช่วยเหลือกัน ทำงานนอกช่วยเหลือเพื่อนก็เต็มใจทำ น้ำใจที่ได้จากเพื่อนช่างงดงามนักมันยังตราตรึงอยู่ในใจไม่มีวันสร่างซา

"เหนื่อยไหมน้ำ ที่ต้องไปช่วยเราตีข้าวทุกคืนน่ะ"

บอทถามขึ้นในตอนเย็นก่อนจะออกไปนา ต้นเดือนพฤศจิกายนแล้ว นาหัวดอนของบอทเกี่ยวข้าวเสร็จหมดแล้วขนมารวมกันไว้ที่นาท้ายบ้าน เหลืออีกสองนาคือนาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างห้วยกับหมู่บ้านกับอีกนาที่ขนข้าวมากองรวมกันนี่เอง นาท้ายบ้านจะเกี่ยวเป็นที่สุดท้าย เกี่ยวไปตีไปมีแม่นิ่มเป็นคนเกี่ยวข้าวในตอนกลางวัน มีน้ำกับบอทมาตีในเวลาลางคืน

"ไม่เหนือยหรอกบอท ถ้าทำอะไรกับบอทไม่ว่าจะหนักแค่ไหนน้ำไม่เหนื่อยหรอก เพราะบอทคือแรงใจของเราไง"

"ขอบใจนะน้ำ ถ้าเหนื่อยบอกเรานะ เราไม่อยากเห็นน้ำเหนื่อย พรุ่งนี้วันเกิดน้ำนี่ เรามีอะไรให้"

บอทพูดขึ้นแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงกำของบางอย่างไว้ในมือ น้ำเองสอดสายตามองที่มือนั้นอยากรู้อยากเห็น

"อะไรอ่ะบอท"

"มันไม่มีค่าอะไรหรอกนะ เราทำเอง อยากทำให้น้ำ คนที่เรารักหมดหัวใจ"

ไม่ได้อยากจะหวั่นไหว แต่ร่างมันสั่นหัวใจมันร้องหวั่นไหวอยู่ ปากสั่นรื้นน้ำตาเจ้ากรรมมันคลอออกมา บอทยื่นสิ่งนั้นในมือให้น้ำ วัสดุเล็กๆขัดจนขึ้นเงาเป็นรูปหัวใจมีสายเชือกร้อยมันอยู่

"กะลาอ่ะน้ำ ไม่มีค่านะเราให้น้ำได้แค่นี้่ล่ะ"

น้ำเอามือขึ้นปิดปากบอทไว้ ส่ายหน้าเบาๆน้ำตาไหลพรากออกมา

"ต่อให้มันเป็นแค่เศษฟาง บอทรู้ไว้นะมันมีค่าสำหรับน้ำมาก ไม่ว่าจะอะไรเพราะถ้าบอทให้น้ำด้วยใจ น้ำก็จะรับมันมาด้วยใจ"

กะลามะพร้าวขัดจนขึ้นเงารูปหัวใจ สลักชื่อตัวอักษรของคนทั้งสองไว้ข้างกัน น้ำกำมันไว้ในมือเอามาแนบอก ใจเต้นสั่นไหวโผเข้ากอดเพื่อนรักไว้ ในใจมันดีดคับพองโตแน่นอกไปหมด สุขใจอิ่มในทรวงเหลือเกิน

สองร่างยืนตีข้าวเคียงกันอยู่บนแท่นตีข้าวรอบกายเป็นเม็ดข้าวเปลือกสีเหลืองทองกองอยู่เต็ม เหงื่อกาฬที่ผุดไหลออกมาไล่ความเหน็บหนาวออกไปจากกายได้ การตีข้าวนี้ใช้ค้อนสองท่อนมัดติดกันด้วยเชือก เวลาตีก็เอาค้อนไปเกี่ยวมัดข้าวมาตีลงกับไม้ตีจนมั่นใจว่าเม็ดข้าวหลุดออก หมดจากมัดข้าวจึงทิ้งฟาง การจับไม้ตีข้าวถ้าจับเบาเหยาะแหยะไปมือจะพองเจ็บทั้งฝ่ามือ ต้องกำให้แน่นหนา มือของเด็กวัยรุ่นในละแวกนั้นจะหาเอานุ่มนวลนั้นคงไม่มี ทั้งหญิงทั้งชายฝ่ามือด้านหนากันไปทุกคน

เพลากลางดึกก็ไปอาบน้ำกันที่บ่อหยอกล้อเล่นกันอย่างคุ้นเคย พอมานอนก็กอดก่ายกันอย่างเป็นสุขต่อให้งานหนักสักแค่ไหน มือด้านหนาสักเท่าใดไม่ได้หวั่น ทำได้เท่าที่แรงมี จะกลัวทำไมในเมื่อข้างกายมีดวงใจอีกดวงคอยมอบกำลังใจให้แก่กันไม่มีวันหมด สร้อยคอกะลามะพร้าวห้อยอยู่ที่คอของน้ำ รักมันเหลือเกินรักเหมือนเจ้าของคนที่ให้มา จะรักมันอย่างนี้ไปตลอด ไม่ยอมให้อะไรมาพรากเราสองออกจากกันได้ ขอให้รักนี้มันยืนยงอยู่นิรันคร์ด้วยเถิด

ดารดาษกลาดเกลื่อนเต็มน่านฟ้า ฤๅเทวดาเสกสรรค์บรรจงแต่ง

แสงระยิบพราวระยับขับฉายแสง   วับวามแวมทอแสงแข่งกับใจ

เคียงข้างสองกายแหงนมองฟ้า   ห่มู่ดาราโอบล้อมไม่สั่นไหว

เธอคือแรงฉันคือลมที่หายใจ     สุขในใจตราบฟ้าชั่วรันดร์


วิสัชนา สิ้นสุดลงที่ใจเรานี่ไง ขอบฟ้ากว้างแค่ไหน ใจเรากว้างใหญ่กว่ามิใช่ฤๅ



เขียนโดย eiky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:45:41 โดย eiky »

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
มาอ่านแว้วววววววววววววววววววว คุณอิ๊ก อ่านก่อน กลับมาเม้น ชั่วครู่  :z2:

***********************

สารภาพ คุณอิ๊ก อย่าหาว่าเรากระแดะเลยนะ
อ่านเรื่องนี้แล้วต้องไปเปิดกูเกิ้ลจริงๆล่ะ
มันได้ความรู้ท้องถิ่นด้วย..
หลายต่อหลายอย่างที่ไม่รู้จักเลย หรือได้ยินแต่ชื่อไม่เคยเห็น หรือบางอย่างเคยเห็นแต่ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร
เช่นพวกผัก ว่าว ..
ชอบจัง อ่านแล้วพยายามจะนึกภาพตามนะ คงจะรู้สึกดีไม่ใช่น้อยเลยล่ะ
บางที..เจอแต่หน้ากากเข้าหากันทุกวัน มันก็เบื่อ.. ไอ้ครั้นจะใสๆใส่คนพวกนั้น หึหึ .. อย่าดีกว่า 


ตัดเข้าเรื่องบอทกับน้ำ..
อ่านแล้วกระบวนการคิดทำงานหนักเลย คิดไม่ออกว่าอะไรจะเป็นตัวแปรให้ดราม่า..
สารพัดคาดเดา..  :laugh:
(ตอนนี้คล้อยตามคุณอิ๊กไปเรียบร้อยแล้ว กำลังอินช่วงสวีทกัน)




 :กอด1:   ให้กำลังใจคุณอิ๊ก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2010 18:03:42 โดย knightofbabylon »

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
เฮ้อ.................


จะมีอะไรมาพรากสองคนออกจากกันอีกรึ eiky  

รัก eiky  เหมือนกันเน้อ ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2010 18:52:23 โดย PEENAT1972 »

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
หวานเหลือเกินนะคะตอนนี้ หวานทั้งเนื้อเรื่อง หวานทั้งกลอนตอนท้ายเรื่อง

อ่านแล้วเหงาเลยค่ะ อยากมีใครสักคนมานั่งดูดาวเป็นเพื่อนแบบในกลอน  :sad4:

 :จุ๊บๆ: +1 ให้กับกลอนหวานๆ ค่ะ


*********************

หวานทราบซ่าน ทราบ แปลว่ารู้ แต่ถ้าจะให้หมายถึงความหวานแล่นไปทั่วร่างกายต้อง หวานซาบช่าน นะคะ
ใบกระเพราะ มันคือใบอะไรหรอคะ ทีแรกเข้าใจว่าต้องเป็นใบกะเพราแน่ๆ แต่เห็นคุณอิ๊กกี้สะกด กระเพราะ ตลอดเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2010 19:24:31 โดย なおみ™ »

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
เริศมา่กก  อ่านทีเดียว 9 ตอน รวดครับ ชอบมากๆ  เป็นกำลังใจให้ครับ พี่อิ๊กก ^^

By เด็กม.ปลายคนนึง :n1:

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
ยังคงหวานอยู่~ อ่านทีไร เสียวทุกทีว่ามันจะดราม่าเมื่อไหร่~
อะไรจะมาเป็นตัวแปรนะ?

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
มึจุดประเด็นให้แอบเสียว

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
รักเพื่อนๆกลุ่มนี้จังเลย  ชอบที่พี่เล็กพูดจัง "เพื่อนกันไม่ช่วยกันแล้วใครจะช่วยวะ "
อบอุ่นดีนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ชอบๆๆๆๆๆๆ ครับ เห็นภาพตามได้ทุกๆตอน
ขอบคุณมากสำหรับความงามที่มอบให้

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ชอบแนวนี้นะ อ่านไปหวานๆ แต่ก็เสียวสีข้าง กลัวมาม่า
เพลงเก่าได้อีกเนอะ  :m20: ยังงัยก็อยากให้เป็นแบบนี้เรื่อยๆ

ชอบจัง  น้ำคืออากาศที่เราหายใจ  :-[

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

Pororo

  • บุคคลทั่วไป
หว๊านหวานน มาต่อเร็วๆน้า คุณอิ๊กกี้ เรื่องนี้คนละแนวกับน้องญี่ปุ่นเลยเนอะ รู้สึกจะมีแต่คนกลัวดราม่า:)

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
หวานกันจังเลยน๊า อิชชี่ อิชชี่ แต่ยังแอบเสียวอยู่ดีนะคุณอิ๊ก
เฮ้อออ กลายเป็นโรคกลัวมาม่าคุณอิ๊กไปแระ  :sad4:

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
ซาบซึ้งอ่ะ..แต่อย่าได้พรากจากกันจะดีกว่านะ eiky  :กอด1:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
หว้านนนนนนนนนนนหวานเจ้าค่ะ

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
หวานนนนคร๊าบบบ.....หวานมากกกก.....
นับวันยิ่งแต่จะมีความสุขเพิ่มพูนขึ้นทุกที.....
น้ำจะรักบอทตลอดไป....หวังว่าบอทก็คงเช่นกันนะ..
อ่านเรื่องนี้...ได้เรียนรู้วิถีชีวิตขึ้นอีกมาก....
เป็นมนต์รักลูกทุ่งก็ว่าได้นะเรื่องนี้.... :-[

 :L1: น้องน้ำ กะ น้อง eiky  :L1:
กด + ให้กำลังใจจ้า.....

ออฟไลน์ I_ARMS

  • >*<
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
นั่นสิ แอบกลัวใจไรท์เตอร์ยังไงก็ไม่รู้
ขอให้หวานตลอดเรื่องไปเลยได้มั้ยอ่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โหผผมหายไปนานกลับมาอ่านรวดเดียวเลย

หวานได้อีก

แต่แอบเสียวจังเลยอ่ะ

กลัวใจคุณอิ๊กจังเลย

บอทกะน้ำสู้ๆๆน๊าอย่าให้คุณอิ๊กแกล้งนะ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ชอบเรื่องนี้จังเลย
ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคับ o13

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
แวะมาป่วน ชวนฉลองหน้าที่เก้า ให้ eiky 55 รินแจกไปโลด


lasom

  • บุคคลทั่วไป
ไปตั้งกะประโยคนี้ล่ะ "กะลาอ่ะน้ำ ไม่มีค่านะเราให้น้ำได้แค่นี้่ล่ะ"   :m15:
รักบริสุทธิ์ที่หาไม่ค่อยได้ในปัจจุบัน อย่ามาม่านะคุณอิคเค้ากลัว

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
กลัวใจตัวเองคะ ถ้าอ่านไปแล้วเจอดราม่าหนักๆ จัดๆ แบบเรื่องที่แล้วของคุณอิ๊ก จะต้องหยุดอ่านอีกหรือเปล่า

ชอบให้คนแต่ง  แต่งได้ตามใจอยาก
แต่จะทนเห็นตัวละคร  เป็นผู้ถูกกระทำหนักๆ  บางทีก็ตามอ่านไม่ไหว

อ่านเรื่องนี้  แล้วมันหอมอวล  กลิ่นไอท้องทุ่ง  งามน้ำใสใจจริงของคนพื้นบ้าน
ภาพในความคิด  มันเลยดูสว่าง ใส  อบอุ่น  มีความสุข
อึดอัดด้วยรักที่แปลกแยก  แต่จะสมหวังในรักแรกของเด็กอายุแค่ 15-16  ดูท่าจะเป็นเรื่องยากจริงๆ

สนิมที่เกิดจากน้ำค้าง  กัดกร่อนเหล็กจนผุผังได้  แล้วถ้าเกิดสนิมในใจขึ้นมา  แล้วไม่ขัดถูทำความสะอาดให้ทันท่วงที  คงไม่พ้นเหมือนตายทั้งเป็นแน่ๆ  อ่านไปก็ระแวงไป  ว่าอะไร  คือ บ่อเกิดแห่งสนิมนั้น :L2:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
แวะมาป่วน ชวนฉลองหน้าที่เก้า ให้ eiky 55 รินแจกไปโลด



โหป้า ขอเบอร์เบิ้นได้ไหมอ่า อิอิ ขอเบอร์เบิ้นออนเดอะร็อกแก้วคร้าบ

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
^
^
^
พี่อิ๊กขี้เมา  5555555

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๑๐

ปุจฉา ใบไม้ที่ร่วงหล่นหลุดหายจากกิ่งก้าน ใยเรามองมันจึงยิ้มออกมา

๒๖ พฤศจิกายน

รู้ตัวอีกทีนี่มันปลายเดือนพฤศจิแล้วเหรอวะ ยุ่งจนลืมวันลืมคืน วันเกิดกูเพิ่งผ่านมาเมื่อวานได้ของขวัญจากมึงด้วยล่ะ ดีใจมากไม่เคยคิดเลยว่าจะได้อะไรเป็นของขวัญ ยิ่งจากคนที่กูรักอย่างมึง แต่ได้มาก็ดีนะ กูมีความสุขมาก ใครบอกมึงว่ามันเป็นแค่กะลาขัดเงา มันคือดวงใจของมึงต่างหาก มันมีค่ากว่าเพชรพลอยเสียอีก กูสัญญากูจะเก็บมันไว้อย่างดี ส่วนวันเกิดมึงปีหน้าเดี๋ยวกูก็มีของให้เหมือนกัน เวลามันผ่านไปเร็วจังเนอะเวลาที่เรามีความสุข ลืมเขียนตอนวันลอยกระทงไปเลยว่ะ ไม่ใช่มันไม่พิเศษนะ แต่กูเป็นสุข สุขเสียจนลืมไปเลยว่าเขียนไดอารี่อยู่ เอาเป็นว่าเขียนคร่าวๆละกันนะ เผื่อวันหลังมาเปิดอ่านจะได้ย้อนความทรงจำได้ว่าวันลอยกระทงปีนี้เป็นวันพิเศษอีกวันของกูกับมึง ก็ไม่มีอะไรมากตอนแรกว่าจะไปลอยบ้านใหญ่กับอีเอ๋กับไอ้ไก่ แต่มึงบอกว่าไปลอยที่ห้วยกันสองคนเรา กูก็เห็นดีด้วยนะ เพราะรู้สึกอยากอยู่แต่กับมึง ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งอยากเห็นหน้าแต่มึงคนเดียว กูคงบ้าไปแล้ว มึงไปตัดเอากาบหมากมาทำเป็นเรือ กูก็ไปขโมยดอกไม้ป้าสายมา อิอิ แกคงไม่ด่าหรอกถือว่าช่วยกันบูชาเจ้าแม่คงคา เป็นอีกวันที่กูได้กอดเอวมึงซ้อนท้ายรถมอร์ไซค์ไปที่ห้วย ให้ตายเถอะจะกอดอีกกี่ทีจะซบมึงอีกกี่หนกูก็ไม่เคยเบื่อ ถ้าทำได้นะอยากจะเอาตัวเข้าไปในตัวมึงเลยล่ะ ฮ่าๆๆ กูคงบ้าไปแล้วจริงๆ ยังจำได้เลยที่เราตัดเส้นผมที่กระหม่อมมาคนละหยิบ มึงยังแกล้งกูตัดออกมาเป็นกำหัวแหว่งเลยนะ แต่ไม่โกรธหรอกมึงมันชอบแกล้งกูอยู่แล้วนี่ มึงส่องไฟจากหม้อแบตให้กูตัดเล็บให้มึง กูรู้สึกดีมากว่ะ รู้สึกดีจนประหลาด ไม่รู้ว่ามึงอธิษฐานอะไรไปนะ แต่กู "ขอให้คนที่อยู่ข้างกายลูกคนนี้เป็นคนเดียวที่ลูกจะรักและขอให้เขารักลูก อย่างที่ลูกรักด้วยเถิด" นี่คือคำอธิษฐานของกู แต่เขาบอกไม่ให้บอกใครนี่หว่า แต่คงไม่เป็นไรในเมื่อมึงไม่รู้นี่นะ กูขอให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆนะ ขอให้เรารักกันตลอดไปเรื่องวันข้างหน้ามองไม่เห็นไม่อยากจะคิด ไม่สนใจ แค่ตอนนี้เรารักกัน ทุกๆวันที่ผ่านไปเรายังรักกัน วันพรุ่งนี้มันก็จะเหมือนกับวันนี้ กูเชื่ออย่างนั้น เอาล่ะต้องไปตีข้าวกับมึงแล้ว เดี๋ยวว่างจริงๆค่อยมาเขียน สัญญาว่าจะเขียนให้เยอะๆเลย

เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาที่หัวใจมันรู้สึกสุขทุกวินาทีที่เรากำลังใช้มันอยู่ทำไมมันถึงรู้สึกว่ามันสั้นแสนสั้น แค่หลับไปในอ้อมกอดคนรักตื่นมาก็เหมือนว่ามันจะผ่านไปไม่นานกอดยังไม่พอเลย ทั้งที่มันผ่านมานานแสนนานแล้ว แต่เวลาที่เราทุกข์บอบช้ำทำไมแต่ละวินาทีเหมือนว่าเข็มนาฬิกามันถูกห้อยไว้ด้วยก้อนหิน มันเดินเชื่องช้า แต่ละวินาทีมันแสนเจ็บปวด มาคิดดูดีๆแล้วเวลาเรามีเท่าๆกัน ใจเราเองที่ยึดไปติดไปกับสิ่งหวานสิ่งขมนั้น ห้ามไม่ได้หรอกนะเวลาเราเป็นทุกข์ที่จะไม่ให้เสียใจและเหมือนเวลาแต่ละนาทีมันเชื่องช้า และก็หยุดมันไม่ได้หรอกนะถ้าหากคิดว่าเวลามันแสนจะเดินผ่านไปเร็วแสนเร็วในวันที่เราเป็นสุข มันเป็นสัจธรรมจริงไหม

คืนนี้แม่นิ่มมานั่งคัดฟางด้วย น้ำกับบอทจึงไม่ได้หวานกันอย่างเคยต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาตีข้าวคุยกันบ้างแต่ไม่มากนัก คอยมองตากันตลอดเวลาไม่อยากให้แม่นิ่มจับได้ รอเวลาที่แม่นิ่มกลับบ้านไปนอนถึงเวลานั้นค่อยมาหวานกันใหม่

"แม่ไปนอนก่อนล่ะลูก อย่านอนดึกนักล่ะได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น"

แม่นิ่มลุกขึ้นจากการแกะมัดข้าวยีดูในฟางอีกรอบว่ามีเม็ดข้าวหลงเหลืออยู่หรือไม่ถ้ามีเหลือก็จะเอามือรูดออกไม่ให้หลงเหลือสักเม็ดเดียว

"ไม่รีบก็ไม่เสร็จสักทีสิแม่ แม่ไปนอนเถอะเดี๋ยวง่วงแล้วจะนอน"

บอทพูดออกไปหันมายิ้มให้น้ำ น้ำเองก็ตั้งหน้าตั้งตาตีข้าวไม่ได้สนใจมากนัก พยายามเก็บรอยยิ้มเอาไว้ พอแม่นิ่มกลับบ้านไปแล้ว บอทก็เลิกตีข้าวดึงแขนน้ำให้เดินตามไป

"ไปอาบน้ำกันป่ะน้ำ คันแล้ว"

"ไม่ต่อให้เสร็จกองนี้ก่อนเหรอบอท นี่เพิ่งจะสามทุ่มเองนะ"

"ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจแล้วอยากจะนอนกอดน้ำแล้ว"

"บ้า"

อายม้วนไป น้ำต้องยอมเดินตามบอทไปอาบน้ำที่บ่อขุดปลายนาถือถังน้ำไปด้วย ส่วนบอทถือผ้าขาวม้ากับสบู่ติดมือไป ลมหนาวปลายเดือนพฤศจิกายนดูเหมือนจะเป็นลมที่พัดพาเอาความหนาวเหน็บมามากกว่าตอนต้นเดือนเสียอีก น้ำในบ่อพอประทังความหนาวเย็นไปได้บ้าง ไม่เหมือนน้ำในตุ่มที่เย็นยะเยือก น้ำในบ่อมันจะอุ่นคงเพราะมันยังเก็บความร้อนจากแดดไว้ได้บ้าง ทั้งสองรีบอาบน้ำถูหลังให้กันก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้ารีบเดินกลับมาที่ซุ้ม น้ำเอาซิตร้าทาตัวให้บอทแล้วหันมาทาตัวเองเพราะถ้าไม่ทามันจะแตกแสบ บางทีอาจจะมีเลือดซึมออกมาจากรอยแตกนั้น พอตกดึกลมดูเหมือนจะสงบลงแล้วมีเพียงหยาดน้ำค้างที่พร่างพราวลงมาจากฟากฟ้า ให้สรรพสิ่งใต้ฟ้านั้นหนาวเย็นยะเยือก น้ำค้างบางคืนตกหนักมากพอตื่นเช้ามาจะรู้สึกเหมือนว่าเมื่อคืนฝนได้เทลงมาแต่หาใช่ไม่เพราะมันเป็นน้ำค้างนั่นเอง บอทเองกระชับกอดร่างของน้ำไว้ในอกมีผ้าห่มขี้งาคลุมอยู่อีกชั้น

"หนาวจังนะน้ำ"

"อืม น้ำค้างคงลง"

"เราไม่ได้ทำรักกันนานแล้วนะน้ำ แม่อยู่ตลอด คืนนี้เราทำอีกไหม"

"ไม่เอา มันหนาวกอดเฉยๆได้ไหมอ่ะบอท"

น้ำอ้อนวอนปากขยับพูดอยู่ปลายคางของบอท เจ้าตัวพยักหน้าน้อยๆตอบรับไม่อยากจะฝืนใจ เห็นด้วยกับน้ำว่ามันหนาวเกินไปแค่กอดกันให้ร่างกายอุ่นก็มีความสุขแล้ว

พอเดือนพฤศจิกายนจะล่วงพ้นผ่านไปแต่ปลายเดือนมีงานใหญ่ประจำปี นั่นคืองานทอดกฐินที่ปีนี้ผู้ใหญ่มาเศรษฐีประจำหมู่บ้านปักต้นกฐินเอาไว้ ได้ข่าวว่าจ้างหมอลำมาเป็นมหรสพสมโภชตอนกลางคืนด้วย ด้วยชื่อของคณะหมอลำที่โด่งดังมาจากจังหวัดขอนแก่น ชื่อเสียงของงานกฐินปีนี้จึงแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว หมู่บ้านใกล้เคียงในตำบลต่างก็พากันตั้งหน้าตั้งตาจะมาดูหมอลำในคืนวันงาน ส่วนเด็กนักเรียนเองไม่ต้องห่วงเรื่องงานกฐินกล่าวขานไปมากกว่าเรื่องใดๆเสียอีก ต่างคนก็ต่างนัดหมายกันว่าจะไปกับใครไปกี่โมง นัดเจอที่ไหน ส่วนเพื่อนๆในห้องต่างก็สนใจอยู่ไม่น้อย เอ๋กับไก่รวมทั้งเล็กตั้งใจจะมานอนค้างที่บ้านของน้ำ แต่การดูหมอลำในแต่ละครั้งก็เล่นเอาถึงสว่างเพราะฉะนั้นหมายว่าจะนอนคงไม่ได้นอนแต่อย่างใด

ตอนกลางวันชาวบ้านก็พากันแห่ต้นกฐินรอบหมู่บ้าน ข้ามไปบ้านใหญ่ด้วย ระยะทางในการแห่จุดประสงค์ก็เพื่อจะประกาศอย่างเป็นทางการว่าบ้านนี้มีงานบุญ ซึ่งบุญกฐินถือว่าเป็นบุญใหญ่ที่สุดประจำปี ต้องปักต้นกฐินไว้ล่วงหน้า วัดละต้นเท่านั้นตามหลักปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา เสียงกลองยาวแห่ขับกล่อมไปกับพิณแคนดังปลุกใจให้เด็กนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนไม่เป็นอันเรียน พอได้ยินเสียงกลองก็ต่างหันหน้าเข้าหากัน ใจมันไปไกลถึงคืนนี้เสียแล้ว

"เดี๋ยวกูไปรับนะอีเอ๋ ทุ่มครึ่งนะมึง ลีลามากมึงมาเอง"

เล็กร้องบอกเอ๋ตอนเลิกโรงเรียน

"ค่า คืนนี้ล่ะเอ๋จะสวยสะพรั่ง เพื่อได้ชายสักคน อิอิ"

"คงได้แต่ขี้เมาหน้าเวทีหมอลำนั่นล่ะมึง เตรียมเงินไปซื้อเหล้าขาวให้พวกมันกินด้วยล่ะ"

"เวรไก่ มึงอย่าเมาละกัน เดี๋ยวกูจับทำผัวเลยนี่ปากดีนัก"

เสียงหยอกล้อกันดังออกมาจากโรงเรียน ต้นอโศกที่เรียงแถวเป็นทิวยาวลู่ไปตามลม อากาศหนาวเย็นเช่นเคย ลมหนาวก็พัดหอบเอาฝุ่นคลุ้งกระจายอยู่ทั่วบริเวณบนบ้านแต่ละบ้านมีฝุ่นหนาเป็นนิ้วต้องรอปีใหม่ถึงจะทำความสะอาดบ้านกันขนานใหญ่ ตอนหน้าหนาวก็ปัดกวาดบ้างเพราะทำยังไงฝุ่นก็ไม่ยอมหมดไปเสียที

"ทำไมมันชอบดูกันจังนะหมอลำ คนเยอะจะตายน่ารำคาญ"

บอทบ่นขึ้นระหว่างทางไปเกี่ยวหญ้าที่สวนของน้ำ

"อ้าว พูดเหมือนไม่อยากไปดูงั้นล่ะบอท"

"เฉยๆอ่ะน้ำ อยากจะไปตีข้าวใหเสร็จมากกว่า"

"ก็แวะไปแป๊บเดียวไง เดี๋ยวค่อยกลับมาตีข้าวต่อ"

"อืม น้ำว่าไงก็ว่างั้นอ่ะ"

"แปลกคน มีแต่คนเขาอยากจะไปดูหมอลำ"

น้ำบ่นออกมาตามลมไม่ได้ตั้งใให้บอทได้ยิน

"ใจจริงก็อยากไปนะน้ำ แต่คิดว่าอยากอยู่กับน้ำมากกว่า ดูอะไรมันก็ไม่มีความสุขเท่ามองหน้าน้ำหรอก"

ช่างเสกสรรปั้นแต่งคำออกมาพูด น้ำยิ้มออกมาใจละลาย ไม่รู้จะกี่ร้อยครั้งแล้ว ได้ยินทีไรใจหายมลายไปกับลมทุกที แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มออกมาเดินหนีไปเสีย เพราะอายจนไม่รู้จะไปท่าไหนแล้ว

พอตะวันคล้อยลงต่ำชาวบ้านที่วันนี้ต่างหยุดการทำนามาวันหนึ่งเพื่อช่วยงานบุญกันตั้งแต่เมื่อคืน ต่างก็อาบน้ำผลัดผ้าแต่งตัวสวยๆงัดเอาชุดที่อยู่ในตู้ออกมาใส่เกือบทุกผู้ทุกคน บริเวณงานคือบ้านของผู้ใหญ่มาที่อยู่ติดชายป่าละเมาะเหนือหมู่บ้านไม่ห่างจากบ้านของบอทกับน้ำมากนัก มีผู้คนมาขายของ ก็จะมีลูกข่างหลากสีสันเวลาเล่นก็หมุนให้มันเกิดเสียงอ๊อดแอ๊ด มีข้าวเกรียบแผ่นโตที่ย่างกันให้เห็นจะจะ ตอนเป็นเด็กตื่นตาตื่นใจกับขนมชนิดนี้มากไม่อยากจะเชื่อว่าแป้งแข็งๆแผ่นเท่าฝ่ามือแต่พอเอาไปย่างไฟมันจะขยายออกใหญ่โตได้ขนาดนั้น มีลูกชิ้น กล้วยแขกทอด น้ำอัดลมใส่ถุง และที่ขาดไม่ได้ถั่วต้ม แม่นิ่มกับแม่บุญช่วยกลับมาในตอนเย็นเพื่ออาบน้ำผลัดผ้าออกไปช่วยงานอีกรอบ ส่วนพ่อถาวรประจำอยู่ที่งานตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แวะมาอาบในตอนเช้าไม่ต้องไปโรงเรียนเพราะผู้ใหญ่มามีลูกชายเป็นรองครูใหญ่ ชื่อครูวิชิตสอนวิชาคณิตศาสตร์กับวิชาสลน(จำไม่ได้ว่าชื่อเต็มมันคืออะไร)อยู่ที่โรงเรียน จึงอาศัยอภิสิทธิ์ไม่ต้องไปโรงเรียนแต่ให้มาช่วยงานที่บ้านแทน ส่วนหินก็อาบน้ำแต่งตัวไปกับเพื่อนข้างบ้านตั้งแต่แก่ต้นกฐินยังไม่กลับมาบ้านเลย

"ทำไรกินกันดีน้ำ แม่นะแม่ไปไม่สนลูกเลย"

บอทบ่นขึ้นเมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เดินมานั่งที่แคร่หน้าบ้านของน้ำ

"บอทอยากกินอะไรล่ะ หมกปลาไหม"

"ฮื่อ เบื่อกินแต่ปลาทุกวัน"

"อ้าวก็มันมีแต่ปลานี่ หรือจะกินอ่อมกบ"

"เออ อ่อมกบก็น่าจะดี"

"น้ำไม่ฆ่ากบนะแต่เดี๋ยวทำให้"

"คร้าบ พ่อนักบุญ มาๆเดี๋ยวเราทำเอง"

อ่อมกบที่ว่าไม่เหมือนแกงอ่อมที่เขาทำขายกัน วิธีทำก็เอากบมาชำแหละแล้วสับเป็นชิ้นเล็กๆเอาไปคั่วกับเครื่องเทศมีหัวหอม กระเทียมพริกแดงตะไคร้โขลกให้ละเอียดใส่เกลือนิดหน่อยถ้ามีเม็ดพริกไทยก็ทุบลงไปสักสองสามเม็ดพอเป็นกลิ่น คั่วจนหอมปรุงรสแล้วเอาน้ำเติมให้กะว่าเนื้อกบจะเปื่อยยุ่ยไม่เหนียวพอกิน รอจนเดือดชิมดูอีกรอบถ้าใช้ได้ก็เอาใบชะพลูลงไปปิดฝาหม้อเป็นอันใช้ได้ น้ำเป็นคนไปเก็บใบชะพลูที่ริมรั้วมาให้แล้วมาตำเครื่องเทศ ส่วนบอทเป็นคนแร่เนื้อกบแล้วสับเตรียมไว้ให้น้ำเป็นคนปรุง พอดีกับเพื่อนทั้งสามมาถึง

"โห ทำไรวะน้ำหอมเชียว"

เล็กเดินปรี่เข้ามาหาหลังจากที่จอดรถเครื่องไว้มิดชิดดีแล้ว

"ว้าย อ่อมกบ บ้านมากค่า"

"ตอแหล แหมวันก่อนกูเห็นเลียจานเลยนะต้มส้มกบน่ะ"

เล็กดอดขึ้นเอ๋ทำหน้าอายๆ

"ว้าย ก็มีบ้าง ใกล้เสร็จยังอ่ะน้ำ หอมยั่วน้ำลายดีจัง"

"กูว่าแล้ว มึงกับไอ้ไก่ไปซื้อส้มตำพี่นางมาหน่อยดิ จะมาจวกกินแต่ของเขาหัดออกกับบ้าง"

เล็กบอกแล้วล้วงเงินให้เพื่อนทั้งสอง

"ต๊าย ไอ้ไก้มันจะไม่คิดอะไรเหรอ ชั้นน่ะไม่ได้คิดนะ"

เอ๋จีบปากจีบคอพูดขึ้น

"มึงจเดินดีๆหรือให้กูถีบ อีเอ๋"

ไก่ทำท่ารำคาญขึ้นง้างเท้าทำท่าจะทำอย่างที่พูดจริงๆ

"ว้ายอย่านะคะผัวขา เดี๋ยวคืนนี้เมียไม่ทำให้นะ"

"อีเอ๋"

พูดแล้ววิ่งหนีไปแล้วไก่วิ่งตามเพื่อนๆที่เหลือก็หัวเราะกันลั่น รู้ไหมความทรงจำเกี่ยวกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายไม่ว่ามันจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่ความทรงจำนี้มันยังแจ่มชัดอยู่ ไม่มีสื่อทันสมัยให้ต้องแยกปลีกตัวออกจากเพื่อน ไม่ต้องไปปาร์ตี้สังสรรค์กันมากมายนัก ไม่มีสิ่งของหรูหรามาอวดอ้างกัน แต่ทำไมความทรงจำกลิ่นโคลนสาบควายมันถึงติดแน่นอยู่ไม่มีทางลบเลือน พอซื้อส้มตำมาเสริมอีกอย่าง เอ๋ซื้อไก่ย่างมาด้วยไม้หนึ่ง ทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าว พอเสร็จน้ำกับบอทก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปดูหมอลำกับเพื่อนๆ

เทวีหันหลังให้ป่ามีลานกว้างเบื้องหน้าให้คนไปปูเสื่อนั่งดู คณะฟ้าสีคราม ชื่อเสียงดังระบือไกลไปหลายจังหวัด จึงไม่แปลกใจที่ต่างบ้านต่างอำเภอจะพากันแห่แหนมาดู บางคนมีรถกระบะ หรือรถหกล้อก็ว่าจ้างกันมา คนเยอะเต็มพื้นที่เสียงอึกทึกครึกโครมอยู่ เสียงดนตรีดังขึ้นจากบนเวที ทุกสายตาก็หันไปมองอย่างใจจดใจจ่อ หมอลำแบบนี้เรียกว่าลำเพลิน คือมีการเดินกลอนด้วยเพลงหรือลำ การดำเนินเรื่องไปเร็วเหมือนกระตุ้นคนดูอยู่ตลอดเวลา ฉากแสงสีเสียงตื่นตาตื่นใจ

"ไก่พาเอ๋ไปหน้าเวทีหน่อยสิ นะนะ อยากดูหางเครื่องใกล้ๆ"

เอ๋จับแขนไก่เขย่าอยู่

"ไม่เอา เดี๋ยวเขาจะตีกัน"

"ไม่ได้ไปตรงนั้น ไปข้างๆลำโพงโน่น ชอบคนนั้นอ่ะ"

ทำท่าอายออกมาสายตามองไปยังหางเครื่องหนุ่มบนเวที

"พามันไปหน่อยสิไอ้ไก่ สงสารมันเผื่อมันจะได้มีผัวกับเขาเสียที มึงไม่อยากให้มันมีผัวเหรอมันจะได้ไม่มายุ่งกับมึง"

เล็กบุ้ยปากให้ไก่ทำตามคำเรียกร้องของเอ๋

"เออๆ อีนี่ สั่นเชียวนะพอเห็นผู้ชายน่ะ"

"แหมมันก็มีบ้าง อิอิ น่ารักที่สุดเลยอ่ะไก่"

"มึงไม่ต้องพูดมากจะไปไม่ไป"

ไก่ยังขู่อยู่เอ๋รีบลุกเดินนำหน้าไปก่อนทันที

"ดูมันนะ"

เล็กหัวเราะตามหลังเพื่อนทั้งสองที่เดินตามกันไปหน้าเวทีแล้ว ที่ไหนมีหมอลำที่นั่นจะต้องมีเด็กวัยรุ่นตีกัน ไม่รู้ทำไมเหมือนกันบางคนตั้งใจมาเพื่อตีกันโดยเฉพาะ จนเจ้าภาพบางคนต้องออกกฏว่าถ้าใครตีกันในงานเขา ต้องรับผิดชอบค่าจ้างหมอลำทั้งหมดหรือไม่ก็กึ่งหนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังไม่วายนัดกันออกไปตีตามทุ่งเสียนั่น หมอลำดำเนินต่อไปได้สักพักทางหน้าเวทีก็อื้ออึงวิ่งไล่กัน

"เฮ้ย ดีกันแล้วว่ะน้ำ"

เล็กลุกขึ้นจากเสื่อยืนมอง

"แล้วอีเอ๋กับไอ้ไก่ล่ะมึง"

น้ำร้องขึ้นเป้นห่วงเพื่อนทั้งสอง

"เดี๋ยวกูไปดูเอง อ้าว ไอ้ไก่นี่ ห่าเอ้ย"

เล็กมองไปตามคนที่วิ่งหนีคนที่กรูกันเข้าหา จำได้ว่าคนที่วิ่งหนีนั้นคือไก่ที่มีเอ๋วิ่งตามอยู่ ทั้งสามคนลุกขึ้นจากที่วิ่งไปหาทันที

"มีอะไรกัน"

เล็กวิ่งเร็วกว่าไปดักหน้าไว้ ชายหนุ่มจำนวนมากวิ่งตามมาพ้นจากบริเวณงานไปแล้ว บนเวทีก็ประกาศให้ผู้คนอยู่ในความสงบดำเนินการละเล่นต่อไป

"กวนตีนนะมึง จะหนีไปไหนวะ"

เสียงชายหนุ่มที่วิ่งมาสี่ห้าคนเกรี้ยวกราดขึ้น เล็กวิ่งไปดักหน้าไว้ในมือของชายหนุ่มก็มีขวดมีไม้เต็มกำลัง

"มีอะไร มึงเก่งมาจากไหนมาตีคนบ้านนี้ มึงอยากตายเหรอ"

"อีห่า มึงปากดีนะ มึงไม่เกี่ยวถอยไป"

"ทำไมจะไม่เกี่ยว นี่เพื่อนกู มึงจะเอาอะไรมาเอากับกู"

"อีเล็ก"

เสียงร้องออกมาจากกลุ่มของชายหนุ่ม

"อ้าว ไอ้ต้นมึงเป็นเพื่อนพวกนี้เหรอวะ"

"เฮ้ย อย่าไปยุ่งกะมันเลยว่ะไปเถอะๆ"

เด็กคนนั้นดึงแขนเพื่อนๆให้กนีจากการวิวาท

"เดี๋ยวไอ้ต้น พวกนี้บ้านไหน ทำไมกูไม่เคยเห็นหน้า"

เล็กกร้าวเสียงใส่กลุ่มผู้ชายไม่ได้เกรงหรือกวาดกลัวแต่อย่างใด

"เอ่อ บ้านหัวตะพานมึง" ตอบออกมาอ้อมแอ้ม

"อ้อ มึงรู้จักพ่อกำธรไหม ถ้าไม่รู้จักไปถามพ่อมึงดู"

"หา ลูกพ่อกำธรเหรอ"

"เออ กูนี่ล่ะลุกพ่อกำธร หรือมึงยังอยากมีเรื่องอยู่ ไปให้พ้นหน้ากูเลยนะ"

ปรี่เข้าหา กลุ่มชายพวกนั้นถอยกรูหนีไปทันที

"ไม่มีอะไรแล้ว ไปกลับเถอะกูหมดอารมณ์ มึงไปทำอีท่าไหนวะไอ้ไก่ ไปกวนตีนมันได้ ไอ้ต้น่ะมันสิงห์ดมกาวนะมึง ดีนะที่มันเห็นแก่หน้ากู"

เล็กหันมาถามคนต้นเรื่อง เอ๋วิ่งตามมาหอบแห่กๆอยู่ใกล้ พ่อของเล็กนับเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคมอยู่ไม่น้อยเพราะเป็นพ่อค้าคนกลางที่ไปคอยซื้อข้าวเปลือก ทุกบ้านในอำเภอจึงรู้จักหน้าค่าตาเป็นอย่างดี ที่ไม่อยากจะมีเรื่องด้วยเพราะถ้าพ่อของเล็กเต้นไปตามลูกบ้านนั้นก็ถือว่าซวยไป

"กวนห่าอะไรล่ะมึง มันผลักอกกูหาว่ากูไปมองเด็กมัน อีห่านั่นใครจะไปมอง"

"นั่นสิเล็ก พวกนี้มันบ้า อีนั่นนะก็แรดเต้นอยู่หน้าเวทีใครจะไปเอา"

"เออ หมดเรื่องแล้วกลับเถอะ กูไม่ดูต่อแล้ว อย่าให้เจ้าถาพเขามาจับได้ล่ะมึง มีปัญญาจะจ่ายค่าหมอลำเขาไหม"

"งั้นไปตีข้าวช่วยกูล่ะกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว"

บอทเอ่ยขึ้น

"โห ไอ้บอท มึงนี่ตลอดเลยนะ เออ ไปก็ไป งั้นมึงต้มไก่เลี้ยงเลย อีเอ๋ ไปซื้อเหล้าขาวมาดิ ไปกินที่นาก็ได้โว้ย"

ข้อสรุปคือไปช่วยบอทตีข้าว คืนนั้นก็ทำได้แค่ฟังเสียงหมอลำที่ลอยมาตามลมเพราะเกิดเหตุเสียก่อน แต่ดูเหมือนทุกคนจะร้อนใจอยู่แต่ตอนแรกพอเหล้าขาวเข้าปากไปก็เปลี่ยนท่าที บอทกับน้ำไปจับไก่ในเล้ามาต้มให้เพื่อนๆกิน พอสุกก็ยกไปทั้งหม้อเดินไปที่นาท้ายบ้าน

"เออ แปลกดีเหมือนกัน บอกแม่มาดูหมอลำแต่มาฟังลำเอาท้ายบ้าน ฮ่าๆๆ ไปๆไอ้ไก่มึงตีข้าวให้ได้เยอะกว่าใคร โทษฐานซ่านัก"

เล็กบอกแล้วยกแก้วเหล้าขาวกระดกลงคอ หลับตาปี๋หน้าเริ่มแดงก่ำ พอเริ่มเมาก็ไปออกแรงตีข้าวให้เหงื่อออก พอรู้สึกเหมือนจะสร่างก็มายกอีก วนเวียนกันทำอยู่อย่างนั้น เสียงคุยกันเสียงหัวเราะดังแข่งกับเสียงหมอลำจากในบ้านที่ดังแว่วออกมา

"อ้าว ไอ้ไก่ ห่าเมาไปแล้วมึง"

เอ๋ไปตีหน้าเพื่อนเบาๆเมื่อเห็นคอพับอยู่กับพื้น

"ครายมาว กูม่ายมาว หนายอาวมาอีกจอกดิ"

"ต๊าย พูดยังไม่รู้เรื่องจะกระแดะเอาอีกจอก เดี๋ยวเถอะมึง ได้เป็นผัวกูแน่"

ตั้งใจพูดขู่ให้เพื่อนกลัว

"เออ เป็นก็เป็น มาเลยเมียจ๋า ผัวพร้อมแล้ว"

"โหมึง จะเอากันอีกคู่แล้วว่างั้น"

เล็กโพล่งขึ้น น้ำหันขวับทันที

"เออ อีเอ๋มึงลากมันไปในซุ้มไป ไม่มีใครไปดูคู่ผัวตัวเมียคู่มใหม่หรอก"

เล็กพูดออ้อมไปเพราะสายตาของน้ำแสดงความไม่พอใจออกมา

"โหมึง มันไม่รู้หรอกน่า กูขอโทษเมาแล้วปากพล่อยไปหน่อย"

"เออ มึงระวังหน่อยสิเล็ก กูไว้ใจมึงนะ"

"คร้าบ คุณน้ำ มาๆดื่มให้กูหน่อย"

เล็กกอดคอน้ำเมาเต็มที่แล้ว กลิ่นเหล้าขาวหึ่งออกมาตามลมหายใจ บอทเองก็เริ่มเมาตีข้าวอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำเองก็เมา สรุปกอดคอกันนอนอยู่ตรงกองข้าวนั่นเอง น้ำค้างที่พร่างพราวลงมาทำให้ทั้งสามคนลากกันเข้าไปนอนในซุ้มเบียดกัน แน่นอยู่ในนั้นจนเช้า

พอเช้าแม่นิ่มก็มาปลุกให้ตื่นกัน ตะวันโด่งสาดส่องไล่หยาดน้ำค้างให้แห้งเหือดไปหมดแล้ว

"เมื่อคืนไม่ได้ไปดูหมอลำกันเหรอลูก พากันมาตีข้าวอยู่นี่ขยันกันจริง"

"ไปแป๊บเดียวแม่ ไม่สนุกเลยมาที่นี่ดีกว่า"

เล็กตอบแก้เก้อไปก่อน

"เออนั่นสิเมื่อคืนมีคนตีกันด้วยนะ อย่าให้รู้นะว่าใครจะให้มันจ่ายค่าหมอลำให้เข็ด เด็กสมัยนี้เอะอะอะไรก็ตีกัน ไม่เข้าใจจริงๆ"

มองหน้ากันทั้งห้าคน

"นั่นสิแม่ เสียดายหมอลำอยู่นี่ ตั้งใจมาฟังนะเนี่ย"

"โอละหนอ ฟ้าเอ๋ยฟ้าฮ้องฮ่าวเสียงยาวยาวของผู้เฒ่าแห่งคิดฮ่ำ ละคิดนำเด้คิดนำแต่บักหล่าไปหางานอยู่กรุงก้วง"

เสียงลำดังขึ้นจากปากแม่นิ่ม เด็กทั้งห้าคนมองตาปริบๆ ลำที่แม่นิ่มลำออกมาเขาเรียกว่าลำล่อง คือจะลำประกอบกับแคนเพียงอย่างเดียว เน้นเสียงของคนลำเองว่าเสียงดีมากน้อยเพียงใหน เป็นลำที่ไม่ค่อยได้ยินตามยุคสมัยนี้แล้ว แม่นิ่มลำต่อไปเรื่อยๆ แม้จะไม่มีแคนขับกล่อมแต่น้ำเสียงของแม่นิ่มก็กินใจได้ไม่น้อย เนื้อหาของลำก็เกี่ยวกับมารดาที่คิดถึงบุตรที่ไปหางานทำที่เมืองหลวง เสียงลำที่โหยหวนชวนให้ขนลุก เล็กน้ำตาคลอออกมา ส่วนเอ๋ถึงกับร้องไห้ออกมา น้ำเองก็น้ำตาซึมไม่เคยฟัง

"แม่เป็นหมอลำเก่าเด้ลูก เสียงยังใช้ได้อยู่ใช่ไหม"

หัวเราะออกมาเด็กๆพากันปาดน้ำตากันเป็นแถบ ต่างคนก็ต่างอายกัน มนต์เสน่ห์ของท้องทุ่งตราตรึงอยู่ในใจ กลิ่นอายของความสุขตลบอบอวลไปทั่ว งานที่ว่าหนักไปสำหรับเด็กวัยรุ่นแต่ถ้ามองในแง่ดี งานหนักนี้คือที่รวมจิตใจฝึกให้เราไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งหนใดถ้าเราเข้มแข็งไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคเชื่อว่าสักวันแสงสุริยาฉาย มันจะส่องแสงงามนั้นมาโปรดเราให้เห็นทางไปเอง

วิสัชนา เพราะตาเราไม่ได้มองที่ใบไม้ร่วงหรอกหนา แต่ตาเรามองผ่านมันไปเห็นแค่ใบหน้าของคนที่รักลอยเด่นอยู่นั่นไง


http://www.youtube.com/v/04cxcHc8YUQ?fs=1&amp;hl=en_US

ไม่รู้จะได้ไหมนะ ลองฟังดูครับ ศิลปะอีกแขนง อิอิ

เขียนโดย eiky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:46:27 โดย eiky »

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
หวานกันตลอดๆๆ  ว่าเอ๋กะไก่นิมีสิทธิลุ้นม่ะ  55

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
 :n1: Like+1 ครับ พึ่งเคยฟังหมอลำ เพราะดีครับ ^^

เป็นกำลังใจให้พี่อิ๊กครับ :)

ฺBy เด็กม.ปลายคนหนึ่ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด