สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑  (อ่าน 221648 ครั้ง)

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
แล้วความสุขมันจะผ่านไปไวเหมือนลมตดมั้ย?
 :laugh:
แซวคุณอิ๊กเล่นอ่ะ

แค่รู้สึกว่าช่วงเวลาความสุขของน้ำมันคงสั้น

แต่เรื่องบรรยากาศบ้านนา คุณอิ๊กบรรยายดีเยี่ยมนะ
นึกภาพตามแล้วเรายังอยากไปซึมซับบรรยากาศแบบนั้นบ้างซักครั้งจัง
แต่ที่ไม่ได้พูดถึงเพราะ จิตใจมันจดจ่อว่า .. มันจะดราม่า เมื่อไหร่?  มากกว่าน่ะ
 :m18:
 

คุณอิ๊ก พักผ่อนเยอะๆนะคะ พักผ่อนให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณอิ๊กจะทำได้
สมองจะได้โล่ง อารมณ์ก็จะดีไง

นอนน้อยแล้วหงุดหงิดง่ายรู้ซึ้งเลยล่ะว่ามันเป็นไง
เหวี่ยงได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจอย่าได้แคร์สื่อใด..
ไม่รู้คุณอิ๊กเป็นเหมือนเราหรือเปล่านะ? แต่คาดว่าคงใกล้เคียงกัน..

 :กอด1: ให้กำลังใจ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2010 15:37:17 โดย knightofbabylon »

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
ใกล้จะทุบบ่อน้ำตาแฟนคลับรึยังครับ eiky

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
จิ้มๆๆๆๆๆ  หว๊านหวาน  อย่าลืมน่ะพี่อิ๊กกี้จะดราม่ากรุณาบอกด้วย  55

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ขอเสพความหวาน ๆ มันส์ ๆ ฮา ๆ ก่อน มาม่ายังไม่อยากกิน 555

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
สมัยนั้นครีมยี่ห้อนี้มีเพียงสีเหลืองเท่า นั้น ขวดเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มแต่ราคาก็นับว่าแพงสำหรับเด็กมัธยมที่ไม่มีรายได้เป็น ของตัวเอง อีกครีมที่นิยมใช้กันคือ สปริงซองที่มักจะแถมลิปมันทากันปากแตก แต่ถ้าใครทาไปโรงเรียนไม่พ้นต้องโดนเพื่อนล้อเลียนลบออกแทบไม่ทัน โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชายด้วยกันเพราะมันลิปมันก็จริงแต่สีของมันก็แปร๊ดไม่ยอม น้อยหน้าเช่นกัน

 :laugh: กรี๊ดดดดดดดดดด เค้าทันเด้ เช็คอายุปะเนี่ย งานนี้
รอบนี้แหย่ใช้น้ำมันมะกอก หรือสปริงซองล่ะ  :-[
แต่ไม่เอามาม่านะ  :serius2: ถ้าจะมาม่าได้โปรดแจ้งล่วงหน้าวักสามวัน แล้วจะส่งใบลาไว้  :jul3:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ไม่อยากจะนึกถึงตอนที่น้ำเสียใจเลยอ่า

บอทคงไม่ทำให้น้ำเสียใจหรอกนะ แล้วที่บ้านอีกถ้ารู้จะเป็นไงน๊อ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
คุณอิ๊กคะ โปรดเห็นใจแฟนๆนะคะ ทุกคนล้วนแต่ไม่อยากกินมาม่าค่ะ
หูย อ่านตอนนี้แล้วนึกภาพ สมัยก่อนไปเอา "ปลาข่อน" แบบนี้แหละสนุกมากเลย
เอ่อ คุณอิ๊กเผลอไปมั้ง คำว่าวิทยาทาน "ทาน" ป็น ท.ทหารค่ะ ไม่ใช่ ธ.ธง

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
บรรยายท้องทุ่งนาออกมาสวบมากนะครับพี่อิ๊ก
ชาวบ้านแถบนั้นคงจะอยู่กันแบบมีความสุข
เด็กๆคงมีความสุขที่ไม่ต้องเรียนพิเศษ  ห้าห้า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
มันจะหวายซึ้ง กินใจไปถึงไหนหละนิ

พอหวานก็หวานซะ ........แต่พอขมขื่น ขึ้นมา น้ำตาคงตกใน แน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Natavishi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
นิยาย รัก บ้าน ๆๆ  น่ารักดี น่ะ   อ่านแล้ว  คิด ถึง อดีต จัง  (หรือว่า กู แก ว่ะ )

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
บอทนี่นะ หื่นใช่ย่อย~

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ซิตร้ารุ่นนั้น เกิดไม่ทันอ่ะคุณอิ๊ก  :m20: :m20:

ช่วงนี้คุณอิ๊กกักตุนน้ำตาล  o18
อีกไม่นาน คาดว่าคงเปลี่ยนมากักตุนมาม่าแทน  :laugh:

ออฟไลน์ som~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :เฮ้อ:  :เฮ้อ:    มันหวานกันจริงๆ    ไม่อยากนึกถึงตอนมาม่าเลย

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
เดี๋ยวนี้คุณอิ๊กกี้เปลี่ยนเวลามาลงจากช่วงค่ำๆ มาเป็นช่วงบ่ายๆ แทนแล้วหรอคะเนี่ย

แอบเห็นคุณอิ๊กกี้ปูทางให้ตัวละคร "โกอินเตอร์" ด้วย  o18 ร้ายกาจจริงๆ

ช่วงนี้ทั้งหวาน ทั้ง NC ถี่ดีนะคะเนี่ย แฟนๆ ชอบ  :impress2:


"ไม่เอา เอาซิตร้าดีกว่า"

สงสัยน้ำคงอยากให้สีผิวบริเวณนั้นของตัวเองและของบอทเป็นสีขาวอมชมพูแน่ๆ เลย  :laugh:

รอตอนต่อไปนะคะ คุณอิ๊กกี้  :กอด1:


**************************


ถึงเพลายามเย็นๆ น้ำไสในห้วยเล่น

ตรงนี้หมายถึง เมื่อถึงเวลาเย็นน้ำในห้วยใส น่าลงไปเล่นรึเปล่าคะ ถ้าใช่ น้ำใส ต้องใช้ นะคะ

เหมันต์ฤดู คำนี้แปลว่าฤดูหนาวใช่ไหมคะ ซึ่งคำว่าเหมันต์ และ ฤดู ทั้งสองคำนี้เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤต การนำคำจากภาษาบาลีหรือสันสกฤตตั้งแต่สองคำขึ้นไปมารวมกันเรียกว่าคำสมาส ดังนั้นพอมาสมาสกันไม่ต้องใส่เครื่องหมายทัณฑฆาตระหว่างคำนะคะ เขียนว่า เหมันตฤดู ไปเลย ทำนองเดียวกับการเขียนชื่อปริญญาน่ะค่ะ เช่น วิทยาศาสตรบัณฑิต วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต หรือการเขียนชื่อ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในอดีตที่ไม่มีการใส่เครื่องหมายทัณฑฆาตก็เพราะเหตุนี้ค่ะ  

ผูกพันธ์ คำนี้ไม่ต้องมี ธ์ นะคะ ผูกพัน เฉยๆ คือทั้งผูกและพันคนสองคนเอาไว้ด้วยกันน่ะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2010 19:53:13 โดย なおみ™ »

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ขอบคุณครับกับบทบรรยายอันสวยงาม เห็นภาพตามไปด้วยเลยครับ

gtm

  • บุคคลทั่วไป
ขีดเส้นใต้ว่า หวานมากอะ ณ จุดณี้

ถ้าจะดราม่าเอาแบบครอบครัวรู้แล้วกีดกัน ยังดีกว่าดราม่าเพราะมือที่3

แบบภูมินะ ที่มีอีพีท มาคอยรังควาน ไอนั้นรับไม่ได้นะ555+

ปล.มีสั่งคนแต่งอีก อิอิ เอาตามนี้นะคุณอิ๊กดราม่าพองาม


ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
เลิศค่ะนิยายเรื่องนี้
เเต่อ่านเเล้วกลัวค่ะ กินมาม่ามาหลายซองเเล้ว
ขอเป็นวั้นเส้นกุ๊งกิ๊งละกานค่ะ

อิอิ ขอบคุณค่ะ เยี่ยมเหมือนเดิม

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ความสุขมักผ่านไปรวดเร็ว ได้แต่หวังว่ารักนี้จะยั่งยืนไปตลอดกาล :L1:

Milk

  • บุคคลทั่วไป
โลชั่นสปริงซอง อยากบอกตอนเด็กๆทาบ่อย

บรรยายซะเห็นภาพบรรยากาศบ้านนา

 :laugh:มีแต่คนกลัวได้กินมาม่า

และเราก็กลัวกลัวเหมือนกัน 5555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






kanda53

  • บุคคลทั่วไป
น่าอิจฉาคนที่เติบโตมากับธรรมชาติ....ถึงจะเหนื่อยยากแต่ก็ยังคงมีความสุขเสมอ...
ตอนนี้...อ่านแล้วมีความสุขจังเลย.....ท้องทุ่งก็สวย...ความรักก็หวานนนน...
แล้ว...ความรักระหว่างเพื่อน....น้ำกับเล็กก็สวยงามและจริงใจ...
เพื่อนแท้....จะอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้กันตลอดไป.....
น้ำกับบอท....หวานกันเยอะ ๆ น้า....คนอ่านมีความสุขไปด้วยจริง ๆ.. :-[

 :pig4: น้อง eiky  อย่าหงุดหงิดบ่อยน้า...เดี๋ยวแก่เร็ว..... :L1:
อ้อ....พักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะจ๊ะ...

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
+1 เป็นกำลังใจ

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเวลา eiky บรรยายธรรมชาติบ้านนาจัง..
คิดถึงสมัยเด็กเลย อากาศเย็น สดชื่นๆ ตอนเช้าในหน้าหนาว...คิดถึงเวลานั้นจัง  :กอด1:

ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
คิดถึงจังเลย รักแบบเด็กๆ

ออฟไลน์ meiji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อย่าให้มีอะไรเปลี่ยนไปเลยย เฮ้ออ
 :เฮ้อ:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วนึกถึงสมัยเด็กๆเชียวหละ หน้าหนาวก้หนาวมากกไอ้ลิปสปริงซองฝาลายส้มดำแท่งเขียวๆ ทาแล้วแดงได้จัยแดงได้ทั้งวัน 55555555555

อ่านแล้วมีความสุขนึกถึงบรรยากาศท้องทุ่งบ้านนาแถวสุพันบ้านเกิดเลย แต่เดี๋ยวนี้ก้หาใช้จะเป็นแบบแต่ก่อน แต่ก็ยังพอมีบรรยากาศประมาณนี้หลงเหลืออยู่บ้าน




แต่ก็นะ กลัวมาม่า  มันกำลังจะมาแล้วชิม........................................

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
ซิตร้ากะสปริงซองแถมลิปมัน เค้าก็ทันนะฮ่าๆๆๆ คิดถึงอดูด เอ้ยยย อดีต :laugh:
คิดถึงบ้านเลย บ้านอยู่แค่อยุธยาแท้ๆแต่ไม่ค่อยได้กลับ :เฮ้อ:

ไม่อยากกินมาม่าอ่ะคุณอิ๊ก  :z3:

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
เคยใช้แต่อันนี้ ชอบ หอมมาก ย่าก็ใช้ เลยชอบไปนอนกอดย่า อิอิ



บอทน่ารักดีอ่ะ จริงใจและตรงดี ไม่ปิดบังตัวเอง

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๘


ปุจฉา ทราบไหมว่าหัวใจของคนเราเต้นกี่ครั้งต่อนาที

แม่นิ่มกับแม่บุญช่วยกำลังง่วนอยู่กับการทำข้าวเม่าอยู่ลานหน้าบ้านของ น้ำ แม่นิ่มเป็นคนคัดรวงข้าวที่จะเอามาทำเห็นบอกว่าข้าวต้องไม่สุกเหลืองเกินไป หรืออ่อนยังเป็นน้ำนมข้าวอยู่ เพราะถ้าข้าวสุกเกินไปข้าวเม่าจะแข็งกินไม่อร่อย แต่ถ้าข้าวอ่อนเป็นน้ำนมเวลาตำเอาเปลือกข้าวออกข้าวก็จะเป็นเม็ดไม่สวยเวลา ตำจะเละจับกันเป็นก้อนหรือที่เรียกว่าขี้หนู พอคัดเสร็จก็เอารวงข้าวมาวางเรียงรายไว้ในกระด้งเหยียบยีเอาเมล็ดข้าวออก จากรวง การทำข้าวเม่าต้องตำเอาด้วยครงไม้ขนาดใหญ่ คนในพื้นที่เรียกว่าครกมอง ทำมาจากท่อนไม้ขนาดใหญ่คว้านตรงกลางให้เป็นแอ่งไม่ตื้นหรือลึกจนเกินไป สมัยก่อนที่ยังไม่มีโรงสีแม่บุญช่วยบอกว่าก็จะพากันมาตำข้าวทุกเย็นที่ลาน บ้าน ตำแต่พอกินในวันถัดไปหนุ่มสาวก็อาศัยเกี้ยวพาราสีกันในช่วงนี้ เหนือครกมองมีคานไม้เตี้ยเพื่อที่จะทำกระเดื่องเป็นสากเอาไว้เหยียบตรงปลาย ของไม้เวลาตำข้าว แต่คราวนี้แม่บุญช่วยไมได้เหยียบกระเดื่องเพราะบอกว่าข้าวเม่าจะเละไป จึงเอาสากไม้ขนาดใหญ่ขนาดจับได้สองมือมาตำเอา และคนที่ตำคือน้ำกับบอทนั่นเอง พอตำจนได้ที่ก็จะเอามาใส่กระด้งฝัดเอาเปลือกข้าวออกจากเมล็ด พอลงมือตำกลิ่นหอมของข้าวก็ลอยขึ้นปะทะจมูก เมล็ดข้าวอ่อนสีเขียวแลดูน่าทาน

"อย่าตำแรงมากสิน้ำเดี๋ยวมันเละ"

แม่บุญช่วยร้องมาบอกเพราะยิ่งตำเหมือนจะยิ่งสะใจอยู่ในที พอได้ข้าวเม่าตามจำนวนที่ต้องการแม่นิ่มก็เอามะพร้าวกึ่งอ่อนกึ่งแกที่ไปขอ มาจากวัดมาผ่า ขูดเอาเนื้อมะพร้าวมาโรยแบ่งเก็บไว้ไปวัดในวันพรุ่งนี้ด้วย

"อร่อยดีนะน้ำ"

บอทบอกแล้วเคี้ยวข้าวเม่าอยู่หมุบหมับ

"บอทพาน้ำไปเอาย่านางมาให้ป้าหน่อยสิ พ่อถาเขาได้หน่อไม้ไผ่ตงมาจะเอามาแกงให้กินกัน"

แม่บุญช่วยร้องบอก บอทเองขานรับแล้วหันไปพยักหน้าให้น้ำ

"ไปเอาที่ไหนล่ะแม่ค่ำแล้วนะ"

น้ำพยักหน้าตอบรับกับบอทแต่ก็ยังหันไปถามแม่บุญช่วยอยู่ดี

"ไปดูหัวนายายสาสิน้ำ เอาหม้อแบตไปด้วย เออ แวะสวนเก็บน้ำเต้ามาด้วยนะ"

แม่บุญช่วยสั่งเสร็จสรรพแล้วหันไปคุยกับแม่นิ่มต่อ น้ำทำหน้าซีดเหมือนตกใจแต่ก็แอบดีใจที่จะได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนรักสุดหัวใจ กันสองต่อสอง

"หนาวจะตาย มืดแล้วด้วย"

น้ำบ่นออกมา บอทกลับหัวเราะร่าถูกใจ

"บ่นอะไรคร้าบคุณน้ำ ยังไม่มืดหรอกน่า กลัวก็บอกมาเถอะน่า"

"บ้าใครกลัว แค่ไม่อยากไปหัวนายายสาแค่นั้นเอง"

"ฮ่าๆๆ ไหนบอกไม่กลัว เอาน่า เรามาด้วยจะกลัวอะไร"

บอทปลอบใจแล้วออกแรงถีบจักรยานให้เร็วกว่าเดิม ถนนหนทางในหน้าหนาวเวลาแค่ไม่ถึงหกโมงเย็นก็ดูเหมือนจะร้างจากการสัญจรของ ผู้คนแล้ว ลมหนาวพัดตีเกลียวฝุ่นตลบอบอวลขึ้นทั้งหน้าและหลัง อากาศก็หนาวเย็นแม้จะใส่เสื้อกันหนาวมาทั้งสองคน กระนั้นน้ำก็ยังไม่วายเบียดกายเข้าหาคนปั่นจักรยานจนตัวติดกัน

"กลัวเหรอน้ำ"

บอทถามออกมา ไม่ได้เอี้ยวหน้ามามองเหมือนเดิม เพราะเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น น้ำไม่ได้ตอบคำถามเพราะร่มไม้ครึ้มดำทะมึนเบื้องหน้าที่ทำให้เด็กทั้งสองคน หวาดกลัว ต้นตะแบกต้นใหญ่ที่ยืนต้นตระหง่านอยู่ริมทางไม่ไกลนี้ขึ้นชื่อลือชากันว่าผี ดุ ทั้งที่ไม่เคยเห็น แต่เสียงเล่าลือก็หนาหู ลือจนกลัวตามๆกันไป ถ้าหากใครคนหนึ่งเจอมากับตัวแล้วไปบอกต่อ เรื่องราวมันแพร่กระจายข้ามหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้สื่อชนิด อื่น มีเรื่องเล่าว่ามีหนุ่มคนหนึ่งปั่นจักรยานไปจีบสาวที่หมู่บ้านข้างๆ ขาไปไม่มีอะไรแต่ขากลับพอปั่นมาถึงใต้ร่มตะแบกรู้สึกหนักเหมือนมีคนมาดึง ท้ายรถจักรยานเอาไว้ หันไปมองก็ไม่มีอะไรแต่พอออกแรงถีบจัรยานไปอีกก็ยังหนัก คราวนี้ได้ยินเป็นเสียงเหมือนคนเอากิ่งไม้มาผูกไว้กับท้ายรถจักรยานลากพื้น อยู่ดังแกรกๆ ชายหนุ่มเริ่มรู้ตัวว่าตนเองได้เจอดีเข้าแล้วไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่เหลือบตาไปมองที่ข้างๆรถ ใจหล่นหายไปหมดเรี่ยวแรง เพราะสิ่งที่เขาได้ยินลากดินลูกรังบนถนนมามันคือเส้นผมของหญิงสาวที่ยาวดกดำ แผ่กระจายเต็มพื้นถนน นั่นคือเรื่องเล่าขาน สำหรับชายคนนั้นเห็นเรื่องเล่ายังเล่าต่อไปอีกว่าเขาได้ไปบวชในวัดป่า เพราะพอตื่นขึ้นมาผมได้ละทิ้งศีรษะเขาหมดหัวเลย บวชโดยไม่ต้องปลงผมนั่นเอง

"เวลาไม่พบเจอ จะเพ้อไม่สดใส ยังไงก็ต้องไปให้เห็นหน้าบ้านเธอ เธอเองจะคิดมีใจตรงกันหรือเปล่า อย่าให้เป็นเราที่คิดไปเองฝ่ายเดียว"

อยู่ดีๆบอทก็แหกปากร้องเพลงออกมา น้ำสะดุ้งในตอนแรก แต่ก็ทำตามโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่คุยกันแต่ช่วยกันแหกปากร้องเพลงออกมาเสียงดังแข่งกับเสียงลมที่ตียอด ตะแบกอื้ออึงอยู่ เงาของต้นตะแบกในเวลาค่ำคืนมันดำมืดน่ากลัว ไม่น่าจะแปลกใจที่ใครๆต่างก็ไม่กล้าผ่านต้นไม้ต้นนี้ในยามวิกาล เพราะแม้ตอนกลางวันเวลาผ่านมาด้วยใบที่หนาใหญ่ไม่มีแสงแดดลอดผ่านใบมันลงมา ได้เลย อีกทั้งตรงโคนของต้นตะแบกจะมีรอยเจาะรูตรงกลางเผาเอายางของมันไปทำเป็นขี้ ไต้เพื่อจุดไฟ รอยไหม้ดำเก่าน่ากลัวอยู่กลางลำต้นรอยดำนั้นยิ่งเพิ่มความน่าสะพรึงกลัวให้ กับต้นตะแบกในตำนานอีกเป็นเท่าตัว

"โว้ย หนาวโว้ย"

บอทแหกปากร้องออกมา

"เออ หนาวโว้ย"

น้ำเองก็เอาบ้างมือกอดเอวบอทแน่นจากปกติเวลาซ้อนท้ายจักรยานจะมองไปตาม ข้างทางดูอะไรเพลิดเพลินตา แต่ตอนนี้จ้องมองแผ่นหลังของเพื่อนรักตาไม่ยอมวอกแวกไปไหน ส่วนบอทเองก็เร่งฝีเท้าอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยจากที่หนาวๆอยู่กลับเป็นร้อน ขึ้นมา เหงื่อเริ่มซึมออกตามดวงหน้าทั้งที่อากาศรอบกายหนาวเหน็บ

"ห่าเอ้ย เหนื่อยแทบตาย"

บอทบ่นออกมาพอไปถึงหัวนายายสา หอบแฮ่กๆ น้ำเองก็เดินมาจับมือเอาไว้

"กลัวเหรอน้ำ ฮ่าๆๆ หน้าซีดเชียว"

"แหมบอทเองก็เถอะ รีบไปเอาดีกว่าจะได้รีบกลับ"

น้ำเร่งทันทีเพราะยังกลัวอยู่ บอทเอาไฟส่องหาเถาย่านางพอเห็นก็รีบดึงเอาได้พอสมควรก็เดินต่อไปยังสวนของ น้ำที่อยู่ไม่ไกลจากหัวนายายสาเพื่อเอาลูกน้ำเต้าอ่อน ขากลับก็ทำเหมือนเดิมคือแหกปากร้องเพลงเสียงดัง ไม่รู้ว่าเสียงที่เปล่งออกมามันช่วยอะไรได้บ้าง แต่รู้ว่ามันทำให้เรารู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว เวลาไปไหนมาไหนที่เปลี่ยวๆมักจะใช้วิธีนี้ ได้ผลนะแม้ใจจะยังกลัวอยู่แต่ก็ยังรู้สึกอุ่นใจกว่าเดินดุ่มๆไม่สีเสียงอัน ใด พอปั่นจักรยานจะผ่านใต้ร่มตะแบก

"แคว่ก ตุ๊บ"

"เชี่ย เฮ้ย"

ยังไปไม่ทันพ้นเงาของต้นตะแบกเสียงเหมือนกิ่งไม้ขนาดใหญ่หล่นลงจากปลาย ของต้นตะแบกกระแทกพื้นเสียงดัง แต่ไม่มีแม้เงาของกิ่งไม้นั้นบนถนน  หัวใจของเด็กทั้งสองกระเจิดกระเจิงไป จักรยานเสียหลักเพราะเกร็งตัวแต่ไม่ถึงกับล้ม ทั้งน้ำและบอทสบถออกมาเสียงดัง รู้สึกว่าทุกรูขุมขนในร่างกายมันชี้ชันขึ้นพร้อมกัน

"เฮ้ย จะเอายังไงวะ กูไม่กลัวมึงหรอก ผีก็อยู่ส่วนผี อย่ามายุ่งกับคน"

บอทแหกปากออกมาเสียงดังหน้าตาตื่นขนตามตัวชี้ชันจนรู้สึกเจ็บ

"กูมีไม้นะมึง เข้ามาเลยกูจะฟาดให้หัวแตกเลย"

น้ำเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า ในใจกลัวจนหัวใจบีบหดเล็กลงแต่ปากยังดีอยู่ ไม่มีแม้แต่เสียงลม มันเงียบอย่างประหลาด เงียบจนขนลุกไม่ยอมลง เสียงที่ว่ามันมาจากไหน หันไปมองมีเพียงความว่างเปล่า ลมก็นิ่งเหลือเกินทั้งที่ก่อนหน้านี้กระพือกัดเอาเป็นเอาตาย

"อยากได้บุญเดี๋ยวกูทำไปให้ แต่จะมาหลอกกันแบบนี้เดี๋ยวกูแช่งไม่ให้ไปเกิดเลยนี่"

ตะเบ็งเสียงออกไปคอขึ้นเอ็น น้ำสะกิดบอกบอทให้รีบกลับเพราะเห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้ว พอกลับถึงบ้านก็เล่าให้แม่ทั้งสองฟัง

"มันเฮี้ยนจริงๆ รีบไปอาบน้ำลูก เดี๋ยวให้พ่อถาเอาพระมาให้ใส่นอน"

"นี่ขนาดไปกันสองคนนะมันยังไม่วาย อีปากแดงนี่มันชักจะขึ้นหน้าไปทุกวัน อย่าให้กูไปจัดการนะมึง"

แม่นิ่มพูดออกมาสายตาโกรธแค้นแทนเด็กสองคนที่ตัวสั่นนั่งอยู่ข้างๆกัน แม่นิ่มนั่นก็ขึ้นชื่อเรื่องใจนักเลงเพราะถ้าไม่อย่างนั้นคงเลี้ยงลูกชายให้ เติบใหญ่มาขนาดนี้ไม่ได้ แม่บุญช่วยเคยเล่าให้ฟังว่าเคยไปหาเห็ดกับแม่นิ่มสองคนที่หัวดง อยู่ๆก็มีลมพัดยอดไม้ เหมือนมีลิงค่างตัวใหญ่กระโดดจากยอดไม้ต้นนั้นไปต้นนี้ พอมองขึ้นไปก็ไม่มีอะไร แม่นิ่มร้องด่าเสียหาย ไม่พอยังคว้าเอากิ่งไม้ปาใส่อีก น่าขันที่เสียงนั้นเงียบลงแถมยังได้เห็ดกลับเต็มกระบุง

"น้ำ เราอาบด้วยนะ กลัว"

บอทเองพูดออกมาหน้าตาไม่ได้บอกเลยว่ากลัว แต้น้ำเองยังกลัวอยู่มากได้แต่พยักหน้า บอทนั้นเป็นคนดวงแข็งเพราะเกิดวันอังคาร เรื่องกลัวนั้นมีแต่ไม่มาก แต่น้ำเองเกิดวันศุกร์นับว่าขัวญอ่อนกว่าบอทมาก เรื่องกลัวมาก่อนบอทแต่ทำเป็นปากดีไม่ยอมรับง่ายๆ

"น่ากลัวว่ะน้ำเกิดมายังไม่เคยเจอผีหลอก ดีนะที่ไปกะน้ำ ไม่งั้นหัวโกร๋นแน่ๆ"

บอททำท่าสั่นส่ายหน้า น้ำเองก็คิดหวนไปถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา เคยได้ยินแต่คนเล่าเรื่องผีแต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอกับตัวเอง แม้จะไม่เห็นกันจะจะแต่ก็นับว่าสร้างความหวาดผวาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

"รีบอาบน้ำเถอะบอท เดี๋ยวไปเอาพระมาแขวนนอน"

"อืม"

"เอ๊ะ บอทจะมากอดทำไมล่ะรีบอาบสิ"

ปากเออออไปกับน้ำแต่ตัวเบียดเข้าหาแล้ว น้ำเองขืนตัวออกบอทไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

"ก็เรากลัวนี่น้ำ กอดให้หายกลัวหน่อยดิ"

"บ้าเหรอ ยิ่งหนาวๆอยู่รีบอาบสิจะได้ไปนอนกอดให้สมใจ"

"อิอิ งั้นคืนนี้ให้ผัวทำอีกน้า"

ทำเป็นเล่นไปเสียทุกเรื่อง น้ำได้แต่ค้อนวงใหญ่ไม่พูดอะไรออกมาอีก พออาบน้ำเสร็จก็มานั่งที่แคร่บ้านน้ำ พ่อถาวรก็เรียกให้ขึ้นไปบนบ้าน นั่งพับเพียบลงใต้หิ้งพระ เด็กทั้งสองก็ทำตาม พ่อถาวรหลับตาพนมมือสวดอะไรขมุบขมิบอยู่

"เอาไปคนละองค์ ไม่มีอะไรหรอกลูก มันคงรำคาญที่เราไปร้องเพลงเสียงดัง"

พ่อถาวรเองก็พูดติดตลกยื่นพระเครื่ององค์เล็กๆพร้อมสายห้อยให้เด็กทั้งสอง

"โหพ่อ ถ้าไม่ร้องเพลงมันยิ่งน่ากลัวดิ"

"คราวหลังน่ะ ถ้าเจอให้ท่องนะโม แผ่เมตตาให้เขา เขาก็จะไม่มาวุ่นวาย"

"โอย คิดไม่ทันหรอกพ่อถา เวลานั้นเยี่ยวไม่แตกก็บุญหัวแล้ว"

บอทพูดออกมาทำหน้าทะเล้นพ่อถาวรหัวเราะชอบใจ พอเสร็จก็พากันลงมากินข้าว แม่บุญช่วยแกงหน่อไม้ไผ่ตงใส่ลูกน้ำเต้าอ่อน กลิ่นย่านางหอมฉุยลอยมาเตะจมูก ส่วนแม่นิ่มก็เอาหมกปลาดุกมาเสริม อันหมกปลาดุกนานั้นกลิ่นหอมด้วยเครื่องเทศไม่มันเยิ้มเหมือนปลาดุกเลี้ยง วิธีทำก็จะเอาปลาดุกมาหั่นเป็นแว่นไม่บางมากหนามาก โขลกเครื่องแกงได้แก่หัวหอม กระเทียม ตะไคร้ใบมะกรูดพริกแห้งผิวมะกรูด ตำให้พอหยาบๆแล้วเอาไปคลุกรวมกันกับเนื้อปลาดุกปรุงรสแล้วห่อด้วยใบตองเอาไป นึ่งจนเนื้อปลายุ่ยไม่เหนียวก็เป็นอันใช้ได้

"บ๊ะ อีปากแดงนี่มันเอาใหญ่แล้วนะ ไปสองคนยังไม่วาย เดี๋ยวต้องให้หลวงพ่อไปจัดการหน่อยแล้ว"

พ่อถาวรเอ่ยขึ้นกลางวงข้าว หินเองก็เอาพระเครื่องมาแขวนคอเหมือนกัน เพราะรู้ว่าน้ำจะไม่มานอนที่บ้าน คืนนี้ต้องไปเบียดแม่บุญช่วยกับพ่อถาวรแน่

"เรื่องทางโลกนะพ่อ อย่าไปให้หลวงพ่อท่ามายุ่งเลย พรุ่งนี้จะใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้มันก็น่าจะพอ"

แม่บุญช่วยแย้ง

"ไม่ได้นะแม่บุญ หลวงพ่อไม่ไป ชั้นนี่ล่ะจะไปเอง คอยดูซิจะไปถลกผ้าถุงใส่มัน ทีนี้มันยังจะกล้าดีอีกไหมอีปากแดง"

"โหแม่ อย่าเลยไม่ใช่แต่อีปากแดงหรอกที่จะกลัว เจ้าที่เจ้าทางแถวนั้นคงหนีกันหมด"

บอทเอ่ยขึ้นคราวนี้เสียงหัวเราะดังครืนขึ้น พ่อถาวรเองหัวเราะชอบใจ ความสุขของชีวิตชนบทไม่ต้องวิเศษอะไรมากมาย ได้นั่งกินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน อากาศหนาวก็โอบกอดซึ่งกันและกัน ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าอะไรมากมาย แค่หล่อเลี้ยงชีวิตให้มีความสุข เติมเต็มให้กันไปในทุกวันเท่านี้เองที่ชีวิตมนุษย์เราต้องการ บางบ้านใหญ่โตเพรียบพร้อมทุกสิ่ง แต่แค่เวลากินข้าวเย็นมีเพียงลูกนั่งกินกันตามลำพัง แต่กระนั้นเขาเองก็อาจจะเป็นสุขก็ได้เพราะมาตรฐานความสุขของคนเราไม่เหมือน กัน พอกินข้าวเสร็จพ่อถาวรก็ให้เด็กทั้งสามคนหาฟืนมาก่อที่ลานหน้าบ้าน หามแคร่ออกไปวางใกล้ๆ หินเองไปหอบผ้าห่มผืนเล็กลงมานั่งผิงไฟกันอยู่ อีตูบไอ้ด่างก็มานอนคลอเคลียอยู่ใกล้ๆไม่ยอมห่าง คุยกัน จี่ข้าวกินอย่างมีความสุขก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน

"กลัวอยู่เหรอน้ำ"

บอทกระซิบถามขึ้นกระชับอ้อมแขนกอดร่างของน้ำ

"อืม คิดอ่ะ"

"หันหน้ามาดิ"

น้ำหันหน้ามาตามคำของบอท พอหน้ามาประชิดกันบอทก็ยิ้มออกมา น้ำเองเอาหน้าซุกไปตรงบ่าของบอท

"ไม่ต้องกลัวนะน้ำ เราอยู่นี่น้ำไม่ต้องกลัว"

"อือ แล้วบอทไม่กลัวเหรอ"

"ฮื่อ ไม่กลัวหรอก รู้ไหมถ้าเราไปไหนกับน้ำเราไม่เคยกลัวอะไรเลย"

วาบหวามเข้าไปในใจ น้ำเม้มปากตื้นตันใจโอบร่างของบอทแน่นเช่นกัน หน้าอกชนหน้าอก ร่างสองร่างก่ายกอดกันใต้ผ้าห่มอุ่นสองผื้นทับซ้อนกัน ไออุ่นของร่างกายถ่ายเทความอุ่นจากทรวงอกให้กันและกัน สุขใจ อิ่มเอิบใจ

"คืนนี้เราทำอีกไหมน้ำ"

"ไม่เอาอ่ะ นอนกอดเฉยๆได้ไหม เอาทุกวันมันจะหลวมนะบอท"

"ฮ่าๆๆ กลัวด้วยเหรอ หลวมก็รักนะน้ำ"

"บ้า นอนๆ หมกหมุ่นนะบอท"

กระซิบคุยกันเสียงเบาเพราะกลัวว่าแม่นิ่มจะตื่น เสียงลมยังพัดอื้ออึงอยู่ ความหนาวเย็นแผ่เข้าปกคลุมทุกพื้นที่ เสียงหวีดหวิวที่ดังมาทุกขณะยิ่งทำให้ขวัญผวาไปได้ไม่น้อย เสียงกิ่งมะม่วงอกร่องข้างบ้านเสียดสีกับฝาบ้านเหมือนมีคนเอาเล็บมากรีด แม้จะมีพระที่ห้อยแขวนคออยู่แต่ก็ยังเบียดกายเข้าหา ใจหนึ่งกลัวอีกใจช่างอบอุ่นแสนสุข เสียงระบายลมหายใจของเพื่อนที่รักเริ่มที่จะสม่ำเสมอ ริมฝีปากที่จ่อติดกับหน้าผากก็ยังอยู่อย่างนั้น

"น้ำรักบอทนะ รักเหลือเกิน"

ครางออกมาแทบไม่ได้ยินเสียง ยื่นริมฝีปากออกไปจูบตรงหน้าอกของบอท หลับตาลงด้วยความสุขที่ฉาบเคลือบไปทั้งดวงใจ

พอไปโรงเรียนเพื่อนๆทั้งห้องก็พากันรุมเข้ามาถามใหญ่ ไม่รู้ว่ารู้เรื่องกันได้อย่างไร น้ำกับบอทก็เล่าอย่างที่เห็น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังหนาหูอยู่เป็นวัน แต่ทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่ได้กลัวแล้ว เวลาไปไหนมาไหนก็คอยติดสอยห้อยตามกันไปตลอดเวลา แทบจะไม่มีนาทีไหนที่จะแยกห่างกันเลย นอนก็นอนด้วยกัน เดินไปโรงเรียนด้วยกัน นั่งเรียนข้างกัน กินข้าวเที่ยงด้วยกัน ยกเว้นแต่เวลาที่บอทเล่นตะกร้อ น้ำจะแยกไปเล่นบาสหรือไม่ก็เปตองกับเล็กและเพื่อนๆอีกกลุ่ม เวลากลับบ้านก็เดินกลับด้วยกัน ทำงานบ้านช่วยกัน ไปนา ไปสวนด้วยกัน บางวันอาบน้ำด้วยกัน กิจวัตรมันเป็นอยู่อย่างนี้ ท่านเอยแล้วหัวใจใครมันจะหักห้ามไม่ให้รักไหว บอทเองก็รักน้ำสารภาพออกมาแล้ว น้ำเองก็รักบอทหมดใจพูดออกไปแล้ว วันข้างหน้าไม่มีใครมองเห็น เราดูไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าวันนี้ตอนนี้รักคนตรงหน้านี้หมดใจ แล้วใยเราจะไปคิดพะวงกับวันที่เรามองยังไม่แจ้ง จงกอบเอาโกยเอาความสุขนี้สั่งสมไว้ในใจหล่อเลี้ยงให้มันชื่นบานให้ยาวนานที่ สุดเท่าที่เราจะทำได้ไม่ดีกว่าหรือ

พอข้าวออกรวงแล้วระยะเวลาไม่นานจากรวงข้าวสีเขียวกลับกลายเป็นสีเหลือง ทองทั่วทั้งท้องทุ่ง เวลาไปนาหาปลาในตอนเย็นแสงสุริยายามเย็นสาดแสงทองส้มฉายทาบท้องทุ่งงามจับ จิตร รวงข้าวสีทองที่พอต้องแสงส่องประกาบระยับเหมือนเป็นทุ่งแห่งทอง ทุ่งนาที่โปรยปรายไปด้วยทองคำนั่นแล ตอนนี้บอทจะเอาตาข่ายไปดักปลาในห้วย คนในพื้นที่เรียกตาข่ายดักปลานี้ว่า มอง ขึงกั้นทางไหลของน้ำเอาไว้จะไปดูตาข่ายก็ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนกับตอนเย็น เท่านั้น เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัว ชาวบ้านก็เตรียมตัวกันลงเกี่ยวข้าวกันทุกครัวเรือน บ้านไหนมีลูกชายก็จะเริ่มเหลาไม้ทำเป็นว่าว มีทั้งว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา น้ำกับบอทเองไม่ได้สนใจทำแล้วเพราะหน้าที่การงานที่รัดตัว แต่หินเองอ้อนวอนให้พ่อถาวรทำให้จนได้ เพลากลางคืนเวลาว่าวจุฬาขึ้นอยู่เหนือท้องฟ้า ลมพัดเสียงดัง อื้ออืดๆอยู่ ดังไกลไปหลายกิโลเมตร อันเสียงของว่าวที่จะดังดีไม่ดีนี้ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ทำว่าวด้วย พ่อถาวรเหลาไม้ไผ่อย่างดี เอากระกาษถุงใส่ปูนซีเมนต์มาทำเป็นตัวว่าวเพราะทนลมกว่ากระดาษปกติ เอาครั่งมาลนไฟโอบไว้ที่ใบลานเล็กๆหรือแผ่นของไม้ที่เหลาอย่างบางที่สุดเพื่อ ทำให้เกิดเสียงอยู่ตรงกลางลำของว่าว เสียงว่าวของหินเองดังไม่น้อยหน้าใคร

"จะลงเกี่ยวข้าวแล้ว ขี้เกียจเนอะน้ำ"

บอทบ่นขึ้นมาหลังจากขึ้นจากน้ำกู้มองดักปลา

"ก็บอทนาเยอะนี่ ดีเสียอีกเวลาขายข้าวจะได้มีเงินเยอะๆ"

"ก็จริงอยู่หรอก แต่ตอนทำนี่ทำไมมันขี้เกียจจังวะ"

"ก็คิดถึงตอนขายข้าวดิ จะได้ไม่ขี้เกียจ"

"ฮ่าๆ ให้คิดถึงเงินว่างั้น"

"หรือไม่จริงล่ะ มันต้องมีแรงจูงใจดิ"

"ไม่หรอกน้ำ เงินไม่สำคัญหรอก แต่แรงจูงใจของเราก็เราจะได้นอนนาด้วยกันไง แรงจูงใจของเราคือน้ำ เราจะได้นอนกอดน้ำไม่ต้องกลัวแม่ระแวงไง"

หัวใจละลายสั่นไหวไปใบหน้าระบายสีแดงระเรื่อขึ้นมา ไม่มีวันไหนที่หัวใจจะเต้นเป็นปกติ ยิ่งรักยิ่งใกล้หัวใจยิ่งอ่อนระทวย ไม่รู้ว่าคำที่เอ่ยมันเป็นเพียงลมปากหรืออย่างไร แต่หัวใจดวงนี้มันอ่อนยอมให้หมดแล้ว สำหรับบอทเองคิดอย่างนั้นจริงๆ เขาเองก็ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน เกิดมามีน้ำอยู่เคียงข้างกายตลอดเวลาจนถึงเดี๋ยวนี้ จะให้ปันใจไปรักใครอื่นคงไม่มี ไม่เคยแล

สำหรับฤดูเก็บเกี่ยวนั้นตอนเกี่ยวข้าวไม่จำเป็นต้องไปนอนนา นอนนาในความหมายของบอทคือช่วงที่เก็บเกี่ยวเสร็จจะมีการตากข้าวให้แห้งก่อน แล้วเอาไปรวมกันที่ลานเพื่อทำการตีข้าวเอาแต่เมล็ด สำหรับนาของบอทเนื่องจากมีถึงสามนาจึงใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวค่อนข้าง นานกว่าครอบครัวอื่น อีกทั้งหัวเรือใหญ่ไม่มี อาศัยแต่แรงของแม่นิ่มคนเดียว มีเพื่อนบ้านไปช่วยบ้างแต่ก็ไม่ได้ช่วยทุกวัน สำหรับนาของน้ำพ่อถาจ้างคนเกี่ยวเสร็จภายในไม่เกินสองวัน ขนขึ้นมาตากที่นาติดบ้านตีก็ตีไม่เกินสามวัน อาศัยแรงของน้ำกับบอทนั่นเอง พอเสร็จจากนาของตัวเองก็ไปช่วยแม่นิ่ม แต่ก็ไม่ได้ไปช่วยทุกวันเพราะต้องทำงานประจำ แต่เนื่องด้วยชุมชนแห่งนี้พยาบาลไม่จำเป็นต้องประจำที่สถานีอนามัยตลอดเวลา ถ้าถึงฤดูทำนาชาวบ้านจะรู้ว่าต้องตามแม่บุญช่วยได้ที่ไหนถ้าเกิดมีใครเจ็บ ป่วยขึ้นมา เพราะฉะนั้นแม่บุญช่วยจึงไปขลุกอยู่แต่กับแม่นิ่มที่นา

น้ำกับบอทเองสายสัมพันธ์ที่สานถักทอมัดตรึงตราแน่นหนา ความรู้สึกของทั้งสองคนเป็นไปในทางเดียวกัน รู้แล้วว่ารักรักจากใจ หยิบยื่นความรักความผูกพันมอบให้กันอยู่ตลอดเวลา แม้ต่อหน้าผู้คนจะยังทำตัวปกติเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรกันมากมายนัก ยังคงเป็นเพื่อนรักกันอย่างที่ทุกคนเคยเห็น มีคนรู้อยู่แต่เล็กเพื่อนสนิทอีกคนที่เฝ้ามองดูความผูกพันของคนทั้งสองอยู่ ไม่ห่าง มันไปไกลเกินกว่าเพื่อนแล้วทั้งสองคนรู้ดี ความรักที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นด้วยความผูกพันแน่นหนา ถ้ามันจะแปรเปลี่ยนไป ตอนนี้ยังมองไม่เห็นสิ่งที่จะมาทำให้รักจากใจสองดวงที่เกี่ยวเกาะกันนี้ออก จากกันเลย ยังไม่มีเลย

วิสัชนา หัวใจคนเราปกติเต้นโดยเฉลี่ยประมาณ ๗๒ ครั้งต่อนาที


เขียนโดย eiky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:44:46 โดย eiky »

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด